ร่มไม้ สายน้ำ ความรัก (หัวใจ...แอบรัก)
ภารกิจรักกลับมาใหม่ ครั้งนี้นอกจากคุณนายจันทราจะพาพี่บอมกับพี่บันบันมาป่วนแล้วยังพ่วงเจ้าดัลเมเชี่ยนลายจุด เข้ามาสกัดจุดหัวใจให้พี่ใหญ่ได้สมหวัง
หัวใจ...แอบรัก รักลุ้นๆของมดแดงที่เอาแต่แฝงตัวอยู่หลังใบมะม่วง งานนี้นอกจากลุ้นยังต้องวุ่นปนป่วนฮากับวาจาจิกกัด ผสมกับท่านพี่ที่ขนดีกรีเกินพี่หมามาช่วยกัน
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: หัวใจ...แอบรัก ตอนที่ ๘

ตอนที่ ๘

“พี่ปริตรไม่ได้เอากล่องไปรษณีย์ของแป้งมาหรือคะ”
ร่างบางที่กับพื้นแล้วเลือกนิยายเรียงใส่ชั้นแยกตามสำนักพิมพ์ราวกับว่าเป็นบ้านของตัวเองหันมามองเจ้าของบ้านซึ่งกำลังรื้อที่นอนพี่หมาที่เพิ่งซื้อมาออกจากกล่อง
“พรุ่งนี้ค่อยไปเอา พี่ยกมาได้แค่นั้นล่ะ”
ปริตรบอกสั้นๆแล้วหันไปแกะพลาสติกใสที่หุ้มที่นอนพี่หมาออก ก่อนจะโยนไปทางเบาะเม็ดโฟมรูปหยดน้ำซึ่งได้รับการสำรวจจากเจ้าตัวเล็กทันที
มันเอาจมูกดมสำรวจเบาะแคบๆของหมาพันธุ์เล็กก่อนจะก้าวเข้าไปด้านในแล้วเดินวนไปตามขอบที่นอนที่ยกสูงขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อหาจุดหย่อนก้นอันใหญ่โตของมัน
“ใช่ของเราที่ไหน”
ปริตรทำเสียงดุ แต่เจ้าตัวเล็กไม่ได้สนใจยังพยายามเดินวนหาทางที่จะนอนให้ได้และแล้วที่นอนของพี่บอมก็ถูกยึดครองด้วยวิธีนอนทับลงไปทั้งตัวจนเห็นขอบที่นอนโผล่ออกมานิดเดียว
เจ้าของบ้านมองความพยายามของเจ้าตัวเล็กแล้วอดทึ่งในความดันทุรังของมันไม่ได้เขาส่ายหน้าก่อนจะแกะห่อพลาสติกออกจากที่นอนอีกสองอันจนเสร็จ
“พี่ปริตรซื้อให้ตัวเล็กด้วยหรือคะ”
ปูนแป้งหันมาเห็นที่นอนอันใหญ่ก็คลานเข้ามานั่งข้างๆกลิ่นแป้งเด็กหอมกรุ่นเล่นเอาปริตรใจไหววูบเขาหลุบตาลงมองเบาะนุ่มในมือก่อนจะตอบเบาๆในลำคอ
“อืม”
“ขอบคุณนะคะ”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มทั้งปากและตาแก้มอิ่มขยับยกขึ้นจนเห็นลักยิ้มทำให้พี่ใหญ่ถึงกับอดยิ้มตอบไม่ได้แม้ว่ามันจะเผยออกมาเพียงแค่แวบเดียวแต่ก็ทำให้คนมองอยู่ถึงกับแก้มแดง
ปูนแป้งนึกสงสัยว่าพี่ปริตรของเธอจะรู้ไหมว่าเวลาที่เขาไม่สวมแว่นน่ามองขนาดไหนแล้วเวลาที่เขายิ้มทำไมหัวใจดวงน้อยๆของเธอถึงได้เต้นแปลกๆเช่นนี้
“จะมองกันอีกนานมั้ยหรือว่ามองกันแล้วอิ่มฉันจะได้นั่งกินข้าวกับพี่ๆเขาไม่ต้องรอ”
คำถามที่ดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนหันกลับไปมองเห็นว่าคุณจันทรายืนถือจาบเปลใบใหญ่อยู่หน้าทางเข้าครัวจึงรีบลุกขึ้นเดินไปช่วยทันที
ปริตรเข้ามารับจานในมือคุณจันทราเอามาวางที่โต๊ะเขามองข้าวผัดในจานเปลมีควันลอยกรุ่นซึ่งอดีตน่าจะเป็นข้าวหน้าไก่เทอริยากิแต่ตอนนี้กลายเป็นข้าวผัดหน้าตาน่าทานมีต้นหอมซอยเพิ่มสีสันให้น่าทานมากขึ้นแล้วอดนึกถึงหน้าตาอาหารกล่องเหล่านี้เวลาที่อุ่นกินเมื่อวันก่อนขึ้นมาไม่ได้
ชายหนุ่มอดยอมรับไม่ได้ว่าคุณจันทราทำได้เหมือนอย่างที่คุยไว้จริงๆเขามองจานที่ปูนแป้งยกออกมาเห็นว่ามันเป็นข้าวผัดพริกขิงที่นำไปผัดรวมกันแล้วถูกห่อด้วยไข่เจียวบางๆโรยหน้าด้วยกากหมูกับใบมะกรูดซอยเป็นเส้นเล็กๆ
“คุณแม่ทำอาหารเก่งนะคะตอนแป้งเข้าไปช่วยท่านแกะห่อพลาสติกยังคิดอยู่เลยว่าจะทำออกมาเป็นยังไง”
ปูนแป้งบอกก่อนจะรีบเดินกลับเข้าไปช่วยยกอาหารต่อปริตรเลยหันไปหยิบน้ำในตู้เย็นกับแก้วมาจัดวางบนโต๊ะอาหารสำหรับสี่คนนั่งพอหันกลับมาก็เห็นพี่บอมกับบันบันนั่งรออยู่ข้างๆ
“อย่าบอกนะว่าจะขึ้นมานั่งด้วย”
ปริตรถามเพราะไม่รู้ว่าบ้านของคุณจันทราพาพี่หมาขึ้นมาร่วมโต๊ะด้วยหรือไม่แต่กลับรู้สึกเหมือนตัวเองโดนด่าทางสายตาเมื่อพี่หมาทั้งสองตัวพากันเดินไปนั่งตรงหน้าจานข้าวตัวเองแล้วมองหน้าเจ้าของบ้านเหมือนจะบอกว่า...ฉันรู้มารยาทมากกว่าที่คิดนะ
“พี่เขาอ่านสมบัติผู้ดีเลยรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร”
คุณจันทราวางชามใส่แกงจืดเต้าหู้ใส่หมูสับกับผักกาดขาวแล้วหันไปรับหมูทอดจากปูนแป้งมายื่นให้กับปริตร
“ช่วยฉีกให้พี่เขาหน่อย ชิ้นใหญ่ไปเดี๋ยวติดคอ”
ปริตรรับจานหมูทอดมาแบบงงๆเขามองหมูแล้วลงมือฉีกเป็นเส้นขนาดกำลังพอดีคิดในใจว่านี่ล่ะมั้งที่อาพงศ์เคยบอกว่าอาแอนต้องกินผักเยอะๆเพราะอายุมากแล้วพวกเนื้อหมูเนื้อไก่ปล่อยเป็นหน้าที่ของพี่บอมกับบันบันไป
ชายหนุ่มเกือบจะถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกอยากจะบ้าเพราะไม่คิดว่าวันหนึ่งตนเองจะได้ทำในสิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อนใครจะเชื่อว่าดอกเตอร์หนุ่มผู้เคร่งขรึมต้องมาเป็นทาสพี่หมา
“เป็นอะไร ให้ฉีกหมูแค่นี้ทำท่าอย่างกับกินยาเบื่อ”
คุณจันทราเลิกคิ้วขึ้นแล้วจ้องหน้าคมเข้มที่ตอนนี้ไม่มีแว่นมาบดบังนัยน์ตาสีแปลกๆให้นางนึกรำคาญอีกดวงตาของผู้สูงวัยกว่าสำรวจท่าทางเอาจริงเอาจังแม้กระทั่งการฉีกหมูนางไม่แปลกใจเลยที่คุณน้อมบ่นว่าหลานชายคนโตเข้าถึงยาก
“นับได้กี่ชิ้นแล้ว พี่เขารออยู่ไม่ต้องแบ่งให้เท่ากันก็ได้”
อยู่ๆคุณจันทราก็เอ่ยขึ้นมาปูนแป้งเงยหน้าขึ้นมองพี่ปริตรของเธอก่อนจะก้มหน้าลงมองอาหารในจานตรงหน้าส่วนปริตรพอได้ยินเช่นนั้นก็หน้าแดงเพราะเขาฉีกไปก็เผลอนับหนึ่ง สอง สาม หนึ่ง สองสามอยู่จริงๆ
“เปล่าครับ”
ร่างสูงลุกขึ้นแล้วเอาหมูที่ตนเองฉีกแยกเป็นกองๆใส่ชามพี่บอมบันบัน และเจ้าตัวเล็ก เพราะนิสัยที่ทำอะไรเป็นระบบระเบียบจนติดเป็นนิสัยทำให้ชายหนุ่มเดินไปวางจานในอ่างแล้วล้างมือจนสะอาดถึงกลับมานั่งที่โต๊ะเหมือนเดิม
ปูนแป้งลอบมองหน้าคนที่นั่งตรงข้ามแล้วหลุบตาลงมองข้าวผัดในจานเมื่อปริตรเงยหน้าขึ้นสบตาเธอพอดีแม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาปราชญ์จะเป็นเหมือนเจ้าชายในฝันแต่เวลานี้หญิงสาวกลับคิดว่าอัศวินข้างกายมีอะไรบางอย่างที่ทำให้หัวใจเธอสั่นไหว
อาจเป็นเพราะเธอไม่เคยได้สบตาของปริตรตรงๆเลยสักทีด้วยความกลัวว่าจะถูกดุอะไรอีกจนต้องหันไปมองทางอื่นหญิงสาวแอบมองริมฝีปากได้รูปสวยจนเธอนึกอิจฉาแล้วอดคิดถึงวันแต่งงานของพี่เมฆขึ้นมาไม่ได้
ปูนแป้งกัดริมฝีปากของตัวเอง แก้มนวลฉาบสีเลือดขึ้นมาเพราะยังไม่ลืมรสจุมพิตที่ได้รับในวันนั้นและสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้รู้สีกว่าพี่ปริตรไม่ใช่พี่ปิดคนเดิมของเธออีกต่อไป
หลังจากทานอาหารเย็นกันเสร็จปริตรอาสาเป็นคนจัดการทำความสะอาดครัวเองเขาทำความสะอาดทุกอย่างและปิดท้ายด้วยชามอาหารของสุนัขทั้งสามตัวแม้ปูนแป้งจะเข้สมาขอช่วยแต่กลับถูกปฏิเสธและถูกไล่ให้ไปอยู่ไกลๆ
ปริตรมองหน้าของหญิงสาวที่สลดลงแล้วหันหน้าหนีเขาไม่ต้องการอยู่ใกล้เธอเกินความจะเป็น แม้ว่า...ใจอยากจะทำเช่นนั้นก็ตาม
“พี่ปริตรอาพงศ์ให้เอาแผนการสร้างห้องพยาบาลในโรงแรมมาให้”
เสียงของปราชญ์ที่ดังขึ้นด้านหลังทำให้คนที่กำลังยืนเช็ดจานหันกลับมามองหน้าแล้วหันกลับมาสนใจงานในมือต่อ
“เอาไปวางในห้องทำงานก่อนก็แล้วกัน”
ปริตรบอกแล้วมองเงาสะท้อนของตนเองจากแก้วน้ำโชคดีที่มันไม่สามารถมองเห็นแววตาของตนตอนนี้ชายหนุ่มนึกในใจก่อนจะหลับตาลงเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะใสๆของปูนแป้งดังเข้ามาถึงในครัว
ไม่ว่านานแค่ไหนเวลาเธออยู่ใกล้ๆเขาก็ไม่เคยได้ยินเสียงหัวเราะแบบนี้ มันคงเป็นเสียงหัวเราะ เป็นรอยยิ้ม ที่มีให้แก่ปราชญ์เพียงคนเดียว
“จะเช็ดให้จานเป็นกระจกเลยหรือไง”
เสียงของคุณจันทราทำให้ปริตรวางจานใบสุดท้ายใส่ในตะกร้าเขาหันกลับมามองคนที่ทำทีเป็นหาอะไรบางอย่างในตู้เย็น
“คุณป้าหาอะไรครับ”
เจ้าของบ้านหนุ่มถามก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินคำตอบ
“น้ำส้มคั้น”
“น้ำส้มคั้นหรือครับ”
ปริตรทวนอีกครั้งพอได้ยินคำว่า ‘ใช่’เขาก็เดินไปหยิบเหยือกน้ำส้มคั้นที่ยังไม่ได้ใส่น้ำแข็งตรงเคาน์เตอร์บาร์มาส่งให้
“นี่ครับ”
“อ้าว...นี่ฉันลืมเอาแช่ตู้เย็นเหรอ”
คุณจันทราทำท่าตกใจแล้วหันกลับไปหาน้ำแข็งในตู้เย็นก่อนจะคว้าเหยือกน้ำส้มไปจัดการเทใส่แก้วแล้วส่งให้ปริตร
“เป็นเจ้าของบ้านต้องรู้จักดูแลแขกถึงจะเป็นน้องชายก็เถอะอย่าปล่อยให้อยู่กันแค่สองคนแล้วเจ้าของบ้านมัวแต่หลบมาอยู่ในครัว”
คำพูดของคุณจันทราแฝงนัยบางอย่างซึ่งปริตรไม่ได้เอะใจอะไรเขารับแก้วน้ำส้มมาถือไว้แต่กลับเดินไปหยุดอยู่ข้างตู้หนังสือใบใหม่แล้วมองภาพคนที่นั่งกระซิบกระซาบจนหน้าแทบจะชนกันด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
“ที่จริงเขาก็ไม่ได้ห้ามมดกินมะม่วงเพียงแต่มดมันมัวแต่รอให้มะม่วงสุกจะได้หวานๆเลยไม่ยอมกินสุดท้ายก็อดเพราะไม่รู้ไอ้กะรอกตัวไหนมันมาเจาะเสียก่อน”
คนที่เดินผ่านไปแกล้งหยุดข้างๆพอพูดจบก็ทำตัวเป็นทศกัณฑ์เข้าไปร่วมวงสนทนาด้วยเหมือนจะบอกว่า...มันไม่เห็นจะยากเลย
ปริตรเข้าไปนั่งเบาะที่เหลืออีกตัวหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ข้างๆเบาะที่ปูนแป้งนั่งอยู่พอนั่งก็ได้รับฟังเรื่องราวที่ไม่เคยคิดว่าจะพบเจอบนโลกใบนี้
แต่ปราชญ์ ปูนแป้งและคุณจันทรากลับพูดคุยกันราวกับเป็นเรื่องปกติที่สามีจะพาเมียน้อยมาคลอดลูกพร้อมกับเมียหลวงเพียงแต่ที่น่าอดสูใจคือเมียน้อยกับภรรยานอนห้องพิเศษติดกัน
ปูนแป้งเล่าเรื่องนี้ด้วยความรู้สึกสงสารเมียหลวงหญิงสาวทำหน้าเศร้าก้มหน้าลงมองมือของตัวเองที่สั่นสะท้านยามที่คิดถึงทารกน้อยที่เกิดมาโดยไม่รู้เลยว่าผู้เป็นพ่อกำลังสร้างความเจ็บช้ำให้ครอบครัวมากแค่ไหน
ปริตรมองอาการของหญิงสาวข้างๆก่อนจะเลยไปที่น้องชายของตน ปราชญ์จับมือนุ่มยกขึ้นตบเบาๆเพื่อให้กำลังแล้วบอกว่าเรื่องพวกนี้สำหรับเขาเป็นเรื่องธรรมดาเพราะการทำโรงแรมที่พ่วงด้วยรีสอร์ททำให้เขาต้องเจอในรูปแบบคล้ายๆกันคือพาเมียหลวงกับลูกไปพักรีสอร์ทนอกเมืองแต่เอาเมียน้อยกับลูกที่เกิดจากเมียน้อยมาพักที่โรงแรมในเมือง
ปริตรถอนหายใจเบาๆเพราะรู้ดีว่าปราชญ์ไม่เข้าใจว่าทำไมปูนแป้งถึงทำท่าเศร้าแต่เขาเข้าใจ เขารู้ว่าหญิงสาวสงสารเด็กที่เพิ่งเกิดมามากกว่าผู้ใหญ่ชายหนุ่มวางข้อศอกไว้บนหัวเข่า วางคางเอาไว้บนฝ่ามือพลางใช้มือส่วนที่เหลือปิดปากตัวเองบดบังสีหน้าที่เปลี่ยนไป
เขาหลบสายตาของคุณจันทราโดยหันมองไปทางอื่นแต่มืออีกข้างนั้นกลับเลื่อนไปวางไว้บนศีรษะของปูนแป้งโดยไม่มีคำพูดใดๆที่แสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจเธอคุณจันทราก้มลงมองพี่หมาทั้งสองตัวที่นอนอยู่ข้างๆ พี่บอมเงยหน้าขึ้นสบตาตอบแล้วหันไปมองภาพมนุษย์โลกที่แสนจะเข้าใจยากด้วยความสงสัย
...ผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ระหว่างผู้ชายสองคนคนหนึ่งปลอบโยนด้วยการจับมือมาตบเบาๆ แล้วอธิบายในสิ่งที่ไม่ได้ทำให้เธอเสียใจผู้ชายอีกคนเข้าใจแต่ไม่พูดอะไรนอกจากวางมือบนศีรษะของเธอให้รับรู้ว่ามีเขาอยู่ข้างๆ...
ตกลงแล้ว...พี่หมาเพลีย
กว่าปราชญ์จะกลับบ้านไปคุณจันทรากับพี่หมาก็พากันหาวแล้วหาวอีกจนในที่สุดพี่บอมทนไม่ไหวเลยทำการไล่แขกด้วยการเดินไปนั่งตรงหน้าแล้วเอียงคอมองหน้าน้องชายเจ้าของบ้านเหมือนจะถามว่ายังจะคุยกันอีกนานไหมตอนแรกปราชญ์ยังไม่ได้สนใจจนกระทั่งคุณจันทราทำเป็นลุกขึ้นยืนแล้วเอ่ยปากขึ้นมา
“พี่บอม พาบันบันกับตัวเล็กไปนอนได้แล้วลูกดึกมากแล้วเกรงใจเจ้าของบ้าน”
คนพูดลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มให้กับทุกคนเหมือนว่าเป็นเรื่องธรรมดาทั้งๆที่คำพูดเมื่อครู่ทำให้ปราชญ์เก็บสำลักส้มที่ยกขึ้นดื่ม
“ป้าไปนอนล่ะนะ เดี๋ยวนอนน้อยพักผ่อนไม่พอต้องมาเสียเงินซื้ออาหารเสริมกินเพิ่มส่วนที่ร่างกายซ่อมแซมไม่ทันอีก”
“เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นผมคงกลับบ้านเลยแล้วกันลาล่ะครับคุณป้า ไปนะพี่ปริตร พี่ไปนะแป้ง”
ปราชญ์รีบลุกขึ้นยืนเขายกมือไหว้คุณจันทราแล้วหันไปบอกลงพี่ชายกับปูนแป้งแล้วก้มลงมองพี่บอมที่ทำเป็นอ้าปากหาวจนลิ้นยาวยืด ก็จะขมวดคิ้วเพราะรู้สึกเหมือนหมามันยักคิ้วให้
ปริตรลุกขึ้นแล้วเดินออกมาส่งน้องชายหน้าประตูเขามองบ้านพ่อกับแม่ที่อยู่ห่างออกไปเห็นว่าไฟยังไม่เปิดก็หันมามองน้องชายและดูเหมือนว่าปราชญ์จะเข้าใจโดยไม่ต้องถาม
“คืนนี้ผมว่าจะไปนอนกับมัคว่าจะคุยเรื่องโรงแรมที่สงขลา”
“อืม ส่วนเรื่องทำห้องพยาบาลใหม่ขอพี่จัดการงานที่ค้างเสร็จจะดูให้นะ”
“ได้ครับ พี่ปริตรผมถามอะไรหน่อยสิ”
อยู่ๆปราชญ์ก็หันมาแล้วทำหน้าเหมือนกำลังสงสัยอะไรบางอย่างซึ่งปริตรรู้ดีว่าน้องชายเป็นคนที่ถ้าสงสัยอะไรจะไม่เก็บเอาไว้แต่จะถามให้รู้เรื่องและจัดการกับสิ่งที่สงสัยทันที
“ว่ามา”
“พี่ชอบอยู่เงียบๆตอนนี้มีคนมาอยู่ด้วยไม่รู้สึกอึดอัดบ้างเหรอ”
ปริตรฟังคำถามแล้วสอดมือในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่นะ อาจจะแปลกๆที่มีคนมาเดินในบ้านแต่ไม่ได้อึดอัด”
ปราชญ์ยิ้ม เขายกมือขึ้นแล้วกล่าวราตรีสวัสดิ์ก่อนจะเดินผิวปากเป็นเพลงสากลที่คุ้นหู เดินไปทางบ้านอาที่เหลือมฆวันอาศัยอยู่คนเดียวเพราะมหิศรไปนอนที่บ้านริมคลองกับกมลมาเกือบปีแล้ว
ปริตรมองตามหลังน้องชายไปแล้วปิดประตูพอหันกลับมาพบว่าพี่หมาสองตัวกับเจ้าตัวเล็กมานั่งเรียงแถวรออยู่เขาจึงเดินไปเปิดห้องทำงานให้ก่อนจะหอบที่นอนของทุกๆท่านเข้าไปวางไว้ข้างๆโซฟาที่เขาจะใช้นอนแล้วออกมาตรวจดูประตูหน้าต่างตามความเคยชิน
ชายหนุ่มตรวจดูทุกอย่างจนเรียบร้อยจึงคิดว่าจะเอาน้ำติดมือไปนอนสักขวดเผื่อหิวตอนกลางคืนแต่ยังไม่ทันเดินถึงตู้เย็นคุณจันทราก็เดินสวนออกมาพร้อมกับกระติกน้ำร้อนประจำกายก่อนจะเดินเข้าห้องนอนไป
ชายหนุ่มปิดไฟครัวแต่ยังนืมอยู่หน้าตู้เย็นกำลังคิดว่าน่าจะเปลี่ยนตู้เย็นใหม่เป็นแบบสี่ประตูแต่พอคิดว่าคุณจันทราไม่ได้มานอนบ้านตนตลอดไปก็เลยตัดความคิดนั้นทิ้งไป
หลังจากนั้นไม่นานนักเสียงกุกกักก็ดังขึ้นเบาๆทำให้ปริตรละสายตาจากตู้เย็นแล้วเดินออกมาตามเสียงที่ได้ยินเขาอมยิ้มเมื่อเห็นว่าปูนแป้งแอบย่องลงมานั่งเลือกนิยายอยู่หน้าตู้หนังสือ
“ทำอะไร”
ท่ามกลางเงาสลัวของแสงไฟจากห้องนอนบนชั้นลอยทำให้ปริตรเห็นว่าหญิงสาวที่กำลังเพ่งมองหน้าปกเพื่ออ่านชื่อเรื่องถึงกับสะดุ้งแล้วหันมายิ้มเหมือนเด็กที่ทำผิดแล้วถูกจับได้
“พี่ปริตร”
“ทำไมไม่นอน”
ร่างสูงเดินไปนั่งกับพื้นข้างๆก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบไฟฉายอันเล็กๆบนชั้นมาเปิดส่องหน้าปกหนังสือให้โดยไม่ทันเห็นว่าปูนแป้งรีบเอาหนังสือหลบทันที
“แปลกที่ค่ะเลยว่าจะเอานิยายไปอ่านเล่นเผื่อจะหลับง่ายขึ้น”
“จะไม่หลับไม่นอนมากกว่า”
ปริตรส่ายหน้าเขาดึงนิยายที่หญิงสาวถือไว้ออกแล้วเลือกส่งให้เพียงเล่มเดียวโดยไม่ได้ดูชื่อเรื่องก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วดึงเธอให้ลุกตาม
“อ่านแค่เล่มเดียวพอ”
เขาบอกพลางจับมือหญิงสาวมาส่งถึงหน้าบันได
“นอน เข้าใจมั้ย”
“ค่ะ”
ปูนแป้งรับคำเธอรีบเดินขึ้นบันไดแต่ด้วยนิสัยที่สุดแสนจะซุ่มซ่ามทำให้เกือบหงายหลังเพราะเหยียบพลาดดีที่ปริตรไวพอที่จะก้าวขึ้นมารับร่างเธอเอาไว้ไม่ให้ร่วงลงมา ใบหน้านวลร้อนวูบเมื่อแผ่นหลังสัมผัสกับอกอุ่นหัวใจเริ่มกระเจิดกระเจิงเมื่อแขนแข็งแกร่งโอบรัดแม้จะเป็นเพียงแค่การกอดหลวมๆก็ตาม
ชายหนุ่มทำเสียงบางอย่างในลำคอเมื่อดันร่างบางให้ทรงตัวเขาก้าวตามหลังปูนแป้งไปจนเธอก้าวผ่านบันไดขั้นสุดท้าย ถึงได้หันหลังเดินกลับลงมา พยายามจะไม่หันไปมองคนที่ยังยืนอยู่ด้านบนแต่พอหญิงสาวเรียกชื่อแล้วกล่าวคำว่าขอบคุณเบาๆเขาก็หันกลับขึ้นไปแล้วทำแค่เพียงยกมือขึ้นบอกให้รู้ว่าไม่เป็นไร
ปริตรรกลับมาในห้องทำงานแล้วมองพี่บอมกับบันบันนอนรวมกันอยู่ด้านในเบาะอันใหญ่ส่วนเจ้าตัวเล็กนอนหงายอ้าซ่าบนเบาะเล็กทั้งสองอัน
“เสียหมาหมด”
ชายหนุ่มส่ายหน้าเมื่อเห็นท่านอนที่ไม่อาจหาอะไรเปรียบได้ของเจ้าตัวเล็กก่อนจะเดินไปดึงผ้านวมผืนหนามาปูบนโซฟาเพื่อลดความเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่ถูกตั้งอุณหภูมิไว้ที่27องศาตามคำสั่งของคุณจันทรา
“เดี๋ยวพี่หมาเป็นหวัด แล้วอย่าลืมห่มผ้าให้พี่เขาด้วยนะเข้าใจมั้ย”
ปริตรนึกถึงคำพูดของคุณจันทราแล้วหาผ่าห่มผืนเล็กมาห่มพี่หมาทั้งสองตัวแต่สำหรับเจ้าตัวเล็ก เขาคิดว่าคงไม่จำเป็นเพราะท่าทางจะนอนดิ้น ห่มไปก็เท่านั้น
ชายหนุ่มปิดไฟทั้งหมดเหลือไว้เพียงแสงไฟจากโคมอันเล็กที่ฉายแสงสีนวลก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วเอาผ้าห่มมาวางพาดบนหน้าท้อง อาจเป็นเพราะอดนอนแถมเมื่อตอนเย็นยังนอนไม่เต็มอิ่มทำให้เขาหลับไปในเวลาอันรวดเร็ว
และแล้ว...หายนะก็คืบคลานเข้ามาแสงไฟสะท้อนกับดวงตาวาววับยามเมื่อร่างในความมืดขยับเข้ามาใกล้ มากขึ้น มากขึ้น และมากขึ้น
เพราะไม่เคยขึ้นมาบนห้องนอนของปริตรมาก่อนนอกจากเมื่อเย็นที่ขึ้นมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบกลับลงไปช่วยคุณจันทราในครัวแต่ตอนนั้นเธอไม่มีเวลาแม้แต่จะมองอะไรเสียด้วยซ้ำ
พอตอนนี้มายืนอยู่หน้าเตียงขนาดใหญ่ของปริตร ภาพพระเอกในนิยายก็โผล่ขึ้นมาในความคิดเสียอย่างนั้นแต่ทำไม...ใบหน้าพระเอกของปูนแป้งกลับกลายเป็นพี่ปริตร ไม่ใช่พี่ปราชญ์เหมือนทุกที
หญิงสาวก้มลงมองหน้าปกนิยายเล่มที่ถืออยู่เป็นภาพชายหนุ่มกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงมีสาวสวยนอนเคียงข้างแก้มนวลร้อนวูบก่อนที่จะก้าวขึ้นเตียงช้าๆ แล้วซุกหน้าลงกับหมอนใบใหญ่
ชั่วขณะหนึ่งปูนแป้งนึกเสียดายที่กลิ่นหอมบนหมอนไม่ใช่กลิ่นของพี่ปิดของเธอจิตใจของสาวน้อยเริ่มฟุ้งซ่านจนแทบกู่ไม่กลับเมื่อคิดถึงอ้อมกอดเมื่อครู่ไออุ่นของเขาจางหายไปแล้วแต่สัมผัสยังคงอยู่
จากตอนแรกที่คิดว่าจะนอนอ่านนิยายแต่ไปๆมาๆกลับกลายเป็นว่าผล็อยหลับไปแถมยังฝันถึงเจ้าของเตียงว่าเป็นพระเอกในนิยายที่เธอต้องไปทะเลาะตบตีกับนางร้ายเพื่อแย่งเขามา
ที่สำคัญ...ทำไมนางร้ายในฝันของปูนแป้งถึงเป็นนิอรไปได้แล้ว...ปราชญ์ล่ะไปไหนกัน ทำไมในฝันของเธอถึงไม่มีคนที่เฝ้าใฝ่ฝันหามาตลอดเวลาในที่สุดความฝันก็ดำเนินมาถึงตอนที่เธอเป็นผู้ชนะได้พระเอกมาครอง
แต่แล้วปูนแป้งก็ผวาตื่นลุกขึ้นมานั่งหอบใบหน้านวลซีดเผือดหันมองไปรอบตัวแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อรู้แล้วว่ามันเป็นความฝันก่อนจะทิ้งตัวลงนอนอีกครั้ง...
ในความฝัน เธอได้พี่ปริตรมาครอบครองแต่ตอนแต่งงานเจ้าบ่าวกลับกลายเป็นเจ้าตัวเล็กใส่ชุดสูทมายืนเคียงข้าง คอยตอนรับแขกเหรื่อที่มาร่วมงาน
หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากปล่อยเสียงหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงความฝันเธอกับเจ้าตัวเล็กสวมมงคลแล้วนั่งเคียงคู่ มีผู้ใหญ่หลายคนมารดน้ำสังข์ให้ มีพี่ปริตรเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวกับคุณจันทราเป็นเพื่อนเจ้าสาว
นี่ตกลงเธอกินอะไรเข้าไปกันนะถึงได้ฝันเป็นตุเป็นตะถึงขนาดนี้...
ปูนแป้งมองเพดานแล้วขมวดคิ้ว ไล่สายตาไปตามลายเส้นแปลกๆมองเห็นเป็นเงารางๆท่ามกลางแสงไฟเจิดจ้า ก่อนจะเลื่อนสายตาไปมองนาฬิกาแล้วเลิกสนใจเจ้าเส้นสีจางนั้นไปทันทีหญิงสาวหลับตาลงดึงหมอนอีกใบมากอดแล้วทอดถอนใจออกมาเบาๆก่อนเข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง

-----------------------
ปล. ตอนที่ ๘ ลงเรียบร้อยแล้วนะคะ แจ้งให้ทราบ หากลงถึงตอนที่ ๑๐ จะทำการ ลบตอนแรก ๆ ออกนะคะ และ ฉบับที่ลงให้อ่าน เป็นต้นฉบับที่ยังไม่ได้มีการปรับแก้ค่ะ



tonpalm
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ต.ค. 2557, 07:46:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ต.ค. 2557, 07:46:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1821





<< หัวใจ...แอบรัก ตอนที่ ๗   ตอนที่ ๙ >>
แว่นใส 30 ต.ค. 2557, 08:13:40 น.
รักพี่หมาจัง


ร้อยวจี 30 ต.ค. 2557, 09:08:32 น.
น่ารัก


ribbin 30 ต.ค. 2557, 23:26:47 น.
เอ ดูท่าจะใจตรงกันนี่น่า แต่คนหนึ่งก็ไม่กล้า อีกคนก็ไม่รู้ใจตัวเอง
อยากรู้จังพี่ทั้งสองจะช่วยอย่างไรหนอ


innam 2 พ.ย. 2557, 14:17:52 น.
เป็นกำลังใจคะ


Zephyr 7 พ.ย. 2557, 22:24:50 น.
เหมือนจะชอบๆกันนะ แบบงงๆมึนๆ
แต่ใครจะช่วยได้เนี่ย
ดูท่าจะง้างยากทั้งคู่


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account