ซีรี่ส์บุปผาสันนิวาส <กรรณิการ์มนตรารัก>
รักร้ายในความคิดทำให้เธอวิ่งหนี แต่รักแท้จากเขากลับตามติด ทว่ามันมาพร้อมกับกลมนตรา ที่เขาต้องช่วยเธอสะสาง
Tags: ซีรี่ส์บุปผาสันนิวาส กรรณิการ์ ทานตะวัน จิรัสยา

ตอน: บทที่ 1 : จากใจชายคนหนึ่ง




คืนเดือนดับ สุนัขผอมกระหร่องสีดำทะมึนโก่งคอหอนสุดเสียงอยู่บนเนินสูงชัน ส่งสัญญาณให้สุนัขบ้านวิ่งกรูกันออกมาส่งเสียงรับต่อกันไปเป็นทอดๆ ระหว่างทางที่รถเก๋งสีดำคันเล็กกำลังขับเคลื่อนอยู่บนถนนซึ่งเชื่อมต่อภายในหมู่บ้านอันเงียบเชียบ มีเพียงแสงไฟสลัวตรงริมทางพอให้มองเห็นต้นไม้สองข้างทางรำไร

หญิงสาวผู้มีดวงตาหวานกลมโตล้อมด้วยแพขนตางอน กำลังเพ่งสายตามองหนทางด้านหน้าอย่างระมัดระวัง ดวงหน้ารูปไข่รับกับกรอบผมสั้นประบ่า ที่เป็นคลื่นลอนใหญ่ตรงส่วนปลาย ฉายร่องรอยของความหวั่นวิตกเล็กน้อย ริมฝีปากสีแดงระเรื่อตามธรรมชาติเม้มแน่นเมื่อต้องเหยียบคันเร่งเพิ่มความเร็วขึ้น เธอมีจมูกโด่งเป็นสันสวยหากรั้นตรงปลายนิดๆ บ่งบอกถึงความมาดมั่นและดื้อรั้นอยู่ในที

อีกไม่ถึงห้าร้อยเมตรก็จะถึงทางเข้าบ้านสวนของย่าพิกุลแล้ว กรรณิการ์แข็งใจเพ่งมองเพียงหนทางด้านหน้าเท่านั้น พยายามไม่ปลายสายตาไปยังสองข้างทางให้ต้องพบกับสิ่งไม่พึงประสงค์ ที่มักจะมายืนขอความช่วยเหลือ หรือขอความเห็นใจอะไรก็ตามที แบบที่เคยประสบมานับครั้งไม่ถ้วน

หญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าเธอลืมหยอดตาด้วยน้ำยาทิพย์ก่อนเกิดมาเป็นมนุษย์เหมือนคนอื่นหรือเปล่า ทำไมลูกพี่ลูกน้องที่เกิดในวันเดียวกันกับเธอ ถึงไม่มีใครมองเห็นภพภูมิคู่ขนานเหมือนอย่างที่เธอเป็น

แต่ก็เห็นจะไม่ใช่เสียทีเดียว ในวันที่เธอทั้งสามคนถือกำเนิดขึ้น เบื้องบนคงจะกำลังวุ่นวายกันน่าดู เพราะจิรัสยาเองก็เหมือนว่าลืมดื่มน้ำทิพย์บางอย่างก่อนลงมาเกิดเช่นกัน ถึงสามารถจดจำอดีตชาติของตนเองได้ ส่วนทานตะวันก็มีลางสังหรณ์ถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้อย่างแม่นยำแทบไม่น่าเชื่อ โดยเฉพาะเหตุการณ์สำคัญที่จะเกิดขึ้นกับคนที่เธอรักและผูกพัน

รถยนต์สีดำจอดสนิทลงที่ใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าเรือนไทย บนลานกว้างด้านบนชั้นสองอึกทึกไปด้วยเสียงเพลง กลิ่นควันปิ้งย่างลอยฟุ้งยัวยวนมาถึงปากทางเข้า

หญิงสาวเปิดประตูรถลงจากรถอย่างโล่งอกที่มาถึงจุดหมายปลายทางอย่างปลอดภัย พลันสุนัขพุดเดิ้ลทอยส์สีดำวิ่งหน้าเริ่ดลงมาจากบันไดบ้าน ตรงเข้าตะกุยขากางเกงยีนส์ของเธอด้วยความดีใจ

“เมี่ยงคำ…” กรรณิการ์อุ้มเจ้าหนูร่างเล็กที่กำลังแลบลิ้นเลียทั่วใบหน้าของเธอเป็นพัลวัลไว้อย่างยากลำบาก “จ้า รู้แล้วว่าคิดถึง พ่อกับแม่อยู่ข้างบนละสิ มาเที่ยวไกลเลยนะเรา แล้วใครจะเฝ้าภูไพรหมอกล่ะทีนี้”

ทว่าจู่ๆเมี่ยงคำก็โก่งคอหอนด้วยเสียงแหลมเล็กขึ้น เมื่อปรากฎร่างของสตรีผู้หนึ่งตรงเงามืดของต้นไม้

“กรรณ-ณ-ณ ณิ การ์...”

“เมี่ยงคำไม่ต้องหอน!” หญิงสาวเท้าสะเอวแล้วส่ายหน้า “ออกมาเดี๋ยวนี้เลยหนูวัน เค้ารู้นะว่าเป็นตัว”

“โหย อะไรอ่ะ” ทานตะวันในชุดกระโปรงเหนือเข่าลวดลายผลฟักทองเหลืองอร่าม เปิดไหล่ขาวนวลเนียน คาดรอบเอวด้วยผ้าสีแดงผูกเป็นโบว์ใหญ่ที่ด้านหลัง ส่งให้ร่างท้วมดูเปล่งและปลั่ง เป็นจุดเด่นเรียกสายตาของผู้คนได้เหมือนทุกครา “แกล้งตกใจหน่อยก็ไม่ได้”

“เล่นอะไรพิลึก ตัวก็รู้ว่าเค้าชอบเห็น...เห็นอะไรประหลาดๆน่ะ” กรรณิการ์ตัดพ้อ ส่วนเมี่ยงคำดิ้นรนลงจากอ้อมกอด ตรงเข้าไปทำจมูกฟุตฟิตพิสูจน์กลิ่นหญิงสาวในเงามืดให้แน่ใจอีกครั้ง “แล้วนี่ยังไง จะมาเทรนด์ฮัลโลวีน หรืองานวันเกิด เห็นมีทั้งลูกฟักทอง ทั้งผูกริบบิ้น จะเอายังไงกับชีวิต”

“ก็เราสามคนเกิดวันฮัลโลวีนนี่ เค้าก็เลยมิ๊กซ์แอนด์แมตไงตัว”

“มิ๊กซ์แอนด์ไม่แมตละสิไม่ว่า แล้วจาวล่ะ”

“โอยไม่ต้องไปห่วงสุดที่รักของคุณย่ารายนั้นหรอก หลังจากร้อยพวงมาลัยดอกไม้เสร็จ นางก็ไปทำบาร์บีคิวเลี้ยงแขกอยู่ข้างบนโน่นแน่ะ”

“จาวทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว แต่ตัวนี่สิลงทุนทิ้งพี่ซันมาทำผีหรอกเค้านี่นะ” กรรณิการ์อมยิ้ม เดินตามหลังลูกพี่ลูกน้องสาวขึ้นไปบนเรือนไทย โดยมีเมี่ยงคำวิ่งตามไปติดๆ

“ที่รัก หายไปไหนมา ใครๆถามหากันทั่ว” ตะวันในชุดเสื้อสูทสีดำพับแขนครึ่งค่อน สวมกางเกงยีนสีเข้ม ยืนส่งยิ้มละไมให้คนรักที่ตรงหัวบันได ก่อนส่งมือช่วยจับจูงทานตะวันก้าวขึ้นมาอย่างทะนุถนอม “อ้าว! กรรณ หวัดดีครับ”

“สวัสดีค่ะพี่ซัน ช่วยเอาคนรักของพี่ไปเก็บทีเถิดค่ะ ลงทุนไปยืนทำผีหลอกกรรณอยู่ตรงมืดๆนู่นแน่ะ”

“เกเรอีกแล้วสิ” ชายหนุ่มจับปลายจมูกของหญิงสาวอย่างแสนรัก “คืนนี้พี่จะลงโทษยังไงดีน้า”

กรรณิการ์กลอกตาขึ้นฟ้า ก่อนขอตัวลาจากคู่รักหวานจ๋าออกมาอย่างเสียไม่ได้ แต่บังเอิญพบกับคู่รักพีเรียดที่กำลังนั่งพับเพียบเสียบบาร์บีคิวอยู่บนพื้นด้วยกันพอดี แม้ทั้งสองคนจะไม่แสดงความรักอย่างเปิดเผยในที่สาธารณะ ทว่าสายตาที่ทั้งคู่กำลังจ้องมองกันอยู่นั้น ก็ทำให้เนื้อหมูและเนื้อไก่ที่อยู่บนไม้แทบจะสุกได้เองโดยไม่ต้องขึ้นเตาไฟ

“กรรณ มาแล้วเหรอ” น้ำเสียงนุ่มของจิรัสยาร้องทัก ดวงหน้าหวานเผยรอยยิ้มเย็นชวนชื่นใจ “หิวมั้ย เดี๋ยวจาวหาอะไรให้กิน”

“ไม่เป็นไรๆ จาวเหนื่อยมาทั้งแล้ว แล้วก็กำลังท้องกำลังไส้อยู่ด้วย ไม่ต้องห่วงคนอื่นเลย” กรรณิการ์ตรงเข้าไปหา พยักหน้าทักทายสามีของลูกพี่ลูกน้อง ชายหนุ่มพยักหน้าตอบรับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น “กรรณต่างหาก ไม่ได้ช่วยงานอะไรเลย”

“ไม่เป็นไรหรอก จาวรู้ว่ากรรณกำลังยุ่ง งานใหม่โอเคใช่มั้ย จะครบโปรอาทิตย์หน้านี้แล้วสิ”

“อื้อ”

“จริงเหรอครับที่คุณกรรณเดิมพันกับลุงปสพเอาไว้ ว่าตกงานครบสิบสองครั้งเมื่อไหร่ จะต้องกลับมาทำงานที่ภูไพรหมอกรีสอร์ท”

“จริงค่ะ แล้วกรรณก็พลาดมาสิบเอ็ดครั้งแล้วนะคะ แต่คราวนี้ดีหน่อย ท่าทางจะไปได้สวย เพราะกรรณทนมาได้จะครบสามเดือนแล้วค่ะ” หญิงสาวตอบกลับด้วยความมาดมั่น อดไม่ได้ที่จะคุยโว “บางที่กรรณอยู่ได้แค่สามวันเองนะคะ”

ชายหนุ่มลอบสบตากับภรรยา แล้วก้มหน้ากลั้นหัวเราะเอาไว้ พลันเสียงของกำนันปสพดังขึ้นมาจากด้านหลัง

“ไม่รอดร้อก ยังไงก็ไม่รอด” หนุ่มใหญ่ยืนกอดอกหัวเราะเยาะหยัน “พ่อเลี้ยงเรามาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย ทำไมจะไม่รู้ว่าลูกตัวเองเป็นคนยังไง ไม่งั้นพ่อไม่ต่อให้ถึงสิบสองครั้งหรอกยายกรรณ”

“ดูทำเข้า” พิกุลตามมาร่วมวงสนทนาด้วยสีหน้าระอา “ปสพนี่ยังไงนะ วันเกิดลูกตัวเองแท้ๆ มาแช่งกันได้”

“แช่งที่ไหนล่ะครับคุณแม่ ผมกำลังให้พรลูกอยู่ต่างหาก”

“ไม่ต้องไปฟังพ่อเรา ไปเป่าเค้กกันเถอะลูก” พิกุลโอบหลานสาวสองคนให้ลุกขึ้นยืน “ยายวันไปไหน มะ มาเป่าเค้กวันเกิดพร้อมกันเร็วเข้า”

“อยู่นี่ค่ะ คุณย่า” เสียงเจื้อยแจ้วของทานตะวันแว่วมา ก่อนที่ไฟทุกดวงจะถูกดับลง มารดาของทั้งสามสาวถือเค้กจุดเทียนสว่างไสวสามก้อนเดินออกมาจากในห้องครัว

“แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทูยู แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทู้ยู” ทั้งทานตะวัน จิรัสยาและกรรณิการ์ยืนกอดเอวกันอยู่ที่กลางลานกว้างอย่างรักใคร่กลมเกลียว แสงเทียนระยับจับดวงหน้าเจ้าของวันเกิดที่กำลังมีรอยยิ้มและดวงตาเป็นประกายสดใส จวบจนบทเพลงนั้นมาถึงท่อนสุดท้าย “แฮปปี้เบิร์ธเดย์ ทู้ วัน จาว แอนด์กรรณ...”

หญิงสาวทั้งสามอธิษฐานขอพรก่อนเป่าเทียนให้มอดดับลงพร้อมๆกัน เสียงปรบมือดังกึกก้อง กรรณิการ์เฝ้ามองภาพความอบอุ่นของครอบครัวบุปผาวงศาอย่างมีความสุข ทว่าแสงไฟที่เพิ่งถูกสับสวิตซ์เปิดขึ้น กลับดับพรึ่บลงทั้งหมดอีกครั้ง พร้อมกับกระแสลมแรงที่โหมกระหน่ำ พัดพาสิ่งของปลิวว่อนไปในอากาศ

เมี่ยงคำโก่งคอหอนด้วยเสียงแหลมเล็ก บานหน้าต่างถูกกระแสลมพัดกระแทกเปิด-ปิดดังปึงปัง ความรุนแรงของกระแสลมทำให้เตาบาร์บีคิวล้มคว่ำ เปลวไฟกระจายไปทั่วบริเวณ

“ดับไฟ ช่วยกันดับไฟก่อน” ตะวันตะโกนขึ้น พลางตักน้ำฝนในตุ่มมารดดับไฟ ในขณะที่ทานตะวันสัมผัสได้ถึงพลังบางอย่างก่อนส่งเสียงร้องเตือน

“ลุงปสพ ระวัง!”

ไม่ทันเสียแล้ว ปสพล้มตัวลงกับพื้น ยกสองมือกุมท้องแน่น หน้าตาบิดเบี้ยว

“พ่อ!” กรรณิการ์ถลาเข้าไปประคองบิดาเอาไว้ แวบหนึ่ง หญิงสาวแลเห็นเงาสีดำทะมึนเคลื่อนคล้อยออกไปจากทางด้านหลังของตัวเรือน ก่อนที่ลมพายุทั้งหมดจะสงบลง “พ่อ เป็นไงบ้างคะ”

กำนันหนุ่มใหญ่นิ่วหน้า ยกสองมือขึ้นสำรวจดูว่ามีเลือดออกที่ช่องท้องหรือไม่ ก่อนเกาะกุมเอาไว้เบาๆ “ค่อยยังชั่วแล้วละ นึกว่าถูกอะไรแทงซะอีก” หนุ่มใหญ่กัดฟัน ยันกายลุกขึ้นนั่ง “แต่มัน...” เขาอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่ากำลังรู้สึกเช่นไร มันเจ็บแปลบๆ แต่ก็พอที่จะทนไหว ไม่รู้สึกทรมานเหมือนเมื่อครู่

“ดูสีหน้าพ่อไม่ค่อยดีเลย ไปหาหมอมั้ยคะ”

“ฮื้อ ไม่มีอะไรหรอก ดูสิ” หนุ่มใหญ่โชว์พุงขาวจั๊วะที่ไม่มีร่องรอยบาดแผลใด “เดี๋ยวก็หายเจ็บเองแหละ”

“ไปหน่อยเถอะ” พิกุลให้ความเห็น เพราะจากอาการทุรนทุรายของลูกชายเมื่อครู่ ทำให้หญิงชรารู้สึกใจไม่ดี “จู่ๆล้มคว่ำลงไปแบบนั้น แม่ว่ามันผิดปกติอยู่นะ เผื่อเป็นโรคอะไรที่ข้างใน หมอเขาจะได้รักษาให้ทัน”

“ใช่ค่ะ เมื่อกี้...” กรรณิการ์ขมวดคิ้วมุ่น นึกถึงเงาสีดำทะมึนที่มองเห็น แล้วเกิดความไม่สบายใจ แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงมันก็ไปแล้วนี่นา คงไม่มีอะไรหรอก

“เมื่อกี้อะไรยายกรรณ” ทานตะวันถามอย่างรู้ทัน หญิงสาวเองก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่อธิบายไม่ได้เช่นกัน เพราะหล่อนเพียงแค่รู้สึกเท่านั้น

“ไม่มีอะไร...เดี๋ยวเค้าพาพ่อไปหาหมอก่อนแล้วกัน”

“โอเคๆ” ทานตะวันพยักพเยิด

“ขับรถดีๆนะกรรณ” จิรัสยาจับมือให้กำลังใจญาติผู้พี่ กรรณิการ์แตะลงบนมือนุ่มเบาๆแทนคำขอบใจ

ผู้คนทั้งหมดออกมายืนส่งปสพที่ตรงบันได กิ่งแก้วเข้าไปช่วยประคองสามีให้ก้าวเดินอย่างระมัดระวัง โดยมีเมี่ยงคำวิ่งตามขึ้นรถไปอย่างรู้หน้าที่ ก่อนที่รถสีดำคันเล็กจะแล่นลับสายตาไป




แสงแดดอ่อนๆในยามเช้า ทอประกายระยับจับผืนน้ำสีครามในสระว่ายน้ำของคฤหาสน์โยธินบริบาลกุล สระว่ายน้ำแห่งนี้ตั้งอยู่ในสวนต้นไม้เขียวครึ้มนานาพันธุ์ ทว่าอีกด้านหนึ่งของสระกลับแลเห็นสนามหญ้าโล่งกว้างที่ท่านเจ้าสัวใช้เป็นสนามพัตกอล์ฟส่วนตัว

ชายหนุ่มที่มองเห็นกล้ามเนื้อแผ่นหลังและช่วงไหล่กว้าง กำลังว่ายน้ำท่ากบอย่างสบายอารมณ์เพียงลำพัง ก่อนแตะขอบสระเมื่อครบรอบตามที่ต้องการ

ธีร์เทพปีนขึ้นมาจากสระน้ำ เผยให้เห็นกล้ามเนื้อเป็นมัดแข็งแรงที่ช่วงอก เอวหนาเหนือกางเกงว่ายน้ำดูคอดลงทันตาเมื่อเทียบกับไหล่กว้าง หยดน้ำเกาะพราวไปทั่วผิวขาวสะอาดอมชมพู เขาใช้ผ้าขนหนูซับลงบนใบหน้าอย่างลวกๆ เผยให้เห็นไรหนวดและเคราบาง ที่ส่งให้ใบหน้าคมสันดูเข้มและมีเสน่ห์เยี่ยงบุรุษเพศเต็มตัว

ดวงตาเรียวคมเพ่งมองไปด้านหน้า ในระหว่างพันผ้าขนหนูรัดรอบเอว พี่ชายทั้งสองคนของเขากำลังพัตกอล์ฟอยู่กับบิดาที่สนามด้านหน้า พวกเขาคงกำลังวางแผนการค้าและการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้ได้กำไรเหนือคู่ต่อสู้อยู่ด้วยกัน ยกเว้นแต่เขา...ลูกชายคนสุดท้อง ที่มีความเห็นทางแตกต่างจากสมาชิกคนอื่นๆในครอบครัว

ธีร์เทพไม่ชอบการแก่งแย่งแข่งขันของพี่ชายทั้งสองคน เพื่อแสดงตนให้เตี่ยเห็นว่ามีความสามารถเหนือพี่น้องคนอื่นๆ เขาไม่ชอบการค้าที่มุ่งหวังแต่ผลประโยชน์ และการช่วงชิงให้เป็นฝ่ายได้เปรียบเพื่อจะไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของคู่ต่อสู้

ตลอดเวลาที่ผ่านมาทนายความหนุ่มยึดมั่นในความยุติธรรม และความถูกต้องเป็นที่ตั้งในการดำเนินชีวิต เขาจึงเป็นลูกชายนอกสายตาที่เจ้าสัวเทียนมองข้ามนับตั้งแต่ที่เลือกเส้นทางนี้อย่างแน่วแน่

สำนักงานกฎหมายที่เขากับเพื่อนๆร่วมกันก่อตั้งขึ้นมีอุดมการณ์ที่จะช่วยเหลือประชาชนยากจนและผู้คนที่เดือดร้อนให้ได้รับความยุติธรรม เขาจะไม่มีวันใช้ความรู้ความสามารถเพื่อหาช่องว่างทางกฎหมายให้ใครบางกลุ่มแสวงหาผลประโยชน์ด้วยการเอารัดเอาเปรียบสังคมเด็ดขาด

“เหนื่อยมั้ยครับธีร์” คุณนายหยกส่งแก้วน้ำดื่มให้ลูกชาย รอยยิ้มเมตตาของมารดาทำให้หัวใจของธีร์เทพอบอุ่นทุกครั้งที่ได้รับ หยกนับเป็นคนเดียวที่ทำให้เขาอยากกลับมายังคฤหาสน์หลังนี้

“ขอบคุณครับม้า” ชายหนุ่มรับแก้วน้ำมาถือไว้ ก้มลงหอมแก้มมารดาฟอดใหญ่ “หม่าม้าของผมน่ารักที่สุดในโลกเลย”

“โตเป็นหนุ่มแล้วนะเรา ยังหอมแก้มม้าเหมือนเด็กๆอยู่ได้” หยกทำทีปราม ก่อนหยอกเย้า “ว่าแต่อย่าเที่ยวไปทำแบบนี้กับสาวๆที่ไหนละ ลูกต้องให้เกียรติผู้หญิงรู้มั้ย”

“ครับม้า เห็นทีว่าชาตินี้ผมคงได้หอมแก้มผู้หญิงคนนี้แค่คนเดียวเท่านั้นแหละครับ”

“ไม่ได้นะไม่ได้”

“ทำไมล่ะครับ”

“ม้าอยากเลี้ยงหลาน”

“เฮียธำรงกับเฮียธนาก็มีหลานให้ม้าแล้ว ทำไมผมต้องมีอีกด้วย”

“มันเหมือนกันซะที่ไหนล่ะ ลูกของเฮียกับลูกของธีร์ ม้าอยากเลี้ยงลูกของธีร์ด้วยนี่นา”

“ไม่เอาละ วันนี้ผมมีงานที่ต่างจังหวัด ไม่พูดเรื่องนี้กับม้าหรอก”

หยกครุ่นคิดหนัก พยายามหาทางเกริ่นเรื่องนัดหมายดูตัวให้ลูกชายได้รับรู้ สาวใหญ่อดนึกถึงเหตุการณ์ที่เจ้าสัวเทียนเคยนัดหมายให้ชายหนุ่มดูตัวกับลูกสาวของคู่ค้าทางธุรกิจคนสำคัญไม่ได้ ครั้งนั้นธีร์เทพดื้อรั้นไม่ยอมไปตามนัด ทำให้บิดาเสียหน้าเป็นอย่างมาก และนั่นยิ่งทำให้สายสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกคู่นี้ห่างกันออกไปอย่างชัดเจน

ธีร์เทพบอกกับเธอว่าเขาทำเช่นนั้นไม่ได้ เขาจะไม่มีวันแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าเด็ดขาด ถ้าหากว่าวันหนึ่งสถานการณ์ทางการค้าเปลี่ยนไป เขามิต้องเลิกรากับภรรยาตามธุรกิจด้วยอย่างนั้นหรือ ถึงแม้จะทนฝืนอยู่ด้วยกันต่อไปก็ไม่รู้ว่าจะทนมองหน้ากันให้สนิทใจได้อย่างไรอีก สำหรับเขาเรื่องแต่งงานคือเรื่องของหัวใจ ไม่ใช่ผลประโยชน์ หากเตี่ยไม่อยากเสียหน้า ก็อย่านัดหมายใครให้เขาดูตัวอีก

แต่ครั้งนี้นี่สิ ไม่มีเรื่องของการค้าและผลกำไรเข้ามาเกี่ยวข้อง ที่สำคัญคือไม่มีเจ้าสัวเทียนเข้ามาคอยบงการอยู่เบื้องหลัง มีเพียงความปรารถนาดีของผู้เป็นแม่ที่อยากจะเห็นลูกชายเป็นฝั่งเป็นฝา มีเพื่อนคู่คิด คอยดูแลยามป่วยไข้เท่านั้น หยกจึงกลั้นใจเอ่ยออกไป เพราะมั่นใจในเจตนาที่ดีของตนเอง

“เดี๋ยวก่อนธีร์ ม้ามีเรื่อง...อืม จะปรึกษาแน่ะลูก”

“ครับ”

“ธีร์ฟังเฉยๆนะ ยังไม่ต้องตอบอะไรตอนนี้ก็ได้”

“เรื่องอะไรครับ ฟังดูน่ากลัวจัง”

“เรื่อง...ดูตัว”

“ดูตัว!” ชายหนุ่มย่นหน้า “กับลูกสาวเถ้าแก่ที่ไหนอีกครับ”

“ไม่ใช่ๆ คราวนี้เตี่ยไม่รู้เรื่องด้วยหรอก ม้าเป็นคนจัดการเองทั้งหมด กับลูกสาวเพื่อนม้าเอง”

“ใครครับ”

“น้ากิ่งแก้วไงลูก คนที่ได้ตำแหน่งธิดากาชาดปีเดียวกับที่ม้าประกวดไง ธีร์เคยเห็นรูปที่อยู่ในห้องนั่งเล่นแล้วนี่นา ม้าได้ข่าวมานะ ว่าหนูกรรณน่ะ เรียบร้อย น่ารัก อ่อนหวาน และก็สวยไม่แพ้น้ากิ่งแก้วเลย”

“ถ้าเรียบร้อยขนาดนั้น ไม่เหมาะกับผมหรอกครับ น่าสงสารน้องเขาออก”

“ไปเห็นกันก่อนค่อยตัดสินใจดีกว่า รีบปฏิเสธตอนนี้ระวังจะเสียใจทีหลังไม่รู้นะ”

“ช่วงนี้ผมยังไม่ว่างครับม้า”

“ว้า” หยกงัดไม้เด็ด แสร้งทำหน้าละห้อย คอตก หวังว่าลูกชายจะเห็นแก่ความเป็นแม่บ้าง บรรยากาศเงียบงันเนิ่นนานที่ไม่มีใครพูดอะไรต่อจากนั้นอีก แล้วก็ดูเหมือนจะได้ผล เมื่อเจ้าตัวแสบถึงกับถอนหายใจเฮือกใหญ่

“ก็ได้ครับ” ธีร์เทพตอบกลับอย่างไม่เต็มใจนัก

“ธีร์ยอมทำตามใจม้าแล้วเหรอ” หยกหันกลับมาด้วยรอยยิ้มระรื่น ชายหนุ่มระบายยิ้มเล็กน้อย

“แค่ดูตัวนะครับ ชอบไม่ชอบ ค่อยว่ากันอีกเรื่อง”

“จ้า ม้ารู้ ม้าไม่บังคับธีร์หรอก แค่อยากจะให้ธีร์เปิดโอกาสให้ตัวเองบ้างเท่านั้นแหละลูก” หยกประคองสองข้างแก้มของลูกชายหันซ้ายขวา จับจ้องด้วยความชื่นชม “ขอบใจนะธีร์”

“สำหรับผู้หญิงที่ผมรัก ผมยอมให้หมดทุกอย่างแหละครับ แม้แต่ชีวิตของผม ผมก็ให้ม้าได้ ผมรักหม่าม้านะครับ”

“เห็นท่าทางเกรียนๆแบบนี้ บทจะหวาน ก็น่าดูเหมือนกันนะเรา”

“ม้ารู้จักคำว่าเกรียนด้วยเหรอครับ” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ

“อู้ย! ในทีวีพูดกันออกบ่อยไป” หยกอมยิ้ม “หม่าม้าก็รักธีร์นะ รักที่สุดในโลกเลย”

ธีร์เทพตอบรับอ้อมกอดของมารดาอย่างแนบแน่น มันคือความรักแท้แบบไม่มีเงื่อนไข ที่ในโลกนี้คงมีแต่แม่คนเดียวเท่านั้นที่จะมอบให้เขาได้ และหากว่าวันหนึ่งเขาจะรักใครสักคน เขาก็ปรารถนาที่จะมอบความรักให้คนๆนั้นแบบไม่มีเงื่อนไขเช่นกัน

เขาจะตอบแทนความรักนั้นด้วยหัวใจของผู้ชายคนหนึ่ง...


**********************************************

โปรดติดตามตอนต่อไปวันพฤหัสจ้า

อีกสองเรื่องลงพร้อมกันแล้วนะคะในวันศุกร์ที่แล้ว ตามอ่านกันได้น้าที่ Stories - board

ขอขอบคุณทุกไลค์ คอมเม้นท์ และการติดตามอ่านจ้า น่ารักกันเสมอเลย





พันธุ์แตงกวา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 พ.ย. 2557, 06:58:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 พ.ย. 2557, 06:58:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 2446





<< บทนำ : ๓๑ ตุลาหารัก   บทที่ 2 : ราตรีห่วยๆของคนสองคน >>
พันธุ์แตงกวา 3 พ.ย. 2557, 07:07:51 น.
ตอบคอมเม้นท์

คุณ Tik : มาคนแรกแต่เช้าเลย น่ารักที่ซู้ดดด คุณย่าพิกุลอายุ 70 เองค่ะ แต่นึกถึงคำทำนายเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน สงสัยต้องใส่รายละเอียดเพิ่ม ว่าเป็นคำทำนายที่เล่าสืบขานกันมาจากบรรพบุรษ แบบว่าเรื่องมันยาว ^^ อีกสองเรื่องลงเว็บแล้วเหมือนกันนะค้า

คุณแว่นใส : คิดถึจุงเบย จุ๊บๆ สองสาวเอาบทนำมาลงแล้วค่ะ วันที่ 31 นะคะ

พี่เดล : วันโพสต์นั้นไม่ได้ดูฤกษ์มาเลยค่ะ เอาให้ตรงกับเนื้อเรื่อง คนอ่านจะได้ฟิน ของคุณมากๆนะค้า ที่ตามมาให้กำลังใจกันอีก ^^

น้องหมี : เสียงหัวเราะน้องท่านช่างดังกระหึ่มนัก ท่าทางสะใจยังไงชอบกล ประเดี๋ยวขุนฤทธิ์ออกมาเป็นต้องวิ่งลงตุ่มกันละคราวนี้

น้องหนอน : รายนี้ก็ขำ ขำใหญ่เลยน้า บอกจาวมาช่วยย่ากวาดใบไม้เบย ยายกรรณจะแผลงฤทธิ์ด้วยเลเวลตามหมายเลขบท บทที่หนึ่งน้อยหน่อย 5555

น้องปลาย : ทานตะวันสู้ๆ อย่ากดดันตัวเอง แต่พี่น้องรออยู่ ก๊ากกกกกกกก


ดังปัณณ์ 3 พ.ย. 2557, 20:21:07 น.
อี๊ย์ เข้าข่ายอิจฉาคนมีคู่อ่ะเซ่! 555+ หมูไม้สุกโดยไม่ต้องขึ้นเตานี่แบ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก วุ้ย เขิลลลลลลลลลลลลล (เขินอัลไล 555+)

ว้าย ตาย อยากจิกรี๊ด เจ่เจ้เอา ตี้ตี๋ (ธีร์เทพ) มาอ่อยอ่าาาาาาาาาาาาา คืออัลไล ว่ายน้ำเผยแผงอกล่ำๆๆ เนี่ย คืออัลไลลลลลลลลลลลลลลลลล โน้วววววววววววววววว ซับน้ำหมากๆๆ 555+


แว่นใส 4 พ.ย. 2557, 08:30:58 น.
แล้วสองสาวนั้นเขาลงที่ไหนคะ


ปลายสี 4 พ.ย. 2557, 23:15:00 น.
เปิดตัวก็เปิดอกโชว์เลยนะ แหมๆๆๆๆๆๆ ไม่กลัวคนอ่านเลือดกำเดาพุ่งเลย

ปล. พี่ซันจะหวานไปไหนนั่นน่ะ


บุลินทร 4 พ.ย. 2557, 23:33:09 น.
ชอบชื่อเมี่ยงคำ ฮ่าๆๆ ว่าแต่เงาดำวูบวาบที่วรรณเห็นคือขุนฤทธิ์ใช่มั้ยยย ออกมาแล้วแน่ๆ


tik 6 พ.ย. 2557, 12:02:16 น.
หมาผอมกะหร่อง แต่สีดำทะมึน นี่เป็นหมาเปล่าอ่ะค่ะ 555+
หลากหลายคาแร็กเตอร์มากค่ะ ชัดเจนจริง ๆ
ลุ้น ๆ พระเอกหล่อได้อีก นึกถึงหน้าอ๋อม ลอยขึ้นมาเลยทีเดียว
ชอบ ๆ น่าสนุกมาก ๆ


Zephyr 9 พ.ย. 2557, 17:17:51 น.
อุ้บส์ เอาเค้าอีกคนมะ เค้าเกิด 31 ตุลา จริงๆเลยนะ 555
เหม่ พี่ธีร์เอาใจแม่ด้วย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account