เงาใจในเปลวเพลิง

“มองทำไม”


ชายหนุ่มยิ้ม ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองเธอด้วยสายตาล้อเลียน “มองทอม”


“หมายความว่าไง”


“อ้าว! ยังต้องแปลอีกรึ เข้าใจอะไรยากแบบนี้จะมาเป็นบอกอได้หรือคุณ”


อาทิตยาเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงด้วยแววตาเป็นประกาย “ฉันคิดว่านายไม่ได้โง่ถึงขนาดที่จะไม่เข้าใจว่าฉันหมายถึงอะไร แต่ถ้าอยากให้อธิบายเพื่อเทสกึ๋น ฉันก็ไม่จำเป็นต้องตอบเพราะรู้ตัวดีว่ากำลังถูกหาเรื่อง”


ณัฐชาติอมยิ้ม “หาเรื่องที่ไหนกัน ก็ดูคุณสิ ผมสั้น สวมเสื้อเชิ้ต กางเกงยีน รองเท้าผ้าใบ นี่มันทอมชัดๆ แล้วไหนจะข่าวฉาวระหว่างคุณกับน้องสาวสุดเลิฟอีกละ จะไม่ให้ผมคิดได้ยังไง”


“คิดไม่คิดก็เรื่องของนาย ฉันไม่เคยคิดจะยุ่งเกี่ยวกับนายเลย ฉันจะพยายามแยกงานกับเรื่องส่วนตัวออกจากกันให้ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นหัวหน้าแล้วจะมาละลาบละล้วงเรื่องของคนอื่นได้นะดังนั้นถึงนายจะเป็นเจ้านาย แต่ถ้าส่วนไหนเป็นเรื่องส่วนตัว อย่ามายุ่ง” เธอเน้นคำว่า อย่ามายุ่ง ชัดถ้อยชัดคำนัก



ณัฐชาติยิ้มกว้าง แววตาเขาฉายแววขี้เล่น “โอ้โฮ ดุเสียด้วย รู้สึกจะดุกว่าเก่านะ ไม่เหมือน....”
“พอ...ออกไปจากห้องทำงานฉันได้ละ” ไม่พูดเปล่า อาทิตยาใช้สองแขนดันเขาด้วยหน้าตาเคร่งเครียด


“เฮ้ย!นี่ผมเป็นเจ้านายคุณนะอัย” เขาร้องเสียงหลง


“ใช่ แต่ฉันจะทำงาน นายเองก็ไปทำงานของตัวเองได้ละ”






Tags: หัวใจไต่คาน น้ำฟ้า นิยายรัก ความหลัง

ตอน: สู่ฝัน(บทนำ)

บทนำ


ภาพอดีตบางภาพยังแจ่มชัดในความทรงจำอยู่เสมอ…



ค่ำคืนนั้นอาทิตยานั่งอยู่ในห้องบอลรูมของโรงแรมหรู รอบกายเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แต่ผู้ที่ตรึงความสนใจของเธอเอาไว้ได้อย่างดีเยี่ยม คือ พิธีกรสาวที่กำลังประกาศผลรางวัลอยู่บนเวที เนื่องจากรางวัลที่เธอผู้นั้นกำลังจะประกาศมีอาทิตยาเป็นหนึ่งในผู้ถูกเสนอชื่อเข้ารับรางวัลด้วย




“รางวัลนักเขียนหน้าใหม่ยอดเยี่ยมได้แก่...” พิธีกรสาวจงใจหยุดพูดเพื่อให้มีเสียงดนตรีอันเร้าใจแทรกขึ้น ก่อนจะพูดต่อด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิม “เจ้าของนามปากกา รัศมิ์จันทร์ คุณอาทิตยา จันทรานนท์ ขอเสียงปรบมือด้วยค่ะ”




เสียงประกาศจบลง เสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มขึ้นแทนที่ อาทิตยาเกิดอาการหูอื้อ ตาลายขึ้นมาทันควัน เสียงฮือฮารอบกายจึงไม่มีผลใดๆต่อการรับรู้ของเธอ



เมื่อเห็นอาการช็อกของคนข้างกาย สาวสวยในชุดราตรียาวสีแดงสดจึงรีบหันไปสะกิดผู้ที่นั่งอยู่ติดกันให้รู้สึกตัว“พี่อัย ลุกไปรับรางวัลสิ เร็ว! เขาเรียกแล้ว”




น้ำเสียงเร่งเร้าของแพรวาปลุกให้อาทิตยาได้สติ เธอจึงรีบลุกพรวดขึ้นยืน ก้าวฉับๆขึ้นไปรับโล่บนเวทีด้วยรอยยิ้มแบบที่เรียกว่าแก้มแทบปริ



งานนี้เป็นงานประกาศผลรางวัลจากนิตยสาร “นิวสไตล์” ซึ่งจะมีการมอบรางวัลให้แก่บุคคลสาขาอาชีพต่างๆที่ได้รับการโหวตว่าเป็นบุคคลยอดนิยมเป็นประจำทุกปี ในปีนี้อาทิตยาถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลหลังจากเธอเข้าสู่วงการนวนิยายได้เพียงสองปี เธอจึงตื่นเต้นกับความสำเร็จที่ได้รับในเวลาอันรวดเร็วนี้เป็นพิเศษ




ร่างบางเดินไปหยุดอยู่ด้านหน้าเวทีเคียงคู่ท่านผู้หญิงรพีผู้คร่ำหวอดอยู่ในวงการหนังสือมานาน เธอหันไปยกมือไหว้ท่านอย่างอ่อนน้อมและเอื้อมมือไปรับโล่ด้วยท่าทีสุภาพ จังหวะนั้นท่านผู้หญิงกระซิบบอกอาทิตยาว่า “ฉันชอบอ่านนิยายของหนูมาก”



อาทิตยาจึงเงยหน้าขึ้นยิ้มและเอ่ยขอบคุณอีกครั้ง แล้วขยับเข้าไปยืนใกล้ๆท่านเพื่อให้ช่างภาพถ่ายรูปเป็นที่ระลึก




จากนั้นท่านผู้หญิงก็ได้ลงจากเวทีไปก่อน ส่วนอาทิตยาต้องอยู่ต่อเพื่อกล่าวความในใจ นักเขียนสาวเดินเข้าไปหยุดใกล้ๆไมโครโฟนซึ่งตั้งอยู่กลางเวที แล้วจึงชะโงกหน้าเข้าไปพูดด้วยน้ำเสียงกังวานใส “นามปากการัศมิ์จันทร์ เข้าสู่วงการหนังสือมาเป็นเวลาสองปี ซึ่งเป็นสองปีแห่งความสุขที่ดิฉันได้ทำงานที่ตัวเองรัก และสิ่งที่เป็นเครื่องวัดความสำเร็จของดิฉัน คือ นักอ่าน ส่วนรางวัลนักเขียนหน้าใหม่ยอดนิยมนั้นก็เป็นอีกความภูมิใจหนึ่งของดิฉันเช่นเดียวกัน ขอขอบพระคุณทุกท่านที่มอบโอกาสในครั้งนี้ค่ะ”



กล่าวจบอาทิตยาก็ถอยห่างจากไมโครโฟนทำท่าจะก้าวลงจากเวที ทว่าพิธีกรสาวกลับรั้งเธอไว้ด้วยการถามต่อ “หลายๆท่านคงอยากทราบว่าอะไรเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณอาทิตยาเริ่มต้นเขียนนิยาย พอจะเล่าได้ไหมคะ”



ผู้ถูกสัมภาษณ์ปรายตาไปยังพิธีกรแวบหนึ่งก่อนตอบฉาดฉาน “เล่าได้ค่ะ สั้นๆ แรงบันดาลใจของดิฉันมาจากผู้ชายคนหนึ่ง...”
พิธีกรสาวร้อง ว้าว! ด้วยท่าทีน่ารัก “โรแมนติกจัง”



อาทิตยาหันไปยิ้มแล้วโบกมือให้ผู้ชมด้านล่างก่อนจะหมุนตัวเดินลงเวทีด้วยท่าทางมั่นใจ เธอจะรู้สึกฮึดขึ้นมาเสมอ ยามที่ได้เอ่ยถึงผู้ชายคนนี้...ผู้ชายที่เธอไม่เคยลืม



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



เสียงโทรศัพท์ดังแทรกขึ้น ทำให้ภวังค์ของอาทิตยาพังครืน เธอละสายตาจากโล่รางวัลที่ตั้งอยู่บนตู้โชว์แล้วเอี้ยวตัวไปคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาแนบหู


“สวัสดีค่ะ นั่นบ.ก.อาทิตยาใช่ไหม”ปลายสายเอ่ยถามขึ้นก่อน



เจ้าตัวเลิกคิ้วนิดหนึ่งตามความเคยชิน “ใช่ค่ะ”



“ฉันชื่อนาถลดาเป็นเจ้าของสำนักพิมพ์เลิฟไลน์บุ๊คส์ ฉันทราบว่าหนูเพิ่งลาออกจากสำนักพิมพ์ลูกหว้าก็เลยอยากชวนให้มาร่วมงานกับเราน่ะจ้ะ”



หลังฟังจนจบประโยค คิ้วคู่สวยของอาทิตยาก็ขยับเข้าหาจนชิด อยู่ดีๆก็มีคนโทร.มาเสนองานให้เธอ หลังจากที่เธอเพิ่งลาออกจากสำนักพิมพ์เดิมได้ไม่ถึง 24 ชั่วโมง แถมคนที่โทร.มาเป็นถึงเจ้าของสำนักพิมพ์เสียอีก นี่ดวงเธอดีขนาดนั้นเลยหรือ…



“หนูอาทิตยาทำไมเงียบไปคะ ตกลงไหม” ปลายสายเร่งเร้า



อาทิตยานิ่งไปอึดใจก่อนตัดสินใจถามตรงๆ “ทำไมคุณนาถลดาถึงอยากได้ดิฉันไปร่วมงานด้วยล่ะค่ะ”



“ฉันชื่นชอบหนูมาตั้งแต่ตอนเป็นนักเขียนแล้วละ พอมีโอกาสได้ทำสำนักพิมพ์เองก็เลยอยากได้คนที่เข้าใจทั้งนักเขียนและบ.ก. จะได้ทำงานอย่างราบรื่น ฉันคิดว่าหนูเหมาะสมที่สุด ถ้าหากหนูไม่รังเกียจที่จะมาช่วยดูแลสำนักพิมพ์เปิดใหม่อย่างเลิฟไลน์บุ๊คส์ ฉันก็ยินดีที่จะให้เงินเดือนหนูมากกว่าเดิมหมื่นนึง”



‘มากกว่าเดิมหมื่นบาท’ หญิงสาวทวนคำในใจ


ถ้าได้เงินก้อนนี้มา เธอก็จะมีเงินช่วยพ่อกับแม่ แล้วจะรออะไรอีกล่ะอาทิตยา



“ถ้าหนูสนใจ พรุ่งนี้เราพบกันที่สำนักพิมพ์ตอนเก้าโมงเช้านะ ฉันให้เวลาหนูตัดสินใจคืนนึง”



“ค่ะ ขอบคุณมากค่ะคุณนาถลดา” อาทิตยาพยายามบังคับเสียงไม่ให้แสดงความตื่นเต้นออกไปมากนัก ทั้งๆที่ในอกเต้นโครมคราม



ปลายสายวางไปแล้ว แต่อาทิตยายังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาตัวเดิมด้วยใบหน้ายิ้มกริ่ม ผู้หญิงที่โทร.มาจะใช่คุณนาถลดาตัวจริงหรือเปล่านะ ถ้าไม่ใช่ ใครกันที่โทร.มาหลอกเธอ แล้วถ้าใช่ล่ะ เธอต้องเตรียมตัวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างไรบ้าง



‘โอกาสดีๆกำลังเข้ามาแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเธอจะต้องสู้อย่างไม่ถอยแม้เพียงก้าวเดียว’ อาทิตยาบอกกับตนเองเบาๆ



ณฤดี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ก.พ. 2558, 21:58:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 มี.ค. 2558, 18:01:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1278





   บทที่ ๑ การเผชิญหน้า >>
พันธุ์แตงกวา 2 ก.พ. 2558, 02:01:11 น.
มาเจิมๆๆๆๆ แหม้ ตามาหาบ.ก.ที่เข้าได้กับนักเขียนและบ.ก.เอิ้กๆๆๆๆ


ณฤดี 2 ก.พ. 2558, 06:08:34 น.
เขียนจากใจเลยเนี้ย กร๊ากกกกกกกกกกกกกกก


เคสิยาห์ 10 มี.ค. 2558, 09:00:43 น.
ตามอ่านจ้า


Zephyr 13 มี.ค. 2558, 01:20:30 น.
แปะๆๆๆ ตามๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account