ซีรีส์บุปผาสันนิวาส Flower of love<<<รอยฝันกุหลาบนางฟ้า>>>
สร้อยเส้นนี้สำคัญมากขนาดไหน คำตอบที่มีให้ ก็คงบอกได้ว่า เท่ากับภาพวาดสีน้ำรูปดอกไม้รูปนั้น และคงไม่มีใครรู้ซึ้งเท่าพวกเขาและเธอ ความรัก ความลับ ความหลัง คำสัญญาในอดีต ที่ผูกพันเธอและพวกเขาไว้ด้วยกัน ถูกกักเก็บไว้ในสร้อยสำคัญที่หายไป และภาพวาดภาพนั้น ที่ส่งผลทำให้...
เธอรอ...มาตลอด โดยที่ไม่รู้ว่าต้องรอใคร
ส่วนเขาทั้งคู่ ตามหา...มายาวนาน โดยที่ไม่รู้ว่าต้องตามหาใคร
ฉะนั้นเพื่อเปิดเผยคำถามในหัวใจที่ค้างคา ภารกิจค้นหาชิ้นส่วนสำคัญของสร้อยที่หายไป และเพื่อไขความลับในภาพวาดที่ถูกเก็บไว้ จึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางความอลหม่านของหัวใจสามดวง
เมื่อหนึ่งชายนั้น คืออดีตรักที่เธอไม่เคยลืม แม้เขาจะทำให้หัวใจเธอบอบช้ำก็ตามที
และอีกหนึ่งคน ที่เพิ่มเติมเข้ามาเพราะความจำเป็น ทว่ากลับผูกพันกับเธอลึกซึ้ง ยิ่งกว่าชายใด!

Tags: ตำนานดอกไม้,นิรันดร์-จิรัสยา,จิรัสยา,ทานตะวัน,กรรณิการ์,พิสูจน์รักทานตะวัน,รอยฝันกุหลาบนางฟ้า,กรรณิการ์มนตรารัก

ตอน: บทที่ 4 พันธนาการ 2.2

‘เป็นห่วง’ มันเป็นคำสั้นๆ สองคำ ที่เหมือนจะติดอยู่ในหัวใจ และแม้จิรัสยาพยายามจะสลัดมันทิ้งไปแค่ไหน เธอกลับทำไม่ได้ เขา...โครนอสพูดคำนี้ออกมา หลังจากเสนอให้เธอไปให้หมอตรวจก่อนกลับบ้าน แต่เธอปฏิเสธ และพอได้ฟังจิรัสยากลับตกลงง่ายๆ เพียงเพราะ...สัมผัสได้ถึงความห่วงใยจริงจัง ในคำนั้น

เธอถอนหายใจ ยามที่นั่งห้อยเท้าอยู่บนระเบียงหน้าบ้านไม้หลังน้อยสีน้ำตาลสองชั้นหลัง ที่หันหน้าเข้าหาสระน้ำเล็กๆ ซึ่งปลูกบัวทางทิศตะวันออก รอบๆ ด้านล้อมไปด้วยกำแพงไม้ยืนต้นให้ดอก จำพวกหางนกยูง เหลืองปรีดียาธร ตาเบบูญ่า และคูณซึ่งปลูกสลับกัน ยาวไปจนจรดแนวกำแพง เฉียงเป็นรูปสามเหลี่ยม กั้นบริเวณสวนกับบ้านพักของเจ้านาย และเรือนคนงานที่อยู่ตรงข้าม ได้เป็นอย่างดี

จิรัสยามองเหม่อขึ้นไปบนฟ้า ดวงจันทร์กลมโตดวงใหญ่ทอแสงนวลๆ และน่าจะทำให้คนมองเย็นตาเย็นใจ ทว่า...วันนี้กลับไม่เป็นเช่นนั้น ด้วยใบหน้าของคู่ดูตัวจำเป็นของเธอ ที่คล้ายกับนิพิฐเหลือเกิน มันรบกวนเธอตลอดเวลา

โครนอสมากระตุ้นความรู้สึกของเธอที่มีต่ออดีตคนรัก ซึ่งเธอกดมันไว้ที่ลึกสุดให้พลุ่งขึ้นมา พร้อมกับที่สัญชาตญาณในตัวบอกว่า เธอไม่ควรเข้าใกล้เขาอีก...ไม่ว่าจะกรณีใด เพราะเหตุการณ์เมื่อกลางวัน เตือนเธอลึกๆ อยู่ในใจว่า โครนอสจะเปลี่ยน‘เธอ’ ให้เป็น‘เธอ’ ที่ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป!

จิรัสยาไม่เคยต้องการ การเปลี่ยนแปลง เพราะพอใจแล้ว...กับทุกอย่างที่เป็นอยู่นี้ ด้วยพอจะกำหนดอนาคตตัวเองได้ว่า จะเป็นสุขหรือทุกข์ แต่ถ้าหากทุกอย่างต้องเปลี่ยนไป หญิงสาวก็กลัวด้วยไม่รู้เลยว่าในอนาคตนั้น สุขหรือทุกข์ที่มากกว่าจะรออยู่ หากว่า...เธอยอมให้โครนอสก้าวเข้ามา

ฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุด เพื่อเป็นการป้องกัน จึงได้ข้อสรุปว่า...อย่าให้เขาก้าวเข้ามาได้โดยเด็ดขาด!

“เป็นยังไงบ้างยายจาว ทำไมป่านนี้ยังไม่หลับไม่นอน”

จิรัสยาสะดุ้งน้อยๆ หลังได้ยินเสียงเรียกจากผู้เป็นย่า หญิงสาวหันกลับไปมอง ก่อนจะส่งยิ้มให้พิกุลที่กำลังเลื่อนปิดประตูกระจก หลังออกมายังระเบียงหน้าบ้านที่เธอนั่งอยู่

“ยังไม่ง่วงเลยค่ะ แล้วคุณย่าล่ะคะ”

“เป็นห่วงเรานั่นแหละ”

ผู้เป็นย่าทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ตัวยาวริมระเบียง ใกล้ๆ กับจุดที่จิรัสยานั่งอยู่ตรงข้ามกับกระถางต้นแก้วส่งกลิ่นหอม ที่ตั้งอยู่อีกมุม ก่อนที่หลานสาวจะดึงขาขึ้นมานั่งพับเพียบ ขยับเข้าใกล้พลางซบหน้าลงกับตักท่าทางออดอ้อน หญิงชรามองหลานสาวอย่างอ่อนใจ พิกุลวางมือลงบนศีรษะทุย ก่อนลูบกลุ่มผมนุ่มเบาๆ

“จาว ย่าขอถามสักเรื่องได้มั้ยลูก วันนี้...เป็นยังไงบ้าง กับพี่เขาน่ะ”

พอหลานสาวเกยคางกับต้นขา มองมาตาใส ก็ทำให้หญิงชราอดยิ้มอย่างเอ็นดูไม่ได้

“ก็...ไม่รู้สิคะ” จิรัสยาพึมพำ เอียงแก้มซบกับตักตามเดิม

“เขาก็ดูเป็นผู้ใหญ่ดีนี่คะ”

“แค่นั้น” พิกุลก้มลงมองเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจนัก และจิรัสยาก็เงยหน้าขึ้นยิ้ม

“ค่ะแค่นั้น”

หญิงสาวทำเป็นซบหน้าลงกับตักย่า เพื่อหลบสายตาที่มองจ้อง และที่สำคัญกลัวว่าหญิงสูงวัยจะเห็นแววหวั่นไหวในดวงตา จิรัสยาได้ยินเสียงผู้เป็นย่าถอนหายใจก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกครั้งเมื่อพิกุลร้องเรียก แล้วเธอก็เพิ่งสังเกตเห็นถุงกำมะหยี่สีเลือดนก ในมือของผู้เป็นย่า

พิกุลเปิดปากถุง และหยิบของในนั้นออกมา มันเป็นสายสร้อยข้อมือประดับพลอย เป็นงานเก่าดูสวยแปลกตา เนื้อทองสุกปลั่ง แต่ไม่ใช่เหลืองอร่ามอย่างทองสมัยปัจจุบัน พลอยมงคลที่ประดับเองก็ดูน้ำดี บ่งบอกว่าราคาคงสูงน่าดู

“อันนี้ถือว่าย่าให้เป็นของขวัญวันเกิดนะลูกนะ สร้อยนพเก้านี่ให้ใส่ติดตัวไว้ จะได้มีโชคมีลาภ ปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง นี่ของเก่านะลูก สร้อยล้อมจั่นมะพร้าวฝีมืองามๆ แบบนี้ละหายากแล้ว ยิ่งพลอยนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง น้ำงามๆ แบบนี้ สมัยนี้คงไม่มีอีกแล้ว”

“คุณย่า มันแพงไปนะคะ จาวเองไม่ค่อยระวัง”

พิกุลพอได้ฟังก็ค้อนขวับ “ย่าพอใจจะให้มีอะไรอีกมั้ย ส่วนยายกรรณกับยายวันอย่าห่วงเลย ย่ามีของให้เขาเหมือนกัน ไม่ต้องห่วงหรอก ปีนี้จะให้ไอ้พวกนี้ละ ย่ามันจน ได้ค้นของเก่ามาให้เป็นของขวัญวันเกิดหลาน กลัวก็แต่หลานเขาจะไม่เอาน่ะซี้ บอกว่าของเก่า ลายเก่าไม่ทันสมัย มา...อย่าโยกโย้ยายจาว มาใกล้ๆ ย่าจะใส่ให้”

จิรัสยาอมยิ้มกับคำประชดแล้วก้มกราบกับตัก พิกุลยื่นมือรับไหว้มือหนึ่ง ส่วนอีกมือลูบกลุ่มผมนุ่มสลวย หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนกอดผู้เป็นย่าและหอมแก้ม หลังพิกุลใส่สร้อยให้ที่ข้อมือเล็ก

“ที่จริง มันเคยเป็นของคุณย่าน้อย เธอรักของเธอมาก เห็นว่ามันเป็นของท่านชายคู่หมั้นของเธอ ประทานมาให้เป็นของหมั้น ก่อนเสียเธอได้ให้ย่าไว้ ย่าก็จะให้จาวต่อ แต่น่าเสียดาย เมื่อก่อนมันเป็นสายสร้อยเส้นยาวลูก แบ่งเป็นสร้อยข้อมือได้เจ็ดเส้นแน่ะ แต่มันถูกขโมยไป ต่อไปนี้ย่าจะให้จาว จาวก็รักษาไว้ให้ดีๆ อย่าให้หายนะลูก”

จิรัสยายิ้ม ‘คุณย่าน้อย’ที่ย่าของเธอพูดถึง จิรัสยารู้แค่ว่าเป็นพี่สาวคนละแม่ของพิกุล มีชื่อเต็มๆ ว่า‘คุณกุหลาบ’ ด้วยเพราะคนเก่าๆ ญาติๆ เองที่อายุอานามเท่ากันกับผู้เป็นย่า มักบอกว่าเธอหน้าตาคล้ายอย่างกับแกะ

และเมื่อเธอเห็นรูปของคุณย่าน้อยชัดๆ เธอก็คิดว่าใช่ จิรัสยายังจำได้ เมื่อแรกเห็น ตอนที่เธออายุแค่สิบสี่ปี







ตอนนั้นเป็นช่วงเปิดเทอม บ้านสวนจึงดูเงียบเหงา ด้วยกรรณิการ์กับทานตะวันที่เรียนอยู่คนละโรงเรียนกับจิรัสยา ไม่ค่อยได้มาบ้านสวนบ่อยนัก และในเวลากลางวันพอพ่อแม่ของเธอไปดูแลสวนพิกุลสาขาหนึ่ง ที่บ้านสวนก็จะเหลือแค่ พิกุล จิรัสยา ปรุงและคนช่วยงานอีกสองสามคน

มันเป็นวันอาทิตย์ที่สดใส แสงแดดส่องสว่างไปทั่ว ลมเย็นๆ พัดมาเป็นระยะๆ มีเสียงนกร้องจุ๊บจิ๊บดังเคล้าคลอไปกับเสียงลม และมันเป็นความสงบร่มเย็น ที่ใครๆ หลายคนปรารถนา

และด้วยความที่วันนี้เป็นวันว่าง สองย่าหลานเลยคิดทำความสะอาดห้องเก็บของ ที่อยู่เยื้องไปทางด้านหลังหอพระ ซึ่งไม่ค่อยได้เปิดทำความสะอาดบ่อยนัก ส่วนมากมีแต่จะเก็บของเข้าไปเพิ่มเสียมากกว่า พิกุลเคยบอกว่า ห้องนั้นเมื่อก่อนเป็นหอนอนของคนใช้ผู้หญิง ต่อมาก็ว่างลงไม่ได้ใช้ประโยชน์ เลยกลายเป็นที่เก็บของไปโดยปริยาย

และเมื่อปูเสื่อยกของออกมาทำความสะอาดกันตรงชานลดหน้าห้องนั้น จิรัสยาก็พบว่ามันเต็มไปด้วยข้าวของที่ถูกบรรจุในลังกระดาษบ้าง ลังไม้บ้าง ซึ่งดูมากมายก่ายกองแทบเป็นภูเขาลูกย่อมๆ

มิหนำด้วยความที่เก็บมานาน บ้างบางกล่องที่เป็นกระดาษก็เก่าจนขาดชำรุด ส่วนในลังไม้เมื่อเปิดออกมาก็เจอไข่จิ้งจกนับสิบ บ้างก็เป็นรอยไข่ของตุ๊กแก มองเห็นเศษเปลือกไข่ที่กะเทาะแตกตัว แต่บางกล่องก็พบว่าเป็นของเก่าที่พิกุลเองคิดว่ามันคงหายไปแล้วก็มี แต่มันมีอยู่กล่องหนึ่ง เป็นกล่องใส่หนังสือ ซึ่งมีอัลบั้มภาพติดอยู่ในกล่องนั้นด้วย

‘คุณย่าคะ แล้วนี่รูปใครกันคะ สวยจัง จาวว่าคุ้นๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน แต่นึกไม่ออก’

เด็กสาวขมวดคิ้วมุ่นพยายามเค้นความคิดอย่างเต็มที่ ยามมองผู้หญิงสาวคนหนึ่งในภาพถ่าย ซึ่งอายุราวๆ สิบเจ็ดสิบแปดปี ไว้ผมยาวประบ่า ซึ่งล้อมกรอบใบหน้าได้รูปสวย ดวงตาคู่งามดูสุกใสราวกับตากวาง เธอนั่งอยู่บนเก้าอี้ เท้าแขนข้างหนึ่งบนพนัก มือจับกันตรงช่วงอก มองเห็นแหวนน้ำงาม และถึงแม้ฉากหลังจะไม่ชัดแต่พอเดาได้ว่าเป็นภาพในสวน

‘ไหนลูก ขอย่าดูหน่อยสิ’

พิกุลในวัยเกือบหกสิบปีเอ่ยขึ้น เมื่อหลานสาวขยับเข้าไปนั่งใกล้ๆ

‘อ๋อ...คุณย่าน้อยไงล่ะลูก’

พิกุลบอกกลั้วหัวเราะ เมื่อมองอัลบั้มภาพถ่ายชัดๆ หลังหลานสาวยื่นมาให้ ก่อนจะยื่นกลับไปให้จิรัสยาที่ทำหน้าเหลอ แล้วก้มลงมองอย่างงุนงง ส่วนปรุงที่กำลังจัดหนังสือเก่าๆ ลงกล่องหันมามอง

‘คุณน้อยเธอไม่ค่อยมีภาพถ่ายนักหรอกค่ะ ดีจริงนี่จะได้เก็บไว้ เห็นไหมคะนี่ถ้าคุณจาวผมสั้นกว่านี้อีกหน่อย สวมเสื้อสีอ่อนๆ นุ่งกับผ้าถุง เหมือนสมัยคุณพิกุลยังสาวๆ เหมือนเลยละค่ะ คุณน้อยเธอสวยเย็นๆ คุณจาวเองก็ไม่แผก ยังว่าคุณน้อยเธอเอ็นดูคุณพิกุลนักก็คงไม่ได้ไปไหนไกล แล้วผิดเสียที่ไหนเล่าคะ ตอนเด็กๆ คุณจาวก็ว่าคล้ายแล้วเชียว แต่นี่ไม่ผิดกันเลยทีเดียว แทบจะเป็นคนเดียวกัน’

จิรัสยายิ้มรับ แต่ตายังมองจับรูปของคุณกุหลาบ โดยมีพิกุลคอยมองมาอย่างเอ็นดู

‘คุณย่าน้อยน่ะเธอเป็นลูกคนเดียวของคุณหญิง พี่สาวคนละแม่ของทวดบัวแม่ของย่า ย่าเองก็ได้ยินแต่ผู้หลักผู้ใหญ่เขาเล่ากัน ว่าคุณหญิงท่านไม่ค่อยแข็งแรงนัก พอมีคุณพี่ท่านก็เจ็บออดๆ แอดๆ แล้วเลยเห็นใจเจ้าคุณพ่อด้วยละมัง เพราะท่านอยากจะได้ลูกชาย’

ผู้เป็นย่าบอกเล่าแก่เธอด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ แต่ก็แฝงความเคารพไว้เต็มเปี่ยม

‘คุณหญิงท่าน เลยเสนอให้ทวดบัว ที่คอยช่วยเลี้ยงคุณพี่มาตั้งแต่คลอด เป็นเมียรองของเจ้าคุณพ่อท่าน แต่ก็นั่นแหละ จนแล้วจนรอดทวดบัวก็ไม่มีลูกชายให้ มีย่าแค่คนเดียว แล้วท่านก็เสียวันที่ย่าเกิดนั่นเอง กลางสงครามพอดีซะด้วยซี ส่วนเจ้าคุณพ่อท่านก็ไม่เห็นมีนางเล็กๆ อีก

ก่อนหน้าที่ย่าจะเกิดน่ะลูก บ้านเก่าเราเคยอยู่แถวสาธร ที่ที่เราขาย มาซื้อที่ที่สวนพิกุลสาขาสองนั่นแหละ สมัยนั้นถ้าจะเรียกกัน ก็เรียกได้ว่าแถวบ้านนอกละ

พอมีข่าวว่าจะมีสงคราม เจ้าคุณพ่อท่านก็เลยย้ายมาอยู่ที่สระบุรี แล้วทวดบัวก็มีย่าตอนกลางสงครามนั่นแหละ พอคลอดย่า ทวดบัวก็เสีย คุณพี่เธอก็เลยเลี้ยงย่ามาจนโต เจ้าคุณพ่อเองก็ไม่ได้พาเราย้ายกลับสาธร ก็เลยอยู่กันมาตลอด กระทั่งย่าโตอายุสัก 15 นี่ละ คุณพี่เธอก็มาเสีย’

พิกุลผ่อนลมหายใจ เชยคางหลานสาวขึ้นให้สบตา

‘จาวน่ะเหมือนเธออย่างกับแกะแน่ะ นี่ละหน้าตาถอดกันมาทีเดียว’

จิรัสยายิ้มเขินๆ ในขณะที่ผู้เป็นย่าเล่าต่ออย่างออกรสออกชาติ

‘คุณพี่น้อยน่ะเธอเป็นคนสวย งามพร้อมทั้งหน้าตา คำพูดคำจาหวานหู กิริยาท่าทางนี่อ่อนหวาน จนเขาว่าเธอน่ะท่าทางปานคนอยู่ในรั้วในวัง ที่สำคัญเธอเก่ง รู้หนังสือหนังหา พูดภาษาฝรั่งได้ด้วยนะ แล้วจาวคิดดูสมัยนั้น จะมีผู้หญิงสักกี่คนที่พูดได้ เพราะอย่างนี้ เธอก็เลยดังละ เห็นว่าหนุ่มๆ พวกท่านขุนมั่ง คุณหลวงมั่ง หอบของมากำนัลจนหัวกระไดไม่แห้ง แต่วาสนาเธอสูงกว่านั้น

คู่หมั้นคู่หมายเธอเป็นถึงนายทหารแล้วยังเป็นเจ้าเชียวนายายจาว แล้วพระนามท่านน่ะ ท่านชายหนึ่ง...หม่อมเจ้านิธาน ราชกุลปิ่นปรากรม เขาเล่ากันว่า ท่านทรงมีหม่อมแม่เป็นแหม่ม มาแต่เมืองนอกโน่น กลับมาพร้อมเสด็จท่าน ตอนที่เด็จกลับมาเมืองไทย แต่ถึงหม่อมแม่ท่านจะเป็นเมียแรก แต่ก็ไม่ได้ออกหน้าออกตาหรอก เพราะต่างชาติต่างภาษากัน

ทีนี้ชายาเอกของเสด็จท่านสนิทกับคุณหญิงแม่ของคุณพี่เธอ เขาว่าท่านโปรดท่านชายหนึ่งนัก ก็เลยจับหมั้นกันซี้ แต่ว่า...ก็ได้แต่หมั้น ไม่ได้แต่ง ย่าก็ไม่รู้ว่าทำไม เพราะไม่มีใครอยากพูดเรื่องนี้ กับย่าเองน่ะพอรู้ความก็เห็นแต่ท่านชายหนึ่ง ท่านเด็จมาไม่ได้ขาด ท่านรักของท่านมาก

วุ้ย! ตอนนั้นชนมายุท่านไม่ได้น้อยๆ นะลูก สี่สิบเกือบจะห้าสิบได้แล้วมั้ง แต่ท่านก็ไม่ได้มีหม่อม หรือเมียบ่าวหรอกนะ ท่านหทัยมั่นจะตาย แต่นั่นแหละ...คนไม่ใช่คู่กัน ก็เห็นจะไม่ได้เชยชิดกันหรอก หลังคุณพี่เธอเสียสักปีสองปี ท่านชายท่านก็สิ้นชีพิตักษัย...ด้วยโรคพระหทัยล้มเหลว’

จิรัสยาพอฟังจบก็หน้าหมองลง ความเศร้าลึกๆ ในใจ ทำให้เธอน้ำตาคลอ ก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา ก่อนที่มันจะหยด จนพิกุลที่เห็นเข้าแล้วอุทานกลั้วหัวเราะ ‘เห็นไหมนั่น ทำไมเป็นน้ำหูน้ำตายายจาว!’

‘ไม่รู้ซีคะคุณย่า อยู่ดีๆ ก็น้ำตาไหล คง...ฝุ่นเข้ามั้งคะ’

หญิงสาวบอกเก้อๆ ‘เอ่อ แล้วคุณย่าน้อยเธอเสียเพราะอะไรคะคุณย่า’

‘ตรอมใจ เห็นว่าอย่างนั้น ก่อนเสียเธอเจ็บออดๆ แอดๆ เป็นไข้ได้ไม่กี่วันเท่านั้นเอง’

พิกุลพูดเสียงเบา ด้วยคงสะเทือนใจไม่น้อย กับการเสียผู้เป็นที่รักยิ่งอีกคน

‘ย่ายังจำได้ติดตาอยู่เลย เพราะคนสุดท้ายที่ได้คุยกับเธอเป็นย่า’

นั่นแหละ เป็นครั้งแรกที่เธอได้รู้เรื่องเกี่ยวกับคุณย่าน้อย และนับแต่นั้นมา จิรัสยาก็เริ่มฝันแปลกๆ บ่อยขึ้น ฝันถึงตัวเองวิ่งวนหลงทางอยู่ในที่มืดๆ พร้อมกับได้ยินเสียงของใครบางคนเรียกหาด้วยชื่อของคุณย่าน้อย

และพอตื่นขึ้นมา สิ่งหนึ่งที่ติดอยู่ในใจก็คือความเศร้าที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ ความเศร้าที่เหมือนติดอยู่ในใจ ลบอย่างไรก็ลบไม่หาย ซึ่งพอคิดมาถึงตรงนี้ ดวงตาของเธอก็ร้อนผ่าว จิรัสยาผ่อนลมหายใจ ดึงตัวเองกลับมาจากภวังค์ ก่อนซบลงกับตักย่าอีกครั้ง แล้วมองสร้อยในข้อแขนของตน โดยมีผู้เป็นย่าลูบเบาๆ ที่กลุ่มผม

เธอรู้สึกแปลกๆ ในอก เมื่อจ้องสายสร้อยในข้อมือขวานานเข้า

มันคล้ายๆว่าจะนึกอะไรบางอย่างที่สำคัญมากๆ ออก...แต่ก็ไม่

แถมในอกมันยังตื้อๆ ปะปนไปด้วยความดีใจ และ...ใจหาย เธอกอดผู้เป็นย่าแน่นขึ้น ก่อนหลับตาลง วูบหนึ่งที่น้ำตาซึม เพราะกลั้นไว้ไม่อยู่...ด้วยความเศร้าอยู่ในอกลึกๆ ปะทุขึ้นจนห้ามไว้ไม่ไหว อย่างที่เธออธิบายไม่ได้เลย หญิงสาวบอกตัวเองได้แค่ว่า...สะเทือนใจ

เธอบอกตัวเองได้แค่นี้ พร้อมกับหัวใจที่ราวกับจะขาดรอนๆ ลงไปเสียเดี๋ยวนั้นก็ไม่ปาน

และคืนนั้น จิรัสยาก็เข้านอนโดยที่ยังสวมสร้อยข้อมือ อันเต็มไปด้วยความรู้สึก ทั้งรัก ทั้งผูกพัน และความเศร้าลึกเกินหยั่ง ซึ่งถูกกลบซ่อนไว้ในเงาอดีต จนปัจจุบันเหลือเพียงกลิ่นอายเรือนราง พร้อมกับความง่วงงุน ที่เธอไม่เคยเป็นมาก่อน และแล้วหญิงสาวก็หลับใหล จมลงสู่ห้วงแห่งนิทราไปอย่างรวดเร็ว



================================================================>>>>>>


พายายจาวมาส่งค้าาาาาาาาาาาาาาา สปีดต่ำเตี้ยเรี่ยดินเกิ๊น หนอนรับบ่ด้ายยยยยยยยยยยยยยย เป็นหยังหนอนเขียนบ่ออก งอแงๆๆๆ 555+ ซาวน์แทร็กยาว


คุณนักอ่านเหนียวหนึบ อ้าว แน่ใจได้ไงว่าชาตินี้จะเหมือนชาติที่แล้วอ่ะเตง กร๊ากกกกกกกกก ว่าแต่แน่ใจหราว่าครอสคือชายสอง อาหุ อาหุ
คุณบุลินทร หมี้ริน นั่นคือจุดพีคเลยนะ พยายามบิ้วท์มากกกกกกกกกกกกก แต่ตอนนี้เขียนไม่ออกง่ะ อิชั้นกำลังนั่งทำตุ๊กตาวูดู แล้วใส่ชื่อหมี้ริน เข็มปักๆๆๆๆๆ โทษฐานเยาะเย้ย
คุณแว่นใส พี่พีทตอนแรกเปิดทางให้ครอสจุงขโมยคะแนนค่ะ 555+
คุณพันธ์แตงกวา อร๊ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย เจ่เจ้มาจู๊บๆๆครอสได้งาย ไม่ยอมๆๆๆ เอ๊ะ หรือยังไงดี กร๊ากกกกกกกกกกกกกก
คุณZephyr เฟอร์รี่จัง นั่นคืออัลไลลลลลลลลลลลลลล 555+ ยังไม่หมดอ่ะดี๊เขียนยังไม่จบเลย อ๊ะ แหม เดาง่ายนะเนี่ย แต่แน่ใจนะว่าจะไม่ถูกเค้าแกล้งอีกอ่ะ กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
คุณagentaja อู้ววววววววววววว ว่าแต่จะใช่หรือป่าว 555+ งานนี้มีเงื่อนนำแหงๆๆ อิๆ

และคุณๆรีดเดอร์นะค้า ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาคุย มากดคะแนนให้นะค้า ขอบคุณมากๆๆค่า

วันนี้ไปแล้วนะคะ เจอกันตอนใหม่ หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์จ้า ^O^



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 พ.ย. 2557, 17:19:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 พ.ย. 2557, 17:19:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1978





<< บทที่ 4 พันธนาการ 1.2   บทที่ 5 รอยวาร 'คุณกุหลาบ' 1.2 >>
แว่นใส 27 พ.ย. 2557, 21:16:06 น.
เมื่ิอไหร่พี่พีทจะมาคะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 27 พ.ย. 2557, 23:32:33 น.
แหม๋ นิพิฐ นิธาน. คล้ายกันขนาดนี้ คนเดียวกันแน่นอนนนน 555


พันธุ์แตงกวา 28 พ.ย. 2557, 10:53:25 น.
เรียนคนละโรงเรียนกันเหรอเรา จาวไม่มาเรียนวัดลิงขบด้วยกันกับกรรณเหรอ55555
ได้สร้อยมาแล้วความลับในอดีตชาติก็จะเริ่มเผยแล้วสิ ลงบ่อยๆหน่อยจิ อยากอ่านตอนต่อจากตอนนั้นเวยๆ มาขู่เค้า ไม่ดูตัวเอง ก๊ากกกกกก


Zephyr 28 พ.ย. 2557, 19:59:15 น.
เอาสิ จะแกล้งก็แกล้งไปเฟอร์ไม่สนหรอก เชอะ
ยังไงเฟอร์ก็เชียร์ครอส ถ้าไม่ได้คู้กะจาว ก็ดี จะได้ลากออกมาเพ้อต่อ หึหึ


บุลินทร 29 พ.ย. 2557, 21:16:40 น.
บทมันส่งครอสมากจริงๆนะ ออกแนวอบอุ่น คนเขียนกลั่นแกล้งพระเอกตัวจริงรึ เขียนให้พระรองเด่น แต่ว่าจาวยังฝังใจกับรักแรกมากนะนั่น ท่าทางจะยากสำหรับครอส อ่านตอนค้นของแล้วอยากกินขนมไข่ขี้เกี้ยม ก๊าก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account