สัญญารักพรางใจ
คิมหันต์ไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมบันดาล โชคชะตา ทำบุญร่วมกันมา
เขาเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ
หากไม่มีเหตุการณ์นั้นเขาจะแต่งงานกับมัทนาเพราะเหตุผลอะไร

Tags: ความรัก สัญญา ความลับ

ตอน: ตอนที่ 1...ครึ่งแรก

ตอนที่ 1

เสียงถอนใจตามมาด้วยลมหายใจเจือความกังวลและกลัวสิ่งที่รู้คำตอบมาตั้งแต่หมอบอกว่าการผ่าตัดมีความหวังเพียงแค่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่มันก็เพียงพอให้ยังไม่หมดหวังไม่ใช่หรือ เก้าสิบหกสามชั่วโมงแล้วหลังจากการผ่าตัดจบลง ความหวังค่อยๆ น้อยลงไป ทว่าอีกคำตอบในใจค่อยๆ ชัดเจนตามเวลาที่เดินไป
...ลมหายใจ
นั่นแหละความหวังที่ยังเหลืออยู่ ขอแค่ยังมีลมหายใจ แม้จะแผ่วเบา ลมเย็นจนหนาวสะท้านร่างบอบบางยกแขนขึ้นมากอดอกไว้ หนาวทั้งหายและหนาวทั้งใจ เมื่อไหร่หนอความหวังจะเป็นจริง เพียงแค่ลืมตาแล้วยิ้มให้แม่ เท่านี้เองที่ต้องการ ทว่าวินาทีนั้นยังไม่เกิดขึ้น น้ำตากี่หยดหยาดไหลรินและไม่รู้จะหมดลงเมื่อไหร่
‘การร้องไห้ในโรงพยาบาลส่วนมากก็มาจากการเสียใจเพราะคนที่เรารักกำลังจะจากไป แต่เราช่วยเหลืออะไรไม่ได้’
ใครกันหนอที่บอกไว้ ไม่มีสิ่งใดที่หัวอกคนเป็นแม่จะโต้แย้งคำพูดนี้ได้ แต่ขอได้ไหม ขอเพียงลูกฟื้นขึ้นมา ไม่ใช่ค่อยๆ บอกคำตอบให้แม่ปวดร้าวไปทั้งร่างและหัวใจ หมอต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ รู้ไหมแม่อยากรู้ว่าคำตอบนั้นหมายถึงอะไร เกือบแล้วเกือบที่แม่จะสูญเสียลูกไป อย่าทำแบบนั้นกับแม่ได้ไหม พ่อของลูกจากไปโดยไม่มีโอกาสจะบอกลาแม่สักคำ ได้โปรดเถิด ลูกอย่าทำแบบนั้น แม่ไม่ได้ต้องการคำอำลา แต่ว่าต้องการเสียงหัวเราะ รอยยิ้ม ทุกความทรงจำที่ลูกเคยมีกลับมา แล้วกลับบ้านของเรา
‘ความตายมาหาเราเสมอ ถ้าคิดแง่ในของบุญกรรมก็อาจจะเพราะลูกชายของคุณทำบุญมาเพียงเท่านี้ มีสองทางให้เลือกว่าจะยื้อให้เขาอยู่กับเรา หรือว่าปล่อยเขาไปในวิถีทางของเขานะครับ การปล่อยวางได้ย่อมนำความสุขใจมาให้เสมอ’
ไม่มีใครหนีความตายพ้น พิมพ์อรรู้ซึ้งเมื่อเพิ่งสูญเสียสามีไป บอกให้ปล่อยวางหรือ ต้องทำอย่างไร ในเมื่อลมหายใจของลูกยังอยู่ แม้อ่อนเบาจนเกือบวัดไม่ได้ แต่อีกไม่นานลูกจะลืมตาแล้วบอกว่า...ผมกลับมาแล้ว แต่เมื่อไหร่หนอ แม่รอ...และรอ เมื่อเช้าหมอบอกให้แม่ตัดสินใจ หัวใจของแม่แหลกสลาย แม่ทำไม่ได้ ลูกรู้ใช่ไหม ว่ามันหมายถึงอะไร
ผ่านไปอีกวัน สองวัน สามวัน จนแม่เริ่มทำใจ การมีชีวิตหมายถึงอะไร การที่แม่ยื้อไว้เพื่อให้ตัวเองยังมีชีวิตต่อไป หรือว่าการยอมให้ลูกจากไปอย่างสงบ แม่คิด แม่เสียใจ แต่เพื่อให้ก้าวเดินต่อไปได้ เราทั้งครอบครัวต้องเริ่มทำใจใช่ไหม แม่ควรหยุดและเลิกหวัง แล้วยอมรับและปลงให้ได้ คำพูดสั้นๆ
‘ปล่อยให้ลูกจากไปอย่างสงบ’
แต่แม่แทบพูดออกมาไม่ได้ ลาก่อนดินทร์ลูกรัก ขอให้แม่ได้เป็นแม่ของลูกทุกชาติ แม่คงทำได้เพียงเท่าที่ทำไป เรื่องสำคัญที่ลูกต้องการ แม่จะสานต่อให้ หลับเถิดนะ แม่จะพาลูกกลับบ้านของเรา ไปหาน้องสาว ไปหายาย พ่อคงรอลูกสักที่ใดที่หนึ่งบนโลกใบนี้

หนึ่งปีต่อมา เสียงแม่แรงถูกไสกลับเข้าไปในอู่ขนาดสองคูหากลางเก่ากลางใหม่ พื้นทำจากปูน ผนังทำจากไม้ หลังคามุงด้วยกระเบื้องมีรอยปะที่ทำให้รู้ว่าผ่านการซ่อมมาหลายครั้ง รถยนต์คันสุดท้ายเพิ่งแล่นออกจากอู่ เหลือมอเตอร์ไซค์สองคันที่รอเจ้าของมารับไป ในชุมชนเล็กๆ มีแต่อู่ไม้เมืองที่อยู่ใกล้ทำให้มีงานอยู่เรื่อยๆ ไม่เคยขาดมือ
ลมพัดเข้ามาทำให้ใบหูกวางที่ปลูกริมทางปลิวว่อน เด็กน้อยร่างอ้วนท้วน ผมเป็นระเบียบแบบเด็กประถมวิ่งไปหยิบไม้กวาดทางมะพร้าวมากวาดใบไม้ออกจากอู่ ร่างเพรียวเจ้าของผมซอยสั้นเลยติ่งหูมานิดหนึ่งนั่งลงปาดเหงื่อพลางยิ้มให้น้องชายคนเล็กของบ้าน ในขณะที่คนตัวโตกว่าหน้าตาไทยแท้ๆ ไสมอเตอร์ไซค์เข้ามาเก็บในอู่ก่อนจะเดินไปช่วยเผือกกวาดใบไม้ หญิงสาวที่มองเผินๆ อาจเหมือนหนุ่มหน้าสวยสักคนเดินไปหยิบปุ้งกี๋มาช่วยเก็บใบไม้มาใส่แล้วเดินไปเทที่ถังขยะเทศบาลซึ่งวางอยู่ข้างทาง งานเสร็จแล้วเหลือเพียงปิดอู่ก็เป็นอันจบงานของวันนี้
มัทนาเดินไปล้างคราบน้ำมันจากมือ ด้วยความกระหายจึงเปิดตู้เย็นหยิบน้ำโอเลี้ยงที่ซื้อจนลืมมาดื่มยังดีที่พี่ชายเอามาแช่ตู้เย็นไว้ ไม่อย่างนั้นคงละลายหมดแล้ว เผือกคว้าบานตู้เย็นไว้ก่อนจะหยิบไอติมมานั่งกินใกล้ๆ ลูกพี่ วันนี้มีลูกค้าหลายคน ทำให้มีรถหลายคัน แต่พอเราช่วยกันก็เสร็จไว ถึงเด็กน้อยจะซ่อมรถไม่เป็น แต่ก็พอรู้ว่าอะไรเรียกว่าไขควง อะไรเรียกว่าประแจ ช่วยหยิบเครื่องมือให้พี่ๆ ได้
บำรุงรับน้ำโอเลี้ยงจากน้องสาวมาดูดบ้าง เขาหรี่ตาทำหน้าเหยเกเมื่อความเย็นขึ้นตา คนเป็นน้องหัวเราะชอบใจ บำรุงเป็นผู้ชายที่อายุมากที่สุดในบ้าน แทนที่จะเป็นพ่อ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว พ่อโมกข์ตายไปปีก่อน แต่เธอยังคงนึกถึงการสูญเสียที่ทำให้รู้ว่ามันหมายถึงอะไร เวลาผ่านไปเร็ว แต่ความทรงจำยังคงอยู่ราวกับเรื่องราวต่างๆ เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
“กลับบ้านเร็วสักวันเถอะมัท ป่านนี้แม่กับยายรอกินข้าวแล้ว เดี๋ยวพี่จะไปบ้านลุงผลสักหน่อย ได้ข่าวว่าแกจะทำบุญบ้าน เผื่ออยากจะให้ช่วยอะไร”
มัทนาได้ยินแม่กับยายคุยกันเรื่องนี้เมื่อวาน พี่ไม้เป็นคนชอบช่วยเหลือมาแต่ไหนแต่ไร ในละแวกนี้คนเก่าคนแก่รู้จักกันมานาน จนไม่ใช่ญาติก็เหมือนญาติกัน มีอะไรมักจะช่วยเหลือกันตามแต่กำลังเสมอ
“ถ้างั้นพี่ไม้ไปบ้านลุงผลก่อนแล้วกัน เดี๋ยวมัทเช็คพวกอะไหล่ก่อนกลับ พรุ่งนี้เข้าเมืองจะได้ซื้ออะไหล่มาด้วยเสียเลยจะได้ไม่เสียเที่ยว เอาไอ้แก่ไปนะ น้องนุ่งจะได้ขับลุงริชาร์ดกลับ”
ไม้มอง ‘ไอ้แก่’ ก่อนจะเบิร์ดกะโหลกน้องสาวไปทีหนึ่ง ถึงมอเตอร์ไซค์เวสป้าที่เขาเก็บตังซื้อตั้งแต่ตอนที่เรียนช่างกลจะอายุมากแล้ว แต่มันไม่แก่ ยังหล่อเฟี้ยว ถ้าไม่ได้เวสป้าคันนี้เขาคงไม่ได้ยุพามาเป็นแฟนหรอก เทียวไล้เทียวขื่ออยู่เป็นปีกว่าสาวเจ้าจะยอมรับรัก ส่วนลุงริชาร์ดเป็นมรดกตกทอด ห้ามลบหลู่เด็ดขาด
“ก็ได้ ถ้างั้นไปเจอกันที่บ้านแล้วกัน พี่ไปหาลุงผลแล้วจะได้กลับบ้านเลย วันนี้ล้าจริงๆ รถมาให้ซ่อมเยอะเหลือเกิน แต่ก็ดีจะได้มีเงินไปขอแฟนเร็วๆ เผือกดูแลลูกพี่ด้วยล่ะ” ประโยคหลังฝากไปยัง ‘น้อง’ อีกคน แม้จะเป็นน้องร่วมโลก แต่ก็รักเหมือนน้องจริงๆ
เผือกเงยหน้าจากถ้วยไอติมยิ้มร่าหัวเราะแหะๆ “พี่มัทต่างหากที่ต้องดูแลผม”
บำรุงมองสภาพของน้องสาวที่มองเผินๆ ใกล้จะเหมือนน้องชายเข้าไปทุกวันแล้วหัวเราะตาม
“ก็จริงของแก”
คนถูกนินทาต่อหน้าค้อนใส่ทั้งพี่ทั้งน้อง มาช่วยพี่ชายซ่อมรถที่อู่จะให้ใส่ชุดแซกกับรองเท้าส้นสูงหรือไง แล้วว่ากันตามจริงเธอก็แต่งตัวแบบนี้มาตลอด รองเท้าผ้าใบ เสื้อยืด กางเกงขาสั้นแค่เข่าตัวใหญ่ๆ ใส่สบาย ใครจะไปสวยเฉิดฉายเป็นนางงามอย่างยุพาเล่า รายนั้นเทพีสงกรานต์สามปีซ้อน

พระอาทิตย์ลาลับของฟ้าไปสองชั่วโมงก่อน สองข้างทางที่เป็นสวนผลไม้ของชาวบ้านละแวกนี้มืดแล้ว แม้จะมีไฟส่องทางระยะห่างๆ ก็ช่วยอะไรไม่ได้มากเมื่อรถที่ขับมาตามถนนลาดยางน้อยลงเรื่อยๆ จนเหลือเพียงรถที่รหัทกำลังขับอยู่โดยมีปวรช่วยบอกทางเท่านั้น เลขาหนุ่มหน้าตี๋ตรวจสอบเส้นทางจาก GPS ก็พบว่าถนนเส้นที่บอดี้การ์ดของบอสกำลังขับไม่พบในแผนที่จากโทรศัพท์ จึงได้แต่ขับไปตามทางเรื่อยๆ และมองหาถนนใหญ่เท่านั้น การที่ออกเดินทางช้ากว่าแผนไปมากทำให้กว่าจะมาถึงที่นี่ก็ปาไปหกโมงกว่า
“ผมคิดว่าเรากำลังหลงทางแล้วครับ คงต้องถามทางชาวบ้านแถวนี้ก่อน” รหัทเอ่ยขึ้นเมื่อเริ่มไม่แน่ใจว่าควรไปเส้นทางไหนต่อ อีกทั้งก็มืดค่ำแล้ว ป้ายบอกทางอาจหลงหูหลงตา
“โทรเลื่อนนัดให้ด้วยปวร วันนี้ผมคงไปตามนัดไม่ทันแล้ว”
“ครับบอส”
ปวรรีบทำตามที่คิมหันต์บอก พอเรียบร้อยทั้งเลขาและบอดี้การ์ดก็รีบมองหาคนที่พอจะถามทางได้ การขับรถมายังชนบทที่ยังคงความเป็นวิถีชาวบ้านอยู่มากทำให้บ้านส่วนใหญ่หรือแม้กระทั่งร้านค้าพากันปิดไฟปิดบ้านกันเร็ว ขับไปได้สักพักก็เห็นแสงไฟลิบๆ จากป้ายที่บอกชื่ออู่ไม้เมือง น่าจะขายต้นไม้มากกว่าซ่อมรถ รหัทชะลอรถกำลังจะจอดข้างทาง แต่กลับเปลี่ยนใจเมื่อเห็นบางอย่าง
“เราน่าจะถูกตามครับ” บอดี้การ์ดที่เสี่ยงตายกับคิมหันต์มาหลายครั้งบอกด้วยใบหน้าเรียบเฉย ในมือเตรียมปืนไว้รออย่างไม่ประมาท
คิมหันต์ไม่ได้หันไปมองข้างหลัง ในมือของเขามีปืนรอไว้เช่นกัน การทำธุรกิจสุจริตไม่ได้หมายความว่าจะปลอดภัยเสมอไป เมื่อธุรกิจที่ทำมีคนโลภมากมายต้องการใช้ช่องโหว่ของสายตามนุษย์ทำเรื่องผิดกฎหมาย บางทีอาจเพราะเขาแกล้งโง่ไม่ทำตามข้อเสนอที่ยั่วใจของใครบางคนก็ได้ เงินไม่น้อยใครบ้างอยากมองข้าม ถ้ามันจะไม่ได้มาจากเงินสกปรก
รถที่ขับตามมาเปิดไฟเลี้ยวแล้วขับผ่านไปโดยที่ไม่มีอะไรน่าสงสัย บอดี้การ์ดหนุ่มถอนใจโล่งอกพลางหันไปมองนายที่มีทีท่าปกติ
“ผมอาจจะคิดมากไปเอง”
“ก็ดีกว่าคิดน้อย”
เมื่อหมดเรื่องแล้วรหัทจึงเร่งเครื่องก่อนจะเหยียบเบรกจอดหน้าร้านซ่อมรถที่ประตูแง้มไว้นิดเดียวเท่านั้น แต่ไฟยังเปิดอยู่ แสดงว่ายังมีคน
“ผมลงไปถามคนในอู่นะครับ” ปวรเอ่ยสายตากังวลนิดๆ
รหัทพยักหน้า แต่เพื่อความไม่ประมาทปืนในมือยังอยู่และพร้อมยิงทุกเมื่อ เขาละสายตาจากปวรแล้วมองไปทั่วถนนเส้นนั้น ประตูรถเปิดออกคิมหันต์ก้าวลงมา นายนั่งในรถมาเกือบสามชั่วโมงคงเมื่อยขา รหัทเดินตามและคอยระวังอันตรายให้นายไม่ห่างระหว่างที่ปวรกำลังถามทาง

บรรยากาศโดยรอบเงียบกริบ ไม่มีเสียงเพลงหรือเสียงพูดคุย ปวรพยายามมองเข้าไปในอู่ ไม่กล้าเข้าไปใกล้นักเพราะเดี๋ยวจะเป็นการบุกรุกไป เผือกเห็นคนมาเมียงมอง แต่ความที่ถูกสอนมาว่าอย่าเข้าใกล้คนแปลกหน้าทำให้เด็กน้อยปิดประตูเหล็กยืดที่เหลือช่องอีกน้อยนิดแล้วคล้องสายยูไว้ก่อนจะวิ่งไปหาลูกพี่ที่กำลังง่วนอยู่ที่ชั้นวางอะไหล่
“พี่มัท...ใครก็ไม่รู้มายืนอยู่หน้าอู่”
มัทนาวางสมุดจดรายการอะไหล่ที่ต้องซื้อเมื่อเช็คจากสต๊อกจริง แล้วหยิบไฟฉายติดมือไป ไม่ได้จะเอาไว้ส่องอะไรเพราะไฟหน้าอู่ก็สว่างดี แต่ถ้าไม่ชอบมาพากลไฟฉายนี่แหละอาวุธอย่างดี หญิงสาวเอาสายยูออกแล้วแง้มเลื่อนประตูเหล็กยืดไม่เดินออกไป แต่ตะโกนถามคนที่กำลังหันรีหันขวาง หน้าตาไม่คุ้นไม่น่าใช่คนแถวนี้
“มีอะไรหรือคุณ อู่ปิดแล้ว มีอะไรค่อยมาพรุ่งนี้นะ”
ปวรยิ้มอย่างเป็นมิตร ไม่ขยับเข้าไปใกล้เพื่อความสบายใจกันทั้งสองฝ่าย เขามองเจ้าของอู่ไม่แน่ใจว่าผู้หญิงหรือผู้ชายแต่เสียงแหลมๆ แบบนี้น่าจะผู้หญิงกระมัง
“ขอถามนิดเดียวนะครับ จากตรงนี้ถ้าจะไปถนนเส้น 331 ต้องขับต่อไปยังไงน่ะ เดี๋ยวผมให้ค่าเสียเวลา”
มัทนากอดอกมองอย่างประเมิน ที่แท้ก็คนหลงทางเท่านั้น “ขับรถตรงไปเรื่อยๆ จนเห็นปั๊มน้ำมันที่อยู่ตรงข้ามกับเรือนไทย คุณก็เลี้ยงขวาขับต่อไปสักสองกิโลเมตรก็เลี้ยวซ้าย แค่นี้ก็ถึงถนนเส้น 331 แล้ว”
เลขาหน้าตี๋ตัวสูงพอๆ กับบำรุงพยักหน้าพลางหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมาจากเสื้อสูทเพื่อหยิบเงินเป็นค่าตอบแทนให้คนบอกทาง มัทนายกมือว่าไม่ต้องกำลังจะเลื่อนปิดประตูเหล็กยืดเสียงของคนหลงทางเปรยขึ้นยิ้มๆ
“ขอบใจมากนะครับ”
หญิงสาวพยักหน้าให้พลางเลื่อนประตูเหล็กมาสนิทกันทั้งสองฝั่งเสร็จแล้วคล้องสายยู ยังไม่ทันเดินไปหลังอู่ด้วยซ้ำ สิ่งที่ไม่เคยเกิดในละแวกที่สงบสุขมานานก็ดังขึ้น
“ปึ๊ก ปึ๊ก...!”
ต้นหูกวางตรงหน้าอู่ถูกกระสุนชำแรกจนแหกกระจุยด้วยปืนเก็บเสียง มัทนาเห็นชัดกับตาตัวเองพร้อมๆ กับที่รถคันหนึ่งแล่นเข้ามาแล้วถล่มคนที่มาพร้อมกับคนถามทาง
“หลบเร็วเผือก!”
มัทนาตะโกนบอก ตัวเองก็ก้มหลบไปด้วย รีบเดินเข่าไปประตูหลังอู่แล้วเปิดออก เผือกถูกเรียกซ้ำ เธอมองซ้ายมองขวาสั่งเสียงเบาแต่เร็วอีกรอบ
“รีบวิ่งไปจากอู่ก่อนเร็ว เดี๋ยวโดนลูกหลง”
เผือกวิ่งไปตามแนวสวนหลังอู่ที่เป็นสวนมะม่วงสลับกับต้นมะพร้าว แต่พอหันมากลับเห็นลูกพี่กำลังละล้าละลัง ในมือยังถือไฟฉายไว้ด้วยความตกใจ เจ้าตัวลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีมันอยู่ในมือ
“ไปสิพี่มัท เดี๋ยวก็โดนลูกหลงหรอก”
มัทนานึกเป็นห่วงคนถามทางเมื่อครู่ เธอมองกลับไปที่อู่ก็ไม่เห็นคนที่มากับรถแล้วจึงคิดในแง่ดีว่าอาจจะหนีเข้าสวนไปแล้วเหมือนกันเพราะรถยังอยู่ เธอหันหน้ากลับกำลังจะวิ่งตามเผือกไป ฝีเท้าของใครบางคนกำลังวิ่งตามมา เสียงของคนถามทางดังขึ้นก่อนจะถึงตัว
“เดี๋ยว ผมจ้างหาที่หลบให้พวกเราที”
“เงินสะพัดอะไรตอนนี้” มัทนาบ่นพึม “เอ๊า! ตามมาเร็วๆ เข้า”
คนพื้นที่วิ่งนำ เผือกรออยู่พอเห็นว่าตามกันมายกใหญ่ก็ชักจะกลัว มัทนาไม่แน่ใจว่าคนอีกกลุ่มที่บุกมาถล่มตามมาอีกหรือว่าแค่มายิงแล้วขับรถหนีไปเพราะใช้ปืนเก็บเสียง รหัทกับคิมหันต์ยังไม่ยิงสวนไปเพราะจะกลายเป็นบอกตำแหน่งว่าอยู่ตรงไหน วิ่งมาได้สักพักบอดี้การ์ดหยุดวิ่งเอาหูแนบพื้นดินพอลุกขึ้นมาก็รีบบอกนายซึ่งเป็นเป้าหมายของพวกมัน
“มันยังตามมาอยู่ครับ น่าจะสี่คน”
ปวรเหงื่อแตกพลั่กไม่เคยวิ่งหนีลูกปืนตับแลบแบบนี้มาก่อน เผือกหอบเบาๆ มัทนาไม่ไว้ใจคนพวกนี้นัก ชักไม่แน่ใจว่าช่วยคนผิดหรือเปล่า คนดีๆ ที่ไหนถูกไล่ยิง
“ควรแยกกันเป็นสองกลุ่ม ถ้าไปกลุ่มใหญ่แบบนี้มันตามมาถูกแน่ๆ ครับ”
“ถ้างั้นเผือกไปกับพี่ ส่วนพวกคุณวิ่งไปทางนั้น” หญิงสาวชี้ไปทางสวนมะม่วงที่วิ่งไปเรื่อยๆ จะเจอบ้านร้างรกๆ ที่พอหลบได้
“คุณสองคนไปทางนั้น แยกกันตรงนี้ พอปลอดภัยแล้วค่อยโทรหากัน”
“ทำอย่างนี้ไม่ได้ครับ” รหัทจะแย้ง เขาไม่ควรแยกกับนาย
“ผมสั่ง!”
รหัทยอมทำตามคำสั่งวิ่งไปตามทางที่เห็นโดยมีปวรตามไปด้วย เผือกรีบวิ่งไปสวนลุงเพิ่มซึ่งใหญ่พอที่จะหลบได้สบายๆ มัทนากำด้ามไฟฉายเอาไว้แน่น คิมหันต์กระชับปืนให้แน่ใจว่าจะใช้มันได้ทันที ปวรมีรหัทดูแลความปลอดภัยแล้ว ส่วนเขาก็ดูแลเด็กสองคนนี้ที่ไม่น่าหลงเข้ามาในช่วงที่เขากำลังมีเรื่องพอดี
มัทนารู้สึกได้ถึงแรงสั่นก่อนที่เสียงของโทรศัพท์จะดังลั่น เธอรีบดึงโทรศัพท์มากดรับพลางวิ่งไปด้วย กลัวแทบแย่เผื่อว่าคนร้ายจะได้ยินแล้วตามมา
“มีอะไรพี่ไม้ กำลังยุ่งอยู่”
“พี่ไปบ้านลุงผลเรียบร้อยแล้ว แต่คงไม่กลับบ้านนะจะไปหายุพาน่ะ ไม่รู้งอนอะไร ฝากบอกแม่ด้วยล่ะ ถ้าดึกมากคงค้างกับไอ้พลเลย”
“โอเค มัทจะบอกแม่ให้ แค่นี้ก่อนนะ”
มัทนารีบวางสายแล้ววิ่งตามเผือกไป ถ้าบอกพี่ชายว่าถูกตามยิง คงได้ซิ่งมอเตอร์ไซค์กลับมา ถ้าคนร้ายยังอยู่แย่แน่ เธอหันไปมองข้างหลังน่าแปลกขนาดวิ่งช้าลงยังไม่ถูกแซง ยังไงก็ไม่น่าไว้ใจ สบโอกาสเมื่อไหร่จะโทรบอกตำรวจทันที
เผือกหยุดวิ่งหอบแฮกๆ ไม่ต่างจากลูกพี่ของมัน มีเพียงผู้ชายตัวโตที่หอบเบาๆ พร้อมกับถอดสูทออกแล้วย่อตัวลงเอาหูแนบพื้นดิน เขาไม่ได้ยินเสียงผิดปกติ พอมองฝ่าความสลัวของคืนพระจันทร์เต็มดวงก็ไม่เห็นเงาตะคุ่มอะไร นอกจากเงาของกิ่งไม้ที่โล้ลม
“เงียบไปแล้ว”
มัทนาพยักหน้าพลางนั่งหมดแรงข้างๆ เผือก ไฟฉายยังถูกกำไว้อย่างเดิม จากเงาตะคุ่มที่เห็น ผู้ชายคนนี้ตัวโตกว่าเธอมาก ถ้าสู้กันด้วยแม่ไม้มวยไทยน่าจะลำบากเหมือนกัน จะโทรหาตำรวจหรือพี่ชายก็ไม่ได้ในตอนนี้ เขาอยู่ใกล้เกินไป คิมหันต์หันมามองคนช่วย แม้จะเห็นไม่ชัดเท่าไหร่
“เป็นเด็กทำไมยังไม่กลับบ้าน กลางค่ำกลางคืนมันอันตราย” เขาประเมินจากรูปร่างและการแต่งตัวที่เห็นแวบๆ ตอนรอหน้าอู่
“ก็ถ้าพวกคุณไม่หาตะกั่วมาให้ ฉันคงกลับบ้านไปนานแล้ว ไปมีเรื่องกับใครมา อย่าบอกนะว่าเป็นพวกค้ายา โห! ช่วยคนผิดหรือเปล่าเนี่ย” หญิงสาวเขยิบห่างออกไปเผื่อว่าจะเดาถูก ถ้าคิดจะทำอะไร เธอสู้ไม่ถอย
“หน้าตาฉันเหมือนพ่อค้ายาตรงไหน” คิมหันต์ถามน้ำเสียงไม่พอใจนัก พอนึกได้ว่าสลัวแบบนี้จะมองเห็นชัดได้ยังไงว่าหน้าแบบไหนก็ไม่อยากเอาเรื่องเอาราวกับเด็ก
“แล้วพวกพ่อค้ายามันสักบอกอาชีพที่หน้าผากให้คนอื่นรู้หรือเปล่าล่ะ บอกมา ถ้าพวกคุณทำเรื่องผิดกฎหมาย ฉันไม่ขอยุ่งด้วย”
คิมหันต์ถอนใจนั่งลงบ้าง มัทนากับเผือกเขยิบหนีไปนั่งเสียห่าง ไม่ได้กลัว แค่เพื่อความปลอดภัยเท่านั้น
“ฉันไม่ใช่พ่อค้ายา สบายใจได้ ต้องเอาบัตรประชาชนให้ดูเลยไหม ถ้าฉันเป็นพ่อค้ายาคงฆ่าเธอปิดปากตั้งแต่ไม่ทันได้อ้าปากแล้ว” เขาขู่น้ำเสียงเข้มๆ ใส่ ยัยเด็กนี่ช่างวอนให้เขาโมโหเสียจริง “อยู่ตรงนี้ก่อน”
มัทนามองตามก็เห็นร่างสูงใหญ่ลุกขึ้น เธอกำด้ามไฟฉายไว้ทั้งสองมือกะฟาดเต็มเหนี่ยวถ้าชายคนนั้นเข้ามาใกล้แล้วตามด้วยมวยไทย แต่เขากลับเดินแกมวิ่งไปทางที่เพิ่งวิ่งมา เธอถอนใจโล่งอก พอลุกขึ้นก็ดึงมือเผือกวิ่งไปด้วยกัน แต่วิ่งไปได้ไม่กี่ก้าว ผู้ชายคนนั้นก็วิ่งกลับมา คนอะไรวิ่งเร็วอย่างกับเสือชีตาห์ แถมมาหยุดยืนใกล้ๆ หรือเขาว่าจะมาฆ่าปิดปากจริงๆ
“ปลอดภัยดีแล้ว แต่ทางที่ดีไม่ควรกลับไปที่อู่ บางทีพวกมันอาจจะดักรออยู่”
“ถ้างั้นฉันไปแล้วนะ” เธอรีบคว้าแขนเผือกให้วิ่งต่อ นาทีนี้ไว้ใจใครไม่ได้เด็ดขาด
“เดี๋ยว!”



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ย. 2557, 10:26:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ต.ค. 2557, 14:17:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 1256





<< บทนำ   ตอนที่ 1 ครึ่งหลัง >>
แว่นใส 23 ก.ย. 2557, 12:03:42 น.
เจอกันละ


Sukhumvit66 23 ก.ย. 2557, 18:53:39 น.
เดี๋ยว..อะไร มาต่อไว ๆ น๊าาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account