หลังม่านเมฆ

Tags: สืบสวน โรแมนติก

ตอน: ---- (9) ----


“ก่อนอื่นคือน้ำเพิ่งไปเจอพี่มุกมาค่ะที่ตลาด รายนั้นได้เที่ยวป่าวประกาศว่าพี่หนึ่งเป็นคนฆ่าพี่วัธน์ พอรู้ว่าน้ำได้ยิน ก็พยายามเยาะเย้ยว่าเป็นเรื่องจริง ให้เรารอดูแล้วกัน น้ำคิดว่ามันแปลกค่ะ ที่พี่มุกพยายามยัดเยียดความผิดให้พี่หนึ่งขนาดนั้น ทั้งที่ความจริงแล้วทั้งพี่วัธน์และพี่หนึ่งก็เพื่อน ทำไมเขาไม่คิดสงสารพี่หนึ่งละคะว่าสามีตาย และช่วยกันดูแลพี่หนึ่ง หากสรุปออกมาแล้วว่าพี่หนึ่งผิดจริง เขาค่อยโกรธก็ไม่เห็นแปลก ไม่ใช่ออกตัวแรงแบบนี้”

“มุกคือผู้ต้องสงสัยรายแรกของเราเหรอ?” ภามเปิดสมุดเล่มเล็กๆ ออกมาจดชื่อคนที่น่าจะเป็นไปได้

“ทั้งพี่ติและพี่มุกแหละค่ะ”

“อืม...คิดถึงใครอีกไหม?”

“คิดถึง แต่ไม่รู้ว่าจะจัดไว้ในข่ายไหนดี น้ำคิดถึงหมอวสุค่ะ” คราวนี้พีรัชกับภามเหลือบมองตากัน

“ทำไมหรือ?” ภามถามด้วยความสงสัย ขณะที่ปณาลียิ้มแกนๆ

“ไม่ทราบค่ะ แต่รู้สึกแปลกๆ เท่านั้นเอง จะว่าตามตรง หมอวสุเป็นคนนอกที่สุดในเรื่องนี้ แต่ทำไมดูห่วงใยขนาดคิดจะล้มคดีให้”

“ในฐานะเพื่อนร่วมงาน” พีรัชพยายามหาเหตุผลมาหักล้าง

“มากเกินไปค่ะ เพื่อนพยาบาลหรือหมอคนอื่นที่รู้จักพี่หนึ่งมาก่อนหมอวสุละคะ”

“เขาอาจไม่มีอิทธิพลพอจะทำได้ไง เหมือนที่ว่าพ่อของหมอวสุเขาเป็นนักการเมือง”

“แล้วไม่เห็นมีใครมาหาพี่หนึ่งถึงบ้าน แต่เขามา” คราวนี้ทั้งพีรัชและภามเงียบไป

“เอาล่ะ ใส่ชื่อไว้ไม่เสียหาย ค่อยไปตัดทิ้งทีหลัง” ภามค่อยจดชื่อหมอวสุลงในสมุดเล่มเล็กในมือ

“หมวดชยพนค่ะ” คราวนี้พีรัชขมวดคิ้วมุ่น

“แค่นายนั่นไปมาหาสู่ยัยหนึ่งไม่ได้หมายความว่าเขาทำอะไรแบบนั้นหรอกมั้ง”

“พี่หนึ่งเคยบอกว่ามีเพื่อนพี่วัธน์มาบอกพี่หนึ่งว่า พี่วัธน์ไม่ได้ให้อะไรพี่หนึ่งเลย หากพี่วัธน์เกิดเป็นตายขึ้นมา น้ำมารู้ทีหลังว่าคือหมวดชยพนคนนี้ น้ำแค่สงสัยว่าทำไมเขาต้องมาบอก ในเมื่อเขาไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกับครอบครัวพี่หนึ่ง ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนพี่วัธน์ด้วย”

“แล้วมันจริงหรือเปล่าที่เขาพูด” ภามถามขึ้นมา

“จริงค่ะ พี่วัธน์โอนหุ้นร้านให้พี่วิน ยกร้านให้พี่วุ้นหากว่าเขามีอันเป็นไป พี่หนึ่งไม่ได้อะไร” พีรัชขบกรามแน่นอย่างแค้นจัด

“ไอ้ลูกบ้านนี้ ยะโส” พีรัชสบถอย่างหัวเสีย ขณะที่ภามกลับมีสีหน้าครุ่นคิด กวีวัธน์ไม่ใช่คนใจร้ายเช่นนั้น เขาต้องมีเหตุผล แต่ใครเล่าจะลุกมาอธิบายเหตุผลให้เขาฟังตอนนี้ ในเมื่อคนที่รู้ดีที่สุดกลับไม่มีชีวิตอยู่เสียแล้ว

“หลุดไปจากนี้ น้ำมองไม่เห็นใครค่ะ ยกเว้นคนที่เราไม่รู้จัก หรือขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจกับใครที่ไหน”

“ถึงอาจะมองไม่ออกว่ารายชื่อที่น้ำว่ามามันเป็นไปได้ แต่ถ้าพูดเรื่องขัดผลประโยชน์ทางธุรกิจนี่อาว่ายิ่งไม่มีทางเป็นไปได้ นายวัธน์มันไม่ไปขัดขาใครที่ไหนหรอก ที่น่าโดนยิงหัว พี่ชายมันซะมากกว่า ไอ้นั่นจองหอง อวดดี แต่นายวัธน์มันไม่ยุ่งกับใคร”

“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องพุ่งเป้าไปที่คนที่เราพูดถึงกันนี่แหละค่ะ น้ำจะเริ่มจากหมอวสุ”
----------------------------------------------------------------------

หลังจากวันนั้นปณาลีพยายามทำตัวเป็นความบังเอิญเพื่อให้ได้พบเจอหมอวสุอยู่เสมอ เธอรู้ว่าผู้หญิงไร้มารยาอย่างเธออาจทำให้หมอวสุสงสัยไปบ้าง แต่นั่นเธอคงต้องปล่อยผ่าน ในเมื่อเรื่องที่สงสัยในใจมันมีมากกว่า แต่การใช้ปวิตราเป็นข้ออ้าง ทำให้วสุลดความกังขาไปได้เยอะ ปณาลีสรุปลงสมุดบันทึกของภามในวันหนึ่งได้ว่า วสุมีความรู้สึกพิเศษกับปวิตรา แต่เธอไม่รู้ว่ามากถึงขั้นไหน

“หมอไม่ทราบจริงๆ เหรอคะว่าทางโรงพยาบาลจะให้พี่หนึ่งกลับมาทำงานได้เมื่อไร?” เรื่องของปวิตรายังเป็นหัวข้อสนทนาที่ดีเสมอ

“ผมไม่ทราบครับ ตราบใดที่ยังไม่มีการจับกุมคนร้ายเพื่อพิสูจน์ว่าหนึ่งบริสุทธิ์ ผมเชื่อว่าทางโรงพยาบาลคงยังไม่เรียกหนึ่งกลับมาทำงาน”

“ดีใจจังค่ะที่อย่างน้อยก็มีหมอที่มั่นใจว่าพี่หนึ่งบริสุทธิ์ ไม่เหมือนที่ตลาด พากันว่าร้ายพี่หนึ่งเสียมากมายว่าฆ่าผัวตัวเอง” วสุมีท่าทางสลดลงไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มอ่อนๆ ท่าทางของเขาดูยาก หมอทุกคนดูยากแบบนี้หรือเปล่านะ

“ผมรู้จักหนึ่งไม่นาน แต่เขาไม่ใช่คนโหดร้ายแบบนั้นนี่ครับ ชาวบ้านเขาอาจไม่รู้จักหนึ่งดีพอ”

“ค่ะ คงจะอย่างนั้น ว่าแต่น้ำขอมาคุยกับหมอบ่อยๆ ได้หรือเปล่า น้ำไม่รู้จะคุยเรื่องพวกนี้กับใคร ที่บ้านก็เครียดกันหมด”

“ได้สิครับ ผมยินดี” นิ่ง สงบ สุภาพ เธอจะทำให้เขาแสดงท่าทางอะไรออกมาได้บ้างนะ หรือเพราะเขาไม่มีอะไรจะให้แสดง เป็นไปได้ไหมที่คนที่เธอเลือกเป็นคนแรกจะไม่ใช่คนที่เป็นไปได้

หลายวันแล้วที่ปณาลีเทียวไปเทียวมาเพื่อปฏิบัติภารกิจของตัวเอง จนคนที่เฝ้ามองเธออยู่ถึงกับนั่งไม่ติด ปกติหญิงสาวไม่ใช่คนสนิทสนมกับใครง่ายดายนัก โดยเฉพาะเพศตรงข้าม หลักเลิกงานเธอมักจะกลับบ้าน ขลุกอยู่ที่บ้าน แต่ช่วงนี้หญิงสาวมักแวะเวียนไปที่โรงพยาบาล หรือไม่ไอ้หมอหน้าตี๋นั่นก็มาหาเธอที่ร้านเค้กข้างโรงเรียน

“ทำบ้าอะไรน้ำ เดี๋ยวจะโดน” เกรี้ยวกราดอยู่คนเดียวในรถขณะที่รอให้ปณาลีออกมาจากร้านที่เธอผลุบหายเข้าไปกับวสุ
เกือบสองชั่วโมงเมื่อทั้งคู่เดินกันออกมา วสุรีบวิ่งไปขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็วเหมือนมีธุระด่วน ขณะที่ปณาลีเดินย้อนกลับมาทางฝั่งโรงเรียนเพื่อเอารถที่เธอจอดไว้ กวินภพสตาร์ทเครื่องยนต์และขับเข้าปาดหน้าหญิงสาวอย่างรวดเร็ว ในระยะกระชั้นชิดที่เธอต้องหยุดตัวเองอย่างรวดเร็วเพราะรถคันนั้น ปณาลีถึงกับตัวสั่นมือสั่นเดินไปไหนต่อไม่ได้ แม้ในยามที่กวินภพลงมาจากรถแล้ว เธอก็ยังสูญเสียการควบคุมตัวเองอยู่นั่นเอง

กวินภพดูเหมือนจะจับสังเกตได้เมื่อหญิงสาวไม่หันมามองเขาตาเขียวเหมือนทุกครั้ง เขาเอื้อมมือไปรั้งเอวบางก่อนจะออกแรงดึงขึ้นมานั่งบนรถด้วยกัน จากนั้นจึงขับรถออกไปด้วยอัตราเร็วปกติแต่ตายังคงเหลือบมองคนนั่งข้างๆ ไปตลอดทาง
จนกระทั่งเข้าเขตบ้านหลังเล็กของเขา ปณาลีจึงค่อยๆ หันมามองหน้าคนขับ ชายหนุ่มจึงรู้ว่าหญิงสาวเริ่มกลับมาเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

“พามาที่นี่ทำไมคะ?”

“มีเรื่องอยากคุย”

“แล้วทำไมต้องมาที่นี่ ที่อื่นก็คุยได้”

“หรือจะไปร้านเค้ก” น้ำเสียงมีแววเยาะทำให้ปณาลีฉุนขาด

“จะเอามั้ยล่ะ” กวินภพเบรครถอย่างแรงก่อนเดินมาเปิดประตูฝั่งหญิงสาวแล้วดึงตัวลงมา ทั้งที่เธอนั้นขืนตัวไว้สุดกำลัง เขาต้องมีเจตนาไม่บริสุทธิ์แน่ที่พาเธอมาที่นี่ ครั้งสุดท้ายเขาทำอะไรเธอ เธอยังจำได้ แม้หลังจากนั้นมันจะก้าวหน้าไปมากโข

“ทำไมไม่คุยข้างนอก?” ครั้งนี้เขาพาเธอเข้ามาถึงในบ้าน ไม่ใช่แค่ระเบียงอย่างครั้งที่แล้ว เขาคิดจะทำอะไร

“ความลับ ต้องคุยในที่ลับๆ”

“ใครเขามีความลับกัน พี่วิน! พาน้ำกลับ”

“นั่งลงน้ำ อย่าให้ต้องออกแรง” เสียงนิ่งๆ กับดวงตาเย็นเยียบนั้นทำให้คนพยศถอยหลังกลับไปนั่งยังเก้าอี้ที่มุมห้องทันที กวินภพกอดอกมองจนกระทั่งหญิงสาวกระแทกตัวนั่งลงไป เขายืนมองอยู่เช่นนั้นจนแน่ใจว่าเธอจะไม่ขยับไปไหน จึงได้เดินหายเข้าไปอีกห้อง ปณาลีแอบถอนหายใจเบาๆ อย่างโล่งอก กระนั้นก็ยังไม่กล้าขยับตัว วันนี้กวินภพดูดุเหลือเกิน ดุจนไม่กล้าท้าทายเขาเหมือนที่ผ่านๆ มา

เพียงไม่กี่นาทีชายหนุ่มก็กลับมาอีกครั้ง คราวนี้เขามีเศษผ้าในมือมาด้วยสองชิ้น หญิงสาวไม่รู้ว่าเขานำมันมาทำไมจนกระทั่งเขาเข้ามาใกล้และเธอพอจะเข้าใจเจตนาของเขา แต่ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว เมื่อกวินภพจัดการพันธนาการข้อมือของเธอแต่ละข้างเข้ากับที่พักแขนของเก้าอี้ที่เธอนั่ง เท่ากับว่าตอนนี้เธอขยับไปไหนไม่ได้เลย

“ขานั่นอยู่เฉยๆ ถ้าไม่อยากถูกมัดด้วย” เขาชี้มาที่ขาเรียวของเธอที่ตอนนี้เริ่มขยับประท้วง

“ทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยเล่า” ถามออกไปด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์เลยสักนิด

“เพราะพี่รู้จักเราดีไงว่าถ้าไม่ทำแบบนี้ เราก็พยศ และพี่จะคุยกับเราไม่ได้” เขาตอบพร้อมกับเดินมาใกล้ ลากเก้าอี้อีกตัวมานั่งประจัญหน้ากับเธอในระยะประชิด ซ้ำยังโน้มใบหน้าเข้ามาจนห่างกันไม่ถึงสองคืบ

“กำลังทำอะไรอยู่?” กวินภพถามออกไปเสียงต่ำ และปณาลีรู้ว่าเขากำลังข่มอารมณ์อย่างมาก

“คิดให้ดีๆ แล้วตอบนะ พี่ไม่ใจดีนะวันนี้”

“ก็เห็นใจร้ายมาตลอดนั่นแหละ” สบโอกาสจึงแขวะเข้าให้ แต่กวินภพไม่สนใจ เขายังจ้องหน้าของเธอนิ่ง รอฟังคำตอบที่น่าจะทำให้เขาพอใจ

ปณาลีขยับตัวอย่างอึดอัด เธอไม่อยากตอบ แต่ก็หนีไม่ได้ หญิงสาวไม่รู้ว่ากวินภพได้ความคืบหน้าไปเพียงไหน ตลอดเวลาที่ผ่านมาสองเดือนกว่าตั้งแต่กวีวัธน์จากไป เธอไม่เคยรับรู้ความคืบหน้าเรื่องการสืบคดีความออกมาจากปากของกวินภพเลย เขาได้เบาะแสอะไรบ้างไหม หรือเขาสงสัยใคร ไม่เคยได้ยินเลยสักครั้ง แล้วทำไมเธอจึงต้องบอกเรื่องที่เธอกำลังทำมันด้วยเล่า

“คิดว่าเงียบแล้วพี่จะทำอะไรไม่ได้?” ใบหน้างามที่หันไปอีกทางเพราะไม่อยากสบตาเขาหันกลับมาค้อนเขาตาเขียว ก่อนจะสะบัดหน้าหนีเหมือนเดิม

“ไม่ได้ทำอะไร ใช้ชีวิตปกติดี แค่รู้สึกอยากสนิทกับหมอ” เธอพยายามจะให้เขาเข้าใจว่าเธอกำลังตกหลุมรักหมอวสุ แต่บางทีปณาลีอาจไม่รู้จักกวินภพดีพอ ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยเพื่อให้ใบหน้าของเขาเข้าใกล้เธอมากขึ้นก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปบนกลีบปากบาง เคล้าคลึงอยู่ครู่ใหญ่โดยที่เจ้าของริมฝีปากบางไม่สามารถทำอะไรได้ ก่อนจะค่อยๆ ดึงตัวเองกลับมานั่งที่เดิม

“น้ำไม่ทำอย่างนั้นหรอก เพราะพี่ไม่อนุญาต” กวินภพบอกหลังจากกลับมานั่งแล้ว

“พี่วินเป็นใครถึงต้องมาอนุญาต น้ำจะทำอะไรก็เรื่องของน้ำ” กวินภพยิ้มมุมปาก

“ก็แล้วแต่น้ำจะนิยาม แต่คนที่จูบน้ำมาตั้งหลายครั้ง จูบจนน้ำเลิกประท้วงไปแล้ว จะนิยามคนคนนั้นว่าอะไรดี...หืม?” คราวนี้ปณาลีหน้าแดงซ่าน เขาพูดจริง เธอกำลังจะคุ้นเคยกับการกระทำแบบนี้ของเขาไปแล้ว ถ้าเป็นคนอื่นล่ะ เธอจะยอมอย่างนั้นหรือ

“มารยาสักนิดก็ไม่มี ยังคิดว่าจะเป็นนักสืบ อย่าคิดตื้นๆ สิ มันไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก ไม่อย่างนั้นคงจับคนร้ายไปได้นานแล้ว” นี่เขารู้ทันเธอหรือนี่

“มันไม่ง่าย หรือเพราะพี่วินทำให้ยากคะ เพราะพี่วินไม่ได้สงสัยคนอื่นเลย เอาแต่สงสัยพี่หนึ่ง พยายามจะหาเหตุผลให้เป็นพี่หนึ่งหรือเปล่า มันเลยยาก เพราะพี่หนึ่งบริสุทธิ์ พี่วินไม่สามารถหาหลักฐานมาปรักปรำได้ใช่ไหม เรื่องมันเลยนานขนาดนี้” กวินภพกัดกรามจนเป็นสันนูน

“ช่างคิดเหลือเกินนะ แต่ไม่ยักช่างสังเกต” เสียงทุ้มเอ่ยรอดไรฟัน

“ใช่ พี่สงสัยพี่สาวเราตั้งแต่วันที่เกิดเรื่อง สงสัยจนไม่คิดถึงใครเลย เพราะทุกอย่างมันบ่งชี้เช่นนั้น พี่โกรธ อาละวาด แม้กระทั่งกับเรา แต่วันนี้พี่เป็นยังไง เคยสังเกตหรือเปล่า?” ปณาลีอ้าปากค้าง กะพริบตาปริบๆ ใช่...ผ่านไปสองเดือนกว่า กวินภพที่น่ากลัวคนนั้นหายไปแล้ว เขาไม่เคยเข้ามาพูดจาให้ร้ายปวิตราอีกเลย เขาทำอะไรของเขาอยู่เงียบๆ หลายครั้งที่เขาเข้ามาถาม หลายครั้งที่เขาเข้ามาเตือน แม้กระทั่งล่าสุดเรื่องที่ปวิตราไปไหนมาไหนกับหมวดชยพน และหลายครั้งที่เขาพยายามบอกเธอเสมอว่า สำหรับเธอทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม...

“ทำไมละคะ?” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนค่อยๆ ลูบไล้ใบหน้าน่ารักนั้นระเรื่อยจากหน้าผากมายังโหนกแก้มและอ้อยอิ่งอยู่ที่ริมฝีปากอิ่ม

“มันไม่มีหลักฐานอะไรที่เป็นชิ้นเป็นอันเลย หลักฐานที่ทำให้หนึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยก็ยังไม่มีน้ำหนักพอ เราจึงต้องมองไปที่อื่น แต่หลักฐานหรือเบาะแสอื่นก็ยังไม่หนักแน่นเหมือนกัน ตอนนี้มันลางเลือนไปหมด” น้ำเสียงทดท้อกับสีหน้าเหนื่อยอ่อนทำให้ปณาลีสงสารนัก ไม่ง่ายเลยจะทำใจยอมรับได้ว่าน้องชายที่เติบโตมาด้วยกันจะจากโลกนี้ไปแล้วอย่างโหดร้าย

“จริงๆ แล้วน้ำคุยกับพ่อแล้วก็อาอู๋ว่าอะไรบ้างหรือใครบ้างที่เราควรจะจับตา” หญิงสาวเผยออกมาในที่สุด ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ในเมื่อเป้าหมายของทั้งคู่นั้นเหมือนกัน

“แล้วคิดว่ายังไงล่ะ?” ชายหนุ่มถามกลับ

“ปล่อยน้ำก่อนสิคะ แล้วจะบอก” เธอต่อรองเขาอย่างเป็นต่อ กวินภพอมยิ้ม

“ให้พี่จูบอีกทีแล้วจะปล่อย...” ไม่พูดเปล่าเขายังโน้มใบหน้าเข้าไปชิด

“ว้าย...ไม่เอา จั๊กจี้หนวด” แต่คนตัวโตไม่ยอม เพียงแต่ครั้งนี้เขาทำเพียงจูบเบาๆ ที่มุมปากเท่านั้น ก่อนจะอ้อยอิ่งหอมแก้มพร้อมๆ กับแก้มัดให้หญิงสาวไปด้วย

“ว้าย...” เมื่อเป็นอิสระ ร่างบางกลับถูกช้อนขึ้นก่อนกวินภพจะทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวนุ่มโดยมีหญิงสาวซ้อนอยู่ด้านบน แขนแกร่งโอบเธอไว้แนบกายจนปณาลีคิดว่าเธอไม่น่าขอให้เขาแก้มัดเลยจริงๆ

“อ่ะ...คราวนี้ก็เล่ามา” หญิงสาวกรอกตาขึ้นบน คงไม่คิดจะต่อรองใดๆ กับเขาอีกแล้ว เพราะรังแต่เธอจะเสียเปรียบมากขึ้น ดูเอาเถิดขอร้องให้แก้มัด เขาก็ทำให้ แต่เธอต้องมานั่งอยู่บนตักของเขาแทน

“น้ำไปเจอพี่มุกที่ตลาดค่ะ ท่าทางของเขาดูปักใจเชื่อมากว่าพี่หนึ่งเป็นคนทำอย่างนั้น เขาพยายามพูดให้ทุกคนเข้าใจไปในทางนั้น จนน้ำแปลกใจว่าคนที่เป็นเพื่อนกันเขาทำกันแบบนั้นหรือ เขาบอกน้ำว่าเพราะเขาเสียใจมากที่พี่วัธน์ตาย...” ปณาลีหยุดเพียงครู่ก่อนจะเอ่ยต่อไป

“อีกอย่างก็คือหมอวสุเขามาหาพี่หนึ่งที่บ้าน ดูห่วงใยเกินกว่าเพื่อนร่วมงาน ดูเหมือนมีใครหลายๆ คนที่ดูแปลก นั่นเป็นจุดที่ทำให้น้ำคิดว่าทำไมเราไม่ลองสืบกันแบบเงียบๆ ดูบ้าง จากความสงสัยของเรา แล้วพ่อกับอาอู๋ก็เห็นด้วยค่ะ”

“แล้วมีข้อสันนิษฐานอะไรอีกไหม?”

“เรื่องความขัดแย้งทางธุรกิจ แต่อาอู๋บอกว่าไม่น่าเป็นไปได้ เพราะพี่วัธน์เป็นพวกไม่ค่อยมีปัญหากับใคร” กวินภพพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเปรยออกมา

“หรือเรื่องชู้สาว เรื่องสมบัติ?” ปณาลีเอียงคอมองหน้าเขาให้ชัดยิ่งขึ้น

“มันก็มีอยู่เท่านี้ไม่ใช่เหรอ” เขาย้อนถามเธอเมื่อเห็นหญิงสาวมองเขาด้วยความไม่แน่ใจ ความเงียบของทั้งคู่เป็นเหมือนการยอมรับความคิดเห็นของแต่ละฝ่าย

“พี่หนึ่งบอกว่าพี่วัธน์เคยหึงเรื่องระหว่างหมอวสุกับพี่หนึ่ง เพราะพวกพยาบาลที่ไปกินอาหารร้านพี่วัธน์คุยกันว่าหมอวสุแอบมองพี่หนึ่ง เขาทะเลาะกันเรื่องนี้ด้วย แต่ช่วงนั้นพี่วัธน์ยุ่งเรื่องงานที่ร้าน เรื่องนี้เลยไม่ได้เคลียร์ และมันน่าจะสะสมมาจนถึงการทะเลาะกันครั้งล่าสุด” กวินภพกอดปณาลีแน่นขึ้นก่อนจะซบหน้าลงที่ต้นแขนของคนบนตัก

“ช่วงนั้นที่ร้านมีการโกงบัญชี รู้สึกว่าพ่อครัวจะใช้เงินไม่สมกับวัตถุดิบ วัธน์เขาเจอลูกค้าร้องเรียน เขาเลยต้องลงไปเช็ควัตถุดิบทุกวัน มันเกิดที่ร้านใหญ่ แต่วัธน์ระแวงว่าร้านอื่นจะเป็นด้วย เขาเลยวิ่งรอกทั้งสามร้าน” ปณาลีขมวดคิ้วมุ่น

“พ่อครัวหรือคะ? ที่ร้านพี่วัธน์พ่อครัวคือคนที่ซื้อวัตถุดิบเหรอคะ ไม่ใช่มีผู้จัดซื้อตามออเดอร์ของพ่อครัวเหรอคะ?” กวินภพหรี่ตาลงอย่างใช้ความคิด

“มันก็ไม่เชิงว่าพ่อครัวซื้อนะ เหมือนเราผูกปิ่นโตกับพ่อค้าเจ้าประจำให้มาส่งวัตถุดิบให้เราตามออเดอร์ของพ่อครัว ว่าเขาต้องการอะไรบ้าง แต่คนที่มีหน้าที่ติดต่อกับพ่อค้าจริงๆ คือ...ติกับมุก” กวินภพเอ่ยชื่อฐิติกับสุกัญญาออกมาเสียงเบา ใจของเขาเต้นแรง สองคนนี้กล้าทรยศเพื่อนที่แสนดีอย่างกวีวัธน์อย่างนั้นหรือ

ปณาลีขยับตัวให้หันหน้าเข้าหากวินภพ ก่อนจะมองสบตาเขา

“พี่วินคะ เรามาพูดกันอย่างเปิดใจและไม่ใช้อารมณ์เหมือนที่ผ่านมาดีไหมคะ น้ำอยากให้พี่วินสงสัยสองคนนี้ไว้บ้าง สุดท้ายแล้วมันอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ตาม แต่เราไม่ควรตัดเขาออกไป ไม่อย่างนั้นมันก็จะไม่ไปไหน เพราะมัวแต่คิดว่าไม่ๆ อยู่อย่างนั้น น้ำจะยอมให้พี่วินสงสัยพี่หนึ่งต่อไป น้ำจะไม่ว่าพี่วินเรื่องนี้อีกแล้ว” กวินภพยิ้มเล็กน้อยก่อนกระชับวงแขนแน่นขึ้นกว่าเดิม ไม่ได้บอกออกไปหรอกว่าเขาเกือบจะเลิกพุ่งเป้าไปที่ปวิตราแล้ว ดูเหมือนพี่สาวของปณาลีก็เป็นแค่ผู้หญิงคิดน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ผู้หญิงมักใหญ่ใฝ่สูงจนสามารถฆ่าสามีตัวเองเพื่อฮุบสมบัติได้ และลึกๆ เขากลับยังเชื่อในความรักที่ทั้งสองคนมีให้กัน เขาอยากให้ความรู้สึกนี้ของเขาเป็นจริงเหลือเกิน

“ตั้งแต่พี่วุ้นลงมาดูแลร้านแทนวัธน์ พี่ยังไม่ได้นั่งคุยแบบจริงจังเลยว่าสถานการณ์เป็นยังไงบ้าง บางทีพี่ต้องคุยกับพี่วุ้นแล้วละ และอาจมอบหมายหน้าที่นี้ให้เขา บางทีคนขี้โกงอาจจะไม่ทันไหวตัวก็ได้ เพราะคิดว่าพี่วุ้นมือใหม่ กระดูกคนละเบอร์กัน ใช้ความใหม่ของพี่วุ้นนี่ละทำให้คนขี้โกงเผยตัวออกมา”

“ใช่ค่ะ สมมติว่าท้ายที่สุด คนขี้โกงจะไม่เกี่ยวกับการตายของพี่วัธน์ แต่อย่างน้อยพี่วินก็ได้กำจัดคนทรยศไป” กวินภพมองเข้าไปในดวงตาของปณาลี อยากอยู่อย่างนี้ทั้งคืน ความบาดหมางที่ผ่านมาดูเหมือนจะเลือนหาย ไม่มีใครรู้ว่าท่าทางที่เข้มแข็งภายนอกของเขานั้น ข้างในมันรวดร้าวเพียงไหน เขาเพียงไม่อยากให้แม่และพี่สาวเห็นว่าเขาอ่อนแอ แต่ในความเป็นจริง เกือบทุกคืนถ้าเขาไม่ได้กลับไปนอนที่บ้านใหญ่ เขาจะมานั่งเงียบๆ อยู่ที่นี่เสมอ คิดถึงน้องชาย และคิดถึงคนในอ้อมแขนของเขาตอนนี้

“พี่ขอโทษนะ แขนหายดีหรือยัง?” ปณาลีก้มมองแขนตัวเองที่ผ่าเผือกออกไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว กวินภพลูบเบาๆ ไปบนแขนข้างนั้น

“หายแล้วค่ะ ดูฟิล์มเอ็กซเรย์ ทุกอย่างปกติดี”

“กลับบ้านเถอะ เดี๋ยวพี่ไปส่ง ไม่ต้องกลับไปเอารถที่โรงเรียนแล้ว พรุ่งนี้ให้น้าภามไปส่งแล้วกันตอนเช้า” ปณาลีขยับตัวลุกขึ้นยืน แต่กวินภพที่ยืนขึ้นแล้วเหมือนกันกลับรวบตัวหญิงสาวเข้าไปในอ้อมแขนอีกครั้ง

“วันไหนว่างๆ ค่อยมาคุยเรื่องหมอวสุกัน แต่ขอร้องไม่ต้องไปยุ่งกับเขาอีก น้ำไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักสืบหรอก” ปณาลีจึงค้อนเข้าให้ สบประมาทกันเหลือเกิน

“และที่พี่ให้น้าภามไปส่งพรุ่งนี้ ไม่ใช่เพราะพี่ไม่อยากไปนะ พี่แค่อยากทำตัวเหมือนปกติ ไม่สนิทสนมกันเกินไป ถ้าคนร้ายอยู่ใกล้ตัวเราจริงๆ จะได้ไม่สงสัยว่าเป้าหมายเราเปลี่ยนไปแล้ว พี่ยังอยากให้เขาเข้าใจว่าพี่ยังสงสัยหนึ่งอยู่”
---------------------------------------------------------------------------------

ปณาลีมาถึงบ้านเกือบสองทุ่มแล้ว ภามและพีรัชยังนั่งคุยกันที่โต๊ะเล็กๆ หน้าบ้าน เมื่อมองไปด้านในเห็นปรียาและปวิตรายังนั่งอยู่ที่หน้าจอโทรทัศน์

เมื่อถูกถามไถ่จากสองหนุ่มใหญ่ว่าหายไปไหนมา เธอจึงต้องตอบไปตามความเป็นจริง คงต้องเชื่อกวินภพว่าเธอโกหกไม่เป็น มารยาไม่มี

เมื่อรู้ว่าหลานและลูกสาวหายไปกับใครมา ปณาลีจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเล่าเรื่องราวที่เธอกับกวินภพได้พูดคุยกัน เมื่อจบเรื่องเธอเห็นพีรัชยิ้มเยาะที่มุมปากก่อนทำเสียงเฮอะออกมา

“มิน่าล่ะ หลังๆ ไอ้ติกับเมียมันถึงดูมีสตางค์ สองคนนี่นะ เวลามีเงินเขารู้กันทั้งบาง ทองหยองแน่นคอไปหมด แถมเพิ่งจะถอยรถใหม่กันมาอีกหนึ่งคัน”

“ยังสรุปไม่ได้ค่ะอาอู๋ว่าเป็นสองคนนั่นหรือเปล่า แค่สงสัย เขาอาจจะรวยมาจากที่อื่นก็ได้ พี่วินจะให้พี่วุ้นจัดการเรื่องนี้ อาศัยว่าพี่วุ้นยังใหม่ คนร้ายจะได้ไม่ไหวตัว”

“แต่สองคนนี่ดูโฉ่งฉ่างไปสักหน่อยนะพ่อว่า” ภามยังคงขมวดคิ้วมุ่น

“ดูเป็นพวกซ่อนความร้ายกาจไม่เป็น ออกจะร้ายโง่ๆ ไม่น่าจะใช่คนที่คิดทำการใหญ่และซ่อนมือปืนไว้ได้นานขนาดนี้”

“ก็อาจจะมีคนหนุนหลังหรือร่วมมือกับใคร” พีรัชเสริม

“แต่ถ้าเป็นสองคนนี้จริงๆ ก็เท่ากับว่าเป็นประเด็นเรื่องสมบัติสินะ แต่ถึงจะไม่มีนายวัธน์ สมบัติจะไปเป็นของสองคนนี้ได้ยังไงกัน ในเมื่อสองคนนี้มีหุ้นในร้านไม่เท่าไร ถ้าเป็นสมบัติอื่นมันจะถ่ายโอนไปได้ยังไงกัน”

“หรือเขาจะร่วมมือกับใคร ที่พอจะรู้ช่องทางหรือช่องโหว่ทางกฎหมาย ถ่ายโอนสมบัติได้”

“ถ้ามีเรื่องโกงร้านและมาจากฝ่ายจัดซื้อ อามั่นใจว่าสองคนนี้คือหัวโจก อามีผับ อารู้ดี ถ้าเราจะเริ่มจากสองคนนี้ ประเด็นที่เป็นไปได้คือเรื่องสมบัติ หลังจากนี้ที่เราต้องสนใจคือ สองคนนี้ติดต่อกับใครที่มีอิทธิพลพอที่จะฆ่าคนได้ หรือใครจะสามารถช่วยถ่ายโอนสมบัติมาให้สองคนนี้ได้ถ้านายวัธน์ตาย”

ปณาลีพยายามขบคิดอย่างหนัก เธอรู้อะไรอีกบ้างนะที่พอจะเป็นประโยชน์

“พ่อคะ จำได้ไหมที่มีเพื่อนพี่วัธน์คนหนึ่งมาบอกป้าจุ๋มว่าพี่วัธน์ติดยา”

“นั่นสินะ ลืมไปได้ยังไงกัน เราต้องถามจุ๋มแล้วละว่าคนคนนั้นเป็นใคร บางทีนี่อาจเป็นการใส่ร้ายวัธน์เพื่ออะไรบางอย่าง” ทั้งสามคนมองหน้ากันด้วยแววตามาดหมาย
---------------------------------------------------------------------------------------

มาแล้วค่ะ ตอนนี้เป็นยังไงกันบ้างคะ คืบหน้ามั้ยเอ่ย พระ-นางของเราอ่อนลงแล้วนะคะ อิอิ เข้าใกล้คำว่าโรแมนติกละ

ขอบคุณผู้อ่านและคอมเม้นค่ะ เจอกันตอนหน้านะคะ
----------------------------------------------------------------------------------------



น้ำแอปเปิ้ล
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 ก.พ. 2558, 22:09:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 ก.พ. 2558, 22:09:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 2433





<< ---- (8) ----   ---- (10) ---- >>
ribbin 5 ก.พ. 2558, 22:26:14 น.
เวลานายพี่วินพูดดี ๆ นี่ น่ารักขึ้นเยอะเลย
แต่ทำไม๊....ทำไม ยังปากแข็งอยู่นั่นแหละ จะรักจะชอบเขาก็ไม่บอก


konhin 6 ก.พ. 2558, 01:11:35 น.
เก็กนักนายวิน รักจนลมหึงออกหูแต่ยังไม่บอกว่ารักนะ


กาซะลองพลัดถิ่น 6 ก.พ. 2558, 02:40:56 น.
เรื่องนี้ดำเนินเรื่องไปพร้อม ๆ กันเลยนะคะ ทั้งสืบสวนพร้อมทั้งความหวานปนหึง หวง หน่อย ๆ (ไหม) จากพระเอกด้วยอ่ะ
นายวินเอะอะ อะไรก็จูบตลอด ๆ จนน้ำไม่กล้าหื้อแล้ว


ใบบัวน่ารัก 6 ก.พ. 2558, 06:52:12 น.
สับสนจัง
คุณตำรวจหายไปไหนนนกันหมด
ไม่มาสืบคดีกันแย้วหรือ


myfearless 6 ก.พ. 2558, 14:02:50 น.
ลุ้นๆๆๆ


ผักหวาน 6 ก.พ. 2558, 14:38:14 น.
หมอวสุจะอยู่เบื้องหลังติกับมุกหรือเปล่าน๊า


Zephyr 7 ก.พ. 2558, 01:48:17 น.
เหมือนจะเริ่มคลายปม แต่ก็ยังมีอยู่
แต่ละคนคิดต่างๆนานา จะลงเอยไงน้า


goldensun 12 ก.พ. 2558, 12:27:35 น.
พอพูดจากันดีๆ ไม่เอาแต่อารมณ์ ก็เข้าใจกันดีขึ้น ดีแล้วค่ะ จะได้มีกำลังใจสู้ปัญหาทั้งสองฝ่าย
รู้สึกเหมือนกัน ว่าเพื่อนทรยศน่าจะแค่โกง สาเหตุฆาตกรรมน่าจะมากกว่านั้น


NNK 20 ก.พ. 2558, 00:43:15 น.
มารอทุกวันเลยค่ะ อยากอ่านต่อแล้วน้าาา


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account