ทองพญามาร [---ชุด ๕ ปรารถนา---]
จากเคยออกปล้นชิงสิ่งล้ำค่าในคืนอันมืดมิด
แสงจันทร์กลับนำพากระต่ายขาวตัวเล็กมาสู่เงื้อมมือมหาโจรอย่างเขา
พร้อมเหรียญทองปริศนาซึ่งมอบชีวิตให้ถึง ๙ ชีวิต

แถมวันดีคืนดีกระต่ายที่ว่ายังกลับกลายเป็นสาวสวย!

ไม่รู้ว่าโชคร้ายหรือดีกันแน่...
เมื่อเขากำลังถูกมือโจรลึกลับเช่นเธอช่วงชิงหัวใจดวงนี้ไป

Tags: พญาดำ เหรียญพระจันทร์ เก้าชีวิต กระต่าย ตัวนุ่ม

ตอน: ๕.๓ ความสุขที่หมุนไป

คุณภาวิน – นังตัวนุ่ม มันเห็นปากพี่เก้ามีกลิ่นหมูแดง ก็เลยอยากลองกินดู อร่อย มันอยากกินอีก
คุณเลิฟหมวย – พี่เก้าเก็บตัว รักไม่ยุ่งมุ่งแต่เรียน จบมาก็มุ่งแต่ปล้น สงสัยจะได้เวลาฝึกหัด เจอคู่ซ้อมแล้ว
คุณเกดนุ่ม – พี่เก้าเขินจิ โดนจูบแบบไม่รู้ตัว... จะให้ปล้ำเลยเหยอ ตัวนุ่มก็ทำไม่เป็นนะ เรื่ออุจิ๊

คุณพันธุ์แตงกวา – ชีวิตคนเขียนไม่มีเลยนะ ประสบการณ์น่ารักแบบนี้ เลยต้องอาศัยเขียนเอา +.+
ซบอกเจ้ เดี๋ยวให้พี่เก้าสวีทอีก อิอิ อาบน้ำกระต่ายก็ไม่เลวนะ รอก่อง
คุณใบบัวน่ารัก – ม้าหมุนมันน่ารัก คนขี่ด้วยก็น่ารัก บรรยากาศพาไป
ตัวนุ่มเขิน ตัวนุ่มเห็นหมูแดงติดปากพี่เก้าอยู่ 555

คุณแพทแมว – แหม คิดถึง ออกมาจนได้นะคะ หุหุ พี่เก้าน่าจะได้เขินอีกหลายที
คุณยิ้มยิ้ม – จูบแรก ที่นี่แหละดีแล้ว บรรยากาศสวยงาม น่าประทับใจ ไม่มีใครมองเห็นตัวนุ่มด้วย

คุณเฟอร์ก้นกระดก – มะม้าอยากกินบะหมี่หมูแดง ใส่ปูด้วยก็ดี เอาเกี๊ยวกุ้งดึ๋งๆๆด้วยจะยิ่งดีมาก
ตัวนุ่มสอนพี่เก้าละ คราวหน้าพี่เก้าสอนตัวนุ่มบ้างนะ อิอิ
คุณสุขุมวิท 66 – จูบแรกจริงจริ๊ง เฮียเก้าไม่สนใจผู้หญิงสักเท่าไหร่ เพราะสะเทือนใจเรื่องแม่
ที่ไม่เคยมีความสุขกับความรักเลย
คุณนักอ่านเหนียวหนึบ – พี่เก้าโดนจูบแข้งขาสั่น คืนนี้ปล้นอะไรไม่ไหวแล้ว นอกจาก...

คุณหนอนดุ๊กดิ๊ก – คนเขียนไม่ชอบขนมหวาน เมือ่เทียบกะของคาว แต่พี่เก้าแกชอบกินขนมน่ะ จัดไป
หุหุ ส่วนอดีต ในอนาคตจะมีนะ ขุ่นแม่กุต่ายชอบคายทีละน้อยๆ
คุณบุลินทร – อะไรวาบหวิว เขียนไม่เป็นหรอก อสิตาเขียนแต่มุ้งมิ้งๆ
คุณโกลเด้นซัน - ตัวนุ่มคนรุ่นใหม่ค่ะแต่คนเขียนชอบหลอกไปหลอกมา พูดอะไรต้องหารสอง
(แล้วจะบอกทำไม เอิ๊ก) เสียดายไม่ได้ให้อ่านก่อนส่งพิมพ์ค่ะ คราวนี้มันฉุกละหุกจริงๆ
แต่คำติชมและคำผิดจะจดไว้ใช้ในอนาคตนะคะ เลิฟคุณโกลเด้นซัน เป็นนักอ่านที่ทรงคุณค่ามาก
เจอจุดรั่วไหลตลอด






ซิ่งรถห่างงานวัดนั้นออกมาเข้าสู่ย่านที่อยู่อาศัยในเมืองนครปฐม
นพคุณพารถเวสป้าไปหาที่จอดทิ้งอย่างไม่กลัวโจรอย่างเคย ก่อนจะ
ชี้ชวนให้ตัวนุ่มติดตามเข้ามาในเขตบ้านใหญ่โตที่ดูไม่มีใครเฝ้าหลังหนึ่ง

หลังจากติดสินบนเจ้าที่เจ้าทางสำเร็จด้วยดีชายหนุ่มก็พาผู้ติดตาม
เข้าไปพักในบ้านเศรษฐี ใช้น้ำใช้ไฟของเขาอย่างสบายใจ

“โห เล่นแบบนี้เลยเหรอ เรื่องโกงชาวบ้านนี่เก่งนักเชียว”
ผู้ติดตามที่ไม่ค่อยจะสำรวมนักเอ่ยติง

ชายหนุ่มอมยิ้มเห็นลักยิ้ม ยักไหล่พลางตอบ “คนยังมีเป็นล้านแบบ
เทพเองก็ไม่ต่างกัน ทำไมฉันจะแจกสินบนไม่ได้...ความจริงจะ
เดินเข้ามาเฉยๆก็ได้ด้วยซ้ำของแบบนี้มันแล้วแต่ว่าใครอำนาจแรงกว่า
นี่เสนอจะให้ของเขาเพราะเป็นสินน้ำใจใบเบิกทางหรอก”

“อ้อ พ่อโจรคนเก่ง ยังไงคนอื่นเขาก็ต้องยอมตัวสินะ”

“แน่ละ ถ้าเธอเก่งกว่าเขา เขาก็ต้องยอมเธอด้วย ไม่งั้นเวลาคนถูกผีเข้าผีสิง
แค่อุ้มหนีเข้าบ้านตัวเองผีก็คงจะถูกเจ้าที่ไล่เด้งออกได้หมดละ ถ้าเจ้าที่เจ้าทาง
จะช่วยจัดการคุมเวรคุมกรรมกีดกันสรรพจิตในสังสารวัฏได้ขนาดนั้น”

ตัวนุ่มทำปากยุกยิกอย่างไม่ยอมรับ ก่อนจะบ่นไปอีกเรื่อง
“เฮ้อ ว่าแต่เราน้อ เลยต้องมาค้างอ้างแรมกับผู้ชายต่างจังหวัดแบบนี้มันแปลกๆยังไงไม่รู้...”

นพคุณขบฟันอย่างอดทนกับคนที่แสร้งทำท่าบิดไปบิดมา
แล้วเวลาค้างอ้างแรมกับผู้ชายอย่างเขาในเมืองหลวงอยู่ทุกคืนๆ
มันต่างกันตรงไหนไม่ทราบ?!

“งั้นตอนไปกาญจน์ล่ะ”

“นั่นมีคนอื่นเต็มแพเลยนี่นา นี่มันสองต่อสอง” คนพูดก้มหน้าทำเหนียมอาย

ทีจูบเรา ไม่เห็นจะอายบ้างเลย ชายหนุ่มเม้มริมฝีปาก กระดากเกินกว่าจะเท้าความถึงเรื่องนั้นอีก

แม้ไม่ได้เตรียมมาค้าง แต่เมื่อค้นได้กางเกงเลลูกชายเจ้าของบ้านมาไว้ใส่นอน
กับแปรงสีฟันใหม่แกะซองอีกอัน เท่านี้ก็นพคุณคิดว่าสบายตัวแล้ว
คาดไม่ถึงว่าตกดึกเขาเริ่มจะท้องเสีย จากที่เคลิ้มหลับไป
ก็ต้องลุกมาเข้าห้องน้ำ พอดีไม่ได้หลับได้นอน

“กรรมสนองเพราะบะหมี่เจ้านั้นที่ไปหลอกเติมหมูแดงฟรีแน่ๆ”
คนนอนคว่ำตีขาอยู่บนเตียงยื่นหน้ามากระซิบเย้ยคนซึ่งทรุดลง
นั่งแหมะพิงข้างเตียงอยู่อย่างหมดแรง

“ถ้าใช่แล้วมันเพราะใครล่ะ แย่งหมูไปกินหมดเลย” ชายหนุ่มกล่าวโทษ

หญิงสาวกลิ้งตัว ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้พลางฮัมเพลงหงุงหงิงพลางนับนิ้วมือเล่นไปพลาง
“นิ้วโป้งยู้หน่ายๆอยู่นี่จ้ะ อยู่นี่จ้ะ... สุขสบายดีรื้อราย---สุขสบายทั้งกายใจ ไปก่อนละ ซาหวัดดี”

เสียงร้องเพลงอนุบาลยานคางชวนรำคาญนั้นสมควรจะรบกวนประสาทคนกำลังท้องเสีย
แต่อีกมุมหนึ่ง มันกลับกวนตะกอนความคิดถึงใครบางคนในใจเขา แม่...

ผู้หญิงคนที่แม้แต่ก่อนตายที่สติสัมปชัญญะเลอะเลือนก็ยังเบือนหน้าหนีเขา
เห็นเขาเป็นชายอีกคนที่เคยมาทำลายชีวิตตน

“เพลงนี้ตอนเด็กๆแม่เคยร้องให้ฟัง” นพคุณถอนใจ สุ้มเสียงปนเประหว่างสุขและเศร้า

เขารู้สึกว่าเตียงที่หลังพิงอยู่ขยับยวบอีก สองมือบอบบางยื่นมาวางบนไหล่
บีบเบาๆอย่างปลอบประโลม เขายิ้มออก ถ้าแม่นี่เป็นกระต่าย คงเอาตัวมาเบียดๆไถเขา
เป็นการปลอบโยนแล้ว แต่ดูเหมือนเขาชักจะชอบแบบนี้มากกว่า ไม่ใช่เพราะ
เธอเป็นผู้หญิง แต่เพราะมันคือสัมผัสจากเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่เคียงข้างกัน

ถึงจะห่วงใยเป็นพิเศษ ถึงจะรู้สึกดีๆ แต่ว่ามันคงไม่คืบไกลไปถึง...มีใจ
ยังไงก็ต้องกันไว้ก่อน อย่าให้แม่นี่คิดเกินเลยไปดีกว่า เป็นคนกับผีด้วยแล้ว
จะยิ่งต้องเสียใจทีหลัง อย่าว่าแต่ต่อให้เป็นคน เขาก็ไม่พร้อมจะรับใครเข้ามาอยู่ดี

“นี่ เราสองคนเป็นเพื่อนกันใช่ไหม ตัวนุ่ม”

คนบนเตียงกลั้นหายใจ หัวใจกระตุกไหว
แค่เพื่อนงั้นหรือ... แต่อย่างน้อยก็ยังดีที่เขายอมรับเธอแล้ว

“เพื่อนจะไม่ทรยศกันใช่รึเปล่า” เสียงถามกดต่ำลง

“อื้อ”

นพคุณถอนหายใจอย่างผ่อนอารมณ์ ก่อนจะชี้มือไปทางหน้าต่างบานโต
เท่าประตูสักสามบานวางเรียงต่อ“แม่เคยบอกถ้าตายไปจะกลายเป็นดาว
จ้องมองฉันอยู่...จากบนฟ้า”

“งั้นแม่ก็คงเห็นว่าลูกชายไม่เหงา มีตัวนุ่มเป็นเพื่อนนี่ไง”

นพคุณหัวเราะขำกับคำพูดอ้อนของแม่ตัวดี เขาเกือบจะเอื้อมมือข้ามไหล่
ไปแตะหัวเธอบางเบาโดยไม่ทันคิด ทว่าภาพบนม้าหมุนแวบกลับมาฉายชัด
จนหน้าร้อนวาบ ชายหนุ่มชะงัก เบนเป้าไปรั้งหมอนใบหนึ่งกลับมากอดเสียแทน
ใช่สิ เอาตัวเองเข้ามาก่อกวนให้เขาวุ่นวายจนหายเหงา คงจริงอยู่ละ

“ต่อไป...ฉันจะกลายเป็นดาวกระต่ายบ้างไหม เอ
หรือจะไปอยู่บนดวงจันทร์เพื่อเฝ้ามองลงมาดูเก้าดีนะ”

นพคุณนิ่งเงียบ เกือบจะออกปากว่าไม่ได้ เธอต้องอยู่ตรงนี้ไปอีกนานๆ
แต่หากวิญญาณของหญิงสาวสามารถจากไปสู่หนทางที่สุขสงบ
เขามีสิทธิ์อะไรไปรั้ง...

“ถ้าวันหนึ่ง เรื่องแย่ๆทุกอย่างจบลงแล้ว เก้าเลิกเป็นโจรได้ไหม”
คนพูดทำเสียงอ่อย รู้ดีว่ายากที่วาจาจะได้ผล แน่ใจว่าเขาจะไม่เชื่อเธอ
ไปแล้วถึงเก้าสิบเก้าส่วนร้อย แต่ถึงแบบนั้นก็ยังอยากลอง
“แม่สอนมา...แม้เราจะทุกข์ยาก แม้จะถูกทำให้เจ็บแค้นต้องเจอโชคร้ายสักแค่ไหน
แต่ถ้ายังไม่ลืมจิตใจที่แท้จริงของตัวเอง ก็ยังอยากให้เป็นคนดีทำดีต่อไป”

“ฉันเกลียด... โลกที่ชั่วร้าย ที่ทำให้ต้องดิ้นรน เงินแก้ปัญหาทุกอย่างได้หมด”

“งั้นเปลี่ยนโลกที่ชั่วร้ายซะสิ แต่ถ้าตัวเราเองยังทำให้ดีไม่ได้ จะไปเปลี่ยนโลกได้ยังไง”

“พอเถอะ!ไม่มีใครเปลี่ยนโลกได้อยู่แล้ว”

“ได้สิแม้จะส่วนน้อย เป็นโลกในมุมของตัวเอง อาจไม่ทำให้ส่วนรวมดีขึ้น
จนเห็นชัดๆ แต่ขอได้มองโลกที่ดีกว่าเดิม...สักนิดหน่อยก็ยังโอเค”

“ฉันไม่ชอบให้ใครมาพูดสั่งสอน” ชายหนุ่มหัวเราะเยาะ

“ถ้าไม่พูดตอนนี้ ก็คงไม่ได้พูดเลย” ใช่ เธอขอเลือกเป็นคนน่ารำคาญ
ดีกว่าไม่ได้พูดสิ่งที่จำเป็นต้องพูดออกไป

ความเงียบเข้าครอบงำระหว่างคนสอนและคนถูกสอน
แต่สุดท้ายภาวะอารมณ์นั้นกลับถูกปล่อยให้รินไหลผ่าน
มือเธอผู้นอนคว่ำบนเตียงยังอยู่บนไหล่เขา ปลายนิ้วกดสัมผัสแผ่ว

เขาไม่หนีเธอ แปลว่าเธอยังมีหวังที่จะเอื้อมถึง...ใจ

“จะว่าไป วันนี้เป็นวันแม่พอดีนี่ สิบสองสิงหา”

“ใช่” ชายหนุ่มถอนใจ งานใหญ่กำลังจะมาถึงในวันกลางเดือน
เขาจึงจดจ่อนับวันอย่างดีเป็นพิเศษไม่ต่างกัน

“พูดถึงเรื่องแม่ ฉันมีนิทานจะเล่าให้ฟัง” คนบนเตียงทำเสียงหนุงหนิง
คล้ายกำลังง่วงเหงา แต่กระแสเสียงต่อมากลับเล่าอย่างแจ่มใสดี
ชวนให้คนฟังเงี่ยหูจดจ่อ “ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเด็กชายน่ารักคนนึง”

“คงไม่ใช่เด็กชายเก้านะ” คนฟังอุทานดักคอ

“ไม่ใช่แน่ เพราะเด็กคนนี้น่ารัก”

“เดี๋ยวเถอะ...”

“ฟังต่อสิ! เด็กคนนี้ไม่แน่ว่าอายุเท่าไหร่ ส่วนหน้าตายังไงก็ไม่น่าจะใช่เรื่องสำคัญ...”

“เล่าแบบนี้จะเห็นภาพได้ไง” นพคุณด่วนปรามาส

“ไม่ต้องเห็นภาพหรอก เห็นความรู้สึกก็พอ” ตัวนุ่มยิ้มอยู่ในความมืดของห้อง
ที่มีเพียงแสงจันทร์ “เอาละ หยุดพูดแล้วฟังดีๆเสียที”

และต่อไปนี้คือนิทานที่วิญญาณสาวได้เล่าให้ชายหนุ่มฟัง

...ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เด็กชายคนนั้นอยู่อย่างผาสุกอยู่ในบ้านที่ชนบท
กับแม่เพียงลำพังสองคน เมื่อแรกก็ใช้ชีวิตสนุกสนานตามวัยเหมือนเด็กอื่นๆ
เล่นตีล้อ ตีไก่กับเพื่อนบ้างลงน้ำจับปูปลาไปตามประสา
ช่วยแม่เก็บผักเก็บหญ้าไปขายบ้างพออยู่กันไป

จนวันที่แม่ล้มป่วย เด็กชายดูเหมือนจำต้องโตขึ้นหลายปีในเวลาไม่กี่ชั่ววัน
เด็กน้อยเริ่มเข้าใจ
หิวเป็นอย่างไร...
ไร้ญาติขาดมิตรเป็นอย่างไร...

ทว่าในละแวกนั้นกลับยังมีผู้ใจบุญยิ่งอยู่คนหนึ่งให้เด็กชายได้ไปพึ่งใบบุญอันกว้างขวาง
เด็กน้อยยินดีบากหน้าพาตัวเองไปกราบกรานวิงวอน เกาะขาขอให้ผู้ใหญ่ท่านนี้ช่วย

หารู้ไม่ว่าผู้แสนบุญหนักศักดิ์ใหญ่ที่อยู่ต่อหน้านั้น
กลับเป็นร่างจำแลงของปีศาจดำ...

สายตาที่แหลมคมของปีศาจเล็งเห็นเด็กท่าทางเฉลียวฉลาดคนนี้ทรงกำลังจิตเป็นเลิศ
เราหมายเสาะหาผู้ช่วยเหลือมาไว้ข้างกายมานานนักหนาแล้วผู้ที่จะผูกพันภักดี
ยิ่งกว่าคนเป็น ไม่เติบโต ไม่เปลี่ยนแปลงแก่เฒ่าเลอะเลือนลงเหมือนคนสนิท
ก่อนหน้านี้ ทั้งไม่อาจหนีหน้าห่างหายยังไม่เคยพบอย่างที่อยากจะได้
คราวนี้ได้พบเห็นทีจะต้องเอามา ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องด้วยกล...
ครั้นแล้วจึงเอ่ยด้วยสีหน้าการุณย์
‘มาเถอะ นอกจากจะได้ช่วยแม่แล้ว ข้าจะให้เอ็งได้พำนักอยู่เรือนข้าตลอดไป’

‘ท่านกรุณาเหลือเกิน’

‘แต่ว่าข้าขอให้เอ็งมาอยู่กับข้า...ในสภาพที่ต่างออกไป’

‘ขอรับ’เด็กชายยังไม่เข้าใจในทีแรก

‘เอ็งน่ะป่วยรู้ตัวหรือไม่ ติดมาจากแม่น่ะแหละ โรคนี้ไม่มียารักษา
...ข้าช่วยแม่เอ็งได้ แต่ว่าเอ็ง จักต้องยอมตายเพื่อให้แม่รอด รู้แบบนี้แล้วจะว่าไง’

ผู้มาดหมายลองยื่นข้อเสนอตามตรงดูก่อน หากมิสำเร็จค่อยหาทางบังคับเอา เด็กตัวแค่นี้จะกระไร

ทว่าสำหรับเด็กชาย เพื่อแม่แล้ว ต่อให้ต้องขายวิญญาณก็ยอม...
กาลผ่านไป มารดาของเด็กได้ต่อลมหายใจด้วยยาตำรับพิเศษที่ถูกปรุงขึ้น
เด็กน้อยตกตายอยู่ใต้เงื้อมมือปีศาจ คอยติดตามรับใช้เป็นผู้รู้ใจไม่ห่าง
เนิ่นนานนับสิบปี หวาดกลัว แต่ยังเคารพรักผู้เป็นนายที่มีใจนักเลงเหี้ยมหาญ...

กงกรรมหมุนเวียน จนสุดท้ายปีศาจนั้นมีอันตกไปตามกรรม
แต่เด็กน้อยยังคงไม่เป็นอิสระ ถูกผูกไว้กับรูปปั้นเด็กชายอันสร้างจาก
ดินเจ็ดป่าช้า ไคลเสมารอบโบสถ์ เถ้ากระดูกเจ็ดเมรุ และอีกหลายสิ่ง
ภายหลังรูปนั้นถูกทำลายลงด้วยมือของผู้ช่วยเหลือซึ่งเป็นที่พักพิงสุดท้าย
แต่หาทางปลดปล่อยอย่างไรเด็กน้อยก็หาได้เป็นอิสระ
หากจิตไม่รู้หนทางที่จะปลดปล่อยตัวเอง

“เด็กน้อยคนนั้น วันนี้ก็ยังรอคอยหนทางเดินใหม่ที่ไม่รู้ว่าวันไหนจะได้เจอ
...เรื่องนี้ มีคนเล่าให้ฉันฟัง”

วิญญาณสาวที่หมอบอยู่บนท่อนแขนตัวเองทอดถอน
ชะโงกลงไปมองชายหนุ่มที่ไถลตัวลงไปนอนฟังอยู่บนพรมข้างเตียง
เลยได้เห็นว่าเขานอนกอดหมอนหลับพริ้มไปแล้ว
ไม่รู้เรื่องที่ตั้งใจเล่าให้ฟังอย่างลังเลนั่นเข้าหูไปกี่ส่วน

“อ้าว หลับแล้วเหรอ แย่จริง”

หญิงสาวโยนผ้าห่มแปะลงใส่ตัวเขา ก่อนจะกลิ้นไปนอนกอดหมอน
ข่มจิตให้หลับตามไปด้วย เฮ้อ เธอเองก็ไม่อยากจะพูดเรื่องนี้ซ้ำซะด้วย
แค่กลั้นใจพูดออกมาเมื่อกี้ก็จะแย่แล้ว ไม่รู้ว่าจะได้ผลดีหรือผลร้าย
ปล่อยให้มันเป็นไปแล้วกัน ภายในไม่กี่วันนี้แหละโชคชะตาจะมาเยือนแน่
แต่จะได้หรือเสีย เดี๋ยวคงได้รู้กัน



...ไกลออกไป โดดเดี่ยวในแสงสีเจิดจ้าแต่บาดลึกของเมืองหลวง

เด็กน้อยในนิทานยังมีชีวิต เด็กน้อยคนนั้นยังคงเดินทาง
และที่สำคัญตอนนี้เขาได้ถูกส่งออกมาทำงานบางอย่าง
ตามคำขอของคนที่เขาไม่เคยขัดได้เลยสักครั้ง

กุมารน้อยผมแกละมองตัวเองในกระจกที่ค่อยๆสูงขึ้น
เปลี่ยนรูปร่างหน้าตาไปด้วยมายาภาพ สูงสง่า ไหล่กว้าง
ร่างเพรียวได้ส่วน ผมยาวพอประมาณรวบไว้ท้ายทอย
ตาสีน้ำตาลมุ่งมั่นเฉียบคมที่ไม่เคยยอมแพ้ใคร

ใบหน้าที่พี่ชายมหาโจรอนุญาตให้เขายืมมาใช้ทำงานสำคัญ
เรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นนี้ ไม่แน่ว่าเขาเองคงใกล้จะได้เผชิญหน้า
กับตัวตนของเจ้านายเก่า
คงใกล้ถึงวันได้รู้ซึ้งถึงน้ำใจพระยาดำผู้นั้น อีกครา...







สิบห้าสิงหา...

ณ โรงแรมหรูหราย่านเมืองหลวงกำลังจะมีงานใหญ่
เบื้องหน้าเป็นงานการกุศลที่อาศัยบารมีของคุณหญิงผู้หนึ่ง
ซึ่งเป็นเพื่อนคู่ธุรกิจของรัฐมนตรีอนันต์ออกหน้า
เปิดเป็นงานจัดแสดงทองถักสุโขทัยอันประเมินค่ามิได้

ในงานมีทั้งผู้เชี่ยวชาญเรื่องของเก่าและนักธุรกิจมากมายมารวมตัว...
งานพรรค์นี้โจรธรรมดาคงไม่กล้าแหย่ขามาเหยียบ ยกเว้นกลุ่มที่
มีคนบ้าผู้ต้องการสร้างวีรกรรมสะเทือนขวัญ
ทีมปล้นที่ตอนนี้เหลือโจรอยู่สองหน่อนพคุณกับสุวิชา

“จะได้เป็นโจรปล้นทองกันจริงๆละเว้ยคืนนี้”
นักประดิษฐ์หนุ่มคำรามขณะกำลังตรวจตราความพร้อม
ของอุปกรณ์ดักฟัง กล้อง กระทั่งอาวุธให้เพื่อน

สิ่งที่สุวิชากล่าวถึง คงเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก
ไฮไลท์ของงานซึ่งอยู่ที่เกราะอ่อนโบราณโบร่ำล้ำค่าตัวหนึ่งที่เรียกว่า‘เสื้อทอง’
สมบัติส่วนตัวของผู้จัดงานที่ถูกนำมาเปิดประมูล

เสื้อตัวนั้น ว่ากันว่านอกจากช่วยให้คงกระพันชาตรีกันคุณไสยได้ทุกประการ
ยังรักษาอาการบาดเจ็บให้ทุเลาหากสวมใส่ แทบว่าจะทำให้คนใส่
กลายเป็นผู้ชนะสิบทิศเหนือศัตรูไปได้

นพคุณเองไม่เชื่อนัก แต่เขาอยากลองพิสูจน์...

“หวังว่าคนอื่นในทีมเราจะทำงานได้ดี พร้อมหน้า ไม่ตกไม่หล่น” นพคุณเปรย

“เออน่า ฉันเองยังเชื่อมือเจ้าพวกนั้นว่าจะไม่ทำให้เราผิดหวัง”


ทั้งสองพูดกันโดยต่างรู้ดีว่ากำลังหมายถึงใคร



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ต.ค. 2557, 08:59:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ต.ค. 2557, 08:59:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1171





<< ๕.๒ ความสุขที่หมุนไป   ๕.๔ ความสุขที่หมุนไป - ๖ ราคาของเพื่อน >>
ketza 6 ต.ค. 2557, 09:20:11 น.
กรี๊ดดดดดดดดดด มาแย้วววว


ketza 6 ต.ค. 2557, 09:27:21 น.
พี่เก้ากะตัวนุ่มน่ารักจุง คุยกันบนเตียงหงุงหงิง หงุงหงิง คริคริ
..พี่เ้ก้าเลิกเป็นมหาโจร แต่มาเป้นโจรปล้นใจเถอะ ตัวนุ่มขอ 555


yimyum 6 ต.ค. 2557, 09:49:43 น.
*0*


yimyum 6 ต.ค. 2557, 10:00:16 น.
จบแบบค้างมากอะค่ะ --


ริญจน์ธร 6 ต.ค. 2557, 11:16:38 น.


Chii 6 ต.ค. 2557, 12:23:45 น.
เหยยยย ตัดจบบทเง้เลยหราาาาาา
ชิชิ


Sukhumvit66 6 ต.ค. 2557, 14:05:05 น.
สงสารเขาทราย ไม่รู้จะได้ปลดปล่อยเมื่อไหร่....


Zephyr 6 ต.ค. 2557, 17:13:15 น.
ทีมนี่ ทีมเหนือธรรมชาติ supernatural สินะ
เล่านิทานเรื่องชาวบ้านละ แล้วเรื่องตัวเองละ


ดังปัณณ์ 6 ต.ค. 2557, 20:27:44 น.
อ่าฮะ ของขุ่นแม่กุเต่ยนี่ต้องลาบเลือดเหมือนวานี่ของขุ่นพี่ละเซ้ 555+

ฉากนี้เค้าน่ารักมุ้งมิ้ง แต่อิพี่เก้ายังกันตัวนุ่มยุอี้กกกกกกก อร๊ายยยยยยยยยย ขัดใจ ตอนนี้สงสารเขาทราย กี่ปีกี่เดือนหวุนเวียนวนไปมาแบบนี้นี่เองน่าสงสาร ทุกคนเกี่ยวกับพระยาดำหมดเลยหิ แล้วมันจิเป็นยังไงต่อล่ะหิ

ทนไว้ลู้กกกกกกกกกกกกกกก.....เดี๋ยวก็วาง เดี๋ยวก็ได้อ่านจบหมดเล่มไม่ต้องถูกขุ่นแม่กุ่เต่ยแกล้งแล้วววววววววว


lovemuay 6 ต.ค. 2557, 21:13:43 น.
จะทำสำเร็จมั๊ยน้อ จบงานนี้ก้อยากให้พี่เก้าเลิกเป็นโจรเหมือนกัน


นักอ่านเหนียวหนึบ 6 ต.ค. 2557, 23:25:18 น.
น่านเซะ อยากรู้เรื่องเทออะ ตัวนุ่มมมมมม
ตกลงเทอเป็นใครกันแน่ ปองร้ายหรือแค่ปองรัก จ้ะ อิ้วๆๆๆ


นักอ่านเหนียวหนึบ 6 ต.ค. 2557, 23:25:23 น.
น่านเซะ อยากรู้เรื่องเทออะ ตัวนุ่มมมมมม
ตกลงเทอเป็นใครกันแน่ ปองร้ายหรือแค่ปองรัก จ้ะ อิ้วๆๆๆ


ภาวิน 7 ต.ค. 2557, 02:54:38 น.
ไอ้พี่เก้าไม่กล้าพูดเรื่องจูบ ก๊ากกก เรื่องโน้นอีเผด็จเอาแต่พูดเรื่องนี้ เริ่มเข้มข้นขึ้นทุกทีแล้วสิ หนุงหนิงกะตัวนุ่มแบบนี้ ระวังถึงยามจากลาจะคิดถึงจนไม่เป็นอันทำอะไรนะ


ใบบัวน่ารัก 7 ต.ค. 2557, 06:08:03 น.
เป็นเพื่อนกันต้องไม่ทรยศเพื่อนนะ
ห้ามรักเพื่อนเชิงชู้สาวด้วยนะ
จิงๆๆๆนะ


goldensun 7 ต.ค. 2557, 06:59:12 น.
ตัวนุ่มดูจะหวังดีกับเก้านะ แอบรักด้วยรึเปล่า
ส่วนเก้าที่เก่งและกล้า มาเขินกีบเรื่องจูบ ทำมาตีกันตัวนุ่มแค่เพื่อน ตัวเองเผลอไปถึงไหนแล้ว
ประวัติเขาทรายน่าสงสารจัง แต่มาช่วยให้กลับตัว หรือช่วยเก้าปล้นละคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account