กลิ่นตองหอมรัก
น้ำไท ใช้ชีวิตสงบๆ มาตลอดยี่สิบแปดปี
จู่ๆ ยายก็ขุดเรื่องเก่าก่อนในเหตุการณ์ที่ตาเสียมารื้อฟื้น
เขาไม่เคยลืม และก็ยังต้องการเห็นน้ำหน้าของเด็กหญิงที่คงจะโตขึ้นมาแล้วอีกครั้ง!

นภิสาช่างเป็นผู้หญิงที่นิสัยเสีย หยิ่ง เชิด ไม่เห็นหัวใคร ที่สำคัญสุดคือ เจ้าหล่อนฉลาดมาก!
เขาพยายามที่จะสั่งสอน และลบความเย่อหยิ่งที่เจ้าตัวสร้างมา
แต่ดูท่าสุดท้ายก็เหมือนจะเข้าตัว คนร้ายๆ อย่างนั้น กลับมาสั่นหัวใจเขาเสียได้

นภิสาคิดอย่างไรนั้นคงต้องไปถามอับดุลเอ้ยอย่างเดียว

Tags: น้ำไท หอมเล็ก นภิสา จอมฟ้า

ตอน: บทที่ 4 : แผนร้ายเข้าตัว

นภิสาออกมาจากห้องน้ำในชุดนอนเรียบง่ายอย่างเสื้อยืดคอกลมตัวโตกว่าเธอ และกางเกงผ้ายืดยาวเท่าเข่าสีพื้น เธอคิดว่าในวันพรุ่งนี้เธอคงจะทนใส่ชุดพวกนี้ที่หอมทองบอกว่าเป็นชุดของเจ้าหล่อนต่อไปอีกไม่ไหว อย่างน้อยๆ เธอต้องขอตัดตรงโน้นตรงนี้ ดัดแปลงผ้าตลาดให้ดูมีมูลค่าเพิ่มขึ้นสักนิดก็ยังดีต่อสุขภาพจิตเธอมากกว่า

ดวงตาสีเปลือกไม้กวาดมองความเงียบของชั้นบนที่ปราศจากคนแล้วได้แต่ถอนหายใจ เธอถวิลหาขวดครีมบำรุงผิวที่เฝ้าอุตส่าห์ขนมาแต่จำต้องพรากกันอย่างไม่รู้ว่าอีกนานเท่าไหร่จึงจะได้พบกันอีกครั้ง มือบางลูบแตะผิวนุ่มเนียนลื่นของตัวเองที่ต้องพบเจอสบู่ก้อนในห้องน้ำอย่างจืดเจื่อน เธอพยายามเตือนว่าต้องปรับตัว แต่ความเคยชินตลอดชีวิตที่ผ่านมาก็ทำให้เธอลืมสิ่งที่ตัวเองเคยอยู่เคยใช้ไม่ได้

“กว่าจะออกมาได้นะแม่คุณ ผมรอจนจะหลับไปเฝ้าพระอินทร์”

เสียงประตูไม้ห้องที่อยู่ไม่ไกลจากห้องน้ำเปิดออกมาพร้อมร่างที่ด้านบนเปลือยเปล่า อวดกล้าม และผิวสีแทน ในขณะที่เบื้องล่างใช้ผ้าขาวม้าพันกาย ยืนเท้าสะเอวทำหน้าตาไม่สบอารมณ์ใส่นภิสาที่ยืนมองตาค้าง เพราะเกิดมาไม่เคยพบเคยเจอผู้ชายเดินโทงๆ อย่างนี้มาก่อน ขนาดพ่อหรือพี่ชายก็ยังมีห้องน้ำส่วนตัว และบ้านเธอก็นิยมส่วนชุดคลุมให้เรียบร้อย ไม่เหมือน...

“ไม่ต้องใช้สายตาน่ารังเกียจมองมาก็ได้ ไม่เคยเห็นเนื้อหนังมังสาของผู้ชายหุ่นดีใกล้ๆ หรือไง” น้ำไทยืดไหล่ อกผาย ตบอกตัวเองป้าบๆ “ซบได้นะ ฟรี จะแถมฟัดให้ด้วยเลย”

“โรคจิต น่ารังเกียจ ทุเรศ หน้าตาห่วย นิสัยยังหื่นอีก ต่ำ!” นภิสาเหยียดมุมปากอย่างไม่ชอบใจ เธอรู้สึกว่าการมาพักผ่อนในคราวนี้อาจจะลำบาก ไม่สบาย แต่ก็ยังดีกว่ามีมลพิษตัวโตที่ชื่อน้ำไทมาก่อกวนเธออย่างสม่ำเสมอทุกวัน ซึ่งอย่างหลังเธอหาวิธีกำจัดออกจากวงโคจรไม่ได้

น้ำไทยืนอึ้ง อ้าปากค้าง แล้วก็หุบอย่างไม่รู้จะตอบโต้กระบวนคำด่าที่กดหัวเขาจมดินอย่างไร พอเห็นนภิสาใช้สายตามองเขาอย่างกับเป็นอะมีบาตามหนองน้ำเน่าน้ำไทก็เกิดอาการตัวชา หน้ามืด อยากจะขย้ำคอขาวๆ ตามที่เคยได้ดูตามหนังแวมไพร์

“อยู่บ้านเขายังด่าเขาอีกนะ”

นภิสาหัวเราะหยัน มองกราดสภาพเจ้าของบ้านอีกครั้งอย่างเร็วๆ อย่างไรเธอก็ยังรู้สึกอับอายลูกกะตา “ไม่ด่าสิแปลก”

“แต่คุณสภาพ ‘บ้านๆ’ อย่างนี้ก็ดูเป็นคนดีนะ คอดูหดสั้นยืดไม่ขึ้นดี” น้ำไทเอาคืนด้วยการใช้นิ้วชี้ขึ้นลง และเริ่มหัวเราะขัน คำว่าบ้านๆ ถูกเน้นย้ำกระแทกใจนภิสา

คนถูกว่าข่มใจไว้อย่างใจเย็น มีเพียงดวงตาวิบวับที่บอกให้รู้ว่าเธอไม่ยอมจบง่ายๆ แน่

“อ้อ คุณหงส์ฟ้า” น้ำไทเอ่ยล้อ เมื่อเห็นว่านภิสากำลังจะหมุนตัวกลับ ชายหนุ่มก็เกิดความคิดบางอย่างแวบมา “อยากได้เครื่องประทินผิวไหม ผมรู้ว่าคุณต้องการ”

ข้อเสนอนั้นน่าสนใจ นภิสาลังเล แต่ก็ยังไม่อยากแสดงออกมากให้เขารู้ว่าเธอพร้อมกระโจนลงไปในข้อเสนอนี้

“เกิดจะมาเห็นใจอะไรฉัน”

“ก็...สงสาร จะเอาไหม บอกผมว่าของพวกนั้นอยู่ในกระเป๋าใบไหน เดี๋ยวผมหยิบให้”

“ถ้าฉันหยิบเองไม่ได้ ฉันก็ไม่ต้องการ” นภิสาเค้นเสียงลอดไรฟันทันควัน เธอยังรู้สึกอับอายเมื่อนึกภาพที่น้ำไทค้นกระเป๋าเสื้อผ้าของเธอ

“ตกลง แต่ถ้าผมเห็นตัวคุณซุกของไว้นอกจากเครื่องประทินผิว ผมจะจับตรงนั้น ขย้ำตรงนี้เลย” น้ำไทยกมือทำท่าว่าจะขย้ำหญิงสาวได้อย่างหน้าตาเฉย นภิสาโกรธจนควันออกหู อยากต่อยปากผู้ชายตรงหน้าให้เลือดกบปาก แต่ขอให้เธอได้ของที่ต้องการก่อนเถอะ ค่อยซัดปากเน่าๆ ก็ยังไม่สาย

“ฉันจะเอาแค่ครีมบำรุงผิว ครีมอาบน้ำ แปรงสีฟันยาสีฟันที่คุณหอมทองเตรียมมาให้ ฉันใช้ได้ไม่มีปัญหา แต่สบู่ที่...” นภิสาหยุดคำพูดอย่างสยดสยอง เธอพอจะนึกออกว่านอกจากห้องน้ำบนชั้นสองที่น้ำไทบอกให้เธอใช้แล้วนั้น ยังมีเขาใช้ร่วมด้วย

“สบู่ที่ขัดขี้ไคลผมมันทำไม รังเกียจ?”

“ส่องกระจกดูตัวเองสิว่าคุณมีอะไรที่ไม่น่ารังเกียจ”

“อ้อ ดี ผมอยากเห็นคุณรังเกียจขี้ไคลผมไปตลอดชาติ แล้วถ้าคุณรังเกียจสบู่ คุณก็จะต้องเน่า เหม็น หมดสภาพจอมฟ้าจอมสวรรค์ของไอ้ปราณมัน” เห็นท่าทางเม้มปากแน่น และอาการของนภิสาที่ใกล้จะหมดความอดทนอยู่รอมร่อทำให้น้ำไทต้องยกมืออย่างยอมแพ้ “จะเอาของไหม เดี๋ยวผมพาไป”

นภิสาขมวดคิ้ว มองน้ำไทด้วยสายตาระแวงไม่อำพราง “คุณจะมาไม้ไหน”

“ตามใจ ไม่อยากได้ผมก็ไม่เสียเวลา”

“ฉันไม่กลัวคนอย่างคุณหรอก” นภิสาเชิดหน้าขึ้น “พาฉันไปด้วยค่ะ” ร่างสมส่วนก้าวนำน้ำไทลงไปชั้นล่าง เธอพอรู้ว่าห้องเก็บของที่สมบัติเธออยู่นั้นไม่ได้อยู่ชั้นบน

น้ำไทพยักหน้าหงึกหงัก เดินตามหลังไปเงียบๆ ทั้งที่อยากจะหัวเราะให้ลั่นบ้านให้กับความไม่รู้ของนภิสา ผู้หญิงอะไรกระโดดเข้ามาในแผนของเขาอย่างง่ายยิ่งกว่าปอกกล้วย

เมื่อลงมาถึงชั้นล่างนภิสาหยุดเพื่อให้น้ำไทเดินไปยังห้องเก็บของ หญิงสาวเดินตามน้ำไทมาเงียบๆ ทั้งที่ไม่มีความไว้ใจในตัวอีกฝ่ายเลย ถึงแม้น้ำไทจะแสดงออกถึงความโง่เง่าอยู่หลายครั้ง และเธอก็คิดว่ารับมือกับคนอย่างเขาได้ แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่ประมาทในชีวิต คนโง่ๆ บางครั้งก็ชอบทำอะไรที่เราคาดไม่ถึงเหมือนกัน

นภิสาปรามาสน้ำไทในใจ เมื่อน้ำไทเบี่ยงตัวออกจากบานประตูไม้ของห้องเก็บของเปิดทางให้เธอเห็นกองกระเป๋าสัมภาระของเธอวางกินพื้นที่บริเวณหนึ่ง แต่ก็ไม่เท่ากับกองของที่แพ็คใส่ลัง หรือของเก่าอีกหลายชนิดที่ระเกะระกะไปทั่ว แม้จะพยายามวางให้เป็นระเบียบ แต่ก็เหลือที่น้อยเต็มทีเพื่อให้นั่งค้นของ

“อยากจะเปลี่ยนใจไหม ให้ผมค้นให้ดีกว่าใช่ไหม”

น้ำเสียงเยาะเย้ยถากถางของน้ำไทคล้ายไฟที่จุดสุมในใจนภิสา หญิงสาวกัดฟันกรอด บังคับตัวเองไม่ให้หันไปตะบึงหมัดใส่หน้ากวนประสาท และก้าวเข้าไปในห้องเก็บของ มือคลำหาสวิตซ์ไฟที่น่าจะมีอยู่ตรงไหนสักที่ เพื่อจะได้เห็นของในห้องได้ชัดๆ ไม่ใช่แสงไฟสว่างที่ส่องมาจากห้องข้างนอก

“เดินเข้าไปตรงโน้นสิ สวิตซ์อยู่ตรงเสาโน่น” น้ำไทชี้นิ้วบอกอย่างคนใจดี และหน้าตาที่ไร้พิษสงของน้ำไทในเวลานี้ก็ทำให้คนมองหวาดระแวงอีกฝ่ายหนักขึ้น

“ฉันว่าฉันไม่อยากได้แล้ว”

“จะอะไรเล่าคุณ ของอยู่ตรงหน้าแล้ว นานๆ ผมจะใจดีกับพวกคุณหนูมือเปิบนะครับ”

“นั่นแหละที่ทำให้ฉันไม่อยากได้ของแล้ว นานๆ ทีคุณจะใจดี แต่ฉันว่าคุณไม่มีวันใจดีกับฉัน ฉันปักใจเชื่อ ทำให้ฉันไม่ใช้ชีวิตอย่างประมาท และตอนนี้คุณก็ต้องมีแผนอะไรสักอย่างในใจถึงได้ล่อให้ฉันมาที่นี่”

“คิดมากไม่เข้าเรื่อง” น้ำไทหัวเราะหึ มือกำลูกบิดแน่นขึ้นจนนภิสาสังเกตได้ ดวงตาจ้องวาววับอยากรู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกับเธอ

“ฉันคิดน้อยก็ตกเป็นเหยื่อคนอื่นเขาสิคะ เอาอย่างนี้ดีกว่าเพื่อไม่ให้เสียเที่ยว พวกเราเข้าไปด้วยกันดีกว่า ฉันเอาของ คุณไปเปิดสวิตซ์” นภิสากอดอกยื่นเสนอข้อต่อรองที่คิดว่าเธอสบายใจที่สุดให้

“ก็ได้ ไม่มีปัญหา” น้ำไทไหวไหล่ท่าทางสบาย นภิสารทนมองท่อนบนเปลือยเปล่าของผู้ชายตรงหน้าไม่ไหว อย่างน้อยๆ เธอก็ยังเป็นผู้หญิง เขาต่างหากหน้าไม่อาย

หากผู้ชายเบื้องหน้าคิดไม่ดีจริงล่ะก็ เธอที่อยู่ใกล้ประตูมากกว่าก็ย่อมออกมาทัน

นภิสาพยักหน้าเชิญให้เจ้าบ้านเข้าไปในห้องก่อน ส่วนตัวเธอเดินตามมาห่างๆ เปิดประตูไว้เพื่อให้พอเห็นของในห้องจะได้ไม่เดินเตะโน่นนี่ ร่างสมส่วนรอให้เจ้าบ้านเดินไปกลางห้องอย่างใจเย็น เธอจึงก้าวเข้ามาตาม และก่อนที่ใครจะคาดคิด ประตูไม้ก็ปิดดังปังเสียงลั่นให้ทั้งสองสะดุ้งโหยง นภิสาตกอยู่ในความมืดแทบจะทันที เธอหยุดนิ่งอยู่กับที่ มือคลำไปเบื้องหน้าพยายามใจเย็นที่สุด

“ทำไมคุณไม่ดูประตูให้ดีๆ นะ”

“ใครจะคิดว่าลมจะพัดเข้ามาในบ้านคะ” นภิสาออกปากปกป้องตัวเอง เธอก็ไม่รู้ว่าลานหลังบ้าน หรือจะหน้าต่างที่บ้านนี้ชอบเปิดป้ารับลมจะทำให้มีลมแรงเข้ามาถึงข้างในและปิดประตูใส่ หญิงสาวมองแสงไฟที่ลอดตรงประตูพยายามจะเดินไปแต่เพราะว่ามืดมากเกินไป ก่อนที่เธอจะเดินไปถึงประตู หัวแม่โป้งเท้าขวาของเธอก็เตะโดนล้อกระเป๋าสัมภาระของตัวเองจนร้องอุทานและนั่งแหมะลงตรงพื้นหมดท่า น้ำตาเล็ด เธอโกรธที่คนเดินไปเปิดไฟไม่ยอมเปิดมันเสียที

“เป็นอะไรคุณ เจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

“ช่างฉันเถอะ คุณช่วยเปิดไฟสักทีจะได้ไหม”

“ผม...โกหกคุณ” น้ำเสียงเบาหวิวดังออกมาอย่างอ่อนอ่อยสำนึกผิด “ห้องนี้มีไฟก็จริง แต่ตอนนี้ไฟเสียยังไม่ได้เปลี่ยน”

“ว่าไงนะ!”

“อีกอย่างประตูลูกบิดก็เพี้ยนอะไรไม่รู้ ต้องเปิดจากข้างนอกอย่างเดียว เปิดจากข้างในไม่ได้ ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ซ่อม”

นภิสาเพิ่งจะอ่านแผนการของน้ำไทออกอย่างแจ่มแจ้งในตอนนี้ หญิงสาวยกมือกุมนิ้วเท้าที่เจ็บด้วยความคับแค้นใจ เธอมองไม่เห็นอะไร แล้วยังต้องมาติดอยู่ที่มืดอย่างนี้...กับเขา!

“คุณเรียกให้คนมาเปิดประตูเดี๋ยวนี้ ก่อนที่จะขาดอากาศหายใจตาย”

“ผมจำได้ว่าอีกไม่ถึงสามชั่วโมงก็จะตีห้าแล้ว อย่าไปกวนคนอื่นเลยนะ ยายผมต้องตื่นมารอคุณ ขืนตะโกนเสียงดังยายตื่น พ่อแม่ผมตื่นอีก รบกวนผู้ใหญ่เปล่าๆ อีกสักพักเขาก็ต้องลงมาเตรียมของใส่บาตรกันอยู่แล้ว”

นภิสาหายใจเสียงดังด้วยความขุ่นเคือง น้ำไทออกปากว่าเกรงใจยาย พ่อแม่ แต่กับเธอ เขาถึงกับวางแผนมาขังเธอในห้องนี้ ห้องมืดไฟเสีย และเปิดจากข้างในไม่ได้ เขาช่างเป็นผู้ชายใจร้ายใจดำ เธอไม่เข้าใจว่าเขาจะจงใจเล่นงานเธอ และจงเกลียดอะไรเธอนัก

“ผมขอโทษ”

น้ำไทรู้สึกผิดก็ตอนที่ต้องมาประสบเหตุการณ์เดียวกันกับนภิสา เขาคิดสนุกอยากกลั่นแกล้งหญิงสาว แต่ไม่คิดว่าความมืด และความเงียบที่เขากำลังประสบอยู่นี้ที่จริงก็วังเวงไม่น้อย

ดวงตาสีเปลือกไม้จับจ้องที่มาของเสียงซึ่งอยู่ชิดผนัง และเคลื่อนไหวเชื่องช้าอย่างแค้นเคือง แต่เธอไม่อยู่ในอารมณ์มาแก้แค้น กลั่นแกล้งอย่างกับเด็กอีก เธออายุเกินเบญจเพสแล้ว ไม่ใช่เด็ก

มือบอบบางคลำไปรอบๆ จนพบกับกระเป๋าต้นเหตุ นภิสาดึงมาใกล้ตัวอย่างระวัง และเริ่มเปิดซิปหาของในความมืด ยังโชคดีที่ห้องนี้ไม่ได้ปิดมิดชิดรอบด้าน บนกำแพงยังมีช่องลม และหน้าต่างบานเล็กที่อยู่สูงจากพื้นราวสองเมตรกว่าพอให้เห็นแสงจันทร์ และลมเย็นอ่อนได้

“คุณอายุเท่าไหร่”

“ยี่สิบแปด” เสียงห้าวตอบกลับมา นภิสาหัวเราะหึ ส่ายหน้าให้กับจำนวนตัวเลขอายุของคนที่แก่กว่าเธอ

“คุณแกล้งฉันทำไม”

“คุณทำตัวน่าหมั่นไส้”

“ฉันไม่เคยตีหัวคุณ ทั้งที่หากฉันจะทำจริง ฉันก็มีเหตุผลอันสมควรเพราะคุณบุกเข้ามาในบ้านฉัน แต่ฉันก็ไม่ทำ ในขณะที่คุณขอให้ฉันมาที่นี่ ฉันก็พอจะยอมรับได้หากพยายามสอนให้ฉันปรับตัว เลิกติดแบรนด์ ติดหรู แต่ไม่ใช่มาแกล้งกันอย่างกับเด็กไม่มีหัวคิด ถ้าฉันไม่รู้ทันคุณ คุณก็จะปล่อยฉันทิ้งไว้ที่นี่คนเดียวใช่ไหม กลับไปฉันจะได้บอกว่าการต้อนรับคนของสวนตองหอมช่างน่ารังเกียจ”

“ผมยอมรับผิดทุกประการ แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับสวนตองหอม ผมทำคนเดียว” น้ำไทเริ่มคลำทางเดินกลับมาทางเดิมอีกครั้ง เขารู้สึกโง่ทุกครั้งที่ถูกนภิสาอ่านออก หญิงสาวไม่เคยแกล้งโง่ และพร้อมจะทำให้เขารู้ว่าเธอมองเขาโง่เง่าเพียงใด “เดี๋ยวผมกระแทกประตูให้คุณออกไปเดี๋ยวนี้เลย”

แรงกระตุกตรงข้อเท้าทำให้น้ำไทชักกลับ แล้วเกือบง้างเตะอย่างแรง ถ้ามืออุ่นจะไม่รั้งมือใหญ่ของเขา แล้วฉุดให้นั่งลงไม่ห่างกัน ชายหนุ่มเก็บเท้าเกือบไม่ทัน นึกสยองหากห้องนี่สว่างโร่ นภิสาคงได้โกรธที่เขาเผลอ...ง้างเท้า เขาไม่ใช่คนกลัวผี เขามันประเภทเจอผีก็ไล่เตะ ซึ่งส่วนใหญ่จะพบเจอหนูยักษ์ ไม่ก็สัตว์เล็กน้อยวิ่งตัดขาเขาประจำในเวลาที่เดินอยู่ในสวนกล้วยตอนกลางคืน

“ผมเกือบจะถึงประตูอยู่แล้ว...เฮ่ย!” ใบหน้าขาวภายใต้กระบอกไฟฉายที่สว่างขึ้นมาทำให้น้ำไทร้องเสียงหลง ลืมว่าตัวเองเคยบอกว่าใจกล้าเตะผีได้ทันที

“โชคดีที่กระเป๋าฉันมีไฟฉาย” นภิสาตบกระเป๋าที่ตัวเองสะดุดบอกหน้าตาย ก่อนจะส่งไฟฉายให้คนตัวโต “เอาไหม ฉันรู้สึกว่าคุณจะขวัญอ่อน”

“ผมจะไปเปิดประตู” น้ำไททำท่าจะลุก ไม่คิดแตะไฟฉายหลังรู้สึกเสียหน้าอย่างแรง

“ไม่ต้องหรอก กวนพวกผู้ใหญ่เขาเปล่าๆ ไว้รออีกหน่อยก็ได้ ฉันไม่ได้ลำบากอะไร เดี๋ยวฉันไปหยิบพัดลมเล็กที่ฉันพกมาด้วย ก็นอนได้สบาย”

น้ำไทตรึงสายตาไปที่ร่างสมส่วนด้วยความฉงนฉงาย เขาเห็นนภิสาเคลื่อนตัวไปยังกองกระเป๋า ใช้ไฟฉายเล็กของตัวเองส่องนำทาง เขาเคยคิดมาตลอดว่านภิสาจะต้องร้องไห้กลับบ้านตั้งแต่วันแรกที่มาถึงที่นี่ หรือไม่ก็ต้องแผลงฤทธิ์จนบ้านแตก แต่ตลอดเวลาที่เขาได้รู้จักนภิสาจริงๆ นั้น ทุกอย่างล้วนตรงกันข้าม!

ผู้หญิงที่ทั้งตัวต้องมีแบรนด์เนมกลับตัดสินใจสวมเสื้อผ้าเก่าของพี่สาวเขาโดยไม่บ่นสักคำเดียว แลละยังการแสดงออกถึงความเกรงใจในญาติผู้ใหญ่และพ่อแม่เขาด้วยการจัดการชีวิตตัวเองต่อไปเงียบๆ เพื่อรอเวลาที่จะให้คนในบ้านนี้ตื่นมาเปิดประตูให้เอง ไม่ทุรนทุรายโหวกเหวกอย่างที่เขาคิดจินตนาการล่วงหน้าตอนที่แผนการนี้แวบเข้ามาในหัว น้ำไทรู้สึกผิดมากกว่าเหนืออื่นใด

“เจอแล้ว ห้องนี้มีที่เสียบปลั๊กไหมคุณ” นภิสาหันกลับมาด้วยรอยยิ้มสว่างไสว น้ำไทจ้องมองดวงหน้าขาวใสภายใต้แสงไฟฉายอันน้อยนิดด้วยความรู้สึกแปลกๆ อีกครั้งที่ใบหน้าสวยจับใจสะกดสายตาเขาอีกครั้ง ไม่แปลกเลยที่ปราณจะบอกว่านภิสาเป็นผู้หญิงที่เวลายิ้มแล้วสวยกว่าปกติอีกหลายเท่าตัว

“เฮ่ย! ส่องอะไรของคุณเนี่ย” น้ำไทยกมือปิดกลางลำตัวที่แสงไฟฉายส่องมา อยากจะบริภาษหญิงก๋ากั่นที่ช่างแสดงออกอย่างตรงไปตรงมาเหลือเกิน จนเขาอยากจะถามว่าบางครั้งหากเจ้าหล่อนคิดอะไรก็เก็บไว้บ้างก็ได้

“ส่องคนคิดสัปดน”

“ผมแค่มองคุณยิ้ม สิ่งหายากบนใบหน้าของคุณไง ผมตามมาเป็นอาทิตย์ไม่เคยพบเคยเห็น กระทั่งวันนี้...”

นภิสาชี้ไฟฉายมายังใบหน้ามันแผล็บที่ยังไม่ได้อาบน้ำ เหงื่อเม็ดเป้งไหลออกมาจากไรผม “ฉันขอห้ามคุณมองหน้าฉันตาค้างอย่างนั้นอีก ฉันไม่อนุญาต”

“ทีไอ้ปราณไม่เห็นคุณตั้งกฎบ้าๆ นี้เลย” น้ำไทรู้สึกว่าตัวเองกำลังได้รับความไม่ยุติธรรม โอเคเขานิสัยไม่ดีนักที่คิดหาทางเล่นงานนภิสาตั้งมาก แต่แค่รอยยิ้มสวยๆ บนหน้างามๆ เท่านี้ จะเป็นอาหารตาเขาไม่ได้นี่ไม่โหดไปหรือไง

“เพื่อนคุณกับคุณคนละคนหรือเปล่า อีกอย่างรอยยิ้มฉัน ฉันมีสิทธิ์ที่จะหวงไว้ได้ และถ้าคุณไม่ทำตามที่ฉันบอก ฉันจะใส่ความสวนตองหอม เล่นงานให้ธุรกิจพวกคุณพินาศย่อยยับ คุณไม่รู้หรอกว่าฉันรู้จักสื่อเยอะนะ”

การขู่สีหน้าจริงจัง และพร้อมจะทำตามที่พูดทำให้น้ำไทจำต้องพยักหน้ารับทุกอย่าง เขาอยากจะบ้าตายที่ต้องมาแพ้ให้กับผู้หญิงคนหนึ่งอีกครั้ง

“ไปเสียบด้วย”

พัดลมตัวเล็กที่ยัดมาในกระเป๋าใบใดใบหนึ่งของนภิสาสร้างความประหลาดใจอีกระลอกแก่น้ำไท เขาอยากจะหัวเราะกับความพิถีพิถันในการขนบ้านมาพักผ่อน แต่ก็เกรงว่าจะทำให้สถานการณ์ในครั้งนี้ย่ำแย่ขึ้น บางทีเขาเองก็ควรจะยอมๆ ใจกว้างให้นภิสาพิสูจน์ตัวเองอย่างจริงจัง โดยไร้อคติสักที

ลมเย็นพัด และหันตรงมาให้นภิสาได้เย็นชื่นใจ หญิงสาวเอนหลังพิงกับหมอนใบโตที่เธอเพิ่งค้นออกมาพร้อมผ้าห่มด้วยท่าทางสบายอกสบายใจ วางขาพาดยาวไปยังหน้าแข้งของน้ำไทที่นั่งห่างออกไปเมตรหนึ่ง

“ถ้าคุณขยับตัวฉันจะรู้ และถ้าฉันรู้ว่าคุณเขยื้อนตัวแค่นิดเดียวล่ะก็ ฉันกรี๊ดบ้านแตกแน่”

“คุณเนี่ยนะกรี๊ด” น้ำเสียงห้าวกลั้วหัวเราะสวนกลับมา

“เผื่อคุณจะลืมไปว่าฉันก็เป็นผู้หญิง ถึงจะเป็นผู้หญิง แต่อย่าได้คิดท้าทายคนอย่างฉัน”

เสียงหวานขู่เสร็จไม่นานก็ผล็อยหลับไป ในมือกำไฟฉายที่เปิดค้างไว้ส่องเข้าหาตัวทำให้น้ำไทส่ายหน้าขำเบาๆ แต่ไม่กล้าเขยื้อนตัว ไม่ใช่เพราะกลัวนภิสากรี๊ด แต่เขาอยากให้อีกฝ่ายได้พักผ่อนเสียที เขารู้ว่าผู้หญิงเบื้องหน้านั้นก็ยังเป็นผู้หญิงธรรมดาที่รู้สึกอ่อนไหว โกรธ โมโหได้ แต่เธอเก่งกว่าผู้หญิงทั่วไปตรงที่รู้จักจัดการกับบรรดาความรู้สึกหยุมหยิมเหล่านั้น ใบหน้าพริ้มเพรายามหลับที่ดูไร้พิษสง ไม่ต้องตีหน้านิ่ง หรือยิ้มแต่ปากไม่เคยถึงตาจึงดูเป็นธรรมชาติ เป็นตัวตน และดูบอบบาง

เขาควรจะมองผู้หญิงคนนี้อย่างไร้อคติ การที่เจ้าหล่อนไม่ได้มางานศพของตาเขาในอดีต หรือเรื่องจำยายแท้ๆ ของตัวเองไม่ได้...เขาเชื่อว่าทุกอย่างต้องมีสาเหตุ

เพราะผู้หญิงอย่างนภิสาคงไม่เสียเวลาโกหก แล้วตะบึงเชื่อใจผู้ชายแปลกหน้าสองคนจนมาถึงที่นี่หรอก น้ำไทอ้าปากหาวกว้าง ตัดสินใจพิงศีรษะกับผนังและหลับตาลงบ้าง เมื่อลมหายใจของเขาสม่ำเสมอ ผู้หญิงที่คิดว่าหลับไปแล้วจึงลืมตาตื่น เธอรอจนแน่ใจว่าเจ้าของบ้านหลับสนิทแล้วจึงหลับตาลงบ้าง เธอไม่เคยวางใจผู้ชายแปลกหน้า

อย่างน้อยๆ เธอก็จะหลับก่อนผู้ชายที่จ้องเธอด้วยดวงตาเพ้อพกอย่างที่น้ำไทใช้มองเธอยามเผลอหลายครั้งไม่ได้เด็ดขาด นภิสาเก็บสีหน้าฝืดเฝื่อน และยกเท้าออกจากปลายผ้าขาวม้าของน้ำไทด้วยอาการขนลุก เธอพรูลมหายใจออกมาด้วยความอึดอัด ยกมือเย็นเฉียบที่ข้างหนึ่งกำไฟฉายมาประสานกันไว้เพื่อไม่ให้ตัวเองอ่อนแอจนเกินไป

เธอรู้ตัวดีว่าท้ายที่สุดเธอก็ยังเป็นผู้หญิง ยังอ่อนแอ และหวาดกลัวเป็น นภิสาคิดก่อนจะข่มตาหลับ แม้ในฝันจะฝันประหลาดถึงชายแก่ที่หน้าตาเหมือนรูปในห้องโถงของบ้านหลังนี้กำลังส่งยิ้มเอ็นดู และลูบผมบอกให้เธอฝันดี

น่าแปลกที่เธอกลับวางใจและหลับต่อไปได้โดยที่ไม่ฝันอะไรเลย


“ไอ้เล็ก!” เสียงตะโกนลั่นบ้านปลุกให้คนสองคนสะลึมสะลือตื่น นภิสาปรับสายตามองเหตุการณ์เบื้องหน้าที่มีผู้หญิงยืนเท้าสะเอว หน้าตาแดงก่ำจ้องไปยังผู้ชายที่นอนน้ำลายยืดอยู่ตรงหน้าเธอที่เพิ่งตื่น และยกมือเช็ดน้ำลาย หน้าตาน้ำไทเหรอหรา และไม่รู้จะเริ่มอธิบายอย่างไรเมื่อจู่ๆ หอมทองที่อยู่ตรงกรอบประตูก็มีคนยื่นไม้กวาดส่งมาให้ และใช้เป็นอาวุธในการลงมือตี

ร่างสูงใหญ่ที่รีบลุกขึ้นเพราะรีบร้อนเกินไปเท้าจึงไปเหยียบชายขาวม้า และหลุดต่อหน้าสองสาว คนเป็นพี่หันหลังขวับ กรีดร้อง ยกมือปิดตา ส่วนนภิสาหลับตาทันที แต่เหมือนภาพหลอนของสิ่งน่ากลัวเมื่อครู่จะยังติดตาเธอไม่หาย

เพราะพอเธอหันกลับมาอีกทีน้ำไทก็ฉุดเธอลุกขึ้น และวิ่งขึ้นไปชั้นสอง นภิสามองหน้าต่างก็พบว่ายังมืดอยู่ อาจเป็นเวลาใกล้รุ่งสาง

“ฉันต้องวิ่งหนีทำไม ฉันอธิบายทุกเรื่องกับพี่สาวคุณได้นะ”

“คุณรู้จักพี่หอมน้อยไป เจ้าแม่มโน จินตนาการเลิศล้ำ และคิดเองเออเองเป็นที่หนึ่ง ถ้าปักใจอะไรแล้ว เขาก็ไม่เชื่ออะไรอีก”

“อย่างเช่นอะไรล่ะ” นภิสาหยุดยืนหน้าห้องของน้ำไท ไม่อยากย่างกรายไปในห้องของเขาอีก เท่านี้หน้าตา ชื่อเสียงของเธอก็ป่นปี้ไปหมด ขืนหอมทองเอาไปกระจายข่าวเสียๆ หายๆ เธอจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แม้ว่าท้ายที่สุดเรื่องระหว่างเธอกับน้ำไทจะไม่มีอะไรเลยก็ตาม

“เขาปักใจเชื่อมาตลอดว่าผมเป็นเกย์ตั้งแต่ผมกับปราณสนิทกันตอนมอปลาย จนถึงตอนนี้ก็ยังคิดอย่างนั้น”
“ฉันยินดีใส่ไฟไปได้นะว่าคุณเป็นเกย์ เราไม่มีอะไรกัน”

น้ำไทได้ยินอย่างนั้นแล้วอยากจะหาทางพิสูจน์ว่าตัวเองแมนขนาดไหน แต่ก็เกรงว่าจะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม “ฉันสัญญาว่าจะอยู่ในห้องตัวเอง ไม่ต้อนรับพี่คุณจนกว่าคุณจะแต่งตัวให้เรียบร้อย” มือบางปลดพันธนาการของน้ำไทออก แล้วรีบวิ่งปรู๊ดเข้าห้องตัวเอง น้ำไทจึงผลุบเข้าไปในห้องตัวเอง จัดการสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย เสียงทุบประตูปึงปังจึงดังมาอีกหลายครั้ง ก่อนจะเงียบไป น้ำไทสวมกางเสร็จ ก็พาดเสื้อยืดไว้บนบ่า ตั้งใจจะออกไปกู้สถานการณ์

แต่เหมือนว่าจะช้าไป คนที่บอกว่าจะรอเขากำลังทรยศเขา และใช้รอยยิ้มร้ายกาจ แถมการยักคิ้วข้างเดียวมาให้เขากระอักเลือดตายยังง่ายกว่า

“ค่ะ เขาเป็นเกย์ ฉันพยายามยั่วยวนเขาแต่ไม่สำเร็จ ของเขาไม่ปึ๋งปั๋งเลยด้วยซ้ำ”

ผู้หญิงคนนี้น่าฆ่าให้ตายนัก หลอกเขายังไม่พอ ยังมาดูถูกความมาดแมนของเขาอีก!

หอมทองหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับน้องชายด้วยการมองกดต่ำ เธอตื่นมาตั้งแต่ตีสี่กว่าเพื่อจะมาปลุกให้นภิสาไปทำอาหาร แต่นอกจากเจอห้องว่างเปล่า ห้องน้องชายของเธอก็ยังไม่มีใคร ลางสังหรณ์ของเธอบอกว่าบางทีสองคนนี้อาจอยู่ด้วยกัน เธอจึงลงไปหายังชั้นล่าง ก่อนจะพบภาพคนสองคนหลับในห้องเก็บของ

ใจหนึ่งหรือเธอก็ดีใจอย่างกับจะตั้งคาราวานวงแคนแห่รอบหมู่บ้านที่น้องชายตัวดีกลับใจ และเธอก็ต้องลงโทษที่ทำอะไรเสียหายกับผู้หญิงที่มาเป็นแขกของบ้านตั้งแต่วันแรกที่มาถึง เธอตั้งใจลงโทษน้องชายที่ปล่อยให้เข้าใจผิดมาได้ตั้งนานนม แต่คำบอกเล่าอันจริงแท้ และดูปราศจากคำโกหกจากปากรูปกระจับของนภิสาทำให้เธอโกรธจนหูอื้อ ความหวังของเธอหายวับไปกับตา

“แต่คุณคราง”

นภิสาเบิกตาโตด้วยความคาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะไร้ซึ่งความเป็นชายขนาดนี้ เขากล้าโกหก และพูดใส่ความเธอทั้งที่ไม่จริง หญิงสาวกำหมัดแน่น แทบลืมบุคคลที่สามที่หันไปมองคนโน้นทีคนนี้ทีอย่างจับใจความ

“ตัวคุณมีแต่เหงื่อ แค่เข้าใกล้ฉันก็กลัวเหนียวตัวแล้ว”

“คุณวางขามาพาดขาผมตรงนี้” น้ำไทจงใจเพิ่มระดับความสูงจากหน้าแข้ง มาต้นขาให้นภิสาเดือดเลือดพล่าน “ผมโคตรสยิวเลยรู้ไหม คุณร้อนแรงจนทนไม่ไหวต้องฉุดผม...”

“พอที!” นภิสาหายใจแรง ดวงตาโกรธจัด และอยากจะหักคอคนพูดหน้าไม่อายตั้งมากมาจิ้มน้ำพริก หากเธอมีพละกำลังมากพอสักนิด เธอจะหักซี่โครงเขาด้วยเข่าให้เดินไม่ได้ นอนก็ไม่สะดวก และจะหาอะไรมาอุดปากเสริม ปากพล่อยๆ ของเขาจะได้ไม่ลามเข้าหาตัวเธอจนน่ากลัวขนาดนี้!

“ฉันกับเขาไม่มีอะไรกันค่ะ แค่บังเอิญไปติดอยู่ในห้องนั้น คุณจะเชื่อหรือไม่ก็เรื่องของคุณ”

หอมทองยืนบื้อ กะพริบตาปริบๆ เมื่อฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายรามือด้วยอารมณ์โมโห เข้าไปในห้อง และล็อกประตูตัดขาดสองพี่น้องทางนี้ เมื่อเธอหันมาหาน้ำไทก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังหัวเราะลั่น หน้าตาสะใจที่สุด เธอเห็นแล้วหมั่นไส้ ยื่นมือไปบิดต้นแขนหนาของน้องชายอย่างแรง มืออีกข้างก็หวดไม้กวาดไปยังบริเวณก้นด้วยแรงที่ไม่ทิ้งรอยแดง แต่พอให้แสบๆ คันๆ

“เจ็บนะพี่หอม”

“ทำอย่างนี้ไม่แมนเลยนะ เอาเรื่องใต้สะดือมาพูดหน้าตาเฉย ฝ่ายหญิงเขาเสียหายหมด เรื่องนี้เราต้องรับผิดชอบเต็มประตู”

“พี่หอมเชื่อเหรอ ผมเป็นเกย์ จะมาพิศวาสสาวได้ไง”

“ก็แก...”

“ถ้าผมบอกไม่มีอะไรล่ะ ที่พูดมาก็แค่ จอมฟ้าเดินเตะกระเป๋าเลยร้องเสียงหลง พอผมจะไปพังประตู จอมฟ้าก็ฉุดให้ผมนั่งและรอคนมาเปิด เพราะเกรงใจยาย และพ่อแม่เรา”

“แล้วที่วางขาตรงต้นขาแกล่ะ” หอมทองหยุดหวดไม้กวาด และใช้มือที่บิดแขนน้ำไทมาเท้าสะเอวสอบสวนต่อ

“ที่จริงก็แค่ตรงนี้ เขากลัวผมจะขยับตัว แล้วทำมิดีมิร้าย จอมฟ้ายังบอกว่าถ้าผมเขยื้อนตัวนิดเดียวจะกรี๊ดให้บ้านแตก คนที่ไม่เต็มใจทำอะไรไปก็ไม่ได้อารมณ์หรอก”

หอมทองง้างไม้กวาดเพราะแสลงหูกับประโยคล่อแหลมของเจ้าน้องชาย ไม่รู้เธอจะอ่อนอกอ่อนใจกับพฤติกรรมห่ามๆ ของน้องชายไปอีกนานแค่ไหน แต่บางที... หอมทองมองห้องนอนที่ปิดสนิทของนภิสาอย่างมีความหวัง

ก่อนจะเก็บความหวังนั้นให้มิดชิดเมื่อกลับมาเผชิญหน้ากับน้ำไทอีกครั้ง

“ยังไงเรื่องที่ลับก็ไม่มีใครรู้ แต่ที่ฉันเห็น ยังมีจิ๋วอีกคน” หอมทองยกเด็กหญิงวัยประถมที่บ้านเธออุปถัมภ์อยู่ขึ้นมา “ภาพที่เห็นทำให้ฉันคิดไปในทางนั้น และฉันก็ไม่เชื่อเหตุผลร้อยแปดของแก” คนเป็นพี่หยุดเมื่อเห็นอาการไม่ยอมของน้องชาย เธอรู้ว่าน้องชายเธอยังมีความเป็นสุภาพบุรุษ และนภิสาก็ไม่ใช่ผู้หญิงปล่อยเนื้อปล่อยตัว แต่จะให้เธอไม่ฉวยโอกาสนี้ เธอคงนอนไม่หลับอีกหลายวัน น้องชายเธอควรมีใครสักคนได้แล้ว

“เรื่องนี้พี่จะบอกยาย”

“ไม่ได้นะ!” น้ำไทห้ามเสียงหลง เขายังไม่อยากให้ยายที่รักผิดหวังในเรื่องไม่จริง

“ไม่ทันแล้วล่ะ” เสียงฝีเท้าดังมาพร้อมตัว ร่างท้วมของทิพรสจ้องหลานชายด้วยดวงตาดุ และส่ายหน้าอย่างรับไม่ได้ “เสียงดังกันลั่นบ้าน ยายไม่ได้ยินก็แปลก เจ้าเล็ก เดี๋ยวไปพบยายด้วย ตามหนูจอมฟ้าไปด้วย”

“มันไม่มีอะไรนะครับยาย”

“แล้วฝ่ายหญิงจะไม่เสียหายเหรอ ถ้ามีคนรู้ ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องคุยกันยาว จอมฟ้าเขามีพ่อ มีแม่ มียายเหมือนที่เราสองคนมี จะมาทำเหมือนเขาไม่มีใครได้ยังไง ยายไม่ได้สอนเหรอว่าต้องให้เกียรติผู้หญิง...”

และอีกหลายเรื่องหลังจากนั้น น้ำไทขมวดคิ้วมุ่น ก้มหน้ายอมรับคำสอน ทั้งที่อยากจะไปลากนภิสาออกมาด้วยกันเสียเดี๋ยวนี้ ใครกันที่หักหลังเขาด้วยการออกมาโกหกกับหอมทองก่อน ทั้งที่บอกว่าจะรอ เขาก็เลยโกรธ และเรื่องมันก็บานปลาย และเหมือนหูเขาจะผิดเพี้ยนได้ยินคำๆ หนึ่งก่อนที่ร่างยายจะเดินลงบันไดไปอย่างแข็งแรง

“เตรียมหมั้นได้เลย” หอมทองตบบ่าน้องชายด้วยหน้าตาสาสมใจ

เมื่อพี่สาวจากไปอีกคน น้ำไทก็ยังยืนอึ้งอยู่ตรงที่เดิม เลือดในกายเย็นเฉียบ ขนหัวลุกชัน เขาเริ่มรู้สึกว่าเรื่องในครั้งนี้จะบานปลายเกินไปหน่อย เกินจนเขาควบคุมไม่ได้ ไปเร็วยิ่งกว่าไฟลามทุ่ง

นภิสาเปิดประตูออกมา มือกำหมัดแน่น หน้าตาแดงก่ำ หญิงสาวไม่พูดพร่ำสาวเท้ามาเร็ว และง้างหมัดซัดผัวะเต็มซีกหน้าน้ำไทอย่างแรงจนหน้าหัน และเจ็บจนเรียกเลือด กลิ่นคาวคลุ้งในปาก และทิ้งความมึนชาไว้บนใบหน้าเขา

“ฉันจะกลับบ้าน และจะไม่มีการหมั้นอะไรทั้งนั้น!”

...........................................

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ ขนาดนภิสายังเก่งกล้าแล้วก็ยังโดนน้ำไทป่วนเอาได้นะคะ ฮา

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่า ^^



ปวรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ย. 2557, 02:21:19 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ย. 2557, 02:21:19 น.

จำนวนการเข้าชม : 1018





<< บทที่ 3 ไม่มีคุณหนูในสวนตองหอม   
นักอ่านเหนียวหนึบ 15 ก.ย. 2557, 13:27:14 น.
เท่อะ ! หมัดเดียว จอด! 555


นักอ่านเหนียวหนึบ 15 ก.ย. 2557, 13:27:44 น.
แต่... มาดพระเอกดูป้อแป้ยังไงมะรุ้ววว 555 คงจ้องขัดเกลาอีกเยอะ


Chii 15 ก.ย. 2557, 19:27:40 น.
นางเอกแสบดี ชอบนางงงง


Sukhumvit66 16 ก.ย. 2557, 00:12:38 น.
อ่านตอนแรกก็สนุกซะแล้ว....


konhin 20 ธ.ค. 2557, 02:07:09 น.
นางแสบมาก เรื่องนี้มีต่อป่ะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account