ร่มไม้ สายน้ำ ความรัก (หัวใจ...แอบรัก)
ภารกิจรักกลับมาใหม่ ครั้งนี้นอกจากคุณนายจันทราจะพาพี่บอมกับพี่บันบันมาป่วนแล้วยังพ่วงเจ้าดัลเมเชี่ยนลายจุด เข้ามาสกัดจุดหัวใจให้พี่ใหญ่ได้สมหวัง
หัวใจ...แอบรัก รักลุ้นๆของมดแดงที่เอาแต่แฝงตัวอยู่หลังใบมะม่วง งานนี้นอกจากลุ้นยังต้องวุ่นปนป่วนฮากับวาจาจิกกัด ผสมกับท่านพี่ที่ขนดีกรีเกินพี่หมามาช่วยกัน
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: หัวใจ...แอบรัก ตอนที่ ๓


หัวใจ...แอบรัก ตอนที่ ๓




ตอนที่ ๓
คนที่กำลังจะก้าวออกจากประตูบ้านแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าแล้วถอยกลับเข้าไปด้านในอีกครั้งเมื่อสายฝนเริ่มโปรยปรายลงมาเบาๆเจ้าของบ้านเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกาบนผนังด้วยความกังวลเมื่อเห็นว่าเข็มสั้นขยับใกล้เลขหนึ่งเข้าไปทุกที
ปูนแป้งเงยหน้าขึ้นมองตามสายตาคมแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบหลังจากเล่นปล่อยโฮออกมาเต็มที่ตอนที่ปริตรบอกว่าจะพาไปส่งบ้าน
เธอตอบไม่ได้ว่าทำไมถึงร้องไห้ออกมามากมายขนาดนั้นแต่พอคิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้าพี่ปริตรหัวใจดวงน้อยเหมือนถูกดึงออกแล้วเขวี้ยงไปไกลแสนไกลมันเบาๆโหวงๆในอกบอกไม่ถูก
“พี่ไปทำงาน ไม่ได้ไปตายสักหน่อย”
พอปริตรพูดออกมาแบบนั้น แทนที่หญิงสาวจะเงียบคราวนี้ชายหนุ่มแทบจะเอาถังมารองน้ำตาแม่เจ้าประคุณ สุดท้ายเขาก็ทำได้แค่ให้ยืมอกเป็นที่ซับน้ำตาเท่านั้นแต่กว่าคุณเธอจะเงียบเสื้อของเขาก็เปียกชุ่มไปหมด
“ฝนตก แต่พี่ไม่มีร่ม”
ปริตรบอกก่อนจะมองหาอะไรที่ใช้กันฝนได้แต่พอคว้าแผ่นพลาสติกมาเพราะคิดว่าแค่ฝนปรอยๆคงไม่เป็นไรฝนก็เหมือนแกล้งพากันเทลงมาราวกับฟ้ารั่ว
เสียงโทรศัพท์ภายในของบ้านดังขึ้นหลังจากที่ปริตรจำต้องถอยเข้ามาด้านในเขามองร่างบางที่เดินไปยืนอยู่หน้าประตูกระจกก่อนจะเดินไปยกโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
“พี่ปริตร น้องแป้งยังอยู่ที่บ้านพี่หรือเปล่า”
เสียงของปราชญ์ทำให้สายตาที่ยังอยู่ที่ร่างบางเลื่อนกลับมาสบตาตัวเองในกระจกบานใหญ่หน้าโต๊ะหนังสือแทน
“อยู่ พอดีที่บ้านพี่ไม่มีร่มเลยยังไปส่งไม่ได้”
ปริตรตอบก่อนจะหันกลับไปมองร่างบางเช่นเดิม
“ผมจะบอกว่าฝากน้องแป้งไว้กับพี่ก่อนพอดีพวกเราจะไปส่งเพื่อนๆน้องแป้งกับแขกบางคนเพราะรถไม่พอ เรียกแท็กซี่ไม่ได้ด้วยอ้อ...ไม่ห่วงว่าน้าภาจะว่านะพี่เพราะแกเป็นคนบอกให้ผมโทรมาบอกพี่เองว่าฝากน้องแป้งด้วย”
ปราชญ์พูดแล้วก็วางสายไปไม่ได้รอให้พี่ชายตอบรับแต่ปริตรกลับยังถือหูค้างไว้อย่างนั้นจนปูนแป้งหันกลับมา
“แป้งว่าโทรให้รถมารับดีไหมคะพี่ปริตรแป้งไม่อยากให้แม่เป็นห่วง”
ปูนแป้งเดินกลับมานั่งที่โซฟาสายตายังคงมองสายฝนที่ตกหนักด้วยความกังวล
“น้าวิภาฝากให้พี่ดูแลแป้งรถที่บ้านออกไปส่งเพื่อนๆของแป้งกับแขกบางคนที่ไม่ได้ขับรถมาเองตอนนี้ไม่มีรถเหลือสักคัน”
นอกจากของเขา...แต่ประโยคนี้ปริตรไม่ได้พูดออกมาชายหนุ่มเดินมานั่งตรงข้ามกับหญิงสาวแล้วเงยหน้าขึ้นมองขึ้นไปด้านบน
เขากำลังนั่งอยู่ในบ้านที่ตัวเองภูมิใจบ้านไม้ขนาดชั้นครึ่งที่ออกแบบเอง กับหญิงสาวที่...ทำให้อารมณ์เขาแปรปรวนเหมือนสตรีวัยทอง
ปริตรอยากหัวเราะเยาะตัวเองที่พยายามหนีผู้หญิงตรงหน้ามากแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยหนีพ้นคงเป็นเพราะหัวใจมันไม่รักดีคอยแต่จะห่วงใยจนไม่สามารถทำเฉยได้
“อยากอาบน้ำไหมขึ้นไปอาบน้ำที่ห้องพีก่อนก็ได้นะเสื้ออยู่ในตู้จะใส่ตัวไหนก็เลือกเอา”
ปริตรบอกแล้วลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นหยิบของที่แช่ไว้ออกมาดูทีละอย่างแต่พอนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เขาก็เดินมาตรงบันไดแล้วดึงลิ้นชักที่ซ่อนอยู่ตามขั้นบันไดออกมาก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวที่ถูกซักแล้วห่อด้วยพลาสติกไว้มาส่งให้
“ใช้ได้ ของใหม่”
เจ้าของบ้านหนุ่มบอก
“ค่ะ”
เสียงตอบรับดังขึ้นเบาๆ ก่อนที่ปูนแป้งจะได้ขึ้นไปเยือนอาณาเขตส่วนตัวของปริตรเป็นครั้งแรกเพราะทุกครั้งที่มาบ้านหลังนี้เธอจะได้นั่งในห้องรับแขกหรือเข้าไปในห้องหนังสือเท่านั้นส่วนห้องน้ำข้างล่างก็มีแต่เป็นแค่ห้องน้ำที่ไม่มีอุปกรณ์สำหรับอาบน้ำ
หญิงสาวเดินขึ้นไปชั้นบนก็พบว่าด้านบนที่ชายหนุ่มทำเป็นห้องนอนนั้นถูกกั้นด้วยกระจกฝ้าพอเดินเข้าไปด้านในก็มีประตูไม้เปิดอยู่ภายในแบ่งออกเป็นสองด้าน
ด้านหนึ่งเป็นผ้าม่านสีน้ำเงินเข้มพอเปิดเข้าไปด้านในเป็นห้องแต่งตัวที่มีเสื้อผ้าจัดเก็บไว้อย่างเป็นระเบียบบนราวแขวนเสื้อเชิ้ตไล่ระดับสีอ่อนเข้มเรียงไปจนเต็มถัดไปเป็นเสื้อและกางเกงผ้ายืดที่ดูแล้วเธอพอจะอาศัยเอามาใส่แก้ขัดได้
ปูนแป้งเดินกลับมาที่ประตูที่อยู่ตรงข้ามห้องแต่งตัวเธอมองประตูเลื่อนที่เป็นกรอบไม้ตรงกลางเป็นกระจกฝาก่อนจะพยายามมองให้แน่ใจว่าจะมองเข้าไปด้านในไม่เห็นถึงได้ยื่นมือออกไปเปิดแล้วก้าวเข้าไปด้านใน
เธอกวาดตาไปรอบๆห้องน้ำ มันถูกจัดสรรพื้นที่ให้ใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าในพื้นที่จำกัดของใช้ที่วางอย่างเป็นระเบียบบอกให้รู้ถึงนิสัยผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านว่าเป็นคนเช่นไร
หญิงสาวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยยังใช้ชุดชั้นในตัวเดิมเพียงแต่เปลี่ยนมาใส่เสื้อยืดกับกางเกงผ้านิ่มเอวเป็นเชือกรูดที่ปรับขนาดให้พอดีเอวแต่ขากางเกงที่ยาวเกินไปมากมันเป็นปัญหาที่เธอไม่รู้จะแก้ยังไง
วินาทีแรกที่ปูนแป้งก้าวมายืนตรงหัวบันไดปริตรแทบจะทำขวดน้ำหลุดมือเขากวาดตามองเสื้อของตัวเองที่อยู่บนร่างบางที่ยาวลงมาเกือบถึงหัวเข่ากับกางเกงตัวหลวมแล้วเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัวเพราะแทนที่มันจะช่วยปิดบังร่างบางกลับกลายเป็นว่าแสงไฟที่อยู่ด้านหลังส่องทะลุจนเห็นทรวดทรงที่ซ่อนอยู่ภายในอย่างชัดเจน
หญิงสาวใช้มือหนึ่งถือชุดราตรีสั้นของตนส่วนอีกมือจับขากางเกงดึงขึ้นเพราะว่าถึงแม้จะพับขาขึ้นมามันก็ยังยาวกว่าเท้าเธออยู่ดีโดยพื้นนิสัยของปูนแป้งเป็นคนที่ซุ่มซ่าม ทำอะไรมักจะได้แผลเสมอครั้งนี้ก็เช่นกันที่เธอก้าวลงมาได้เพียงครึ่งทางเท้าก็เหยียบขากางเกงจนหน้าทิ่มถลาลงมาแบบไม่ทันตั้งตัว
โชคยังดีที่ปริตรยืนอยู่ด้านล่างและกำลังจับตาดูหญิงสาวว่าจะลงมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่พอได้เห็นร่างที่ถลาลงมาจึงก้าวขึ้นไปรับไว้ทันก่อนที่เธอจะหล่นลงมาถึงชั้นล่าง
ปูนแป้งส่งเสียงร้องวี้ดด้วยความตกใจแต่พอเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งที่รับเธอไว้ได้ด้วยแขนเพียงข้างเดียวก็ปิดปากเงียบทำตาโตใจดวงเล็กๆเต้นกระหน่ำเพราะยังตกใจจนลืมไปว่าแขนแข็งๆแนบเข้ากับอกอิ่มมือของเขากางแนบแผ่นหลังส่วนมืออีกข้างก็คว้าราวบันไดยึดไว้เป็นหลักไม่ให้หล่นลงไปด้วยกัน
ริมฝีปากอิ่มเผยอค้างก่อนจะกลายเป็นยิ้มแหยๆเมื่อเห็นว่าชุดของเธอที่กระเด็นหลุดมือหล่นลงมาคลุมศีรษะเขาพอดี
ปริตรก้าวลงมายืนกับพื้นพอตั้งหลักได้ก็ปล่อยมือจากราวบันไดมาดึงสิ่งที่อยู่บนศีรษะตนเองออกใบหน้าเข้มบึ้งตึงหากไม่ใช่เพราะเจ้าชุดฟูฟ่องในมือแต่เป็นคนที่ยังอยู่ในอ้อมแขนตนที่ซุ่มซ่ามจนเกือบเจ็บตัว
“ทำไมไม่ระวัง ถ้าหัวแตกจะทำยังไง”
ปริตรถามเสียงเข้มเขามองหน้าปูนแป้งแล้วอยากจะจับตีสักทีที่ไม่รู้จักระวังตัว
“ขะ...ขอโทษค่ะ แป้งสะดุดขากางเกงคือว่า...มันยาว”
ปูนแป้งบอกแล้วก้มลงมองขากางเกงเลยเห็นว่าแขนของชายหนุ่มนั้นช้อนอยู่ใต้ฐานอกของตนพอดี แก้มนวลร้อนวูบพยายามจะยืนทรงตัวให้ได้แต่ก็ติดขากางเกงที่หลุดลงมาจากที่ม้วนเอาไว้
ปริตรส่ายหน้าเขาจับร่างบางให้ยื่นมือไปเกาะราวบันไดแล้วย่อตัวลงจับมืออีกข้างเกาะบ่าตนไว้ก่อนจะยกเท้าเธอขึ้นเพื่อพับขากางเกงให้ก่อนจะลุกขึ้นแล้วจูงเธอมานั่งบนโซฟาตัวยาว
ชายหนุ่มเดินหายไปครู่ใหญ่ถึงกลับมา ในมือมีเข็มด้ายและกรรไกรจากนั้นปฏิบัติการเนาขากางเกงแบบหยาบๆก็เกิดขึ้นและเสร็จในเวลาอันรวดเร็ว
“ใส่ไปก่อนแล้วกันเดี๋ยวพี่ขึ้นไปเอาหมอนกับผ้าห่มลงมาให้ คืนนี้นอนนี่ล่ะ เปิดผ้าม่านเอาไว้เรานอนบนโซฟาส่วนพี่จะนอนหน้าประตูระเบียงเอง”
“แต่ว่า...”
ปูนแป้งมองบานประตูเลื่อนแบบกระจกที่สามารถเปิดออกเพื่อรับลมหรือลงไปนั่งเล่นบนสนามหญ้าได้ซึ่งเวลาที่หญิงสาวมาขอหนังสือที่จะทำรายงานมักจะเห็นชายหนุ่มชอบเปิดประตูเลื่อนออกทั้งสองบานแล้วกางโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆ นั่งทำงานอยู่ตรงนั้นเสมอ
“พี่จะไม่ปิดม่านคนที่มองเข้ามาจะได้เห็นว่าพี่นอนที่พื้นตรงหน้าประตู ส่วนแป้งก็นอนบนโซฟาต่างคนต่างนอน”
“แป้งไม่ได้คิดว่าพี่ปริตรคิดไม่ดีนะคะแต่แป้งกำลังคิดว่าพี่จะนอนบนพื้นไหวหรือคะ ปวดหลังแย่”
ปริตรยิ้มนิดๆเมือได้ยินว่าหญิงสาวไว้ใจตนเขาเดินไปดึงลิ้นชักใต้บันไดออกลากถุงผ้านวมออกมารวมทั้งผ้าห่มอีกสองผืนที่ใส่ซองพลาสติกเอาไว้อย่างดีก่อนจะวิ่งขึ้นไปด้านบนเพื่อหยิบหมอนลงมาแล้วส่งให้หญิงสาวใบหนึ่ง
“มันนิ่มกว่าหมอนอิงจะนอนสบายกว่าแต่ทนเหม็นหน่อยนะพี่ยังไม่ได้เปลี่ยนปลอกหมอนเลย”
แม้ปริตรจะพูดเช่นนั้นแต่เมื่อปูนแป้งรับหมอนมาเธออยากจะบอกว่ามันไม่ได้เหม็นเลยสักนิดแต่มันเต็มไปด้วยกลิ่นกายของผู้เป็นเจ้าของกลิ่นหอมอ่อนๆของโคโลญ์ที่พี่ปริตรชอบใช้ กลิ่นที่ไม่ว่านานเท่าไรเธอก็ไม่เคยลืม
ปริตรเดินไปปูผ้านวมหน้าประตูเลื่อนก่อนจะกลับมาหยิบหมอนอิงไปโยนเอาไว้เกือบหมดโซฟาเขาหันมามองปูนแป้งที่ล้มตัวลงนอนเอาผ้าห่มผืนหนาคลุมจนเหลือแต่หน้าโผล่มาแล้วเดินไปปิดไฟให้เหลือแค่โคมไฟทรงสูงตรงมุมห้อง
“นอนซะเดี๋ยวพรุ่งนี้พี่จะไปส่งที่บ้านแต่เช้า”
ชายหนุ่มบอกเขาล้มตัวลงนอนตวัดผ้าห่มที่บางกว่าคลุมตัวพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าเข้าประตู
“พี่ปริตรไม่อาบน้ำหรือคะ”
ปูนแป้งถามขึ้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายตั้งท่าจะนอนโดยไม่ได้อาบน้ำ
“พี่ใส่ชุดเดิมจะดีกว่าถ้ามีคนมาตอนเช้าเขาจะได้เห็นว่าไม่มีอะไรที่ไม่ดีเกิดขึ้น”
ชายหนุ่มตอบทั้งๆที่ยังนอนอยู่ในท่าเดิม โดยไม่รู้เลยว่าคนที่กำลังจับจ้องแผ่นหลังของเขานั้นกำลังคิดว่าตนเองจะทำอย่างไรถ้าเกิดพี่ปริตรตอบรับคำเชิญในจดหมาย
หญิงสาวพลิกตัวนอนหันหน้าเข้าหาพนักโซฟาดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดปากไม่ให้เสียงสะอื้นหลุดออกมา ยอมรับว่าใจดวงน้อยเหมือนจะหลุดหายไป
ปูนแป้งไม่ทันคิดเลยว่าทั้งๆที่ตนเองรักปราชญ์ เวลาที่เขาอยู่ที่เชียงใหม่เธอรู้สึกคิดถึงและอยากโทรไปหาเวลาที่เจอหน้าได้พบได้พูดคุยก็สุขใจ แต่เวลาที่เขากลับไปดูแลโรงแรมในเครืออัครมนตรีเป็นเดือนๆเธอกลับไม่รู้สึกใจหายเช่นนี้
หญิงสาวกำลังรู้สึกว่าตนเองเป็นคนเห็นแก่ตัวที่คิดแต่จะยึดพี่ปริตรไว้ข้างๆให้คอยดูแลแม้ว่าจะกลัวพี่ชายที่แสนดุแต่กลับวิ่งมาหาเขาคนแรกทุกครั้งที่มีปัญหาแล้วตอนนี้เธอก็กำลังจะขัดขวางโอกาสที่ดีของเขา
“เป็นอะไร”
น้ำเสียงนุ่มนวลดังขึ้นข้างๆมือหนาวางลงมาบนต้นแขนเรียวที่สั่นน้อยๆเพราะแรงสะอื้นปูนแป้งพลิกตัวหันกลับมาแล้วโผเข้ากอดคนที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ข้างโซฟาแล้วปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาราวกับเขื่อนแตก
“แป้งเห็นแก่ตัวที่ไม่อยากให้พี่ปริตรตอบรับจดหมายฉบับนั้นแป้งเป็นน้องสาวที่ไม่ดีเลย”
ใบหน้านวลซบกับบ่ากว้างคำถามฟังกระท่อนกระแท่นจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง แต่ก็ทำให้ปริตรถึงกับนิ่งไปมือทั้งสองปล่อยทิ้งข้างลำตัวไม่ยกขึ้นโอบร่างบางอย่างที่ใจกำลังร่ำร้องให้ทำ
เขาหลับตาสองมือกำแน่นบอกกับตัวเองว่า...นี่คือน้องแป้งน้องสาวที่เขาให้คำมั่นว่าจะเป็นอัศวินคอยปกป้องและดูแลเธอจนกว่า...วันที่เธอมีใครที่ดีพอเข้ามาทำหน้าที่ต่อจากเขา
“อีกตั้งหกเดือนถึงเวลานั้นเขาอาจจะไม่ต้องการพี่แล้วก็ได้”
ปริตรพูดเสียงทุ้มทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่เป็นความจริงเลยเพราะแท้ที่จริงแล้วแค่เขาพยักหน้าตั๋วเครื่องบินและค่าใช้จ่ายในการเดินทางก็จะถูกส่งมาให้ในเวลาอันรวดเร็ว
“แต่ว่า...”
ปูนแป้งขยับตัวออกห่าง เธอมองสบตาสีเข้มที่อ่านไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรแล้วกัดริมฝีปากตนเองเหมือนกำลังคิดว่าควรจะเชื่อคำพูดที่บอกดีหรือไม่
ปริตรยกมือขึ้นประคองแก้มนวลทั้งสองข้างมองเห็นคราบน้ำตาเปรอะไปทั้งแก้มก็ใช้นิ้วหัวแม่มือค่อยๆเช็ดออกให้รอยยิ้มที่น้อยคนนักจะได้เห็นเผยออกมาให้ทำให้ปูนแป้งเผลอยิ้มตอบ แม้ว่าจะเป็นรอยยิ้มที่เหยเกจนดูเหมือนจะร้องไห้มากกว่าก็ตาม
“พี่จำสัญญาได้เสมอนะแป้งพี่จะไม่ไปไหนจนกว่าแป้งจะได้เป็นเจ้าสาวของปราชญ์ อย่าร้อง...นอนซะไม่อย่างนั้นพรุ่งนี้ไปส่งปราชญ์ที่สนามบินไม่ไหวนะ”
ชายหนุ่มบอกเสียงนุ่มเขาพยักหน้าให้หญิงสาวนอนลงแล้วช่วยห่มผ้าห่มให้แต่พอจะขยับตัวมือของเธอกลับคว้ามือหนาเอาไว้
แม้ไม่ต้องพูดปริตรก็เข้าใจเขาขยับตัวนั่งหันหลังพิงโซฟา มือหนายังคงจับมือนุ่มเอาไว้แล้วนั่งฟังเสียงสะอื้นที่ค่อยๆเบาลงเรื่อยๆจนกระทั่งหญิงสาวหลับ แต่เขากลับยังไม่ยอมปล่อยมือเสียเองหากกลับนั่งมองหน้าคนขี้แยจนตัวเองหลับไปอีกคน
“ถ่ายหรือยัง”
เสียงซุบซิบที่ดังอยู่ตรงสนามหญ้าทำให้ร่างสูงที่กำลังเดินลัดสนามหญ้ามาอีกทางหยุดชะงักพงศธรขมวดคิ้วเมื่อเห็นต้นเสียงที่กำลังหลบอยู่หลังพุ่มไม้แล้วทำท่าเหมือนมีลับลมคมนัยจึงเดินเข้าไปหา
“ทำอะไรเจ้ามล เจ้ามัค”
คำถามของอาหนุ่มทำให้กมลกับมฆวันหันกลับมาแล้วยิ้มเหมือนเด็กที่กำลังทำความผิดแล้วถูกจับได้พงศธรดึงกล้องถ่ายรูปในมือกมลมาดูก่อนจะก้าวตัดพุ่มไม้ไปดูที่มาของภาพ
“จะถ่ายไปทำไม”
อาหนุ่มหันกลับมาถามหลายชายตัวแสบแล้วทำท่าจะกดลบรูปที่ปริตรกำลังนั่งหลับอยู่ข้างๆโซฟาที่ปูนแป้งนอนอยู่
“อย่านะอา ผมสะสมรูปพี่ปริตรอยู่”
มฆวันรีบร้องห้ามเขาแย่งกล้องของตนเองคืนแล้วรีบกดดูว่าอาได้ลบรูปที่เขาถ่ายออกไปหรือยังก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกที่ทุกภาพยังอยู่ครบ
“แล้วทำไมต้องสะสม”
พงศธรถามด้วยความสงสัยเพราะเขาไม่เห็นว่ามฆวันจะสะสมรูปของหลานชายคนโตไปทำไม
“ตาไงครับอา ตาพี่ปริตรจะดุ เวลามองก็ชอบมองตรงๆจนพวกผมไม่กล้าสบตากับแก”
“สีหน้าด้วยอาพงศ์ พี่ปริตรทำหน้าเคร่งตลอดแต่เวลาอยู่กับน้องแป้งจะผิดไปเลย”
กมลเสริมพลางสะกิดให้มฆวันหารูปพี่ชายคนโตยิ้มให้อาดู
“ผิดยังไง”
พงศธรยื่นมือไปรับกล้องมา เขายังไม่ได้ดูภาพแต่กลับถามหลานชายให้อธิบายเหตุผล
“ผมว่าอาดูเองเถอะ ใครเห็นก็น่าจะรู้”
พงศธรขมวดคิ้วแล้วก้มลงมองภาพในกล้องก่อนจะเข้าใจว่าทำไมมฆวันถึงบอกว่าไม่จำเป็นต้องอธิบายสายตาของปริตรในรูปดูอ่อนโยน ริมฝีปากได้รูปยกขึ้นน้อยๆมันเป็นภาพแอบถ่ายที่แสดงความรู้สึกของคนในภาพได้เป็นอย่างดี
“แล้วเรารู้ได้ยังไงว่าปริตรกำลังมองปูนแป้ง”
กมลหันมามองหน้ามฆวันแล้วขยับเข้าไปเลื่อนภาพอีกภาพให้ดูมันเป็นการถ่ายแบบต่อเนื่องและสุดทางของภาพคือน้องแป้งกำลังถูกเจ้าตัวเล็กแย่งลูกชิ้น
“นี่แสดงว่าพวกเรารู้...”
กมลกับมฆวันหันมาสบตากันอีกครั้งก่อนจะพยักหน้า
“มัคสังเกตเห็นก่อนเลยมาเล่าให้ผมฟังหลังจากนั้นพอมัคเห็นพี่ปริตรชอบทำหน้าแบบนี้เวลาเผลอเลยแอบถ่ายรูปเก็บไว้”
พงศธรคืนกล้องให้มฆวัน เขามองเข้าไปในห้องรับแขกของหลานชายด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกส่วนหนึ่งเขารู้สึกภูมิใจกับการแสดงความบริสุทธิ์ใจของหลานชายที่เปิดม่านและพาหญิงสาวให้นอนในที่ๆแสดงออกว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น
แต่...อีกด้านหนึ่งเขากลับรู้สึกสงสารหลายชายที่อยู่ใกล้ผู้หญิงที่ตนแอบรักแต่กลับต้องเก็บอาการเอาไว้ไม่สามารถบอกใครได้
“เก็บรูปเอาไว้ดีๆแล้วกัน อัดมาให้อาสักชุดด้วย”
พงศธรหยิบกระเป๋าออกมาดึงเงินส่งให้มฆวันแต่ชายหนุ่มไม่รับกมลเลยรับมาเสียเอง
“พันเดียวไม่พอหรอกอา ขออีกสอง”
กมลชูสองนิ้วแล้วยักคิ้วด้วยอาการกวนๆ ก่อนจะรับเงินที่อาหนุ่มส่งให้มาจูบ
“เดี๋ยวผมจัดให้ อาจะเอากี่รูป”
“มีเยอะขนาดนั้นเลย”
พงศธรเลิกคิ้ว เขาหันไปจ้องหน้าหลานชายอีกคนเพราะคิดว่าน่าจะแค่ไม่กี่สิบรูปทำไมกมลต้องถามว่าเอาแค่ไหน เพราะคิดว่าที่ขอเยอะกมลน่าขอเป็นค่าเสียเวลามากกว่า
“เกือบสามร้อยรูปครับ”
“สามร้อย”
พงศธรทวนคำเขาไม่คิดว่าปริตรจะมีมุมให้ถ่ายรูปได้มากขนาดนั้น แต่ก็ยังพยักหน้ารับ
“เอาหมดนั่นล่ะ แต่ค่าแรงเราแพงนะเจ้ามลเก็บเงินไว้ระวังปลวกขึ้นนะไอ้ขี้งก”
อาหนุ่มตบบ่าหลายชายทั้งสองคน เขาหันไปมองบ้านชองปริตรอีกครั้งก่อนจะเดินกลับไปทางเก่าโดยมีหลานชายอีกสองคนเดินตามหลังมาติดๆ
พงศธรสอดมือลงในกระเป๋ากางเกงเมื่อเดินมาหยุดตรงหน้าใครคนหนึ่งเขามองคนที่ยิ้มอย่างผู้ชนะแล้วก้มศีรษะลงก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองไปยังคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง
“เป็นอย่างที่ทุกคนคิดจริงๆ ตกลงครับ...ผมจะร่วมมือด้วย”



tonpalm
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ก.ย. 2557, 14:29:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ก.ย. 2557, 14:29:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1776





<< หัวใจ...แอบรัก ตอนที่ ๒   หัวใจ...แอบรัก ตอนที่ ๔ >>
Oleang 24 ก.ย. 2557, 14:54:49 น.


goldensun 24 ก.ย. 2557, 17:57:32 น.
พี่ปริตรจะมีคนช่วยลุ้นให้สมหวังแล้ว ดูแล้วปูนแป้งก็ผูกพันด้วยไม่ใช่น้อยเลยนะคะ เพียงแต่น่าจะยังไม่รู้ใจตัวเอง ค่าที่พี่ปริตรออกแนวดุใส่


ร้อยวจี 24 ก.ย. 2557, 19:25:25 น.
มีผู้สมรู้ร่วมคิดแล้ว


ใบบัวน่ารัก 24 ก.ย. 2557, 19:28:35 น.
ผู้ร่วมแผนการเพิ่มขึ้นแล้ว
จะลุ้นๆเอาใจช่วยน้า


ribbin 24 ก.ย. 2557, 20:09:26 น.
ถ้าอาพงศ์ช่วยอย่างนี้ สำเร็จในเร็ววันแน่ อิอิ


Zephyr 26 ก.ย. 2557, 21:58:42 น.
แหม บ้านนี้ เจ้าแผนการ 555


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account