ซีรีส์บุปผาสันนิวาส Flower of love<<<รอยฝันกุหลาบนางฟ้า>>>
สร้อยเส้นนี้สำคัญมากขนาดไหน คำตอบที่มีให้ ก็คงบอกได้ว่า เท่ากับภาพวาดสีน้ำรูปดอกไม้รูปนั้น และคงไม่มีใครรู้ซึ้งเท่าพวกเขาและเธอ ความรัก ความลับ ความหลัง คำสัญญาในอดีต ที่ผูกพันเธอและพวกเขาไว้ด้วยกัน ถูกกักเก็บไว้ในสร้อยสำคัญที่หายไป และภาพวาดภาพนั้น ที่ส่งผลทำให้...
เธอรอ...มาตลอด โดยที่ไม่รู้ว่าต้องรอใคร
ส่วนเขาทั้งคู่ ตามหา...มายาวนาน โดยที่ไม่รู้ว่าต้องตามหาใคร
ฉะนั้นเพื่อเปิดเผยคำถามในหัวใจที่ค้างคา ภารกิจค้นหาชิ้นส่วนสำคัญของสร้อยที่หายไป และเพื่อไขความลับในภาพวาดที่ถูกเก็บไว้ จึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางความอลหม่านของหัวใจสามดวง
เมื่อหนึ่งชายนั้น คืออดีตรักที่เธอไม่เคยลืม แม้เขาจะทำให้หัวใจเธอบอบช้ำก็ตามที
และอีกหนึ่งคน ที่เพิ่มเติมเข้ามาเพราะความจำเป็น ทว่ากลับผูกพันกับเธอลึกซึ้ง ยิ่งกว่าชายใด!

Tags: ตำนานดอกไม้,นิรันดร์-จิรัสยา,จิรัสยา,ทานตะวัน,กรรณิการ์,พิสูจน์รักทานตะวัน,รอยฝันกุหลาบนางฟ้า,กรรณิการ์มนตรารัก

ตอน: บทที่ 4 พันธนาการ 1.2


‘นั่นแน่ะพิกุล แอบไปซนที่ไหนมา’

เสียงเรียกแว่วหวาน เจือความอ่อนโยน และเอื้อเอ็นดูดังขึ้น เมื่อสาวน้อยอายุสิบห้าปี เปิดประตูบานใหญ่ แล้วก้าวผ่านธรณีประตูห้องนอนเข้าไป ห้องนั้นกว้างโล่งเพราะหน้าต่างบานสูงเปิดกว้างรับลม

ส่วนเจ้าของห้อง นั่งอยู่บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ขวามือเป็นเตียงไม้สี่เสา กับเครื่องนอนสีขาว บนต้นเสาระหว่างเตียงนอนและโต๊ะเครื่องแป้ง มีนาฬิกาเรือนใหญ่สีดำติดไว้กับเสาต้นใหญ่ ผมสีน้ำตาลแก่ปล่อยยาวสยาย และเครื่องประดับเดียวที่คุณพี่ของเธอสวมติดตัวตลอด ก็คือสร้อยคอล้อมจั่นมะพร้าวนพเก้าเส้นยาว

‘ฉันไปเก็บดอกพิกุลกับปรุง มาให้คุณพี่ร้อยมาลัยถวายพระกับรัดผมไงคะ ปรุงบอกว่าคุณพี่จะได้หายป่วยไวๆ เดี๋ยวนี้คุณพี่ไม่ค่อยออกไปไหนเลย อยู่แต่ในห้อง’

เด็กสาวในชุดผ้าถุงเสื้อคอบัวสีขาวรายงาน ยามเดินผ่านตู้ไม้สักแกะสลัก ซึ่งใช้เก็บเสื้อผ้าที่ตั้งอยู่กึ่งกลางห้อง เข้าไป ก่อนวางทางมะพร้าวที่เหลาแล้วกำใหญ่ กับต้นหญ้ายาวๆ สองสามต้น และตะกร้าเล็กๆ ที่เก็บดอกพิกุลมาเต็ม ไว้บนโต๊ะเครื่องแป้งที่เจ้าของห้องนั่งอยู่

‘ขอบใจนะจ๊ะ’

ดวงหน้าจิ้มลิ้มพริ้มเพรา ในกรอบผมบ๊อบสั้นสีน้ำตาลจนเกือบดำยิ้มรับ เด็กสาวคุกเข่าลงกับพื้น เกาะท่อนขาใต้ผ้าซิ่นของพี่สาวคนละแม่อย่างประจบ ก่อนที่มือบอบบางอบอุ่นของ‘กุหลาบ’จะลูบเบาๆ บนกลุ่มผมนุ่มของตน พิกุลรักผู้หญิงคนนี้เหมือนแม่ เพราะเป็นคนที่เลี้ยงเธอมา และยังเป็นพี่สาวเพียงคนเดียวของเธอ

คุณกุหลาบอายุสามสิบปลายๆ แล้ว ผมยาวสลวยเริ่มมีหงอกประปราย ดวงหน้าหวานที่พิกุลจำได้ขึ้นใจ ยังคงสวยไม่สร่างซา ทว่า...ที่เธอแปลกใจอยู่เสมอ ก็คือทำไมดวงตาคู่สวยทอประกายอบอุ่น ยามทอดมองใครๆ ถึงได้ดูเศร้านัก แต่สาวน้อยได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ ไม่กล้าถามว่าทำไม

‘คุณพี่น้อยคะ เมื่อวานท่านชายรับสั่งกับฉัน ว่าจะเด็จมาเยี่ยมวันนี้ตอนสายๆ คุณพี่อาการดีพอจะออกไปรับท่านมั้ยคะ เมื่อวานท่านเป็นห่วง รับสั่งอีกว่าคุณพี่น้อยดื้อไม่ยอมไปหาหมอ’

‘นี่ พิกุลปีนี้อายุเท่าไรแล้ว สิบห้าปีได้แล้วใช่มั้ย’

คุณกุหลาบไม่ได้ตอบในคำถามของเธอ แต่กลับหันมาถามเรื่องใหม่เสีย พอเด็กสาวรับคำอ้อมแอ้ม สาวใหญ่ก็ยิ้ม จับมือเธอแตะที่สายสร้อยที่ตนเองสวม มันเป็นสร้อยเส้นยาว ที่แยกออกได้เป็นสร้อยข้อมือถึงเจ็ดชิ้น และถ้าจะใส่เป็นสร้อยคอก็แยกได้ถึงสามเส้นด้วยกัน เมื่อก่อนคุณกุหลาบเคยเอามาแยกให้เธอดูบ่อยๆ เธอเลยจำได้

‘ถ้าพี่ตาย พิกุลเก็บสร้อยเส้นนี้ไว้นะ พี่ให้พิกุล’

‘คุณพี่’ เด็กสาวพ้อนัยน์ตาส่อแววหวาดหวั่น

‘พี่แค่พูดเผื่อไว้สักวันคนเราก็ต้องตาย แล้วพี่ก็แก่กว่าพิกุล ยังไงพี่ก็ต้องตายก่อนซิ’ พอพิกุลรับคำ คุณกุหลาบก็ดูจะพอใจ ก่อนจะสั่งเธอพร้อมรอยยิ้ม ‘เอาละ ครู่นี้เจ้าคุณพ่อท่านให้หาแน่ะ ไปเถอะ พี่เองว่าจะเอนหลังหน่อย’

สาวน้อยรับคำก่อนก้าวออกจากห้อง คุณกุหลาบในตอนนั้นเธอก้าวขึ้นเตียงแล้ว ก่อนที่พิกุลจะงับประตูปิดลง และใครจะรู้ ว่าเมื่อ‘ท่านชายหนึ่ง’ หรือ‘หม่อมเจ้านิธาน’เสด็จมาถึง และพิกุล ซึ่งเป็นคนที่เข้ามาตามพี่สาว จะได้พบว่า...คุณกุหลาบนอนนิ่งบนเตียงสี่เสา มือยังกุมสร้อยเส้นที่เธอหวงแหนไว้เช่นเคย

ใบหน้ายามหลับของเธอมีรอยยิ้มแต้ม ทว่ากลับเผือดซีดไร้สีเลือด ราวกับจะยืนยัน...ว่าลมหายใจได้หมดลง!

พิกุลดึงตัวเองออกมาจากภวังค์ ใบหน้ายังเต็มไปด้วยรอยครุ่นคิดและกังวล เมื่อนึกถึงรอยช้ำที่ต้นแขนของหลานสาว เพราะถึงแม้อยากจะคิดว่านั่นเป็นเพราะตอนล้มจิรัสยาอาจจะกระแทกเข้ากับอะไรก็ได้ ทว่า...ด้วยความที่รอยช้ำนั่นมันออกจะเหมือนรอยมือที่กำยึดไว้แน่น พิกุลก็อดคิดไม่ได้ว่า

มัน...คล้ายๆ รอยพรายย้ำ !

หญิงชราซึ่งตอนนี้เปลี่ยนไปสวมเสื้อคอกระเช้ากับผ้าถุง อันเป็นชุดนอนประจำ ครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง ในระหว่างที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวที่อยู่ในโถงชั้นล่างของตัวบ้านที่สวนพิกุลสาขาสอง ก่อนจะค่อยๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกช้าๆ เมื่อให้เจ็บแปลบๆ ที่หน้าอกด้านซ้าย จนต้องยกมือขึ้นนวด

กระนั้นก็ยังไม่วายที่จะโยงเรื่องรอยช้ำของหลานสาวไปผูกเข้ากับคำสาปที่เคยได้ฟังมานับแต่ยังเด็ก และมันเป็นเพราะเหตุผลนี้เอง พิกุลถึงอยากเร่งให้หลานสาวทั้งสามแต่งงานหลังจากครุ่นคิดมานาน ซึ่งพอนึกมาแล้วก็ยังอดจะขนลุกไม่ได้ เพราะคำทำนายนั่นน่ากลัวเหลือเกิน

ซึ่งอันที่จริงจะว่าเป็นอาถรรพณ์หรือคำสาป พิกุลก็ไม่แน่ใจนัก แต่ว่านี่เป็นเรื่องที่เจ้าคุณพ่อท่านเคยเตือนไว้ ย้ำว่าอย่าลืมโดยเด็ดขาด ท่านว่าแม่ของเธอ และคุณหญิง พี่สาวของแม่ย้ำนักย้ำหนา แม้เวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตามที

มันเป็นคำทำนายในตระกูลมาช้านาน...คำทำนายที่ว่า

‘คราใดที่ดอกไม้บุญ แห่งรุ่งอรุณ ทิวา และราตรีกาล ถือกำเนิดขึ้นในวารเดียวกัน มวลผกานั้น จักมีชาตาต้องในตำนานเล่าขาน หนึ่งมั่นคง หนึ่งรอคอย หนึ่งถอยหนี ตราบจนนับสํวจฺฉรได้ยี่สิบห้า จงจดจำไว้ให้ดี

อสูรภูตร้ายและกรรมเก่าจักตามมา เจ้ากรรมผูกแค้นจักบันดาลเภทภัย ให้บังเกิดแก่มวลบุปผา ปุริสและอิตฺถีผู้เลยวัยจักปลอดภัย ภูตร้ายจะมุ่งหมายที่บุปผาเบญจเพสวัย และเมื่อนั้นมาลาทั้งสามจักร่วงจากก้านใบก่อนวันอันควร ด้วยเปลวไฟแห่งแค้นจะลามเลีย กลืนกินความสดใสจนสิ้นสูญ

แต่ใช่จะไม่มีทางแก้ แม้เภทภัยนั้นร้ายแรงเพียงใด ก็มิอาจสู้พลังแห่งเทวาได้ และมีเพียงพลังแห่งเทพเท่านั้น ที่จะปกป้องคุ้มครองให้พ้นภัย’

คิดๆ มาแล้ว หญิงชราก็ให้หวั่นใจ เพราะเค้าลางของคำทำนายอย่างน้อยตอนนี้ก็เป็นจริงหนึ่งอย่างแล้ว นั่นคือการเกิดของหลานสาวทั้งสามคนที่ตรงกับคำทำนาย ด้วยความที่เวลาใกล้เข้ามาจนเหลืออีกเพียงหนึ่งปีที่ทั้งสามสาวจะอายุครบยี่สิบห้า พิกุลเลยตีความไปในนัยที่ว่า หากตนปลอดภัยและลูกชายทั้งสามปลอดภัย ก็เห็นจะเป็นเพราะมีอายุมากแล้ว ที่สำคัญต่างก็มีครอบครัวกันหมด ดังนั้นหากหลานสาวแต่งงานเสียทั้งหมด ก็อาจจะช่วยได้

แต่สุดท้ายหญิงชราก็อยากจะให้คำทำนายนั้นเป็นเรื่องไร้สาระ อย่าได้เป็นเรื่องจริงเลย

พิกุลถอนหายใจเปิดปากถุงออกดู สายสร้อยที่คุณพี่ของเธอรักมากซึ่งเก็บไว้ติดตัวไม่ห่างเลย และตอนนี้เธอก็อยากจะให้มันกับจิรัสยา เพื่ออย่างน้อยหากคุณพี่กุหลาบยังไม่ได้ไปเกิด หญิงสูงวัยก็อยากให้คุณพี่ของเธอ ช่วยปกป้องหลานจากภยันตรายที่จะกล้ำกลายเข้ามา

และที่สำคัญ ถ้าหากว่าจิรัสยาคือคุณพี่น้อยที่กลับมาเกิด เธอก็อยากให้ของสำคัญได้กลับไปอยู่กับเจ้าของ

นึกๆ มาถึงตรงนี้ หญิงสูงวัยก็รู้สึกผิด ที่รักษาของสำคัญที่คุณกุหลาบฝากฝังไว้ไม่ได้ ด้วยว่าหลังคุณกุหลาบเสียได้ห้าหกปี พิกุลก็แต่งงานคุณเกื้อ ลูกของเพื่อนเจ้าคุณพ่อ แต่เพราะเจ้าคุณพ่อเริ่มป่วยกระเสาะกระแสะ และเหลือเธอเป็นลูกไว้คอยฝากฝีฝากไข้คนเดียว คุณเกื้อเลยตัดสินใจที่จะอยู่ที่เรือนนี้ แทนการไปอยู่บ้านของตน

แต่เพราะบ้านที่สระบุรีนี้อยู่ไกลจากชุมชน จึงทำให้ครั้งหนึ่งโดนโจรปล้น แม้ทรัพย์สินในบ้านจะถูกขโมยไปไม่มากนัก คนในบ้านเองก็ไม่มีใครเป็นอะไร เพราะคุณเกื้อกับตำรวจมาช่วยทัน

ทว่าน่าเสียดายที่สร้อยของคุณพี่ของเธอถูกขโมยไป เหตุเพราะพิกุลสวมติดตัวตลอดเวลา ในตอนนั้นเธอแยกสร้อยเป็นสายสร้อยสำหรับห้อยคอ กับสร้อยแขน พวกโจรเห็นใกล้มือเลยฉวยเอาไป คงเหลือเพียงสร้อยข้อมือที่พวกมันไม่ทันได้ฉกฉวยเอาไปจากเธอก็เท่านั้น






จิรัสยาเป็นผู้หญิง...แปลก

โครนอสอธิบายไม่ได้ว่าทำไมถึงรู้สึกแบบนั้น แต่ส่วนหนึ่งคงเพราะเธอบังเอิญเหมือนกันกับผู้หญิงที่เขาฝันเห็นบ่อยๆ ซึ่งเป็นสาเหตุต้นๆ ที่ทำให้เขาเกิดสนใจเธอขึ้นมา

แต่ที่น่าสนใจมากยิ่งกว่านั้น คือ...ความเป็นตัวเองของเธอต่างหาก

แรกเห็นตอนที่เธอนั่งอยู่ที่ท่าน้ำของวัดตามลำพัง เขารู้สึกเหมือนเธอเป็นเด็กๆ ดูเธอสดใส บริสุทธิ์และสะอาด เหมือนผ้าขาวผืนหนึ่ง แต่พอได้พูดคุย ก็เหมือนเธอจะไว้ตัวนิดๆ ท่าทางราวกับราชินีก็ไม่ปาน แต่มันก็ขัดกันกับความห่วงใยอ่อนโยน ซึ่งเธอแสดงออกต่อย่าของเธอและยายของเขา

และอย่างสุดท้าย เธอทำให้เขาอยากรู้ ในตอนที่เธอเดินหนีเขาไป ว่าทำไมตาของเธอถึงดูเศร้านัก มันดูคล้ายๆ คนระทมทนทุกข์มานานหนักหนา คล้ายว่าแบกรับความเศร้าไว้เต็มหัวใจเลยทีเดียว

ที่สำคัญ เขาสัมผัสได้ถึงกำแพงบางๆ ที่เธอสร้างขึ้นมา โครนอสเลยอยากรู้นักว่าหลังกำแพงนั้น จิรัสยาซุกซ่อนอะไรไว้ ถ้าให้เทียบเขาว่าเธอเหมือนหนังสือสักเล่มที่ยังจัดหมวดหมู่ไม่ได้ ว่าควรอยู่ในแนวไหน จากการดูปก และอ่านเพียงคำโปรยคร่าวๆ ดังนั้นเพื่อการจำแนกโครนอสจึงสนใจเต็มที่ ที่จะเปิดอ่านทุกตัวอักษรในหนังสือเล่มนั้น

ซึ่งนั่นคือข้อสรุปของเขาที่มีต่อเธอในขณะนี้

เกือบห้าทุ่มชายหนุ่มก็พาผู้เป็นยายกลับมาถึงบ้าน โครนอสให้คนขับรถขับรถตัวเองกลับมาก่อน ส่วนตัวเขารับหน้าที่เป็นพลขับรถตู้บริการสามสาวเอง และหลังจากจิรัสยาเดินกลับไปศาลาการเปรียญ เขาก็ยังไม่มีโอกาสได้คุยกับเธอ ซึ่งทำตัวติดย่าของตัวเองแจ

ในขณะที่พอรู้ว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับหลานสาว พิกุลเองก็มีสีหน้าไม่สบายใจเหมือนวิตกกังวลเกินกว่าเหตุ โดยเฉพาะตอนที่เขาบอกถึงรอยช้ำที่แขนของจิรัสยา และหญิงสูงวัยได้เห็น แต่แรกชายหนุ่มอยากจะถามเหมือนกันแต่พอรู้ว่าอะไรควรไม่ควรเลยเงียบเสีย หันไปเสนอให้จิรัสยาไปตรวจร่างกายที่คลินิกของคนรู้จักกันเพื่อความสบายใจ ก่อนจะพาสองย่าหลานและยายของตัวเองไปทานอาหารค่ำ จัดแจงไปส่งอีกฝ่ายถึงที่พัก แล้วจึงได้กลับมาบ้านของตนเอง

และพอขับรถเข้าไปจอดในโรงรถข้างตัวบ้าน น้ำฝนและสามีก็มายืนรออยู่ก่อนแล้ว และเมื่อมิตรจัดการรับเอากุญแจรถไปเก็บ และช่วยน้ำฝนหิ้วของฝากเข้าบ้าน หลังรายงานว่าพ่อแม่ของเขายังไม่กลับ โครนอสก็เลยชวนผู้เป็นยายเดินเล่นในสวนหย่อมหน้าบ้านนั่นเอง เพื่อจะบอกความตั้งใจของตน

“เหนื่อยมั้ยครับวันนี้ ตะลอนๆ กันไปทั้งวันเลย”

บัวรินยิ้มน้อยๆ เงยหน้าขึ้นมองหลานชาย หลังหยุดยืนกันอยู่ที่หน้าน้ำพุ

“ไม่หรอกลูก ว่าแต่เราเถอะ มีอะไรจะพูดกับยายใช่มั้ย”

ผู้เป็นยายเอ่ยถามยิ้มๆ ในขณะที่โครนอสนิ่งไปพักแล้วก็ยิ้มเขินๆ พลางโคลงศีรษะ เพราะผู้เป็นยายรู้ทัน “ครับก็เรื่องคุณจาว คือ...” ชายหนุ่มอึกอึก เพราะไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ก่อนจะตัดสินใจพูดตรงๆ “คุณยาย คุณยายจำได้มั้ยว่าผมเคยฝันถึงผู้หญิงคนหนึ่ง แล้วเอ้อ...ผมเรียกเธอว่ากุหลาบ”

บัวรินพยักหน้ารับ ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อนึกรู้ “คุณจาว...เธอเหมือนกับผู้หญิงคนนั้นที่ผมฝันถึง ไม่ใช่คล้าย แต่...จะว่ายังไงดี เหมือนว่าจะเป็นคนคนเดียวกันกับกุหลาบด้วยซ้ำ พอได้คุยกัน ผมก็รู้สึกเหมือนเธอ...เธอ”

“เอาละ...ตกลงครอสรู้สึกโอเคกับหนูจาวใช่ไหม”

ชายหนุ่มนิ่งไปพักก่อนบอกเบาๆ

“คือ ก็ดูเป็นคนที่น่าสนใจดีครับ แล้วก็อยากลองทำความรู้จัก กับผู้หญิงคนนี้ให้มากกว่านี้ครับ” ว่าแล้วใบหน้าคมคายก็เหมือนจะซับสีเรื่อนิดๆ ส่วนบัวรินอดค้อนให้พ่อจอมท่ามากไม่ได้ แต่กระนั้นก็ยังพยักหน้าท่าทางพออกพอใจ พึมพำยิ้มๆ กับหลานชายคนเดียว ที่ค่อยพยุงพากันเดินกลับเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ว่า

“อืม ข่าวดีนะ...ข่าวดีจริงๆ”





===========================================================>>>>>>

ดีค้า พายายจาวมาส่งแว้วค้าาาาาาาาาาาาาาา อ๊ะๆๆ ห้ามทวงยายแอนเก๊านะ 555+ ยายแอนลงพรุ่งนี้จิน่า อิๆ

คุณนักอ่านเหนียวหนึบ กราบท่านผู้มีอุปการะคุณ ฮือๆๆๆๆ ซาบซึ้ง ตอนนี้กำลังกลัวยายจาวไม่รอด เพราะไม่มีคนอ่านค้า 555+
คุณพันธ์แตงกวา เจ่เจ้ รักแรกฝังใจเสมอ นี่บอกเลย เอามาจากประสบการณ์จริง (หราาาาาาาาาาาาาา มโนจริงนะ่ไม่ว่า) 555+ คิดว่ารักแรกลืมยากเจ่เจ้ พีพีทดันเป็นรักแรกอีก รักมากด้วยงานเข้าเลย โถ ครอสจุงของเจ่เจ้ จะรอดม้ายยยยยยยยยยยยย 555+
คุณแว่นใส หุๆ ไม่บ้อก ไม่บอก อุบๆๆๆ 555+ เดี๋ยวมีเฉลยค่ะ อิๆ
คุณบุลินทร หมี้ริน พี่หนอนจงใจเลยละ วะฮะฮ่า จบเรื่องนี้พี่หนอนคิดว่า พี่หนอนคงได้โดนรุมสะกรัมแน่ TT^TT เอ หรืออาจะไม่ เอ๊ะ หรือว่าใช่ 555+ ไม่ต้องมาหลอกถามย่ะไม่หลงกล ว่าแล้ว เอาวารี่มาลงให้เวยเลยไอ้น้อง ป้ารอยู้

และคุณๆรีดเดอร์นะค้า ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาคุย มากดคะแนนให้นะค้า ขอบคุณมากๆๆค่า

เจอกันตอนหน้าวันพฤหัสนะจ๊ะ คืนนี้บ๊ายบายฝันดี ราตรีสวัสดิ์ค้า ^^



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 พ.ย. 2557, 18:17:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 พ.ย. 2557, 18:17:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1849





<< บทที่ 3 บุพกรรม ๒ 2.2   บทที่ 4 พันธนาการ 2.2 >>
นักอ่านเหนียวหนึบ 25 พ.ย. 2557, 19:57:23 น.
ไฮ้ มาอ่านอีกรอบ แปลว่าคุณกุหลาบรักคุณชายสองช้ะ กรี้ดดดด โครนอสเค้ามีสิทธิ์แล้ววววววช้ะ ติ่งมาเองงง


บุลินทร 25 พ.ย. 2557, 22:17:23 น.
คุณย่าพิกุลสมัยเด็กท่าทางจะแสบนะเนี่ย คุณพี่กุหลาบถึงดักว่าไปซนที่ไหนมา / ดูแล้วท่าทางครอสเต็มไปถูกจับคลุมถุงชน ส่วนจาวก็่น่าจะไม่มปัญหา ติดแต่รักแรกฝังใจนั่นแหละ


แว่นใส 25 พ.ย. 2557, 22:55:18 น.
นายพีทยังไม่โผล่เลย


พันธุ์แตงกวา 26 พ.ย. 2557, 02:01:07 น.
พู่นน่ะ มีรักล่งรักแรก^^
รอยพรายย้ำนี่มีเงื่อนงำน่าสงสัย
จูจุ๊บครอส จูจุ๊บ


Zephyr 26 พ.ย. 2557, 09:55:36 น.
เอิ่มอ่านรอบนี้เหมือนพี่พีทเป็นท่านชายหนึ่ง
นายครอสเป็นท่านชายสอง
ยำรวมๆกะเรื่องตอนแรก ที่ลง
กุหลาบรักท่านสองสินะ ไม่ยอมแต่งท่านหนึ่ง
ตายก่อน ท่านหนึ่งตายตาม
ท่านสองละ ไปไหน
ไหงมาเกิดยกเซทแบบนี้ ลงยาวๆ หน่อยน้า
เอ รึ ลงจบเรื่องเลยก็ได้ ไม่ถือๆๆ


agentaja 26 พ.ย. 2557, 10:52:47 น.
เค้ามาตามเก็บชุดรีรัน เอ๊ยมะใช่ รีไรดีล่ะ
เค้าเดาว่าอีตาครอสเนี่ยเป็นคนที่มาพากษ์ มาคุยกะจาวอ่ะ แต่ใครจะได้เป็นพระเอกกันแน่เพราะพระเอกมักไม่ใช่คนดี แต่แอบเชียร์ครอสอยู่อ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account