ทองพญามาร [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
จากเคยออกปล้นชิงสิ่งล้ำค่าในคืนอันมืดมิด
แสงจันทร์กลับนำพากระต่ายขาวตัวเล็กมาสู่เงื้อมมือมหาโจรอย่างเขา
พร้อมเหรียญทองปริศนาซึ่งมอบชีวิตให้ถึง ๙ ชีวิต

แถมวันดีคืนดีกระต่ายที่ว่ายังกลับกลายเป็นสาวสวย!

ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือดีกันแน่...
เมื่อเขากำลังถูกมือโจรลึกลับเช่นเธอช่วงชิงหัวใจดวงนี้ไป

Tags: พญาดำ เหรียญพระจันทร์ เก้าชีวิต กระต่าย ตัวนุ่ม

ตอน: ๓ ขุมทรัพย์ต้องสาป

ในที่สุดก็ขึ้นบทใหม่ บทยาวนิดนึงค่ะ เพราะทั้งหมดมีแค่ ๙ บท

คุณภาวิน – หุหุ นกต่อ กระต่ายต่อ น่ากินทั้งนั้น เอามาแกง... พี่เก้าต่อให้ลดเหลือ 0 ก็ยังเป็นพี่เก้า มิได้มีส่วนใดของตัวตนขาดหายไป
คุณเกดซ่า – ตัวนุ่มสู้นะ... หัวโหม่งเยย นี่ๆๆๆ กัดเลย แง่งๆๆ แทะๆ สะบัด พี่เก้าไม่เจ็บเยย อุจิ๊
คุณยิ้มยิ้ม – หุหุ คนทุกคนมีเหตุผลในการกระทำนะคะ ตัวนุ่มเองก็ต้องมีเหตุผลของตัวนุ่ม ลองดูกันต่อปาย

คุณใบบัวน่ารัก – พี่เก้าปล้นได้เงินมาเย้อะ เลี้ยงไหวแหละ จะขุนกระต่ายให้อ้วนๆก่อนโยนลงหม้อ
คุณพี่พันธุ์แตง – ตัวนุ่มกลับไปอีกที่ค่ะ ในเวลานึงจะอยู่ได้แค่ที่เดียวนะ กระต่ายจะร้ายหรือดี มาลุ้นกัน
คุณริญฯ – พี่เก้าต้องจับตัวนุ่มมาบับคั้น เคล้นคลึง รีดไถความลับออกมาซะละ

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – หุหิ ตัวนุ่มประสงค์รักจิ ตัวนุ่มอ้อนนะ อยากได้ความรักจากพี่เก้านะ มองตาสิ ปิ๊งๆๆ
คุณบุลิน – น่าสงสัยระดับนึง ว่าเราไม่ได้จะแค่ระดับนึงไปจนถึงตอนจบ แต่อาจเป็นตลอดชีวิต...
คุณเลิฟหมวย – ช่ายๆ อาจจะไม่เต็มใจก็ได้เนอะ มองตาหวานๆของกระต่ายจิ เอ๊ะ แต่ใจมันก็เปลี่ยนกันได้ตลอดน้า พี่เก้าทำตัวดีๆแล้วกัน อิอิอิอิ
คุณหนอนสาวดังปัณณ์กระสันกระต่าย – ช่าย ตัวนุ่มแค่เพิ่งเริ่มลวนลามพี่เก้าเอง ต่อไปจะจัดหนัก ทุกท่าทุกลีลา เอาให้พี่เก้าถอนใจไม่ขึ้นไปเลย
คุณสุขุมวิท 66 – ทำลงคอเหรอ กระต่ายตัวนิดเดียวนะ กินไม่อิ่มหรอก น่าฮักหลายๆเลยด้วยนะ
-------------------------




บ้านปรารถนา...
ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถล่วงเข้ามาสู่ใต้ชายคานี้
หลายคนรู้จัก เคยได้ยินเรื่องราวเล่าขาน หรือแม้แต่เคยก้าวเข้ามาแล้วครั้งหนึ่ง
ก็ใช่ว่าจะกลับมาเยือนได้อีกเสมอไป มันมักเลือกปรากฏขึ้นตามวาระแห่ง
แรงปรารถนาของกรรมที่ดิ้นรนเพรียกหา

แต่ในครั้งนี้...อาจถือเป็นข้อยกเว้น
เมื่อแรกที่ร่างลึกลับสวมเสื้อวอร์มสีดำมีฮู้ดคลุมก้าวมายืนตระหง่าน บนเนินที่ควรจะมีบ้านว่างเปล่า
เขายืนอยู่ตรงเชิงเนินดินนั้น เดียวดาย เงียบงัน แต่เหนือขึ้นไป เมฆฝนคล้ายจะมารวมตัว ฟ้าเบื้องบน
แลบแปลบปลาบ พลันลมพัดมาแรงอู้ พาเอาใบไม้ในสวนปลิวเกลื่อนกระจายขึ้นจากที่นอนซบเซาแทบพื้น
พริบตาต่อมา ลมสงบ...แต่บนเนินนั้นไม่ได้ว่างเปล่าอีกต่อไป

ตัวบ้านกำลังจำยอมเปิดประตูต้อนรับ...

เท้าในรองเท้าหนังหุ้มข้อสูงสีดำพาร่างลึกลับก้าวสู่ใต้ชายคามืดดำ สีของชุดพลันกลืนไปกับ
ภายในบ้านที่ยามนี้ไร้แสงไฟ มันไม่พร้อมต้อนรับ แต่ผู้มาเยือนก็รั้นจะเข้ามา เพียงเพื่อทำธุระอย่างหนึ่ง
คือการเตรียมสมบัติล้ำค่าไว้รอคอยเหยื่อ ณ ห้องแห่งทอง

ชั่วครู่ที่เงียบสงัดเลื่อนไหลผ่าน ชายผู้นั้นจากไปเงียบๆเหมือนขามา หลังจากทิ้งของที่นำมาเอาไว้
เหรียญทองลายพระจันทร์ซึ่งมีถ้อยคำบางประการจารึกบนผิวด้านมืดแห่งเสี้ยวจันทร์แรม
เหรียญเองก็ดูเรียบง่าย สวยงามในแบบเยือกเย็น ไม่ได้มีอะไรโดดเด่น มีเพียงตัวมันเองที่รู้
รู้อยู่ในเนื้อทอง... ในเส้นสายริ้วรอยที่พาดผ่าน...
ว่ามันได้ผ่านอารมณ์ ผ่านความทรงจำมาสักเท่าไร ก่อนหน้านี้มันเองก็เป็นแต่เพียงสมบัติชิ้นหนึ่ง
ที่ถูกวางเป็นเดิมพันลงตรงกลางระหว่างมิตรภาพของคนสองคน

หลังจากความเป็นเพื่อนสิ้นสุด ตอนที่มันหมดคุณค่า มันก็น่าจะกลายเป็นแต่เพียงสมบัติชิ้นหนึ่ง
ที่ควรจะได้พักผ่อนอย่างสงบอยู่กับเพื่อนพ้องในกองทองมหาศาลอันถูกซุกซ่อนไว้ยังสุสานพญาดำ
ถ้าเสี้ยววินาทีสุดท้ายมือนั้นไม่ตัดสินใจโยนมันพ้นออกมา ก่อนประตูจะปิดตายลง

มันกลายเป็นสมบัติต้องสาป ผ่านมืออีกหลายมือ จนมาตกอยู่ในมืออันร้อนรุ่มเป็นพิเศษ
ของชายชุดดำที่นำมันมาไว้ยังบ้านหลังนี้ ผู้ชายคนนั้นมีกลิ่นบางอย่างที่เหมือนกับชายคนในอดีต
สมัยที่ตำนานบทหนึ่งถือกำเนิดขึ้น เมื่อดินแดนขวานทองยังคงงามบริสุทธิ์กว่าวันนี้




พระยาดำเกิงอดิเรก ผู้ในกาลต่อมาชาวบ้านเรียกกันติดปากว่าพญาดำ
เล่าขานร่ำลือกันไปนานา กับจุดจบแฝงอาถรรพณ์แรงร้ายที่บังเกิด ว่าท่านไม่ได้ตายตามปกติ
แต่หายตัวไปอย่างลึกลับ ฝังชีวิตยังสถานที่กลางป่าเขา ในขุมทองเร้นลับ วิญญาณถูกกักขังไว้
เฝ้าทรัพย์สมบัติอันไม่พึงแตะต้อง

สมัยพระยาผู้นี้ยังมีชีวิต ชื่อเสียงซึ่งขจรขจายไปในหัวเมือง หาได้เกี่ยวกับเรื่องว่าราชการของท่านเจ้าคุณ
แต่อย่างใด ทว่าเป็นด้านเชิงพนันอันเป็นที่กล่าวขวัญ
ว่ากันว่าเพราะความสามารถในอวิชชาขั้นถึงขนาด ท่านถึงกับผูกหุ่นพยนต์รูปลักษณ์เป็นตัวเอง
ไว้นั่งโยงรับเรื่องธุระแทน ส่วนตนนั้นเล่าออกพเนจรผจญเวรไปตามใจปรารถนา ปลอมปนไป
ในคราบชาวบ้านหรือบางทีก็คหบดี แข่งพนันขันต่อเกมพนันเท่าที่จะนึกได้ ไม่ว่าเกมยากเย็น
ที่คนนำมาลองดีเพียงใดล้วนชนะสิ้น ตั้งแต่เรื่องเล็กอย่างไก่ออกไข่ ควายตกลูก
ยันพนันเอาลูกเขาเมียใคร กระทั้งแม้แต่...พนันเอาชีวิต

เกมพนันก็คล้ายสารเสพติด เนื้อแท้มันมีกลิ่นและรสเหมือนกับการปล้นชิงของที่เจ้าของมิเต็มใจ
หยิบยื่นให้ การได้พรากเอามา หนักข้อก็ชักจะรวมเอาสองสิ่งนี้เขย่าเป็นเนื้อเดียวกัน ...ลือกันว่า
แม้แต่เมียคู่ชีวิตที่พระยาดำเกิงอดิเรกตบแต่งเอิกเกริกยกย่องออกหน้า อยู่กันมาจนมีลูกชายหญิง
อย่างละคน แท้จริงแล้วก็ยังเป็นสตรีที่ชิงมาจากวงพนันไม่ต่างจากทรัพย์สินอื่นใดของท่าน
โชคไม่ดีอย่างเดียวที่ตอนคลอดลูกสาวเมียรักดันมาตายจากไปเสีย
จะอย่างไร ข้อดีของพระยาดำยังเป็นเรื่องไม่เจ้าชู้ ท่านมีเพียงเมียเดียวตลอดอายุขัย
และไม่คิดเหลียวหาใครใหม่อีกเลย

นอกจากโชคร้ายครานั้น เรื่องอื่นเทพเจ้าแห่งโชคลาภดูเหมือนจะอวยชัยให้พระยามาตลอด
ด้วยจิตแรงกล้าหาใครเทียม บนหนทางพนันไม่มีใครเสมอเหมือน ล้วนแต่น่าเบื่อหน่ายลงทุกวัน
ใครจะรู้ ท่านอาจใกล้จะเลิกอยู่แล้ว อาจมีโอกาสกลับใจกลายเป็นคนดีศรีแผ่นดินสมกับโอกาส
ในชีวิตที่ได้รับ หากมิได้พบสหายผู้หนึ่ง เกลอแก้วผู้มีนามว่า...ยม

ช่วงอายุครบสี่สิบ พระยาดำเตร่ไปไกลถึงต่างเมือง หมายแสวงหาความแปลกใหม่
ด้วยการไปเช่าบ้านพักโอ่โถงราคาแพงไว้พำนัก พาเด็กติดตามไปเพียงไอ้แกละ
เด็กชายยังไม่โกนจุกผู้รับใช้ใกล้ชิดเป็นที่ถูกใจ กับนายเหมือนคนรับใช้ชรา
ซึ่งรับหน้าที่ทั้งผู้ติดตามรับใช้ดูลู่ทางทั้งทุกสิ่งสารพัน

วันหนึ่งแดดร่มลมตก คล้อยเย็นท้องฟ้าทาสีชาดตระการ ลมคิมหันต์สะบัดปักเป้าร่อนถลาจุฬาตีคืน
...ยามเตรียมพร้อมออกท่องสายัณห์ ท่านเสกผงกระแจะจันทร์เจิมหน้า น้ำมันหอมลงผมดำขลับ
แสกกลางพอดีพอดิบ ด้วยรูปลักษณ์คมสันจริงจังน่าเชื่อถือ ผิวออกคล้ำทว่าผ่องใส ลิ้นทองคล่องวาจา
ทั้งชะตาด้านโชคลาภอันเป็นหนึ่ง คืนนี้คงแกล้งให้ผู้เป็นเจ้าถิ่นต้องตกตะลึงหงายหลังได้อีกครา

ทว่าทุกอย่างกลับไม่ง่ายดั่งคาด ไม่เพียงพระยาที่โดดเด่น กลับมีสิงห์ราตรีอีกหนึ่งตั้งตนประจันหน้า
อย่างไม่ระย่อกลัวตาย เพียงเสื้อผ้ามอซอเก่าปอนที่สวมไม่อาจบดบังรัศมีพนันเข้มข้นจับตา

‘ยมไหนวะ กูใคร่รู้’ คำถามท้าทายเอ่ยแหวกควันยาในบ่อนอันมัวสลัวออกไปกระทบหูเป้าหมาย

‘ก็ยมนั้นแหละ อย่างที่ท่านคิด...’ สำเนียงเอ่ยตอบเรียบเรื่อยเข้มลึกในท่าที

หากเป็นคราอื่น พระยาดำคงแทบอั้นหัวร่อมิอยู่ แต่อ้ายคนผู้นี้... มันมีดวงตาดำในกรอบตาลึก
ดูลึกจนแทบว่าดึงสูบคนลงนรกได้ กับจมูกแหลมคุ้มดุจคมเคียวเกี่ยวข้าว
หน้าซูบยาวแปลกตาราวคนแขกมาจากต่างแผ่นดิน

คนไม่มีหัวนอนปลายเท้าผู้เก่งเชิงพนันทัดเทียมหน้าอย่างไม่เคยพานพบ
บางครั้งพระยาดำถึงกับเรียกยกฐานะคนแปลกหน้าผู้กลายมาเป็นเกลอเล่นๆ
ให้เป็นพระยายมเคียงท่าน ฟังฟ้องเสียงกับนามอันไม่ควรลบหลู่อย่างไม่กลัวตาย

ทั้งคู่ได้กลายเป็นทั้งเพื่อนกิน เพื่อนเที่ยว เพื่อนคู่ใจที่อาศัยร่วมชายคา
อาจไม่ได้เข้าขากันตลอด บ่อยครั้งจะทะเลาะกันด้วยปริศนาอธรรมที่เจ้าแขกผู้นี้ริเริ่มก่อกวน
ขึ้นมาในวงเหล้า ขัดคอรุนแรงเสียจนนักเลงอย่างพระยาดำออกเกรี้ยว ร่ำๆจะตัดเพื่อนอยู่หลายครา
แต่พอผ่านไปได้นั้นกลับยิ่งทวีความพอใจในตัวเกลอแก้วชื่อยม



เรือนหัวเมืองกาญจนบุรีของพระยาดำเกิงในสวนขุดบ่อน้ำเล็กๆไว้ ข้างบ่อนั้นมีศาลาไม้โล่งโถง
ซึ่งถือเป็นเวทีหมากรุกกระดานและสถานร่ำสุรากับสหาย เย็นนี้ได้สั่งโสมสมัยลูกสาววัยกำดัด
ช่วยบ่าวตระเตรียมกับแกล้มยกมาให้พร้อมพรัก พระยาดำเพ่งหน้าของบุตรสาวซึ่งนวลแอร่ม
ดั่งโสมสมนาม ที่ตั้งชื่อเจ้าให้มีความหมายถึงพระจันทร์เช่นนี้ให้พ้องกับแม่ของเจ้าดอก
แม่จันทร์เมียรักที่ตายไป เงาสะท้อนที่ติดตรึงเมียและลูกสาว ชีวิตนี้เขาจึงมีจันทราในใจถึงสองดวง

‘ลูกโสม ชื่นใจของพ่อ รสมือเอ็งนี่นับวันเห็นทีจะเหนือกว่าแม่ แต่อย่าเอ็ดไปล่ะ
รู้กันแค่เรา...เดี๋ยวเดี๋ยวแม่เอ็งจะโกรธ’
คนเป็นบิดาเอ่ยเป็นเล่นราวกับเมียรักยังมีชีวิตและจะแอบมาได้ยินเข้าก็ไม่ปาน

บุตรีผู้มีแววตาแจ่มใสพริบพราวแย้มยิ้มรับคำ มิได้กล่าวตอบพลางค้อมกายจากไปอย่างรู้มารยาท
ตาสดใสขี้เล่นพลันเลยไปสบกับสหายบิดาในชั่วอึดใจก่อนผินจาก ...ต่อเมื่อเจ้าของดวงหน้าจิ้มลิ้ม
คล้อยหลัง สายตาลึกลับเข้มขรึมยังคงจับจ้องตามร่างนั้นไป หมายว่าผู้บิดาของเด็กสาวอาจมิทันสังเกต
ทว่าใยเสน่หาในใจก่อตัว ยากจะแสร้งหลอกตนทำไม่รับไม่รู้

ตะวันลาไปนานแล้ว ย่ำค่ำหรีดหริ่งขับขาน มีเพียงตัวท่านพระยาและนายยมนั่งกันสนทนาอยู่
ถือไหสุราคนละไหอย่างดิบๆตามรสนิยมเจ้าเรือน

‘กินเหล้าในแก้วแบบพวกฝรั่งอั้งม้อ กูกินทั้งคืนก็ไม่เมา’

‘หากเทลงจากไหใส่แก้ว มีอันใดต่างกัน’

‘อ้ายยม เอ็งนี่สำคัญ ข้าละสงสัยมานาน เอ็งเป็นใครมาจากไหน’

‘ผมเคยบอกท่านแล้ว’

‘บอกตอนไหน ถามกี่ทีก็ว่าไม่มีหัวนอนปลายตีน’

เจ้าของนัยน์ตาลึกหรี่ตา ยกไหขึ้นบดบังสีหน้า ก็บอกท่านแล้ว...ตั้งแต่คืนแรกที่เราเป็นสหายกันนั่นอย่างไร
‘ไม่มีพ่อแม่ แต่แท้จริงแล้วผมก็มีบ้านอยู่ วันหนึ่งจะพาท่านไปเยือน’

‘จริงล่ะ อย่าหลอกให้กูคอยเก้อแล้วกัน’

มาดของพระยาดำยามอยู่ต่อหน้าสหายยมกลับร่าเริงเหมือนเด็กหนุ่ม
ไม่มีใครได้เห็นท่านในมาดนี้นัก ปกติท่านจะดุ กร้านเชิง ริบเอาของชาวบ้านอ่อนแอ
ที่แพ้พนันเป็นของตนได้อย่างหน้าไม่เปลี่ยนสี ตาไม่เปลี่ยนแวว

‘รู้อะไรไหมยม คุณสมบัติเด่นของนักพนันคืออะไร... มันคือการตีสีหน้าว่าไม่รู้
ในสิ่งที่เราอาจรู้ดีที่สุด เพื่อให้คู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าตายใจ’

‘ท่านทำได้เหนือใครในวงพนัน ผมตระหนักดี’

‘งั้นจงรู้ไว้อีกอย่าง ว่าบางเรื่องกูก็รู้สิ้น โดยเฉพาะเรื่องของพวกคน...
กินบนเรือน แต่ไม่พึงเจียมกะลาหัว’ ท้ายคำแค่นเสียงหนัก

ผู้เป็นสหายขยับกาย ผ่อนลมหายใจสงบ แต่แววตาเจือรอยกระสับกระส่ายอยู่ส่วนหนึ่ง
เบนสายตาไปมองเงาจันทร์สะท้อนน้ำ

‘ใต้เงาจันทร์มีกระต่ายเฝ้าหมายมอง...’ คำพูดของพระยาดำคล้ายจะเอ่ยเรียบเรื่อย

‘หากชะตานำพาให้พบ เรื่องฐานะก็เป็นเพียง... ..’

‘ชะ เสือกตีลิ้นอย่างปราชญ์ มึงมีอะไรเทียมหน้าลูกกูได้’ สุ้มเสียงแฝงรอยโกรธ แม้วัยจะยังเพียงต้นสี่สิบ
แต่ความหวงแหนในสิ่งที่ถือรวมเป็นสมบัติแห่งตนไม่เคยผ่อนปรน ‘เห็นแก่เป็นเกลอ ที่ผ่านมา
จึงไม่ถือสาหาความดอก แต่ความกระหายอยากในตามึง กูคงแกล้งทำมิเห็นไม่ได้ตลอดไป’

‘ไม่มีฐานะใดในโลกจะยกมาเทียมหน้า แต่หากเป็นเรื่องทรัพย์ศฤงคารแล้วไซร้
เกรงว่าจะยกมาสู่ขอได้ท่วมเรือนเจ้าคุณ’ น้ำเสียงคล้ายจะขอลุแก่โทษเข้มสงบ
กลับแฝงแววผยองในสันดานที่สื่อออกมาแม้มิตั้งใจ

เงาจันทร์ในน้ำพลันกระเพื่อม เมื่อสบกับน้ำลายที่พระยาดำถ่มถุยลงใส่
พลันทำลายภาพฝันกระจ่างที่สะท้อนในดวงตาลึกจนแหว่งวิ่นเป็นริ้ว

ถ้อยคำตัดรอนสบประมาทจากคืนนั้นเอง ภายหลังจึ่งกลายเป็นชนวนให้
เหรียญทองลวดลายแปลกตาเหรียญหนึ่งถูกทำขึ้น เพียงเพื่อเกมพนัน
ที่มีเดิมพันคือทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตที่อีกฝ่ายมี...



นพคุณฝันว่าตนนั่งอยู่บนศาลาไม้เก่าๆในสวนซึ่งถูกปล่อยร้าง สภาพรอบกายจะเป็นอย่างไร
เขาไม่ได้สนใจนัก... รู้เพียงในฝัน พระจันทร์เต็มดวงแก่ก่ำคล้ายส้มสุกสีทองปลั่ง
เขามองจันทร์สะท้อนน้ำแสนสงบเย็นรื่นอยู่ดีๆ อะไรบางอย่างดันโดดตูมลงไป

ลูกกระต่ายขาวตัวหนึ่ง ไม่เพียงแต่ดึงความสนใจทั้งหมดไปได้ เจ้าตัวดียังว่ายอวดลีลา
ท่าตะกุยน้ำอย่างคล่องแคล่ว นอนหงายพุงตีขาแรงจนน้ำสาดกระจายขึ้นมาบนท่า
ใส่หน้าเขาจนสะดุ้งเยือกตื่น หมดอารมณ์สุนทรีย์

“อะไรกันเล่าตัวนุ่ม!” ชายหนุ่มดุเสียงพร่า เมื่อพบว่าในความเป็นจริงเขากำลังถูกพรมน้ำใส่หน้า
ด้วยนิ้วขาวๆของหญิงสาว วิญญาณสาว หรือที่เขาแอบเรียกในใจว่าสาวรับใช้ผู้ไม่เคารพเจ้านายเท่าที่ควร

น้ำที่เอามาพรมหน้าเขาคงไม่ใช่จากไหนไกล เป็นจากตู้เลี้ยงไม้น้ำในห้องนอนนี่เอง!

“โทรศัพท์สั่นเป็นเจ้าเข้ามาตั้งสี่หนแล้ว น่ารำคาญ นี่เงียบไปละ โทร.กลับซะทีเถอะ
กวนคนจะหลับจะนอน”

คน ที่เป็นคนจริงๆตามถ้อยคำและกำลังโดนรบกวนการนอนน่ะคือเขาต่างหาก
ชายหนุ่มหยิบมือถือมาดูอย่างเสียไม่ได้ พบว่าเป็นกานต์รวี ตัวหนีไปไกลแล้วแต่ยังไม่วาย
หาทางติดต่อ ช่างไม่กลัวว่าเขาจะส่งผีไปหลอกผ่านทางสัญญาณโทรศัพท์บ้างเลย
สุดท้าย เขาจึงชิงโทร.กลับก่อนจะโดนกวนอีกระลอก

“หือ... จะชวนไปต่างจังหวัดหรือ? ไม่ไปหรอก บอกว่าเดือนนี้ทั้งเดือนจะปลีกวิเวกไง”
นพคุณมองปฏิทินดิจิตอลที่เรืองแสงอยู่คู่นาฬิกาปลุก นี่มันเพิ่งวันที่สิบเจ็ด เหลืออีกหลายวัน
กว่าเขาจะพ้นขีดเคอร์ฟิวหนึ่งเดือนตามที่ตกลงกับกระต่ายสาวประจำเหรียญไว้ดิบดี

“ถ้าเป็นเดือนหน้ายังพอว่า อะไรนะ ไปกาญจน์...”

ชายหนุ่มพลันเข้าใจว่าทำไมคนปลายสายจึงคิดว่าเขาจะยอมตกปากรับคำ
กาญจนบุรี...ก็ที่นั่นเป็นแหล่งซึ่งสุสานพญาดำเร้นอยู่ เขากับเป็นเอกยังเคยไปเยือนกันมาแล้ว
แม้จะยังหาทางเข้าสถานที่ซ่อนสมบัติไม่พบ ถึงพยายามลืมมันไปเสียก่อนชั่วคราวจนกว่าจะได้กุญแจทอง
...แต่ไม่ว่าอย่างไรความต้องการก็ยังแฝงในอนุสติ ได้ยินว่าจะได้เข้าใกล้มันอีกครั้งก็ปั่นป่วนในใจ

สุดท้ายเขาก็รับปากว่าอย่างน้อยจะออกไปพบกานต์รวีกับสุวิชายังร้านอาหารในห้าง
เพราะอีกฝ่ายย้ำว่าครั้งนี้มีเรื่องให้ช่วยจริงจัง นพคุณจึงคิดจะลองไปฟังดูก่อนว่าเพื่อนสาวร่วมทีม
ต้องการอะไรแน่ ปกติแล้วเขาเป็นพวกปฏิเสธชาวบ้านได้เฉียบขาด
ไม่คาดว่าเพราะตัวเองแท้ๆที่คุยโทรศัพท์อยู่ดีๆก็หลุดพูดชื่อร้านสเต๊กร้านดังนั้นออกมา
เป็นเหตุให้เมื่อถูกสะกิดจนต้องมองลงไปบนเตียง กระต่ายตัวเล็กจ้อยน่าเวทนาสงสาร
กลับใช้นัยน์ตาโศกจับใจเขาไว้ได้ในนาทีนั้น แม่นี่ลงทุนเปลี่ยนร่างเพื่อเล่นบทสัตว์น้อยขาดอาหาร
ที่พร้อมจะลงไปชักดิ้นชักงอได้ทุกเมื่อ แล้วแบบนี้เขาจะทนไหวยังไง

“บอกซะก่อนนะ ให้แอบกินแค่นิดหน่อย จะตะกละไม่ได้เด็ดขาด”

ผู้ถูกสั่งพยักหน้าหงึกอย่างเชื่องๆ
แต่นพคุณรู้ดีว่าเรื่องจริงจะเป็นอีกแบบ จึงได้แต่ขมวดคิ้วส่ายหน้าปลงๆ


สุวิชามานั่งรออยู่ในร้านอาหาร ไม่เพียงเท่านั้นยังเริ่มกินไปล่วงหน้าแล้วอีกต่างหาก
นพคุณวางกระต่ายที่ตอนนี้ไม่ปรากฏตัวให้ใครนอกจากเขาเห็นลงบนโต๊ะ
ปล่อยให้มองจานอาหารของเพื่อนเขาตาปรอย

“มาเร็วเหมือนเคย”

“อือ” คนตอบผักสลัดเต็มปากทั้งมือยังกดเกมมือถือไปด้วย แถมตรงหน้ายังมีเมนูที่เอามากาง
เตรียมสั่งของกินเพิ่ม จึงยิ่งไม่ทันได้เห็นว่าผักเขียวสดใบเล็กกำลังถูกลักจากจานไปเคี้ยว กร้วมหายๆ

นพคุณหรี่ตามองเจ้าตัวที่บอกให้เขาถือศีลห้า ก่อนจะทำเป็นมองไม่เห็นภาพนั้นไปด้วยอีกคน
หันมาเลือกเมนูตามใจ สั่งของแถมให้ตัวนุ่ม และสั่งของกินเล่นเผื่อกานต์รวีที่ส่งข้อความมา
บอกว่ากำลังจะถึงในอีกสิบห้านาที

อาหารถูกวางลงตรงหน้า สเต๊กผิวนอกเกรียมเกินไปยี่สิบเปอร์เซ็นต์
ชิ้นเล็กกว่าในรูปสามสิบเปอร์เซ็นต์ ด้านความน่ากิน...น้อยลงไปกว่าในรูปถึงห้าสิบเปอร์เซ็นต์
นพคุณยิ้มหน้าเมื่อย ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงหาเรื่องแก้เผ็ดให้ร้านต้องลำบาก แต่เวลานี้
เขาอยากทำตัวดีเป็นพิเศษ อีกอย่างตัวนุ่มก็ทำตาละห้อยแล้ว อาหารของนายชาที่จิ๊กได้เล็กๆน้อยๆ
คงไม่พอยาไส้ ชายหนุ่มจึงได้แต่ใช้มีดและส้อมจัดแจงตัดแบ่งอาหารออกเป็นคำเล็กๆสำหรับแม่ตัวยุ่ง
และคำใหญ่สำหรับตัวเอง...
ไม่ทันไรก็พลันต้องจุปาก เมื่ออีกฝ่ายชิงเขมือบแต่ชิ้นใหญ่ เหลือชิ้นเล็กทิ้งไว้ให้เขาแทน

“รวีส่งข้อความมาว่าอีกสิบห้านาทีจะถึง” คนใส่แว่นรำพึง

“เออ ก่อนฉันจะเข้ามาในร้านก็สิบห้า ตอนนี้มาเริ่มนับสิบห้าใหม่อีกแล้ว”

“รู้ๆกันอยู่” นักประดิษฐ์หนุ่มซึ่งพ่วงตำแหน่งคุณหมอจำเป็นและอีกหลายอย่างฮัมเพลงในคอไป
กินด้วยมือเดียวไปพลาง ขณะชวนคุยเรื่อยเปื่อย “อยากไปว่ายน้ำว่ะ ช่วงนี้มันยังร้อนอยู่เลยนะ หน้าฝนซะเปล่า”

“แกว่ายเป็นหรือไง จะไปเหล่สาวสิ ยกมือไหว้น้ำในโถส้วมไปพลางๆก่อนแล้วกัน” นพคุณพูดอย่างใจร้าย

“นั่นปากคนหรือว่าปากน้องหมา” คนใส่แว่นพ่นลมหายใจ

“คู่ควรกับแกแล้วไง”

สุวิชาชี้หน้าเพื่อน พึมพำสาปแช่ง “ปากจัดนักนะ หาเมียไม่ได้อย่าว่าไม่เตือน”

นพคุณแยกเขี้ยวยียวน การหาเมียอาจเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับมัน แต่ไม่ใช่เรื่องที่เขาเคยสน
จากนั้นคนใส่แว่นยังบ่นถึงเรื่องผู้หญิงหลายคนที่ตอนนี้ตนกำลังคั่วอยู่ จึงต้องสับรางให้อลหม่าน
ฟังแล้วแสนจะขัดกับความงานยุ่งที่มันชอบบ่นและบุคลิกคงแก่เรียนไปไกลถึงสิบโยชน์เศษๆ

ระหว่างกินและฟัง นพคุณมองหน้าเพื่อน ทรงผมนี่คงเป็นแบบที่นายชาคิดว่าทันสมัยที่สุดแล้ว
จัดกระบังหน้าไว้สูงขึ้นไปสักสองนิ้วกว่าเห็นจะได้ ผิวขาวเผือดอมโรคอย่างคนไม่ออกกำลัง
ใครว่าคนเรียนวิทย์ซึ่งรู้เรื่องกลไกร่างกายดีทุกอย่างจะจัดแจงตัวเองได้พอเหมาะ ยิ่งรู้ยิ่งละเลย
ยิ่งคิดว่าเป็นเรื่องจิ๊บจ้อยไม่น่าสนใจเสียละมาก แต่ตอนนี้มันก็จัดการกับรูปลักษณ์จืดๆชืดๆ เนิร์ด
หมกมุ่น ให้ดูเตะตาขึ้นมาหลายส่วน แถมนอกจากเล่นเกมมือถือไปพลางยังอมยิ้มกรุ้มกริ่ม
คล้ายกำลังแชทกับสาวอีกต่างหาก

แต่ก่อนฐานะนายชามันย่ำแย่ยิ่งกว่าเขา เคยเป็นเด็กวัด โตมาก็ทำงานใช้ทุน ทว่าตอนนี้
เสื้อผ้านาฬิกามีราคาตั้งแต่หัวจรดเท้า ไม่ต่างจากเขาที่ความเป็นอยู่ดีขึ้นมากหลังจากเป็นโจร
ย้ายมาอยู่คอนโดโอ่โถงถอยใหม่เอี่ยม อยากได้อะไรก็ทุ่มเงินซื้อได้หมดจากที่เคยคิดแล้วคิดอีก
เรื่องในอดีตดูเหมือนห่างไกลยิ่งกว่าความสะดวกสบายที่เป็นภาพชัดเจนในเวลานี้

บางทีการเป็นโจรก็ไม่ได้ต้องอาศัยปมมากมายอะไรอย่างที่คนนอกพยายามวิเคราะห์
...แค่เพราะมันได้มาง่าย เรื่องความคับแค้นขัดข้อง ภายหลังก็เป็นแค่ข้ออ้างซึ่งมีไว้หลอกตัวเอง

“ทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่นั่น” สุวิชาว่าลอยๆ

นพคุณเลิกคิ้ว “แกสนใจมองหน้าฉันด้วยเหรอวะไอ้ชา นึกว่ามองแต่จอมือถือ”

เนื่องจากเพื่อนเป็นคนอ่อนนิ่มใจเสาะ หรือเรียกง่ายๆว่า ‘กระแดะ’ อยู่หลายส่วน
แม้จะรู้จักกันมานานโขแต่นพคุณก็ยังพูดจากับไอ้เพื่อนคนนี้นิ่มนวลกว่าเป็นเอก

“ก้อนหินก้อนนั้นน่ะ กำไว้ก็เจ็บมือเปล่าๆ” สุวิชาถอนหายใจ

นพคุณทุบโต๊ะปึง กระต่ายตัวเล็กไถลตัววืดจากข้างแก้วน้ำอัดลมของสุวิชา
ตัวสั่นตั้งแต่หัวจรดหางอย่างตกใจ นี่ถ้าเขาไม่ปรามแม่ตัวดีคงทำน้ำหกไปแล้วแน่ๆ

“ถึงกับใส่อารมณ์เลยเหรอวะ โต๊ะข้างๆหันมามองแล้ว” คนสวมแว่นกระซิบห้ามพัลวัน

“ตะกี้แกว่าอะไรวะ ทำเป็นพล่ามเท่ๆเรื่องอะไรอยู่รึ” เขารู้ดีเชียวละว่ามันหมายถึงเรื่องไหน
“นั่นสินะ...ก้อนหิน ถ้ากำไว้แล้วเจ็บ สู้เอามาปาหัวกบาลชาวบ้านแทน
คนเจ็บจะได้เป็นชาวบ้านใช่ไหม งั้นล่อแถวนี้เลยละกัน!” ชายหนุ่มตั้งท่าจะแจกมะเหงก

สุวิชาเอนหลบวูบไหวทันควัน “ใจเย็นน่า แต่เราคิดเรื่องไอ้เอกตลอดเวลาไม่ได้นี่”

“แกพูดเหมือนจะให้ลืมว่ามีมันอยู่ในโลกมากกว่า” นพคุณเอ่ยเสียงเข้ม
พยายามทำเมินกับกระต่ายล่องหนที่ตอนนี้เปลี่ยนร่างเป็นสาวน้อยสดใสตรงท้ายทอยปลายหางผมกระดก
กำลังนั่งอยู่ตรงที่นั่งว่างของโต๊ะสี่คน เรียกร้องความสนใจจากเขาด้วยการจิ้มๆลงไปบนหน้าเมนูที่อยากให้สั่งเพิ่ม

“ไม่ใช่น่าไอ้เก้า แต่แกต้องทำเหมือน...เหมือนการหายตัวไปของมันเป็นสูตรคณิตศาสตร์
ที่เรากำลังหาคำตอบ แบ่งเวลาคิดถึงให้พอเหมาะ ไม่ใช่แบกไปทุกที่ ฉันเองก็ไม่ทำแบบนั้น
เพราะฉันไม่ใช่ดาวินชี่หรือไอน์สไตน์ ยังมีเรื่องอื่นให้คิดอีกเยอะ”

“เรื่องสาวๆงั้นสิ” คนฟังคำราม ทั้งมือยังต้องเอื้อมไปรั้งตัวกระต่ายตัวเป็นก้อนกลม
ที่กำลังจะลามไปกินดอกไม้ในแจกันประดับโต๊ะให้กลับร่างมาเป็นคนนั่งสงบเรียบร้อยเหมือนเดิม

ก่อนการถกเถียงประเด็นปล่อยวางอย่างไรให้เหมาะสมจะดำเนินไปไกล กานต์รวีก็มาถึง
หญิงสาววางกระเป๋าแหมะลงไปทับเก้าอี้ที่ตัวนุ่มในร่างคนนั่งอยู่ กระเป๋าแบรนด์เนมใบใหญ่
ไม่ได้ก่อความรำคาญให้สักนิด วิญญาณสาวกลับตาโต มองทะลุพุงโปร่งใสของตนซึ่งมี
กระเป๋าซ้อนอยู่ ทำท่าบุ้ยใบ้ว่าสนใจอยากได้บ้างเสียอีก ซึ่งนพคุณมีแต่ก็ต้องทำเป็นมองข้ามไปอีกคำรบ

“แวะนวดหน้ามาน่ะ เลยเลท”

สุวิชาเลิกคิ้ว “นวดยังไงของเธอ ยังแต่งหน้ากลับเข้าไปอีกได้หนาขนาดนี้”

“เดี๋ยวเถอะ” กานต์รวีหรี่ตามองคู่ปรับ ไม่มองเปล่า ยังยื่นมือไปแหนบแขนผอมแห้งแรงๆทีหนึ่ง
แต่กลับต้องส่ายหน้าเมื่อสุวิชาไม่เจ็บไม่คัน หัวเราะชอบใจกับความสนิทสนมซึ่งเธอมอบให้เสียอีก

เริ่มกินไปได้หน่อย อย่างไม่ชักช้า กานต์รวีก็เอ่ยเข้าเรื่องฉับไว พร้อมชี้แจงยาวเป็นชุด

“...คือผู้กำกับคนเดิมคนที่เก้าเคยไปลองรับงานสตั๊นท์ทีสองทีเมื่อปีก่อนนั่นแหละ
พี่เขาร้องหาเก้ามาแต่แรกแล้ว แต่ตอนนั้นเรายังไม่ว่างกัน” หญิงสาวละคำว่ายังไม่ว่าง
เหมือนตอนนี้ที่ไม่มีเป็นเอกไว้แต่เพียงในใจ บางทีเธอก็โล่ง คล้ายๆสวรรค์อาจจะ
อยากให้ตนกลับสู่ทางที่ควรอยู่เสียที จึงทำให้เรื่องปล้นระห่ำที่ดูจะอันตรายขึ้นทุกที
มีอันต้องซาลง “อย่างที่บอก ก็เสาร์หน้านี่แล้ว อยากให้เก้าไปกับกองถ่ายในฐานะตัวแสดงแทนพระเอก”

“จนป่านนี้ เขาไม่ได้หาคนไว้แล้วหรอกหรือ”

“ก็มีที่หาไว้ แต่ไม่ดีเท่าเก้า...พวกฉากสู้กลิ้งลงเขา ต่อยกันบนแพ ไล่ล่ากันในน้ำในท่าอะไรเทือกนั้น
เดี๋ยวก็ลองคุยกับพี่เขาดูก่อน ไม่ได้อันตรายอะไรสักหนึ่งส่วนร้อยเมื่อเทียบกับงานของ‘เรา’
พี่เขาอยากได้ภาพสวย ท่าสวย รวีก็เลยชวนให้เขาลองพึ่งมือโปรฯอีกสักที”

กาญจนบุรี... นพคุณยกน้ำขึ้นจิบ สีหน้ายังไม่บ่งบอกการตัดสินใจ

กานต์รวีเลิกคิ้ว ตัดสินใจทิ้งไพ่ไปเด็ด “ทำเลก็...อยู่ใกล้ๆกับที่เก้ากับเอกเคยออกไปสำรวจกันมานั่นแหละ
เพราะหลายฉากต้องเข้าป่าไปถ่ายทำ อีกอย่าง รวีอยากให้ช่วย ถ้าเก้าไป เอานายชาไปด้วย รวีตามไป
ก็ไม่น่าเกลียด อยู่ที่นั่นหลายวันเผื่อจะได้คุยเรื่องบทหนังใหญ่ที่พี่ผู้จัดเขากำลังเล็งตัวนักแสดง”
กานต์รวีไม่อ้อมค้อม

นพคุณหูผึ่ง แต่สีหน้ายังยิ้มเท่าเดิมไม่เปลี่ยน อันที่จริงอยู่บ้านเขาก็เบื่อ
แต่แล่นไปเป็นสตั๊นท์แมนเขาอาจได้ตายลงอีกสักครั้งสองครั้ง ฉากไม่อันตรายหรือ...
อย่าว่าแต่ตอนนี้อยู่เฉยๆยังจะตาย ทว่าแรงขับเคลื่อนบางอย่างกลับบอกให้เขาไป
ครั้นสบตาแม่กระต่ายในร่างสาวน้อย อีกฝ่ายกำลังส่ายหน้าช้าๆ
ส่วนแววตานั้นบ่งบอกว่ารู้แล้วถึงการตัดสินใจของเขา ...รู้ก็ดี

สุวิชาที่ตกลงรับปากจะไปตั้งแต่แรกแล้วนั่งเงียบมาตลอด ทั้งไม่ช่วยยุและไม่แสดงความเห็น
เพราะอยากดูว่ากานต์รวีจะแสดงบทบาทนี้สำเร็จหรือไม่ เห็นว่าเพิ่งไปนวดไปพอกหน้าอะไร
มาสักอย่าง แต่หน้ากากที่ปั้นไว้เป็นสีหน้าผู้ต้องการความเห็นใจที่สวมไว้ยังติดแน่นหนาดีอยู่เชียว

“ไปก็ไป”

ตัวนุ่มเท้าแขนกับโต๊ะ วางคางลงบนกำปั้นอย่างโกรธๆ หันไปพินิจกานต์รวี
ในที่สุดเขาก็ไปที่นั่นหรือ อันตรายรออยู่แท้ๆ เธอไม่ชอบผู้หญิงคนนี้ตั้งแต่แรกแล้ว
นี่จะมาชวนเก้าไปเสี่ยงอีก ถ้าลองทำให้เจ้าหล่อนคิดว่าผู้ชายที่หมายตามีวิญญาณตามติด
ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ไม่ว่าจะอยู่บ้านหรืออยู่ที่ไหน แม่นี่จะเลิกล้มความตั้งใจหรือเปล่า...

ขณะที่กานต์รวีกำลังจะหยิบแก้วน้ำเปล่าเย็นเฉียบโดยไม่ได้เหลือบตามองเต็มตา
สิ่งที่หมายจะคว้าพลันคลาดมือ หญิงสาวหันมองงงๆ พบว่าแก้วเลื่อนหนีมือไปถึงสามนิ้ว

“สงสัยก้นแก้วจะเปียก” หญิงสาวเสหัวเราะแห้งๆ พยายามคว้าแก้วที่คล้ายจะเลื่อนหลบอีกตะครุบไว้แน่น

สุวิชาขมวดคิ้ว เพราะเห็นว่ามีที่รองแก้วอยู่ และแก้วก็ไม่ได้เปียกอย่างที่อีกฝ่ายพูด
แต่ก่อนจะทันเอ่ยทัก ปากพลันถูกยัดด้วยกุ้งชุบแป้งทอดที่นพคุณปรนเปรอให้

“เออ แล้วสาวคนที่แกเดทด้วยช่วงนี้เขาจะไม่ว่าเอาเหรอ ไปต่างจังหวัดทั้งทีไม่ชวน”

“รวีบอกจะรับผิดชอบ ยอมเป็นคู่ควงให้แทนถ้าทำฉันชวดรายนี้”

กานต์รวีย่นจมูกใส่ เอื้อมมือกลับไปจะหยิบมีดและส้อมมาจัดการกับชิ้นปลาที่เหลือต่อ
กลับพบว่ามันหายไปหมดเสียแล้ว เมื่อครู่หางตายังเห็นการเคลื่อนไหวไรๆ
เธอไม่กล้าพูด แต่ลงขนาดนี้ เห็นที...

“เอ่อ รู้สึกว่ามีอะไรแปลกๆบนโต๊ะนี่กันบ้างไหม”

“ท่าทางของเซ่นจะน้อยไป” นพคุณอดไม่ได้... อันที่จริงเขาควรดุ แต่ภาพที่แม่กระต่ายในร่างคนทำ
มันช่างชวนขำ ย่องไปทางซ้ายทีทางขวาที แกล้งกานต์รวีให้วุ่นวายไปหมด ขณะที่นายชาควักมือถือ
มาเล่นอีกรอบ ทำให้ทางสะดวกตกเป็นของฝ่ายผีอยู่ชัดเจน

กานต์รวีหน้าถอดสีในบัดดล เอื้อมมือสั่นๆไปคว้าแก้วน้ำหมายดื่มระงับอารมณ์
เพราะมัวตาแข็งค้างไม่กล้าเหลียวหันซ้ายขวา จึงไม่ทันดูว่าในแก้วของตนมีผงพริกไทยถูกโรยไว้พูน
หญิงสาวยกซด ก่อนจะร้องลั่น

นพคุณถึงกับต้องใช้กำปั้นอุดปากไม่ให้หลุดขำ มองสุวิชาที่ง่อกแง่กวิ่งตาม หญิงสาวผู้รีบแจ้น
ไปห้องน้ำแทบไม่ทัน เห็นเป็นไม้เบื่อไม้เมากันอยู่ แต่จริงๆไอ้แว่นนี่มันแคร์อีกฝ่ายใช่เล่น
ที่คอยพูดเรื่องสาวอื่นต่อหน้าก็หวังยั่วกานต์รวีให้หมั่นไส้เล่นบ้างเท่านั้น อึดใจถัดมา
ชายหนุ่มปรายตาไปยังวิญญาณร้ายน่ารักของเขา เห็นยายตัวนุ่มหัวเราะงอหงายมือ
ทุบลงบนโต๊ะอย่างสาแก่ใจ

นพคุณส่ายหน้า เอ่ยเป็นการเป็นงาน “ตอนนี้ปล่อยไปก่อน แต่ตามข้อตกลงที่สัญญากันไว้
ดูเหมือนเธอจะฝ่าฝืนข้อห้ามหลายข้อเลยนะไอ้ที่เพิ่งทำไป”

ทว่าตัวนุ่มดูเหมือนจะไม่ได้ฟัง เพียงแต่ถูมืออย่างพึงใจ ชะโงกหน้าเข้ามาใกล้เขา
“นี่ ทีนี้ก็ไม่มีใครแล้ว ...จะได้สั่งอาหารของตัวเองสักที”

ตากลมหวานออดอ้อนอย่างที่เรียกว่า...เอาตาย ชายหนุ่มกลับถลึงตาสวนใส่เจ้าของคำพูด
อย่างทึ่งจัด กินไปตั้งมากขนาดนั้น ทำไมทำท่าเหมือนหิวขนาดนี้ นี่เขาไปเก็บตัวอะไรมาเลี้ยงกันแน่

“กินได้ก็กินไป” ชายหนุ่มแยกเขี้ยว แต่อย่ากินเหลือให้เห็นแล้วกัน พ่อจะเอายีหัวซะเลย!



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ย. 2557, 00:10:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ย. 2557, 00:10:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1237





<< ๒.๖ เกมต่อชีวิต   ๓.๒ ขุมทรัพย์ต้องสาป >>
ภาวิน 23 ก.ย. 2557, 04:13:53 น.
ใคร ใคร้ ใคร เอาเหรียญไปวางในห้องทอง ล่อลวงไอ้พี่เก้าแบบนี้ แล้วพยญาดำเกิงอดิเรกไปผุดเกิดหรือยังป่านนี้ รู้หรือเปล่าว่าโจรจ้องจะบุกสุสานท่านแล้วววว


ใบบัวน่ารัก 23 ก.ย. 2557, 05:49:53 น.
ตัวนุ่มไม่กลัวอ้วนหรือจ๊ะ กินเยอะไปแล้วนะ
พี่เก้าห้ามๆๆบ้างนะ อ้วนแย่
มีเรื่องในอดีต และ ท่านยมด้วย น่ากลัวจัง
จะไปแจกลายเซนงานหนังสือวันไหนแจงด้วยนะ มีกระต่ายน้อยแจกไหม
เค้าอยากได้นะนะจิงจิง


yimyum 23 ก.ย. 2557, 06:23:35 น.
น่าร๊ากกกกกกกกก >< การลงโทษของไอ้พี่เก้านี่ ตกลงมันเป็นการลงโทษกระต่ายหรือของหมากันแน่คะ?


ketza 23 ก.ย. 2557, 06:29:00 น.
หูยยย มีอดีตด้วยย ใครเป้นใคร พี่เก้าเป้นใครน๊ออ

... ตัวนุ่มน่าร๊ากกก แม่กระต่ายน้อยกินจนตัวกลมแระนะ อุจิ๊


lovemuay 23 ก.ย. 2557, 06:51:56 น.
คู่นี้สนิทกันได้น่าร้าากจริงๆ อิอิ


ดังปัณณ์ 23 ก.ย. 2557, 10:33:54 น.
โอ๊ววววววววววววววววววววว พอรู้แระตัวนุ่มเป็นครายยยยยยยยยยยยย 555+ อิพี่เก้าเอ๊ยยยยยยยยยย งานหนักแระงานนี้ อุเหม่ ด่านพ่อตานี่ท่าจะผ่านลำบากนา ไปทำไรไว้ให้พ่อตาเค้าโกรธขนาดนั้นละนิ

งั้นๆๆๆตัวนุ่มก็ไม่ใช่คนดิ แล้ว แล้ว...เค้าจะอยู่ด้วยกันยังไง แอร๊ยยยยยยยยยยยยยยยย อุตส่าห์คิดว่านางจะเป็นเหมือนวานี่ วิญญาณหลุดออกจากร่าง กรี๊ดดดดดดดดดดดดด โหยหวนนนนนนนนนนนนนนนน

อย่างนี้เจ้าของเหรียญตัวนุ่มคงต้องร้องเพลงนี้ เจ็บนี้อีกนาน เจ็บนี้ไม่ลืม อืมๆๆๆๆๆๆๆๆ 555+ ตื่นเต้นนนนนนนนนน


นักอ่านเหนียวหนึบ 23 ก.ย. 2557, 12:41:23 น.
อั๊ยยะ ตัวนุ่มเป็นลูกพระยาดำเกิง ตัวพ่อแพ้พนันเลยไปเป็นปู่โสมเฝ้าทรัพย์ แล้วพายัยตัวนุ่มไปด้วยแน่เลย นี่ก็ปล่อยตัวนุ่มออกมาเรียกเหยื่อสินะ


Sukhumvit66 23 ก.ย. 2557, 18:46:36 น.
เรื่องสุสานพญาดำเป็นเรื่องจริงหรือแต่งค่ะ อ่านแล้วอินมากเลยค่ะ


Barby 23 ก.ย. 2557, 19:15:23 น.
จะเกิดอะไรบ้างนะกับเก้า จะผิดศีลหรือป่าว ตัวนุ่มจะช่วยหรือจะยังไงกันแน่


บุลินทร 23 ก.ย. 2557, 20:34:58 น.
ห้องของอสิตาที่บ้านเป็นห้องแห่งอะไรหรือ


พันธุ์แตงกวา 23 ก.ย. 2557, 22:23:54 น.
ช่วงนี้เจ้ต้องกลับเข้าถ้ำ แก้งานส่งหม่อม เดี๋ยวรออ่านเป็นเล่มทั้งเซ็ทนะ ตัวนุ่ม เฮียเก้า เดี๋ยวจะเม้นท์แบบเต็มๆอีกที


Zephyr 4 ต.ค. 2557, 19:24:19 น.
ตัวนุ่มกระเพาะหลุมดำจริงๆ
กินเยอะมากกกกกกกกก
เอาตรงไหนเก็บนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account