สัญญารักพรางใจ
คิมหันต์ไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมบันดาล โชคชะตา ทำบุญร่วมกันมา
เขาเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ
หากไม่มีเหตุการณ์นั้นเขาจะแต่งงานกับมัทนาเพราะเหตุผลอะไร

Tags: ความรัก สัญญา ความลับ

ตอน: ตอนที่ 4

ตอนที่ 4

คิมหันต์จงใจทอดเวลาให้ยาวนานขึ้นไปอีกนิดเพื่อดูท่าทีของเสี่ยทรงชัยซึ่งเป็นชายวัยกลางคน หน้าตาจัดว่าดีมากคนหนึ่ง เป็นพ่อม่ายเมื่อสิบปีก่อน ภรรยาตายด้วยอุบัติเหตุที่ลือกันหนาหูว่าอาจถูกวางแผนฆ่า แต่ตำรวจหาหลักฐานไม่พบทรงชัยเลยได้สมบัติและลอยนวลมาจนถึงตอนนี้ ธุรกิจของทรงชัยดูเหมือนไม่มีอะไรน่าสงสัยอย่างส่งสินค้า จัดท่องเที่ยวโดยใช้เรือล่องไปตามเกาะต่างๆ แต่ในความไม่มีอะไรย่อมมีอะไรซ่อนอยู่เสมอ
ผ่านไปสิบนาทีคิมหันต์ถึงได้เข้าไปในห้องรับรอง สีหน้าของทรงชัยบอกชัดว่าไม่พอใจอย่างมา แล้วเมื่อเขานั่งลงการสนทนาก็เข้าสู่ประเด็นทันที
“คุณทำเกินไป ผมไม่ใช่ลูกค้าไก่กาที่ไหน แล้วที่สำคัญ คุณคงรู้ดีว่าผมรับไม่ได้ในสิ่งที่คุณสั่งให้คนของคุณทำ”
เรียวคิ้วหนาขมวด ถ้าเสี่ยทรงชัยรับไม่ได้ต่อสิ่งที่ได้รับ เขาก็รับไม่ได้ต่อสิ่งที่คนหน้าไหว้หลังหลอกทำเหมือนกัน
“ผมทำตามกฎครับ ถ้าคุณทำตามกฎของผมได้เมื่อไหร่ ธุรกิจจะกลับมาเหมือนเดิม ผมไม่ชอบเสียลูกค้า แต่ถ้าเสียลูกค้าที่มักง่ายไป แล้วได้ลูกค้าที่มีระเบียบมาแทนย่อมคุ้มกว่า ทั้งชื่อเสียงและเงินที่ได้รับ”
ทรงชัยมองคิมหันต์อย่างประเมิน เขามีอิทธิพลต่อคนในพื้นที่นี้ก็จริง แต่คิมหันต์กล้าที่จะงัดข้อกับเขาทั้งที่รู้ว่าจะเกิดปัญหาตามมา ตอนรุ่นปู่ของมัน เขายังไม่มีอิทธิพลอะไร เป็นแค่ลูกจ้างบริษัทธรรมดาๆ เท่านั้น แต่ตอนนี้ทุกอย่างได้เปลี่ยนไปแล้ว เขาไม่กลัวไอ้เด็กเมื่อวานซืนนี่
“ผมจะให้ค่าเช่าเพิ่มสามสิบเปอร์เซ็นต์และจะเช่าเรือเพิ่มอีกสามลำ จากที่มีอยู่เดิมเจ็ดลำ”
“คุณมีคู่แข่งแล้วล่ะครับ”
“ใคร”
การทำธุรกิจย่อมต้องการเงิน แต่เงินต้องอยู่บนพื้นฐานที่ขาวสะอาด เขายกเลิกสัญญาเช่าเรือไปสองลำ ลำหนึ่งลอบขนน้ำมันเถื่อน รู้แต่ไม่มีหลักฐาน ส่วนอีกลำก็ปล่อยน้ำมันเก่าลงทะเลอย่างไร้ความรับผิดชอบ
“ความลับของลูกค้าครับ”
“ถ้างั้นผมจะซื้อแทนเช่า” ทรงชัยลองหยั่งเชิงดู
คิมหันต์ทำหน้าเฉย เขามั่นใจว่าทรงชัยอยากเช่ามากกว่าซื้อ ไม่ใช่เงินไม่มี แต่เรือของ Blue Ship จะเป็นโล่ชั้นดีให้ทรงชัยต่างหาก
“ก็ต้องรอคิวครับ การผลิตเรือของผมเน้นคุณภาพ มากกว่าปริมาณ”
ทรงชัยกำมือแน่นกัดฟันกรอด “คิดว่าแน่นักใช่ไหม”
คนที่ควรกลัวหงอกลับหัวเราะอย่างไม่สะทกสะท้าน เขากลัวหลายอย่างจะเกิดขึ้นในชีวิต แต่เขาไม่เคยกลัวคนชั่ว ถ้าเดาไม่ผิดมือปืนที่ส่งไปหลายวันก่อนคงต้องการเตือนที่แกล้งโง่ไปคราวนั้น ตำรวจได้รับการแจ้งความแล้ว แต่จนถึงเวลานี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า เขามีจุดยืนในการทำธุรกิจ ใครมายืนจุดเดียวกับเขาไม่ได้ก็ทางใครทางมัน
“ผมทำอาชีพของผมและมีกฎของผมครับ ผมไม่ได้พูดเพื่อเพิกเฉยต่อความต้องการของลูกค้า ถ้าคุณอยากเช่าเรือได้เหมือนเดิมก็ต้องแข่งกับลูกค้าอีกบริษัท ถ้าต้องการซื้อเรือก็ต้องรอตามคิว เรื่องแบบนี้ไม่ต้องใช้ความแน่หรอกครับ แค่ซื่อสัตย์ต่อกันก็พอ”
คนอวดเก่งแบบคิมหันต์ ทรงชัยเห็นมามากมาย แต่สุดท้ายก็ตายไวกันทั้งนั้น น่าเสียดายถ้าคุณทีปต์จะไม่เหลือแม้กระทั่งหลานไว้รับช่วงธุรกิจ
“คุณทีปต์ช่างมีหลานที่ทำธุรกิจได้แย่จริงๆ”
คิมหันต์ยิ้มรับไม่ลุกขึ้นยืนเมื่อเสี่ยทรงชัยลุกขึ้นมองหน้าแล้วเดินออกไปอย่างไม่พอใจ การุณรอนายอยู่หน้าห้อง พอเห็นหน้าบึ้งตึงก็รีบเดินตามก่อนจะรีบไปเปิดประตูรถให้นายเข้าไปนั่ง ทรงชัยยังหัวเสียไม่หาย ถ้าแถบนี้มีบริษัทที่ตำรวจวางใจอย่าง Blue Ship ซึ่งมีประวัติที่ดีตั้งแต่รุ่นปู่มารุ่นหลาน เขาจะไม่เสียเวลามาเจรจากับมันเลย

มัทนาใส่ชุดฟอร์มพนักงานที่ได้มาตั้งแต่วันที่ไปสัมภาษณ์รอบสองมาทำงาน เดชาเป็นคนเข้ามาทักทายแล้วพาไปรู้จักเพื่อร่วมงานในฝ่ายวิจัยและพัฒนาซึ่งพากันมองมาที่เธอแล้วยิ้มๆ กัน เดาได้ไม่ยากคงคิดว่าผู้หญิงจะมาอยู่ที่นี่ได้สักกี่วัน ผู้ชายที่นี่ถึงจะดูบึกบึน โผงผาง แต่ไม่เถื่อน
พอทักทายเสร็จแล้วเดชาพามัทนาเดินไปที่ฝ่ายบุคคลเพื่อเซ็นเอกสารจ้างงานและเอกสารอื่นๆ มีการอธิบายเรื่องสวัสดิการและนโยบายของบริษัท ก่อนจะจบลงด้วยเอกสาร On the Job training ที่เธอต้องไปที่ฝ่ายต่างๆ เพื่อศึกงานโดยรวมของบริษัทเป็นเวลาสองวัน หมายถึงว่าสองวันนี้เธอจะยังไม่ได้เริ่มงานของตัวเอง
ฝ่ายบุคคลพาเธอมาส่งที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนาซึ่งอยู่ติดกับฝ่ายซ่อมบำรุงตอนเกือบเที่ยง โต๊ะทำงานของเธอมีพร้อมอยู่แล้ว เดชาเดินมาหาแล้วพาเพื่อนร่วมงานคนใหม่ไปหาของกินในเวลาพักกลางวันพอดี
“ที่นี่มีโรงอาหารครับ แต่ถ้าเบื่อก็มีร้านขายข้าวข้างนอกหลายร้านอยู่ครับ ส่วนเรื่องหอพัก ผมคิดว่าเย็นนี้ไปลองหาดูไม่น่าจะหายาก แถวนี้มีหอพกเยอะอยู่เพราะมีโรงงานลึกเข้าไปอีก”
“ขอบใจมากนะคุณเดชา” มัทนายิ้มให้เพื่อนใหม่ที่เพิ่งมาทำงานที่นี่ได้ปีเดียวเท่านั้น
“เรียกผมเดชก็พอครับ”
“ถ้างั้นเรียกฉันว่ามัทแทนคุณก็แล้วกัน เรียกคุณทีไร ฉันสะดุ้งทุกที”
“โอเค ได้เลย” เดชาหัวเราะก่อนจะพูดต่อเป็นการเป็นงาน “ปกติแล้วบอสจะมาทำงานที่นี่สามวัน แล้วก็อยู่สำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯ สี่วัน ยกเว้นมีเรื่องสำคัญก็จะมานอกรอบ”
มัทนารับจานข้าวจากแม่ค้าที่มองมายิ้มๆ เธอยิ้มตอบแล้วเดินเคียงเดชาไปที่โต๊ะซึ่งยังพอว่างอยู่ แล้วกระซิบถามเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน
“ได้ข่าวว่าที่นี่เป็นดงมาเฟียจริงหรือเปล่า”
“ก็ต้องปกป้องตัวเอง ธุรกิจให้เช่าเรือ ขายเรือทำเงินดีก็จริง แต่มันก็มีพวกเหลือบไรอาศัยช่องโหว่ทำเรื่องน่ะ บอสเลยต้องแข็งเข้าไว้ แข็งมากไปก็เลยกลายเป็นเหมือนมีเรื่องกับพวกโลภมาก” เดชาตอบไม่ใช่เรื่องต้องปิดบัง ถ้ามัทนาทำงานที่นี่ไปสักพักก็จะรู้ได้เอง
“งั้นเหรอ ดีออก ทำดีแล้วจะกลัวคนทำชั่วทำไมล่ะเนอะ” ฟังอย่างนี้แล้วค่อยสบายใจหน่อย ทำงานกับคนดีย่อมดีกว่าทำงานกับคนชั่วล่ะน่า
“นั่นสินะ”
มื้อกลางวันจบลงอย่างรวดเร็ว ไม่มีการยืดเยื้อนั่งเล่น มัทนาอยากกลับมานั่งอ่านเอกสารและดูการทำงานมากกว่า เดชานึกชอบใจที่มัทนาไม่ใช่ผู้หญิงจ๋าที่พอกลางวันหลังทานข้าวต้องเข้าห้องน้ำแต่งหน้า เติมแป้ง เธอดูแมนๆ ลุยๆ คล้าย...ทอม แต่คงไม่ใช่ อาจจะแค่ผู้หญิงห้าวๆ ไม่อ่อนหวานเท่านั้น แต่ถ้าควงแฟนผู้หญิงเมื่อไหร่คงไม่ต้องหาคำอธิบาย

แสงไฟหน้ารถสาดเข้ามาหน้าบ้านตอนที่พิมพ์อรเพิ่งทำกับข้าวเสร็จพอดี เผือกรีบไปเปิดประตูให้ลูกพี่ที่หน้าตาบอกว่าเหนื่อย แต่ดวงตาส่องประกายความสุข ไม้ขี่เวสป้ามาสมทบเพราะเพิ่งปิดอู่เหมือนกัน ถึงขาจะยังเข้าเฝือกแต่สามารถทำงานได้ตามปกติแล้ว สองพี่น้องพากันเดินมานั่งที่แคร่ ส่วนเผือกวิ่งไปในครัว พิมพ์อรเดินมานั่งที่แคร่ด้วยกัน
“ทำงานวันแรกเป็นยังไงบ้างล่ะยัยมัท”
“สนุกดีค่ะ ทำงานกับผู้ชายดีกว่าทำงานกับผู้หญิง ไม่เรื่องมาก ไม่งอน ไม่นินทา พูดกันตรงๆ ดี” วันนี้เธอยังไม่ได้ทำงานเป็นเรื่องเป็นราวเพราะยังอยู่ในช่วง JD อยู่
“ใครหน้าไหนกล้ามาแกล้งน้องของพี่บอกคำเดียว เดี๋ยวไปจัดการให้”
น้องสาวหัวเราะพี่ชาย ถ้าบำรุงได้ไปเห็นผู้ชายในบริษัทอาจเปลี่ยนใจได้ แต่ละคนตัวใหญ่ แข็งแรงและเล่นกีฬากันประจำ ถ้าต่อยกันจริงๆ มีหวังคนแถวนี้ได้ช้ำในตาย
“แมนสุดๆ เลยพี่ชายเรา แล้วนั่นเจ้าเผือกถืออะไรมา”
“ยายทำน้ำลำไยไว้รอพี่มัทตั้งแต่บ่ายแล้ว หวาน หอม ชื่นใจ แฮะๆ ผมแอบชิม”
น้ำลำไยหวานเย็นชื่นใจจนมัทนาจัดการทีเดียวหมดแก้ว เผือกวิ่งกลับไปในครัวเอาน้ำมาให้ลูกพี่อีกแก้วทันที
“แล้วเรื่องหอพักล่ะ หาได้หรือยัง”
“ยังเลยค่ะแม่ พรุ่งนี้ค่อยหาอีกที คงหาได้แหละค่ะ แถวนั้นหอพักเยอะไปหมด บางที่ก็มีห้องว่างนะคะ แต่คนช่วยหาหอพักก็เล่าเสียจนมัทโบกมือลา” นึกแล้วยังเสียดาย ห้องพักดีๆราคารับได้ อยู่ใกล้ที่ทำงาน แต่...
“ทำไมล่ะยัยมัท”
“ก็เขาว่ามีผีเฮี้ยนน่ะสิพี่ไม้ เจอคนยังไม่กลัวเท่าเจอผี”
“เป็นอย่างนั้นไป”
ทุกคนพากันหัวเราะเป็นที่รู้กันว่ามัทนากลัวผีมาตั้งแต่เด็ก แต่ตอนที่พ่อกับพี่ชายตายกลับนอนเฝ้าศพที่ศาลาทั้งคืนกับแม่ได้ ความรักทำให้หายกลัว แต่ยังกลัวอยู่ดีเวลาอยู่คนเดียว พิมพ์ใจเรียกให้ทุกคนขึ้นบ้านแทนที่จะนั่งให้ยุงกัดอยู่ที่แคร่ คนไปทำงานวันแรกเจริญอาหารกว่าใคร พอกินเสร็จก็ไปอาบน้ำเตรียมนอน

มัทนาเปิดโน้ตบุ๊กเผื่อว่ามีเมล์จากอังเคิลเค วันก่อนเธอเพิ่งบอกไปว่ากำลังจะได้งานที่ Blue Enterprise แต่มัวแต่ยุ่งๆ เลยไม่ได้เมล์บอกว่าได้งานแล้ว บางครั้งการมีใครอีกสักคนในโลกสนใจความเป็นไปของเราบ้างก็ทำให้โลกใบนี้น่าอยู่มากขึ้น มีเมล์ตอบจากอังเคิลเคจริงๆ เสียด้วย

‘จดหมายฉบับก่อนบอกว่าผ่านสอบสัมภาษณ์ ลุงเลยส่งของขวัญมาให้ เผื่อว่าต้องใช้ ที่นั่นเป็นบ้านหลังเล็กๆ ที่ลุงเคยปล่อยเช่าแถวๆ แหลมฉบัง ตอนนี้ว่างอยู่ ถ้าหนูมัทได้ทำงานที่นั่นคงต้องเดินทางไปที่ชลบุรี ลุงเดาไม่ผิดใช่ไหม กุญแจบ้านจะอยู่ใต้กระถางต้นกุหลาบต้นที่สาม ถ้าชอบก็อยู่ที่นั่น ลุงจะได้สบายใจว่าหนูมัทกินอิ่ม นอนหลับ อยู่ในที่ปลอดภัย ลุงแนบแผนที่มาให้แล้ว อย่าเกรงใจเพราะลุงเต็มใจช่วยหนูมัทเสมอนะ’

ยิ่งกว่าสนใจไยดี ทั้งๆ ที่เธอกับอังเคิลเคไม่ได้เป็นอะไรกันเลยนอกจากคนรู้จัก เธอรักผู้ชายคนนี้ผ่านตัวอักษร ถ้าพ่อยังมีชีวิตอยู่คงทำให้เธออบอุ่นใจได้เหมือนกับที่อังเคิลทำให้เธอรู้สึกมาโดยตลอด

‘ขอบคุณค่ะอังเคิลเค มัทดีใจมากค่ะ การมีอังเคิลเคเป็นส่วนดีๆ ในชีวิต ทำให้ชีวิตของมัทมีแสงที่สวยงาม ทำให้รู้สึกว่าโลกใบนี้น่าอยู่มากขึ้น มัทไม่ได้เกิดมาเพื่อพบกับความเสียใจ แต่ยังมีสิ่งดีๆ รออยู่ อังเคิลเคเป็นอีกหนึ่งคนที่ทำให้เกิดสิ่งดีๆ ค่ะ ว่าแต่น่าแปลกจัง อังเคิลเครู้ได้ยังไงคะว่ามัทได้ทำงานแถวๆ แหลมฉบัง ถ้าเป็นการเดา มัทจะบอกว่าอังเคิลเคเดาได้เก่งมากค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ
รักเสมอ มัทนา’

มัทนากดส่งเมล์แล้วปิดคอม หลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน การขับรถไปทำงานแบบไปกลับทำให้เหนื่อยไม่น้อย พรุ่งนี้เธอจะไปหาบ้านตามแผนที่ของอังเคิลเค แต่ปัญหามันอยู่ที่เธอจะจ่ายค่าเช่ายังไงดี ถ้าขอจ่ายค่าเช่า อังเคิงเคคงไม่ยอม ถ้าส่งของไปให้แล้วแอบใส่เงินไปจะถูกโกรธไหมนะ นี่เธอคิดหลายเรื่องจนเก็บมาฝันเลยเชียวล่ะ

วันที่สองของการทำงานยังเป็นการ JD ซึ่งตอนเช้าเป็นส่วนของฝ่ายวิจัยและพัฒนา ช่วงบ่ายเป็นส่วนประกอบตัวเรือน่าสนุกไม่น้อยเมื่อแบบที่วาดได้ออกมาเป็นรูปเป็นร่าง อีกทั้งยังได้ออกไปดูเรือที่ประกอบเสร็จแล้วและกำลังรอส่งให้ลูกค้า บางลำนำเข้าแล้วขายต่อก็มี เธอกลับมาที่ฝ่ายตอนใกล้สามโมงเย็น พอนั่งพักได้ทานน้ำเสร็จจิรัฐก็โทรมาหา
“มัทมาที่ห้องทำงานของพี่ด้วยครับ”
มัทนาหยิบสมุดกับปากกาติดมือไปด้วย จิรัฐนั่งรออยู่ในห้อง พอเธอนั่งลงกระดาษใบหนึ่งก็ส่งมาให้ เธออ่านแล้วทำความเข้าใจ
“พี่มีงานให้มัททำ เป็นโปรเจคแรกของมัท ในส่วนนี้จะเกี่ยวกับการประเมินการผ่านงาน ลองอ่านดูก่อนครับ”
“วาดแบบเรือหรือคะพี่รัฐ” จากแผ่นงานที่อ่านบอกเธออย่างนั้น
“ครับ ครบสามเดือนก็เอามาให้พี่ดู แต่ระหว่างนี้อยากปรึกษาก็มาหาพี่ได้ งานในส่วนต่างๆ พี่จะให้เดชาเป็นพี่เลี้ยงให้มัทนะ”
มัทนามีพื้นฐานด้านการเขียนแบบเขาอยากให้เธอทำงานในส่วนช่างและส่วนออกแบบ ไม่หนักไปทางช่างเสียทีเดียวเพราะงานคงหนักเกินไปสำหรับผู้หญิง ถึงเธอจะบอกว่าไหวก็ตาม
“ขอบคุณค่ะ”
จิรัฐถามเรื่องการไปฝ่ายต่างๆ อยู่หลายคำถาม ส่วนใหญ่ก็เป็นการทบทวนความเข้าใจเพราะเธอต้องส่งรายงานในสัปดาห์หน้าเพื่อรวมกับผลการประเมิน ยังไม่นับรวมรายงานทุกๆ สามสิบวันที่ฝ่ายบุคคลแจ้งเธอตั้งแต่แรก เมื่อยังไม่เลิกงานมัทนาเลยไปศึกษางาน ทีมช่างกำลังทดลองเครื่องยนต์ที่เพิ่งปรับความดันและลดความกว้างของท่อเพื่อเพิ่มแรงของเครื่องยนต์
คิมหันต์กำลังจะเดินผ่านส่วนของฝ่ายวิจัยและพัฒนาซึ่งถูกออกแบบให้ผนังทำด้วยกระจกแทนการใช้ผนังทึบ เขามองไปยังกลุ่มพนักงานที่กำลังทดลองโดยสั่งงานจากคอมพิวเตอร์ ข้อมูลต่างๆ กำลังถูกบันทึกลงไป ในกลุ่มพนักงานผู้ชายมีใครคนหนึ่งดูโดดเด่นขึ้นมาในสายตาของเขา
ผมยาวแค่คอและใบหน้าที่ดูสวยเกินกว่าจะเป็นผู้ชายนั่นเองทำให้มัทนาดูต่างไป แต่ถึงกระนั้นความทะมัดทะแมงและตัวสูงเพรียวทำให้เธอดูกลมกลืน ใบหน้าคร้ามส่ายหน้าเมื่อนึกถึงคำขอของปู่ ดูยังไงก็ไม่มีทางเป็นไปได้
“บังเอิญจังนะครับ” ปวรเอ่ยเสียงเบา
คนฟังได้แต่ถอนใจกับตัวเอง ช่างบังเอิญจนอยากเดินไปหามัทนาแล้วพาเธอกลับบ้านไปเสีย แล้วถ้าให้ดีไม่ต้องกลับมาอีก แต่เขามีเหตุผลเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้ คนมีความสามารถควรได้งานที่เหมาะสม
“ลูกค้าใกล้มาถึงหรือยัง”
“อีกประมาณยี่สิบนาทีจะมาถึงครับ”
บอสใหญ่ Blue Enterprise ละสายตาจากมัทนาแล้วเดินไปยังลิฟต์เพื่อเดินทางไปยังท่าเรือของบริษัท รหัทที่ยืนเงียบเดินตามเข้าไปในลิฟต์เช่นกัน เรือที่จะส่งมอบมีราคาแพงและนายหน้าที่ติดต่อซื้อขายก็นำประโยชน์มาให้หลายครั้ง คราวนี้คิมหันต์จะเลี้ยงเป็นการตอบแทนจึงเดินทางไปส่งมอบเรือให้ด้วยตัวเอง โดยที่ไม่รู้ว่ามีคนอยากพบเขา ถึงได้จงใจใช้นายหน้าคนนี้

เรือยอร์ชมูลค่าหลายล้านจอดรอเจ้าของที่นายหน้าแจ้งกับคิมหันต์ว่าอาจจะมาช้าไปสักสิบห้านาทีเพราะเกิดปัญหายางรั่วระหว่างเดินทาง คิมหันต์เลือกนั่งรถยนต์แทนรถกอล์ฟเผื่อว่าจะไปต่อกันได้เลย เขารออยู่ในรถพลางตรวจงานไปด้วย เวลากลายเป็นเงินไปแล้ว และจะยิ่งเป็นมากขึ้นไปอีกถ้าปู่เกิดเขียนพินัยกรรมยกสมบัติให้การกุศลขึ้นมาจริงๆ ปู่กดดันเขาขนาดนี้เพื่ออะไร
“ลูกค้าถึงแล้วครับ” ปวรรายงานพลางเปิดประตูรถให้
คิมหันต์ปิดหน้าจอไอแพดแล้วออกมาพลางหันไปมองรถที่กำลังจอดห่างไปออกเพียงไม่กี่ก้าว ประตูด้านหลังคนขับเปิดออก เรียวขาสวยขยับออกมาจากรถพร้อมรองเท้าส้นเข็มก่อนที่ร่างระหงจะลุกออกมาจากเบาะ
วินาทีนั้นคิมหันต์รู้ว่าอดีตได้กลับมาหาในเวลาที่สายเกินไปแล้ว นันทินีกลายเป็นสาวสวยสะพรั่ง ผมยาวตรงถูกดัดเป็นลอนราวกับคลื่นในท้องทะเล ใบหน้าเรียบๆ ถูกแต่งอย่างสวยงามราวกับเป็นผู้หญิงคนละคนที่เขาเคยรักหัวปักหัวปำ เธอดูมั่นใจกว่าแต่ก่อน การก้าวเดินของเธอบ่งชัดว่าจงใจให้เกิดการพบกันในครั้งนี้
“ขอบคุณนะคะคิมที่มาส่งมอบเรือด้วยตัวเอง” เรียวปากสวยยิ้มหวาน มือบางยื่นมาจับแขนของอดีตคนรักไว้อย่างสนิทสนมราวกับไม่เคยมีเรื่องราวเจ็บปวดระหว่างเราสองคน
คิมหันต์ดึงแขนออกราวกับถูกถ่านร้อนๆ สัมผัส สายตาที่มองอดีตคนรักเต็มไปด้วยความว่างเปล่าที่จงใจแสดงให้นันทินีเห็น เขามาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับ แม้ว่าสมองจะจำได้ทุกเรื่องราวระหว่างเรา
“ปวร...ดูแลลูกค้าแทนผมด้วย”
ร่างสูงสง่างามและภูมิฐานในฐานะ CEO ของ Blue Enterprise เดินผ่านนันทินีไปอย่างเฉยเมย ไร้ค่า เสมือนการพบกันไม่มีผลต่อความรู้สึกใดๆ แม่ม่ายสาวเสียหน้าไปไม่น้อย แต่เธอเข้าใจว่าความโกรธทำให้เขาเย็นชาใส่ ใบหน้าสวยหวานหันหน้าตามไป ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังคงรู้สึกต่อเธอ ไม่อย่างนั้นเราคงคุยกันได้ ไม่ใช่จากไปง่ายๆ แบบนี้
“เดี๋ยวสิคะคิม ที่คิมทำแบบนี้ก็เพราะยังโกรธนันอยู่ใช่ไหม นันขอโทษ นันกลับมาเพื่อแก้ไข คิมจะไม่ให้โอกาสนันได้ไถ่โทษที่ทำให้คิมเสียใจเลยหรือคะ”
คิมหันต์ได้ยินทุกคำ แต่ไม่เห็นประโยชน์อะไรที่ต้องตอบ ความเจ็บปวดได้จากเขาไปนานแล้ว ร่างสูงเข้าไปนั่งในรถแล้วขับออกไปอย่างไม่ลังเล ขนาดรหัทยังตามไม่ทัน ปวรเดินตามมาพร้อมเอกสารที่รอเจ้าของเรือตัวจริงเป็นผู้เซ็นลงไป
“เอกสารส่งมอบครับ”
นันทินีมองรถที่คิมหันต์เพิ่งขับไปจนลับตา การกลับมาเพื่อสานต่อความรักที่หยุดชะงักไปชั่วคราวของเธอคงไม่ง่ายนัก แต่ก็ไม่ยากเมื่อการแสดงออกของเขาบอกชัดว่าเธอมีผลต่อหัวใจที่เคยเจ็บช้ำ แล้วจะผิดอะไรเมื่อเขายังโสดและเธอก็กลับมาโสดอีกครั้ง หญิงสาวจรดปากกาเซ็นลงไป วันนี้เธอมารับเรือ อีกไม่นานเธอจะได้หัวใจของคิมหันต์กลับไป

คิมหันต์ขับรถไปเรื่อยๆ เพราะนึกไม่ออกว่าจะไปที่ไหน อดีตราวกับยังไม่ได้จากไป เขายังจำทุกอย่างได้ ทำไมถึงเป็นแบบนี้ รถถูกจอดลงข้างทางซึ่งมองเห็นทะเลใกล้เพียงมือคว้า เมื่อเปิดประตูลงมาจากรถ ลมเย็นๆ จากทะเลพัดใส่หน้าราวกับมือของใครบางคนกำลังฟาดหน้าของเขาเพื่อเรียกสติ ความรักไม่เหลืออยู่แล้ว
ทว่าทั้งที่คิดว่าเกลียดนันทินีในความเป็นจริงแล้วไม่ได้เกลียด แต่ไม่มีทางกลับไปรักได้อีก ผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้ว่าความรักไม่เคยพอหากว่าอีกฝ่ายมีคำว่าเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง คำพูดที่เขากับเธอคุยกันครั้งสุดท้ายยังคงอยู่ในความทรงจำ ไม่ใช่เพื่อเจ็บปวด แต่เพื่อสั่งสอนตัวเองไม่ให้รักใครจนหมดใจอีก
‘นันไม่มีทางเลือก ถ้าไม่ทำอะไรสักอย่าง พ่อของนันคงล้มละลาย นันถูกบังคับคิมเข้าใจไหม’
คำพูดของนันทินีช่างน่าสงสาร ถ้าเขาจะไม่รู้จากเพื่อนสนิทก่อนหน้านั้นว่าพ่อแม่ของนันทินีไม่ได้บังคับ แต่เธอทำเพราะเต็มใจ ความฟุ้งเฟ้อเป็นคุณหนูทำให้เธอรับไม่ได้หากว่าฐานะจะเปลี่ยนไป การแต่งงานกับคนที่พ่อหาให้แล้วยังช่วยพยุงฐานะทางเงินได้ เป็นเรื่องที่เธอตัดสินใจ โดยไม่สนใจความรัก แต่เพราะความโง่ทำให้เขาหลงเชื่อคำพูดของเธออย่างง่ายดาย
‘แล้วทำไมถึงไม่บอกผม ทำไมทิ้งผมไปแต่งงาน ทั้งๆ ที่ผมรักนัน ไม่ว่าเรื่องใหญ่แค่ไหนผมก็ช่วยนันได้’
‘ตอนนี้คิมมีอะไรที่ช่วยนันได้ เงินสักล้านคิมยังหาให้นันไม่ได้เลย เราจบกันแค่นี้เถอะนะคิม นันเลือกทางเดินที่ดีกว่าแล้ว’
สีหน้าของนันทินีในเวลานั้น คิมหันต์ไม่เคยลืม รอยยิ้มหมิ่นหยัน สายตาดูแคลน ทอดทิ้งเขาให้จมกับคำว่าเราเลิกกัน เธอเดินจากเขาไปเพื่อขึ้นรถคันใหญ่ที่แพงและหรูหราสมฐานะเมียคนล่าสุดของนายหัวทางใต้ที่มีหน้ามีตาในสังคมแถบนั้น
แน่ล่ะเขาในเวลานั้นยังไม่ได้รับความไว้วางใจจากปู่และพ่อ เพิ่งเรียนจบและเริ่มต้นทำงานตำแหน่งพนักงานคนหนึ่งในบริษัทเท่านั้น อีกทั้งสุขภาพยังไม่ค่อยดีเข้าโรงพยาบาลบ่อยๆ ราวกับคนขี้โรคและที่สำคัญเขาไม่เคยบอกใครว่าเป็นหลานของคุณทีปต์ ถ้านันทินีสนใจในตัวเขามากกว่านี้ คงรู้ว่าเขาเป็นใครตั้งแต่ก่อนที่เธอจะตัดสินใจไปแต่งงานแล้ว
มาถึงตอนนี้เขาก็ดูแคลนนันทินีเช่นกัน เธอเป็นคุณหนูมาก่อนมีหรือจะยอมอับจนหนทางต้องขายบ้าน ขายทุกอย่าง การยอมแต่งงานกับคนรวยและเขี่ยผู้ชายหน้าโง่ให้พ้นทางคงง่ายกว่า เขาจะไม่มีทางหลงคำรักจากผู้หญิงที่รักเงินอีกแล้ว คิมหันต์ยิ้มหยันเมื่อได้คำตอบให้กับตัวเอง ร่างสูงเดินกลับมาที่รถ พลันสายตาก็เห็นรถที่ใครเห็นสักครั้งคงไม่มีทางลืมได้กำลังแล่นผ่านไปอย่างเชื่องช้า ด้วยความสนใจเขารีบเข้าไปในรถแล้วขับตามรถคันนั้นไป นันทินีหายไปจากสมองของเขาทันที

เดชามาช่วยมัทนาหาบ้านตามแผนที่ที่เธอกางให้ดูตอนใกล้เลิกงาน ซึ่งบ้านหลังที่กำลังตามหาอยู่ไม่ไกลจากบริษัทนัก ถ้ามัทนาได้พักอยู่ที่นั่นจริงๆ ก็เดินทางง่ายเพราะไม่ไกล อีกทั้งเท่าที่ได้ยินมาการรักษาความปลอดภัยก็ดีมีการแลกบัตรค่อนข้างเข้มงวด น่าปลอดภัยสำหรับผู้หญิงถ้ามาพักคนเดียว
“ทางนั้นแหละใช่แล้ว เข้าไปในหมู่บ้านเลย ไม่ยักรู้ว่าแถวนี้มีบ้านให้เช่า” เดชาชักสนใจ ถ้าค่าเช่าไม่แพง เผื่อว่าจะได้ย้ายหอพักที่มีปัญหาน้ำประปาอยู่บ่อยๆ มาอยู่เสียที่นี่
มัทนาจอดรถเพื่อแลกบัตรแล้วบอกว่าจะไปบ้านหลังไหน รปภ. ไม่ซักถามอะไร บอกแค่ว่าเจ้าของบ้านโทรมาบอกเอาไว้แล้ว พอขับเข้าหมู่บ้านไป คนถูกถามก็ค่อยว่างให้คำตอบได้
“ไม่รู้เหมือนกัน มัทเพิ่งมาครั้งแรก ช่วยหาบ้านที บ้านเลขที่...”
เดชามองทางซ้าย มัทนามองทางขวา เธอขับมาตามทางที่ รปภ. ชี้มา หมู่บ้านค่อนข้างใหญ่ มีบ้านหลายสิบหลังทำให้ต้องขับรถช้าๆ เพราะกลัวเลยต้องเสียเวลากลับรถกันอีก
“นั่นๆ หลังนั้น”
เดชาชี้ไปยังบ้านชั้นเดียวที่ยังดูใหม่และมีโมบายส่งเสียงกรุ้งกริ๊งหน้าบ้าน มัทนาจอดรถที่หน้ารั้วบ้าน พอลงจากรถก็ไปหากระถางกุหลาบใบที่สาม พอยกขึ้นก็พบกุญแจตามที่อังเคิลเคบอกไว้จริงๆ เธอไขเปิดรั้ว บริเวณบ้านร่มรื่นราวกับมีคนดูแลทุกวัน สนามหญ้าเล็กๆ และดอกไม้ในกระถางส่งกลิ่นหอม
เธอใช้กุญแจดอกที่เหลือไขประตูบ้าน เดชาลองเปิดไฟดูก็พบว่าติด เช่นเดียวกับน้ำที่ไหลเป็นปกติ พอเดินสำรวจก็พบว่าบ้านหลังนี้มีสองห้องนอน หนึ่งห้องน้ำ หนึ่งห้องครัว เฟอร์นิเจอร์ครบ แถมยังมีเครื่องซักผ้าอีกต่างหาก อะไรจะพร้อมสรรพขนาดนี้ เสียงโทรศัพท์ของเดชาดัง มัทนาหันไปมองเห็นว่าเขาคุยอยู่ไม่กี่คำก็วางสายแล้วหันมาบอกว่า
“เพื่อนโทรมาตามแล้ว ตอนนี้กำลังตามมาใกล้ถึงหมู่บ้าน มัทอยู่ได้หรือเปล่า” เขาต้องไปงานศพพ่อของเพื่อนต่อ อยากอยู่ช่วยมัทนา แต่มีธุระจริงๆ
“ขอบใจมากนะ พอดูบ้านเสร็จก็จะกลับเลย เดี๋ยวจะมืดค่ำ พรุ่งนี้ค่อยขนพวกเสื้อผ้าของใช้มา”
เดชาสำรวจเพื่อนบ้านทั้งซ้ายขวาเพื่อความอุ่นใจ เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรน่าห่วงก็โบกมือลา
มัทนาเดินสำรวจสิ่งที่ขาดเพื่อที่จะได้เตรียมมา ในห้องนอนมีโทรทัศน์ให้เสียด้วย สรุปแล้วเธอคงได้เอามาแต่เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัวและเตารีดตัวหนึ่งละมั้ง ว่าแต่จะจ่ายค่าเช่ายังไง แล้วค่าน้ำค่าไฟอีก ไม่เป็นไรเดี๋ยวค่อยถาม เธอปิดประตูบ้านแล้วตามด้วยรั้วบ้านเมื่อเห็นว่าเกือบหกโมงเย็นแล้ว
พอจะเข้าไปนั่งในรถก็เห็นว่ายางแบนไปสองล้อเสียก่อน ถึงว่าตอนขับมารู้สึกรถหนักหน่วงๆ ตอนนี้ไม่มีล้ออะไหล่ ใครซ่อมได้ก็ยอดมนุษย์แล้ว เธอคว้ากระเป๋าเป้มาใส่หลังล็อครถแล้วเดินแกมวิ่งมายังทางออกของหมู่บ้าน ตอนที่ขับรถมาเธอเห็นมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่ คงพาไปที่คิวรถได้
แต่พอมาถึงหน้าหมู่บ้านคิวรถมอเตอร์ไซค์ที่เห็นอยู่ใกล้ๆ กลับไม่มีใครแล้ว ถ้าไม่กลับบ้านกันหมดคงลูกค้ากำลังชุกพอดี เธอยืนรออย่างใจเย็น ถ้าวันนี้กลับบ้านไม่ได้ก็ค้างมันเสียที่บ้านนี่แหละ เสื้อผ้าก็ซักตากเอาคืนนี้คงแห้งทัน เธอโทรหาพี่ชาย แต่กลับสายไม่วางคุยกับแฟนแหงๆ เอายังไงดี กลับบ้านหรือว่าค้างที่นี่ไปก่อน
“ขึ้นรถ”
มัทนาสะดุ้งเพราะมัวแต่คิดสารพัดเรื่องเลยไม่ทันเห็นว่ามีรถมาจอดตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมเจ้าของรถที่ลดกระจกลงแล้วสั่งเสียงเรียบๆ ยังเป็นคนหน้าคุ้นที่ไม่ได้เจอกันหลายวันเสียด้วย คนหรือผี ไปไหนเป็นต้องเจอ
“ขึ้นเพื่อ แล้วคุณมาไม้ไหนเนี่ย”
คิมหันต์เหล่ใส่ “เพื่อออกจากที่นี่ แล้วก็ไปในที่ที่เธอกำลังจะไปน่ะสิ”
ถ้าใจอ่อนยอมทำตามคำขอร้องของปู่คงได้หัวเสียทุกๆ ห้านาที เขากำลังจะไปอยู่แล้วตั้งแต่เห็นว่าเดชาออกมาจากหมู่บ้านแล้วขึ้นรถอีกคันไป ถ้าไม่ทันเห็นว่าเธอออกมาจากหมู่บ้านแล้วมายืนแถวๆ วินมอเตอร์ไซค์ ช่างไม่กลัวอะไรเสียเลย
“แล้วคุณมาอยู่แถวนี้ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าตามฉันมา” ถึงจะไม่น่าเป็นไปได้ แต่มันก็น่าสงสัยใช่ไหมล่ะ
คิมหันต์ร้องเฮอะอยู่ในใจ ก็ถ้าเขาจะตามเธอมามันผิดตรงไหน ในฐานะนายจ้างย่อมต้องใส่ใจความเป็นอยู่ของลูกจ้างบ้างไม่เห็นจะแปลก
“จะไปหรือไม่ไป คราวก่อนให้เงินก็ไม่เอา ถ้าไม่อยากเห็นหน้าฉันบ่อยๆ ก็ขึ้นมาบนรถ ฉันจะไปส่งเธอที่ไหนก็ได้ที่เธอต้องการไป แล้วหลังจากนี้จะได้ไม่รู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณเธออีก”
ถ้าเป็นเหตุผลนี้ก็พอรับได้ แต่มัทนายังไม่ไว้ใจอีตาคิมอยู่ดี ทำไมมอเตอร์ไซค์รับจ้างไม่ผ่านมาทางนี้บ้าง พระอาทิตย์ก็จะรีบตกดินไปไหน
“ว่าไงล่ะ จะไปด้วยกันหรือว่าจะยืนเป็นผีต้นสนอยู่ตรงนี้”



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ก.พ. 2558, 10:02:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ก.พ. 2558, 10:02:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 1093





<< ตอนที่ 3   ตอนที่ 5 >>
กาซะลองพลัดถิ่น 9 ก.พ. 2558, 14:47:23 น.
ผีต้นสน สองคนนี่เจอกันทีไรทะเลาะกับทุกทีเลย โห... ถ้าได้รักกันมิหวานจนน้ำตาลขี้นเหรอเนี่ยะ
อังเคิลเค น่าจะเป็นปู่ของคิมนะ สงสัยงานนี้คิมคงต้องให้มัทมาเป็นตัวช่วยกันอดีตแฟนเก่าซะล่ะมั๊ง


แว่นใส 9 ก.พ. 2558, 16:46:46 น.
น่าติดตามจ้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account