สาปหฤหรรษ์
แนะนำเรื่องแบบย่อๆ
เสียงเล่าลือกล่าวขานถึงนางอัปลักษณ์ในตำนานผู้แสนเหี้ยมโหดชั่วร้ายเกินใครแต่อำนาจทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับนางเช่นกัน เจ้าชายผู้สูงศักดิ์ต้องยอมมอบกายถวายชีวันแลกความอยู่รอดของแผ่นดินด้วยการเป็นสามีของนาง

หมายเหตุ.- เปลี่ยนชื่อเรื่องจาก 'นางเงา' เป็น 'สาปหฤหรรษ์' นะคะ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 14-16




ตอนที่ 14


บุญรักษานั่งอยู่ในความมืด มองเตียงไม้ตาแป๋ว เตียงของราชครูอยู่ไม่ห่างจากจุดที่นั่งนี้ เขาคงหลับไปแล้ว เธอเป็นคนจัดการปัดที่นอน กางมุ้งให้ พัดวีจนเขาผ่อนลมหายใจสม่ำเสมอ จึงค่อยลงมา

คืนเดือนมืดแทบมองอะไรไม่เห็น อาจพอคาดเดาความเคลื่อนไหวได้จากเงารางๆ แต่ก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร

เธอมองเค้าโครงรูปร่างของราชครู เขานอนทอดกายอยู่บนเตียงปูฟูกนั้น เสียงผ่อนลมหายใจของเขาก็ยังฟังได้ว่าไพเราะนัก ป่านนี้คงหลับสนิท ไม่ตื่นขึ้นมาโวยวาย แขนของเธอเมื่อยไปเลยทีเดียวเมื่อต้องพัดให้อยู่นาน

หญิงสาวถอนหายใจออกมา คู้ขาทั้งสองขึ้นและกอด เกยคางตนเองไว้บนหัวเข่า มองราชครูเงียบๆ เขาน่านอนหลับได้สบายมากๆ อยู่นะ เธอออกจะปรนนิบัติได้ดีถึงขนาดนี้ พัดวีชนิดยุงไม่ไต่ ไรไม่ตอม เตียงของเขาก็มีฟูกปู มีมุ้งกันยุง มีนางทาสอย่างเธอคอยดูแล จะไม่สบายได้อย่างไรกัน ส่วนเธอเองก็ต้องนอนข้างล่างใกล้กับเตียงของเขา เสื่อผืนหมอนใบ ไม่มีมุ้ง ชักจะนึกถึงอะไรลางๆ

เสียงวี้ๆ ของยุงเรียกร้องให้มองตาม บินผ่านหน้าราวกับอยากประลองฝีมือ แต่ก็ไม่ง่ายที่จะทำ ถึงเธออยากจะตบยุงนักก็ต้องยั้งมือ เธอไม่อยากเสี่ยง ถ้าหากตบแล้วราชครูตื่นเพราะเสียงดัง งานนี้มีหวังต้องไปนั่งพัดวีให้เขาอีกเป็นนานกว่าจะหลับอีกรอบ

บุญรักษานั่งมองทุกอย่างในความมืดอยู่นานทีเดียว ผ้านุ่งของเธอยังเป็นผ้าผืนนั้นที่เขาให้มา รูปหล่อแต่ขี้เหนียวจริงๆ

เธอคิดถึงท่านราช ภาพของเขาปรากฏชัดในสำนึก สายตามองฝ่าความมืดด้วยใจหดหู่อย่างประหลาด มองทุกอย่างแบบเงียบๆ สมองคิดอะไรไปเรื่อยๆ เป็นห่วงว่าท่านราชจะสบายดีหรือไม่ หรือจะเป็นอย่างไรในตอนนี้ ส่วนเธอก็เป็นอย่างที่เห็น สภาพที่หลับนอนอาจไม่ดีนัก แต่ถ้าหากเทียบกับตอนอยู่ในกระท่อม ที่เรือนของราชครูย่อมดีกว่า ทว่าใจกลับไม่เป็นสุขเท่าตอนนั้นเลย แน่นอนว่าเธอยังกลัว

หญิงสาวถอนหายใจเบาๆ มองไปรอบห้องอีกครั้งแล้วจึงค่อยๆ เอนตัวลงนอน

ราชครูสุดหล่อคงหลับลึกมากๆ ไปแล้ว นั่นจึงทำให้ยิ้มเศร้ากับตนเอง มองทุกอย่างในความมืดนี้เช่นเดียวกับอนาคต

ลมพัดเย็นวูบให้หนาวเป็นระลอกจนต้องนอนตะแคงขดตัว ดึงผ้าผืนบางที่ราชครูให้ไว้ก่อนนี้ขึ้นห่มกาย เวลาผ่านไปนานเท่าไรกลับไม่ให้ความอบอุ่นเท่ากับผ้าคลุมผืนนั้นของท่านราช

เธออยากได้ผ้าคลุมคืน ขอแค่ได้ห่มผ้าคลุมผืนนั้นแทนผ้าบางๆ ผืนนี้ แล้วตอนเช้าจะเก็บกลับเธอก็ไม่ว่า แต่ราชครูใจร้ายนัก เอาไปซ่อนไว้เรียบร้อยไม่ให้เธอรู้

‘ท่านราชคะ ท่านมาช่วยฉันเร็วๆ เถอะ’ หญิงสาวได้แต่ภาวนาในใจ ประโยคนี้วนเวียนอยู่ในหัวไม่หยุด คิดถึงผู้เคยช่วยเหลือ

ความเหนื่อยอ่อนจากเรื่องราวหลากหลายทำให้เผลอหลับอย่างไม่รู้ตัว

“แรกรักสุขซ่านล้ำ สาปลวง

ช้ำรักโศกร้าวทรวง สาปแท้

รู้รักไป่สุขสรวง สาปส่ง

ไร้รักห่อนทุกข์แท้ สาปนาง”



เสียงหญิงชราแหลมเย็นดังเคล้าคลอสายลมหนาวเยือกนั้น โคลงกลบทอักษรรวนสมุทรดังมาอย่างเศร้าสร้อย ฟังแล้วโศกตรมไม่น้อยดั่งว่าจะตัดพ้อ

บุญรักษาลืมตาขึ้นทันทีเมื่อแน่ใจว่าเสียงนี้ดังชัดขึ้นทุกขณะ วนเวียนท่องซ้ำราวกับย้ำเตือน อาการง่วงงุนเคลิ้มหลับก่อนนั้นหายเป็นปลิดทิ้ง สติตื่นตัวเร็วไว การรับรู้กลับมาครบถ้วนพร้อมกับขนกายที่ลุกชัน รีบเหล่มองรอบด้านทั้งยังนอนตะแคงเช่นนั้น ไม่กล้ากระดิกตัว เพราะหากคิดทบทวนให้ดี ในห้องนี้ไม่เปิดหน้าต่างไว้นี่นา แล้วลมเย็นๆ นั่นจะพัดเข้ามาได้อย่างไร

ครั้นนึกได้เท่านี้ก็หลับตาปี๋ แต่ไม่ทันเสียแล้ว

เธอหลับตาไม่ได้!

มีบางอย่างเคลื่อนตัวเข้ามาจากทางปลายเท้า เคลื่อนไหวช้าๆ ชวนหลอนเป็นที่สุด

บุญรักษาแน่ใจว่าเห็นชายผ้าคลุมสีดำ แค่นี้เหมือนใจจะหยุดเต้นทั้งที่ความจริงคือเต้นรัว เต้นแรงจนแทบทะลุออกจากอกเมื่อผ้าคลุมหยุดอยู่ตรงหน้า เท่ากับว่าเธอกำลังจ้องตาเขม็ง กรีดร้องแต่ก็ไม่รู้ว่าเสียงหายไปไหน เรือนร่างที่มีผ้าคลุมเอาไว้ขยับใกล้เข้ามา แทบจะโดนหน้าของเธออยู่รอมร่อ

หญิงสาวรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งลง ขยับนอนตะแคงหันหน้าเข้าหา ผ้าคลุมที่ใส่นั้นเป็นแบบเดียวกับของท่านราช และเป็นแบบเดียวกับผ้าคลุมของเธอผืนนั้นที่ถูกราชครูเก็บไป

เธอไม่เห็นใบหน้าที่มีฮูทปิดลงมา กลัวจับใจ น้ำตาไหลเงียบๆ ความมืดทำให้ยากต่อการมองแต่กลับรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังยิ้มเย็น หัวใจเหมือนจะวายทุกวินาทีกับความเคลื่อนไหวและรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังจ้องมองเธอเช่นกัน จนเมื่อร่างนั้นนอนทอดเคียง ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกันเรียบร้อย ความหนาวเยือกก็แล่นปราดจับหัวใจ

แผ่นหลังร้อนวาบทันที ไม่มีใบหน้าให้เห็น มีแค่ผ้าคลุมที่เหมือนจะยิ้มให้ในตอนนี้ ทั้งที่ความจริงคือมีแค่ความว่างเปล่าตามประสาสิ่งที่สายตายากจะมองออก

“มาสิเจ้า” เสียงหญิงชราดังขึ้น

ผ้าคลุมที่ไม่เห็นร่างกายผู้สวมไหลเข้าร่างปะทะใบหน้าและร่างกายของเธอแล้ว!

เสียงเปรี้ยงกึกก้องกัมปนาทหวั่นไหวยิ่งกว่าฟ้าผ่า พื้นเรือนสั่นสะเทือนประหนึ่งแผ่นดินปริแยก ไอสังหารและกลิ่นแห่งความเกลียดชังลอยล่องเต็มไปหมด

เสียงกรีดร้องแหลมเย็นเจ็บปวดเคียดแค้นดังตามมาอย่างชัดเจน แสงสว่างวาบโรมรันรู้ว่าเกิดการต่อสู้

“แม่หญิงรัก!”

นั่นเสียงของท่านราช

บุญรักษาพยายามกระเสือกกระสนลุกขึ้น แต่ก็ไม่ง่ายสักนิด เนื้อตัวของเธอกระดิกไม่ได้ ของเย็นๆ บางอย่างรัดบีบลำคอ

“เจ้าคนบังอาจ!” เสียงหญิงชราคนเดิมดังขึ้น แต่คราวนี้หวีดแหลมให้รู้ว่าโกรธแค้นเป็นที่สุด

บุญรักษาถูกบีบคอจนไอ จุกและหายใจไม่ออก หน้าอกเหมือนถูกเหยียบ มีแต่คำว่า ‘บังอาจ!’ ดังขึ้นซ้ำๆ ต่อเนื่องไม่หยุด

“ท...ท่านราช” หญิงสาวพยายามเรียกหา หวังได้ความช่วยเหลือจากเขา แต่ก็ไม่ง่ายเลย การถูกบีบคอจนตาปูดโปนแทบทะลักเป็นแบบนี้นี่เอง

“รัก รัก!”

บุญรักษาพยายามเพ่งมอง แต่ตอนนี้สมองของเธอเหมือนจะระเบิด เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆ กระบอกตาร้อนวูบวาบไม่หยุด หายใจไม่ออก เนื้อตัวปวดร้าว กระดูกดั่งถูกป่น เหมือนจะหมดแรงให้ได้ในตอนนี้

มีคนรั้งเธอให้ลุกนั่ง รู้ว่ามีคนเรียกชื่อขณะช่วยเหลือ บุญรักษาพยายามหายใจ พยายามเพ่งมอง แต่ไม่ง่ายเลย

เธอไม่เห็นอะไร

หญิงสาวขยับตัวไม่ได้ เสียงก็เหมือนจะเปล่งไม่ได้ ความเจ็บปวดเหมือนเข็มเป็นล้านๆ เล่มรุมทิ่มบิดเกลียวทวีคูณมีตามมา เจ็บปวดจนอยากจะตาย เจ็บมากกว่าครั้งใดๆ ที่เคยเกิดขึ้น เจ็บจนตัวสั่นสะท้าน ขดตัวยิ่งกว่าขดเพราะความเจ็บปวดจนหายใจไม่ออก

“รัก ตื่น!” เสียงเฉียบขาดสั่งมา

บุญรักษาหายใจเข้าเฮือกใหญ่ สูดลมหายใจเข้าลึกทั้งปากทั้งจมูกแทบพร้อมกันในจังหวะหนึ่ง แสงสว่างนวลตามาจากลูกกลมๆ บ่งบอกว่ายังเป็นตอนกลางคืน

ชายหนุ่มรูปงามผมยาวไม่ใส่เสื้อ นุ่งผ้าลอยชาย ผมยาวดำขลับนั้นปรกลงมาถึงหน้าเธอ แน่ชัดว่าผู้ชายคนนี้คือราชครู เขากำลังมอง เขย่าตัวและตีแก้มเธอเบาๆ ให้ได้สติ ทว่าความเจ็บปวดเช่นเดียวกับโรคประจำตัวกำเริบยังทวีขึ้นไม่หยุดหย่อนจนหายใจไม่ออก

“ราช-คือ-ผู้-ใด” ราชครูถามเสียงเข้ม ขรึม แววตาคาดคั้น

หญิงสาวเจ็บปวดเกินกว่าจะตอบออกไปได้ จึงกลายเป็นว่างอตัวยิ่งกว่าเดิม ปล่อยราชครูดั่งว่าจะกอดเอาไว้ มือของเธอจับแขนของเขาเกร็งแน่น

เธอไม่สนว่าราชครูจะทำอะไรอีกแล้ว เพราะตอนนี้หากทำสิ่งใดให้หายจากอาการเจ็บปวดที่เกิดขึ้นเธอคงจะทำ มากกว่าสนใจว่าราชครูจะคิดอะไร

“ข้าพเจ้าถาม ไยจึ่งมิตอบเล่า ราช-คือ-ผู้-ใด!” เขาตะคอกใส่หน้าเธอขณะพลิกตัวให้กลับมา จับคางให้มองหน้าเขา ความไม่พอใจเต็มเปี่ยมอยู่ในสีหน้าท่าทางที่เห็น

บุญรักษาตอบทั้งยังกัดฟัน “ราช-ครู-อย่าง-ไรเล่า...เจ้าข้า” พูดทั้งกัดฟันเอาไว้ ในบางจังหวะฟันก็กระทบกันกึกๆ เพราะความเหน็บหนาว มือควานหาผ้ามาห่มแม้รู้ว่าช่วยไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็ขอให้มีอะไรกันเธอให้ห่างจากราชครูบ้างเถอะ

หญิงสาวหลับตา ตอนนี้ไม่ขออะไรมากไปกว่าหายจากความเจ็บปวดที่กำลังเกิดขึ้นเป็นพอ

“เจ้าเจ็บไข้ดอกรึ” พูดจบก็ช้อนร่างของเธอขึ้นทันที วางไว้บนเตียงอย่างระมัดระวัง

“ห...หนัก” มิวายเป็นห่วงอีกฝ่ายว่าจะหลักยอกเสียอีกแน่ะ

“ดูแลได้ดอก ใช่หนักกระไร” ราชครูตอบไปก็จัดท่านอนให้เธอไป

“ข้าพเจ้า-ผอม-ลง” บุญรักษาพูดเสียงขาดๆ หายๆ ในใจคิดว่าเพราะเธอแทบขาดอาหารจากการอยู่ในป่า จึงทำให้อีกฝ่ายอุ้มได้ง่ายราวกับไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของร่างอวบๆ

“วันแรกพบกันเป็นเยี่ยงไร เพลานี้รูปกายก็หาแตกต่างกันดอกเจ้า ไปเอาความคิดว่าซูบผอมมาด้วยเหตุใดรึ ข้าพเจ้าแข็งแรงมากดอก จึงช่วยเหลือมิเหนื่อยยากดอกนั่น” เขาพูดไปก็จัดที่นอน เก็บชายมุ้ง หันมาห่มผ้าให้เธอไป

แต่โอย... เธอเจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมเลยคราวนี้ ที่นึกว่าผอมลงเพราะอยู่ในป่า จริงแล้วแทบไม่มีความเปลี่ยนแปลงหรือนี่ ทว่าตอนนี้เธออยากให้ท่านราชอยู่ด้วย เพราะถ้าหากท่านราชอยู่... ขอแค่โบกมือครั้งเดียวอาการเจ็บไข้ก็หายไปเหมือนที่เคยเป็นมา

ทว่าสิ่งที่ราชครูเอ่ยนี่สิ...

“อย่าให้รู้เทียวว่าคำกล่าวเมื่อครู่หลอกลวง แววตาเจ้านั่นแล คือผู้เฉลย คิดถึงผู้ใดอยู่รึ” พูดเหมือนงอนแต่ก็จัดผมของเธอให้เข้าที่ มองความเรียบร้อยรอบเตียง ก่อนจะพาตัวเองเข้ามานั่งข้างๆ เกลี่ยผมที่ปรกหน้าของเธอให้พ้นไป

ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นไม่มีหยุด จนฟันที่กัดไว้ยิ่งกัดหนักกว่าเดิมและหายใจไม่ออก เธอไม่เคยเจ็บมากขนาดนี้มาก่อนเลย

ราชครูเอนกายลงนอนตะแคง หันหน้าเข้าหา บุญรักษามองเขา แววตาไร้ความเสน่หาแต่ดูเร่าร้อนเย้ายวนให้คนเข้าใกล้สำแดงชัด ใบหน้าหล่อเหลานั้นเคลื่อนเข้ามา

เขาจูบเธอ!

‘ม่ายยย จูบแรกของฉัน’ บุญรักษาโอดครวญ ไม่รู้ว่าตอนนี้ที่หายใจไม่ออกเพราะเจ็บหรือเพราะตกใจ

ราชครูสุดโหดไม่ละเว้นคนป่วยอย่างเธอเลยรึ ถึงหล่อแต่เล่นแบบนี้เธอไม่เอาด้วยนะ

เปรี้ยง!

ตึง!

ฟ้าผ่า ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง ดังก้องยิ่งกว่าครั้งใด ปัทมราชครูไม่สนใจสักนิดว่ารอบนอกกำลังเกิดอะไรขึ้น เขาทำเพียงขยับแขนโอบเอวเธอเอาไว้ ลากรั้งตัวเธอให้ขยับเข้าใกล้ ดึงตัวมาแนบชิดแนบอก จูบอย่างที่เอาแต่ใจเป็นที่สุด

จูบ... และกอดเธอแน่นมากกว่าเดิม กอดดั่งว่าจะหลอมรวมกายนี้เอาไว้ด้วยกัน ก่อนจะกดเธอลงกับฟูกแล้วเขาขยับพลิกทาบทับ ซึ่งนั่นแทบจะทำให้เธอเป็นลม เขาจู่โจมไม่ให้เธอได้ทันตั้งตัวสักนิด

บุญรักษาพยายามผลักออก แต่อีกฝ่ายแข็งแรงจนไม่เขยื้อน ครั้นเธอบ่ายหน้าหนี เขาก็ตรึงคางเธอเอาไว้

“ห...หายใจ ม...ไม่ออก” พยายามบอกแต่เขากลับเบียดเข้ามา จมร่างจนเหมือนว่าจะฝังเธอไว้ตรงนี้ แล้วกลบปิดด้วยร่างกายของเขา เสียงลมหายใจเข้าออกหนักๆ ทำให้เธอยิ่งกลัว แต่ก็ไม่กล้าขัดใจเช่นกัน

“ท่านราชครู ท่านราชครูเจ้าข้า” เสียงนี้ดังแว่วมาจากข้างนอก ฝ่าเสียงฟ้าผ่าฟ้าร้องได้ชัดเจนยิ่งนัก

ปัทมราชครูชะงัก แสงสว่างจากดวงกลมๆ เกิดจากอิทธิฤทธิ์ของเขาทำให้เห็นสีหน้าที่รู้ว่าถูกขัดใจ กระนั้นก็ทำเป็นไม่รับรู้เพราะยังคงจ้องมองเพียงดวงตาของเธอ เขาหรุบตาลงต่ำ มองริมฝีปากของหญิงสาว ปลายนิ้วของเขาเกลี่ยไล้กลึงเบาๆ ปลดผ้าของบุญรักษาตรงหลังคอออกมา

มือและนิ้วของเขาอุ่นจัดขณะลูบใบหน้าของบุญรักษา ไล้ปลายนิ้วเบาๆ ไปตามลำคอ ปากได้รูปและเป็นสีแดงเรื่อของเขาเผยอเล็กน้อย นัยน์ตาคู่งามมองเธออย่างพิจารณา

บุญรักษาเกร็งแล้วเกร็งอีก เกร็งจัดเมื่อมือทั้งสองของราชครูลูบแก้มแล้วเลยไป สอดปลายนิ้วไว้ที่ท้ายทอย ใบหน้าหล่อเหลาเป็นที่สุดนั้นก้มลงมา

“ม...มีคนเรียกเจ้าข้า” บุญรักษาเอ่ยออกไป เสียงเบาดั่งว่าจะกระซิบก็มีปาน แทบกลั้นหายใจตลอดเวลา เกร็งไปทั้งตัวเมื่อเขายังคงจ้องมองด้วยแววตาที่เธอบรรยายไม่ถูก รู้สึกเหมือนใกล้เป็นลมอยู่รอมร่อ อาการโรคประจำตัวแทบมลายเพราะปฏิกิริยาของเขา โดยเฉพาะการแสดงผ่านสีหน้าแววตาว่าไม่สนใจ บุญรักษาจึงเอ่ยย้ำ...

“เมื่อครู่...มีคนเรียก เจ้าข้า” พูดแล้วหูก็คอยฟังเสียงรอบๆ เช่นกัน ทว่าเหมือนจะเงียบไปแล้ว เหลือเพียงเสียงลมรุนแรงเท่านั้น

เขาพูดดั่งจะกระซิบให้ได้ยินกันสอง “ยำค่ำดึกสงัด จงจำไว้ อย่าได้ขานรับเสียงเรียกใดทั้งสิ้น ยิ่งฟ้าแลบฟ้าร้องเยี่ยงนี้...ย่อมเป็นภัย ภูตผีตนใดย่อมจำแลงกายมาดอกเจ้า รักชีวิตตน ฤๅจักรักชีวิตผู้อื่น แล้วหาที่ตาย เจ้าใคร่ตายนักรึแม่รัก” ลมอุ่นๆ แผ่วเบาเป่าผ่านแก้มระถึงใบหูขณะเขาเอื้อนเอ่ย

ความใกล้ชิดมากถึงเพียงนี้ทำให้พูดไม่ออก บุญรักษาส่ายหน้ารัว

ราชครูยิ้มเล็กน้อย “ดีแล้ว” พูดจบก็ผินหน้าไปอีกทาง ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะหันกลับมามองเธอ “หายเจ็บป่วยมากน้อยฤๅ” เสียงนี้ แววตาเช่นนี้ ดูอย่างไรก็รู้ว่าเป็นห่วงไม่น้อย

หญิงสาวยิ้มขอบคุณทั้งที่ใจเต้นแรง “ดีขึ้น แต่ก็ยังปวดเนื้อตัวเจ้าข้า”

กรรม... ดันพูดความจริงไปซะนี่

แต่ขอร้อง อย่าจ้องกันแบบนี้ได้ไหม เธอทำตัวไม่ถูก เกิดมาไม่เคยมีเสน่ห์ต่อผู้ชายมาก่อน ไฉนมาอยู่โลกนี้จึงตกอยู่ในสภาพตรงกันข้ามนัก เธอไม่อยากได้อะไรแบบนี้สักนิดนะ

ราชครูบอกด้วยเสียงดั่งกระซิบว่า “เจ็บไข้จงเร่งบอก อย่าได้เกรงใจ เป็นสามีภริยากันแล้วไซร้ ไยจึ่งมิเป็นห่วง แม้นจูบเดียวดับทุกข์ได้ชะงัด จูบสองนั้นฤๅ...จักสำราญยิ่ง” คำพูดของเขาแทบทำให้เธอเป็นลมอยู่ตรงนี้

บุญรักษากะพริบตาปริบๆ แทบเป็นลมซ้ำเมื่อเขาก้มลงมา แน่นอนว่าเธอขยับตัวไม่ได้มิใช่เพราะเกร็ง แต่เพราะต้องมนตร์ต่างหาก!

ปัทมราชครูกำลังคร่าความเจ็บปวดจากจูบที่สองได้อย่างที่เอ่ย วิญญาณแห่งความทรมานนั้นถูกปัดเป่าหายไป รับรู้เพียงริมฝีปากอุ่นร้อนเมื่ออีกฝ่ายทักทายดั่งจะให้จดจำ สิ่งที่เกิดขึ้นทำใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ

ให้เธอเป็นลมอยู่ตรงนี้เถอะ

เขาสอนให้รู้จักจูบอ่อนหวานและอ้อยอิ่งว่าเป็นเช่นนี้นี่เอง

เวลาผ่านไปเท่าไรช่างไร้สติเพื่อจดจำ กว่าจะรู้ว่าทุกอย่างหยุดแล้วนั้นก็เมื่อปัทมราชครูขยับใบหน้า ถอยห่างออกไป แต่ก็เพียงเล็กน้อย รอยยิ้มและแววตาของเขางดงามนัก

“หายจริงแท้แน่นอนแล้วเจ้า” เขาว่า ก่อนจะปล่อยเธอออกจากวงแขนที่กอดไว้ก่อนนี้

เขาหยิบหมอนลูกยาวที่เหมือนหมอนข้างมาวางไว้ ขยับศีรษะของเธอให้ได้หนุนก่อน สิ่งที่ไม่คาดคิดต่อมาคือเขาหนุนหมอนลูกเดียวกัน นอนตะแคงมองเธอด้วยแววตางดงาม รอยยิ้มน้อยๆ นั้นดูเป็นสุข รวบมือของเธอไปกุมเอาไว้

บุญรักษายิ้มเจื่อนเมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มให้ แน่นอนว่าไม่กล้าขยับตัว เพราะถึงจะขยับก็ทำไม่ได้อยู่ดี

เขาเป็นอะไรมากไหม ยิ่งเห็นเขามองมาแบบนี้ยิ่งยิ้มไม่ค่อยออก แต่ก็ต้องสั่งให้ยิ้ม อยากขอเวลาทำความคุ้นเคยมากกว่านี้จะได้ไหม เธอรู้สึกแปลกจริงๆ นะ จะให้ยิ้มแววตาเป็นสุขอย่างเขาโดยไม่ตะขิดตะขวงใจคงทำไม่ได้ ต่อให้เสแสร้งเก่งแค่ไหนเขาก็ยังเป็นคนแปลกหน้าสำหรับเธอ แถมยังเป็นคนแปลกหน้าที่ส่งเธอลงหลุมมาแล้วด้วยสิ

“หลับเถิดเจ้า” พูดจบก็คว้าเอวของเธอเข้าไป พลิกร่างกายของเธอหันกลับมาอีกฝั่งอย่างง่ายดาย ขยับให้แผ่นหลังของเธอได้พิงกับอกของเขา

บุญรักษาคอยสังเกต เขาหายใจเป็นปกติขณะจัดการท่าทางของเธอ ไม่มีอาการหายใจเข้าแรงหรือเหมือนคนที่ใช้กำลัง และกลิ่นกายของเขาหอมมาก ไม่รู้ว่าให้น้ำหอมอะไร แต่หอมอวลอ่อนๆ หอมติดจมูกจริงๆ

ราชครูจัดผมของเธอรวบไว้ทางหนึ่งเพื่อไม่ให้กวนใจ การเป็นหมอนข้างเฉพาะกิจและได้ยินเสียงหายใจของเขา ได้ยินการเต้นของหัวใจของเขาที่เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ช่างเป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายไม่น้อย

“เก็บแรงไว้ปรนนิบัติข้าพเจ้าวันพรุ่งเถิด อย่าได้เครียดเขม็งเกร็งตัวนักเลย มิเช่นนั้นวันพรุ่งเมื่อต้องเตรียมน้ำอาบให้ข้าพเจ้า แม่รักจักเหนื่อยหนักเทียว” พูดจบก็โบกมือครั้งหนึ่ง แสงสว่างที่เคยมีได้ดับลง ทว่าทิ้งบางอย่างไว้ในใจของคนฟัง

‘กลายเป็นนางทาสชั้นเยี่ยมไปเลยฉัน ทำงานได้สารพัดรูปแบบนะคะ’




- * - * - * - * - * - * - * - * - * - *- * - * - * - * - * -

----------------------------------------------------------------






ตอนที่ 15


“หนาวหนาวลมหนาวผ่านพัดโชย

โรยโรยกลิ่นหนาวรักหนาวเนื้อ

อุ่นอุ่นแนบอกชิดอกเกื้อ

เจือเจืออุ่นรักร่วมหายหนาว”



เสียงร่ายกลอนขับขานแว่วมา บุญรักษาจำได้ว่าเสียงนี้เป็นเสียงของท่านราช เธอมองหาชายหนุ่มในความมืด เสียงครวญแผ่วแว่วเรียกให้ต้องเดินตามกระชั้นชิด

เธอไม่รู้ว่าควรจะไปที่แห่งใด เร่งฝีเท้าไปอย่างไม่รู้จุดหมาย มีเพียงความว่างเปล่าและความมืดมิดเท่านั้นที่เห็น

“ท่านราชคะ”

“แม่หญิงรัก” เสียงนี้ดังอยู่ข้างหลัง

บุญรักษาหมุนตัว ปะทะร่างกายสูงใหญ่คลุมผ้าสีดำอย่างไม่ตั้งใจ หนวดเครารุงรังคุ้นตากระจ่างชัดในความรู้สึกแม้ไม่มีแสงใดส่อง เขาจับต้นแขนทั้งสองของเธอเอาไว้ ดึงเข้าไปชิดแนบอก ตบหลังของเธอเบาๆ ดั่งจะบอกว่าดีใจเป็นล้นพ้นเมื่อพบเธอซึ่งปลอดภัยดี

เขาถอนหายใจออกมา ราชพูดทั้งสภาพประคองกอดเธอไว้หลวมๆ และไม่ปล่อยอ้อมแขน...

“อย่าขัดขืน ฤๅดื้อรั้นต่อปัทมราชครู บุรุษผู้นี้ยามเอ็นดูย่อมละเว้น ยามขัดใจสังหารสิ้น ยอมกลืนเลือดดีกว่าช้ำใจ เพลานี้ข้าพเจ้าเร่งหาหนทางรับแม่หญิงสู่กมุทนคร ข้าพเจ้านั้นปลอดภัยดี แม่หญิงอย่าเป็นกังวล จงรักษาตนให้อยู่รอดปลอดภัยเถิด ข้าพเจ้าจักปกปักแม่หญิงให้พ้นภัยทั้งปวง มินานนัก...เราสองจักได้พบกัน น้ำคำข้าพเจ้านั้นเป็นคำสัตย์ ขอแม่หญิงจงเชื่อใจ”

‘จะได้พบกันแล้ว’ บุญรักษาพูดทวนคำนี้ในใจ แหงนมองเขา ยิ้มดีใจให้ทันที

ทว่า...

“ละเมอเพ้อพกถึงผู้ใดฤๅ ทั้งอยู่ในอ้อมกอดของข้าพเจ้าโดยแท้ มันผู้ใดช่างหาญกล้านัก” ปัทมราชครูกัดฟัน

บุญรักษาหายสะลืมสะลือเป็นปลิดทิ้ง เบิกตากว้างทันทีทันใด อาการแหงนมองท่านราชก่อนนี้แท้จริงคือกำลังแหงนมองปัทมราชครูหรอกรึ แถมยังมองเขาในสภาพเพิ่งตื่นเสียด้วยสิ

‘ละเมอได้ใจจริงๆ เลยฉัน’ คิดแล้วก็ยิ้มตาใสให้เขา ยิ้มแบบไม่เห็นฟัน แม้ความจริงในใจนั้นเต้นตุ้มๆ ต๋อมๆ ไม่หยุด

ใบหน้าหล่อเหลาของราชครูอยู่เยื้องสูงขึ้นไป เช่นเดิมที่เขายังเชิดหน้าเอาไว้และหรุบตามอง สายตาจ้องจับผิดจนต้องย้ำเตือนตัวเองให้ตั้งสติโดยเร็ว

บุญรักษายิ้มกว้างมากกว่าเดิมแม้มึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก อาศัยว่ายิ้มสู้เข้าไว้ ทว่าก่อนจะเอ่ยตอบ เธอสัมผัสได้ถึงผิวเนื้อแน่นๆ ของผู้ชายบริเวณท่อนขาของตนเองชนิดแนบชิดเนื้อแนบเนื้อ จึงรีบมองยังจุดต้นเหตุ

เธอก่ายเอวท่านราชครูเอาไว้!

คนนอนละเมอมองหน้าราชครูหนุ่มอย่างตกตะลึง เขาไม่เตือนเธอสักคำ ป่านนี้ผ้านุ่งคงถลกไปถึงไหนต่อไหนก็ไม่รู้ โชคดีที่มีผ้าห่มแพรผืนบางปิดเอาไว้จึงไม่อุจาดตานัก

‘หมดกัน...ภาพกุลสตรีไทยของฉัน’ คิดแล้วก็แอบถอนหายใจ มองมือของราชครูที่วางไว้บนต้นแขนข้างที่เธอกอดเขาเอาไว้

หญิงสาวมองสำรวจ เธอเป็นฝ่ายหันหน้าเข้าหาเขาหรอกหรือ นอกจากก่ายขาพาดบนตัวราชครู เธอยังกอดเขาเต็มรักอย่างไม่อายเสียด้วยสิ

บุญรักษาขยับแขนหนีแต่ก็ถูกอีกฝ่ายลงน้ำหนักมือ กดให้รู้ว่ากอดเขาแบบนี้ไปก่อน เธอหน้าแดงเสียเอง รีบกระมิดกระเมี้ยนย้ายขาลงมา นอนสงบนิ่ง ไม่กล้าพูดอะไร แต่เมื่ออีกฝ่ายจูบเบาๆ ที่หน้าผาก ก็เผลอมองหน้าราชครูตาค้างเสียนี่

อึ้ง-ไป-เลย

เขายิ้มให้เธอน้อยๆ ผิดสภาพของผู้ชายจอมเชิดแสนหยิ่งคนนั้น เพราะนอกจากเขาจะเป็นหมอนข้างน่ารัก สีหน้าแววตายังแตกต่างจากที่เคยเห็น ดูเมตตาต่อเธอมากมาย นั่นจึงต้องรีบยิ้มให้เขาอย่างพองาม

“ราช-คือ-ผู้-ใด-กัน-แน่” ราชครูเอ่ยเบาๆ ทว่าแฝงมาด้วยความจริงจังคาดคั้น

บุญรักษาเกือบหุบยิ้มฉับพลัน ทว่าในเสี้ยววินาทีที่ตั้งสติได้นั้นก็รีบยิ้มกว้างกว่าเดิม ผสมความเอียงอายเข้าไป ก่อนจะหรุบตามองลำคอและแผงอกของเขาให้รู้ว่าไม่กล้าไม่สบตา แสดงออกให้เขาคิดเอาเองว่า ‘ราช’ เป็นใคร น่าจะดีที่สุด แม้ความจริงคือแผ่นหลังร้อนวาบๆ กลัวถูกจับได้ก็ตามที

ราชครูเชยคางของบุญรักษาขึ้นอย่างช้าๆ หญิงสาวไม่ขัดขืน

ชายหนุ่มเอ่ย “ละเมอว่าเป็นข้าพเจ้า แม้นในฝัน...ย่อมยินดียิ่งนัก” พูดจบก็ขยับใบหน้าเข้ามาใกล้

บุญรักษานิ่งอึ้งทำอะไรไม่ถูก ถอยศีรษะหนีตามสัญชาตญาณ รีบปิดปาก และเอ่ย “ยังมิได้ล้างหน้าแปรงฟัน เกรงจักเหม็นนักเจ้าข้า”

ชายหนุ่มมองมาด้วยสีหน้าที่บอกว่าไม่เป็นไร เขาชอบ

บุญรักษารู้สึกได้ถึงความยียวนนัก ขืนตัวไม่เข้าใกล้

‘อย่าขัดขืน ฤๅดื้อรั้นต่อปัทมราชครู บุรุษผู้นี้ยามเอ็นดูย่อมละเว้น ยามขัดใจสังหารสิ้น ยอมกลืนเลือดดีกว่าช้ำใจ’ คำกล่าวนี้ดังในหัว

หญิงสาวหยุด ไม่ขยับหนีอีก เมื่อครู่นั้นไม่แน่ใจว่าเป็นแค่ความฝันหรือได้พบกันจริงๆ แต่ทุกถ้อยคำของบทสนทนาล้วนจำได้ขึ้นใจดียิ่ง และนั่นทำให้เผลอมองราชครูอย่างหวาดหวั่น กลัวว่าเขาจะรู้ความจริงเรื่องความฝันเมื่อครู่ ยิ่งเธอไม่บอกว่าท่านราชเป็นใคร ไม่พูดอะไรหรือให้คำตอบอะไร ประกอบกับปัทมราชครูขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ ทุกอย่างจึงดูสับสน ยากบรรยายในความรู้สึกในตอนนี้

“ไยจึ่งมองข้าพเจ้าดั่งว่าหวาดกลัว...แม่รัก” เขาหยุดเสียเอง

“ข้าพเจ้า ... มิคุ้นชิน เจ้าข้า” แผ่นหลังร้อนวาบๆ กลัวเขายิ่งกว่ากลัว แต่ที่สุดก็ตัดสินใจเอ่ย “ข้าพเจ้าหลับไป ในฝัน...มีคนบอกว่าห้ามขัดใจท่านราชครูเจ้าข้า จึ่งมิรู้ว่าควรทำเยี่ยงไรให้เหมาะสม” พูดทั้งยังปิดปากไว้เช่นนั้น

ปัทมราชครูยิ้มน้อยๆ สีหน้าของเขาบ่งบอกว่าถูกใจมากกับคำตอบที่ได้ยิน กิริยาที่บุญรักษาแสดงออกไปล้วนชักจูงให้อีกฝ่ายเชื่อว่าเธอยินดีและเคารพนบนอบ ยกย่องเขามากที่สุดในชีวิต เพียงแค่ทำตัวไม่ถูกเท่านั้น

และรอยยิ้มกว้างงดงามของปัทมราชครูที่ปรากฏมากขึ้น ย่อมเป็นคำตอบว่าหญิงสาวทำสำเร็จ

บุญรักษาเพิ่งสังเกต เขาเป็นผู้ชายที่มีกลิ่นตัวหอมอ่อนๆ แผ่ซ่านออกมา เวลาพูดก็มีกลิ่นหอมชนิดเดียวกันกำจายกรุ่น หอมได้ทั้งเนื้อทั้งตัวอย่างเย้ายวนแฝงมาด้วยความแข็งแกร่ง ซึ่งกลิ่นหอมนี้ไม่เหมือนกลิ่นของท่านราชที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยมากกว่า

เธอมองมือของเขาที่ยังวางบนต้นแขนนี้ ราชครูเป็นผู้ชายที่หล่อมาก แต่มือของเขาเป็นมือของนักรบชัดๆ ดูแข็งแรง ฝ่ามือกว้าง แม้นิ้วจะยาวเรียว ทว่าทั้งหมดโดยรวมคืองามแฝงความเด็ดเดี่ยว ไม่งามเท่ามือท่านราชเลย

ระหว่างที่กำลังคิดและพิจารณา หญิงสาวถูกลากเข้าไป ราชครูกอดกระชับเอาไว้ พูดทีเล่นทีจริง...

“เช้านี้เจ้าบกพร่องนัก จงเร่งต้มน้ำ เตรียมน้ำอาบให้พี่โดยไวเถิด” พูดแล้วก็หอมที่หน้าผาก จับกึ่งผลักแบบประคองให้บุญรักษาลุกขึ้นทั้งที่ตัวเขายังนอนอยู่

เจอมุกนี้ไม่บอกก็รู้ว่าปัทมราชครูแข็งแรงมากขนาดไหน

บุญรักษารีบนั่งให้เรียบร้อยโดยไว มือประคองผ้าตรงหน้าอกของตนเอง เพิ่งสังเกตว่าผ้านุ่งตะแบงมานที่ถูกปลดไปก่อนนี้ได้กลายเป็นผ้านุ่งรัดอกไปเสียแล้ว ถ้าเช่นนั้น... ส่วนล่างจะไม่เปลือยหรอกรึ

คิดเช่นนั้นก็ก้มมอง ผ้านุ่งผืนใหม่ถูกนุ่งไว้ให้ มิแคล้วว่าจะเป็นฝีมือของคนที่นอนมองเธอและยิ้มกริ่มตาเป็นประกายตรงนี้เสียกระมัง

และนั่นทำให้บุญรักษาหน้าแดง

“รูปกายสตรีใด ย่อมมิได้แตกต่างกันดอก เป็นคู่ครองกันแล้ว ไยต้องเขินอาย ด้วยว่ารูปกายจักพึงใจบุรุษให้สิเน่หามากน้อย ย่อมขึ้นกับว่าใจบุรุษผู้นั้นพึงมีต่อสตรีตรงหน้ามากน้อยเพียงใดดอกเจ้า อย่ากังวลใจให้ใบหน้าเศร้าหมอง รอยยิ้มเจ้านั้นสดชื่นนัก นับจากนี้กายเจ้าเป็นของพี่ กายพี่เป็นของเจ้า เช่นนั้นเจ้าย่อมงดงาม มิสมควรอายต่อกันเทียว”

เป็นคำพูดที่ชัดเจนยิ่ง บุญรักษาหน้าแดงจัดอย่างช่วยไม่ได้ เขากำลังบอกว่าเธออย่าอายที่จะเปลือยกายต่อหน้าเขา และเช่นกันที่เขาเห็นว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับคู่ครอง

เขาบอกว่ารักอย่างชัดเจนในถ้อยคำนี้ ยกย่องและยินดีที่ได้ดูแลเธอ ซึ่งนั่นทำให้วางมือไม่ถูกว่าควรจะถกมุ้งแล้วรีบหนีไป หรือควรลูบผม หรือควรวางไว้ตรงไหน เกิดมาไม่เคยเจอผู้ชายมาพูดแบบนี้ตรงๆ แล้วสภาพล่อแหลมก่อนนี้อีก สุดท้ายจึงเลือกนั่งพับเพียบนิ่งๆ วางมือไว้บนตัก ก้มหน้าที่ร้อนผ่าวเอาไว้ แอบหาทางลงจากเตียงนี้ไปพร้อมกัน

บุญรักษาสูดลมหายใจเข้าลึกโดยระมัดระวังกิริยา ยิ้มให้ปัทมราชครูเล็กน้อย ก่อนจะถอยหลัง ถกมุ้งขึ้นด้วยมือสั่นๆ และก้าวลงจากเตียง ในใจกำลังตอกย้ำว่าต้องระวัง เอาใจเขาได้เท่าไรต้องทำให้มาก เพราะถ้าหากเมื่อไรที่มีเรื่องขัดใจหรือมีเรื่องที่เขาไม่ชอบใจ ก็คงมีแต่คำว่าตายกับตายสำหรับเธอสถานเดียว

หล่อ โหด เหี้ยม รักแรงเกลียดแรง ช่างเป็นคำที่ตรงตัวกับราชครูสุดหล่อที่สุดแล้ว

- * - * - * - * - * - * - * - * - * - *- * - * - * - * - * -

ไฟต้มน้ำไม่ได้เกิดจากฝีมือบุญรักษา ปัทมราชครูเป็นคนสอน หญิงสาวได้แต่มองและเรียนรู้ในครั้งแรกนี้ ตอนนี้ชายหนุ่มยืนอยู่ในเรือนอาบน้ำ ส่วนเธอก็แบกหม้อต้มเข้าไป เพิ่งรู้ว่าในน้ำต้มที่จะใช้อาบของราชครูต้องมีดอกไม้และสมุนไพรชุดหนึ่งต้มลงไปด้วย

บุญรักษาจัดการผสมน้ำ กะว่าพอดีให้อุ่นและลงไปแช่ได้สบายจึงเงยหน้า ยิ้มให้เขา

“เชิญเจ้าข้า” บอกด้วยน้ำเสียงและสีหน้าท่าทางสดใส ดีใจที่ยังได้รับการเว้นชีวิตเพราะก่อนนี้แค่ติดไฟก็ยังไม่เป็นงาน โชคดีเท่าไรที่เขายังสอนให้โดยไม่บ่นสักคำ และตอนที่เขาสอนนั้นก็ยังเชิดเหมือนเดิม ช่างคงเส้นคงวาเสียนี่กระไร

ราชครูก้าวลงไปในถังอาบน้ำแล้วระหว่างที่คิด น้ำท่วมจนถึงใต้อกของเขาเมื่อนั่งลง แน่นอนว่าสองมือนั่นยังช่วยปิดบังเอาไว้ เป็นอีกครั้งที่เห็นว่าอีกฝ่ายไหลเลื้อยลงไปนอนอยู่ก้นถัง ให้น้ำท่วมเนื้อตัวและแช่เงียบๆ เช่นนั้นกว่าครู่หนึ่ง แล้วจึงค่อยๆ โผล่ขึ้นมา

“นวด” สั่งสั้นๆ

บุญรักษาหันซ้ายหันขวา รีบเดินเข้ามาข้างถังอาบน้ำเร็วไว ค้อมตัว ลงมือนวดให้ทันที กระบวนท่าที่เคยนวดศีรษะ นวดไหล่ นวดตัวให้ยายทั้งหมด เธอรีบขนออกมาปรนนิบัติราชครู

เธอเชื่อว่าความฝันก่อนนี้คือเรื่องจริง หรือต่อให้ไม่จริงก็ไม่มีประโยชน์กับการสะดีดสะดิ้งเล่นตัวสักนิด ปัทมราชครูให้ความเอ็นดูนั้นย่อมเป็นเรื่องดีไม่น้อย

“ท่านราชครูชอบแบบไหน โปรดแนะนำข้าพเจ้านะเจ้าข้า” พูดอ่อนหวานเอาใจให้มากหน่อย มือบีบนวดไม่ได้หยุด

เธอเห็นเขาหลับตา เพียงเท่านี้ก็ดีใจว่ามาถูกทางแล้ว

“อาบน้ำยามเช้า จักเป็นน้ำอาบเครื่องหอม มิต้องใช้เครื่องขัดผิวเช่นเพลาเย็นนะเจ้า” เขาพูดด้วยอาการสบายๆ ดูเคลิ้มจนคนนวดกระหยิ่มยิ้มย่องในใจว่ารู้แกวเขาแล้วละ

“ลงมาอาบด้วยกันเถิด”

หืม!

มือที่นวดนั้นชะงักกึก เผลอหยุดหายใจ มองอีกฝ่ายเงียบๆ

“ส่งสำรับเจ้าข้า” เสียงนี้ดังมาจากหน้าเรือน

บุญรักษาแอบผ่อนลมหายใจเพราะโล่งอก แต่ก็แค่นิดเดียวเท่านั้น เพราะปัทมราชครูลุกขึ้นโดยไม่สนใจอะไร เขาจะฆ่าเธอให้ตายแต่เช้าเพราะด้านหลังและบั้นท้ายงามๆ

“แม่รัก จงไปรับสำรับไว้ที่หอนั่ง”

หญิงสาวรีบคว้าผ้านุ่งของเขาทั้งมือสั่นๆ เช็ดเนื้อเช็ดตัวอีกฝ่ายเร็วไว นุ่งผ้าให้เขาเรียบร้อยแล้วรีบออกมาทันที สำรวจเนื้อตัวไปพลางว่าเรียบร้อยดีแล้วจึงปลดกลอน เปิดประตูเรือนชาน

รอยยิ้มของเธอนั้นยังมีอยู่เมื่อต้องต้อนรับผู้มาเยือน ชายร่างผอมนุ่งผ้าลอยชาย ไม่ใส่เสื้อ เกล้าผมสูงอยู่ที่ตีนบันไดข้างล่างนั่นช่างดูเป็นคนมากพิธี เจ้าระเบียบเหมือนราชครูไม่ผิด

บ่าวสามคนนุ่งแค่ผ้าถกเขมรต่างถือสำรับและต่อแถว บุญรักษาเพิ่งรู้ว่าชายคนที่นุ่งผ้าลอยชายนี้คงจะเป็นหัวหน้าและกำลังยืนรอ จนเมื่อบรรดาบ่าวส่งสำรับเข้าแถวเรียบร้อย คนที่นุ่งผ้าลอยชายและเป็นหัวหน้าจึงเดินนำขึ้นมา

บุญรักษาหลีกทางให้พวกเขา ดูเหมือนจะเป็นงานกันทุกคน

เธอไม่ได้พูดอะไร บรรดาสำรับทั้งหลายถูกวางไว้ที่หอนั่ง ชายคนที่เป็นหัวหน้ายังยืนอยู่ตรงประตูเรือนชาน รวบมือเอาไว้ด้านหน้าอย่างสงบเสงี่ยม มองความเรียบร้อย เมื่อบ่าวลงไปแล้วจึงหันมาหาเธอ เขาก้มหน้าลงพองาม

“สำรับนี้ จัดเสร็จสิ้นแล้วเจ้าข้า” พูดจบก็ก้มหน้าให้นิดหนึ่ง และเดินลงไป

ทว่าผู้ชายอีกคนที่ยืนอยู่ตรงตีนบันไดคนใหม่ทำให้บุญรักษาพูดไม่ออก

มือของใครคนหนึ่งจับไหล่ของเธอ บุญรักษาหันหลังมอง ก่อนจะยิ้มให้ราชครูเล็กน้อยเมื่อเขายืนซ้อนแนบชิดจนอกแน่นๆ แนบหลังของเธอนี้

“ขึ้นเรือนก่อนเถิด โภไคย” ราชครูเอ่ย




- * - * - * - * - * - * - * - * - * - *- * - * - * - * - * -

----------------------------------------------------------------




ตอนที่ 16



“ขึ้นเรือนก่อนเถิด โภไคย” ราชครูเอ่ยทั้งยังจับไหล่เธอเอาไว้ ประคองบุญรักษาออกมาจากจุดนั้น ทำเหมือนเป็นคู่สามีภรรยาที่อยู่กินกันมานานและไม่กระดากกับการแสดงออก

แต่สำหรับบุญรักษา เริ่มคิดว่าควรทำอย่างไรต่อไป และนั่นทำให้ตัดสินใจเอ่ย “ข้าพเจ้าจักไปเตรียมน้ำดื่มเจ้าข้า” เพราะหากขืนตัวออกมาเงียบๆ ความเสี่ยงที่จะโดนลงโทษก็คงต้องมีแน่ๆ

ปัทมราชครูยิ้มให้เล็กน้อย บุญรักษายิ้มตอบ ไม่พูดอะไร เข้าไปเตรียมน้ำดื่มที่ครัว รั้งรออยู่ในครัวนี้ จนเมื่อทั้งสองคนนั้นนั่งพับเพียบที่หอนั่งเรียบร้อย พูดคุยกันบ้างแล้ว จึงค่อยเดินออกมา แน่นอนว่าขอก้มหน้าตลอดระยะทาง

ฉากในละครหรือภาพยนตร์ย้อนยุคผุดขึ้นมาให้เลือกว่าควรจะทำอย่างไร บุญรักษาย่อกายก่อนถึงหอนั่งประมาณหนึ่งเมตรครึ่ง คลานเข่าโดยในมือยังถือถาดที่มีคนโทน้ำและจอกน้ำอย่างมั่นคง นำไปวางไว้ตรงหน้าของทั้งสองที่หันหน้าเข้าหากัน จากนั้นขัดเข่าถอยหลัง มานั่งพับเพียบอยู่ด้านหลังราชครู ก้มหน้าตลอดเวลา

ความเงียบครอบคลุมจนคิดว่าควรจะออกไปจากตรงนี้ดีหรือไม่ เพราะทั้งสองเงียบจนน่ากลัวนัก บุญรักษาแอบเหลือบมองโภไคยที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จึงรู้ว่าเขามองเธอมาเช่นกัน แต่ก็มองด้วยสีหน้าท่าทางนิ่งเฉย แววตาของเขาไม่มีความรู้สึกใด ซึ่งนั่นทำให้ดีใจที่เขาพ้นบ่วงเนื้อทิพย์ของเธอ ดีใจมากที่ไม่ต้องปวดหัวกับการรับมือผู้ชาย

“แม่รัก นี่...ท่านโภไคย นายกองฝ่ายพิธีเมืองตักศิลา” ปัทมราชครูแนะนำ หยุดการขยับลุกหนีของบุญรักษาได้ชะงัด

หญิงสาวนั่งที่เดิม ยิ้มให้โภไคยเล็กน้อย อึกอักเพราะไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร จนป่านนี้ยังไม่รู้ธรรมเนียมการทักทายของที่นี่ แต่สมองสั่งการรวดเร็วกว่านัก เธอยกมือแช่มช้า ไหว้นายกองฝ่ายพิธีเมืองไปเรียบร้อยแล้ว

โภไคยยกมือรับไหว้เช่นกัน เขายิ้มให้บุญรักษาเล็กน้อย

เป็นอันรู้ว่าที่นี่ใช้ธรรมเนียมการไหว้ไม่ต่างจากเมืองไทยในสมัยโบราณ

โภไคยหันไปยิ้มให้ราชครู “แม่หญิงผู้นี้” และเอ่ยค้างไว้

“แม่รักคือผู้ปรนนิบัติของข้าพเจ้า เพิ่งเดินทางมาถึงเมื่อเย็นวาน” ราชครูตอบ ยังคงนั่งหลังตรงหน้าเชิดเช่นเดิม

“มิน่าเล่า... ก่อนนี้จึ่งมิเคยพบเห็น อีกทั้งไร้สร้อยคู่ชีวี นับแต่นี้ท่านราชครูมิต้องลำบากเป็นแน่แท้เจ้าข้า”

บุญรักษาหน้าชา นัยของคำพูดประโยคนี้ย่อมมีความหมายว่าเธอคือนางบำเรอไม่ผิดไป

“ย่อมสำราญยิ่ง” ราชครูตอบ

หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีบางอย่างกระจุกอยู่ที่ลำคอ กลืนน้ำลายอย่างสุดฝืน เธอกำลังเข้าสู่วัฒนธรรมของที่นี่อย่างแท้จริงแล้วสินะ

“ข้าพเจ้าใคร่แจ้งข่าว เฒ่าทับทิมแลพวกหายไปอย่างไร้ร่องรอย ตรวจสอบผ่านมนตร์ใดกลับลี้หลีกได้น่าฉงนยิ่ง ท่านราชครูเห็นควรเยี่ยงไรเจ้าข้า” โภไคยเอ่ย

“มิแคล้วว่าจักหลบซ่อนที่ชายป่าฝั่งทิศตะวันตก ติดชายแดนตักศิลานครกับวิราฏนครนั่นแล เหตุปะทะกันเมื่อวาน ใช่ง่ายฟื้นกำลัง เจ้าจงเตรียมการเพื่อเดินทางเถิด ทางนี้ข้าพเจ้าจักเสาะหาตำแหน่งให้แน่ชัด หากพร้อม อีกสี่วันจักได้ฤกษ์เดินทาง”

“น้อมรับเจ้าข้า ข้าพเจ้ากราบลา” พูดจบก็ยกมือขึ้นไหว้ราชครู ขัดเข่าลงจากหอนั่ง และเดินจากไป

ช่างเป็นการสนทนาที่สั้น กระชับ ไม่ต้องมากความจริงๆ

“ปิดประตู แม่รัก”

บุญรักษาได้ยินเช่นนั้นก็ลุกไปจัดการ แผ่นหลังของโภไคยในชุดราชองค์รักษ์นั้นเหมือนมีบางอย่างขณะเธอเตรียมปิดประตูเรือน

เขาหันกลับมา บุญรักษายิ้มให้เล็กน้อย และปิดประตู แต่รอยยิ้มเมื่อครู่คงเป็นรอยยิ้มที่แฝงความเศร้า ยากปกปิดได้มิดชิดเมื่อรู้สภาพของตนเอง และรู้ทัศนคติของผู้ชายแต่ละคนในโลกนี้ว่าคิดอย่างไรต่อผู้หญิงคนหนึ่ง

หญิงสาวแอบถอนหายใจ คงต้องใช้เวลาเรียนรู้ชีวิตของที่นี่อย่างจริงจังและปรับความคิดเพื่อให้อยู่รอดเสียใหม่แล้วสิ เลิกสนว่าโภไคยจะยืนอยู่ตรงตีนบันไดเพื่ออะไร หรือคนข้างหลังของเธอจะนั่งอยู่ในท่าทางแบบไหน หน้าที่ตอนนี้คือปิดประตูแล้วลั่นดาล ซึ่งจัดการเรียบร้อยเร็วไว บุญรักษายิ้มละไมเมื่อหันกลับมา

ปัทมราชครูยื่นมือมาขณะที่เธอกำลังจะย่อกายลงก่อนถึงตัว หญิงสาวเปลี่ยนเป็นเดินเข้าไปใกล้ รอว่าราชครูจะจัดการอย่างไร และนั่นทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายจับข้อมือของตนเอง จัดแจงให้นั่งลงตรงหน้าของเขาในระยะประชิด

“อย่าไว้ใจผู้ใด ยิ่งรู้มากว่าแม่รักสำคัญ ภัยจักถึงแม่รักโดยมิทันตั้งตัว” เขาว่า เสียงนั้นเบาดั่งจะกระซิบ

หญิงสาวยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน แม้ว่านั่นคือการฝืนทำแต่ก็ยังยิ้มได้ และเอ่ย “ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ท่านราชครูจัดการ ข้าพเจ้าเชื่อว่าท่านราชครูย่อมตรองทุกสิ่งอย่าง ทุกถ้อยคำไว้เป็นอย่างดียิ่ง ยิ่งท่านราชครูเมตตาข้าพเจ้ามากถึงเพียงนี้ มีหรือจักมิยินดี มิเข้าใจในสิ่งที่ท่านราชครูกระทำเจ้าข้า” ยิ้มและมองเขาอย่างเทิดทูนบูชาในความเมตตาอย่างหาที่เปรียบมิได้

ราชครูหนุ่มดึงตัวเธอเข้าไปกอดเอาไว้ ก่อนจะดันเธอออกมาเล็กน้อย ยิ้มให้อย่างเอ็นดูเหมือนที่เคยเป็น “แม่รักว่าง่ายเยี่ยงนี้ พี่ย่อมเบาใจ เช่นนั้นจงเตรียมตัวให้พร้อมเถิด จงติดตามพี่เมื่อต้องเดินทาง อีกสี่วันมิคลาดเคลื่อนตามที่แจ้งแก่โภไคย พี่ย่อมมิอาจทิ้งเจ้าไว้ที่เรือนนี้เพียงลำพัง” เขากอดบุญรักษาอีกครั้ง ลูบหลังให้เบาๆ “จงจำไว้แม่นมั่น พี่จักปกป้อง มิให้ภัยใดกล้ำกรายเจ้าเทียวหนา แม่รัก”

บุญรักษายิ้มไม่ค่อยจะออก ปล่อยให้เขากอดอย่างพอใจ จนเมื่ออีกฝ่ายปล่อยเธอออกมา ใบหน้านั้นจึงยิ้มให้เช่นเดิม

“กินข้าวกินปลาเถิดเจ้า ดูว่ามีอาหารคาวหวานใดถูกปากแม่รักบ้าง” ราชครูกล่าว เขายิ้มแย้มเมื่อเห็นหญิงสาวนั่งได้เรียบร้อย ก่อนจะขยับไปจัดการบิครั่งปิดผนึกทั้งหลายบนสำรับนั้น ดึงผ้าแดงห่ออาหารแต่ละอย่างออกไป

หญิงสาวเปิดฝาแต่ละชามออกมา และสิ่งที่เห็นในนั้นทำให้ต้องตกตะลึง

เธอหันไปมองหน้าราชครู หัวใจเหมือนหยุดเต้นฉับพลัน เพราะของในสำรับนั้น มีแต่ของชอบของเธอทั้งสิ้น

หญิงสาวตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้ กลัวเขาจับใจ ปัทมราชครูก็อ่านความคิดของเธอเหมือนท่านราชได้ใช่หรือไม่ ทว่าต่อให้เขารูปงามแค่ไหน วาจา สำเนียง น้ำเสียงไพเราะแค่ไหน กลิ่นกายจะหอมตรึงติดเพียงใด กลับไม่ให้ความรู้สึกปลอดภัยเหมือนที่อยู่กับท่านราชสักนิด หลายอย่างบอกชัดว่าทั้งสองคนนี้ไม่เหมือนเลย ยิ่งสิ่งที่เห็นในสำรับย่อมมีความหมายเดียวว่าเธอไม่ปลอดภัย เขาอ่านความคิดของเธอได้เป็นแน่แท้

“ไยมองพี่หวาดกลัวเช่นนั้นเล่าแม่รัก”

“ท...ท่าน ทำข้าพเจ้ากลัวยิ่งนักเจ้าข้า” พูดความจริงดีกว่าปกปิด ถอยหนีเมื่อเขาขยับเข้ามา

ปัทมราชครูส่ายหน้าช้าๆ รอยยิ้มละไมยังระบายอยู่บนใบหน้าของเขา

“อย่ากลัวพี่เลยเจ้า แม่รักมิทราบดอกฤๅ วันนั้นที่กระโจม” เขาลากเสียงค้างไว้ ขยับเข้ามาใกล้และจับต้นแขนทั้งสองของบุญรักษาทันท่วงที ใบหน้าหล่อเหลาเป็นที่สุดเคลื่อนใกล้เข้ามา จ้องมองเข้ามาในดวงตาของหญิงสาวที่กำลังหวาดกลัวเขาอย่างที่สุด

“พี่มองตาเจ้าเยี่ยงนี้” และรวบกอดบุญรักษาแช่มช้า “เพื่อตรวจสอบว่าแม่รักเป็นคนของผู้ใด มีรึจักมิทราบได้ว่าเจ้าโปรด...หรือมิโปรดเครื่องคาวหวานใดเทียวนั่น” เขาก้มหน้าลงมาจนริมฝีปากแทบชนริมฝีปากของบุญรักษาอยู่รอมร่อ เอ่ยดั่งเย้ายวนหยอกล้อทั้งสภาพนี้...

“แต่เมื่อพบกันอีกครา พี่กลับมิทราบว่าเจ้าคิดอ่านเยี่ยงไร เหตุใดจึ่งกลัวพี่มากนัก ดูเถิด...ตัวสั่นดั่งลูกนกตกน้ำก็มิปาน” พูดจบก็จรดริมฝีปากลงมา

บุญรักษาตาค้างตัวเกร็ง เขาเป็นประเภทเจ้าเล่ห์รอบจัด จูบจนแทบจะหลอมเธอให้ฝังร่างอยู่กับเขา แรงสูดลมหายใจเข้าลึกเริ่มกระชั้นถี่ หัวใจของราชครูเต้นแรงมากจากที่เธอรู้สึก ปากของเขาสั่นขณะดูดกลืนกระชากวิญญาณเธอออกไป แต่อย่างไรเธอก็สั่นเพราะกลัวเขาอย่างที่ยากจะปิดบัง

“อย่ากลัวพี่เลยเจ้า แม้นกลัวนัก...ก็จงกลัวสิ่งอื่นเถิด”

ปังๆๆๆ

เสียงทุบประตูเรือนชานขัดจังหวะปัทมราชครู

เขามองไปด้วยแววตาขัดเคืองยิ่ง “ผู้ใด” แม้ไม่ใช่การตะคอก ตะโกน แต่เสียงที่ฟังดูไพเราะนุ่มนวลนี้กลับสร้างความหนาวเยือกไปถึงหัวใจคนฟัง

“ข...ขาดสำรับเครื่องเคียงเจ้าข้า” เสียงที่ตอบมาคือเสียงของหัวหน้าผู้ดูแลเมื่อครู่

ปัทมราชครูปล่อยบุญรักษา ขยับนั่งหลังตรงผึ่งผาย เธอสังเกตว่าเขารวบและมวยผมเหนือท้ายทอยได้งามและรวดเร็วนักตั้งแต่ตอนที่เดินออกมาจากเรือนอาบน้ำครั้งแรก ทว่าแรงตวัดมือเพียงเล็กน้อยเรียกให้ต้องมอง เธอรู้ว่าเขากำลังโกรธแม้สีหน้ายังคงยิ้มเย็นชา

ประตูเรือนชานถูกเปิดออกโดยไม่ต้องมีใครลุกจากตรงนี้ บ่าวนุ่งผ้าถกเขมรคนหนึ่งก้มหน้าตัวสั่น วางถาดไว้ตรงหน้าราชครู ถาดใส่สำรับอาหารต่างมีลักษณะคล้ายขันโตก ขนาดแตกต่างกันออกไป ลวดลายของไม้นั้นเป็นการแกะสลักลายนูนสูงแบบภาคกลาง

เสียงเหมือนคนเป็นลมล้มลงทำให้ต้องหันมอง บ่าวคนที่ยกสำรับและหัวหน้าคนเมื่อครู่ต่างนอนกองตรงประตูเรือนเสียแล้ว

“นำออกไป” ราชครูพูดอย่างคนที่ไร้ความรู้สึก ไม่ให้ความสนใจ หันมาลากสำรับเข้าใกล้ตัว

หญิงสาวเพิ่งรู้ว่าเขาพูดกับใคร นั่นก็เพราะโภไคยกำลังเดินขึ้นมา เธอเห็นหน้าของโภไคยโผล่พ้นบันไดเพียงเล็กน้อย ก่อนอีกฝ่ายจะหันหลังลงจากเรือน เหลือบรรดาบ่าวยกสำรับก่อนนั้นปรากฏแทน แต่ละคนตัวสั่นเทา ลากและยกร่างทั้งสองที่นอนกองกับพื้นหน้าประตูเรือนเหมือนคนจะเป็นลม จับๆ หลุดๆ เสียหลายครั้ง

บุญรักษาเหมือนจะไร้เรี่ยวแรงยิ่งกว่า ไม่กล้ามองหน้าราชครูในตอนนี้เลย เสียงปิดประตูเรือนนั่นก็คงเพราะเวทมนตร์ของราชครู เขาทำได้และเธอเคยเห็นมาแล้ว บุญรักษาสะดุ้งเมื่อเขาจับมือเธอเอาไว้

“มองหน้าพี่บัดเดี๋ยวนี้”

เธอมองปัทมราชครูตามคำสั่งที่ได้ยิน

“ถ้าหากมิจัดการให้เป็นครู วันหลังย่อมนำความเสื่อมมาสู่การงานแลผู้เกี่ยวข้อง ไร้ความเป็นเลิศในผลใด ภยันตรายหนักหนาย่อมถึงตัว พี่อยู่ในฐานะที่อ่อนข้อต่อผู้ใดมิได้ ภัยมีมากหลายนัก หากเรื่องเพียงเท่านี้ยังเลินเล่อ เรื่องสำคัญจักมิล่มดอกรึ” เขาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ ตบหลังมือบุญรักษาเบาๆ เป็นการปลอบ

บุญรักษายิ้ม และพยักหน้ารับทราบ เธอไม่หิวเสียแล้ว แต่มือก็ยังจัดการดูแลเตรียมทุกอย่างให้เขา นัยจากประโยคคำพูดเป็นการส่งคำเตือนมาถึงเธอเช่นกัน ว่าเขาสมกับมีลักษณะเจ้าระเบียบเช่นที่เห็นก่อนนี้ และเธอก็ต้องไม่ทำให้เขารำคาญใจ หากจะอยู่กับปัทมราชครูทุกอย่างต้องไม่มีคำว่าผิดพลาดหรือเสี่ยงทำให้ผิดพลาด เขามีศัตรูทั้งภายในและภายนอก ซึ่งเธอจำต้องรู้เรื่องนี้และจำให้ขึ้นใจ

“ข้าพเจ้าเข้าใจดียิ่งแล้วเจ้าข้า วันหลังจะมิให้ท่านราชครูต้องหนักใจเป็นแน่แท้” บอกกับเขาขณะยื่นชามข้าวไปให้ เงยหน้ายิ้มให้ฝ่าย

‘เขาไม่ต้องการคนโง่และคนที่พูดไม่รู้เรื่องมาอยู่ใกล้ตัว ดังนั้นเธอก็ต้องไม่เป็นคนโง่ให้เขาได้เห็น อย่าเป็นคนไม่รู้เรื่องในทุกๆ สิ่ง เมื่อต้องอยู่ใกล้เขา ถ้าหากไม่อยากตาย’

และยิ่งยิ้มให้อีกฝ่ายด้วยความอ่อนโยนเป็นที่สุดเมื่อเขามองมา บอกทางสีหน้าแววตาว่าเข้าใจ เขาไม่ต้องกังวลสิ่งใดอีกนับจากนี้

- * - * - * - * - * - * - * - * - * - *- * - * - * - * - * -








สุชาคริยา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ก.พ. 2558, 19:11:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ก.พ. 2558, 19:11:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 1966





<< ตอนที่ 11-13   ตอนที่ 17-20 >>
สุชาคริยา 7 ก.พ. 2558, 19:48:53 น.
ตอบคอมเม้นท์จากตอนที่แล้วเจ้าข้า >>>
@คุณแว่นใส = ใช่ค่ะ ตัดสินใจยากจริงๆ (T-T)
@คุณ Jiab = ดีใจที่อ่านแล้วเห็นภาพตามไปด้วยนะคะ ดีใจจริงๆ ค่ะ จุ๊บๆ
@คุณนักอ่านเหนียวหนึบ = 55555 ท่านราชครูนี่เจอปัญหาหนักหนาจริงๆ ค่ะ ในเรื่องนี้
@คุณใบบัวน่ารัก = 555555 ค่อยๆ อ่านนะคะ ไม่ยากเกินไปจริงๆ ค่ะ ยิ่งค่อยๆ อ่าน ยิ่งละเลียด ยิ่งสนุกนะเจ้าข้า จุ๊บๆ
@คุณหนอนฮับ = จุ๊บุ๊ จุ๊บุ๊
@คุณ Zephyr = เรื่องพระเอกขอไม่เฉลยหรือให้คำใบ้นะคะ เดี๋ยวไม่ลุ้น ไม่สนุกจ้าาา จุ๊บๆ


แว่นใส 7 ก.พ. 2558, 21:21:25 น.
ชีวิตช่างอันตรายจริง


Jiab 7 ก.พ. 2558, 21:46:51 น.
สับสน งง อึดอัด ตื่นเต้น ลุ้น ทำตัวไม่ถูก ไปพร้อมๆกับแม่รัก สนุกค่ะ


kraten 8 ก.พ. 2558, 11:26:46 น.
แอบเป็นแฟนคลับราชครู ^_^


Zephyr 8 ก.พ. 2558, 11:44:38 น.
บร้ะ อึดอัดนักแล
ขยับตัวทีนี่เครียดนะเจ้า
จะกิน จะเดินืจะอาบน้ำ จะนอน ยังเกร็งเยี่ยงนี้
สักวันแม่รักจักเป็นตะคริวทั้งตัวเป็นแน่แท้
เริ่มจากปากก่อนเป็นอันดับแรก
ยังเกร็งๆแถมยิ้มไปด้วยช่างยากยิ่งนัก
มีท่านพี่ที่หล่อหลอนแบบนี้ ก็ช่างทำใจลำบาก
ข้าพเจ้าขอเฝ้าอ่านอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆเช่นนี้ดีนักแล
ปล ฮ่วยยย ภาษาโบราณช่างเขียนยากยิ่งแล้ว เหนื่อยยยย


ใบบัวน่ารัก 8 ก.พ. 2558, 17:45:35 น.
รู้สึกอึดอัก อึกอัดนะ ทำอะไรก็ต้องคอยระมัดระวังคำพูด ความคิด
กริยาทั้ง3 ช่อง เบื่อ คุยกันก็ต้องเกรงใจ ไหนจะระวังเมียใหญ่มาดักตบ
ดักสูบวิญญาณอีก นางมาจากเรื่องแฮรี่พอตเตอร์หรือไร ยะ นางผู้เสพความตาย
มีผ้าคลุมมัฮูดด้วย แบบ รักมาแย่งผัวฉานหรือ จับหักคอซะ
มีผ้าชุดใหม่ๆๆให้รักเปลี่ยนบ้างปะเนีย ชุดที่ใช่อยู่คงเน่าแล้ว
ราชครูก็ใจดำจิงนิ งกกะทั้งผ้าเปลี่ยนชุดผ้านุ่งผ้าแถบ
ตะเองสบายอยู่คนเดียว ท่านราชหรือไปไหนก็ม่ายรู้
รัก เธอนะ ถามจิงๆๆนะ คนเขียนเค้าเขียนให้เธอมี2 ผัวอะเปล่า
เดี้ยนจะได้ทำใจ เชียรใครก็ไม่รู้ดี น่านจิ หรือสงสารใครดี
จิงๆๆนะ เค้าสงสัยอะ


นักอ่านเหนียวหนึบ 12 ก.พ. 2558, 23:45:47 น.
เฮือกกก แค่โดนขัดนิดหน่อยแค่นี้ จัดการไปซะสอง!!!!
แล้วแม่แก่ไร้หน้านั่น ใครอ๊ะ เมียหลวงอ่ออออ ???


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account