ซีรีย์ บุปผาสันนิวาส +*+พิสูจน์รักทานตะวัน+*+

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ 3 : ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร

ตลอดสัปดาห์ที่ทานตะวันฟุ้งซ่านจนนอนไม่หลับ เพราะอยากรู้ว่าผู้หญิงนุ่งสั้นสวยเพราะศัลยกรรมที่ตะวันไปหาเมื่อวันก่อนเป็นใคร สุดท้ายเธอก็ไม่อาจทนไหวต้องพาตัวเองและขอบตาคล้ำเหมือนหมีแพนด้ามาหาคำตอบ

หญิงสาวร่างอวบอัดที่สวมเสื้อเชิ้ตสีดำกับกระโปรงสุ่มยาวถึงตาตุ่มสีเงินเมทัลลิค พร้อมต่างหูรูปหน้าหมีแพนด้าขนาดใหญ่เกือบเท่าหน้าและสร้อยคอรูปเดียวกัน ก้าวอย่างมั่นใจเข้าไปในบ้านจัดสรรสองชั้นขนาดใหญ่ ที่ได้รับการออกแบบใหม่จากมัณฑนากรที่เก่งที่สุดในประเทศไทย (นั่นคือพี่ซันของเธอ) ภายในตกแต่งสไตล์โคโลเนียนซึ่งดูเรียบหรูแต่ทันสมัย เริ่มจากประตูทางเข้าวงโค้งรูปเกือบม้า โคมไฟระย้าบนเพดานสูง แต่เหนือเสาต้นใหญ่แบบตะวันตก...บนระเบียงชั้นลอยกลับประดับด้วยไม้ฉลุสีขาวอย่างไทย เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่เป็นเป็นของเก่า ทั้งผ้าทอพื้นเมืองจากแอฟริกา เก้าอี้โบราณจากกัมพูชา กรอบประตูจากฝรั่งเศส แต่โซฟาในห้องรับแขกถูกทำให้โดดเด่นขึ้นมาด้วยการบุกำมะหยี่สีแดงสด

เธอก็ไม่รู้หรอกว่าความแตกต่างเหล่านี้มันเข้ากันได้อย่างไร ต้องมาเห็นกับตาว่าความสามารถของชายหนุ่มนั้นน่าทึ่งแค่ไหน ถ้าไม่ใช่เขา คงเนรมิตความหลากหลายที่เหมือนจับฉ่าย ให้กลายเป็นวิมานสวรรค์น่าอยู่เช่นนี้ไม่ได้ แหม...แค่คิดก็อดใจไม่ไหว อยากย้ายสัมภาระเข้ามาอยู่ที่นี่เสียเดี๋ยวนี้

หรืออย่างไรดี เธอแอบไปดูที่หลับที่นอนที่ห้องพี่ซันก่อนดีไหม จะได้รู้ว่าควรจัดกระเป๋าเอาอะไรมาบ้าง

“อ้าว หนูวัน มาตั้งแต่เมื่อไรจ๊ะ”

ทานตะวันสะดุ้งโหยง เมื่อขาซ้ายได้ก้าวขึ้นบันไดเวียนที่อยู่ถัดจากห้องรับแขกเพื่อไปยังชั้นสองของบ้าน แต่เสียงหวานจากนภา มารดาของตะวันดังขึ้นจากด้านหลัง หญิงสาวหันขวับกลับไปประนมมือไหว้โดยอัตโนมัติ พร้อมย่อตัวลงจนกระโปรงแตะพื้นแล้วเอ่ยทักทาย

“สวัสดีค่ะน้าฟ้า... คือหนูเห็นฝุ่นที่ราวบันไดเลยอยากจะเช็ดให้ ไม่ได้คิดจะขึ้นไปห้องพี่ซันเลยนะคะ ไม่ได้คิดจริงๆ” หญิงสาวรีบร้อนแก้ตัว แต่หญิงวัย ๕๖ เจ้าของใบหน้าอ่อนโยนกลับยิ้มละไมมาให้

“หนูวันมาหาพี่ซันเหรอจ๊ะ พี่ซันออกไปทำงานแล้วละจ้ะ”

ดูเหมือนนภาจะไม่ติดใจสงสัยในท่าทางอันเป็นพิรุธของผู้มาเยือน หรือไม่...ก็ชินเสียแล้ว

“เปล่าหรอกค่ะ หนูวันมาหาน้าฟ้า คิดถึงค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งน้านนาน”

“นั่นสินะเราไม่ได้เจอกันตั้ง...สองวันแหนะใช่ไหม พอดีน้าไปพักผ่อนที่โคราชมาน่ะจ้ะ ไปเยี่ยมคุณย่าพิกุลของหนูวันมาด้วยนะ”

“คุณย่าบอกแล้วค่ะ หนูวันเฟสทามกับคุณย่าเกือบทุกวัน”

“ถ้าอย่างนั้น หนูคงรู้แล้วสินะจ๊ะ... เรื่องนั้น”

“เรื่องอะไรเหรอคะ” ทานตะวันแกล้งทำหน้าตาใสซื่อ แต่ในใจก็ภาวนาขอให้เป็นเรื่องเดียวกันกับที่เธอคิด

“ก็เรื่องแต่งงานไงจ๊ะ”

นั่นไง!! ทานตะวันเกือบจะร้อง ‘เยส’ ออกมาด้วยความดีใจ แต่เธอก็ต้องรักษาภาพหญิงไทยใจงามเอาไว้ ด้วยการแสร้งเขินอายพอเป็นพิธี

“คุณย่าก็...เกริ่นๆ กับหนูวันแล้วล่ะค่ะ” เธอเงียบไปอึดใจ รอดูปฏิกิริยาของอีกฝ่าย แล้วจึงเอ่ยถามอย่างกล้าๆ เกรงๆ “น้าฟ้าคิดว่ายังไงเหรอคะ”

“น้ายินดีนะจ๊ะ ที่จะได้หนูวันมาเป็นลูกสะใภ้”

เท่านั้น ‘หญิงไทยขี้อาย’ ก็ลืมรักษาอาการ เธอฉีกยิ้มกว้างแล้วโผเข้ากอดว่าที่แม่สามีเอาไว้ จนร่างบอบบางของฝ่ายนั้นเซไป แต่เมื่อตั้งหลักได้ น้าฟ้าก็ยื่นมือมาลูบผมสีบรอนซ์ทองเหลื่อมฟ้าเหลื่อมเขียวของเธอด้วยความเอ็นดู

นี่แหละน้าฟ้า...มารดาที่แสนน่ารักของพี่ซัน นุ่มนวล ใจดี ที่สำคัญ คือรักและเข้าอกเข้าใจเธอเสมอ หลังเธอเสียแม่ไปอย่างไม่มีวันกลับ นอกจากพ่อ ย่า ครอบครัวของกรรณิการ์และจิรัสยา เธอก็มีน้าฟ้านี่แหละที่คอยดูแลเอาใจใส่ราวกับเธอเป็นลูกสาวอีกคน

“ทิชาเป็นเพื่อนที่น้ารักมาก น้าดีใจนะจ๊ะที่จะได้ดูแลหนูวัน”

“หนูวันก็ดีใจค่ะ ขออนุญาตดีใจมากกว่าสิบเท่าเลยได้ไหมคะ” อีกฝ่ายหัวเราะ ขณะที่ทานตะวันพูดต่อ “หนูวันอยากดูแลน้าฟ้า อยากดูแลพี่ซัน แต่ว่า...พี่ซันยังไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหมคะ คือหนูวันไม่แน่ใจว่าพี่ซันจะโอเคหรือเปล่า ถ้าหากว่าเขามีใครอยู่ในใจแล้ว”

“ไม่มีหรอกจ้ะ ถ้ามีเขาต้องบอกน้าแล้ว”

“เหรอคะ” ทานตะวันเว้นวรรคเล็กน้อยเมื่อนึกถึงแผนที่เตรียมใจ ถ้อยคำใดบ้างที่เธอซักซ้อมอยู่หน้ากระจกทั้งคืน “พี่ซันบอกน้าฟ้าทุกเรื่องเลยใช่ไหมคะ ถ้างั้น...น้าฟ้าพอจะรู้จักผู้หญิงที่...”

“หนูวัน!!” เสียงทุ้มต่ำคุ้นหูที่ดังขึ้นแทรกบทสนทนาของเธอนั้น ทำให้ปากที่อ้าถามอยู่ของทานตะวันชะงักค้างทันที เธอนิ่งงันเหมือนโดนแปะแข็ง ไม่ต้องหันไปก็รู้ว่าใครกำลังก้าวเข้ามา

ซวยแล้ว....



โชคดีที่เขาลืมเอกสารจึงได้ย้อนกลับมาบ้าน ไม่อย่างนั้นคำถามของทานตะวัน คงทำให้แม่สงสัยเรื่องของเขาแน่ๆ

“หนูวันมาสืบอะไร”

ตะวันใช้น้ำเสียงห้วนจัดถามอย่างตรงไปตรงมา หลังเดินนำเธอมายังสระว่ายน้ำข้างห้องฟิตเนสและเวทีมวยขนาดเล็กซึ่งอยู่ด้านหลังบ้านและไม่มีใครเดินผ่าน เขาต้องการคุยกับเธอตามลำพัง แต่น้องสาวต่างสายเลือดที่ชอบสะกดรอยตามเขาตลอดเวลากลับไม่ยอมตอบ ไม่ยอมเงยหน้า ราวกับว่าไม่ได้ยินที่เขาถาม

“พี่ถามว่ามาสืบอะไร” ประโยคเดิมถูกเอ่ยซ้ำด้วยเสียงที่ดังขึ้น แต่เธอก็ยังก้มหน้านิ่งจนเขาเริ่มหงุดหงิด “เงยหน้า!” เขาสั่งเสียงดุเมื่อความอดทนใกล้ถึงจุดสิ้นสุด นั่นแหละ เธอจึงยอมเปิดปาก แล้วตอบกลับด้วยเสียงอ้อมแอ้ม

“หนู...หนูวัน...ไม่กล้ามองหน้าพี่ซันหรอกค่ะ หนูวันขอโทษนะคะ แต่หนูวันอยากรู้เรื่องของพี่ซันจริงๆ”

“แล้วทำไมไม่ถามพี่”

“ก็...ก็เคยถามเหมือนกัน แต่พี่ซันไม่เคยตอบเลยนี่คะ”

“นั่นแปลว่าพี่ไม่อยากให้รู้ และหนูวันก็ไม่ควรมายุ่งเรื่องของพี่อีก”

เขาเอ่ยอย่างชัดเจนเด็ดขาด...เหมือนหลายๆ ครั้งที่ผ่านมา แต่แทนที่จะเงยหน้ามาเถียงหรือปฏิเสธอย่างปกติ ทานตะวันกลับยังคงก้มหน้างุดกว่าเก่า สองมือขยุกขยิกอยู่ในกระเป๋าสะพาย คล้ายสลด แต่ประสบการณ์ที่ผ่านมาทำให้เขารู้ว่ามันไม่ใช่ เพื่อพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตน ชายหนุ่มจึงดึงมือเธอขึ้นมาดูว่าซ่อนอะไรไว้ ทันทีที่เห็นโทรศัพท์มือถือที่กำลังอัดเสียงอยู่ เขาก็ได้แต่กระแทกลมหายใจ ขณะที่เธอเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ...

แต่ไม่น่าจะใช่เรื่องโทรศัพท์ที่เขาจับได้

“โอ้มายกอช!!! พี่ซันจับมือหนูวัน พี่ซันจับมือหนูวันจริงๆ โอ้มายกอช หนูวันต้องตายแน่ๆ พี่ซันจับมือหนูวัน เรามองตากัน โอ้ ไม่นะ หนูวันมองหน้าพี่ซันใกล้ขนาดนี้ไม่ได้ หัวใจหนูวันเต้นแรงมาก หนูวันจะตายไหม ไม่ๆ” เธอร้องแล้วสะบัดมือเขาออกไป ก่อนขยับถอยหลังไปสามก้าวเพื่อตั้งหลัก “ตรงนี้ได้ ตรงนี้ยังพอไหว แต่หัวใจหนูวันยังเต้นแรงอยู่เลย ผายปอดหนูวันที!!”

“หนูวัน!!!” ตะวันเค้นเสียงต่ำ เหมือนความอดกลั้นจะขาดผึง ขณะที่เธอรีบร้อนอธิบายจนลิ้นแทบจะพันกัน

“พี่ซันโกรธหนูวันเหรอ อย่านะคะ อย่าโกรธเลยนะ หนูวันอธิบายได้... ปกติพี่ซันไม่ยอมคุยกับหนูวันเลยนี่นา หนูวันก็เลยต้องอัดเสียงพี่ซันเก็บไว้ฟังยามคิดถึง ส่วนที่หนูวันมาถามน้าฟ้าก็เหมือนกัน หนูวันไม่มีทางเลือกอื่น มันจำเป็นจริงๆ พี่ซันอย่าโกรธหนูวันเลยนะ”

เธอร้องขออย่างน่าสงสาร แต่เขาแทบกุมขมับ มันยากนักหรือไงที่จะเข้าใจสถานการณ์ เขาไล่เธอตรงๆ ตั้งหลายครั้ง แต่แทนที่จะฟังความหมาย เธอกลับปลาบปลื้มกับเสียงของเขา การที่เขาไม่พูด ไม่พบยังไม่เพียงพออีกหรือ เขาแค่อยากให้เธอถอยห่างเมื่อเขาไม่ต้องการให้เข้าใกล้ แล้วทำไมเธอยังปักหลักมั่นคงอยู่ตรงนี้อีก

“เอาอย่างนี้ไหมคะ เพื่อเป็นการแก้ตัวที่หนูวันทำให้พี่ซันไม่พอใจ ให้หนูวันเลี้ยงข้าวพี่ซันหนึ่งมื้อนะคะ อาหารไทยที่พี่ซันชอบ เดี๋ยวหนูวันจองร้านโปรดของพี่ซันให้ กินไปคุยกันไป หรือถ้าไม่อยากให้หนูวันพูดอะไร หนูวันนั่งเงียบๆ ก็ได้...นะคะ ให้หนูวันเลี้ยงข้าวเป็นการไถ่โทษนะคะ”

นี่ถ้าเธอไม่กลัวว่าการสัมผัสเนื้อตัวกันจะทำให้หัวใจเต้นแรงราวระเบิดแล้วละก็ เชื่อได้เลยว่าเธอคงเข้ามาเกาะแขนของเขาแล้วเขย่าเหมือนตอนเด็กแน่ๆ

ตะวันถอนหายใจด้วยความเหนื่อยหน่ายอีกครั้ง จนคำพูดจะผลักไส นี่เขาไม่มีทางจะสลัดเธอได้เลยใช่ไหม

“ที่ไหนล่ะ”

สุดท้าย เขาก็เอ่ยถามออกไป ด้วยใบหน้าเรียบเฉยยากจะเดาอารมณ์



อย่าถามว่าเธอรู้สึกอย่างไร ความตื่นเต้นดีใจที่สะกดกลั้นไว้ยามอยู่กับพี่ซัน ถูกระบายออกเป็นเสียงกรีดร้องดังลั่น ทำเอากรรณิการ์ที่อยู่ด้วยกัน และจิรัสยาที่แวะมาเยี่ยมพอดี ต้องรีบมองหาสำลีเพื่อมาอุดหู... แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ทัน

“พี่ซันรับนัดเค้าแล้ว พี่ซันยอมไปกินข้าวกับเค้าแล้ว”

นอกจากจะพร่ำพูดซ้ำไปมา ทานตะวันยังกระโดดโลดเต้นอย่างเริงร่า ทำเอาลูกพี่ลูกน้องทั้งสองหันมองหน้ากันแล้วถอนหายใจออกมาอย่างพร้อมเพรียง

ภายในห้องนอนขนาดใหญ่ของหญิงสาวผู้คลั่งการแต่งตัว เกือบครึ่งถูกกั้นเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ built-in แต่เครื่องแต่งกายประหลาดๆ และเครื่องประดับหลายหลาก ก็ยังกินพื้นที่ออกมาจนเกือบถึงเตียงนอนขนาดคิงไซส์ที่ตั้งอยู่กลางห้อง ส่วนอีกฝั่ง...ใกล้ๆ หน้าต่าง โต๊ะไม้หน้ากว้างถูกตั้งไว้ โดยมีจักรเย็บผ้าไฟฟ้าวางอยู่บนนั้น ข้างๆ กันคือกระเป๋าอุปกรณ์ที่เปิดอ้า มีสมุดร่าง ปากกา เศษผ้า หมอนปักเข็ม และอื่นๆ อีกมากมายวางเกลื่อน

จิรัสยาอดไม่ได้จริงๆ ที่จะก้าวเข้ามาจัดโต๊ะทำงานให้ ขณะเจ้าของห้องกำลังง่วนอยู่กับการลองเสื้อผ้าเพื่อหาชุดที่ดีที่สุดสำหรับดินเนอร์ในวันพรุ่งนี้ แต่กรรณิการ์ที่หย่อนก้นลงนั่งบนเตียงใหญ่ ซึ่งบัดนี้เต็มไปด้วยเสื้อผ้าที่ถูก ‘คัดออก’ กลับตะโกนบอกสาวหน้าหวานที่ไม่ได้เจอกันนานว่า

“จาวไม่ต้องจัดให้หรอก จัดไปก็รกอยู่ดี”

“จาวทนไม่ได้นี่นา” จิรัสยาตอบ พลางหยิบแยกวัสดุต่างๆ แล้วจัดวางใหม่ตามประเภท อุปกรณ์เย็บผ้าถูกเก็บใส่กล่อง ปากกาหลากสีรวมไว้ในแก้วพลาสติกเพื่อให้หยิบใช้ได้สะดวก ส่วนถุงขนมขบเคี้ยว และเศษฟลอยที่ห่อชอคโกเลต เธอนำไปทิ้งถังขยะที่อยู่ใต้โต๊ะ ไม่นาน...ที่กระจัดกระจายก็กลายเป็นระเบียบได้อย่างง่ายดาย จนทานตะวันที่ออกมาจากห้องน้ำหลังเปลี่ยนชุดใหม่ ถึงกับเบิ่งตากว้างอย่างตะลึง

“โหจาว จัดให้ซะเอี่ยมเลย แล้วอย่างนี้เค้าจะหาของเจอไหมเนี่ย”

“จะให้จาวเขียนแผนที่บอกไหมว่าอะไรอยู่ตรงไหน”

สาวหน้าหวานถามเสียงนิ่งๆ แต่ทานตะวันและกรรณิการ์ที่หันไปปรึกษากันด้วยสายตา เห็นพ้องต้องกันว่า น่าจะเป็น ‘มุก’ มากกว่าจริงจัง

“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณจาว ดิฉันเกรงใจ... มานั่งนี่ดีกว่าค่ะ นั่งข้างๆ คุณกรรณนะคะ แล้วช่วยดูให้ทีว่าชุดดิฉันผ่านไหม”

ร่างอวบอัดหมุนตัว 360 องศา หลังเดินไปดึงมือจิรัสยามานั่งบนเตียง ขณะที่สาวหวานกำลังเอียงคอพิจารณาเสื้อผ้าที่ดูประหลาดกว่าตามท้องตลาด สาวห้าวที่เบื่อหน่ายเต็มทนก็ตอบแทนให้

“ชุดไหนก็เหมือนกันแหละ ใส่ๆ ไปเถอะ”

“ได้ยังไง... ดินเนอร์พรุ่งนี้เป็นมื้อพิเศษของเค้านะ นี่เป็นการกินข้าวสองต่อสองครั้งแรกในรอบ 10 ปี... หรือพูดให้ยิ่งใหญ่กว่านี้คือ หนึ่งทศวรรษเชียวนะกับการรอคอย”

“นานขนาดนั้นเชียวเหรอ ไหนหนูวันเล่าว่าไปกินข้าวบ้านพี่ซันบ่อยๆ”

“ก็ไปบ่อย... แต่พี่ซันก็ไม่ค่อยว่าง”

“เรียกว่าไม่ว่างทุกครั้งที่ตัวไปหาเลยดีกว่า”

สาวลูกครึ่งเหล่มองคนรู้ทันที่ชอบดักคอเธอตลอดเวลา ซึ่งจิรัสยาก็พอเดาได้ว่ากำลังจะเกิดศึกขนาดย่อมขึ้นอีกครั้ง เธอจึงรีบระงับด้วยการเอ่ยแทรกขึ้น

“ถ้าอย่างนั้นนี่ก็เป็นข่าวดีน่ะสิ พี่ซันไม่หลบหน้าหนูวันแล้ว”

“ใช่...เค้าว่านะ นี่ไม่ได้เข้าข้างตัวเองสักนิดเลยนะ เค้าว่า พี่ซันต้องเริ่มใจอ่อนกับเค้าแล้วล่ะ”

ทานตะวันว่าพลางยิ้มกว้างอย่างเขินอาย แต่กรรณิการ์กลับอดไม่ได้ที่จะเสนอความเห็นอีกครั้ง

“ไม่หรอก เค้าว่าพี่ซันต้องมีแผนอะไรอยู่แน่ๆ ฟังจากที่ตัวเล่า...มีอย่างที่ไหน ไล่ๆ อยู่ดีๆ ก็ตอบรับคำชวนไปกินข้าวซะอย่างนั้น มันแปลกจะตายไป”

“กรรณมองโลกในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า”

“ร้ายๆ ไว้ก่อนก็ดีจะได้เผื่อใจ”

“เอางั้นก็ได้” ทานตะวันโพล่งขึ้นด้วยเสียงห้วน แล้วจ้องกรรณิการ์อย่างท้าทาย ดวงตากลมสีน้ำตาลอ่อนเต็มไปด้วยความมั่นใจ ยามที่เธอเอ่ยกับอีกฝ่ายอย่างชัดถ้อยชัดคำ

“แล้วเรามาดูกันว่าใครกันแน่ที่คิดผิด”







---------เอาแล้วๆๆ พี่ซันจะหลอกหรือจริงใจ รอติดตามต่อไปนะคะ----

ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ค่า หวังว่าจะสนุกกับการอ่านนะคะ



ปลายสี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.พ. 2558, 18:56:23 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.พ. 2558, 18:56:23 น.

จำนวนการเข้าชม : 1839





<< บทที่ 2 : โกงความตาย!!   บทที่ 4 : คุณต้องอยู่กับผมตลอดเวลา >>
ดังปัณณ์ 3 ก.พ. 2558, 19:12:00 น.
โถ...ไม่รู้จะสงสารใครดี 555+ บางทีก็สงสารพี่ตะวัน บางทีก็สงสารยายวัน พี่ซันจะทำอะไรหรือเปล่าล่ะเนี่ย ไหงถึงได้ยอมง่ายๆ


Pat 3 ก.พ. 2558, 19:28:32 น.
ขำหนูวัน


พันธุ์แตงกวา 3 ก.พ. 2558, 19:31:49 น.
โอ๊ย จื่นเต้น แปะไว้ๆ เดี๋ยวมาอ่าน อ่านแค่ชุดชุดนางงงงงงงงง ตอนแรกๆก็จะตกเก้าอี้แล้ว


แว่นใส 3 ก.พ. 2558, 19:57:48 น.
น่าติดตามตอนต่อไป


กาซะลองพลัดถิ่น 3 ก.พ. 2558, 20:50:12 น.
อืมมมม เราเข้าใจพี่ซัน ณ จุดนี้ หนูวันนางฮาตลอด......... แต่เหตุอะไรอ่ะที่จะทำให้พี่ซันแต่งงานกับหนูวัน


พันธุ์แตงกวา 4 ก.พ. 2558, 02:05:44 น.
ก๊ากกกกกก พี่ซันจับมือ เลือดกำเดาจะไหล
นี่เชื่อกรรณเถอะ กรรณว่าตาพี่ซันมีพิรุธ 555555 ทานโทดเถอะพรมกัมพูชา กับเครื่องตกแต่งจากแอฟริกา ขนมาทางเรือหรือทางไหนพ่อคุณ มิ๊กซ์แอนด์แมทเจงๆ


Zephyr 4 ก.พ. 2558, 18:18:12 น.
เหอะ นับถือแม่พี่ซันจุงเบยช่างทนนางมาได้5555
และจะทนตลอดไป


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account