หลังม่านเมฆ

Tags: สืบสวน โรแมนติก

ตอน: ---- (2) ----

ผ่านไปเกือบเดือนหลังจากวันที่กวินภพมาหาเธอที่บ้าน ปณาลีก็ไม่เคยเจอะเจอเขาอีกเลย ได้ยินชื่อของเขาหลุดมาจากปากของอิชย์กับอัณณ์บ่อยครั้ง ยามที่ทั้งสองคนไปขลุกอยู่กับกวีวัธน์ที่ร้านอาหาร ดูเหมือนคุณลุงกวินภพจะเป็นที่ถูกอกถูกใจของเด็กแฝดเหลือเกิน ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ผู้ชายหน้านิ่ง ไร้อารมณ์ขันอย่างนั้น จะกลายเป็นเพื่อนเล่นที่แสนดีของเด็กแฝดจอมซนไปได้

“วินเขาคล้ายพ่อเขาน่ะ ดุ ไม่ค่อยขี้เล่นเท่าไร แต่วัธน์นี่มาทางแม่กับป้าของเขาเต็มๆ ใจดี ขี้เล่น แต่กับวินถ้าคุยกับเขาให้ถูกเรื่อง หนูจะเจอเพื่อนคุยที่ถูกคอเชียวละ เพราะเขาเป็นคนที่รู้จริงและมีเหตุผลมาก” ภาม บิดาของเธอว่าไว้เช่นนั้น แต่จนบัดนี้ปณาลีก็ยังไม่รู้ว่า ถูกเรื่อง ที่ว่านั้น มันคือเรื่องอะไร และเธอคงจะไม่เสียเวลาไปสืบหา เมื่อเขากับเธอคงยากที่จะพบเจอกันอีก

เกือบหกโมงเย็นที่ปณาลีเดินหิ้วกระเป๋าลงจากรถที่จอดไว้ริมรั้วเตี้ยๆ หน้าบ้าน ก่อนจะก้มลงถอนหญ้าต้นเล็กๆ ที่ขึ้นแทรกอิฐที่ปูบนทางเท้า พร้อมทั้งเก็บเศษขยะที่ใครบางคนโยนทิ้งไว้อย่างไม่มีมารยาทลงไปใส่ในถังขยะที่อยู่ไม่ไกล ปรียาเคยบอกว่าเธอนิสัยเหมือนภามที่ชอบทำอะไรเล็กๆ น้อยๆ ไปเรื่อย อยู่นิ่งไม่ได้ แม้จะแค่การถอนหญ้าหรือรดน้ำต้นไม้ ปณาลียอมรับว่าเธอเป็นเช่นนั้นจริง หญิงสาวเคยโดนล้อจากเพื่อนว่าเป็นโรคจิต เพราะเธอไม่สามารถทนเห็นเศษขยะเล็กน้อยตรงหน้าหรืออะไรก็ตามที่ระเกะระกะไม่เป็นระเบียบ จนต้องเสียเวลาไปทำให้มันเข้าที่เข้าทางทุกครั้ง

หลังจากเสร็จเรื่อง โรคจิต หญิงสาวก็สาวเท้าเข้าบ้าน เหลือบไปมองฝั่งบ้านของจริยาก็พบสุกัญญาเพื่อนสนิทของกวีวัธน์ ที่กำลังนั่งจิบน้ำชากับผู้เป็นเจ้าของบ้านที่ระเบียงข้างบ้าน ปณาลียิ้มให้ทุกคนก่อนจะเลยเข้าบ้านของตัวเองไป สุกัญญาและฐิติผู้เป็นสามีแวะเวียนมาที่บ้านนี้แทบจะทุกวัน หญิงสาวทราบมาว่าทั้งคู่เป็นทั้งเพื่อนสนิทและหุ้นส่วนร้านอาหารของกวีวัธน์ คงไม่แปลกถ้าทั้งคู่จะสนิทสนมกับครอบครัวของกวีวัธน์ด้วย

“อาอู๋จะแวะเข้ามานะเย็นนี้ ไม่รู้หาเวลาว่างได้ยังไง” ปรียาตะโกนออกมาจากห้องครัวตอนที่เธอเดินผ่าน คงเพราะเช่นนี้แม่ของเธอจึงต้องเข้าครัวก่อนเวลาปกติโดยมีเจ้าปีโป้วิ่งพานมือพานเท้าอยู่ไม่ไกล

“น้ำไม่ได้แวะไปหาอาอู๋เลยตั้งแต่กลับมา วันนี้คงโดนแขวะแน่ๆ”

“โอ้ย ไม่ใช่หลานรักเขาไม่สนหรอก” ปณาลีหัวเราะเสียงดังยามโดนมารดาล้อเลียน ก่อนจะหายเข้าห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เป็นที่รู้กันว่าปวิตราเป็นหลานคนโปรดของพีรัช คุณอาหนุ่มใหญ่รักและเอ็นดูหลานสาวคนแรกจนเกือบจะรับไว้เป็นบุตรบุญธรรมหากภามจะไม่ยับยั้งไว้เสียก่อน ทั้งเมืองนี้ไม่มีใครไม่รู้จักพีรัช หนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้า ที่ยังโสดและดูดีแบบชายชาตรีไปทุกกระเบียดนิ้ว อาอู๋ สูงใหญ่เหมือนบิดาของเธอนั่นแหละ แต่ความคมเข้มนั้นพ่อของเธอสู้ไม่ได้ และนั่นยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของพีรัชดูเข้ากับอาชีพที่เขาทำมากขึ้น

' แกอย่าลืมว่าแกทำอาชีพอะไร ถ้ารักหลาน อย่าเอาหลานไปเป็นห่วงผูกคอ เพราะนั่นยิ่งจะทำให้หลานเข้าใกล้อันตราย และศัตรูของแกก็จะเข้าถึงตัวแกได้ง่าย' นั่นคือเหตุผลที่ภามให้ไว้กับพีรัช และเป็นเหตุผลที่พีรัชยอมรับโดยดุษณี แต่จนกระทั่งวันนี้พีรัชก็ยังรักและเอ็นดูปวิตราไม่เสื่อมคลาย แม้หญิงสาวจะพ้นวัยเด็ก จนกลายเป็นคุณแม่ลูกสองไปแล้วก็ตาม

“แล้วหลานรักของอาอู๋ไปไหนละคะเนี่ย” ร่างสูงบางในชุดกางเกงยีนขาเดฟกับเสื้อเชิ๊ตลายสก็อตใส่สบายๆ ยืนร้องถามอยู่ที่หน้าห้องครัว ก่อนจะตัดสินใจเดินเข้ามาช่วยมารดา

“ไปรับเจ้าแฝดที่ร้านวัธน์ เขาบอกอยากให้มาเจออาอู๋ด้วยกัน” ปณาลีพยักหน้ารับรู้ ทุกเย็นกวีวัธน์จะแวะเข้ามาที่โรงเรียนเพื่อรับอัณณ์กับอิชย์ พาไปทำการบ้านและเล่นที่ร้านอาหารที่กวีวัธน์เป็นเจ้าของและผู้ดูแล ก่อนจะพากลับเข้าบ้านในตอนค่ำ และก็เป็นเวลาเดียวกับที่เจ้าแฝดจะแวะมาอ้อนคุณตากับคุณยายที่นี่ และพากันกลับไปนอนที่บ้านของกวีวัธน์ตามกฏเหล็กสามทุ่ม ซึ่งอาจมีอนุโลมเป็นสี่ทุ่มในวันเสาร์และอาทิตย์

“พี่วัธน์นี่ไม่เคยทิ้งร้านเลยนะคะ แต่พี่ติกับพี่มุกมาอยู่กับป้าจ๋า ป้าจุ๋มประจำเลย”

“เออ แม่ก็ว่างั้น เคยถามยัยหนึ่ง เขาบอกว่าสองคนนี้เป็นแค่หุ้นส่วนสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่ใช่เจ้าของร้าน ก็เลยไม่จำเป็นต้องเข้าไปทุกวัน”

“แล้วพี่วัธน์เขามีกี่ร้านคะ?”

“สามร้าน”

“แล้วพี่มุกกับพี่ติจะไม่ช่วยเลยเหรอคะ ปล่อยพี่วัธน์วิ่งพล่านคนเดียว ถึงจะเป็นแค่หุ้นส่วนเล็กๆ แต่ก็ได้เงินปันผลจากกำไรของร้าน ถ้าไม่ช่วยกันดูแล มันก็ดูไม่แฟร์เท่าไรนะคะแม่”

“ไม่รู้เหมือนกัน ร้านที่วัธน์เขาอยู่ประจำคือร้านแรกที่เขาร่วมกันตั้งมา ตอนนี้รายได้ดีสุด เพราะว่าอยู่ในทำเลที่ดีที่สุด แล้วยังมีแนวโน้มว่าจะขยายได้อีกนะ เพราะว่าที่ดินรอบๆ ก็เป็นของวัธน์เขา พอร้านนี้กำลังไปได้สวย วัธน์เขาก็ไปเปิดสาขา เป็นร้านสองคูหา อยู่ตรงหน้าโรงเรียนประจำจังหวัดน่ะ แถมตรงนั้นโรงเรียนกวดวิชา เรียนพิเศษอะไรมากมายไปหมด แม่ก็ว่าน่าจะไปได้ดีนะ” ปรียาสาธยายไปพร้อมๆ กับมือก็รับผักคะน้าจากปณาลีไปหั่นเพื่อเตรียมทำคะน้าหมูกรอบ ของโปรดของน้องสามี

“แล้วอีกร้านละคะแม่?”

“อ๋อ อันนั้นอยู่ตรงทางเข้ารีสอร์ตของวิน ตรงนี้เหมือนวินเขาจะมีหุ้นด้วยหรือเปล่าแม่ไม่แน่ใจ เพราะว่าวินเขาก็จะเอาพวกทัวร์มาลงตรงนี้ด้วย รายได้ก็น่าจะไปได้ดีอีกเหมือนกัน แต่อาจจะซบเซาช่วงที่ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยวน่ะ” ปรียาถอนหายใจก่อนหยุดความวุ่นวายตรงหน้า

“จริงๆ แล้วทั้งวัธน์ ติ แล้วก็มุก เขารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมโน่น สนิทสนมกันมาก ไปมาหาสู่กันไม่ได้ขาด ขนาดงานแต่งของพี่เรากับนายวัธน์น่ะ สองคนนี้เขาก็ช่วยงานตัวเป็นเกลียว แม่ก็เลยคิดว่าเขาคงเข้าอกเข้าใจกันดีถึงวิธีการทำงาน ว่าใครทำหน้าที่อะไร คงไม่ได้คิดจะเอาเปรียบอะไรนายวัธน์ แล้วสองคนนั้นก็ดูนิสัยดี ไม่มีพิษภัยอะไร”

เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านทำให้ปณาลีล้มเลิกคำพูดและความสงสัยบางอย่างไป ก่อนจะอาสาเป็นคนออกไปรับแขกเอง ซึ่งคงเป็นพีรัช ไม่ใช่ใครที่ไหน แม้จะเจอตัวยากเพียงใด แต่เมื่อไหร่ที่บอกว่าจะมา อาอู๋ของเธอก็เป็นคนตรงต่อเวลาเสมอ

“ไง เลิกหลงแสงสีเมืองกรุงแล้วเหรอ ถึงกลับมาที่นี่ได้” ผู้ชายตัวใหญ่กับเสื้อเชิ๊ตและกางเกงยีนส์พอดีตัว ไม่บอกใครก็คงไม่รู้ว่าอายุของเขาปาเข้าไปสี่สิบห้าปี ปณาลีโคลงศีรษะเล็กน้อยหลังจากโดนแซวจากคนที่กำลังยืนกอดอกมองมาที่เธอนิ่งๆ

“กลับมาดูว่าคนแถวนี้มีเมียหรือยัง” พีรัชปล่อยหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะอ้าแขนรับหลานสาวคนเล็กเข้ามาในอ้อมกอด

“ผู้หญิงมันปากแบบเรานี่ไง อาถึงไม่อยากมี” ปณาลีเบ้ปากก่อนหัวเราะเบาๆ

“อ่ะ เชื่อๆ” ตอบเอาใจเพราะไม่อยากต่อปากต่อคำด้วย ดีไม่ดีจะวกมาเข้าตัวเอง ทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะการเงิน พีรัชพร้อมยิ่งกว่าใคร หนำซ้ำภาพลักษณ์เจ้าพ่อของเขาคงทำให้สาวๆ ที่คลั่งไคล้แบดบอยหลายคนแอบมองเขาอยู่หรอก

“นั่งสิอู๋ วันนี้ยัยหนึ่งอยู่นะ กำลังไปรับเจ้าแฝด” ภามจัดการเชื้อเชิญให้น้องชายนั่งลงที่โซฟาขณะที่ปณาลีกลับเข้าไปช่วยมารดาในครัวอีกครั้ง

“เจอหนึ่งเมื่อสองสามอาทิตย์ก่อน ดูไม่ค่อยสบายใจ ถามก็อ้ำๆ อึ้งๆ เขามีปัญหาอะไรกับสามีเขาหรือเปล่า”

“ไอ้เราก็ไปคิดมากแทนเขาน่า อาจจะเป็นเรื่องที่ทำงานก็ได้ ถ้าเป็นเรื่องผัวเมีย คงมีกันบ้าง แต่เดี๋ยวก็ดีกัน อย่าดูแลหลานเหมือนเขายังเป็นเด็กน้อยตลอดเวลาสิ”

“ผมแค่ไม่อยากให้อะไรๆ มันสายไป หากเรารู้จะได้แก้ไขทัน” ภามขมวดคิ้วมุ่น

“อะไรเหรอ ที่ว่าจะสายไป พี่ว่าไม่มีอะไรนะ นายไปรู้อะไรมา”

“ไม่รู้อะไรหรอกครับ แค่คิดว่าถ้ามีอะไรที่ทางสามีของยัยหนึ่งคิดทำร้ายคนของเรา ผมก็พร้อมที่จะจัดการเหมือนกัน เราก็ไม่ใช่ขี้หมูขี้หมาที่ไหน”

“เฮ้ย ไม่มีอะไร บ้านนั้นเขาดีกับยัยหนึ่งทุกคน ผัวเมียเขาก็มีกันบ้าง ลิ้นกับฟัน แต่เดี๋ยวก็ดีกันเหมือนเดิม นายอย่าเอาความคิดแบบเจ้าพ่อมาใช้น่า”

“ไม่รู้สิ ถ้ามีอะไรพี่ต้องรีบบอกผม ผมยอมให้ยัยหนึ่งเจ็บไม่ได้ ตอนนี้ยังไม่มีก็ดีไป” ภามมองหน้าน้องชายด้วยความไม่เข้าใจ อะไรที่ทำให้พีรัชปักใจเหลือเกินว่าปวิตรากับกวีวัธน์กำลังมีปัญหากัน
--------------------------------------------------------------------------------

หลังจากวันที่พีรัชแวะมารับประทานอาหารเย็นที่บ้านแล้ว ก็ดูเหมือนอาของปณาลีจะแวะเวียนมาบ่อยขึ้น บางครั้งยังมาพร้อมกับการไปรับปวิตรากลับมาจากโรงพยาบาลหลังจากพี่สาวเธอออกเวร ใบหน้าไม่ค่อยสดใสของปวิตรากับท่าทางมีลับลมคมในของทั้งคู่ชวนให้ปณาลีแปลกใจอยู่ครามครัน แต่จนหนทางจะหาคำตอบ และดูเหมือนทั้งภามและปรียาจะไม่รู้สึกแบบเธอเลย

ทำไมนะ ทำไมเธอจึงรู้สึกว่าปวิตรากำลังมีเรื่องไม่สบายใจ และคนที่พี่สาวของเธอเลือกที่จะบอกกลับกลายเป็นพีรัช ไม่ใช่เธอผู้เป็นน้องสาว ทั้งที่เธอก็เคยบอกพี่สาวไปแล้วว่ายินดีจะรับฟังเสมอ

เสียงรถแล่นมาจอดที่หน้าบ้านทำให้ปณาลีค่อยๆ เดินออกไปดู หญิงสาวพอจะรู้ว่าคงเป็นกวินภพที่พาอัณณ์กับอิชย์มาส่งหลังจากที่เธอเห็นชายหนุ่มแวะไปที่โรงเรียน และเดาได้ว่าคงไปรับหลานทั้งคู่ เธอจึงเลี่ยงออกมาเสีย ด้วยไม่อยากจะมีปากเสียงกับเขาเรื่องนี้อีก

“เอาเด็กๆ มาส่ง วันนี้วัธน์ติดธุระเลยเอาเด็กไว้ที่ร้านไม่ได้ ผมเองก็ติดงานเหมือนกัน” ปณาลีอ้าแขนรับหลานทั้งสองก่อนจะจูงมือไว้คนละข้าง

“ค่ะ”

“คงไม่คิดว่าเป็นข้ออ้างที่ผมจะไม่ดูแลหลานนะ”

“พี่วิน!” หญิงสาวขึ้นเสียง กวินภพกอดอกมองก่อนจะกระตุกยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย เชื่อแล้วว่าหญิงสาวเป็นคนความอดทนต่ำอย่างที่ภามและปรียาคอยบอกไว้จริงๆ แค่เขาแหย่นิดหน่อยถึงเรื่องที่เคยทะเลาะกัน เธอถึงกับขึ้นเสียง มองเขาตาเขียว ก็แค่เห็นรับคำสั้นๆ แล้วทำท่าจะผละจากไป จะมองหน้าเขาสักนิดก็ไม่ได้ ไหนว่าคุยกันเข้าใจแล้วอย่างไรเล่า

“ผมกลับละ” ไม่รอให้หญิงสาวพูดอะไรออกมา กวินภพก็กระโดดขึ้นรถของตัวเองอย่างรวดเร็ว และสวนกับรถของพีรัชที่แวะมาส่งปวิตราอีกเช่นเคย

“นายวินมันมาทำไม?” พีรัชรีบถามทันทีที่ลงมาจากรถพร้อมสายตาที่มองตามรถของกวินภพไป

“มาส่งแฝดค่ะ”

“ก็สองคนนี่อยู่โรงเรียนที่เราสอน ทำไมเราไม่รับมาส่งเอง เจ้านั่นเทียวไปเทียวมาทำไมกัน”

“ก็เขาอยากใกล้ชิดหลานเขานี่คะ เขาเคยบอกว่าอยากจะใช้เวลาใกล้ชิด ดูแลหลาน เวลามันไม่เคยคอยใครค่ะ พอสองคนนี้โตเขาอาจจะไม่มีโอกาสได้ทำแบบนี้” เสียงพีรัชร้องฮึในลำคอ ดูเหมือนอาของเธอจะไม่ค่อยถูกชะตากับกวินภพ ปณาลีเองไม่รู้เหตุผล แต่หากให้เธอเดาก็คงเป็นเพราะธุรกิจการงานที่อาจจะขัดขากันอยู่บ้าง

“น้ำก็ไปตามใจเขา หลานเราเหมือนกันนะ” ปวิตราโพล่งออกมาหลังจากนิ่งฟังอยู่นาน

“อ้าว!” คราวนี้คนเป็นน้องได้แต่งุนงง ทำไมเรื่องแค่นี้จึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปได้ เธอมองไม่เห็นความสำคัญของการจะต้องมาถกเถียงหน้าดำหน้าแดงเพียงเพราะการแย่งชิงดูแลฝาแฝดทั้งคู่

“ความจริงมันเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่เหรอคะ หรือว่าน้ำเข้าใจผิด ที่เด็กๆ ทั้งสองคนมีคนรักคนเอ็นดู ได้รับความรักจากญาติๆ ทั้งจากฝั่งพ่อและแม่ โตไปเขาจะได้เป็นคนไม่ขาด น้ำเองไม่ได้ปัดความรับผิดชอบนะคะ จริงๆ แล้วน้ำยินดีที่จะรับส่งแฝดทุกวัน แต่พี่วินเขามาแทรกบ้าง เพราะเขาอยากใช้เวลากับหลาน น้ำก็ไม่เห็นว่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเขาก็เป็นลุง อีกอย่างแฝดก็มีเวลามาเล่นอยู่บ้านเราตอนเย็นๆ ทุกวัน มันก็แฟร์ทั้งสองฝ่ายนะคะ” ปณาลีแย้งขึ้นบ้างหลังจากบุ้ยปากให้เด็กทั้งสองคนเข้าไปในบ้านเพราะไม่อยากให้รับรู้เรื่องงี่เง่าของผู้ใหญ่

“รู้ไม่ทันเขาก็เงียบไว้เถอะเรา” พีรัชดุเสียงจริงจังก่อนจะหันไปสบตากับปวิตรา และขอตัวกลับไปในที่สุด ทิ้งให้ปณาลีได้แต่สงสัยอยู่คนเดียว และความสงสัยนี้ของเธอก็พอกพูนมากขึ้นกว่าเดิมไปทุกวัน
--------------------------------------------------------------------------------------------

“เป็นอะไรน้ำ ทำไมหน้าตาไม่สบอารมณ์เลย” ปณาลีชะงัก เงยหน้ามองไปทางมารดาที่ส่งเสียงทักยามที่เธอกำลังเดินหน้าตาบอกบุญไม่รับลงมาจากรถ

“พี่หนึ่งเขาเป็นอะไรคะ ดูพยายามจะดึงอัณณ์กับอิชย์ออกห่างจากทางบ้านนั้นจังเลย วันนี้พี่วัธน์เขาไปรับลูกตามปกติ แต่ปรากฏว่าพี่หนึ่งเกิดว่างไปรับเหมือนกัน แล้วพี่วัธน์เขาก็จะเอาแฝดไปที่ร้านเหมือนที่เขาทำอยู่ทุกวัน แต่ปรากฏว่าพี่หนึ่งไม่ยอม อ้างว่าอยากมีเวลากับลูกบ้าง พี่วัธน์ก็เลยชวนไปที่ร้านด้วยกันทั้งหมด แต่พี่หนึ่งก็ไม่เอา เถียงกันอยู่หน้าโรงเรียนพักใหญ่เชียวค่ะ สุดท้ายพี่วัธน์ก็ยอมให้เด็กๆ ไปกับพี่หนึ่ง”

“ก็หนึ่งเขามีเวลาน้อยจริงๆ นี่ลูก เขาอาจจะอยากใช้เวลากับเด็กๆ จริงๆ ก็ได้” ปรียาออกความเห็น

“แล้วทำไมไม่ไปกับพี่วัธน์ตามที่พี่วัธน์ชวนละคะ”

“หนึ่งเขาเคยบอกว่าไม่ชอบร้านอาหารนั่น จริงๆ ถ้าเขาไม่ติดงาน เขาก็ไม่อยากให้วัธน์พาเด็กๆ ไปเล่นที่ร้านตอนเย็นๆ หรอก” ปณาลีไม่ได้แย้งมารดาต่อ ถ้าไม่เพราะเธอเห็นปวิตรากับพีรัชมีท่าทีแปลกๆ เธอก็คงจะไม่คิดมากเช่นนี้

“ถ้าน้ำอึดอัด ให้พ่อเป็นคนไปรับเด็กๆ ก็ได้ เอาไหม?”

“ไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ น้ำรับส่งได้สบายมาก และน้ำเองก็เข้าใจทั้งพี่วิน พี่วัธน์และพี่หนึ่ง แต่น้ำไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเขาไม่พยายามเข้าใจกันเองบ้าง โดยเฉพาะพี่หนึ่งกับพี่วัธน์ ผัวเมียกันแท้ๆ
น้ำไม่กล้าพูดอะไรกับพี่หนึ่งมาก เคยเลียบๆ เคียงๆ ไปครั้งหนึ่ง แต่โดนพี่หนึ่งดุเอา ก็เลยคิดว่าไม่ยุ่งดีกว่า แต่บางทีก็แค่สงสารหลานน่ะค่ะ” คนเป็นน้าถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพยายามตัดใจไม่ยุ่งเรื่องนี้อีก

แต่ดูเหมือนอะไรๆ จะไม่เป็นใจเท่าไร เมื่อวันรุ่งขึ้น ยามที่ปณาลีเตรียมตัวจะออกไปทำงาน เธอก็เจอกวีวัธน์กับปวิตรายืนหน้างอใส่กันอยู่ที่หน้าบ้าน โดยมีลูกชายทั้งสองเป็นตัวประกัน และคงไม่พ้นถกเถียงกันเรื่องเดิม หญิงสาวไม่อยากจะใส่ใจนัก แต่เมื่อเห็นแววตาใสซื่อของเด็กน้อยทั้งสองคน เธอก็ต้องเปลี่ยนใจ

“เด็กๆ ไปโรงเรียนได้แล้ว เดี๋ยวลุงไปส่ง” แต่ดูเหมือนปณาลีจะช้าไปหนึ่งก้าว หญิงสาวไม่รู้ว่ากวินภพอยู่ตรงมุมไหน เขาจึงโผล่มารวดเร็วเช่นนี้ แต่อย่างน้อยเธอก็อยากจะขอบคุณที่เขามาแก้สถานการณ์แทนเธอ เพราะดูเหมือนทั้งปวิตราและกวีวัธน์จะเกรงเขาอยู่บ้าง จึงไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา ไม่อยากจะนึกภาพว่าถ้าเป็นเธอ เป็นผู้เอื้อนเอ่ยประโยคนี้ออกไป เหตุการณ์จะเป็นเช่นไร

“ไปด้วยกันสิน้ำ” ทันทีที่เด็กทั้งสองขึ้นไปบนรถของเขาเรียบร้อย กวินภพก็หันมาชวนเธอ บางทีปณาลีก็ออกจะตามอารมณ์เขาไม่ค่อยจะทัน เมื่อสองสามวันก่อนเขายังแขวะเธออยู่เลย มาวันนี้เขาก็มาชวนเธอนั่งรถไปด้วยกัน

“เร็ว เดี๋ยวเด็กจะสาย” นั่นไงล่ะ เขาเปลี่ยนมาเป็นดุเธอเข้าอีกแล้ว

“น้ำเอารถไปเองสะดวกกว่า พี่วินพาเด็กๆ ไปเถอะค่ะ” ยังปฏิเสธแม้ตอนนี้หน้าตาของกวินภพดูเหมือนไม่ได้อยากจะฟังคำปฏิเสธสักเท่าไหร่

“เด็กๆ ประสาทเสียกับพ่อแม่งี่เง่ามาพอแล้วนะ อย่าให้ต้องมากไปกว่านี้เพราะลุงกับน้าก็บ้าพอกันหน่อยเลย” เท่านั้นปณาลีก็เดินหน้าตึงไปเปิดประตูรถ ใช่ เขาพูดถูก แต่มันอาย มันโมโห ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน

“เดี๋ยวเย็นนี้ลุงวินไปรับ ถ้าช้าหน่อยก็เล่นกับเพื่อนๆ รอไปก่อน ถ้าพ่อหรือแม่มาก็บอกไปว่าลุงวินจะมารับ จะรอลุงวิน เข้าใจไหมครับ” ปากบอกเด็ก แต่ตานั้นจ้องอยู่ที่เธอ ปณาลีไม่ชอบเอาเสียเลย

“จะสั่งน้ำหรือสั่งเด็ก พี่วินก็เลือกเอาสักอย่างนะคะ” เขาต้องไม่พอใจเธอแน่ที่รวนเขาแบบนี้ แต่กลับกลายเป็นว่ากวินภพกลับอมยิ้มเสียนี่ เห็นทีจะต้องบอกจริยาเสียหน่อยกระมังว่าลูกชายของท่านอาจเป็นโรคสองบุคลิก ควรต้องพบแพทย์อย่างเร่งด่วน

“สั่งทั้งคู่นั่นแหละ เผื่อน้าดื้อ หลานจะได้เตือน”

“เอ๊ะ!” เขาทำให้หลานทั้งสองคนของเธอหัวเราะอย่างสนุกสนาน บ้าจริงเชียว

“ตามนั้น ห้ามเถียง!” ถึงตอนนี้ในรถเลยเงียบกริบทั้งน้าทั้งหลาน

ตกเย็นไม่มีใครมารับอัณณ์กับอิชย์ตามที่นึกกลัว จนกระทั่งเกือบห้าโมงเย็นที่แลนด์โรเวอร์ของกวินภพแล่นเข้ามาจอดหน้าโรงเรียนอนุบาลจันทนา ชายหนุ่มลงมาอุ้มหลานทั้งสองเข้าไปนั่งในตอนหลังของรถ ก่อนจะหันมามองน้าสาวที่ตอนนี้เดินไปขึ้นด้านข้างคนขับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เมื่อกวินภพไม่ยอมออกรถ แต่กลับหันมามองหน้าพร้อมทั้งเลิกคิ้ว ปณาลีก็ถอนหายใจเบาๆ แต่ก็อยากให้เขารู้ว่าเธอประชด

“ไม่มีใครที่ไหนมาค่ะ ยกเว้นคุณ” เขาพยักหน้า ก่อนจะหันไปสตาร์ทรถและขับออกไป จนกระทั่งรถเข้ามาจอดที่หน้าบ้านของเธอแทนที่จะเป็นหน้าบ้านของเขา ชายหนุ่มคงจะเดินเข้าบ้านตัวเองผ่านทางประตูเล็กที่เชื่อมทั้งสองบ้านไว้ด้วยกัน

“พี่ติกับพี่มุกนี่เป็นแขกประจำเลยนะคะ” ปณาลีเอ่ยเบาๆ เมื่อหางตาเห็นว่าฐิติกับสุกัญญามานั่งอยู่ที่บ้านข้างๆ กับจริยาและจารีพรอีกแล้ว กวินภพหันมาขมวดคิ้วให้คนที่ตั้งข้อสังเกตแปลกๆ

“เขาเป็นเพื่อนสนิทของวัธน์ เป็นหุ้นส่วน ไม่เห็นแปลกเลยถ้าเขาจะมาบ่อยๆ สนิทกันยิ่งกว่าญาติเสียอีก”

“ไม่ได้ว่าอะไรนี่คะ เปรยเฉยๆ พี่วินไม่พอใจทำไม” ถามสวนไปบ้าง

“ไม่พอใจที่เราคิดไม่ดีกับคนอื่น ถ้าเราคิดดีเราจะไม่ เปรย แบบนี้หรอก”

“เรื่องของน้ำ” เท่านั้นปณาลีก็เดินเข้าบ้านไป เพราะเวลาช่วงเย็นแบบนี้สองแสบจะไปประจำการอยู่ที่บ้านคุณย่า แต่ยังไม่ทันจะก้าวออกไปก็โดนใครบางคนยึดแขนไปเสียก่อน

“ถ้าเรื่องของน้ำ แล้วมาเปรยกับพี่ทำไม” นี่เธอหูฝาดไปหรือเปล่า เขาแทนตัวเองกับเธอว่าพี่ ทั้งที่มันก็ผ่านมาหลายวันแล้ว ตอนที่เธอขอให้เขาแทนตัวเองว่าพี่กับเธอ แต่เขาก็ไม่เคยทำตาม จนวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันเล่า

“น้ำพูดออกมาแสดงว่าอยากให้พี่รู้และคิดเหมือนน้ำ แต่พอพี่ไม่เห็นด้วย น้ำก็เลยแถว่าเป็นเรื่องของน้ำ” ปณาลีสะบัดแขนอย่างแรงก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ทิ้งให้กวินภพมองตามหลังแล้วส่ายหน้าเบาๆ เหมือนจะโต แต่ไม่โตสินะ ห่างกันตั้งแปดปี รู้สึกตัวเองแก่อย่างไรก็ไม่รู้ทั้งที่ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน
-------------------------------------------------------------------------------

ปณาลีเลี่ยงที่จะเจอกวินภพอีกหลังจากวันนั้น รู้สึกอายที่ทำเหมือนเด็กไม่รู้จักโตต่อหน้าเขา กอปรกับชายหนุ่มเองก็ติดพันงานที่รีสอร์ท จึงไม่ได้แวะเวียนมาบ้านเท่าใดนัก หน้าที่รับส่งหลานจึงเป็นของปณาลีไปโดยปริยาย

“น้ำ พี่หนึ่งมาเล่าอะไรให้ฟังหรือเปล่าลูก” ปณาลีเงยหน้าจากกระถางต้นไม้ เมื่อภามทรุดลงนั่งข้างๆ และถามคำถามที่เธอไม่เข้าใจ

“ป้าจุ๋มมาบอกพ่อว่า พี่หนึ่งทะเลาะกับนายวัธน์ซะเสียงดัง แล้วก็หอบลูกกลับมานอนที่บ้านเมื่อคืนนี้ แต่พ่อไม่รู้เรื่องเลย สงสัยจะเป็นแม่เราที่ลุกขึ้นมาเปิดประตู”

“น้ำยังไม่เจอพี่หนึ่งเลยค่ะพ่อ เมื่อเช้าน้ำลงมาเจ้าแฝดแต่งตัวรออยู่แล้ว น้ำก็นึกว่าเหมือนปกติทุกวัน ก็รับไปโรงเรียนด้วยกันก็เท่านั้น ตกเย็นพี่วัธน์มารับ น้ำก็เลยปล่อยไป แล้วก็กลับมาบ้านนี่แหละค่ะ”

“เฮ้อ...มันจะอะไรกันนัก อาอู๋ของหนูก็พยายามมาพูดจากับพ่อแปลกๆ ว่ายัยหนึ่งกำลังไม่สบายใจ ระวังจะโดนบ้านโน้นรังแกเอา พอพ่อปฏิเสธไป อาหนูเขาก็ไม่พอใจ บอกว่าเห็นท่าไม่ดีต้องรีบบอกเขานะ ยัยหนึ่งเองถ้ามีอะไรจริง ทำไมไม่มาปรึกษาล่ะ ทำอะไรลึกลับ แปลกๆ” สองพ่อลูกค่อยๆ ลุกขึ้นก่อนเดินช้าๆ มานั่งบนเก้าอี้สนาม

“แม่ละคะพ่อ รู้เรื่องหรือเปล่า พี่หนึ่งอาจจะบอกแม่” ภามส่ายหน้า

“ไม่นะ พ่อถามแม่แล้ว หนึ่งไม่ได้เล่าอะไร แต่ปัญหาคือแม่เราน่ะเขาเข้าข้างหนึ่งไปซะหมด แทนที่เขาจะถามหนึ่งแล้วให้คำปรึกษา แม่เราน่ะเขาจะเงียบ แต่ก็สนับสนุนเข้าข้างหนึ่งทุกอย่าง เหมือนแม่เขาอยากให้หนึ่งรู้ว่าเขาอยู่ข้างหนึ่งเสมอ แต่พ่อว่ามันผิด เพราะหนึ่งไม่ใช่ผู้ถูกเสมอไป หากหนึ่งไปทำหรือคิดอะไรที่ไม่ควร เราซึ่งเป็นพ่อแม่ต้องท้วงติง”

“ค่ะ แม่เขาออกรับแทนพี่หนึ่งมากไป จนน้ำไม่อยากพูดมาก เหมือนน้ำให้ร้ายพี่ตัวเอง แต่จริงๆ น้ำก็แค่อยากรู้ อยากช่วยเหลือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น น้ำก็ต้องเลือกพี่หนึ่งอยู่แล้ว” ภามยกมือลูบหัวลูกสาวเบาๆ ไม่ค่อยได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากนัก เพราะปณาลีใช้ชีวิตอยู่หอพักตั้งแต่เข้ามัธยมปลาย จนกระทั่งตอนนี้หญิงสาวจบปริญญาโทแล้ว แต่เขารู้ว่าปณาลีเข้มแข็งและเก่ง ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถเรียนจนจบกลับมาและไม่เคยมีเรื่องให้พ่อแม่ต้องหนักใจเลย

ปวิตราก็ไม่ต่างจากน้องสาวมากนัก หญิงสาวเรียนเก่งและเป็นเด็กดี แต่บางครั้งก็มีมุมลึกลับที่ภามไม่รู้ว่าลูกสาวตัวเองกำลังคิดเช่นไร บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าปวิตราออกจะเหมือนพีรัชผู้เป็นอาอยู่พอสมควร

“วินน่ะเขาเคยพูดว่าสองคนนี้รั้นทั้งคู่ และทิฐิ ถ้ามีเรื่องกันเมื่อไหร่คงจะดึงกลับเข้ามาหากันยาก แล้วดูเหมือนว่าตอนนี้มันกำลังจะเกิดขึ้น พ่อไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น แต่พ่อก็ไม่รู้จะช่วยยังไง เพราะเราไม่รู้สาเหตุ”

“ถ้าวันนี้พี่หนึ่งมาที่บ้าน น้ำจะลองเลียบเคียงดูนะคะ เผื่อจะได้อะไรบ้าง”

และเหมือนโชคเข้าข้างเมื่อเย็นวันนั้นปวิตราแวะมาที่บ้านพอดี ปณาลีจึงไม่รอช้า เลียบๆ เคียงๆ ถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และคำตอบที่ได้กลับมาก็ทำเอาเธอแทบไม่เชื่อหู

“พี่วัธน์เขาตบตีพี่”

“อะไรนะคะ!” ปณาลีจำได้ว่าตัวเองถามกลับไปเสียงหลง กวีวัธน์น่ะหรือจะทำเช่นนั้นได้ แต่มีเหตุผลอะไรที่พี่สาวของเธอจะต้องโกหกกัน
--------------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีค่ะ ตอนที่ 2 มาแล้วนะคะ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับ ดีใจที่ยังจำกันได้ อิอิ

@ Jiab ขอบคุณค่ะที่คิดถึง ดีใจๆ
@ คิมหันตุ ขอบคุณคร้าาา
@ กาสะลองฯ ขอบคุณที่รอนะคะ ฮาาาา หวานเบาๆ แต่เจ็บหนักๆ ค่ะ อิอิ
@ ribbin ขอบคุณคร้าาาา แฟนพันธุ์แท้ของเราอีกคน
@ mhengjhy ขอบคุณที่มาฮ้าบบบบ
@ Pat ขอบคุณจ้า
@ โอชิน ขอบคุณจ้า
@ sugar ขอบคุณๆ

พยายามเขียนเรื่องนี้มาตั้งแต่จบเรื่องที่แล้ว และตั้งใจว่าจะเขียนให้จบก่อนแล้วเอามาลง คนอ่านจะได้ไม่ต้องรอ แต่ว่ามันไม่จบเสียที เพราะคนเขียนงานยุ่งมากที่สุด เลยคิดว่าเอามาลงละกัน เขียนไปด้วย ยังไงถ้าช้าไปบ้างก็ขออภัยนะคะ

ข่าวคราวเรื่องล่าสุดเถ้าแก่ปี (ถ้ายังจำได้) เพิ่งโดนปฏิเสธมาจาก สนพ หนึ่ง เพราะเขาบอกว่านิยายเนื้อเรื่องดี สำนวนดี แต่มันหนักเกินไป ตอนนี้เลยส่งไปอีก สนพ ค่ะ รอผลอยู่

เจอกันตอนหน้านะคะ



น้ำแอปเปิ้ล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 พ.ย. 2557, 19:27:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 พ.ย. 2557, 19:32:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 2194





<< ---- (1) ----   ---- (3) ---- >>
ใบบัวน่ารัก 22 พ.ย. 2557, 19:48:55 น.
อ่านแล้วก็ยัง งง
อะคะ


คิมหันตุ์ 23 พ.ย. 2557, 00:11:55 น.
ให้นิยายผ่านไวไวนะคะ


konhin 23 พ.ย. 2557, 00:36:27 น.
ตบตี!!!! แรงนะ พลั้งมือหรือว่าโดนยั่วยุ หรือว่าป้องกันตัว?? มีเรื่องกันแน่ๆ แต่ว่าเพราะใครกัน


ribbin 23 พ.ย. 2557, 17:50:59 น.
งงแฮะ คนที่รักกันมาก มีเหตุผลอะไรมีเหตุผลอะไรที่ทำร้ายกัน
รออ่านรายละเอียดในตอนต่อไปค่ะ


Zephyr 23 พ.ย. 2557, 21:23:44 น.
เมารึป่าวคะ แล้วเหตุผฃที่ทำงั้น
แต่อาหลานคู่นั้นก็แปลกๆนะ


RdoubleC 26 พ.ย. 2557, 11:47:25 น.
ตามมาอ่านค้าาาา ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account