พิมพ์ลภัส
พิมพ์ลภัสเด็กสาวร่างอ้วนแก้มยุ้ยด้วยน้ำหนักตัวเกือบร้อยกิโลกรัมแอบรักพี่ชายขัางบ้านที่โตมาด้วยกัน ทว่าภีรมัตเห็นเธอเป็นแค่น้องสาวเท่านั้น..เธอรู้
ระหว่างเธอกับภีรมัตแตกต่างกันราวผีเน่ากับเทพบุตร ใครจะไปสวยเท่าแฟนสาวสิตาภาที่ครั้งหนึ่งเขาเคยประกาศต่อหน้าเธอว่าใช่สเป็ก นั่นคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงตัวเองครั้งใหญ่ และการกลับมาพบกันอีกครั้งระหว่างเธอกับภีรมัตเรื่องยุ่งๆของหัวใจจึงเริ่มต้นขึ้น

Tags: พิมพ์ลภัส ภีรมัต รักหวานซึ้งปนเศรา้้

ตอน: บทที่ 12

บทที่ 12 บังเอิญ..เจ็บ

“อะไรนะคะ..ถ่ายปกพราวฉบับหน้า” เสียงสูงลิบของสิตาภาทำให้คนรอบข้างหันมามองเธอเป็นตาเดียว หลายคนส่ายหน้าเอือมระอากับนิสัยส่วนตัวของนางแบบสาว เธอรับงานเดินแบบให้กับห้องเสื้อพาด้า ที่จัดแสดงคอลเลคชั่นเสื้อผ้าสำหรับหน้าร้อนที่กำลังจะมาถึง

ห้องเสื้อพาด้าเป็นเสื้อผ้านำเข้าจากแบรนด์ต่างประเทศ ซึ่งได้รับความนิยมมายาวนาน ส่วนที่เป็นแบรนด์พาด้าเองก็ได้รับการตอบรับที่ดีเช่นกัน ร่างเพรียวระหงงดงามกระเด้งตัวลุกจากเก้าอี้ที่ใช้สำหรับแต่งหน้าทำผม ช่างแต่งหน้าถอยฉากหลบทันที เพราะรู้ฤทธิ์นางแบบสาวว่าร้ายกาจเพียงใด ไม่อยากโดนลูกหลงจากอารมณ์ขี้วีนชอบเหวี่ยงของเธอ

“ก็ได้ค่ะ แต่ถ้าปกหน้าไม่ถ่ายสิตาคงต้องขอผ่านล่ะ” เธอตอบกลับเสียงกร้าวหยิ่งๆแล้ววางสายทันที ใบหน้าสวยฉาบด้วยเครื่องสำอางราคาแพงเอาไว้อย่างประณีตโกรธขึ้งจนน่ากลัว

“เป็นอะไรไปสิตา หน้าตาบูดเบี้ยวดูไม่ได้เชียว” เพื่อนนางแบบที่คบหากันมายาวนาน หากแต่หาความจริงใจให้กันไม่ได้ จีบปากเชิดหน้าพูดอย่างเย่อหยิ่ง

“ก็อี..” เธอเกือบจะหลุดคำที่ไม่เหมาะสมออกมาแล้วเชียว โชคดีที่ห้ามปากได้ทัน

“พี่ต๋อยน่ะสิ!โทร.มาแจ้งงานถ่ายปกพราวเป็นเดือนหลัง..ปกนี้เป็นปกพิเศษ พราวต้องเลือกฉันสิ เจ็บใจนักกล้าทำแบบนี้กับฉันได้ไง” สิตาภากัดฟันกรอด มือบางกำหากันแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อตัวเอง

แม้จะรู้ว่าฝ่ายโน้นไม่ผิด เพราะยังไม่ได้ตกลงเลือกเธอ ทว่าเวลานี้ ถ้าพูดถึงความฮอต ก็ต้องเป็นเธออยู่แล้ว ต๋อยยิ่งต้องเลือกเธอขึ้นปกพราวพิเศษ เธอไม่น่าจะหลุดโผไปได้ ทำแบบนี้เท่ากับหักหน้าเธอชัดๆ ใครกันนะที่กองพราวเลือกแทนที่จะเป็นเธอ

มีรานียิ้มเยาะมุมปากแอบสมน้ำหน้าอย่างสะใจ สิตาภาหยิ่งทะนงหนัก ถือว่าดังจึงไม่เห็นหัวใคร แม้แต่เธอเองที่เข้าวงการมาก่อนแต่กลับถูกสิตาภาหักหน้าแย่งงานบ่อยๆ

“ปกนี้..ฉบับพิเศษไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ใช่เธอแล้วพี่ต๋อยเลือกใครขึ้นปกล่ะ” มีรานีแกล้งสงสัย ตั้งใจจี้จุดเจ็บให้สิตาภาเดือดพล่าน สิตาภาตวัดหางตาขึ้นมอง

“ฉันไม่สนว่ามันเป็นใคร แต่ถ้าใครคิดจะลองดีกับฉันมันก็จะเจอดี” เธอเค้นเสียงกร้าว มีรานีเองฟังแล้วยังขนลุกชัน ประกายตาวาวโรจน์ด้วยความโกรธ นางแบบคนนั้นทำให้เธอเสียหน้า ไม่ว่ามันจะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม มันจะต้องได้รับผลตอบแทนแน่นอน เสียงทุบโต๊ะดังปัง มีรานีสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ

“สิตาครับ คุณเปลี่ยนชุดเสร็จรึยัง” เสียงทุ้มของภีรมัตดังจากด้านหลัง สิตาภาจำต้องปรับสีหน้าให้เป็นปกติอย่างรวดเร็ว แล้วหันมายิ้มหวานให้เขา มีรานีอึ้งไปนิด นึกไม่ถึงว่าสิตาภาจะเปลี่ยนเป็นคนละคนกับเมื่อกี้นี้

“สวัสดีค่ะ..คุณภีม” มีรานีเอ่ยทักเขาพร้อมทั้งส่งสายตาพราวระยับหวานเชื่อมมีนัยไปให้

เจอครั้งใดก็อดใจสั่นหวั่นไหวไม่ได้ ความหล่อกระชากใจจนสาวๆที่ไหนก็อยากเป็นคู่ควงทั้งบ้านทั้งเมืองรวมถึงเธอด้วย แม้จะพยายามทอดสะพานให้เขาหลายครั้ง ทว่าพระเอกสุดหล่อกลับมีท่าทีเฉยเมยตอบมา ไม่รู้ติดใจอะไรในตัวนางแบบนิสัยเสียอย่างสิตาภากันนะ ถึงไม่ชายตาแลใคร

“สวัสดีครับ” เขาทักตอบพร้อมส่งรอยยิ้มเรียบๆไปให้

รู้ดีมาตลอดว่ามีรานีคิดเช่นไรต่อเขา เพียงแต่ไม่ใส่ใจ แค่สิตาภาคนเดียวเขาก็ชักปวดหัวแล้ว เพื่อนกันคบหากันได้ก็คงจะไม่แตกต่างกันนักแล้วจะหาให้ปวดหัวเพิ่มอีกทำไม

“มิลาอิจฉาสิตาจังค่ะที่มีพระเอกเบอร์หนึ่งอย่างคุณภีมคอยขับรถรับส่งทุกวัน เมื่อไหร่น้า..มิลาจะมีโอกาสแบบนั้นบ้าง” เธอจีบปากจีบคอพูดเสียงหวานส่งสายตาพราวเสน่ห์แสดงท่าทีสนใจในตัวเขาชัดเจน

“น้อยๆหน่อยยัยมิลา ฉันยืนหัวโด่อยู่ทั้งคนช่วยมียางอายเกรงใจกันบ้าง” สิตาภาแหวดเสียงเขียวขุ่น แต่มีรานีกลับแสดงทีท่าเป็นไม่รู้สึกรู้สา ไม่ใส่ใจ

“ไปรึยังครับสิตา ผมชักหิวแล้วสิ คุณอยากทานอาหารญี่ปุ่นไม่ใช่เหรอ ขอตัวก่อนนะครับคุณมีรานี” ภีรมัตรีบเปลี่ยนประเด็นความสนใจจากแฟนสาวแล้วเดินออกมาก่อน ไม่อยากเห็นสงครามระหว่างผู้หญิง มันน่าปวดหัวสำหรับเขา สิตาภารีบคว้ากระเป๋าสะพายตามแฟนหนุ่มออกมาก่อนที่เขาจะเปลี่ยนใจหนีกลับบ้านเหมือนทุกครั้ง

----------------------------------------------------------------------**************------------------------------------------------------------

ร้านอาหารญี่ปุ่นผุดขึ้นมาอย่างกับดอกเห็ดภายในระยะเวลาไม่กี่ปี ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องวัตถุดิบที่สดและสะอาด รสชาติอาหารเป็นแบบต้นตำหรับโดยแท้ เพราะเจ้าของเป็นชาวญี่ปุ่นที่หลงรักสาวไทย จึงแต่งงานและตั้งรกรากอยู่ที่นี่ ที่รู้เพราะเห็นรายการทีวีแนะนำร้านอาหารดังย่านต่างๆในกรุงเทพฯ มีลงหนังสือให้เห็นบ้างประปราย ถ้าพูดถึงอาหารญี่ปุ่น หนึ่งในนั้นต้องมีชื่อร้านนี้ติดโผด้วยแน่นอน ตอนเป็นเด็กพิมพ์ลภัสมาที่นี่บ่อยครั้งเพราะเป็นร้านโปรดของมารดา แม้จะทานได้ไม่มากนักเพราะไม่ชอบแต่ก็ตามติดมาดูเชฟญี่ปุ่นทำอาหารให้กินตรงหน้าเสมอ มันเพลินดี

เพียงอรชวนเธอมาทานที่นี่ เพราะหลงใหลในรสชาติไม่ต่างจากมารดาเธอ ทว่านานๆครั้งเพียงอรถึงจะมาสักทีเพราะราคาค่อนข้างแพงเอาการ

“เสียดายนะ ไทดันติดงานมากับพวกเราไม่ได้ รายนั้นชอบอาหารญี่ปุ่นเป็นชีวิตจิตใจ” พิมพ์ลภัสอดนึกถึงเพื่อนหนุ่มไม่ได้

“ดี..จะได้ไม่มีใครมาแย่งฉัน นายนั่นมาด้วยทีไร ฉันกินไม่ทันทุกที” ปากพูดแต่มือหยิบโน่นคีบนี่ใส่จานไม่หยุด แม้จะพูดไปแบบนั้น แต่ลึกๆเพียงอรกลับอยากให้แทนไทมาด้วยเหมือนทุกที

ระหว่างที่มือไม่ว่าง ปากก็กำลังงับอาหารจากตะเกียบ พลันสายตากลับสะดุดเข้ากับชายหล่อหญิงสวยเดินเคียงคู่เข้ามาในร้าน เพียงอรจำได้แม่นฝ่ายหญิงคือสิตาภา ส่วนหนุ่มหล่อข้างกายจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากภีรมัต

“เป็นอะไรอร ทำหน้าตาตื่นเชียว” เงยขึ้นมาก็พบเพียงอรถือตะเกียบนิ่งค้างอ้าปากเหวอ

“โน่น” เพียงอรบุ้ยปากไปด้านหลัง พิมพ์ลภัสหันตามสายตาเพียงอร

หมู่นี้..เรื่องบังเอิญเกิดขึ้นกับเธอบ่อยจริง ๆใครนะ..เป็นคนกำหนดให้เธอต้องพบเจอเขาอยู่ร่ำไป ทั้งคู่สวยหล่อสมกันดีจนอดที่คิดไม่ได้ว่าสวรรค์ช่างสรรค์สร้างมาแท้ๆ

ภีรมัตกวาดตาไปทั่วร้านเพื่อมองหาที่ว่าง แต่ก็สบตากับพิมพ์ลภัสเข้าพอดี พิมพ์ลภัสรีบหลบวูบภาวนาขออย่าให้เขาเดินมาทางนี้เลย แต่ดูเหมือน..คำขอของเธอจะไม่สัมฤทธิ์ผล ภีรมัตไม่รีรอต้องคิด ดิ่งไปหาสองสาวทันที

ร่างสูงเดินดิ่งมาที่โต๊ะทั้งคู่ ขณะที่สิตาภากอดเกี่ยวท่อนแขนแข็งแรงไว้แน่นแสดงความเป็นเจ้าของไม่ห่าง เมื่อสาวๆต่างส่งสายตาชื่นชมสนใจในตัวภีรมัตมาให้ไม่ขาดสาย พร้อมทั้งส่งสายตาเรืองวาวกลับไปอย่างไม่แคร์สื่อ กระทั่งผู้หญิงเหล่านั้นล่าถอยหลบตากันพัลวัน ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงสดยิ้มมุมปากอย่างผู้มีชัยเหนือทุกคน กระทั่งภีรมัตหยุดที่โต๊ะๆหนึ่ง สิตาภาถึงรู้ว่าตนพลาด มัวแต่หึงหวงกับคนอื่น แต่ก้างตัวจริงชิ้นโตอยู่ตรงนี้ต่างหาก

“มานานรึยัง ขอพี่ร่วมโต๊ะด้วยได้มั้ยคะพิม” เสียงทุ้มดังขึ้นเหนือศีรษะพิมพ์ลภัส ตะเกียบที่คีบลูกชิ้นอยู่ร่วงลงที่เดิม

พิมพ์ลภัสแหงะมองคนตัวสูงซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ สายตาคมปลาบเคลือบรอยยิ้มยังไงไม่รู้ วูบหนึ่งเธอเห็นเขามองเลยมาที่ริมฝีปากเธอ หน้าเนียนร้อนผ่าวจนต้องก้มมองจาน ไม่รู้จะวางหน้ายังไงดี แม้จะรู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ แต่หลังจากวันนั้น เธอก็ยังไม่กล้าที่จะพบเขาอีก

ภีรมัตละสายตาจากพิมพ์ลภัสหันมารับไหว้เพียงอร เมื่อสาวน้อยทักทาย

"คุณจะว่าอะไรมั้ย ถ้าเราจะร่วมโต๊ะกับน้องพิมและเพียงอร” เขาหันมาถามแฟนสาวนิด เพียงอรตาโตดีใจที่เขาจำชื่อเธอได้ ยิ้มจนหน้าบาน พิมพ์ลภัสอยากจะขำ แต่ตอนนี้ขำไม่ออก นี่เขา..ไม่คิดจะถามเธอเหรอว่ายินดีจะให้ร่วมโต๊ะด้วยรึเปล่า
สิตาภาชักสีหน้ากระเง้ากระงอด แสดงออกชัดว่าไม่ยินดีจะร่วมโต๊ะเดียวกัน ทว่าภีรมัตกลับไม่ใส่ใจในเมื่อเขาอยากจะนั่งด้วย

ปิ๊ง!ไอเดีย เพียงอรเกิดความคิดบางอย่าง เธออยากรู้มานานแล้วว่าเพื่อนคิดยังไงกับพี่ชายคนนี้ นี่เป็นโอกาสเหมาะที่จะล้วงความลับในใจพิมพ์ลภัส อยากรู้นัก! ถ้าต้องนั่งดูภีรมัตและสิตาภา สวีทหวานต่อหน้าต่อตาเพื่อนจะมีอาการอย่างไร เพียงอรรีบกระวีกระวาดเสียสละที่นั่งฝั่งตนให้กับแขกผู้มาใหม่ แล้วย้ายก้นมานั่งคู่กับพิมพ์ลภัสแทน

“เชิญค่ะพี่ภีม เราเพิ่งทานไปนิดเดียวเอง” เพียงอรเอ่ยยิ้มกว้างแฝงนัยเจ้าเล่ห์

นึกสงสัยมานานแล้วว่าพิมพ์ลภัสแอบคิดไม่ซื่อกับพี่ชายคนนี้รึเปล่าแต่จับไม่ได้สักที วันนี้เธอจะต้องรู้ความจริงให้ได้ว่าพิมพ์ลภัสรู้สึกอย่างไรกับภีรมัตกันแน่

“ร้านมีตั้งเยอะแยะ ทำไมต้องมาที่นี่ด้วยก็ไม่รู้” พิมพ์ลภัสบ่นอุบเบาๆ เพียงอรได้ยิน แต่กลับทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ยิ้มใสซื่อเชื้อเชิญให้ทั้งคู่นั่งร่วมโต๊ะ

“สิตาครับ นี่เพียงอรเพื่อนสนิทของพิม” เขาต้องทำหน้าที่เป็นฑูตซะเอง ขณะที่เจ้าตัวเอาแต่นั่งก้มหน้าหงุด เพียงอรไหว้ตามมารยาท แต่กลับถูกสิตาภาเชิดใส่จนเหวอไปเลย

ภีรมัตชักสีหน้าตึงขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อแฟนสาวเสียมารยาทแสดงชัดว่าไม่อยากมีปฏิสัมพันธ์กับสองสาว เขาชักหน้าตึงขึ้นมาเล็กน้อย สิตาภาสลดลงรู้ว่าเขาไม่พอใจ จึงรีบกวักมือเรียกบริกรเข้ามาสั่งอาหารเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจแทน

“เดี๋ยวสิตาสั่งของโปรดคุณให้นะคะภีม” เธอเอ่ยเอาใจ

“จะจ้องจนซูชิกลายเป็นราเม็งรึไงพิม” ภีรมัตเอ่ยเหน็บเธอจนได้ พิมพ์ลภัสคิด ใครจะปั้นหน้าตาเฉยได้เหมือนเขาล่ะ

“พอดีเราอิ่มแล้ว กำลังจะกลับค่ะ” เธอตอบเรียบๆตัดบท พยายามสู้สบตาเขาทั้งที่ใจสั่น

“อ้าว! ฉันยังกินไม่ชุ่มปอดเลย อะไรของแกเนี่ย” เพียงอรโวยตาใสซื่อ เมื่ออาหารที่สั่งเพิ่มทยอยลำเลียงเข้ามาวางบนโต๊ะ

“พี่สั่งมาเพิ่มอีกตั้งเยอะอยู่ทานด้วยกันก่อนสิพิม จะรีบไปไหน เดี๋ยวมื้อนี้พี่เป็นเจ้ามือเอง” เขาเสนอตัว

“นั่นสิ ไหนๆก็มีเจ้ามือแล้วขอกินให้หายอยากหน่อยนะพิม” เพียงอรตีหน้าเศร้าออดอ้อนให้ดูน่าสงสาร เพื่อที่พิมพ์ลภัสจะได้เห็นใจ

“เออๆเห็นแก่กินนักนะ” พิมพ์ลภัสหันมาแขวะไม่จริงจังอะไร

เธอฝืนดูภาพทั้งคู่เอาอกเอาใจกันขื่นๆ ความรู้สึกบีบคั้นตีรื้นขึ้นมาจนแทบอยากจะลุกหนี เขาก็ดูเทคแคร์แฟนสาวดีคอยตักโน่นคีบนี่ให้อยู่เรื่อยๆ แต่ก็ยังอุตส่าห์เผื่อแผ่มาถึงเธอกับเพียงอรด้วย

สิตาภาไม่พอใจที่ภีรมัตปฏิบัติต่อสองสาวเท่าเทียมกับเธอ แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพียงเคืองขุ่นอยู่ในใจเท่านั้น เพราะเธอไม่อยากสร้างเรื่องเพิ่มอีก ถ้าภีรมัตรู้ว่าเธอไม่ชอบหน้าน้องสาวข้างบ้าน เขาอาจจะโกรธเธอก็ได้ แค่น้องข้างบ้านทำไมเขาจะต้องใส่ใจขนาดนี้ด้วยนะ

“เมื่อสองวันก่อนเห็นข่าวกับจุลกานต์ ตกลงคบกันรึเปล่าจ๊ะพิม” สิตาภาลอยหน้าลอยตาพูด พิมพ์ลภัสสะอึกไปนิดเพราะไม่คิดว่าสิตาภาจะกล้าถามเรื่องส่วนตัว จึงไม่ทันตอบ เมื่อพิมพ์ลภัสเอาแต่นิ่งเงียบ สิตาภาจึงตอบแทนราวกับว่าเป็นพิมพ์ลภัสซะเอง

“อย่างว่าแหล่ะนะใครจะกล้ายอมรับล่ะ..จุลกานต์คาสโนว่าซะขนาดนั้น ฉันเห็นใจเธอนะพิม” พร้อมทั้งส่งสายตาเห็นใจระคนยิ้มเย้ยมาให้

“ดูจริงใจมากเลย” เพียงอรเอียงหน้ามากระซิบข้างหูเพื่อนอย่างไม่ต้องรักษามารยาทกันเลย

“ค่ะ..” พิมพ์ลภัสรับคำสั้นๆเพื่อให้เรื่องจบ เธอไม่มองคนข้างกายสิตาภาด้วยซ้ำ เพราะไม่อยากนึกถึงเรื่องในวันนั้น ถ้าเพียงแต่เธอจะเหลือบมองสักนิดก็จะเห็นแววกระด้างในดวงตาคมสีนิล ซึ่งกำลังไม่ชอบใจกับคำตอบที่ได้ยิน ฟังแล้วชวนหงุดหงิด
สิตาภาพึงพอใจที่สามารถจุดชนวนความขัดแย้งเล็กๆขึ้นมาได้ หวังว่าภีรมัตจะติดลบกับพิมพ์ลภัสจนไม่อยากมองหน้ากันอีก

ภีรมัตห่วงน้องสาวคนนี้เกินกว่าเหตุ แต่ก็ไม่มีอะไรมากกว่าพี่ชายกับน้องสาว ทว่าก็วางใจไม่ได้ซะทีเดียว ต้องหมั่นคอยสังเกตปฏิกิริยาอยู่เสมอ

“สิตาครับ คุณลองทานนี่สิ รสชาติไม่เลวเลย” เขาเปลี่ยนประเด็นเพราะไม่อยากให้มีสงครามกลางโต๊ะอาหาร ยิ้มอ่อนโยนให้แฟนสาว ก่อนจะเหลือบมองพิมพ์ลภัสแบบมึนตึง

นี่เธอมานั่งทำอะไร..พิมพ์ลภัส! ยังเจ็บไม่พอใช่มั้ย เธอมองทั้งคู่เงียบๆ หัวใจเจ็บร้าวลึกจนแทบจะหยุดเต้น ไม่คิดแตะอาหารที่เขาตักให้เลยสักชิ้นเดียว พยายามปั้นหน้าให้เป็นปกติทั้งที่ใจปวดหนึบ เมื่อไหร่เธอจะทำใจให้ชินได้เสียที

หลังจากสังเกตมาครู่ใหญ่ เพียงอรก็ได้ข้อสรุปและเริ่มรู้สึกผิด..ที่คิดแผนล้วงความลับในใจเพื่อนแบบนี้มันโหดร้ายเกินไป เธอรู้แล้ว..เห็นแล้วว่าพิมพ์ลภัสเจ็บปวดแค่ไหน แววหม่นเศร้าเกิดขึ้นทุกครั้งที่ต้องเห็นทั้งคู่สวีทหวานกัน เพื่อนเธอแอบรักพี่ชายข้างบ้านที่โตมาด้วยกันจริงๆ

ตั้งแต่มีทั้งคู่ร่วมโต๊ะด้วย พิมพ์ลภัสก็เอาแต่เงียบ ก้มมองจานเพียงอย่างเดียว นานๆครั้งถึงจะเงยขึ้นมองพระเอกหนุ่มสักที สีหน้าไม่สู้ดีนักบ่งชัดถึงความอึดอัด บวกกับอาการเศร้าลึกจนหน้าเห็นใจ

“อิ่มแล้วเหรอพิม พี่ไม่เห็นพิมกินอะไรเลย” เขาเอ่ยห้วนๆ เธอดูเงียบเกินปกติ

“พิมทานไปเยอะแล้วค่ะ” เธอตอบเสียงพร่าหน้าตาจืดชืด แม้จะฝืนยิ้มแต่เพียงอรรู้ว่าพิมพ์ลภัสกำลังทรมาน.. คิดผิดมหันต์ เธอกำลังทำร้ายพิมพ์ลภัส ไม่ได้การล่ะ..เธอจะต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้โดยด่วน!

“โอ๊ะ..โอ๊ย!” เพียงอรร้องโอดครวญตัวบิดงอเป็นกุ้งมือกุมท้องหน้าบูดเบี้ยว

“เป็นอะไรอร” พิมพ์ลภัสถามตื่นตระหนกมองเพียงอรบิดตัวไปมาอย่างทุกข์ทรมาน เพียงอรร้องขึ้นมาอีกครั้งให้ดูสมจริง ภีรมัตและสิตาภาพลอยตกใจไปด้วย

“ฉันปวดท้องน่ะพิม สงสัยจะกินเยอะไปหน่อย” เธอเอ่ยพร้อมทั้งร้องหนักขึ้นกว่าเดิม

“พี่ว่าพาไปหาหมอดีกว่านะ” ภีรมัตแสดงความเห็นเตรียมจะลุกจากเก้าอี้ไปช่วยพิมพ์ลภัสประคองเพื่อนสาว แต่กลับถูกสิตาภาขัดขึ้นซะก่อน

“ให้พิมพ์ลภัสพาไปก็ได้มั้งคะภีม..” เธอรีบฉวยแขนแฟนหนุ่มเอาไว้ พิมพ์ลภัสจึงใช้โอกาสนี้ลุกออกจากโต๊ะหลังจากที่ทนนั่งอึดอัดมานาน

“ค่ะ..เดี๋ยวพิมพายัยอรไปหาหมอเอง พี่ภีมกับคุณสิตาทานต่อเถอะไม่ต้องห่วง เพิ่งจะทานไปนิดเดียวเอง” พูดจบก็รีบประคองเพียงอรที่ตัวบิดงอร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดไม่เลิกลุกออกจากโต๊ะ

พิมพ์ลภัสประคองเพียงอรห่างออกมาจากร้านพอสมควร เธอจึงปล่อยมือทันที เพียงอรแทบทรุดไปกองกับพื้นเพราะไม่ทันได้ตั้งหลัก ก่อนจะหันมองเพื่อนที่ยืนตาเขียวขุ่น

“เลิกเล่นละครได้แล้วอร..” พิมพ์ลภัสกอดอกมองเพื่อนหน้าตึง เหมือนผู้ใหญ่กำลังจับผิดเด็กเขม็ง เพียงอรยิ้มแฮะๆแก้เก้อ รู้ว่าเพื่อนทันเกมส์เสมอ

"รู้ได้ไง" เสียงอ่อยอย่างคนสำนึกผิด

"ฉันเป็นเพื่อนแกมาแปดปี กินอาหารญี่ปุ่นเป็นร้อยครั้ง ไม่ยักรู้ว่าแกแพ้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" พิมพ์ลภัสเอ่ยหน้าตึง
แล้วก็ไม่รอฟังเหตุผลที่เพียงอรตั้งท่าจะอธิบายถึงสิ่งที่ทำลงไป เดินหน้าง้ำไปที่รถ เพียงอรรู้ตัวว่าผิดเต็มๆที่คิดลองใจเพื่อนแบบนี้ มันออกจะใจร้ายไปหน่อย

“พิมฉันขอโทษ แกอย่าโกรธฉันเลยนะ” เธอตะโกนตามหลัง ทว่าพิมพ์ลภัสเปิดประตูเข้าไปนั่งประจำที่คนขับแล้ว เธอจึงรีบถลันตาม "ฉันแค่อยากรู้ว่าแกคิดยังไงกับพี่ภีมเท่านั้นเอง” น้ำเสียงอ่อยๆ หน้าสลดอย่างคนสำนึกผิด ทว่าเงียบไม่มีเสียงตอบกลับจากคนข้างกาย

มือบางเสียบกุญแจเข้าที่แต่กลับไม่ยอมสตาร์ทเครื่อง เธอกำลังครุ่นคิดบางอย่าง ไม่ได้โกรธเกมส์เดาใจของเพียงอรแต่กำลังนึกสงสารตัวเอง จนไม่ทันได้ยินสิ่งที่เพียงอรพูด

“ถ้าไม่ทำแบบนี้ ฉันก็ไม่มีวันรู้..ว่าแกรักใคร แกอย่าโกรธฉันเลยนะพิม” เพียงอรจับหมับที่แขนเพื่อน น้ำตาคลอเหมือนคนจะร้องไห้ พิมพ์ลภัสเหลือบมองแวบนึงแล้วถอนใจ

“ก็รู้แล้วนี่” พิมพ์ลภัสตอบรับเสียงเศร้า เพียงอรรู้สึกได้ถึงอารมณ์หม่นนั้น เธอเห็นใจและก็เสียใจที่เล่นแรงไปหน่อย

“โกรธฉันรึเปล่าพิม” ถามอีกครั้งไม่แน่ใจว่าเพื่อนโกรธเธอรึเปล่า และพิมพ์ลภัสก็เงียบ..อีกแล้ว

เธอมองเหม่อ คล้ายกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างจึงไม่ได้ฟังสิ่งที่เพียงอรพูดกับเธอ หันมาอีกทีเพื่อนสาวก็น้ำตาคลอปริ่ม หยาดน้ำใสๆเตรียมจะหยดแหมะ “เฮ้ย!..แกร้องไห้ทำไมอร” พิมพ์ลภัสถามกลั้วขำ

“ก็แกโกรธฉันนี่” เพียงอรเอ่ยเสียงเครือ คิดว่าพิมพ์ลภัสโกรธตัวเองจนไม่ยอมพูดด้วย

“เปล่า ไม่ได้โกรธ คิดมากไปได้” เธอหัวเราะร่วน แล้วบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์เคลื่อนออกจากร้านอาหาร ขณะที่เพียงอรเช็ดคราบน้ำตาที่แก้ม

"แกไม่โกรธฉันแน่นะพิม" เอ่ยเสียงเครือ

"อืม.." พิมพ์ลภัสตอบสั้นๆ ทว่าเพียงอรยังคงจ้องเธอเป๋งคล้ายไม่เชื่อ

"แน่นะ" เพียงอรถามย้ำ

"แน่.." พิมพ์ลภัสย้ำขำๆ แล้วทั้งคู่ก็เงียบกันมาตลอดทางต่างคนต่างจมปลักอยู่กับความคิดของตัวเอง ก่อนที่เพียงอรจะเป็นฝ่ายเริ่มบทสนทนาขึ้นมาใหม่

“พิม..แกเคยคิดจะเปิดใจให้คนอื่นบ้างมั้ย” เพียงอรเอ่ยขึ้นมาก่อน หลังจากครุ่นคิดเรื่องราวของพิมพ์ลภัส สุดท้ายก็จบที่เรื่องของตัวเอง

“ถามฉัน..ตัวแกเถอะทำได้หรือเปล่าล่ะ” พิมพ์ลภัสย้อนกลับ เพียงอรไร้คำตอบโต้เพราะรู้ดีว่าคำตอบคืออะไร ถ้าทำได้เธอก็อยากหลุดพ้นจากความเจ็บปวดนี้เช่นกัน

การแอบรักใครสักคน..มันทรมาน แต่การแอบรักคนใกล้ตัวนี่สิ ทรมานกว่า..ทรมานแบบสุดๆเลยเชียว

ทำไมพิมพ์ลภัสจะไม่เคยคิดแบบนั้น ฝืนไปใจก็เจ็บ เรื่องของหัวใจบังคับกันได้ซะที่ไหน เมื่อรู้ว่าตัวเองทำไม่ได้ เธอจึงเลิกบังคับใจตัวเอง แต่พยายามทำใจให้ชินกับความรู้สึกนี้ หากวันนั้นมาถึง..วันที่เขาแต่งงานมีครอบครัว เธอจะอยู่ส่วนไหนของโลกใบนี้ ใกล้หรือไกลจนอาจไม่มีวันได้พบกันอีก แต่ที่แน่ๆส่วนหนึ่งของชีวิตเขาคงไม่มีเธอรวมอยู่ด้วย เพียงอรลอบมองเสี้ยวหน้างดงามของเพื่อนเงียบๆ ยามนี้มันดูนิ่งสงบแต่เธอรู้ดีว่าเพื่อนรักเจ็บปวดร้าวรานเพียงใด


-----------------------------------------------------------*************-----------------------------------------------------------------
เจ็บอีกแร้วว...พิมพ์ลภัส



รจนาไฉน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ธ.ค. 2557, 16:00:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ธ.ค. 2557, 16:00:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1498





<< บทที่ 11   บทที่ 16 Love for ever >>
ร้อยวจี 19 ธ.ค. 2557, 16:25:00 น.
หายไปนาน


รจนาไฉน 19 ธ.ค. 2557, 17:32:33 น.
ขอโทษค่าา งานยุ่งจริงไรจริง แต่ตอนนี้กลับมาแล้ว ตามให้กำลังใจพิมพ์ลภัสด้วยน้าา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account