ทองพญามาร [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
จากเคยออกปล้นชิงสิ่งล้ำค่าในคืนอันมืดมิด
แสงจันทร์กลับนำพากระต่ายขาวตัวเล็กมาสู่เงื้อมมือมหาโจรอย่างเขา
พร้อมเหรียญทองปริศนาซึ่งมอบชีวิตให้ถึง ๙ ชีวิต

แถมวันดีคืนดีกระต่ายที่ว่ายังกลับกลายเป็นสาวสวย!

ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือดีกันแน่...
เมื่อเขากำลังถูกมือโจรลึกลับเช่นเธอช่วงชิงหัวใจดวงนี้ไป

Tags: พญาดำ เหรียญพระจันทร์ เก้าชีวิต กระต่าย ตัวนุ่ม

ตอน: ๓.๒ ขุมทรัพย์ต้องสาป

คุณภาวิน – นั่นสิ ใครนะคือชายในชุดดำ พระยาดำเกิงอดิเรก เป็นผู้มีบทบาทสำคัญ ทั้งอดีตและปัจจุ ต้องรอชม อิอิ
คุณใบบัวน่ารัก – ช่วงงานหนังสือเสาร์อาทิตย์น่าจะไปตลอดค่ะ เดี๋ยวใกล้ๆงานบอกอีกที วันธรรมดาก็อาจมีไปบ้างนะ ของแจกกระต่ายมีไหม ต้องลองหาก่อนค่ะ แต่ถ้าซื้อ ๕ ปรารถนายกชุด จะได้ปากกาสั่งทำพิเศษสวยงาม(จำนวนจำกัดด้วย เพราะมันแพง งื้ดๆ)
คุณยิ้มยิ้ม – กระต่ายน่ารักมากนะ พี่เก้าไม่กล้าลงโทษหรอก(เฉพาะตอนนี้) ไม่ใช่ละ จนกว่าจะทำความผิดที่อภัยไม่ได้นะ

คุณเกดซ่า – อดีตเริ่มซับซ้อน ใครเป็นใคร อะไรยังไง ตัวนุ่มเองก็มีอดีตกะเค้าเหมือนกันนะ อุจิ๊!!
คุณเลิฟหมวย – ใช่ไหมคะ แต่ก่อนคนเขียนไม่ได้ชอบกระต่ายเป็นพิเศษนะ พอเขียนเรื่องนี้เท่านั้นแหละ อยากเลี้ยงเลย
คุณหนอนน้อยดังปัณณ์ – ตัวนุ่มเป็นครายอะ เค้ายังไม่รู้เลย ...ตัวนุ่มฟื้นขึ้นมา ก็ต้องเป็นคนจิหนอน หนอนอ่านพลาดแย้ววว งอแงงงงงงงงง
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – เพิ่งแว้มนิดเดียว เดาออกมาเพียบเลยนะคะ สารภาพว่าตอนเขียนมาถึงตรงนี้คนเขียนยังตัดสินใจอยู่เลยว่าใครจะเป็นใครอะไรยังไง เพราะงั้นอ่านไปตื่นเต้นแน่นอน...

คุณสุขุมวิท 66 – สุสานพญาดำ ต้องเป็นเรื่องจริงแน่นอนค่ะ ......................จริง ในนิยายอะนะ แต่เป็นเรื่องแต่งของอสิตา อิอิ
คุณบาร์บี้ –นั่นสินะ เรื่องผิดศีลเก้าก็ต้องระวังมากๆด้วย แถมยังต้องระแวงคน(กระต่าย)ใกล้ตัว ลำบากจัง...

คืนนั้นนพคุณเปิดหน้าต่างกว้างให้แสงจันทร์สาดส่องมายังเตียง
ไม่น่าเชื่อว่าเขาถึงกับย้ายทำเลนอนมาไว้ใกล้หน้าต่างเพื่อการนี้
ชายหนุ่มนอนมองกระต่ายที่กำลังเลียและใช้มือตลบหูแต่งขนอยู่บนหมอนหนุน
ใบเคียงใกล้อย่างสงสัย แม้จะเคยเอ่ยถามไปแล้วครั้งหนึ่งยามตัวนุ่มกลับเป็นคน

‘ทำไมต้องทำท่าเหมือนกระต่าย ทำนิสัยเหมือนกระต่าย’

‘ไม่รู้สิ เวลาเปลี่ยนไปอีกร่างมันก็นึกอยากจะทำขึ้นมาเอง’

ขณะมองเพลินเขาก็หลุดหัวเราะออกมาคำหนึ่ง มือเรียวขาวแข็งแรงยื่นไปดึงหมอนเข้ามาชิดกาย
กอดไว้แบบหมอนข้าง หายใจรดเจ้ากระต่ายที่ชะงักกึกจากการเลียตัวเอง ตาดำสดใสหวานวาว
ต้องละอองจันทร์กะพริบทีหนึ่ง ก่อนจะยื่นหน้าหลับตาพริ้มมาเลียหน้าเลียตาให้เขาด้วยอีกคน

รอยลักยิ้มบุ๋มที่แก้มกดลึกลงไปด้วยความจั๊กจี้ เขาไม่เคยเลี้ยง
และไม่แน่ใจว่ากระต่ายมีการเลียขนให้กันด้วยจนกระทั่งวันนี้ แต่เธอเป็นผู้หญิงนะ รู้ตัวหรือเปล่า
ช่างไม่ระวังตัวบ้างสักนิดเลย หรือความคิดจิตใจของกระต่ายมันครอบงำเธอไปหมดแล้ว

“นี่ ที่ผ่านมาเธอมองหาไอ้เอกไม่เจอจริงๆเหรอตัวนุ่ม อย่างน้อยฉันก็อยากจะรู้ว่ามันอยู่ไหน
สบายดี...หรือเป็นอะไรไปแล้ว”

ลิ้นที่กำลังเล็มเลียอย่างสัตว์เลี้ยงทำกับเจ้าของชะงักกึก
เจ้าตัวหยุดจ้องตอบชายหนุ่มแน่วนิ่ง ก่อนจะส่ายหน้า ฟุบนอนหลับตาลงแทนการปฏิเสธ
... ก็เคยบอกไปตั้งหลายครั้งแล้วไม่ใช่หรือไง

เมื่อชายหนุ่มหลับลงแล้ว หูสั้นๆของตัวนุ่มกลับกระดิกตั้งขึ้นร่างจิ๋วสีขาวผ่องลุกมานั่ง
ชะเง้อมองหน้าต่าง ก่อนที่หูน้อยๆจะค่อยๆลู่ลงเมื่อทอดตามองขึ้นไปยังดวงจันทรา
ที่ทอแสงอ่อนหวานลงมา พระจันทร์กำลังร้องเพลง กล่อมให้เคลิ้มฝันถึงภาพอดีตอันเลื่อนลอย

คืนนั้นพระจันทร์ก็เย็นเยือกเหมือนคืนนี้...




มิตรภาพดำเนินมาถึงจุดที่ไม่อาจเรียกคืน เมื่อพระยาดำเกิงอดิเรกมิอาจใช้วาจา
รีดเร้นความรักอันมีต่อบุตรีเยาว์วัยของตนออกไปพ้นเสียจากดวงตาสหาย
ทางเลือกจึงเหลือเพียงใช้กำลัง หลังจากผิดใจจึงได้กักขัง เฆี่ยนตีนายยมจนร่างแตกยับ
สั่งอดข้าวปลาอาหาร สุดท้าย...ล่ามไว้กับหลักใกล้ลอมฟาง

บาดแผลร้อนผ่าว แต่ลมดึกหนาวนัก เสียงขลุ่ยแว่วยินจากเรือนใหญ่ลอยไกลมาถึงนี่
ทำนองวิเวกงดงาม จักเป็นฝีขลุ่ยจากการทอดถอนลมหายใจใครเล่า
หากมิใช่พระยาผู้นั้นละเมอหาแม่จันทร์เมียรักที่ตายจาก
แทบทุกเพลาที่นวลจันทร์แอร่มสาดจับฟ้าราตรี

มีเพียงรักของตนที่ยิ่งใหญ่ ไม่เคยทอดตาแลรักของมุนษย์อื่นว่าก็มีคุณค่าไม่น้อยไปกว่ากัน

ไม่ว่าอย่างไร ท่วงทำนองนั้นทั้งคืนจันทร์อันเย็นฉ่ำช่วยเยียวยากล่อมใจเขาให้สงบลง
การที่นายยมเองยอมเช่นนี้ ก็เพื่อลองใจดูว่าคนที่เคยเห็นเป็นเกลอกันจะกระทำต่อตน
ได้ถึงเพียงไหน เวลานี้ก็น่าจะเรียกว่าดูพอแล้วกระมัง

ท่อนแขนคล้ำยกตรวนคู่ซึ่งแท้จริงไม่ได้เป็นอุปสรรคใดขึ้นต่อหน้า กำลังจะสะเดาะคลายมันทิ้ง
แต่สุ้มเสียงที่ใกล้เข้ามาของใครคนหนึ่งกลับทำให้ต้องเปลี่ยนใจ...

‘พี่ยม’เสียงเรียกนั้นเจือความห่วงกังวลอย่างมาก‘เจ้าแกละมันไปบอกว่าพี่โดนหนักเหลือเกิน โสมเลยมาดู’

เจ้าจันทร์ดวงน้อยค่อยแย้มเยือนต่อหน้า บุตรีของเพื่อนพระยาผู้กำลังกลายเป็นศัตรูกลับห่วงใยเราเช่นนี้

‘คุณโสมลงมาถึงนี่ถ้าเจ้าคุณพ่อรู้เข้าคงไม่งาม... ดีไม่ดีจะโดนหวายลงหลังไปด้วย’

‘ท่านไม่กล้าแตะโสมหรอก โสมกลัวแต่พี่ยมจะตาย’

เป็นครั้งแรกที่เธอพูดกับเขายาวขนาดนี้ ตั้งแต่พบหน้าค่าตากันมาถึงสามปี
เขาเองยากนักจะสนใจอิสตรี แต่ตลอดชีวิตอันยาวนาน บอกตนเองว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จะมีรัก
...รักที่ถึงคราวก็ต้องจากไปตามกรรมวาระ และคงไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะรักอีกเช่นกัน
ความรู้สึกเกิดขึ้นแล้วดับ ไม่ต่างจากชีวิตและวิญญาณที่ล้วนจากไปตามทาง
สำคัญอันใดนักหนานั้นคงไม่ แต่ก็มิได้ไร้ราคาถึงกับจะปล่อยผ่านง่ายดาย

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลเช่นไร อาหารในห่อและน้ำในกระบอกมื้อนั้นราวเป็นอาหารทิพย์
ที่สวรรค์หยิบยื่นมาถึงมือคนในนรก ถ้อยสนทนาไม่มากมายแต่สื่อความหมายนับร้อย
ก่อนผู้มาเยือนจะวกกลับไปยังเรื่องอันเกาะกินใจ

‘ช่วงนี้เจ้าคุณพ่อหงุดหงิด ไม่สบายกาย ใจก็พลอยร้อนรุ่ม หมอฝรั่งบอกว่าท่านป่วยไม่เบา’

‘จะยิ่งทรุดลงอีก’

‘พี่ยม!’

‘หาได้แช่ง พี่รู้ดี...พ่อคุณโสมเป็นอะไร’

ถูกแล้ว หมั่นแย่งชิงสิ่งไม่พึงครอบครองมาจากผู้อื่น บางครากระแสดึงดูดอันแรงกล้า
ไม่เพียงจะดึงดูดทรัพย์ โทษภัยและเวรกรรมยังจะแถมมาด้วย ตัวเขาเองครั้นมาพบปะ
เป็นสหายมิได้เคยห้ามปรามอีกฝ่าย ปล่อยทุกอย่างตามที่พึงเป็นไป
อย่าโทษว่าการมาพบกันกับใครนี้จะทำให้ใครถลำลึกไปได้ ล้วนแต่จิตตนปรุงแต่ง
ผู้คนข้างกายก็เป็นแต่เพียงตัวแปรที่แล่นมากระทบชิ่ง
และเขาก็เป็นแต่เพียงผู้เฝ้าดูที่ไม่ขอรับส่วนได้ส่วนเสียใด

พระยาดำ ความเป็นเพื่อนที่ท่านให้เราไม่จริง เราเองก็เป็นแต่เพียงเพื่อนกินเที่ยวของท่าน
น้ำใจไม่จริงแท้ไปกว่ากัน
แต่กับสาวน้อยตรงหน้า ที่ลดตัวลงมาเกลือกกลั้วกองฟาง ป้อนน้ำอาหาร ทายาให้
ดวงตาจากกรอบลึกสบตาแจ่มใสจริงจัง ใจดวงนี้เป็นของจริง แต่จะตอบแทนได้แค่ไหน
เมื่อสิ่งที่หญิงสาวต้องการที่สุดคือชีวิตของบิดา ที่เขากำลังหมายจะพรากไป!


ตรวนว่างเปล่าลงก่อนวันเดือนจะทันผันผ่าน โสมสมัยไม่ถึงกับเศร้าใจที่เพื่อนต่างวัยของเธอหายหน้า
เธอรู้ว่าพี่ยมผู้นั้นจะกลับมาอีก ความรู้สึกที่มีให้เขาเรียกว่าชมชอบในพลังแข็งแกร่งอันเผยผ่านดวงตา
ความอบอุ่นแน่นหนักในสุ้มเสียง แต่มันยังเยาว์เกินกว่าจะพัฒนาไปเป็นรักเช่นชายหญิง ห่างไกลจาก
ความรู้สึกทำนองนั้นเหลือเกิน

คืนวันที่เรือนท่านพระยาหม่นหมองดั่งเดือนดับ เวลาที่ท่านเจ้าเรือนได้แต่นอนแบ็บ
จะเอ่ยวาจาสักคำยังยาก ทุกคนรู้ท่านอาจไม่พ้นคืนนี้ไปได้

‘แม่จันทร์...แม่จันทร์ เจ้า มารับพี่ไปอยู่ด้วยกันแล้วหรือ รอมานานเหลือเกิน’
เสียงละเมอแหบโหยของผู้ไร้สติ ร้องหาภรรยาผู้ล่วงลับ

น้ำตาของโสมสมัยหลั่งลงแทบเป็นเลือด หยดแล้วหยดเล่า ต้องกระทบนวลตะเกียงเจ้าพายุงามกระจ่าง
ในห้องนั้นมีเพียงพ่อลูกกับสายลมเย็นรื่นที่มิได้ช่วยบรรเทาความทุกข์ใดลง

แล้วเสียงไม้กระดานลั่นเอียดบางเบาก็ได้ปลุกหญิงสาวตื่นจากภวังค์

‘พี่ยม มาอย่างไรกัน’

ยังมีสติพอจะถาม และมีสายตาพอจะเห็น วันนี้เขาแต่งกายภูมิฐานกว่าเคย
แม้อยู่ในชุดดำไหล่ตั้ง ถึงกับมีแหวนทองคำประดับตามข้อนิ้ว มีไม้เท้าทำจากไม้สีดำเข้มขลัง
ที่มือเขากุมปิดส่วนหัวของมันไว้ แลดูสง่า สะอาดสะอ้านคนบาดเจ็บในวันก่อนผู้ได้แต่นอนรอความเมตตา
วันนี้กลับมาในมาดของผู้เหนือกว่า เพื่อสิ่งใด?

‘พี่เป็นใครกันแน่’

‘มีหลายหน้า หลายนาม บางคราก็เรียกได้ว่าอยู่หลายที่ในเวลาเดียว’

โสมสมัยเองควรรู้นานแล้ว เพียงแต่ไม่คิดอยากเปิดใจยอมรับความจริงเสมอมา
‘คืนนี้...พี่คงมารับตัวเจ้าคุณพ่อไปด้วยกัน’หญิงสาวถอนใจหนักๆ

‘ตอนแรกก็ตั้งใจว่าควรเป็นอย่างนั้น’

แปลว่ายังมีสิ่งอื่นที่เขาอยากจะพูดออกมา ‘ขอฟังตัวเลือกที่ไม่ควรด้วยเถิด’เจ้าของมือบาง
เช็ดน้ำตาที่เริ่มจะหยุดไหล หยัดกายตรง ตั้งใจมองเขาด้วยดวงตาเจิดจ้า

สิ่งที่เขายื่นมาตรงหน้าของเธอ คือเหรียญทองขนาดไม่ใหญ่
แต่ทอประกายงามล้ำเมื่อกระทบกับนวลจันทร์ ตัวเหรียญเองพิศแล้ว
เห็นเป็นลวดลายของพระจันทร์ ดูกระจ่างจับตา

‘ตัวน้องเอง ยอมเสียสละเพื่อเจ้าคุณพ่อได้แค่ไหน’ กระแสเสียงถามจริงจังเข้มหนัก

‘ถ้าช่วยให้ท่านฟื้นได้ ต่อให้แลกด้วยชีวิตก็ยอม’ คนตอบมาดมั่นไม่ต่างกัน

‘ต้องขอเตือนไว้ว่าหลังจากนี้จะไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีก อีกอย่าง...
นี่อาจเป็นเกมพนันครั้งสุดท้าย ระหว่างพี่กับท่านเจ้าคุณ’

...นายยมได้ขอเวลาส่วนตัวอยู่กับพระยาดำเกิงที่พอจะรู้สึกตัวขึ้นมาจากอาการตรีทูต
โสมสมัยซึ่งหนักใจอย่างบอกไม่ถูกจำต้องเลี่ยงออกมาข้างนอกตามข้อตกลง มีเพียงเด็กน้อยชื่อเจ้าแกละ
ที่คอยเห็นใจนั่งอยู่เป็นเพื่อนจนรุ่งรางส่วนบิดาจะคุยอะไรกับเกลอเก่านั้นไม่รู้ได้ รู้เพียงว่าจากวันนั้นมา
เรือนก็กลับมีสีสัน คนเป็นพ่อไม่ได้สิ้นลงอย่างที่ใครต่อใครพากันเตรียมใจไว้ แต่กลับหายดี กลับมา
งามสง่าสมวัยในชั่วข้ามราตรี

ด้านพี่ชายของโสมสมัยเองยังแปลกใจนัก
‘หมอแพทริกบอกว่าเจ้าคุณพ่อหายแล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าหายได้อย่างไร แต่เอาเถอะ นี่เป็นข่าวดีของบ้านเรา’

เพราะพี่ชายนิสัยเรียบง่ายแยกเรือนไปค้าขายอยู่ต่างหากจึงมีเพียงหญิงสาว
ที่ได้จับตาชีวิตใหม่ของบิดาใกล้ชิด ดูเผินๆไม่มีอะไรต่าง แต่แววตาของเจ้าคุณพ่อนั้นแปลก

‘กูบอกหรือว่าอยากฟื้น แต่เอาเถอะ เมื่อได้อยู่ต่อก็จะอยู่ให้สนุก’

ท่านคล้ายว่าสนุกกับชีวิตมากขึ้นจริง แต่เห็นค่ามันน้อยลง ท่านค่อยๆห่างจากเธอไป ทว่ากลับไป
คบหาสนิทกับนายยมยิ่งขึ้น โดยไม่มีใครอธิบายว่าเบื้องหลังที่ซ่อนอยู่นั้นคืออะไร

มีเพียงพระยาดำเกิงอดิเรกที่รู้ และหลังจากนั้นไม่นาน ท่านยังได้ไปเยือนนิวาสถานของเพื่อนแก้วจริง
ตามที่อีกฝ่ายเคยเกริ่นไว้แต่นานมาแล้ว เป็นถ้ำทองโอฬารึกที่ไม่สมควรจะเรียกว่าบ้านคน
แต่ก็กลับเป็นบ้านของนายยมคนนี้เอง

‘อัศจรรย์! สมบัติเหล่านี้มันอะไร นี่กูไม่ได้ฝันไปรึยม’

‘เป็นของโจรของพนันเสียมาก ซึ่งพวกมันเสียให้ผม หรือไม่ก็ สมบัติที่ไม่ควรจะเป็นของใครเลย’

‘ทองกองท่วมหัวท่วมเพดาน ฮ่าๆๆ หากรู้ว่าเอ็งล่ำซำเพียงนี้ จันทร์ที่เอ็งหมายปองก็ไม่น่าจะอยู่ไกล’

‘เรื่องนั้นผมไม่ต้องการแล้ว’ตาดำในกรอบลึกเป็นประกายวาววาม‘ล้วนอยู่ในเงื่อนไขพนันของเรา
ที่ผมมีสิทธิ์ได้...หากว่าเจ้าคุณไม่ชนะ’

‘บ๊ะ มั่นใจเสียจริง กูเองก็ไม่ยอมแพ้ง่ายนักดอก คิดมานานแล้วเราสองคนควรได้สู้กันจริงจังสักตั้ง’
คนไว้หนวดก้าวเข้าไปประจันสบตาสหายที่เพลานี้รู้สึกกับอีกฝ่ายเป็นทั้งรักทั้งชัง‘กูไม่เคยแพ้เปรียบใคร
แม้จะเป็นคนหรือผีสางเทวดา เพราะเทพแห่งสมบัตินั้นเลือกข้างกู แม้แต่ถ้ำหรูของมึงนี้ วันหน้ากูจะมาอยู่เอง’

‘ท่านอาจได้มาอยู่จริงๆ’

...ข้างใต้นี้ก็ยังมีอีกมาก เหล่าดวงจิตที่เหมาะจะเป็นเพื่อนของท่าน อยู่ลึกลงไป
บ้างก็จมจ่อมในกระแสทองลาวาร้อนเหลว ไม่มีวันได้ผุดได้เกิด

‘ทางเข้าที่นี่สลับซับซ้อนนัก เกรงว่าไม่ได้เพื่อนพามากูเองจะมาเยือนมิถูก
หากทำแผนที่ไว้ให้ก็คงดี’ พระยาดำกึ่งแหย่กึ่งลองเชิง

‘หนทางจะเปิดออกตามสัปตกาละ หรือโอกาสที่ลางทั้งเจ็ดมารวมกัน... ทั้งฤดูเดือน
เวลาน้ำขึ้นน้ำลง และอาเพศบนฟ้าอีกสองสามสิ่ง หากแต่บางคนบังเอิญมาถึงที่นี่ได้ด้วยสิ่งเดียว
โชคชะตาแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังต้องอาศัยสิ่งที่เรียกว่า…กุญแจ’




ยี่สิบหกกรกฎา...
รถของกองถ่ายออกเดินทางไปยังโลเกชั่นที่กาญจนบุรี เป้าหมายคือเขื่อนวชิราลงกรณ์หรือเขื่อนเขาแหลม
นพคุณ กานต์รวี และสุวิชาไปกับขบวนรถตู้นั้นด้วย ส่วนดาราบางคนที่สะดวกเอารถตามไปเองก็ทยอย
ตามไปสมทบทีหลัง ทีมงานที่ไปถึงก่อนล่วงหน้าแล้วก็มีไม่น้อย

การถ่ายทำช่วงแรกๆจะเริ่มต้นกันบนแพ หลายคนที่อยากมีอารมณ์ร่วมไปกับเนื้อหาละครจึง
เลือกพักบนแพริมเขื่อนเขาแหลมเจ้านี้ซึ่งถูกเหมาจองไว้ล่วงหน้า ไม่ได้เน้นหรูหรา แต่เน้นให้
ใกล้ที่ทำงานของกองถ่ายเป็นหลัก ไม่ว่าอย่างไรก็มีเรือนแพหลังใหญ่สองชั้นไว้
เป็นแหล่งชุมนุมสนุกกันของส่วนกลาง

ห้องพักบนแพสำหรับพวกนพคุณมีห้องหนึ่งปูฟูกเล็กแบบคู่กับอีกห้องฟูกเดี่ยวขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย
ทั้งแพถูกยกให้เป็นที่เป็นทางแยกสัดส่วนโดยเฉพาะ เขาจึงรู้สึกว่าแม้ดาราสาวเพื่อนตนจะไม่ได้มี
บทบาทอย่างใดในละครเรื่องนี้ แต่เรื่องหน้าคงมีหวัง เพราะดูยังมีความสำคัญในใจของผู้กำกับไม่น้อย
ไม่ได้ถูกมองข้ามถึงขนาดควรตีโพยตีพาย เพียงแต่จะไปได้ไกลถึงไหน งวดนี้ก็ต้องรอดู

กานต์รวีเองไม่ใช่พวกติดหรู ตรงกันข้าม หญิงสาวยอมลำบากได้ทุกอย่างเพื่อให้ได้มา
ซึ่งสิ่งพึงประสงค์ หลังมาถึงไม่นานจึงเร่งผละไปจากที่พักเพราะมีเรื่องมากมายให้ต้องตามไป
จับตา ระหว่างที่ทางกองยังตระเตรียมอะไรกันไม่เรียบร้อย นพคุณเห็นนายชาจัดแจงยึดทำเล
ตรงระเบียงแพเป็นที่นั่นๆนอนๆกินลมชมวิว ซึ่งวิวในที่นี้กลับแปลกใหม่ชวนดี๊ด๊าเป็นพิเศษ
เพราะมีกลุ่มดาราสาวน้อยสาวใหญ่กำลังเตรียมลงเล่นน้ำ

“เว้ยเฮ้ย ทูพีช! เคยมานอนแพกะเพื่อนทีเห็นอย่างมากนุ่งกันแต่เสื้อยืดกางเกงขาสั้น
โดดน้ำเหมือนเด็ก นี่แหล่มๆเน้นๆเลย ไม่มีชูชีพบังให้เสียอารมณ์ด้วย”

“ทะลึ่งจริง เป็นแค่ตัวแถมแล้วยังมานอนจ้องเขาเอาๆ”

“จ้องไปก็ไม่รู้หรอก นี่ไง ฉันมีอาวุธลับ” สุวิชาหยิบแว่นตาดำขนาดใหญ่ออกมาสวมฉับ
อุปกรณ์บ้านๆที่มีไว้ใช้บดบังสายตาหื่นกระหายไม่ให้เป็นที่รังเกียจของสังคม “โอ้โหๆๆ ดูคนนั้นเดินบิด
ปิดอกมิดแต่เปิดก้นทั้งยวงเหนียมอะไรของเขาวะ โอ๊ยๆๆ นั่นๆอีกคน เสื้อเหมือนนางระบำเปลือย
อวดหัวจุกแต่ดันผ่ามาปิดสะดือ จะปิดเพื่อ!”

นพคุณหมั่นไส้มากเข้าจึงเอ่ยปากถามตรงประเด็น “อยากให้สาวๆพวกนั้นสนใจแกไหมล่ะ”

คนฟังพยักหน้ารัวๆ ที่ลงทุนหนีหน้าสาวที่จีบอยู่มาถึงนี่นับว่าไม่เสียหลาย

“งั้นขอมือถือหน่อย”

“จะเอาไปทำไมวะ” คนกำลังเพลินส่งให้ราวละเมอ

ชายหนุ่มรับสิ่งนั้นมาแล้วก็วางรวมไว้กับของเขาบนพื้นแพนั้นเอง ก่อนจะหิ้วสุวิชาขึ้นอย่าง
ไม่หนักเรี่ยวกินแรง เหวี่ยงตูมลงไปในน้ำ มันร้องลั่น เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดจากสาวๆได้ชะงัดอย่างน่าปลื้มใจ

“ไอ้เก้า! ฉันว่ายน้ำไม่เป็น ช่วยด้วยโว้ย!”

“เห็นเพิ่งบอกอยากว่ายน้ำอยู่วันก่อนไง”

ชายหนุ่มโยนชูชีพแหมะลงไปให้ สุวิชาคว้าไว้ได้ด่าแบบเป็นคำคล้องจองออกมายาวเหยียดเมื่อตั้งตัวติด
สุดท้ายก็ได้กลุ่มนักแสดงสาวแพข้างๆเกาะชูชีพลอยคอมารุมล้อมให้ความช่วยเหลือกันเป็นที่สนุกสนาน
เปลี่ยนเสียงด่าเป็นเสียงหัวเราะเอิ๊กอ๊ากอย่างน่าขัน

“ว่าแต่คนรูปหล่อบนแพนั่นเพื่อนชาเหรอคะ ชวนลงมาเล่นน้ำด้วยกันไหม”

“โอ้ย อย่าไปสนเลยครับ หล่อก็จริงแต่มันคุยกะสาวไม่เก่ง” คนดวงดีเพราะถูกแกล้งรีบกันท่า

”อ้าว หายไปไหนแล้วไม่รู้ค่ะ ตะกี้ยังเห็นนั่งตีน้ำอยู่เลย ลุกไปไวจัง”

สุวิชามองตาม จริงอยู่ว่าเพื่อนตนติดนิสัยไปเร็วมาเร็วเป็นพิเศษ
แต่เมื่อมองไปพบความว่างเปล่าคราวนี้ นับว่าแปลกๆแปร่งๆชอบกล แต่เดี๋ยวมันก็คงโผล่มาเอง

“ไม่ใช่โดนพรายน้ำฉุดไปงาบแล้วหรือคะ หน้าขาวๆ แถมหล่อเฉียบขนาดนั้น”
หญิงสาวที่ลอยคออยู่ข้างกายสุวิชาเปรยคิกคัก


ไม่มีใครรู้ นพคุณหายลงไปในน้ำจริงอย่างว่า!
ตั้งแต่เหยียบย่างมาถึงที่นี่ เขาเองก็อยากปลดปล่อย แต่เพราะรู้สึกได้ว่าเจ้าที่เจ้าทางซึ่งคุมอยู่แรงเป็นพิเศษ
แถมเป็นชนิดที่จับกระแสไม่ถูกด้วยว่าแรงทางดีหรือทางร้าย ข้างหญิงสาวผู้ช่วยในเหรียญของเขากลับ
เก็บตัวเงียบมาตั้งแต่ออกเดินทาง สะกิดเท่าไรก็ไม่โผล่ ดังนั้นมีแต่จะต้องลงมือดูทางหนีทีไล่เอาเอง

ทว่าขณะกำลังมองแมลงขายาวโย่งดีดตัวไถลไปบนผิวน้ำและใช้ความคิด นพคุณเจ็บแปลบตรงขาซ้าย
เหมือนถูกอะไรบางอย่างเล่นงาน เขาสะดุ้ง รู้ตัวว่าแผลไม่เบาแต่ก็ไม่ยอมปล่อยผ่าน แทรกตัวผ่านน้ำ
ตามลงไปเงียบเชียบ ไวกริบ หวังจะตามคว้าตัวต้นเหตุที่ลอบทำร้ายตนให้ทัน

น้ำในเขื่อนบริเวณนี้ไม่ใสนัก แต่ก็ไม่ถึงกับขุ่น ยังพอมองเห็นอะไรได้ชัด เงาดำรำไรไหวหลบปราดเปรียว
ไปเบื้องหน้า เขามองผ่านไม้น้ำต้นยาววูบไหวและกิ่งไม้ที่ยืนต้นทิ้งร่างตายอยู่ใต้เขื่อน ลึกลงไป
เงาปีศาจนั่นคงหมายล่อให้เขาดำดิ่งลึกจนหลงทิศ ตอนนี้มองไปข้างหน้าไม่เห็นมันแล้ว หันหลังกลับ
พลันรู้สึกได้ว่ามีเส้นสายของเลือดจากแผลที่ตนทิ้งไว้เป็นทางยาวเบื้องหลังกำลังค่อยๆสลายกลืนไปกับน้ำ

ชายหนุ่มหาทางกลับขึ้นแพในทิศที่ไม่ต้องผ่านสุวิชาหรือสาวๆพวกนั้นอย่างไรเขาก็เคยเชื่อว่า
ตนเองยังเหนียวอยู่มาก แปลว่ามันที่มาลอบกัดเขาต้องไม่ธรรมดา ชายหนุ่มล้างแผลด้วยผงรากไม้
ซึ่งมีสรรพคุณพิเศษ รอยที่ทั้งลึกและยาวจึงปิดสนิทแน่น เพียงแต่ยังเจ็บอยู่ ขณะกำลังดูแผลและกังวลว่า
เรื่องนี้จะทำให้เขาทำตัวเหมือนปกติได้ไหม เสียงหนึ่งก็ทักขึ้นในห้องนอนที่ตอนนี้มีเพียงเขาลำพัง
เป็นใครไม่ได้นอกจากวิญญาณประจำเหรียญการ์ดเดียนแองเจิ้ลของเขา ซึ่งเมื่อพักใหญ่ก่อนหน้านี้
ทำเงียบกริบเสมือนไร้ตัวตน ไม่ได้คิดจะยื่นมือมาช่วยแต่อย่างใดเลย

“เจ็บแย่...” มือเรียวบอบบางทำท่าจะเอื้อมมา แต่ก็ชะงักค้าง เพราะรู้ว่าชายหนุ่มไม่ชอบให้แตะตัว

ทว่าโดยไม่รู้ตัวเขากลับขยับเปลี่ยนท่านั่ง เปิดทางให้หญิงสาวได้เข้ามาดูแผลที่หน้าแข้งของตนตามต้องการ
“ตัวนุ่ม” นพคุณจ้องอีกฝ่ายแน่วนิ่งด้วยดวงตาเรียวแฝงประกายคมกริบ

ดวงตากลมหวานสบตาสีน้ำตาลสวยของเจ้าชายมหาโจรแล้วก็ให้ใจเต้นระรัว
น้ำยังติดพราวตรงปลายผมซึ่งเขาไม่ได้เช็ดให้เรียบร้อย เสื้อก็ไม่ใส่ ถึงเธอจะ
เคยเห็นคนตรงหน้าในสภาพหมดเปลือกยิ่งกว่านี้ แต่บรรยากาศตอนนี้
ที่เขาจ้องเธออย่างกับจะค้นลึกถึงวิญญาณ มันให้ความรู้สึกที่ต่างออกไป...ไม่เหมือนเคย

“ที่นี่ไม่ปลอดภัย”ชายหนุ่มเอ่ยเสียงต่ำ

“ฉันรู้”

“บางอย่าง... มีอำนาจมาก ตอนนี้มันอยู่ไม่ไกลเรา”

“ขอดูแผลก่อนเถอะ ท่าทางจะเจ็บไม่น้อย” วิญญาณสาวยื่นหน้าแฉล้มเข้ามาจดจ้องเสียใกล้
ทั้งยังอมอากาศเข้าไปเหมือนปลาทองแล้วเป่าออกมา “เพี้ยงหายๆ เดี๋ยวก็หายแล้วนะ”
ระหว่างทำทั้งหมดนั่นยังยิ้มไปด้วยอย่างน่าเอ็นดู

ทว่า... นพคุณกลับจ้องมองด้วยสีกระด้าง ดวงตาเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นทุกทีก่อนจะหรี่ลง
เอื้อมไปกระชากมือที่กำลังจะแตะถูกตัวเขา ดึงหญิงสาวเข้ามาจนชิด
“ทำไมถึงไม่ออกมาก่อนนี้”

“ฉะ ฉัน”

“พูดสิ... ตอบ!” ชายหนุ่มตะคอกเบาๆ ด้วยเสียงพร่าลึก

มีบางอย่างที่เขาติดใจสงสัยมาตลอด เพราะที่มาอันไม่ชอบมาพากลของเหรียญ
บางทีโชคร้ายทั้งหลายที่เขาได้พานพบ สาเหตุ...อาจอยู่ใกล้ตัวก็เป็นได้

ดวงตาดำกลมโตมีแววตระหนกตกตื่นคล้ายยามเป็นกระต่าย ดวงหน้ารูปหัวใจที่เคยผ่องใสบัดนี้ซีดขาว

“ฉันกลัว” สุ้มเสียงแผ่วไหวตะกุกตะกัก“บางอย่างที่เก้าเจอนั่นมีอำนาจมากกว่าฉัน
แถม...ลืมแล้วหรือไง วันนี้วันพระ แรมสิบห้าค่ำพระจันทร์มืด อยู่ในร่างคนได้วูบเดียวนี่ก็เก่งแล้ว”

สายตาชายหนุ่มคลายลงเฉียบพลัน เปลี่ยนเป็นแทนที่ด้วยรอยยิ้มอวดลักยิ้มน่ามอง
อย่างน้อยๆ ถ้าที่ได้ยินเป็นข้อแก้ตัวก็ฟังดูมีที่มาที่ไป นับว่าเธอตอบให้เขาพอใจได้
แม้ใจจะแอบคิด ตอนช่วงพระจันทร์มืดครั้งก่อนก็ยังไม่ได้ดูอ่อนแอถึงขนาดที่อ้างเลย

“เอาเถอะความตายจะยื่นมือเข้ามาถึงตัวฉันได้หรือเปล่า คืนนี้คงได้รู้กัน!”



พอก้าวพ้นแพเท่านั้นนพคุณก็ต้องเลิกคิ้ว ร่างสันทัดของใครบางคนซึ่งเขาไม่คิดว่าจะได้พบที่นี่
กำลังเดินเคียงมากับกานต์รวีซึ่งเกาะแขนฉอเลาะคลอเคลีย

“เก้า หมอทัศน์มาเยี่ยมกองถ่ายแน่ะ”

“คุณพ่อทัศน์เป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของโปรเจ็กต์นี้นี่ฮะรวี เลยฉวยโอกาส
มาเที่ยวพักผ่อนเสียเลย” หญิงสาวสุดแมนที่ปกติมักเคร่งเครียดอยู่เสมอกระซิบตอบเสียงอ่อน
สบตานพคุณนิดเดียวแล้วก็เบนกลับไปจับจ้องดาราสาวต่อราวโลกนี้มีเพียงกันและกัน

“เดี๋ยวรวีไปหยิบของในห้องแป๊บค่ะ สองคนยืนคุยกันไปก่อนนะ”

ข้างนพคุณนั้นเขาออกจะชอบสาวทอมหน้าเคร่งตรงหน้าไม่น้อย เพราะอีกฝ่ายดูเป็นบุคคลน่าแกล้ง
เป็นกลุ่มที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษ แต่ฝ่ายนั้นมักมองเขาขวางๆอยู่ร่ำไป ยิ่งเมื่อไหร่ที่มี
เพื่อนสาวอย่างกานต์รวีอยู่ใกล้

สุทัศน์ไม่มีทางเลือก นอกจากหันสายตาเข้มจัดมาสนใจนพคุณที่เดินเข้ามาหา
“ขาเจ็บหรือคุณ” คนกำลังล้วงกระเป๋าแล้วยืดตัวให้สูงขึ้นทักลอยๆ

นพคุณเลิกคิ้วอีกอย่างแปลกใจ “ผมเดินเหมือนคนขาเจ็บหรือไง นี่นึกว่าเนียนแล้ว”
นั่นสิ ตัวเขาใช้ร่างกายจนชิน บางครั้งเจ็บนิดเจ็บหน่อยขณะเรียนเทคนิกการป้องกันตัว
เขาก็ขี้เกียจจะทำสะออย แม้รู้ว่าอันตรายก็ยังฝืนตัวเองได้เป็นอย่างดี

“มองไม่ผิดหรอก เห็นคนเจ็บคนป่วยในโรงพยาบาลมาทุกวี่ทุกวัน ข้างซ้ายใช่ไหมล่ะ”

ชายหนุ่มยิ้มตอบอีกฝ่าย จบแค่นั้น เพราะหมอสุทัศน์เองก็ไม่ได้แสดงน้ำใจถามไถ่มากไปกว่า
แค่อยากจะทักให้เห็นว่ารู้เฉยๆ

“มาแล้วค่ะๆ” กานต์รวีวิ่งออกจากแพมาควงแขนสุทัศน์พร้อมกันนั้นยังเอ่ยปาก
ชวนนพคุณไปดูการเซ็ทฉากที่จะถ่ายคืนนี้ด้วยกัน

ชายหนุ่มหรี่ตา มองตามหมอร่างสันทัดที่ก้าวเดินอยู่ข้างหน้า อาการบาดเจ็บของเขา
มันดูออกง่ายขนาดนั้นจริงๆละหรือ?



เย็นนั้นผู้กำกับจัดเลี้ยงมื้อใหญ่ ล้วนแล้วไปด้วยอาหารน่าอร่อย โดยเฉพาะเมนูปลาสดๆจากริมน้ำ
เป็นสุวิชาที่ลากนพคุณไปร่วมโต๊ะกับดาราสาวซึ่งรับบทรองๆ ปล่อยให้กานต์รวีที่ต้องนั่งรวมกับคนสำคัญ
ในกองถ่ายมองตามตาเขียว แม้จะอยู่ติดกับพวกสาวๆแค่นี้ แต่สุวิชายังไม่วายยื่นปากมากระซิบ
กับนพคุณเป็นระยะอย่างคะนอง
“น้องเนย นางเอกคนนี้สินะ คู่ปรับเก่าที่ทำยายรวีของเราตกกระป๋องเมื่อหลายปีก่อน
...ฉันว่าน้องเขาแอบมองข้ามโต๊ะมาทางแกว่ะเก้า ยายรวีหน้าเขียวแล้วนั่น”

“ผู้หญิงสวยย่อมสนใจคนหน้าตาดีทัดเทียมกัน” เขาตอบเสียงเบาพอกันอย่างไม่ละอาย
“แต่ฉันไม่สนตอบ นั่นคือประเด็น”

“ถุย หยิ่งนัก... เออ แล้วแกว่าเจ๊ไพที่นั่งตรงข้ามนี่สวยไหม เขาเล็งฉันอยู่นะ รู้สึกมาตั้งแต่กลางวันนี้แล้ว”
สุวิชาโอ่พลางหยิบตาให้คนที่ตนกำลังนินทาเผาขน “แต่ว่าก็ว่าเถอะ คลำในที่มืดอาจไม่รู้ว่าผู้หญิงด้วยซ้ำ
แบนซะขนาดนั้น” คนน้ำใจเชือดคอเปรยพลางฉีกยิ้มกลับไปให้สาวเจ้าอีกครา

นพคุณขมวดคิ้วด้วยอารมณ์เต็มกลืน “รีบยัดๆข้าวเข้าไปให้หมดจาน
เดี๋ยวฉันจะเข้าฉากแล้ว แกก็ต้องไปดูด้วย อย่ามัวห่วงสาว”


เมฆปั่นป่วนครางครืนมาเต็มฟ้า สังหรณ์ไม่ค่อยดีกระซิบบอก ให้นายชาจับตาดูไว้ก่อน
เผื่อมีสิ่งไม่คาดฝันเกิดขึ้น อย่างน้อยๆจะได้มีสายตาปราดเปรื่องของมันคอยสังเกตว่าอะไรเป็นอะไร
แต่จะช่วยได้หรือเปล่านั่นก็อีกเรื่อง


เมื่อถึงเวลาเดินกล้องและนพคุณต้องเข้าฉากแสดงแทน เวลานั้นสายฟ้าก็คำรามอยู่ตรงริมฟ้าหลายระลอก
“บรรยากาศได้อย่างใจเลยนะฮะพี่ทิม”

“เหมาะมาก นี่แหละที่อยากได้ มาเลยแบบนี้ จะได้ไม่เปลืองค่าซีจี”
ผู้กำกับผมเผ้าหนวดเครารุงรังหัวเราะร่า กะให้ขำมากกว่าหมายความเป็นจริงเป็นจัง

เปรี้ยง---

ต่อเมื่อฟ้าฟาดลงมาจะจะ ชายกลางคนถึงกับดึงเอาปีกหมวกลงคลุมปิดหู แจ้นหนีงันงก
ไปหลบอยู่หลังพระเอกรูปหล่อวัยกระเตาะผู้ไม่อาจแสดงฉากแอคชั่นแบบสวยงามได้ด้วยตัวเอง

ทุกอย่างพร้อมจนถึงคำสั่งเดินกล้องฝนที่เริ่มปรอยลงไม่ได้เป็นอุปสรรคกับการถ่ายทำบนแพแต่อย่างใด
แต่การแสดงนี่สิที่ดูไปแล้วยังไงก็ยังไม่ถึงลูกถึงคน

“พอก่อนๆๆ คัต!น้องเก้าน่ะเริ่ด แต่ฝ่ายผู้ร้ายนี่สิ พี่ขอดุดันอีกหน่อยได้ไหม”

ชายชุดดำปิดหน้าตามิดไม่ต่างจากนินจาผู้ต้องเข้าฉากกับนพคุณชิงยกมือขอตัวกลางอากาศ
“ขอผมไปห้องน้ำหน่อยพี่ ไม่ไหว อั้นแบบนี้ง้างขาเตะไม่ออกเลย”

“วะ ก็บอกแล้วไอ้จ๊อด มื้อเย็นเอ็งเล่นสวาปามไปขนาดนั้น ไปๆๆ กลับมาเร็วๆก็แล้วกัน”
ใครบางคนตะโกนด่า

เงยมองฟ้าสลัวเหนือเขื่อนน้ำ ฟ้าแลบแต่ละทีก่อแสงสว่างโพลนส่องให้เห็นภาพเกาะแก่ง
ในชั่วพริบตาราวกลางวัน แสดงพลังอันใหญ่ยิ่งของธรรมชาติ ว่าใต้ฟ้าพิโรธที่ครอบอยู่เหนือขึ้นไป
เราทุกคนตัวเล็กจ้อยเพียงใด

...พักยกรอกันเพียงไม่นาน ท่ามกลางลมแรงที่พัดขั้วใบไม้ปลิดปลิว
เห็นตัวประกอบชุดดำร่างบึกบึนเดินอาดๆกลับมา ไม่พูดพล่ามทำเพลง ยกนิ้วให้สัญญาณ
พร้อมเข้าประจำที่ พอผู้กำกับสั่งเดินกล้องก็ฟาดมือซัดนพคุณฉับไว

ชายหนุ่มผู้รอคอยอย่างใจเย็นในทีแรกแทบตั้งตัวไม่ติด
การต่อสู้คราวนี้มันเกินคาด... ท่วงท่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
แต่ละหมัดที่ซัดปะทะเข้ามาหนักหน่วงรุนแรงไม่มียั้ง!


ทุกคนพากันกลั้นหายใจตาม แม้ไม่ใช่แบบที่นัดแนะกันไว้ แต่ตัวสตั๊นท์แมนแสดงแทนพระเอกเอง
ก็รับมือได้ทัดเทียมลื่นไหลบรรยากาศในกองถ่ายเงียบกริบ กล้องหันจับตามการเคลื่อนไหวทรหด
ของทั้งคู่แบบไม่สะดุด ไม่มีการสั่งตัด เมื่อภาพที่ได้ราวกับฉากต่อสู้ของมือโปรฮอลลีวูดเช่นนี้
ใครจะกล้าขัดจังหวะ... ทำได้แต่เพียงกลืนน้ำลายเอือกทั้งหายใจไม่ทั่วท้องไปตามๆกัน


นพคุณดีดตัวตีลังกาหลังหลบการโจมตีแบบเอาตายไปสองตลบ
พาให้บรรยากาศเงียบงันลงไปอีก เพราะเขาไม่เคยแสดงให้เห็นว่าทำได้ถึงขนาดนี้
และผู้กำกับเองก็ไม่เคยกล้าขอ เสียงกัดฟันกรอดเกือบจะดังขึ้น เมื่อชายชุดดำ
ทุบระเบียงกั้นแพสะบันลงคามือ และสตั๊นท์แมนเดนตายผละหลบพ้นศอกที่ฟันลงใส่ได้หวุดหวิด

“ฉิบหาย ต้องเสียค่าซ่อมสถานที่ให้เขาแล้วไง” พี่ศรผู้ช่วยผู้กำกับระพึงหงุงหงิงเหมือนเสียงยุง

“เออน่า ได้ภาพขนาดนี้ ข้าว่าเกินราคาว่ะ ถ่ายต่อๆ อย่าหยุด” ผู้กำกับกระซิบ


ได้จังหวะประจันกันตรงๆอีกครั้ง นพคุณเอาหัวโขกหน้าแงมันไปแรงๆทีหนึ่ง
เจ้าคนชุดดำผงะเซถอยชั่วขณะ... ชายหนุ่มจึงไถลตัวหลบว่องไววูบวาบ
หนีอาวุธคมปลาบที่โผล่ปลายแหลมมาจากกำปั้นดำสนิทของคู่ต่อสู้

มันต่างจากเดิมก่อนที่หมอนี่จะขอเวลานอกอย่างเห็นได้ชัด เขาแน่ใจเอาตอนถูกปลายแหลมนั้น
เฉี่ยวเสื้อขาดไปทีจนได้แผลเลือดซิบ เจ้าสิ่งนั้นคมกริบ... ทุกอย่างอธิบายชัดเจนอายสังหาร
ที่แผ่ออกมาจากคู่ต่อสู้นั้นหาใช่การแสดงไม่! แต่ดูเหมือนคนนอกจะยังมองไม่ออก และเขา
ก็ไม่คิดจะร้องขอความช่วยเหลือให้น่าอาย

ทว่าคืนนี้ความรู้สึกหน่วงๆบางอย่างโรยตัวลงทับสติ และหากเป็นยามปกติ
เขาคงรับมือได้ไม่มีเพลี่ยงพล้ำง่ายๆ แต่คนชุดดำผู้นี้ไม่ธรรมดา ความแข็งแกร่งอัดแน่นจน
ทำให้ร่างสูงนั้นดุจภูผาเคลื่อนที่โจมตีตึงๆเข้าใส่ด้วยความไวเช่นลมกรด วูบหนึ่งที่นพคุณเสียหลัก
แผลตรงขาซ้ายซึ่งทั้งบาดลึกและยาวเสียวแปลบ เพียงชั่วขณะ คู่ต่อสู้เสยเท้าเข้ามาแรง
ชายหนุ่มเบิกตากว้าง ...หลบไม่ทันเสียแล้ว

ตูมมม----!

“เฮ้ย คัตๆๆ”ผู้กำกับตะโกนเสียงหลง



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.ย. 2557, 01:45:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.ย. 2557, 01:45:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 1232





<< ๓ ขุมทรัพย์ต้องสาป   ๓.๓ ขุมทรัพย์ต้องสาป >>
อสิตา 24 ก.ย. 2557, 05:35:15 น.
อ้าวตอบเม้นต์ไม่หมด
คุณบุลินทร - ห้องของคนเขียน เป็นห้องแห่งอะไรน่ะหรือ??? น่าสงสัยมาก... ห้องแห่งขยะแน่ๆ
คุณพี่พันธุ์แตง - แก้งานให้เต็มที่นะ พี่เก้ากะตัวนุ่มยังรออยู่ที่นี่เสมอ ว่างเมื่อไหร่ก็แวะมาอ่าน *0*


yimyum 24 ก.ย. 2557, 06:34:58 น.
พี่เก้าโดนฉุดลงน้ำ ไม่น้าาา ตัวนุ่มทำไมออกมาช้าจัง นึกภาพปลาทองออกเลยอ่ะ ^^


ketza 24 ก.ย. 2557, 06:36:40 น.
หวายๆๆๆๆ พี่เก้าแย่แบ้วววว ใคร๊ใครทำพี่เก้าของเกดนุ่ม เดี๋ยวโดดโหม่งเยย อุจิ๊


lovemuay 24 ก.ย. 2557, 06:49:24 น.
เหยย มีการส่งคนมาฆ่าด้วย พระเอกเคยไปทำอะไรไว้ให้เค้าแค้นนะ หรือเพราะเรื่องในอดีตตอนนั้น


ริญจน์ธร 24 ก.ย. 2557, 10:20:58 น.


ดังปัณณ์ 24 ก.ย. 2557, 11:04:00 น.
เอื้อออออออออออ เวลาโหดพี่เก้าก็ัยังไม่ทิ้งรอยชาจังมารนิ!

แต่ชอบตัวนุ่มเวลาเป็นกระต่าย อิพี่เก้าจะรู้ตัวไหม นางอ่อนโยนกับตัวนุ่มยิ่งนัก มันน่าร้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกอ่า

ตกน้ำ...แล้วจะโดนอะไร ชีวิตที่เหลืออยู่จะพอไหม แต่ที่แน่ๆ ตัวนุ่มเป็นแม่โสมนั่นแหละ!!


Barby 24 ก.ย. 2557, 17:40:30 น.
ใครอะ เอาจริงด้วย นี่ไม่ใช่เล่นๆแล้วนะ ตกน้ำอย่างนี้พรายจะเอาไปอีกป่าวงะ


goldensun 24 ก.ย. 2557, 18:38:04 น.
ไล่อ่านยาวววว เลยค่ะ จุใจจริงๆ
สรุปขุมทรัพย์ที่ว่าเป็นของพระยาดำที่เก้าอยากได้นี่ ของยมหรือคะ น่ากลัวนะนั่น
แถมท่าทาง พี่เก้าจะได้เอาชีวิตมาเสี่ยงอีกแน่ ช่วงดวงตกนี่ ตัวนุ่มจะช่วยได้แค่ไหน
เหรียญนี่ น่าจะเป็นตัวดึงความโชคร้ายมาให้พี่เก้ารึเปล่า แล้วพี่เก้าก็มีท่าว่าจะเริ่มผูกพันกับตัวนุ่มแล้ว


ใบบัวน่ารัก 24 ก.ย. 2557, 19:31:24 น.
เบาๆกันนะค้า พี่เก้ามีอีกแค่7 ชีวิตเองนะ
สงสัย กระต่ายไม่อาบน้ำบ้างหรือ เหมือนแมวเลย
มีอะไรก็มาช่วยพี่เก้าบ้างนะน้องต่าย


Sukhumvit66 24 ก.ย. 2557, 20:13:36 น.
คนที่มาเอาคืนเก้า นี่คือมนุษย์ หรือเจ้ากรรมนายเวรค่ะ



นักอ่านเหนียวหนึบ 24 ก.ย. 2557, 21:19:27 น.
เออ พี่เก้าก็ฉลาดอยู่นะ แต่ก็ติดนิสัยชอบเสี่ยง ชอบลองนี่ละ คราวนี้จะโดนดึงลงใต้น้ำอีกมั้ย เอ๊ะ หรือจะไปเจอขุมทรัพย์เข้าเลยทีเดียว 5555 ต่อๆๆๆ


บุลินทร 24 ก.ย. 2557, 21:22:28 น.
เข้ามาส่งเสียงระดับนึงแล้วไปนอน


Zephyr 4 ต.ค. 2557, 19:49:14 น.
จะเป็นเฮียหกแลัวรึป่ะนะ
ตัวนุ่มๆๆๆๆ อาเฮียแย่แล้ว
ออกมาๆๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account