ใยรักสีรุ้ง
...เป็นเค้าใช่ไหม หรือ ใครอีกคน
...ที่ช่วยฉุด ให้หลุดพ้น ความหม่นหมอง
...ให้คืนมัว ฟ้ามืดดำ น้ำตานอง
...มีดาวส่อง ครองราตรี ชี้เส้นทาง
หนึ่งในสองฝาแฝด ใครกันนะที่ช่วยชีวิตเธอไว้ รุ้งทองจึงเริ่มปฏิบัติการทดแทนคุณ
แต่หารู้ไม่แผนการครั้งนี้คือที่มาของ...หายนะ
...ที่ช่วยฉุด ให้หลุดพ้น ความหม่นหมอง
...ให้คืนมัว ฟ้ามืดดำ น้ำตานอง
...มีดาวส่อง ครองราตรี ชี้เส้นทาง
หนึ่งในสองฝาแฝด ใครกันนะที่ช่วยชีวิตเธอไว้ รุ้งทองจึงเริ่มปฏิบัติการทดแทนคุณ
แต่หารู้ไม่แผนการครั้งนี้คือที่มาของ...หายนะ
Tags: รัก หง โรแมนติก
ตอน: เจ้าชายผู้ไม่ได้ขี่ม้าขาว
ณ ตอนนี้ บอกตรงๆอยากเก็บคำชมทุกอย่างโยนทิ้งลงหน้าต่างแล้วเก็บความปลื้มของฉันคืนมา...เธอคิดในใจ
คนอะไร กินยากเหลือแสน เมื่อเธอถามว่าอยากจะกินอะไรเดี๋ยวจะสั่งให้ทางแคนทีนที่อยู่ชั้นสามจัดขึ้นมาให้
" อะไรก็ได้ ง่ายๆ"
เธอจึงเลือกแซนด์วิชไก่อบให้ พออาหารมาถึงพ่อเจ้าประคุณก็จัดการหยิบแซนด์วิชที่ว่างเรียงอย่างงดงามในจานขึ้นมาคลี่ดูไส้ข้างในอย่างละเอียดทีละชิ้นจนครบสี่ชิ้น ก่อนจะเริ่มลงมือรับประทาน พอเหลียวมาสบสายตาของเธอที่มองมาอย่างแปลกใจ เขาก็แค่ยักไหล่
" แค่ ไม่ชอบกินอะไรแปลกๆน่ะ" มันแปลกตรงไหนกะแค่ไก่กับผักสลัดนี่นะ
เคยได้ยินมาบ้าง ตอนรับการติวเข้มจากคุณหญิงพวงผกาก่อนที่จะรับตำแหน่ง ว่าลูกชายสุดที่รักของท่านคนนี้ กินอยู่ค่อนข้างยาก ชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไรแต่ไม่นึกว่าจะเลือกมากขนาดนี้
เลขาฯคนเก่งอยากเธอได้แต่เก็บความกังขาไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย..นี่ถ้าพี่เทียนกินยากขนาดนี้ เธอคงต้องขอลาออกจากการเป็นน้องแน่ แต่โชคดีรายนั้นผิดกับรายนี้ลิบลับ เพราะรายนั้นเป็นจอมเขมือบของแท้ จนบางครั้งเธอนึกว่าพี่เทียนเป็นชูชกกลับชาติมาเกิดซะอีก
เมื่อจัดการอาหารเสร็จหญิงสาวก็เข้ามาเก็บจาน แล้วตามมาด้วยกาแฟ ได้ยินเพียงคำขอบใจสั้นๆ และสายตาเย็นชาที่เหลือบขึ้นมามองแวบเดียว จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทำงานตามเดิม
หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ อยากเหลือเกินที่จะทำความคุ้นเคยสักนิดก่อนที่จะเอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้มานานแสนนาน แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะปิดประตูกันท่าตั้งแต่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ อย่างนี้เธอมิต้องเป็นเลขาฯหน้าห้องอีตาหน้าบึ้งนี้ตลอดไปเหรอ ไม่ได้นะ...
หญิงสาวก้าวออกไปจากห้องด้วยสีหน้าเหงาหงอยโดยไม่ทันสังกตุเริมฝีปากบางของคนที่เป็นเจ้านายกระตุกยิ้มหยันที่มุมปากดวงตาคมส่งประกายวาววาบตามหลัง...
จากนั้นร่างโปร่งบางก็ก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานในคอมพิวเตอร์อย่างเมามันจนหมดเวลาทำงาน
ร่างสุงของคนในห้องก็เปิดประตูออกมา...
" เจอกันพรุ่งนี้นะ" เขากล่าวแล้วก็เลยไปดกลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้นยี่สิบไปรายงานตัวกับพ่อและแม่อย่างเคย...ลูกแหง่ชะมัด
หญิงสาวขยับตัวลุกบิดขี้เกียจแล้วก็เริ่มจัดของให้เข้าที่ ก่อนโน้มตัวลงคว้ากระเป๋าเสิ้อผ้าที่ซุกไว้ใต้โต๊ะพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์แห่งชาติ และต้องไปงานสังสรรค์วันเกิดเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ถึงจะแยกย้ายกันไปตามวิถีชีวิตของแต่ละคน แต่เธอกับแพรวก็ยังติดต่อหากันตลอด สนุกแน่ๆคืนนี้ แค่คิดจิตใจก็รู้สึกกระชุ่มกระช่วยขึ้นมาทันที แล้วก็เดินลงไปชั้นล่างด้วยบันได.....ขี้เกียจรอลิฟท์ลงบันไดเร็วกว่า
พอถึงล๊อบบี้ชั้นล่างหญิงสาวก็เห็นหลังไวๆของเจ้านาย เดินออกจากลิฟท์ไป เธอได้แต่เดินตามหลังไปเงียบๆดูเหมือนเขาจะใจลอย ไม่สังเกตุด้วยซ้ำว่าใครเดินตามหลังมาจนก้าวออกจากตัวอาคารแล้วตรงดิ่งไปที่รถยนต์สีดำของเขา
ทันใดนั้น....ความเคลื่อนไหวบางอย่างทำให้รุ้งทองขนลุกซู่
เสียงบิดมอเตอร์ไซด์กับผู้ชายสองคนสวมหมวกกันน็อครัดกุมเร่งเครื่องเข้ามาตามถนน ปฏิกิริยาบางอย่างของคนพวกนั้นน่าสงสัย มันชั่งรวดเร็วจนดูแทบไม่ทันเมื่อคนซ้อนท้ายคว้าบางสิ่งสีดำมะเมื่อมขึ้นมาจากซอกเอว เล็งไปยังคนที่กำลังเปิดประตูรถอย่างใจลอย
" ระวัง " หญิงสาวตะโกนลั่น ก่อนที่จะขว้างกระเป๋าในมือไปยังแขนที่เหยียดตรงของเจ้าคนซ้อนท้ายกระทบกับส่วนมือของเจ้าวายร้าย อย่างแม่นยำ
ปัง
วิถีกระสุนสาดไปทางด้านใดไม่รู้ ได้ยินเพียงเสียงหวีดว้ายของผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้น และที่สำคัญปืนยังอยู่ในมือของมัน
หญิงสาวไม่ดูผลด้วยซ้ำ กระโจนเข้าไปกระชากแขนคนตัวร่างสูงที่กำลังตื่นตะลึงให้อ้อมไปหลบตรงหัวรุที่ติดกับตึกหน้าอาคารพลางกดให้หมอบต่ำข้างตัวรถอย่างรวดเร็ว
ปัง ปัง ปัง
คมกระสุนพลาดเป้าไปโดนกระจกและตัวถังรถอย่างหวุดหวิด ได้ยินเสียงมือปืนสบถลั่น ก่อนที่คนขับจะเร่งเครื่องแล่นหายไปจนฝุ่นตลบ
ความเงียบเข้าครอบคลุมชั่ววินาที จากนั้นก็เกิดความชุลมุนวุ่นวายตามมา หญิงสาวได้สติถึงจึงคลายมือที่โอบร่างอุ่นข้างๆก่อนถามด้วยความร้อนรน
" เป็นไงบ้างคะคุณ เจ็บตรงไหนรึเปล่า"
" ไม่เป็นไร ขอบใจนะ "ชายหนุ่มลุกขึ้นอย่างงงัน สิ่งที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วจนเขาตั้งสติไม่ทัน "นี่มันเกิดอะไรขึ้น"
" คุณโดนลอบยิง"หญิงสาวตอบแสนง่าย แต่คนฟังตัวเย็นเฉียบ อยากคิดว่านี่คือการเล่นตลก เพราะเขาไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใครมาก่อน แต่รอยกระสุนที่ข้างรถนี่เป็นการยืนยันเป็นอย่างดีทีเดียวว่ามันคือความจริง
พนักงานบริษัทหลายคนที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุก็กรูกันเข้ามาสอบถามกันให้จ้าละหวั่น ถึงแม้เหตุการณ์จะสงบลงแล้ว แต่ทุกคนยังไม่คลายอกสั่นขวัญแขวน
"เสียดายที่ไม่เห็น เลขทะเบียนรถมัน" พนักงานชายคนหนึ่งที่หลบกระสูนอยู่ไม่ไกล สีหน้ายังคงตื่นกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอ่ย" รู้สึกว่ามันเอาถุงพลาสติกคลุมไว้นะครับ"
"แจ้งตำรวจเถอะคุณศักดิ์" ชายหนุ่มสั่งเมื่อใจคอสงบลงบ้างแล้ว
แล้วเหลือบมองมายังร่างโปร่งที่เดินเข้าไปเก็บกระเป๋าสีดำที่เธอใช้ขว้างคนร้ายอย่างซาบซึ้ง
ก่อนหัวคิ้วเข้มเริ่มขมวดเข้าหากันอย่างไม่แน่ใจ แล้วเปลี่ยนเป็นตาเบิ้งกว้างเมื่อเห็นบางสิ่งชัดเจน
" รุ้งทอง"ชายหนุ่มตรงดิ่งเข้าไปหา คว้าแขนที่มีรอยเลือดแดงเปื้อนแขนเสื้อสีครีมเป็นหย่อมอย่างระวัง " เธอถูกยิงนี่"
ยัยซื่อบื้อเอยรู้รึป่าวว่าตัวเองโดนยิงชายหนุ่มคิดในใจอย่างรุ่มร้อน
" แค่ถางๆค่ะ"สีหน้าไม่ยินดียินร้าย กลับทำให้อีกคนร้อนรน เธอยกแขนขึ้นข้างนั้นขึ้นแล้วชี้ให้เขาดูแผลประมาณสองนิ้วผ่านรอยขาดเล็กๆของเสื้อที่ต้นแขน แม้มันจะเป็นแค่รอยครูดเล็กน้อย แต่มีเลือดซึมออกมาอย่างนี้ทำให้เขาไม่สามารถวางใจได้
"ไปหาหมอกัน"
"ไม่ไปค่ะ จิ๊บๆ" คนพูดเก็บกระเป๋าขึ้นมาปัดฝุ่นอย่างใจเย็น ยิ่งทำให้เขาอัศจรรย์ใจในตัวยายนี่เข้าไปอีก นอกจากจะเฉิ่มเชย ซื่อบื้อ แล้วยังดื้อขาดใจ ดูท่าแล้วเจ้าหล่อนให้ความสนใจไป้กระเป้าใบนั้นมากกว่าตัวเองเสียอีก
" ไม่ได้เธอต้องไปหาหมอ" เขาบอกเสียงเข้มอย่างไม่ยอมแพ้ จัดการปลดกระดุมแล้วเสื้อพับขึ้นอย่างระวัง โดยไม่บอกกล่าวเจ้าของที่ตอนนี้ตื่นตะลึงยิ่งกว่าโดนไล่ยิงซะอีก แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวของเขาในกระเป๋าเสื้อมากดทับแผลเอาไว้ " รถละ กุญแจรถละ"
เธอพาเขาไปยังรถโฟล์คเต่าสภาพภายนอกดูเก่าและแย่เต็มทีดังต้องมนต์ ยืนกุญแจให้เขาอย่างดิบดีทั้งที่ก่อนหน้าหญิงสาวยืนยันชัดเจนว่าจะไม่ไปหาหมอ
" คุณรักษ์ครับ ท่านทั้งสองกำลังลงมาครับ" พนักงานคนหนึ่งกล่าว เมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังพารุ้งทองหาหมอ เขาเป็นแจ้งท่านประทานเองว่ารักษ์ถูกลอบยิ่ง ท่าทางท่านตกใจมากและกำลังจะลงมาดู
" ฝากเรียนท่านแล้วกันเดี๋ยวผมมา"
ตลอดเวลาที่เดินทางไปยังคลีนิกใกล้ๆเพื่อทำแผล เขาและเธอไม่ได้พูดคุยกันมากนัก
คนอะไร กินยากเหลือแสน เมื่อเธอถามว่าอยากจะกินอะไรเดี๋ยวจะสั่งให้ทางแคนทีนที่อยู่ชั้นสามจัดขึ้นมาให้
" อะไรก็ได้ ง่ายๆ"
เธอจึงเลือกแซนด์วิชไก่อบให้ พออาหารมาถึงพ่อเจ้าประคุณก็จัดการหยิบแซนด์วิชที่ว่างเรียงอย่างงดงามในจานขึ้นมาคลี่ดูไส้ข้างในอย่างละเอียดทีละชิ้นจนครบสี่ชิ้น ก่อนจะเริ่มลงมือรับประทาน พอเหลียวมาสบสายตาของเธอที่มองมาอย่างแปลกใจ เขาก็แค่ยักไหล่
" แค่ ไม่ชอบกินอะไรแปลกๆน่ะ" มันแปลกตรงไหนกะแค่ไก่กับผักสลัดนี่นะ
เคยได้ยินมาบ้าง ตอนรับการติวเข้มจากคุณหญิงพวงผกาก่อนที่จะรับตำแหน่ง ว่าลูกชายสุดที่รักของท่านคนนี้ กินอยู่ค่อนข้างยาก ชอบกินอะไร ไม่ชอบกินอะไรแต่ไม่นึกว่าจะเลือกมากขนาดนี้
เลขาฯคนเก่งอยากเธอได้แต่เก็บความกังขาไว้ภายใต้สีหน้าเรียบเฉย..นี่ถ้าพี่เทียนกินยากขนาดนี้ เธอคงต้องขอลาออกจากการเป็นน้องแน่ แต่โชคดีรายนั้นผิดกับรายนี้ลิบลับ เพราะรายนั้นเป็นจอมเขมือบของแท้ จนบางครั้งเธอนึกว่าพี่เทียนเป็นชูชกกลับชาติมาเกิดซะอีก
เมื่อจัดการอาหารเสร็จหญิงสาวก็เข้ามาเก็บจาน แล้วตามมาด้วยกาแฟ ได้ยินเพียงคำขอบใจสั้นๆ และสายตาเย็นชาที่เหลือบขึ้นมามองแวบเดียว จากนั้นก็ก้มหน้าก้มตาทำงานตามเดิม
หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ อยากเหลือเกินที่จะทำความคุ้นเคยสักนิดก่อนที่จะเอ่ยถามในสิ่งที่อยากรู้มานานแสนนาน แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะปิดประตูกันท่าตั้งแต่ยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ อย่างนี้เธอมิต้องเป็นเลขาฯหน้าห้องอีตาหน้าบึ้งนี้ตลอดไปเหรอ ไม่ได้นะ...
หญิงสาวก้าวออกไปจากห้องด้วยสีหน้าเหงาหงอยโดยไม่ทันสังกตุเริมฝีปากบางของคนที่เป็นเจ้านายกระตุกยิ้มหยันที่มุมปากดวงตาคมส่งประกายวาววาบตามหลัง...
จากนั้นร่างโปร่งบางก็ก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานในคอมพิวเตอร์อย่างเมามันจนหมดเวลาทำงาน
ร่างสุงของคนในห้องก็เปิดประตูออกมา...
" เจอกันพรุ่งนี้นะ" เขากล่าวแล้วก็เลยไปดกลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้นยี่สิบไปรายงานตัวกับพ่อและแม่อย่างเคย...ลูกแหง่ชะมัด
หญิงสาวขยับตัวลุกบิดขี้เกียจแล้วก็เริ่มจัดของให้เข้าที่ ก่อนโน้มตัวลงคว้ากระเป๋าเสิ้อผ้าที่ซุกไว้ใต้โต๊ะพลางฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี เพราะวันนี้เป็นวันศุกร์แห่งชาติ และต้องไปงานสังสรรค์วันเกิดเพื่อนที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ถึงจะแยกย้ายกันไปตามวิถีชีวิตของแต่ละคน แต่เธอกับแพรวก็ยังติดต่อหากันตลอด สนุกแน่ๆคืนนี้ แค่คิดจิตใจก็รู้สึกกระชุ่มกระช่วยขึ้นมาทันที แล้วก็เดินลงไปชั้นล่างด้วยบันได.....ขี้เกียจรอลิฟท์ลงบันไดเร็วกว่า
พอถึงล๊อบบี้ชั้นล่างหญิงสาวก็เห็นหลังไวๆของเจ้านาย เดินออกจากลิฟท์ไป เธอได้แต่เดินตามหลังไปเงียบๆดูเหมือนเขาจะใจลอย ไม่สังเกตุด้วยซ้ำว่าใครเดินตามหลังมาจนก้าวออกจากตัวอาคารแล้วตรงดิ่งไปที่รถยนต์สีดำของเขา
ทันใดนั้น....ความเคลื่อนไหวบางอย่างทำให้รุ้งทองขนลุกซู่
เสียงบิดมอเตอร์ไซด์กับผู้ชายสองคนสวมหมวกกันน็อครัดกุมเร่งเครื่องเข้ามาตามถนน ปฏิกิริยาบางอย่างของคนพวกนั้นน่าสงสัย มันชั่งรวดเร็วจนดูแทบไม่ทันเมื่อคนซ้อนท้ายคว้าบางสิ่งสีดำมะเมื่อมขึ้นมาจากซอกเอว เล็งไปยังคนที่กำลังเปิดประตูรถอย่างใจลอย
" ระวัง " หญิงสาวตะโกนลั่น ก่อนที่จะขว้างกระเป๋าในมือไปยังแขนที่เหยียดตรงของเจ้าคนซ้อนท้ายกระทบกับส่วนมือของเจ้าวายร้าย อย่างแม่นยำ
ปัง
วิถีกระสุนสาดไปทางด้านใดไม่รู้ ได้ยินเพียงเสียงหวีดว้ายของผู้คนที่อยู่ในบริเวณนั้น และที่สำคัญปืนยังอยู่ในมือของมัน
หญิงสาวไม่ดูผลด้วยซ้ำ กระโจนเข้าไปกระชากแขนคนตัวร่างสูงที่กำลังตื่นตะลึงให้อ้อมไปหลบตรงหัวรุที่ติดกับตึกหน้าอาคารพลางกดให้หมอบต่ำข้างตัวรถอย่างรวดเร็ว
ปัง ปัง ปัง
คมกระสุนพลาดเป้าไปโดนกระจกและตัวถังรถอย่างหวุดหวิด ได้ยินเสียงมือปืนสบถลั่น ก่อนที่คนขับจะเร่งเครื่องแล่นหายไปจนฝุ่นตลบ
ความเงียบเข้าครอบคลุมชั่ววินาที จากนั้นก็เกิดความชุลมุนวุ่นวายตามมา หญิงสาวได้สติถึงจึงคลายมือที่โอบร่างอุ่นข้างๆก่อนถามด้วยความร้อนรน
" เป็นไงบ้างคะคุณ เจ็บตรงไหนรึเปล่า"
" ไม่เป็นไร ขอบใจนะ "ชายหนุ่มลุกขึ้นอย่างงงัน สิ่งที่เกิดขึ้นมันรวดเร็วจนเขาตั้งสติไม่ทัน "นี่มันเกิดอะไรขึ้น"
" คุณโดนลอบยิง"หญิงสาวตอบแสนง่าย แต่คนฟังตัวเย็นเฉียบ อยากคิดว่านี่คือการเล่นตลก เพราะเขาไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใครมาก่อน แต่รอยกระสุนที่ข้างรถนี่เป็นการยืนยันเป็นอย่างดีทีเดียวว่ามันคือความจริง
พนักงานบริษัทหลายคนที่อยู่ใกล้ที่เกิดเหตุก็กรูกันเข้ามาสอบถามกันให้จ้าละหวั่น ถึงแม้เหตุการณ์จะสงบลงแล้ว แต่ทุกคนยังไม่คลายอกสั่นขวัญแขวน
"เสียดายที่ไม่เห็น เลขทะเบียนรถมัน" พนักงานชายคนหนึ่งที่หลบกระสูนอยู่ไม่ไกล สีหน้ายังคงตื่นกลัวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอ่ย" รู้สึกว่ามันเอาถุงพลาสติกคลุมไว้นะครับ"
"แจ้งตำรวจเถอะคุณศักดิ์" ชายหนุ่มสั่งเมื่อใจคอสงบลงบ้างแล้ว
แล้วเหลือบมองมายังร่างโปร่งที่เดินเข้าไปเก็บกระเป๋าสีดำที่เธอใช้ขว้างคนร้ายอย่างซาบซึ้ง
ก่อนหัวคิ้วเข้มเริ่มขมวดเข้าหากันอย่างไม่แน่ใจ แล้วเปลี่ยนเป็นตาเบิ้งกว้างเมื่อเห็นบางสิ่งชัดเจน
" รุ้งทอง"ชายหนุ่มตรงดิ่งเข้าไปหา คว้าแขนที่มีรอยเลือดแดงเปื้อนแขนเสื้อสีครีมเป็นหย่อมอย่างระวัง " เธอถูกยิงนี่"
ยัยซื่อบื้อเอยรู้รึป่าวว่าตัวเองโดนยิงชายหนุ่มคิดในใจอย่างรุ่มร้อน
" แค่ถางๆค่ะ"สีหน้าไม่ยินดียินร้าย กลับทำให้อีกคนร้อนรน เธอยกแขนขึ้นข้างนั้นขึ้นแล้วชี้ให้เขาดูแผลประมาณสองนิ้วผ่านรอยขาดเล็กๆของเสื้อที่ต้นแขน แม้มันจะเป็นแค่รอยครูดเล็กน้อย แต่มีเลือดซึมออกมาอย่างนี้ทำให้เขาไม่สามารถวางใจได้
"ไปหาหมอกัน"
"ไม่ไปค่ะ จิ๊บๆ" คนพูดเก็บกระเป๋าขึ้นมาปัดฝุ่นอย่างใจเย็น ยิ่งทำให้เขาอัศจรรย์ใจในตัวยายนี่เข้าไปอีก นอกจากจะเฉิ่มเชย ซื่อบื้อ แล้วยังดื้อขาดใจ ดูท่าแล้วเจ้าหล่อนให้ความสนใจไป้กระเป้าใบนั้นมากกว่าตัวเองเสียอีก
" ไม่ได้เธอต้องไปหาหมอ" เขาบอกเสียงเข้มอย่างไม่ยอมแพ้ จัดการปลดกระดุมแล้วเสื้อพับขึ้นอย่างระวัง โดยไม่บอกกล่าวเจ้าของที่ตอนนี้ตื่นตะลึงยิ่งกว่าโดนไล่ยิงซะอีก แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวของเขาในกระเป๋าเสื้อมากดทับแผลเอาไว้ " รถละ กุญแจรถละ"
เธอพาเขาไปยังรถโฟล์คเต่าสภาพภายนอกดูเก่าและแย่เต็มทีดังต้องมนต์ ยืนกุญแจให้เขาอย่างดิบดีทั้งที่ก่อนหน้าหญิงสาวยืนยันชัดเจนว่าจะไม่ไปหาหมอ
" คุณรักษ์ครับ ท่านทั้งสองกำลังลงมาครับ" พนักงานคนหนึ่งกล่าว เมื่อเห็นชายหนุ่มกำลังพารุ้งทองหาหมอ เขาเป็นแจ้งท่านประทานเองว่ารักษ์ถูกลอบยิ่ง ท่าทางท่านตกใจมากและกำลังจะลงมาดู
" ฝากเรียนท่านแล้วกันเดี๋ยวผมมา"
ตลอดเวลาที่เดินทางไปยังคลีนิกใกล้ๆเพื่อทำแผล เขาและเธอไม่ได้พูดคุยกันมากนัก
เดือนมีนา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ม.ค. 2558, 03:56:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ม.ค. 2558, 02:18:47 น.
จำนวนการเข้าชม : 966
<< ตอนที่ ๑ แฝงตัว |