ซีรีส์บุปผาสันนิวาส Flower of love<<<รอยฝันกุหลาบนางฟ้า>>>
สร้อยเส้นนี้สำคัญมากขนาดไหน คำตอบที่มีให้ ก็คงบอกได้ว่า เท่ากับภาพวาดสีน้ำรูปดอกไม้รูปนั้น และคงไม่มีใครรู้ซึ้งเท่าพวกเขาและเธอ ความรัก ความลับ ความหลัง คำสัญญาในอดีต ที่ผูกพันเธอและพวกเขาไว้ด้วยกัน ถูกกักเก็บไว้ในสร้อยสำคัญที่หายไป และภาพวาดภาพนั้น ที่ส่งผลทำให้...
เธอรอ...มาตลอด โดยที่ไม่รู้ว่าต้องรอใคร
ส่วนเขาทั้งคู่ ตามหา...มายาวนาน โดยที่ไม่รู้ว่าต้องตามหาใคร
ฉะนั้นเพื่อเปิดเผยคำถามในหัวใจที่ค้างคา ภารกิจค้นหาชิ้นส่วนสำคัญของสร้อยที่หายไป และเพื่อไขความลับในภาพวาดที่ถูกเก็บไว้ จึงเริ่มต้นขึ้น ท่ามกลางความอลหม่านของหัวใจสามดวง
เมื่อหนึ่งชายนั้น คืออดีตรักที่เธอไม่เคยลืม แม้เขาจะทำให้หัวใจเธอบอบช้ำก็ตามที
และอีกหนึ่งคน ที่เพิ่มเติมเข้ามาเพราะความจำเป็น ทว่ากลับผูกพันกับเธอลึกซึ้ง ยิ่งกว่าชายใด!

Tags: ตำนานดอกไม้,นิรันดร์-จิรัสยา,จิรัสยา,ทานตะวัน,กรรณิการ์,พิสูจน์รักทานตะวัน,รอยฝันกุหลาบนางฟ้า,กรรณิการ์มนตรารัก

ตอน: บทที่ 5 รอยวาร 'คุณกุหลาบ' 2.2

“เอาเถิดที่เธอตัดสินใจนั้น ฉันก็เห็นว่าสมควรแล้วละแม่น้อย ผัดออกไปเสียก่อน ก็ยังดีกว่าปฏิเสธไปเสียเลย”

ภาพเก่าเลือนหายไปแล้ว ความอึดอัดในเหตุการณ์ก่อนหน้า ก็สลายหายไปด้วย จิรัสยากะพริบตาถี่ๆ หลังคราวนี้พบว่าตัวเองยืนอยู่ที่ๆ หนึ่ง ดูคล้ายๆ ตลาด หรือย่านการค้าสักแห่ง

ด้วยผู้คนพลุกพล่านเดินผ่านไปมา ล้วนแล้วแต่งกายคล้ายกันทั้งสิ้น คือถ้าไม่สวมผ้าถุงสั้นคลุมเข่า กับเสื้อลูกไม้แขนกุด ก็เป็นนุ่งโจงกระเบนกับเสื้ออีกที และน้อยรายที่จะสวมชุดกระโปรง เหมือนที่เธอกำลังสวมอยู่นี่ จิรัสยาลูบมือลงบนเนื้อผ้าสีกลีบกุหลาบ อย่างอยากจะสัมผัส ก่อนจะเอื้อมมือขึ้นไปแตะที่ศีรษะ และพบว่าผมยาวสลวยที่เล็กละเอียดราวกับเส้นไหมนั้น ถูกคาดทับกันผมหลุดลุ่ย ด้วยที่คาดผมประดับมุก

ขณะนั้นเอง ที่เงาสะท้อนในกระจกของร้านๆ หนึ่ง ก็สะท้อนภาพให้เห็น จนหญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่า ‘เธอ’ดูราวกับตุ๊กตากระเบื้องเคลือบแสนเปราะบาง เพราะชุดที่สวม ขับผิวขาวเหลืองนวลเนียน ให้เด่นดูสะดุดตาเหลือเกิน จนตัวเธอเองยังอดชื่นชมไม่ได้

ส่วนคนที่กำลังพูดอยู่กับเธอ ซึ่งกางร่มบังแดด เดินอยู่ข้างๆ กัน แต่ตากลับไม่มองทางนั้น เป็นหญิงสาวอายุราวสิบแปดสิบเก้าปี ร่างเล็กบางๆ สวมชุดกระโปรงเปลือกมังคุด อันขับผิวให้ผ่องชวนมอง เจ้าหล่อนไว้ผมตัดสั้นประบ่า เส้นผมละเอียดดูเป็นลอนคลื่น คาดทับด้วยที่คาดผมลายลูกไม้ ใบหน้าจิ้มลิ้ม แม้ไม่ถึงขั้นสวย แต่เรียกได้ว่าน่ารักน่าเอ็นดู

“ถึงเสด็จท่านจะไม่ได้ทรงบังคับ แต่ถ้าปฏิเสธไปทันทีทันใด มันก็ยังเหมือนไปหักพระพักตร์ท่าน ถ่วงเวลาไปอีกหน่อยนั่นละดีแล้ว ฉันว่าเธอฉลาดด้วยซ้ำ ที่ยกเอาท่านชายมาอ้าง ว่าเรื่องหมั้นหมายนั้น ควรจะถามความในหทัยของท่านชายด้วย ใครจะรู้ หากท่านชายทรงเสด็จกลับมา และทรงรู้เรื่องหมั้นหมายนี่เข้า ท่านอาจจะทรงยกเลิกเองเสียก็ได้”

คุณกุหลาบที่ถูกจิรัสยาซ้อนทับ ยิ้มน้อยๆ จนเห็นไรฟัน หลังคนพูดบอกอย่างเห็นอกเห็นใจ และมันก็ทำให้จิรัสยารับรู้อีกอย่างว่า คุณย่าน้อยยังไม่ได้รับหมั้นหม่อมเจ้านิธานในตอนนี้ เพียงแต่ผัดออกไปก่อน

แต่แล้วคุณย่าน้อยก็นิ่วหน้า เม้มปากนิดๆ เมื่อคนพูดหันมากระซิบกระซาบถาม

“นี่...คุณน้าฉันกระซิบบอกมาละ ว่าท่านชาย ท่านทรงเป็นคู่หมายของแม่น้อย หมายกันมาตั้งแต่ที่คุณหญิงแม่ของแม่น้อยยังอยู่ จริงมั้ยจ๊ะ”

“พูดอะไรกันน่ะ อร เดี๋ยวคนอื่นมาได้ยินเข้า น่าเกลียด”

คนฟังยักไหล่ พลอยทำให้คนถูกพาดพิงเอ็ดเอาอีก

“ตาย ทำเข้าไปได้นะอร นี่ถ้าคุณน้าวาดเห็น เป็นได้เนื้อเขียว”

“เธอนี่ ชักเหมือนคุณครูเข้าทุกที อ๊ะ! ร้านนี้ใช่มั้ยล่ะ ที่แม่น้อยจะพาฉันมาน่ะ”

คนพูดดูจะชินกับการเอาแต่ใจ เพราะพูดได้แค่นั้นก็ยิ้มระรื่น รีบพับเก็บร่มแล้วดึงเธอตามเข้าไปในทันที เจ้าของร้านดูจะเป็นคนจีน เพราะไว้ผมเปียยาว และหนวดที่ดูจะจัดแต่งทรงมาเป็นอย่างดี ชายคนนั้นสวมเสื้อกางเกงแพรสีดำ ยิ้มแย้มแจ่มใส เชิญชวนให้เลือกได้ตามสบาย

และแม้จะอยากมองให้สมอย่างใจใคร่รู้ แต่คุณกุหลาบในคราบของเธอ ก็เดินตามคนที่ทวดบัวบอกว่าชื่อบังอร และคงจะเป็นเพื่อนสนิทของคุณย่ากุหลาบนั่นเอง เข้าไปด้านในโดยไม่เหลียวมองสิ่งใด

หญิงสาวหันไปบอกเจ้าของร้านถึงของที่สั่งไว้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเดินหายไป และระหว่างรอ เธอก็หยิบผ้าสีนั้นสีนี้ให้คนที่มาด้วยกันดู สักพักนั่นแหละ เมื่อเจ้าของร้านนำผ้าสีสวยมาให้ และกำลังคลี่ออกให้ดู คุณกุหลาบก็รับเอากระเป๋ากับร่มของบังอรมาถือให้ ในขณะที่อีกฝ่ายอุทานชมเสียงลั่น

“จะตายจริง เธอเลือกผ้าได้สวยถูกใจฉันจริงเทียวน้อย!”

“อรชอบ ฉันก็ดีใจ จำได้ว่าเธอบ่นหนักหนาว่าอยากได้ผ้าสีนี้ วันก่อนฉันมากับน้าบัว ก็เลยสั่งให้เขาเก็บไว้ให้”

เธอบอกพลางยิ้มละไม ส่วนคนชมนั้นยังชมเปาะ “แม่น้อยเอ๊ย เธอนี่ช่างแสนดีจริงจริ๊ง แม่คุณทูนหัว”

บังอรยังพูดไม่หยุด จนหญิงสาวได้แต่ยิ้มขันๆ ก่อนจะชะงักไป ด้วยได้ยินเสียงพูดอันดังของบุรุษ ชวนให้น่าตกใจ ว่ามีเหตุร้ายเกิดขึ้นก็ไม่ปาน จนต้องหันไปมองอย่างใคร่รู้

“ฝ่าบาท...ฝ่าบาท!”

เธอแทบสะดุ้ง หลังเห็นบุรุษในชุดทหารสองคน ยืนอยู่ไม่ห่างจากหน้าร้านนัก มองตรงเข้ามา หนึ่งในนั้นเรือนร่างสูงใหญ่ ผิวขาวจัดดูราวกับคนต่างชาติ ส่วนอีกคนผิดออกเหลืองดูคล้ายว่ามีเชื้อจีน และในชั่วเสี้ยวที่ได้สบตาโดยไม่ได้ตั้งใจ

จิรัสยาได้แต่งงงัน เพราะ...ผู้ชายคนนี้ มีใบหน้าคล้ายนิพิฐ และแทบจะเป็นคนเดียวกันกับ...โครนอส!

แต่แล้ว ด้วยว่าร่างกายนี้ไม่ใช่ของเธอ และนี่คือความฝัน จิรัสยาจึงทำอะไรไม่ได้ แม้อยากจะถามมากเท่าใดก็ตาม พร้อมกับอากัปกิริยาของคุณย่าน้อยในตอนนี้ คือความเขินอาย หญิงสาวรู้สึกถึงพวงแก้มที่ร้อนผะผ่าว นั่นคงเพราะอีกฝ่ายมองจ้องไม่วาง หัวใจเต้นแรง ระรัวขึ้นในบัดดลเป็นเท่าตัว

จิรัสยาในร่างคุณกุหลาบจ้องมองชายคนนั้นอย่างพินิจอยู่ครู่ แล้วสักพักด้วยความไม่พอใจ แกมเขินอายที่ถูกจ้องเอาจ้องเอา หญิงสาวถึงได้รู้สึก ว่าตัวเองเม้มปากนิดๆ ด้วยความไม่พอใจ

เธอหลุบตาลง เลี่ยงการมองประสานเพียงเท่านั้น ก่อนจะหันมาหาบังอร ซึ่งตอนนี้กำลังชำระค่าผ้า แล้วจึงได้เอ่ยชวน เพื่อจะหนีไปจากการถูกมองนี่เสีย

“แม่อร...ได้ผ้าแล้วใช่หรือไม่ ฉันว่าไปดูร้านอื่นกันเถิด”

“ทำไมเล่าแม่น้อย” จิรัสยาขยับตัวอย่างอึดอัด ก่อนจะเหลือบชำเลืองมอง ไปยังด้านที่นายทหารทั้งสองคนนั้นยังยืนมองมา เพื่อสื่อเป็นนัยๆ และคู่สนทนาของเธอ ก็แทบจะร้องอ๋อ เอ่ยชวนในทันที

“งั้นไปซี้เธอ”

คนพูดยื่นมือมารับร่มจากเธอ แล้วชักชวนเดินหนีไปอีกทาง ปล่อยให้อีกฝ่ายจ้องมองมาตามหลังเช่นนั้น คุณกุหลาบเองคอแข็ง ด้วยรู้ตัวว่าถูกมองไม่วาง แม้จะเดินจากมาแล้ว แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรได้ เลยได้แต่เก็บความไม่พอใจปนความกระดากอายนิดๆ ไว้ในอก ส่วนคนที่เดินหนีมาด้วยกัน ก็เปรยๆ ขึ้นว่า

“เป็นอะไรไปน้อย ถึงได้ชวนฉันเดินหนีมา นายทหารคนนั้นมีอะไรแปลกงั้นรึ”

คนพูดลอบหันกลับไปมอง ก่อนวี้ดว้ายไปตามประสา

“ต๊าย! ป่านนี้ยังมองตามตาไม่วางเลย แม่คุณเอ๋ย”

“ช่างเถิดอร เอ่อฉันว่าเรารีบเดินกันเสียเถิด ฉันไม่ชอบตกเป็นเป้าสายตาของใครนัก”

“แหมก็เธอน่ะงามจนคนลือกันทั่วคุ้งน้ำ ลองเป็นฉันซิ ใครจะมองให้เสียสายตาเล่า”

บังอรเย้า แต่ก็ยังไม่วายชม “แต่หื้อ...งามนะเธอ ฉันยังไม่เคยเห็นนายทหารคนไหน งามเท่าคนเมื่อกี๊เลย”

“ไปกันใหญ่แล้ว พูดอะไรก็ไม่รู้ เธอนี่เซี้ยวจริง!”

หญิงสาวเอ็ดเอาคู่สนทนาเบาๆ ส่วนคนถูกเอ็ดหัวเราะพออกพอใจ พลางพยักแล้วบ่นอุบอิบอย่างเห็นด้วยเป็นที่สุด “นั่นซี นี่ถ้าคุณน้าของเธอ หรือคุณแม่ของฉันได้ยินเข้า เป็นถูกเอ็ดไปสามวันแปดวันทีเดียว!”






แล้วภาพนั้นก็เลือนหายไป จิรัสยาที่รู้สึกว่าตัวเองกลายเป็นตัวละครในฝันของตน ก็ถูกล้อมไว้ในหมอกสีขาวขุ่น ท่ามกลางความมืดมิดอีกครั้ง คราวนี้มีมือแข็งแรงที่มองไม่เห็น เอื้อมมาจับที่ข้อมือเธอไว้ พลางจูงให้เดินต่อไปในหนทางข้างหน้า ทว่า...ตัวคนจูงนั้น กลับถูกซ่อนไว้ในเงามืด

“คุณเป็นใครคะ แล้วนี่จะพาฉันไปไหน”

เธอเอ่ยถามอย่างสงสัย แต่ความอบอุ่นจากฝ่ามือนั้น ทำให้หญิงสาวไม่กลัวอย่างที่ควรจะเป็น หนำซ้ำยังรู้สึกอุ่นใจเสียด้วยซ้ำ มันเป็นความรู้สึก...อ่อนหวาน ใช่...นี่ละ ความรู้สึกนี้กำลังซึมลงสู่หัวใจของจิรัสยา พร้อมกับความโหยหาบางประการที่พลุ่งขึ้นมา พลอยทำให้น้ำตาเอ่อ

“เธอลืมพี่ไปเสียแล้ว น้อยของพี่ กาลเวลาแยกเธอไปจากพี่ได้สำเร็จอย่างนั้นสินะ”

คำพูดนั้นตัดพ้ออย่างจะรู้สึกได้ แรงฉุดให้ก้าวตามชะงักลงไป แต่แค่ครู่เดียว แล้วเจ้าของคำพูดก็ดึงเธอให้ออกเดินอีกครั้ง พร้อมกับบอกคล้ายปลอบประโลมว่า

“พี่ขอโทษ น้อยอย่าโกรธพี่เลย เพราะทั้งๆ ที่พี่รู้ แต่พี่ก็อดน้อยใจไม่ได้”

จิรัสยายังคงนิ่งเงียบ ก่อนที่คนในเงามืดจะบอกว่า

“ตามพี่มาเถิด น้อยไม่กลัวพี่ไม่ใช่หรือ”

“ไม่รู้สิคะ” หญิงสาวบอกอย่างขันๆ ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่จวนจะหยด หลังได้ยินเสียงทุ้มๆ นุ่มๆ เอ่ยขึ้น “ฉันก็แค่สงสัยแล้วก็แปลกใจน่ะค่ะ ว่าตอนนี้มันกำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ที่สำคัญฉันไม่ได้ชื่อน้อย นั่นน่ะชื่อพี่สาวของคุณย่าของฉัน แล้วฉันก็ได้กลัวคุณหรอกค่ะ แต่แค่สงสัยเท่านั้นว่าคุณเป็นใคร แล้วกำลังจะพาฉันไปไหน”

พูดได้เท่านั้น จิรัสยาก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกกระตุกอย่างแรง เธอเสียหลักทำท่าจะล้มหน้าคว่ำ แต่แล้วก็เหมือนจะฉวยตัวของคนจับจูงไว้ได้ หากแรงกระแทกอีกครั้งนั่นต่างหาก ที่ทำให้หลักยึดของเธอหายไป

หญิงสาวรู้สึกทุกอย่างรอบตัวค่อยสว่างมากขึ้น จนเธอต้องหลับตาลง เพราะแสงที่จ้าส่องเข้าตามากเหลือเกิน!






“ท่านหญิงนี่ช่างทรงอยากรู้อยากเห็นจริงเทียว เกือบเดือนมานี่ ฉันละ...ไข้จะขึ้นวันละหลายๆ รอบ”

จิรัสยากะพริบตาถี่ๆ เพราะคราวนี้ มันเป็นเวลากลางวัน แม้จะยังมึนๆ แต่คนที่เริ่มจะชินกับความฝันของตัวเอง ก็ทำใจได้ไม่ยากนัก กับการควบคุมตนไม่ให้แสดงอาการแตกตื่นออกไป หากหญิงสาวยังไม่ทันได้มองให้ทั่วๆว่ารอบตัวเป็นเช่นไร เสียงบ่นแจ้วๆ ก็ดังขึ้นข้างตัวอีกครั้ง

“แล้วนี่ดูซี้ ทรงหายไปไหนอีกแล้วก็ไม่รู้ แล้วแม่แช่มอีกเล่า แม่เอ๊ย ฉันจะเป็นลม”

คนพูดคือบังอรนั่นเอง และจิรัสยาในร่างคุณกุหลาบก็กำลังยิ้มน้อยๆ อย่างเห็นขัน เพราะเธอกำลังนึกเทียบกับนิสัยของรัตนา เพื่อนสนิทสมัยมหาวิทยาลัย ที่ยังคบกันอยู่ มาจนถึงปัจจุบันนี้ และกรรณิการ์ ญาติผู้พี่ของเธอ ว่าทั้งสองต่างมีนิสัยราวกับจะเป็นคนๆ เดียวกัน

บังอรเหลียวซ้ายแลขวามองหา พลางบ่นเป็นหมีกินผึ้งกับคุณกุหลาบ ซึ่งในขณะนั้นกำลังยืนอยู่ข้างพุ่มแก้ว ใกล้ๆกับบันไดหินอ่อน ที่ทอดยาวขึ้นสู่ระเบียงกว้างด้านหลัง ของตัวตึกครึ่งปูนครึ่งไม้สีขาวนวลๆ สองชั้นหลังใหญ่ทรงปั้นหยา ซึ่งผสมผสานกับลวดลายแบบเรือนขนมปังขิงได้อย่างลงตัว

สภาพแวดล้อมในเขตรอบๆ ตัวตึกดูสงบเงียบ และร่มรื่นเต็มไปด้วยไม้ใหญ่ให้ร่มเงา สนามหญ้าเขียวขจี ตัดสั้นราวกับพรมดูสบายตา เมื่อยามลมพัดมา พาเอากลิ่นหอมๆ ของไม้ดอกมาด้วย

“นี่แม่น้อย ฉันถามอย่างซี อย่าหาว่าฉันละลาบละล้วงเลยนา”

จิรัสยาที่กำลังมองสำรวจไปรอบๆ หันกลับมามองผู้ถาม ส่วนบังอรนั้นถอนหายใจเฮือก ดูกระอักกระอ่วนคล้ายไม่กล้าถาม แต่แล้วก็มองซ้ายมองขวา จนแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่แถวนั้นแน่ๆ ถึงได้หันมาป้องปากกระซิบ

“คือ ฉันสงสัย นี่แม่น้อย ฉันถามจริงๆ เถิดนะ ไอ้เรื่องหมั้นหมายของเธอนั่น มันเป็นอย่างไรแน่ ฉันไม่เห็นหม่อมท่านจะพูดถึงสักนิด...ที่สำคัญ ฉันอยากจะได้เห็นพักตร์ท่านชายบ้างสักครั้ง จะได้เล่าถูกเวลามีคนถาม แต่นี่แหม...ขนาดพระรูปของท่าน ยังไม่เคยได้เห็น ว่าจริงๆ นะ เธอเคยพบพักตร์ท่านบ้างมั้ย”

นั่นน่ะสิ จิรัสยาก็อยากจะได้เห็นพักตร์คู่หมั้นของคุณย่ากุหลาบเช่นกัน

ทว่าคุณกุหลาบก็กลับถอนหายใจ ก่อนจะเงียบไป คงเพราะไม่รู้จะพูดอย่างไร บังอรเลยเปลี่ยนเรื่อง

“เอาเถิดแม่คุณ เธอเอาดอกไม้ในตะกร้านั่น ขึ้นไปหาหม่อมท่านก่อนเถิด ฉันจะไปตามหาท่านหญิงพิศกับแม่แช่ม” คนฟังพยักหน้ารับน้อยๆ แล้วค่อยเดินขึ้นบันไดจากมา ทว่าก็ชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงเอะอะ

“ท่านหญิงมังคะ ทรงอย่าวิ่งสิมังคะ อุ๊ยท่านหญิง!”

ตามด้วยเสียงอุทานของบังอร ซึ่งมันมาพร้อมกับแรงกระแทกที่ทำให้เธอเสียหลัก

“แม่น้อย ต๊าย! แม่น้อยระวัง!!”

จิรัสยาเสียการทรงตัว ตะกร้าซึ่งถือไว้ในมือซ้าย ที่เพิ่งเก็บดอกลำดวนและพิกุลมา ร่วงหล่นกระจัดกระจาย ลงบนบริเวณขั้นบันได หญิงสาวหลับตาลง เพราะคงไม่แคล้วต้องกระแทกกับพื้นด้านล่างเป็นแน่ แต่แล้วเสียงดังอื้ออึ้งของผู้เห็นเหตุการณ์ ที่เห็นเธอผงะหงายหลังจะตกลงไป ก็กลับเป็นเงียบกริบลง หลังมีคนรับคุณกุหลาบไว้ทัน

“หญิงพิศ จะซุกซนเกินไปเสียแล้วนะ นั่นจะรีบวิ่งไปไหน ถึงกับชนคนเกือบตกบันไดแบบนี้”

จิรัสยาได้ยินเสียงทุ้มนุ่มๆ ดังขึ้นอย่างตำหนิ ก่อนที่เสียงเล็กๆ อันบ่งบอกว่าเป็นของเด็กจะดังขึ้น

“หญิงไม่ได้ตั้งใจค่ะพี่ชาย หญิงแค่จะรีบไปเฝ้าเสด็จพ่อเท่านั้นเอง พี่น้อย พี่น้อยเป็นอย่างไรบ้างคะ หญิงขอโทษ”

และแรงเขย่าที่ต้นแขน พร้อมเสียงเอ่ยถามของบุรุษที่ดังขึ้นอีกครั้ง ก็ทำให้เธอค่อยกล้าลืมตาขึ้นมอง

แต่...

“จาว จาวเอ๊ย...จะสายแล้วลูก ตื่นเถอะ เดี๋ยวไม่ทันใส่บาตรนะ!”



=======================================================================>>>>>>>

สรุปอาทิตย์ที่แล้วลืมลงไปหนึ่งตอน อาเมน กราบ หนอนน้อยขอโต๊ด TT^TT

วันนี้มาค่ำจ้ะ ไปลั้นๆล้าๆที่สวนหลวงมา แฮ่ ได้กุหลาบมาอีกสองต้น >/////< จูบิโน่ กับแคลร์มาแตง อิชั้นเล่นเลื้อยทุกต้นเบย อุอิ ตอนนี้เห่อมากกกกกกก หวังว่าจะไม่ตายนะ อุตส่าห์เลือกพันธ์ทนมือทนเท้ามาแล้ว ฮา


พายายจาวมาส่งค้า ^^


คุณพันธ์แตงกวา เจ่เจ้ยังอยู่ฉากเดิม เปลี่ยนคนเฉยๆ กร๊ากกกกกกกกกกกกก เพราะตัดเอาดูตัวขึ้นไปไว้บนๆ และแล้ว ท้านชายก้อม้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาา อุอิ แต่ยายจาวตื่นแระล่ะ ชายในฝันหายไปเบย
คุณZephyr เอิ่มมมมมมมมมมมมมมมม หนุ่มมาแล้วนะเฟอร์รี่จัง กร๊ากกกกกกกกกกกกกก หนุ่มมาแล้ว มานิดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด อิๆ
คุณagentaja รับทราบ เลิฟยู้วววววววววววนะตะเองงงงงงงงงงงงงงงง
คุณแว่นใส นั่นจิ 555+ ยายจาวนี่แก้หลายรอบมากเลยค่ะ และตอนรีไรท์คงแก้อีกบาน เรื่องนี้คงเขียนยาวนานข้ามปียิ่งกว่านายหัวอัคแน่ อะฮึกๆๆๆ
คุณบุลินทร ช่วงนี้หมี้รินมาแบบมีเหตุมีผลแฮะ 555+ แม่นแล้วน้อยเอ๊ย ยายจาวเป็นคนมั่นคงนะฮี่ๆๆๆๆๆ (หัวเราะแบบมีเลศนัย) หุๆ

และคุณๆรีดเดอร์นะค้า ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาคุย มากดคะแนนให้นะค้า ขอบคุณมากๆๆค่า

เอาละคืนนี้ไปแล้วค่ะ เจอกันตอนหน้า วันนี้หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์ บั๊ยบั้ย



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ธ.ค. 2557, 18:50:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ธ.ค. 2557, 18:50:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 1659





<< บทที่ 5 รอยวาร 'คุณกุหลาบ' 1.2   
แว่นใส 9 ธ.ค. 2557, 22:05:20 น.
เกือบเห็นหน้าแล้วเชียวนะ


Zephyr 9 ธ.ค. 2557, 22:26:35 น.
เอ่ยยยยยยยยย ขัดกันอีกแล้วววววว
ย้ากกกกกกก ค้างเฟร้ยยยยยย
อัลไลกัน งอแง ง้องแง้ง กุ้ดกี้ด ก้องแก้ง ชึๆๆๆๆๆ


พันธุ์แตงกวา 10 ธ.ค. 2557, 11:31:32 น.
ถึงตอนนี้แล้ว ใกล้แล้วๆ จิได้อ่านเพิ่มแล้ว
คุณย่านะคุณย่ามาปลุกทำไมตอนนี้ หลานๆเค้ามีนาฬิกาปลุกจ้ะ ตื่นเองได้ เดี๋ยวให้จาวยืมเอลซ่า^^


บุลินทร 10 ธ.ค. 2557, 18:00:00 น.
อ่านบทย้อนอดีตทีไรรู้สึกนุ่มนวลละมุนละไม
แสดงว่าเขียนดีนะนี่ เหมือนหลุดเข้าไปตามยายจาวเลย
แต่...มาตื่นตอนสำคัญอีกแล้ว คุณย่ารีบปลุกทำมายยยย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account