กรงพสุธา [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
ความดีและเลวก็มีแค่เส้นแบ่งบางๆขวางกั้น
หากก้าวผ่านมันไปแล้วคงไม่มีวันย้อนกลับ

คดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่ควรจะจบลงเมื่อสิบแปดปีที่แล้วกำลังย้อนรอยกลับมาอีกครั้ง!
เมื่อโชคชะตาพัดพาให้ เหมือนฝัน หลงเข้าไปในห้องแห่งดินของ บ้านปรารถนา ฝันร้ายของเธอก็กลับคืนมา หญิงสาวฝันถึงเหตุฆาตกรรมฝังดิน ซึ่งมีรูปแบบคล้ายคลึงกับคดีเมื่อสิบแปดปีก่อน จึงตัดสินใจออกค้นหาความจริง จนได้รู้จักกับ ปัถวี ชายหนุ่มผู้มีอำนาจจิตในการควบคุมธาตุดิน ทั้งสองพยายามตามหาตัวฆาตกรพร้อมๆกับการเกิดเหตุฆาตกรรมคดีแล้วคดีเล่า และดูเหมือนแต่ละคดีจะโยงใยถึงกัน ที่สุดแล้ว พวกเขาจะตามหาฆาตกรตัวจริงพบหรือไม่ แล้วมันเกี่ยวข้องอย่างไรกับฆาตกรรมต่อเนื่องเมื่อสิบแปดปีก่อน!
Tags: ๕ปรารถนา เหมือนฝัน ปัถวี วังวนวารี ทองพญามาร

ตอน: บทที่ ๔ ผู้ชายอันตราย (๒)

“ตาวี สายแล้วนะ ไม่ออกไปทำงานเหรอลูก” เสียงมารดาดังมาจากทางห้องครัว แต่ไม่สามารถทำให้คนกำลังนึกเกียจคร้านอยากจะลุกขึ้นจากโซฟาสักนิด

“อีกห้านาทีครับแม่ ขี่มอเตอร์ไซค์แป๊บเดียว เดี๋ยวก็ถึงแล้ว” กล่าวจบ เขาก็เบนสายตาจากมารดากลับมาที่หน้าจอมือถือต่อ

วนาลีส่ายศีรษะกับพฤติกรรมของบุตรชาย “โตจนป่านนี้แล้ว ยังติดเกมอีก”

“แค่เล่นขำๆฆ่าเวลาเองครับ อีกเดี๋ยวจะไปทำงานแล้ว”

“ขี่มอเตอร์ไซค์ไปทำงาน” วนาลีเปรยอย่างไม่ชอบใจนัก “เมื่อไรจะซื้อรถให้เป็นเรื่องเป็นราวเสียที เงินค่ามอเตอร์ไซค์คันใหม่นั่นพอจะซื้อรถดีๆได้ทั้งคันแล้ว”

โดนดุขนาดนี้ คนตัวโตเลยยอมลุกจากโซฟา ตรงมากอดเอวมารดา ดวงหน้าคมสันมีความละม้ายคล้ายคลึงกับหญิงในอ้อมแขน เขาก้มหน้าลงหอมแก้มอีกฝ่ายอย่างเอาใจ

“โธ่ แม่ครับ ขืนขับรถเก๋งไปทำงาน สองชั่วโมงก็คงไม่ถึง ขี่มอเตอร์ไซค์นี่แหละสะดวกดี ผมสัญญาว่าจะขับอย่างระมัดระวัง ไม่ผาดโผนอีกแล้ว”

วนาลีมองดวงตามุ่งมั่นสีนิลพลางถอนหายใจ เธอตอบรับคำพูดของลูกชายด้วยการพยักหน้าจำยอม จากนั้นจึงไล่คนเกียจคร้านให้เร่งรุดออกจากบ้าน ไม่นานเสียงเครื่องยนต์จากบิกไบค์คันโตก็ดังกระหึ่มมาจากลานจอดรถ ก่อนค่อยๆเงียบหายไปภายใต้แสงแดดแรงกล้ายามสาย

หญิงม่ายวัยกลางคนมองตามมอเตอร์ไซค์คันใหญ่แล่นหายลับสู่หน้าปากซอย เธอปิดประตูรั้ว ล็อกกุญแจแน่น แล้วเดินกลับเข้าสู่ด้านในบ้าน ผ่านห้องรับแขกด้านหน้า สองเท้าพาตัวเองมาหยุดยืนหน้าตู้โชว์ใหญ่กึ่งกลางบ้าน กั้นระหว่างส่วนของห้องรับแขกกับห้องอาหารด้านหลัง ดวงตาของผู้มากวัยหยุดนิ่งตรงถ้วยรางวัลใหญ่หลังบานกระจก

เธอบังคับบุตรชายมากเกินไปรึเปล่านะ สายเลือดพ่อในตัวเขาดูจะข้นขึ้นตามวันเวลาเติบใหญ่

วนาลีเปิดตู้กระจก หยิบถ้วยรางวัลอันทรงเกียรติขึ้นมาปัดคราบฝุ่น ใช่ว่าเธอจะไม่ภูมิใจในความสามารถของปัถวี แต่ยามเห็นเขานั่งอยู่บนพาหนะสองล้อ แล่นผาดโผนไปตามเนินดินทราย หัวใจของแม่แทบวางวายเสียทุกครั้ง

เธอเหลือลูกชายเพียงคนเดียว คงไม่อาจทนรับความสูญเสียใดได้อีก

คนเป็นแม่รู้แจ้งแก่ใจ การฝืนบังคับให้ปัถวีเลิกเล่นกีฬาผาดโผนอย่างมอเตอร์ไซค์วิบาก เป็นความลำบากที่ลูกชายจำฝืนใจยอมรับเพื่อแม่คนนี้ ดังนั้นการจะยื่นคำขาดไม่ให้แตะยานพาหนะสองล้ออีกเลยจึงเป็นเรื่องยาก เมื่อเลือดในกายของเขาล้วนร่ำร้องแสวงหาหนทางปลดปล่อยพลังงาน

สองมือบางเหี่ยวย่นลงตามวัยวางถ้วยรางวัลสีทองคำเก่าคร่ำเพราะวันเวลาลงที่เดิม พลางหยิบกรอบรูปวิทยาศาสตร์ภายในตู้ขึ้นเช็ดคราบฝุ่น ภาพถ่ายสองหญิงหนึ่งชายปรากฏชัดในสายตา ดึงความทรงจำเก่าของวันวานให้หวนนึกถึง ในภาพนั้นมีวนาลีและบุตรชายยืนเคียงข้างกัน ปัถวีในวัยสิบเก้าปีมีรูปร่างผอมสูง เก้งก้าง ดวงหน้าคมดูละอ่อนกว่าหนุ่มฉกรรจ์ในวันนี้ ถัดมาทางซ้ายของบุตรชายคือสาวสวยผู้มีใบหน้าประหนึ่งตุ๊กตาพอร์ซเลน เธอสวย ผิวขาวราวหิมะ ได้รับเค้าโครงหน้าตะวันตกมาจากบิดาชัดตา ทำให้เธอมีผมสีอ่อนเป็นลอนสวย ดวงตาโตสีน้ำตาลเฉดเดียวกันดูโดดเด่น รับกับจมูกโด่งเป็นสัน ในยามเธอนั่งนิ่งอยู่หน้าบ้านมักเป็นที่สะดุดตา พาหัวใจหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แถวนั้นสั่นไหว ประหนึ่งตุ๊กตามีชีวิต แต่ตุ๊กตาแสนสวยคงงดงามเกินไป ไม่เหมาะกับโลกอันแสนโหดร้าย เธอจึงจากโลกนี้ไปด้วยวัยเพียงยี่สิบสองปี

เมื่อครั้งยังสาวๆ วนาลีเคยมีครอบครัวใหญ่ อาศัยอยู่รวมกันหลายชีวิต แต่เหตุสะเทือนขวัญหลายครั้งทำให้จำนวนสมาชิกลดลงเรื่อยๆ จนเหตุการณ์เศร้าสลดครั้งสุดท้ายคือการสูญเสียบุตรสาวในภาพถ่าย สาวสวยผู้มีใบหน้าดั่งตุ๊กตา การเสียชีวิตของเธอสร้างบาดแผลแก่คนอยู่เบื้องหลัง ทว่าชีวิตก็ต้องดำเนินต่อ หลังการจากไปของบุตรสาวคนนี้ วนาลีตัดสินใจย้ายออกจากเชียงใหม่ ลงมากรุงเทพฯเพื่อตั้งหลักปักฐานใหม่ อาศัยอยู่กับบุตรชายซึ่งกำลังเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยที่กรุงเทพฯ...ทิ้งเรื่องราวความเศร้าและสั่นผวาทั้งหมดไว้กับอดีตเบื้องหลัง



“อ้าว ฝัน โทรศัพท์อีกเครื่องไม่ได้ใช้แล้วเหรอ” เสียงของอัญญา เพื่อนร่วมงานที่เปิดประตูออฟฟิศเข้ามาหลังจากพักกลางวัน เรียกสายตาคนกำลังเล่นโทรศัพท์ในมือให้เงยหน้ามอง

“กระเป๋ามันหนักไปหน่อย ฉันเลยหยิบมาใช้แค่เครื่องเดียว”

“มิน่าล่ะ โทร.หาตั้งนานไม่ติดสักที แล้วฉันก็ดันจำอีกเบอร์ของแกไม่ได้ ตกลงเหลือแค่เบอร์เดียวแล้วสินะ”

“อืม” เหมือนฝันพึมพำบอกหมายเลขโทรศัพท์ในมือตนเอง จากนั้นจึงหมุนเก้าอี้เข้าหาคอมพิวเตอร์ ดวงหน้ารูปไข่มีสีหน้าไม่เป็นสุขนัก

เธอผิดรึเปล่า เลือกจะถอยห่างจากผู้ชายที่มีกลิ่นอายอันตรายแบบนั้น เหมือนฝันสองจิตสองใจ เหม่อมองหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่เปิดค้างอยู่เป็นนาน สัมผัสนุ่มๆที่แตะลงมาบนแก้มเธอเบาๆแล้วผละออก ยังให้ความรู้สึกเห่อร้อนทุกครั้งยามนึกถึง

แล้วมันเกิดขึ้นตอนไหนก็สุดรู้ บางทีอาจเป็นความอยากรู้อยากเห็นในกาย ร่ำร้องเธอให้ก้มลงหยิบโทรศัพท์สีดำอีกเครื่องออกจากกระเป๋า เหมือนฝันแทบไม่คิดอะไรตอนกดปุ่มเปิดเครื่อง เสียงเพลงต้อนรับการกลับมาใช้งานดังอยู่เพียงแวบเดียว ก่อนหน้าจอจะเข้าสู่หน้าหลัก มีข้อความยังไม่เปิดอ่านส่งเข้าเครื่องค้างไว้สามข้อความ ปลายนิ้วเรียวเลื่อนกดปุ่มเปิดกล่องข้อความออกอ่าน

‘ถึงบ้านปลอดภัยดีใช่ไหม’

‘โทร.หาคุณไม่ได้เลย ถ้าฝันร้ายอีก อย่าลืมนึกถึงกันนะครับ’

‘คิดว่าคุณอาจไม่อยากพบผมอีก ทั้งๆที่ผมอุตส่าห์ช่วยคุณไว้ เราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้’

เหมือนฝันกัดริมฝีปากล่างแน่นตอนอ่านข้อความสุดท้ายในโทรศัพท์ ความรู้สึกคล้ายตนเองกำลังถูกต่อว่าทำให้เธอพิมพ์ข้อความตอบกลับอีกฝ่ายโดยไม่ทันยั้งคิด

‘ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือ แต่คุณกับฉันยังไม่ใช่เพื่อน เราเป็นแค่คนแปลกหน้าต่อกันนะคะ’

ช่วงจังหวะกำลังชั่งใจ อ่านข้อความของตนเองซ้ำ เหมือนฝันเผลอกดปุ่มผิด ส่งข้อความตรงหน้าออกไปก่อนจะทันกดลบ

“บ้าจริง ไม่น่าพิมพ์แบบนี้เลย”

ทว่าไม่ทันเสียแล้ว เพราะเพียงไม่กี่วินาทีให้หลัง โทรศัพท์ในมือเธอก็มีข้อความใหม่เข้ามา

‘งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันได้ไหม’

เหมือนฝันนั่งนิ่ง จ้องมองตัวอักษรตรงหน้าอย่างลำบากใจ ดูเหมือนเจ้าของข้อความจะคาดเดาความคิดของเธอออก เพราะคราวนี้ปัถวีไม่ส่งข้อความมาหาแล้ว แต่เขาเลือกจะโทร.มาเลย เสียงเพลงเรียกเข้าดังจากโทรศัพท์ในมือทำเอาคนไม่ทันตั้งตัวสะดุ้ง หญิงสาวชั่งใจมองว่าจะจัดการกับสถานการณ์ตรงหน้าอย่างไร แต่ที่สุดแล้วเธอก็เลือกกดรับสาย

“คุณฝัน” น้ำเสียงทุ้มอบอุ่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ชวนให้นึกถึงผู้เป็นเจ้าของเสียง ร่างกายทรงพลัง และดวงตาคมสีนิลลึกล้ำ ให้ความรู้สึกทั้งน่าค้นหาและแฝงอันตรายไปพร้อมๆกัน

ดั่งพยัคฆ์ร้ายที่ซ่อนเขี้ยวเล็บอยู่ภายใน นั่นคือนิยามเดียวที่เธอมีให้กับชายแปลกหน้า เจ้าของอำนาจจิตทรงอำนาจผู้นี้

“ค่ะ”

“นึกว่าจะปิดเครื่องหนีผมไปตลอดเสียแล้ว”

“ฉัน...” เหมือนฝันไร้ข้อแก้ตัวกับคำกล่าวหาของปัถวี เมื่อเธอตั้งใจจะทำอย่างนั้นจริงๆเสียด้วยสิ

“ตกลงเราเป็นเพื่อนกันได้แล้วใช่ไหม”

“เอ่อ...” อีกครั้งที่เธอไม่มีคำตอบสำหรับคำถามแสนจะรุกเร้าของผู้ชายคนนี้

ลางสังหรณ์เตือนไม่ให้ไว้ใจคนแปลกหน้า แต่ก็มีบางอย่างจากผู้ชายพิเศษคนนี้อีกเช่นกันที่เรียกความสนใจเธอ ใช่ เพราะเขาพิเศษ ผิดจากคนธรรมดาทั่วไป อำนาจจิตของปัถวีเรียกทั้งความอยากรู้อยากเห็นและความระแวงได้มากพอๆกัน

“คุณยังฝันร้ายอยู่อีกรึเปล่า” คำถามครั้งนี้ ปัถวีเปลี่ยนหัวข้อสนทนามาสู่เรื่องใกล้ตัวหญิงสาวมากขึ้น หยุดรุกเร้า ให้เวลาเธอในการทำความรู้จักกับเขา

“ไม่ค่ะ หลายคืนมานี้ฉันไม่ได้ฝันแล้ว” เหมือนฝันตอบคำถามชายหนุ่มฉะฉานกว่าเดิม เธอหยุดลังเลใจนิดหน่อยว่าสมควรเล่าเรื่องส่วนตัวให้อีกฝ่ายฟังมากแค่ไหน แต่แล้วความรู้สึกส่วนลึกก็ผลักดันริมฝีปากบางให้เอื้อนเอ่ย “ถ้าฉันหลับลึกมากพอ ส่วนใหญ่จะไม่ฝันร้ายค่ะ”

“หลับลึก” ปัถวีทวนคำเธอด้วยน้ำเสียงแปลกใจในตอนแรก ก่อนมีคำถามถัดมา “คุณคงไม่ได้ใช้ยานอนหลับหรอกนะ”

“แค่ยาแก้แพ้เอง ช่วยไม่ได้นี่คะ ฉันควบคุมตัวเองไม่ให้ฝันไม่ได้”

ถึงกระนั้นคำตอบของเหมือนฝันก็ไม่ใช่สิ่งที่ปัถวีอยากได้ยินนัก “คุณฝันร้ายมานานแค่ไหน”

“ตั้งแต่จำความได้” เหมือนฝันตอบ นึกถึงความทุกข์ทรมานในวัยเด็กแล้วรู้สึกอัดอั้น อยากหาคนระบาย หญิงสาวตัดสินใจลุกจากโต๊ะทำงาน เหลือบสายตามองนาฬิกาบนฝาผนัง เห็นยังอยู่ในช่วงระยะเวลาพักกลางวัน เธอจึงเดินออกจากออฟฟิศ มาหามุมสงบ ปลอดผู้คน เพื่อคุยกับคนในสายต่อ

ไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ความหวาดระแวงของเธอลดต่ำลงมาก

“คุณทานยามานานขนาดนั้นเชียวเหรอ”

“เปล่านะ เพิ่งเริ่มทานเอง คือตอนเด็กๆฝันร้ายของฉันไม่ได้น่ากลัวเห็นเป็นเรื่องราวขนาดตอนนี้...” เหมือนฝันหยุดคิดนิดหนึ่ง ละเรื่องความฝันเกี่ยวกับความตายของมารดาไว้ “ส่วนใหญ่ฉันจะฝันถึงเรื่องไม่ค่อยปะติดปะต่อกันนัก ตื่นมาจำได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่ที่จำแม่นคือตอนเด็กๆฉันต้องเปิดไฟนอนตลอด จนเข้ามหาวิทยาลัย ฉันได้เครื่องรางมาชิ้นหนึ่ง ทำให้ไม่ฝันร้ายอีก กระทั่งเข้าไปในบ้านปรารถนากับเพื่อนๆ เครื่องรางชิ้นนั้นดันขาด ฝันร้ายเลยกลับมา แล้วคราวนี้...มันน่ากลัวกว่าเดิม” หญิงสาวนึกถึงภาพสยดสยองในความฝันแล้วยังสั่นผวาไม่หาย

“เครื่องรางของคุณคือต่างหูดรีมแคชเชอร์ใช่ไหม”

“คุณรู้จักมันเหรอคะ”

“ผมเห็นคุณใส่วันนั้น” ชายหนุ่มพึมพำตอบ แล้วต่างฝ่ายต่างเงียบเสียงกันไปพักหนึ่ง ปัถวีจึงวกเข้าสู่เรื่องที่เขาตั้งใจเอ่ยกับเธอ “ผมช่วยคุณเรื่องฝันร้ายได้นะ แต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยน”

“ข้อแลกเปลี่ยนอะไรคะ”

“มิตรภาพไง ผมอยากรู้จักคุณ อยากรู้เรื่องราวกับเกี่ยวฝันร้ายของคุณมากกว่านี้” ปัถวีบอกจุดประสงค์ของเขาอย่างตรงไปตรงมา

“ทำไมคุณถึงอยากรู้จักฉันนักล่ะคะ”

“แล้วทำไมฝันถึงไม่อยากเป็นเพื่อนกับผมล่ะ” คำถามยอกย้อนของเขาทำเอาเธอนิ่งงัน

“ก็...” หญิงสาวชั่งใจอยู่นิดหนึ่ง แล้วตัดสินใจสารภาพ “ลางสังหรณ์ของฉันบอกว่าคุณอันตราย”

หลังคำตอบ เหมือนฝันได้ยินเสียงหัวเราะขบขันดังมาจากปลายสาย

“ถ้าคุณยอมบอกคนที่คุณคิดว่าอันตรายขนาดนี้ คุณคงไม่ได้กลัวผมจริงๆจังๆนักหรอก” น้ำเสียงของเขาแฝงรอยท้าทายอยู่ในที “ออกมาพบกันเถอะครับ คุณไม่คิดเหรอว่าเราสองคนมีอะไรคล้ายๆกัน น่าจะเป็นเพื่อน เป็นที่ปรึกษาของกันและกันได้ คุณเองคงหาคนมีสัมผัสพิเศษ เป็นมนุษย์ประหลาดแบบเราสองคนได้ไม่ง่ายนักหรอก จริงไหม”

คำพูดของปัถวีเย้ายวน ชวนเธอเคลิบเคลิ้มไม่น้อย ดังนั้นเมื่อชายหนุ่มเลือกสถานที่พบกันเป็นห้างสรรพสินค้าย่านกลางเมือง เหมือนฝันจึงไม่สามารถหาเหตุผลใดมาคัดค้านการพบกันอีกครั้งในเย็นวันนี้ได้

หญิงสาวยืนมองโทรศัพท์ในมือตนเองอยู่นานพักใหญ่ นี่เธอบ้ารึเปล่า ถึงตอบรับข้อเสนอ ยอมไปพบเขาในเย็นวันนี้





ริญจน์ธร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 ก.ย. 2557, 10:22:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 ก.ย. 2557, 10:22:45 น.

จำนวนการเข้าชม : 1201





<< บทที่ ๔ ผู้ชายอันตราย (๑)   บทที่ ๕ ในความชิดใกล้ (๑) >>
ketza 15 ก.ย. 2557, 10:31:02 น.
เจิมมมมมมมมมมมมมม 55555


ketza 15 ก.ย. 2557, 10:31:47 น.
จองที่ไว้ก่อง เดี๋ยวมาอ่านค้าาาา จุ๊บๆๆๆ


ริญจน์ธร 15 ก.ย. 2557, 10:37:11 น.
ตอบคอมเมนต์ค่ะ
คุณ ตรีจิตร ขอบคุณที่แวะมาทักทายค่า

น้อง Yimyum มาแล้วจ้า ต่อจากตอนนี้คุณวีคงมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ

คุณ บุลินทร ได้เลย เล่มนี้ชวนหลอน เอ๊ย ชวนอ่านนะ เพราะเป็นครั้งแรกที่เขียนฉีกออกมาขนาดนี้

คุณ Ketza ตายละ ต้องรีบให้เหมือนฝันโทร.หาคุณวีด่วน ไม่งั้นสาวๆแถวนี้ฉกคุณวีไปแน่

คุณ lovemuay นอกจากไม่โทร.แล้ว หนูฝันเล่นปิดเครื่องเลยค่าาาา 555 แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนจนได้เนอะ

คุณ นักอ่านเหนียวหนึบ เอ เอาคนไหนดีคร้า อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคนดีไหม

คุณพี่ พันธุ์แตงกวา มาต่อแล้วน้าาาา ส่วนหนุ่มล่ำฉากแรกเดี๋ยวมีโผล่มาอีกแน่ค่า


ภาวิน 15 ก.ย. 2557, 11:16:33 น.
คุณวีของฝันช่างเปี่ยมเสน่ห์ ส่งเกดซ่าจากวังวนมาจกดีกว่า


yimyum 15 ก.ย. 2557, 12:21:32 น.
คู่นี้เมื่อกี้อ่านไปยิ้มไปเลยยยย ทั้งๆ ที่ไม่ได้มีอะไรเลยนะคะเนี่ย --


ketza 15 ก.ย. 2557, 12:57:22 น.
อุ๊ต่ะ คุงวีรุกแล้ววว
ลุยเลยค้า้าาาาาาาาา


อสิตา 15 ก.ย. 2557, 13:04:07 น.
อยากบอกว่าชอบชื่อบทนี้มากอะ ผู้ชายอันตราย แหม มันแซ่บบบ


นักอ่านเหนียวหนึบ 15 ก.ย. 2557, 13:15:58 น.
อย่างน้อยย พี่ดินก็ไม่ใช่คนที่เอาศพ ผญ. ไปฝัง ก็ คงไม่น่ากลัวเท่าไหร่ม้างงง ไปๆ เค้ารออยู่หน้าห้างละนะ 555


พันธุ์แตงกวา 15 ก.ย. 2557, 18:06:54 น.
ฮั่นแน่ๆ แอบชอบเขาอยู่เหมือนกันใช่มั้ยล้าหนูฝัน คุณวีผู้มีกลิ่นกายหอมออกจะแสนดีแบบนี้ ถ้าจะเมินเจ้รอต่อคิวอยู่น้า
ครอบครัวของวีก็มีเรื่องฆาตกรรมเหมือนกันหรือนี่ น่าสฃสารจริงพ่อคุณ


lovemuay 15 ก.ย. 2557, 19:02:55 น.
ช่ายแล้ว ต้องเริ่มจากการเป็นเพื่อนก่อน 555


บุลินทร 15 ก.ย. 2557, 19:19:09 น.
ท่าทางเหมือนฝันจะสังหรณ์ผิดแล้วละ แถมอีกฝ่ายไม่ยอมให้ถอยห่างด้วย


goldensun 15 ก.ย. 2557, 20:06:55 น.
วีกล่อมได้ผลแล้ว แต่อย่างว่า ก็ฝันเปิดทางให้ตั้งแต่ยอมเปิดโทรศัพท์ส่งข้อความตอบกลับแล้วนี่นา
ว่าแต่วีเป็นผู้ชายอันตรายสำหรับใครกัน ในเมื่อช่วยคุ้มครองฝันจากอันตรายแท้ๆ
หรือคบกับวี จะทำให้เจออันตราย


nako 15 ก.ย. 2557, 20:14:44 น.
คุณวีไม่อันตรายหรอกหนูฝัน อิอิอิ รอลุ้นตอนต่อไปค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account