แก้วขวัญวันรัก
เรื่องราวของสี่สาวพี่น้องที่ต้องตามล่าหาแฟนให้ได้ภายในสามเดือน ก่อนที่จะถูกจับคลุมถุงชนกับเจ้าบ่าวที่ไม่เคยเห็นหน้า ดังนั้นภารกิจ และปฏิบัติการลับของการตามหาแฟนจึงเริ่มข้น
แต่ติดปัญหาที่แก้ไม่ตกนั่นคือ

คนหนึ่ง ขี้เหวี่ยงขี้วีน คบกับผู้ชายได้ไม่เกินหนึ่งวัน ผู้ชายคนนั้นต้องหนีเปิง เจ้าของฉายา
“สวยเหวี่ยงวีน”

คนหนึ่ง ซุ่มซ่ามจอมโก๊ะ เจ้าของฉายา “สาวโก๊ะมหาวิบัติ”

คนหนึ่ง ด้านชาต่อความรัก ไร้ความรู้สึกกลับความรัก เจ้าของฉายา “ดอกไม้น้ำแข็งไร้อารมณ์”

และอีกคนหนึ่ง สาวสวยหมดเท่ แต่ใจเธอคือหญิงแท้ แต่กลัวการมีความรัก เจ้าของฉายา
“เจ้าสาวกลัวฝน”

Tags: สี่สาว รักแท้ ความรัก การตามหา

ตอน: 34 เบาะแสจากอัมพวา 2

34
เบาะแสจากอัมพวา (2)



วันวิวาห์ยืนนิ่งอยู่ที่ศาลาริมน้ำในเขตอภัยทาน คีตภัทรมองด้วยสายตาเห็นใจ อยากจะเดินเข้าไปยืนข้าง ๆ อยากจะพูดปลอบใจ แต่ก็ไม่กล้าพอ ใครจะไปคิดว่าความหวังสุดท้ายของเขาและเธอจะด่วนจากไปก่อนเพียงแค่สามวันด้วยภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เขากลับเธอจึงพากันมาที่วัดเพื่อร่วมงานศพเพราะไหน ๆ ก็เดินทางมาแล้ว แต่นั่ง ๆ อยู่วันวิวาห์ก็หายไป

“อีกนิดเดียวเราก็อาจจะได้รู้แล้วว่าเขาอยู่ที่ไหน”

“อย่าคิดอย่างนั้นสิครับ บางทีคุณสุพลเขาอาจจะไม่รู้เลยก็ได้ เราก็แค่เริ่มใหม่รอบที่สอง อย่าพึ่งยอมแพ้นะครับคุณวัน ผมเชื่อว่าเราจะหาพ่อคุณวันเจอแน่นอนครับ” วันวิวาห์หันมามองคนที่กำลังพูดปลอบใจ

“กลับเถอะค่ะ”

“ครับ เราไปลาคุณลานนาเธอก่อนดีกว่านะครับ” วันวิวาห์พยักหน้า และเดินตามคีตภัทรเข้าไปที่ศาลา ลานนาลูกสาวคุณสุพลที่กำลังคุยอยู่กับญาติหันมามองพวกเธอและเดินเข้ามา

“จะกลับแล้วหรอคะ”

“ครับ จะมืดแล้ว ผมกับคุณวันไม่อยากกลับบ้านดึกไปกว่านี้น่ะครับ”

“ข้างที่นี่สักคืนได้ไหมคะ” ลานนาเอ่ยถาม

“เอ่อ...” คีตภัทรหันไปมองวันวิวาห์

“คุณพ่อไม่อยู่แล้ว แต่ฉันอยากให้คุณลองไปเจออีกคน ท่านออกจากโรงพยาบาลพรุ่งนี้ รออยู่เจอท่านก่อนนะคะ บางทีคุณอาจจะมาไม่เสียเที่ยว”

“เอ่อ....”

“เราเหลือห้องว่างอยู่สองห้อง ถ้าคุณสะดวกใจพักที่พุดตานรีสอร์ทก็ได้นะคะ”

“ค่ะ แต่ดิฉันขอกลับไปที่รีสอร์ทก่อนนะคะ ฉันรู้สึกเพลีย ๆ อยากพักผ่อน” วันวิวาห์

“ได้สิคะ ดิฉันจะโทรไปสั่งให้พนักงานเปิดห้องให้คุณสองคน ดิฉันคงไปรับรองไม่ได้”

“ไม่เป็นไรค่ะ คุณเองก็กำลังยุ่ง ๆ ดิฉันขอตัวนะคะ” แล้ววันวิวาห์เดินเลี่ยงออกมา โดยมีคีตภัทรเดินตามหลังมา ภายในรถเงียบกริบไร้เสียงพูดคุย วันวิวาห์นั่งเหม่อลอย ดวงตาเย็น ๆ ของเธอดูเศร้าอย่างที่คีตภัทรเองก็บอกไม่ถูก แม้มันจะนิ่งและเย็นเช่นเดิม แต่เขารู้ได้ว่ามันกลับแปลกไปจากทุกที คงไม่ใช่แค่วันวิภาที่รอพบเอกรินทร์ แต่วันวิวาห์เองก็คงกำลังรอพบเขาเช่นกัน

“คุณวันครับ คืนนี้สองทุ่มผมจะไปคุณวันไปที่ ๆ หนึ่ง” วันวิวาห์หันกลับมามองคีตภัทรด้วยสายตาไม่ไว้ใจ

“ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะครับ มาถึงอัมพวาผมอยากจะพาคุณไปที่ ๆ หนึ่ง บางทีคุณวันอาจจะสบายใจขึ้น ผมสัญญาว่าไม่มีอะไรในกอไผ่แน่นอน นี่ก็หลายอาทิตย์แล้วนะครับที่ผมอยู่กับคุณวัน คุณวันไม่เชื่อใจผมบ้างเลยหรือครับ” คีตภัทรหันหน้ากลับมามอง วันวิวาห์มองตาเขานิ่ง ๆ และหันหน้าหนีไม่ตอบสิ่งใดเหมือนทุกครั้ง

“ตกลงไปนะครับ” คีตภัทรถอนหายใจอย่างเหนื่อยใจ เขารู้ถ้าวันวิวาห์หันหน้าหนีไม่มีวันได้คำตอบอะไรอีกแน่นอน แต่อยู่ ๆ เธอก็หันหน้ากลับมาและพยักหน้า คีตภัทรยิ้มออกมาทันที รถขับมาจอดลงที่หน้ารีสอร์ทพุดตาน ระหว่างที่ทั้งสองกำลังจะเดินเข้าไปในรีสอร์ท วันวิวาห์กลับหันไปเห็นรถมอเตอร์ไซค์คนหนึ่งจอดหลบอยู่ข้างต้นมะขามต้นใหญ่ตรงข้ามกับรีสอร์ท และบนรถมีชายสองคนนั่งอยู่แต่งตัวรัดกุม หมวกที่ปิดใบหน้าแต่ไม่ได้อำพรางสายตาจนเธอไม่รู้ว่าสองคนนั้นกำลังมองมาทางเธอ และอยู่ ๆ พวกนั้นก็ขับรถออกไป วันวิวาห์ส่ายหน้าพยายามไล่ความคิดไม่ดีออกไป

“คุณวันครับ” คีตภัทรเอ่ยเรียกวันวิวาห์ที่ยืนเหม่อ วันวิวาห์หันไปมองและเดินคีตภัทรไปด้านในรีสอร์ท




“เหลือห้องเดียวหรอครับ” คีตภัทรทำหน้าเครียดและหันไปมองวันวิวาห์

“พอดีเมื่อตอนเย็นมีนักท่องเที่ยวพึ่งมาเช็คอิน คุณลานนาเธอเองก็คงไม่รู้”

“ไม่ทราบว่าที่นี่ยังมีรีสอร์ทอื่นอีกไหมครับ” คีตภัทรเอ่ยถาม

“มีมันก็มีค่ะ แต่ป่านนี้คงเต็มหมดแล้ว ช่วงนี้ใกล้ช่วงเทศกาล เริ่มมีนักท่องเที่ยวมาจองห้องพัก คือ...” พนักงานทำสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย

“ถ้าอย่างนั้นเปิดห้องที่ว่างครับก็ได้ครับ” วันวิวาห์หันมามองเขา

“เดี๋ยวผมนอนในรถก็ได้ครับแค่คืนเดียว คุณวันไม่ต้องคิดมากนะครับ” พนักงานยื่นกุญแจส่งให้คีตภัทร ซึ่งคีตภัทรก็ยื่นมันให้กับวันวิวาห์ วันวิวาห์ทำหน้าลังเลใจ

“ฉันไม่ซึ้งหรอกนะที่คุณทำดีกับฉัน คุณไม่ต้องแสดงความเป็นสุภาพบุรุษต่อหน้าฉันก็ได้ ฉันไม่ว่าหรอกถ้าคุณจะพักในห้อง แล้วฉัน” คำพูดของวันวิวาห์ทำให้หน้าที่กำลังยิ้มหมองลงทันที

“ผมไม่ได้แสดงความเป็นสุภาพบุรุษเพื่อเอาหน้าหรือเอาชนะคุณหรอกนะครับคุณวัน แต่ต่อให้ผู้หญิงตรงหน้าเป็นคนอื่นผมก็คงทำ ผมให้เกียรติผู้หญิงทุกคน และผมไม่อยากให้คุณวันรู้สึกแย่กับผมไปมากกว่านี้ ไม่ต้องคิดมากหรอกครับ นอนในรถไม่ได้ลำบากอะไรขนาดนั้น แต่ก่อนตอนผมไปออกคอนเสิร์ต โรงแรมเต็ม จองไม่ทัน ผมก็นอนในรถ แค่คืนเดียว คืนนี้เรามีนัดกันนะครับ ตอนนี้คุณวันเอาของไปเก็บ เดี๋ยวเราไปทานอาหารกันก่อนแล้วค่อยกลับมาอาบน้ำ” พอวันวิวาห์ไม่รับ คีตภัทรก็ยัดพวงกุญแจใส่มือของวันวิวาห์ทันที

“ช่วยพาคุณผู้หญิงคนนี้ไปส่งที่ห้องด้วยนะครับ ผมขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” แล้วเขาก็เดินเลี่ยงไปเพื่อไม่ให้วันวิวาห์ทักท้วงอะไรอีก




(เจ๊วันตัวอยู่อัมพวาหรอ โห ไม่ชวนเค้าเลย) เสียงรักจิราดังรอดผ่านโทรศัพท์ออกมา

“พูดเหมือนมาได้”

(ก็เค้าอยากไปบ้าง เค้าไม่ได้ไปเที่ยวนานมากแล้ว แล้วนี่ตัวไปทำอะไรที่อัมพวา แล้วไปกับใคร) วันวิวาห์นิ่งไม่ยอมตอบ จะให้เธอตอบไปได้ยังไงว่ามากับคีตภัทร รักจิรายิ่งเป็นพวกชอบมโน ถ้าไปเล่าให้แก้วกัลยาฟัง แก้วกัลยามโนยิ่งกว่ารักจิราเสียอีก เจอสองมโนมีหวัง คิดกันไปถึงยอดดอกแน่

“เจ๊มาธุระไม่ได้มาเที่ยว จริงสิ เรื่องขวัญเป็นไงบ้าง เจ๊พยายามติดต่อขวัญ แต่ติดต่อเท่าไหร่ก็ติดต่อไม่ได้ เจ๊เริ่มเป็นห่วงขวัญแล้วนะรัก รักติดต่อขวัญได้บ้างไหม”

(เอ่อ...ดะ...ได้สิ เมื่อเช้าเค้ายังโทรไปคุยกับเจ๊ขวัญอยู่เลย)

“แต่เจ๊ติดต่อขวัญไม่ได้เลยนะ โทรเท่าไหร่ก็ปิดเครื่อง”

(ตัวโทรไม่ถูกช่วงน่ะ เจ๊ขวัญต้องเรียนตัวต่อตัวกับแอนนา แล้วที่โน่นก็ไม่ให้เอาโทรศัพท์เข้าไประหว่างที่แอนนาสอน ตัวไม่ต้องห่วงนะ)

“แล้วขวัญว่างตอนไหน เจ๊อยากคุยกับขวัญ” ปลายสายเงียบไปจนวันวิวาห์เริ่มเอะใจ

(เอ่อ...ว่าไงนะ รู้แล้ว เจ๊วัน สายฟ้าเรียกให้เค้าไปคุยด้วย ไว้คุยกันวันหลังนะ บาย)

“เดี๋ยว” รักจิราตัดสายไปอีกจนได้ ครั้งหน้าเธอจะต้องเค้นถามให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ขวัญแค่ไปเป็นผู้ช่วยเชฟแอนนาจริงหรือ เธอมีลางสังหรณ์ไม่ดีว่าสองคนนี้กำลังทำเรื่องอะไรลับหลังเธอและแก้วกัลยา

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“ใครคะ” เสียงหน้าประตูไม่ตอบ วันวิวาห์เดินไปส่องที่ตาแมวไม่เห็นเงาของใคร แต่เธอกลับมองเห็นเงาวูบอยู่ที่หน้าต่าง วันวิวาห์เดินไปดึงม่านให้ปิดลง มือหยิบโทรศัพท์จะกดโทรหาคีตภัทร แต่

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“คะ...ใครคะ” วันวิวาห์เอ่ยถามอีกครั้ง แต่กลับมีเสียงตอบกลับเช่นเดิม

“ฉะ...”

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

วันวิวาห์ถอยหลังออกห่างจากบานประตู เธอกดโทรศัพท์โทรหาคีตภัทร และวิ่งเข้าไปซ่อนตัวในห้องน้ำกดล็อคประตู เธอได้แต่ภาวนาให้คีตภัทรรับสายเธอ

แกรก

เสียงปลดล็อคประตูทำให้วันวิวาห์สะดุ้ง เธอพยายามตั้งสติไม่แตกตื่น พยายามควบคุมสติให้ได้มากที่สุด เกิดมาในชีวิตนี่เป็นครั้งแรกที่มาเจอเหตุการณ์ระทึกขวัญแบบนี้ เธอต่างจากรักจิราที่ท้าตีท้าต่อย รับทุกสถานการณ์ได้อย่างไม่กลัวเกรง เมื่อชินชาก็มีสติในการตั้งรับเสมอ แก้วกัลยาเห็นร้าย ๆ วีน ๆ แต่ก็ไม่เกรงอะไร ตาต่อตาฟันต่อฟันถ้าเจอเหตุการณ์แบบนี้คงสามารถหาวิธีจัดการได้ หรือแม้แต่ขวัญชีวันที่แต่ก่อนซุ่มซ่ามจนเป็นเหตุ ทำให้คนจ้องเล่นงานเพราะคิดว่าเธอตั้งใจไปแกล้ง บวกกับไปไหนมาไหนกับรักจิราบ่อย ๆ ต้องเจอเหตุการณ์วุ่นวายเพราะไปกับรักจิรา คงสามารถตั้งสติและหาวิธีแก้ได้ดีกว่าเธอ แล้วเธอล่ะ วัน ๆ อยู่แต่ในโรงพยาบาล เธอจะทำยังไงดี เธอควรจะร้องโวยวาย หรือเงียบ ๆ เธอทำตัวไม่ถูกกับสถานการณ์ที่ไม่เคยเผชิญ เธอได้แต่ภาวนาว่าคีตภัทรจะรับสายเธอ

เสียงเท้าเดินวนไปรอบห้อง เปิดตู้ เปิดทุกอย่างในห้องเหมือนกำลังหาเธออยู่ และตอนนี้เสียงเท้าเดินมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องน้ำ วันวิวาห์น้ำตาแทบไหล เธอถอยหลังหนีไปชิดกับอ้างล้างหน้า เอื้อมมือหยิบแจกันที่วางอยู่ขึ้นมาถือ

ปัง

เสียงประตูห้องน้ำดังขึ้น วันวิวาห์พยายามตั้งสติให้ได้มากที่สุด

“ฉันรู้ว่าเธออยู่ในนั้น เปิดประตู ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” วันวิวาห์เงียบไม่ตอบ และมันก็ทุบประตุอีกครั้ง เมื่อเธอไม่ยอมตอบ หรือเปิดประตู วันวิวาห์ที่ถือโทรศัพท์แนบหูจ้องมองลูกบิดที่หมุนออก

กริ๊ก

ตุบ

โทรศัพท์มือถือหลุดล่วงลงจากมือ ในวินาทีที่ประตูถูกพลักออก พร้อมกับชายร่างใหญ่ และร่างท้วมสองคนที่ยืนอยู่หน้าประตู มันสองคนมองวันวิวาห์ วันวิวาห์รู้ว่าภัยมาถึงตัว ทุกอย่างเคลื่อนโดยอัตโนมัติ เธอขว้างแจกันในมือใส่มันคงหนึ่งในจังหวะที่มันไม่ทันระวังตัว

เพล้ง!!!

แต่อีกคนเหมือนจะไหวตัวได้จึงคว้าจับตัววันวิวาห์ไว้ วันวิวาห์ออกแรงสะบัดตัวให้หลุดจากกันจับกุม

“เรื่องเยอะนักนะมึง” มันสบถออกมา

“ปล่อยนะ ปล่อยฉัน พวกแกเป็นใคร อยากได้อะไร เงิน ฉันมีเงิน พวกแกเอาไปให้หมดเลยแต่อย่าทำอะไรฉัน้ลย เราไม่ได้เป็นศัตรูกัน” วันวิวาห์เอ่ยถามด้วยความตื่นตนก พยายามประคองสติให้ได้มากที่สุด

“ไม่ต้องพูดมาก เงินข้าไม่เอา คืนนี้ข้าจะเอาเอ็งทำเมีย ถ้ายังไม่เงียบนอกจากเอาทำเมีย พวกข้าจะฆ่าเอ็งแน่” วันวิวาห์สะบัดแขน แต่คนร้ายกลับฉุดกระชากลากถูให้เธอตามไป วันวิวาห์ยื้อตัวไม่ยอมตามไป

“อย่านะ อย่าทำอะไรฉันเลย อยากได้อะไร”

“เอ็งไงนังคนสวย” มันหันมาตวาดและลากวันวิวาห์เข้าไปจนสำเร็จ

“ปล่อยนะช่วยด้วย ช่วยด้วย” วันวิวาห์เริ่มร้องตะโกนเสียงดัง แต่ดูเหมือนคืนนี้ในตัวเมืองจะจัดงานนักท่องเทีย่วที่พักก็ออกไปข้างนอกกันหมด และห้องที่เธอพักก็เป็นห้องสุดท้ายที่อยู่มุมสุดห่างจากห้องอื่น ๆ ไปไกลมาก และจังหวะมันลากเธอผ่านโต๊ะ วันวิวาห์ก็คว้าหยิบแจกันแก้วอันเล็กขึ้นมา ก่อนจะตีเข้าที่หัวของมัน

เพล้ง!!!

มือของคนร้ายร่างท้วมที่จับอยู่ปล่อยออกในทันที วันวิวาห์พลักมันล้มและทำท่าจะวิ่งตรงไปที่ประตู แต่คนร้ายตัวสูงอีกคนที่โดนเธอขว้างแจกันในห้องน้ำใส่วิ่งออกมาคว้าจับเธอไว้ กระชากให้เธอหันกับมา

เพียะ!!!

แรงตบจากมือผู้ชายทำให้วันวิวาห์รู้สึกเหมือนมีคนเอาไม้มาทุบเข้าที่หน้า วันวิวาห์ล้มลงไปนั่งกองกับพื้น เธอรู้สึกชา รู้สึกถึงรสชาติเค็ม ๆ คาว ๆ ของเลือดที่ไหลออกมาจากมุมปาก

“อีบ้า มึงทำพวกกูหรอ” คนร้ายที่พึ่งโดยตีตะโกนอย่างบ้าเลือดและวางเข้ามาหวังจะตบเธอซ้ำอีกคน

“พอก่อน มึงลืมแล้วหรอ คุณคนนั้นสั่งให้เราข่มขืนมันแล้วถ่ายคลิปส่งไป เดี๋ยวมันตายก่อนก็อดเงินพอดีสิมึง” คนร้ายเอ่ยขึ้น วันวิวาห์รู้ทันทีว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่มีโจรบุกเข้ามา

“ปล่อยฉันนะ คน ๆ นั้นจ้างพวกนายเท่าไหร่ ฉันจะให้มากกว่า ปล่อยฉันไปเถอะ”

“หึ คุณคนนั้นบอกว่าถ้าแกต่อราคา เค้าจะเพิ่มให้พวกฉันอีกเท่าตัวที่แกต่อ ยอมดี ๆ อย่าให้พวกข้าต้องโมโหและลงมือหนักกว่านี้ เอาน่า เดี๋ยวเธอจะติดใจ” มันลากเธอเข้าไปในห้องนอนและพลักเธอลงไปนอนที่เตียง เมื่อเธอทำท่าจะลุก มันก็พุ่งเข้ามาคร่อมเธอจับเธอล็อคแขนและขาไว้

“ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย ไม่นะ อย่าทำฉัน กรี๊ด!!!”

แควก

วันวิวาห์ร้องเสียงดังเมื่อมันกระชากเสื้อของเธอออก วันวิวาห์ดิ้นอย่างรุนแรงเมื่อวินาทีชีวิตของเธอกำลังจะสิ้นสุดลง

เพียะ!!!

มันเงื้อมือตบวันวิวาห์อีกครั้ง เมื่อวันวิวาห์ร้องไม่หยุด บวกกับพยายามจะดิ้นขัดขืน อีกคนที่จับขาเธอไว้คว้าหยิบผ้าผืนหนึ่งส่งให้มันยัดใส่ปากวันวิวาห์ไว้ไม่ให้เจ้าตัวร้องอีก

“หยุดแหกปากแล้วยอมดี ๆ ซะก็ไม่โดยดีแบบนี้ โอกาสมีผัวทีเดียวสองคนมันไม่มีบ่อย ๆ นะเว้ย พวกข้าจะสงเคราะห์ให้เอ็ง อีนังคนสวย”

“อี๊ด!!!” วันวิวาห์เปล่งเสียงร้องทั้งที่ปากยังคาบผ้าไว้ น้ำตาไหลนองแก้มออกมาเมื่อรู้ว่าศักดิ์ศรีตลอดยี่สิบหว่าปีกำลังจะถูกทำลายลงโดยที่เธอก็ไม่รู้ว่าเธอไปทำอะไรให้ใครแล้วโกรธแค้น มือของมันไล้มาสัมผัสที่หน้าก่อนจะไล้ลงมาที่คอ วันวิวาห์สะอื้นไห้อย่างจะดิ้นแต่แรงของเธอแทบจะหมดลงแล้ว มือของมันไล่ลงมาจากลำคอก่อนมันจะได้แตะต้องอะไรไปมากกว่านี้

“คุณวัน!!!” เสียงสวรรค์ของคีตภัทรดังขึ้นที่หน้าประตู พร้อมกับแรงกระชากประตูเปิดออก คนร้ายรีบลุกขึ้น และมองไปที่ประตูห้องนอน คีตภัทรที่วิ่งเข้ามาพร้อมกับพนักงานชายของรีสอร์ทสองคน คีตภัทรวิ่งเข้าไปกระชากคอคนร้ายร่างท้วมไว้และต่อยอัดจนมันไม่ทันได้ตั้งตัว ส่วนอีกคนวิ่งหนีออกไป พนักงานจึงวิ่งตามออกไป

“ไอ้ชั่ว ทำร้ายผู้หญิงไม่มีทางสู้ ตายซะเถอะแก” คีตภัทรเตะอัดซ้ำเมื่อมันล้มลง

“ผมไม่ได้ตั้งใจ มีคนจ้างผมมา ปล่อยผมเถอะ ผม”

“ไอ้ชั่ว เก่งกับผู้หญิงนักนะ เดนมนุษย์อย่างแก ต้องตายคาเท้าฉัน ไอ้ชั่ว”

พลั่ก!!! พลั่ก!!! พลั่ก!!!

“ฮึก” เสียงสะอื้นของวันวิวาห์ทำให้คีตภัทรหยุดและหันไปมอง เขามองวันวิวาห์ที่นอนขดตัวอยู่บนที่นอนและร้องไห้ อาการสะดุ้งคล้ายกำลังเสียขวัญ จังหวะเขาละความสนใจมันก็ยันกายที่สะบักสะบอมค่อย ๆ ลุกขึ้นและหนีออกไปโดนที่คีตภัทรไม่ได้ทันสังเกต เขากำลังจะเข้าไปหาเธอ แต่ตัดสินใจเธอไปที่ตู้หยิบเสื้อคลุมถือติดมือมาและเดินไปหาเธอ เขาเอื้อมมือจะแตะแขนวันวิวาห์

“อย่านะ” วันวิวาห์ถอยออกห่างด้วยท่าทีผวาอย่างตกใจ

“คุณวัน นี่ผมคีตะ คุณวันมองหน้าผมดี ๆ สิครับ” วันวิวาห์หันมองหน้าคีตภัทร ดวงตานิ่งงันเต็มไปด้วยคราวน้ำตา มีร่องรอยของความหวาดผวาแทนความเย็นชาที่เคยมีอยู่ คีตภัทรทำท่าจะเดินไปจับตัววันวิวาห์อีกครั้ง

“อย่าทำฉันนะ อย่า อย่านะ” วันวิวาห์ร้อง พลางขยับตัวหนี คีตภัทรจับมือของวันวิวาห์ เขาคลุมเสื้อคลุมตัวนั้นให้วันวิวาห์ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ มือค่อย ๆ จับใบหน้าของวันวิวาห์ให้หันกลับมามองเขา ใบหน้าสวยสง่ามีแต่ความตื่นกลัว ดวงตาของเธอปิดสนิท หน้าตาเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา มีแผลที่มุมปาก แก้มแดงช้ำมีรอยนิ้วจากการตบหน้า เขากำมืออีกข้างแน่นอย่างโกรธ เขาควรจะจัดการมันให้มากกว่านี้ เขาไม่ยอมให้วันวิวาห์เจ็บตัวฟรี ๆ แน่

“ลืมตาสิครับคุณวัน นี่ผมคีตะ มองผมสิครับ คุณปลอดภัยแล้ว ไม่มีใครทำอะไรคุณได้แล้ว จะไม่มีใครทำอะไรคุณได้อีกนะครับ ถ้าผมยังอยู่ ผมจะไม่ยอมให้ใครมาทำอะไรคุณวันได้อีก” วันวิวาห์ลืมตาขึ้นมองผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า คีตภัทรยิ้มอ่อนโยนส่งมาให้กับเธอ รอยยิ้มที่สว่างไสวทำให้รู้สึกอุ่นไปทั้งหัวใจ รอยยิ้มที่เหมือนทุกครั้ง แต่กลับทำให้เธอรู้สึกสงบลง เขากุมมือเธอไว้และบีบเบา ๆ เหมือนเน้นคำมั่นสัญญาของเขา มืออีกข้างช่วยเช็ดน้ำตาให้กับเธอ

“คุณวัน คุณปลอดภัยแล้วนะครับ ไม่มีอะไรแล้ว พวกมันไปแล้ว ไม่มีทำอะไรคุณวันได้แล้ว” เขาเอ่ยและมองตาคมคู่สวยที่ไม่มีน้ำตาอยู่แล้ว ม่านเย็น ๆ ที่เคยปกคลุมไว้ก็ไม่มีอยู่ แต่ดวงตาของเธอดูว่างเปล่า

“คุณคีย์คะ” เสียงลานนาดังขึ้น เขาปล่อยมือออกจากมือวันวิวาห์และลุกขึ้นยืนจะเดินออกไป แต่วันวิวาห์กลับจับชายเสื้อเข้าไว้ ดวงตาตื่นตนกอีกครั้งเมื่อต้องอยู่คนเดียว

“ผมออกไปแค่หน้าห้อง คุณวันไม่ต้องกลัวนะครับ ผมจะรีบกลับมา คุณวันล้างหน้าล้างตาไม่ต้องกลัวนะครับผมจะไม่ทิ้งคุณวัน” วันวิวาห์แสดงสีหน้าไม่มั่นใจแต่ก็ยอมปล่อยมือออก ให้คีตภัทรเดินออกไปหาลานนาที่รออยู่

“ดิฉันพึ่งรู้เรื่องเมื่อครู่นี้ค่ะ”

“จับคนร้ายได้ไหมครับ” คีตภัทรเอ่ยถามถึงคนร้าย

“มันหนีไปได้ค่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ ยังไงเราต้องจับคนร้ายให้ได้ จากรูปพรรณสัณฐานที่คุณบอกมา บวกกับพฤติกรรมที่กล้าลงมือ มันอาจจะเป็นคนแถวนี้ ดิฉันให้คนเช็คกล้องวงจรปิดแล้ว เหมือนมันจะรู้จุดกล้อง มันหลบจุดที่มีกล้อง แต่มีกล้องตัวหนึ่งจับภาพได้ เราจะส่งภาพให้ตำรวจ คืนนี้จะมีตำรวจมาเฝ้าที่นี่”

“ครับ ผมฝากเรื่องนี้ด้วย ต้องจับมันให้ได้นะครับ คนร้ายออกปากมาว่ามีคนจ้างมันมา ผมอยากรู้ว่าใคร”

“ค่ะ คุณวันเป็นยังไงบ้างคะ”

“เธอเสียขวัญมากครับ คงกลัว พวกมันบุกเข้ามาแล้วทำร้ายคุณวันด้วย”

“คืนนี้ฉันจะให้คนมาเฝ้า ขอโทษสำหรับเรื่องวันนี้ ทางรีสอร์ทเราหละหลวมเกินไป”

“พวกมันตั้งใจจะเล่นงานคุณวันอยู่แล้ว ผมฝากให้คนเอากล่องยามาให้ด้วยนะครับ” ลานนาพยักหน้าและเดินไป และด้านนอกก็มียามสองคนยืนตรวจตรารอบ ๆ รีสอร์ทป้องกันเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้อีก





ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“คุณวันครับ นี่ผมคีตะครับ” วันวิวาห์เดินมาเปิดประตูให้เขา คีตภัทรกล่องยาเดินเข้าข้างใน แม่บ้านช่วยถือถาดน้ำเข้ามาวางและเดินออกไป

“ผมเอายาแกปวดมาให้คุณวัน แล้วก็เอายาทามาให้ด้วย ถ้าเกิดไม่รังเกียจให้ผมทาให้ไหมครับ” วันวิวาห์นิ่งไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะพยักหน้า เธอเดินมานั่งที่เก้าอี้มุมห้อง คีตภัทรเดินไปหยิบเก้าอี้อีกตัวมานั่ง เขาวางกล่องลงที่ข้างโต๊ะ และค่อย ๆ บรรจงทาแผลที่มุมปากให้กับวันวิวาห์ เธอนั่งนิ่งไม่ไหวติง ดวงตาคู่สวยมองเขานิ่ง ๆ จนเขาเองเริ่มร้อนวูบวาบ ใบหน้าของเขาเริ่มเปลี่ยนสี

“คุณไปสบายหรอคะ” พูดพลางเธอก็ยื่นมือขึ้นอังหน้าผากเขาเพื่อวัดอุณหภูมิของร่างกาย แต่เขากลับจับออก

“ผมไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับคุณวัน คนที่เป็นคุณต่างหาก”

“แต่หน้าคุณแดงมากเลยนะคะ”

“เอ่อ... ผมทำแผลเสร็จแล้วครับ คุณวันกินยา แล้วพักผ่อนเถอะครับ พรุ่งนี้สาย ๆ คนที่คุณลานนาบอกว่าจะมาพบเราคงจะมา เราน่าจะกลับไปทันรับคุณป้าตอนเที่ยง ป้าจิตรโทรมาบอกว่าคุณหมออนุญาตให้คุณป้ากลับบ้านได้ตอนเที่ยงครับ” เขากำลังจะเดินออกไป วันวิวาห์คว้าจับชายเสื้อเขาไว้ก่อนที่เขาจะเดินออกไป

“มีอะไรหรือเปล่าครับ”

“คือ...” วันวิวาห์มีสีหน้าหวาดระแวง สังเกตได้จากดวงตานิ่ง ๆ ของเธอที่แปรเปลี่ยนไปเมื่อเขากำลังจะก้าวออกจากห้อง คีตภัทรหันกลับมามองวันวิวาห์

“ฉัน...นอนไม่หลับ”

“นอนไม่กลับก็ต้องนอน คุณวันไม่ต้องกลัวแล้วนะครับ มียามเฝ้าตลอด เดี๋ยวอีกพักตำรวจก็มาเฝ้าที่นี่อีก ไม่มีใครเข้ามาได้ทั้งนั้น นอนเถอะนะครับ” เหมือนวันวิวาห์จะไม่วางใจอะไรทั้งนั้นยังจับชายเสื้อของเขาไว้

“เอาอย่างนี้ ผมจะนั่งเฝ้าจนกว่าคุณวันจะหลับ พอคุณวันหลับผมค่อยออกไป ดีไหมครับ” วันวิวาห์นิ่งพยักหน้าและยอมปล่อยมือออก เขามองเธอล้มตัวนอนลง วันวิวาห์หันมองเขาแว๊บหนึ่งก่อนจะยอมหลับตาลง เขานั่งลงที่เก้าอี้ และมองใบหน้าที่บวมช้ำของเธออย่างสงสาร เพราะเขาแท้ ๆ เลย วันวิวาห์ถึงต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เขาไม่เคยเห็นวันวิวาห์หลุดมาดที่นิ่งงันขนาดนี้มาก่อน ไม่เคยเห็นแววตาที่หวาดระแวง

“ทำไมคุณต้องดีกลับฉันด้วย” อยู่ ๆ คนที่คิดว่าหลับแล้วก็พูดขึ้น ทั้งที่ตายังคงปิดไว้

“คุณวันยังไม่หลับ” เขาถามย้ำเพื่อความแน่ใจ

“ทำไมคะ”

“ผมว่าคุณวันก็ดูออกว่าผมคิดยังไงกับคุณ”

“ถ้าคุณไม่ชอบฉันคุณจะแบบนี้อยู่ไหม” วันวิวาห์เอ่ย ไม่ใช่เธอมองไม่ออก เขาแสดงออกชัดมากว่าเขาชอบเธอ เธอจะหลับหูหลับตาไม่รู้ก็ไม่ได้ แต่ทำไมเขาต้องทุ่มเทขนาดนี้ ทั้งที่มันไม่จำเป็น แล้วถ้าเขาไม่ชอบเธอ ถ้าเธอเป็นคนอื่นเขาจะช่วยเธอแบบนี้อยู่ไหม”

“ผมไม่รู้ ผมรู้แค่ว่าถ้าผมชอบใครคนหนึ่งมาก ๆ ผมอยากให้เธอมีความสุข อะไรที่เป็นความสุขของเธอผมจะทำ และตอนนี้ผมก็กำลังทำอยู่”

“ทั้งที่คุณก็รู้ว่าฉันไม่มีวันชอบคุณได้”

“ครับ แต่ผมก็ยังจะทำ ผมแค่ต้องการรอยยิ้มเล็ก ๆ ของคุณบ้างก็เท่านั้น คุณไม่ต้องรักผม ไม่ต้องชอบผม แค่คุณวันยังเป็นคุณวัน ไม่ขับไล่ไสส่งผมไปมากกว่านี้ก็พอแล้วครับ แค่คุณวันรับรู้ผมก็....คุณวัน คุณวันครับ เฮ้อ...หลับจนได้... ผมอยากให้คุณรู้ไว้ว่า ผมไม่เคยรู้สึกชอบใครเท่าคุณ ไม่เคยรู้สึกพิเศษกับใครแบบคุณ สิ่งดี ๆ ที่ผมทำให้คุณไม่ได้ตองการอะไรตอบแทนมากไปกว่าการได้เห็นคุณมีความสุข ฝันดีนะครับคุณวัน” คีตภัทรเดินลุกขึ้นไปปิดไฟและเดินออกจากห้องไป ทันทีที่ประตูปิดลง วันวิวาห์ก็ลืมตาขึ้นในความมืด เธอเดินไปที่บานประตูเปิดประตูแง้มออก มองคีตภัทรที่ล้มตัวนอนลงที่โซฟากลางห้อง ซึ่งมันดูลำบากมากสำหรับผู้ชายตัวสูงอย่างเขา

“ขอบคุณนะคะคุณคีย์ ขอบคุณจริง ๆ แต่ฉันรับความหวังดีของคุณได้แต่คงจะตอบแทนคุณไม่ได้ ขอบคุณและขอโทษนะคะ” วันวิวาห์ปิดประตูและกลับไปล้มตัวนอนลง ภาพของคนร้ายที่บุกเข้ามาจะข่มขืนเธอสร้างความหวาดผวาให้เธอตลอดทั้งคืน เธอระแวงกว่าจะข่มตาลับนอนได้ก็เกือบเช้า




วันวิวาห์เดินออกจากห้องตอนเช้ามืด เธอมองร่างที่นอนขดตัวอยู่ที่โซฟา และดูเหมือนเขาจะนอนท่าเดิม วันวิวาห์เดินไปหยุดยืนข้าง ๆ นั่งลงมองใบหน้าที่กำลังหลับของเขา เธอไม่เคยนิยมชมชอบผู้ชายแบบจริง ๆ จัง ๆ ไม่เคยสังเกต ไม่เคยมองใครว่าสวยหรือหล่อ เพราะสุดท้ายส่วยหรอเหล่านั้นก็ต้องไม่พ้นสภาพวัยที่ล่วงโรยไปตามกาลเวลา หรือสภาพเน่าเฟะที่ตอนนอนอยู่ในโลง เธอเห็นร่างกายคนมาเยอะ เธอเป็นหมอต้องตรวจโน่นนี่จนชินตา ร่างกายคนเราก็ไม่ต่างกันมีหู ตา จมูก ปาก แขน ขา หน้าอก สะโพก หรือ อวัยวะเพศ ทุกคนมีเหมือนกัน แต่เมื่อลองมานั่งจ้องคีตภัทรตรง ๆ แบบนี้ เธอยอมรับอย่างไม่อายปากเลยว่าเขาหล่อมาก หล่อแบบมีออร่าประกาย ไม่ว่าจะหลับ หรือตื่น เขาก็ดูมีชีวิตชีวา แล้วใครจะไปคิดว่าซุปเปอร์สตาร์ ดาราดังอย่างเขาจะมาสนใจคนโนเนมอย่างเธอ ใครจะไปคิดว่าเธอจะได้รับสิ่งดี ๆ จากเขา เขายอมรับว่าชอบเธอ และไม่เคยทำให้เธอรู้สึกอึดอัดกับการกระทำของเขา แม้จะพยายามปฏิเสธอยู่หลายครั้ง แต่เธอก็ยอมรับว่าเผลอหวั่นไหวไปกับรอยยิ้มสว่างไสวของเขาที่เธอไม่มีวันยิ้มได้ แต่น่าสงสารที่เขามาชอบผู้หญิงที่เย็นชาอย่างเธอ เขามีโอกาสมากมายที่จะเลือกคนที่ดีกว่าเธอ ทำไมเขาไม่เลือก เขาช่างน่าสงสาร วันวิวาห์เอื้อมมือจะปัดผมที่ปรกหน้าให้เขา แต่

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

“คุณคีย์ คุณวันคะ คุณลานนาให้มาเชิญค่ะ” พลันร่างของคีตภัทรก็ขยับ วันวิวาห์ตกใจกับการตื่นของเขาที่เธอไม่ทันได้จึงรีบลุกขึ้น
“โอ๊ย!!!” จังหวะถอยหลังลุกขึ้นทำให้ขาเซถลาล้มลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้ากับพื้น คีตภัทรลืมตาขึ้นหันไปมอง

“คุณวัน” เขาชุกขึ้นมาช่วยพยุงตัววันวิวาห์ขึ้นนั่ง พลางถาม

“ทำไมลงไปนั่งก้นจ้ำเบ้าแบบนั้นล่ะครับ เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ คุณวันตื่นนานแล้วหรือครับ ทำไมไม่ปลุกผมล่ะครับ” วันวิวาห์ส่ายหน้าและผละตัวออก

“คุณไปอาบน้ำล้างหน้าเถอะค่ะ คุณลานนาให้คนมาตามเราแล้ว ฉันจะไปรอข้างนอกนะคะ” วันวิวาห์ทำสีหน้าไม่ถูก และเดินออกไป คีตภัทรมองตามด้วยสายตางง ๆ กับท่าทางลุกลี้ลุกลนของวันวิวาห์




“คุณวัน คุณคีย์ เชิญนั่งก่อนค่ะ คนที่ดิฉันพามาพบพึ่งมาถึง หวังว่าจะช่วยคุณได้ ชดเชยกับเรื่องเมื่อคืน” วันวิวาห์มีสีหน้าสลดไปชั่ววูบหนึ่ง ก่อนจะปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

“นั่งรอสักครู่นะคะ” ลานนายังพูดไม่ทันจบคน ๆ หนึ่งก็เดินออกมา เป็นหญิงมีอายุหน้าตาใจดี วันวิวาห์หันมองคีตภัทรที่ก็มองหน้าตน ลานนาเข้าไปช่วยพยุงหญิงคนนั้นเดินมานั่งที่เก้าอี้

“นี่คุณแม่ของฉันค่ะ ท่านพึ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อเช้า” ทั้งสองยกมือขึ้นไหว้ด้วยท่าทีนอบน้อม

“คุณแม่คะ นี่ไงคะคุณคีย์ กับคุณวันที่นาบอกว่าจะมาหาพ่อ แต่พ่อไปพักเสียก่อน”

“หนูมีอะไรกับสามีฉันหรือเปล่าจ๊ะ มีอะไรถามฉันได้ ถ้าฉันช่วยได้ฉันจะพยายามให้ถึงที่สุด” ลันตาภรรยาขอสุพลเอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้า แต่ยังคงยิ้มนิ่ม ๆ ส่งมาให้ทั้งสองคน สองหนุ่มสาวหันมองหน้ากันเหมือนปรึกษา คีตภัทรหยิบรูปใบหนึ่งขึ้นมายื่นให้กับลันตา

“คุณเอกรินทร์”

“คุณป้ารู้จักคนในรูปหรือคะ”

“จ๊ะ สมัยนั้นใครไม่รู้ตักคุณเอกรินทร์นักร้องดังบ้าง แล้วคุณเอกรินทร์เธอก็เป็นเพื่อนคุณสุพลสามีป้า หนูมีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ”

“หนูกำลังตามหาผู้ชายในรูป หนูต้องการพาเขาไปพบคน ๆ หนึ่ง หนูรู้มาว่าเขาไปต่างประเทศหลังจากออกจากวงการ ที่หนูมาหาคุณลุงก็เพื่อจะถามว่าพอจะมีวิธีติดต่อเขาได้ไหมค่ะ” วันวิวาห์เอ่ย

“ป้าไม่รู้หรอกจ๊ะ คุณสุพลเองก็คงไม่รู้ เพราะหลังจากประกาศเลิกร้องเพลง ก็ไม่ได้ติดต่อกันอีก รู้แค่คุณเอกรินทร์หลบไปพักผ่อนอยู่ที่ต่างประเทศ มีข่าวแว่ว ๆ มาว่า คุณเอกรินทร์พาครอบครัวไปปักหลักที่โน่น แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าคุณเอกรินทร์ไปอยู่ที่ไหน” ลันตามองวันวิวาห์ที่มีสีหน้าซีดลง

“หนุพอจะบอกป้าได้ไหมว่าหนูเป็นอะไรกับคุณเอกรินทร์”

“เอ่อ...หนูเป็น...ลูกของเขาค่ะ” วันวิวาห์ก้มหน้าลงไม่สบตาของลันตาอีก

“ฉันว่าแล้วเชียวว่าตาของหนูเหมือนคุณเอกรินทร์มาก ป้ากับคุณสุพลคบกันตั้งแต่ก่อนที่คุณสุพลจะเป็นนักร้อง คุณสุพลกับคุณเอกรินทร์ไปคอนเสิร์ตด้วยกันบ่อย ๆ เลยค่อยข้างสนิทกัน ป้ารู้ว่าคุณเอกรินทร์เป็นเป็นคนระยอง พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่คุณเอกรินทร์เธอยังเด็ก เธออาศัยอยู่กับน้องสองคน แต่คุณเอกรินทร์เป็นคนมุมานะ ได้มาทำงานในกรุงเทพก่อนจะร่วมหุ้นกับเพื่อนเปิดค่ายเพลง คุณเอกรินทร์เป็นนักร้องรุ่นแรก ๆ ของค่ายมีเดีย ประวัติส่วนใหญ่ของคุณเอกรินทร์ไม่ค่อยมีคนรู้มากนัก ป้าเองก็เคยได้ยินคุณเอกรินทร์มาปรึกษากับคุณสุถลเรื่องผู้หญิง แล้วอยู่ ๆ เขาก็ตัดสินใจจะเลิกร้องเพลง เขาบอกกับคุณสุพลว่าเขากำลังจะมีครอบครัว เขาทำงานมามากพอ เขาจะเริ่มชีวิตใหม่ แล้วหลังจากวันนั้นอาทิตย์เดียวคุณเอกรินทร์ก็ประกาศอำลาวงการ ป้ารู้เท่านี้ ป้าเสียใจจริง ๆ ที่ป้าไม่รู้ว่าจะช่วยหนูได้ยังไง”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

“แต่ป้ามีที่อยู่บ้านเก่าของคุณเอกรินทร์นะ น้องชายของคุณเอกรินทร์ที่บวชเป็นพระขายทุกอย่างแล้วยกให้การกุสลหมด แต่ไม่ได้ขายบ้านเก่าทิ้ง หนูน่าจะลองไปที่นั่นบางทีอาจจะได้อะไรบ้าง”

“คุณป้ามีที่อยู่นั่นจริง ๆ หรอคะ” สีหน้าที่ซีดเซียวเริ่มสดใสขึ้น

“มีจ๊ะ คอยเดี๋ยวนะ เอิง ไปหยิบสมุดเล่มสีน้ำตาลในลิ้นชักของคุณสุพลให้ฉันที” แล้วเด็กรับใช้คนนั้นก็วิ่งเข้าไปในบ้าน หายไปพักใหญ่ก็เดินลงมาพร้อมกับสมุดบันทึกเล่มสีน้ำตาล ลันตาเปิดสมุดบันทึกเล่มเก่าไปด้านหลังเล่มมีกระดาษแผ่นสี่เหลี่ยมแผ่นหนึ่งเสียบอยู่ ลันตาหยิบกระดาษแผ่นนั้นยื่นให้กับวันวิวาห์ วันวิวาห์ยกมือขึ้นไหว้และรับมาถือ

“ขอบคุณมากนะคะ”

“ไม่เป็นไรจ๊ะ ขอให้หนูได้เจอกับคุณเอกรินทร์นะจ๊ะ”

“ค่ะ” วันวิวาห์มองกระดาษในมืออย่างมีความหวัง เธอหวังว่าเธอจะได้เจอกับเขา พาเขากลับไปพบแม่เธอก่อนจะไม่มีโอกาส คีตภัทรมองวันวิวาห์และยิ้ม อย่างน้อยก็ไม่เสียเที่ยว การที่ได้เบาะแสเพิ่มแบบนี้ทำให้วันวิวาห์เลิกคิดเรื่องเหตุการณ์เมื่อคืนไปชั่วขณะ




“แกว่ายังไงนะ แกทำพลาด ฉันบอกให้แกใช้คนที่มีฝีมือ จ้างไอ้พวกนักเลงกระจอกพวกนั้น แล้วมันจะไปช่วยอะไรได้ หาทางปิดปากไอ้สองคนนั้นซะ อย่าให้เรื่องนี้สาวมาถึงฉันเด็ดขาด”

(ครับ)

เพล้ง!!!

หญิงสาวกดวางสายและปาแก้วในมือใส่ผนังห้องระบายความโกรธที่ปะทุขึ้น ใบหน้าสวยกำลังโกรธถึงขีดสุด สายตาเธอจ้องมองผนังอีกด้านที่ติดรูปไว้แปดคน มีสองรุปที่โดยกากบาทออกไป

“ไม่ได้เรื่องสักคน งานง่าย ๆ ยังทำไม่ได้” หญิงสาวสบถออกมา เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น

“โทรมามีอะไร”

(แผนเธอกำลังทำให้ฉันซวย เธอต้องคิดเดี๋ยวนี้ว่าจะจัดการมันยังไง ถ้าเรื่องนี้สาวมาถึงฉัน เธอก็ไม่รอด)

“เรื่องแค่นี้ไม่มีปัญญาคิดเองหรือไง ถ้าเรื่องมันยากนักก็จัดการนังตัวยุ่งนั่นไปก่อนสิ จัดการมันไปสักคนก็ไม่มีใครขวางทางแกได้แล้ว ไม่ต้องโทรมาจนกว่าฉันจะโทรไปเอง” แล้วหญิงสาวก็ตัดสาวทิ้งมือถือมีดเดินไปหยุดอยู่หน้ารูปใบหนึ่งก่อนจะใช้ชีวิตกรีดใบหน้าของรูปผู้หญิงในรูป

“ทำไมพวกแกถึงต้องมายุ่งกับแผนของฉัน แผนฉันต้องล่มก็เพราะแก ฉันจะจัดการแกก่อน นัง....”


....ติดตามตอนต่อไป....




ทักทายเหล่ารีดเดอร์ที่น่ารักค่ะ หายไปสองอาทิตย์ติดกัน
วันนี้เอาตอนมาฝาก กว่าจะจบตอนของวันเล่นเอาหอบกันไปเลยทีเดียว
เจอแบบนี้นางจะใจอ่อนให้คีตะบ้างไหมน้อ ก็ต้องรอดูกัน
อุปสรรคแต่ละคู่นี่โหดเอาเรื่องเลย ยอมรับเลยว่ากว่าจะคัดสรรตอนๆได้แต่ละตอนมันคืองานหินมาก
ยังไงก็รอติดตามกันต่อไปว่าแต่ละคู่จะเป็นยังไง



พัชรีพร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 พ.ย. 2557, 18:56:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 พ.ย. 2557, 19:09:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1263





<< 33 เบาะแสจากอัมพวา 1   
แว่นใส 1 พ.ย. 2557, 19:36:03 น.
ผู้หญิงคนนั้นคือใครกัน


แก้วจินดา 1 พ.ย. 2557, 23:09:28 น.
รอค่ะ ลุ้นทุกคู่เลย


นักอ่านเหนียวหนึบ 3 พ.ย. 2557, 19:26:46 น.
งงแล้วอัะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account