ตุ๊ดทะลุมิติ (พิภพจอมนาง) โดย นปภา 6 เล่มจบ วางแผงครบแล้ว
"จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อแก๊งตุ๊ดสุดแซ่บวิญญาณทะลุมิติไปอยู่ในร่าง4สาวงาม "โอ๊ย! ผู้ชายคนนั้นก็ดูดี คนนี้ก็อยากได้" แต่ถ้าไม่ใช่พี่ก็ฝ่ายตรงข้ามซะงั้น ถ้าไม่เลือกรักต้องห้ามก็ต้องจับศัตรูกดสถานเดียวละวะ!!!"

คำนำ

นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นมาเพราะคำมั่นสัญญาที่มีต่อสหาย
ทุกตัวอักษรจึงเกิดจากความรักและความบริสุทธิ์ใจอย่างแท้จริง
หากมีข้อผิดพลาดหรือถ้อยคำไม่เหมาะสม ก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ดูหมิ่นเพศที่สามแต่อย่างใด
ในมุมมองส่วนตัวแล้ว พวกเธอช่างสดใส โดดเด่น เก่งกาจ
บางคนก็น้ำใจงามจนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เหนือสิ่งอื่นใด ถึงจะแตกต่างแต่พวกเธอก็เป็นคนเหมือนกัน
แล้วทำไมจึงต้องปิดกั้นหวงห้ามไม่ให้มาเป็นตัวเอกในนิยายด้วยเล่า?
เชื่อเถอะ หากคุณได้พิจารณาพวกเธออย่างลึกซึ้ง
ไม่แน่หรอกว่าคุณอาจจะเผลอใจหลงรัก ‘กะเทย’ ก็เป็นได้

ทิ้งท้ายแด่เพื่อนสาว
ขอบคุณสำหรับแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่
สำหรับฉัน พวกแกก็เหมือนกับดอกไม้ มองทีไรอดยิ้มไม่ได้ทุกที
ถึงบางทีฉันจะว่าแกเป็นดอกอุตพิด แต่รู้อะไรไหม?
‘ฉันโคตรรักอุตพิดเลยว่ะ"

ตารกา

Tags: โรแมนติก คอเมดี้ ดราม่าเบาๆ แฟนตาซี กำลังภายใน กะเทย ทะุลุมิติ เกมการเมือง สงคราม หนุ่มๆ แซ่บเวอร์

ตอน: สัตว์พันปี : บทที่ ๗ แรด

สัตว์พันปี : บทที่ ๗ แรด

สองหนุ่มสาวจ้องหน้ากันตาปริบๆ คนล้มอายจนทำอะไรไม่ถูก ส่วนคนมองพยายามรักษามารยาทด้วยการกลั้นหัวเราะ ทว่าสุดท้ายแล้วก็ไม่รอด ไม่เกินห้าวินาทีแว่นก็ปล่อยฮาน้ำตาเล็ด

‘เกิดมาเพิ่งเคยเห็นคนโดนพุงตัวเองดีด พี่ปุ๊กลุ๊กอ้วนกลมน่าเอ็นดูดีแท้’

“หม่อมฉันขอโทษเพคะ โปรดอภัยด้วย” แว่นว่าทั้งที่ยังไม่หยุดหัวเราะ

รู้ทั้งรู้ว่าอีกฝ่ายต้องโกรธแต่มันก็หยุดขำไม่ได้จริงๆ เลยขอหัวเราะให้เต็มที่แล้วจัดการปัญหาในคราวเดียวเลย

องค์ชายผู้แสนใจดีมีหรือจะโกรธ สีหน้าขององค์ชายเหวินหรงเปลี่ยนจากประหม่าเป็นประหลาดใจ ชายหนุ่มเบิกตากว้างเมื่อหญิงสาวยื่นมือมาช่วยฉุดตัวเขาลุกขึ้น

“เจ้าไม่เกลียดข้าแล้วหรือ”

นางเคยบอกว่าจะชิงชังเขาไปทั้งชีวิต แล้วเหตุใดจึงยื่นมือมาให้สัมผัส

“เกลียด? ทำไมหม่อมฉันต้องเกลียดองค์ชายด้วยเพคะ” แว่นงงกับคำถาม

ทางนี้ต่างหากที่ต้องคิดว่าถูกเกลียด องค์ชายห้าหลบเลี่ยงที่จะเข้าใกล้กุ้ยฮวาจนรู้สึกได้

“จับมือหม่อมฉันเร็วเพคะ จะได้รีบลุกขึ้น” แว่นเอ่ยพร้อมรอยยิ้มกว้าง

‘นางกำลังยิ้มให้เขาจริงๆ น่ะหรือ ยิ้มอย่างอบอุ่นเหมือนเช่นวันวาน’

องค์ชายห้ารู้สึกราวกับเห็นภาพฝัน เขานิ่งงันไปนาน แว่นจึงเร่งให้จับมืออีกครั้ง ผลคือชายหนุ่มส่ายหน้าปฏิเสธ

“อย่าหยิ่งเลยเพคะ ที่นี่มีแค่เราสองคน ไม่มีใครเห็นหรอก” แว่นชี้ชวนให้มองรอบตัว

“ตัวข้าหนัก เจ้าจะล้มลงมาด้วยกัน”

องค์ชายเหวินหรงห่วยใยกุ้ยฮวาเป็นอย่างมาก ทำเอาแว่นประหลาดใจ

“แต่ถ้าไม่มีคนช่วยพยุง องค์ชายจะลุกลำบากนะเพคะ”

แว่นไม่ได้มีเจตนาสบประมาท คนที่มีน้ำหนักตัวมากๆ ส่วนใหญ่เวลาล้มแล้วมักลุกขึ้นเองได้ยาก

“ข้าลุกเองได้”

ชายหนุ่มยืนยันคำพูดของตัวเองโดยการดีดตัวลุกขึ้นมายืนอย่างสง่าโดยใช้เวลาแค่เสี้ยววินาที ตอนล้มนี่ไม่ไหวจะเคลียร์แต่ตอนลุกพี่เท่มากจนไม่รู้ว่าควรปรบมือหรือหัวเราะต่อดี

แว่นมององค์ชายเหวินหรงปัดเนื้อปัดตัวยิ้มๆ เขาเห็นนกหยกคุ้มภัยยังตกอยู่จึงตัดสินใจตอบแทนน้ำใจองค์ชายด้วยการเก็บมันมา

“ถ้าองค์ชายยังไม่เปลี่ยนใจ ขอหม่อมฉันเก็บเอาไว้ได้ไหมเพคะ”

“แต่เจ้าไม่อยากได้”

องค์ชายห้าไม่อยากให้ความเกรงใจมาทำให้นางต้องฝืนใจรับของ

“ไม่ใช่ไม่อยากได้เพคะ เพียงแต่หม่อมฉันเคยได้มาแล้วมันร้าว ก็เลยเจอเรื่องไม่ดีทำให้กลัวมาก แต่นกตัวนี้ยังเป็นปกติ ถ้าเก็บรักษาดีๆ มันต้องปกป้องหม่อมฉันแน่”

องค์ชายเหวินหรงพิจารณาสีหน้าของกุ้ยฮวาอย่างละเอียด เขารู้สึกว่านางไม่ได้รังเกียจมันจริงๆ กระนั้นก็ไม่อยากเข้าข้างตัวเอง

“ข้าให้เจ้าแล้ว ถ้าไม่อยากเก็บไว้จะให้ใครหรือปาทิ้งไปก็ได้”

“หม่อมฉันไม่...”

พูดยังไม่ทันจบก็ต้องชะงักเพราะเสียงเรียกแหลมสูงของท่านหญิงฮุ่ยเสียน

“ฮองเฮาให้หม่อมฉันมาตามองค์ชายไปเฝ้าเพคะ”

ท่านหญิงปราดเข้ามาคั่นกลางระหว่างกุ้ยฮวากับองค์ชายเหวินหรง ฮุ่ยเสียนมองกุ้ยฮวาอย่างกล่าวหาประหนึ่งว่านางกำลังรังแกองค์ชายห้าอยู่

แว่นรู้ว่าฮุ่นเสียนไม่ชอบหน้าตัวเองอยู่แล้ว จึงทำเป็นมองผ่านทำไม่รู้ไม่ชี้แทน อีกฝ่ายเลยโมโหมากขึ้น

“เร็วเข้าสิเพคะ ฮองเฮาทรงรออยู่” ฮุ่ยเสียนเร่งเมื่อองค์ชายเหวินหรงยังไม่ขยับตัว

“อืม...อีกเดี๋ยวข้าตามไป” องค์ชายห้ายังไม่ยอมละสายตาจากกุ้ยฮวา

“ไม่ได้เพคะ ต้องเดี๋ยวนี้” ฮุ่ยเสียนทำเสียงเข้ม

นางพูดกับองค์ชายเหวินหรงอย่างเป็นทางการเพราะมีคนอื่นอยู่ด้วย แต่การกระทำกลับไม่ค่อยให้เกียรติ มีกี่คนกันเชียวที่กล้าขึ้นเสียงใส่องค์ชาย เมื่อองค์ชายไม่ขยับตัวนางก็ดึงชายเสื้อเร่ง องค์ชายเหวินหรงไม่เพียงแต่ไม่โกรธที่ฮุ่ยเสียนวางอำนาใจใส่ ยังยอมขยับตัวไปตามแรงดึงแต่โดยดี แสดงว่าทั้งคู่คงสนิทกัน

“รักษาตัวด้วย” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะถูกพาตัวไป

นี่เป็นครั้งแรกที่องค์ชายห้าเอ่ยลา และเป็นครั้งแรกอีกเช่นกันที่ใบหน้าเรียบเฉยของเขาปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ

“แพนด้าหน้านิ่งเวลายิ้มก็น่ารักดีแฮะ” แว่นพึมพำก่อนจะหยิบเครื่องรางขึ้นมาพิจารณา

นกหยกคุ้มภัยที่ได้รับจากองค์ชายห้าเป็นตัวที่ห้าพอดี ตัวแรกที่แว่นทำหายไปตอนตกน้ำมีสายห้อยกับพู่สีแดง บ่งบอกว่าเป็นของที่เอาไว้แจกคนทั่วไป ขั้นตอนการปลุกเสกใช้เวลาไม่นาน อันที่ได้รับจากหน่อมมีพู่ห้อยสีชมพู มีเพียงสิบสองอันเท่านั้นเพราะทำขึ้นมาสำหรับให้บรรดาองค์หญิง ส่วนขององค์ชายรองกับองค์ชายแปดเป็นพู่ห้อยสีน้ำเงิน เหมือนกับตัวที่ห้า

แว่นมาทราบทีหลังว่าบรรดานกหยกขององค์ชายเป็นเครื่องรางที่มีความพิเศษเป็นอย่างมาก เพราะทำจากหยกก้อนเดียวกัน ใช้นักพรตปลุกเสกถึงแปดคน จึงมีพลังคุ้มกันมหาศาลสถิตอยู่ ผู้รับส่วนใหญ่จึงเก็บเอาไว้กับตัว

แว่นจำได้ว่านกทุกตัวหน้าตาเหมือนกันจนแทบแยกไม่ออก มีแต่ขององค์ชายห้านี่แหละที่เนื้อหยกดูจะเนียนเรียบเงาวับ และอวบอ้วนกว่าเพื่อนฝูง แสดงว่าฮองเฮาคงแอบเก็บชิ้นที่ดีที่สุดเอาไว้ให้โอรส

“จะรับเลี้ยงเอาไว้ก็ได้ แต่ห้ามร้าวนะยะ ถ้ากระแดะร้าวอีกแม่จะไปตุ๊ยพุงเจ้าของเดิมให้ดู” แว่นขู่นกคุ้มภัย

ดูเหมือนว่าคำขู่จะได้ผล นกหยกตัวกลมนอนอ้วนอยู่ในฝ่ามืออย่างเชื่อฟัง ไม่มีวี่แววว่าจะสำแดงเดชให้ผวาแต่อย่างใด


ท่ามกลางแมกไม้ของสวนป่าในสำนักชี ใต้ร่มจามจุรีอายุกว่าร้อยปี ดรุณีโฉมสะคราญตาสี่นางกำลังนั่งหยอกล้อกันบนตอไม้ซึ่งตัดแต่งไว้เป็นเก้าอี้ เสียงหัวเราะของพวกนางกังวานใส ทั้งยังมีรอยยิ้มละมุนประหนึ่งจุติลงมาจากสวรรค์ชั้นฟ้า ไม่ว่าบุรุษหรือสตรีหากได้ลองชมโฉมสักครั้ง เป็นอันต้องภวังค์ทุกราย แม้แต่ปักษาบนท้องนภาก็ยังมิกล้าจำนรรจา ด้วยถูกความงามของทั้งสี่สะกดจนแทบสิ้นสติตกจากขอนไม้

คำบรรยายนี้คือภาพที่เห็นผ่านสายตาของผู้ที่บังเอิญผ่านมาเห็นจากระยะไกล แต่ความเป็นจริงที่ปรากฏ กลับแตกต่างจากภาพในห้วงความคิดของผู้คนอย่างสิ้นเชิง

ขณะนี้แก๊งตุ๊ดในร่างชะนีหนังหน้าเลิศกำลังหัวเราะรัวๆ แบบไม่รักษากิริยา เมื่อได้ทราบวีรกรรมล่าสุดของจอมยุทธ์หญิงที่ได้ชื่อว่างามเป็นอันดับหนึ่งในยุทธภพ

ย้อนไปเมื่อยามสายของวันนี้ หยางเจี้ยนและไป๋หลินได้รับเชิญจากบรรดาองค์ชาย ให้ประลองกับเหล่าทหารเพื่อแลกเปลี่ยนฝีมือ การประลองนี้เห็นจะเป็นเพียงข้ออ้าง เป้าหมายที่แท้จริงขององค์ชายสี่กับองค์ชายเจ็ดอยู่ที่ไป๋หลินต่างหาก

แม้ในเขตที่ประทับจะมีสาวงามอยู่ถึงสี่นาง แต่ก็ล้วนเป็นญาติไม่ก็มีเจ้าของ องค์ชายสามย้ำชัดว่าฟางเซียนเป็นคนของตน องค์ชายสี่จึงไม่กล้าเข้าใกล้แม้จะต้องใจเป็นอย่างมาก ตำแหน่งสาวฮอตที่สุดในค่ายจึงตกเป็นของโบ้ไปโดยปริยาย

โบ้สุดแสนแช่มชื่นรื่นฤทัยที่มีชายหนุ่มมาหลงใหลได้ปลื้ม เลยบริหารเสน่ห์ด้วยการรำกระบี่แสดงวิทยายุทธ์ให้ทุกคนได้ประจักษ์ แม้จะเน้นท่าสวยเข้าว่าแต่อานุภาพของพลังปราณก็ยังคงอยู่ ทหารกล้าครึ่งโหลพร้อมใจกันสลบเหมือด ทั้งที่เพิ่งร่ายรำไปได้แค่สามกระบวนท่า แทนที่จะสร้างความประทับใจ บรรดาชายหนุ่มทั้งหลายเลยพากันเผ่นหนี ส่งผลให้ ’สาวฮอต’ ตกอันดับลงมากลายเป็น ‘เจ๊โหด’ ในบัดดล

“อยากให้พวกแกเห็นตอนมันระเบิดพลังแล้วผู้ชายแตกกระเจิงจริงๆ องค์ชายเจ็ดนี่แทบจะโดดหลบไปหลังบังเกอร์ หลังจากแสดงเสร็จก็ไม่เฉียดเข้าใกล้มันอีกเลย” เจ้ที่อยู่ในเหตุการณ์บรรยายอย่างออกรส

“ผู้ชายที่นี่เชื่อใจไม่ได้เลย ไหนว่าชอบสาวแกร่งไงคะ สุดท้ายก็หนีหนูกันหมด” โบ้ดีดดิ้นอย่างขัดใจ

แว่นกับเจ้เห็นแบบนั้นเลยผลัดกันซ้ำเติมอย่างสนุก

“อยากแรดเองช่วยไม่ได้” เจ้ว่า

“อุตส่าห์มีร่างใหม่ก็ยังไม่วายถึกนะแก” แว่นร่วมแสดงความเห็น

มีแค่หน่อมเท่านั้นที่ช่วยปลอบ

“เธอยังมีพี่หยางเจี้ยนไม่ใช่เหรอ ดูเขาใส่ใจเธอออก”

“ม่ายยยค่ะ ไม่...ไม่...ไม่ นั่นไม่นับว่าเป็นของบริโภคได้” โบ้ปฏิเสธเสียงแข็ง

“ทำไมล่ะ ออกจะมาดแมนแฮนซั่มแล้วดูหลงแกจะตาย” เจ้ถาม

“เจ๊แดร๊กญาติพี่น้องตัวเองลงไหมล่ะคะ หนูคนหนึ่งละที่กินไม่ลง พี่หยางเองก็คิดเหมือนกัน” โบ้ชี้แจง

ไป๋หลินคิดกับหยางเจี้ยนอย่างพี่น้องแท้ๆ คลานตามกันมา แม้โบ้จะมีสิทธิ์ในร่างนี้อย่างเต็มที่แต่ความรู้สึกที่มีต่อเขาก็ไม่จางหาย ต่อให้พี่หยางหล่อเหลากว่านี้พันเท่า โบ้ก็ไม่ต้องการเปลี่ยนสถานะ

“ไม่จริงมั้ง ตอนพวกองค์ชายมาเกาะแกะแกเขาดูหึงหวงจนออกนอกหน้า” เจ้แย้ง

เธอมั่นใจว่าไม่มีทางมองความรู้สึกของหยางเจี้ยนพลาด

“เป็นห่วงต่างหากล่ะคะ พวกองค์ชายมีคู่หมั้นคู่หมายกันหมดแล้ว พี่หยางเลยไม่อยากให้หลวมตัวไปเป็นนางบำเรอใคร”

เมื่อวันก่อนโบ้ดื้ออยู่ที่นี่ต่อก็เลยทะเลาะกับหยางเจี้ยน อีกฝ่ายจึงมาง้อขอคืนดี แล้วอธิบายเหตุผลว่าทำไมถึงไม่อยากให้อยู่ที่นี่นาน โบ้เลยต้องยอมรับปากว่าจะไม่ผูกสัมพันธ์กันใคร เพื่อที่จะได้อยู่กับเพื่อนๆ ต่อโดยที่ไม่ต้องโกรธกัน

“พนันกันไหมล่ะ” เจ้ท้า

“เดี๋ยวๆ อย่าเพิ่งพนัน ขอถามอะไรก่อน” แว่นเอ่ยแทรก “น้องแกเป็นยังไงบ้างโบ้ โดนปล่อยตัวมาหรือยัง”

องค์ชายรองรับปากจะช่วยดูแลให้ แต่ไม่ได้บอกกำหนดปล่อยตัวให้ทราบ

“ยังเลยค่ะ เห็นว่าจะคุมตัวเอาไว้อีกสักพัก”

“แบบนี้ไม่ดีเลย ให้เราช่วยดีไหม เราขอเสด็จพ่อให้”

ตอนนี้พี่สามไม่อยู่ ส่วนพี่หกก็เกรงใจพี่รองและต้องรักษากฎ ถ้าต้องการให้ปล่อยตัวไป๋อวี้ทันทีก็มีแต่ต้องพึ่งบารมีฮ่องเต้เท่านั้น

“ไม่ต้องหรอกค่ะ ปล่อยมันโดนขังไปนั่นแหละ เมื่อคืนยังแอบออกมาเดินเล่นแล้วบอกว่าอยากถูกขังต่ออีกนานๆ อยู่เลย”

ถึงจะถูกคุมตัวไว้ไป๋อวี้ก็ได้รับการดูแลอย่างดี ชายหนุ่มถูกใจที่ไม่ต้องลำบากหาอาหารกินเองกลางป่า ในระหว่างที่คอยติดตามพี่สาวตามคำสั่งของบิดา

“จะบ้าเหรอ ถูกคุมตัวอยู่แท้ๆ ยังกล้าออกมาเดินเล่น ถ้าถูกจับได้มีหวังหัวหลุดจากบ่า” แว่นเตือน

“พี่หยางดุสั่งสอนไปแล้ว ต่อไปคงไม่กล้าแล้วล่ะ” โบ้ตอบอย่างมั่นใจ

ไป๋อวี้เคารพหยางเจี้ยนยิ่งกว่าพี่ชายแท้ๆ แต่ที่ยอมสัญญาเพราะไม่กล้าหือกับพี่สาว ไป๋หลินไม่เคยใช้ความรุนแรงกับน้อง แต่ไป๋อวี้ก็เชื่อฟังนางทุกอย่าง ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม

“องค์ชายรองไม่ได้ทำอะไรไม่ดีใช่ไหม” แว่นถามย้ำ

“ไม่หรอกคะ ถ้าทำหยกน้อยคงเผ่นไปแล้ว”

โบ้เล่าวีรกรรมเรื่องการหนีของน้องชายให้ทุกคนฟังเพื่อความสบายใจ ทั้งยังรับประกันว่าสามารถไปท่องเที่ยวได้โดยไม่จำเป็นต้องห่วงไป๋อวี้ แว่นจึงวางใจทิ้งน้องชายเพื่อนไว้กับองค์ชายรอง

“ใกล้จะได้เที่ยวด้วยกันแล้ว แต่มีคนอื่นไปด้วย คงต้องระวังเรื่องพูดภาษาไทยหน่อย อย่าเผลอตัวนะทุกคน” หน่อมย้ำอีกครั้งจะได้ไม่เผลอลืม

สี่สาวตกลงกันว่าจะเก็บเรื่องภาษาของอีกโลกเอาไว้เป็นความลับ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต

“ไม่มีหลุดหรอกค่ะ ทุกวันนี้พูดแต่ภาษาที่นี่จนจะลืมภาษาไทยอยู่แล้ว” โบ้ตอบรับแข็งขัน

“แกก็ระวังนะหน่อม อย่าอุทานว่าเชี่ยออกมาเชียว” แว่นแซว

ยังไม่ทันได้หัวเราะ เจ้ก็พูดสวนขึ้นมาก่อน

“สับสวิตช์เร็ว!”

คำนี้เป็นรหัสหมายถึงให้เปลี่ยนภาษาพูดเป็นการด่วนเพราะมีคนนอกกำลังมา ทุกคนพร้อมใจกันเงียบแล้วหันไปมอง จึงเห็นว่าผู้ที่มาขัดจังหวะการสนทนาคือองค์ชายหก

“ขออภัยด้วยที่มาขัดจังหวะพวกเจ้า” องค์ชายลี่หยางค้อมศีรษะให้น้อยๆ อย่างขอลุแก่โทษ “พี่ขอคุยธุระสักอึดใจนะ ไม่อยู่รบกวนพวกเจ้านานหรอก” ประโยคหลังองค์ชายหันไปเอ่ยกับองค์หญิงลี่จู

“อยู่นานๆ ก็ได้เพคะ ไม่ถือว่ารบกวนเลย” โบ้โปรยยิ้มหวานหยดไปให้

ในบรรดาองค์ชายที่ได้เห็นฝีมืออันร้ายกาจของไป๋หลิน มีเพียงองค์ชายหกที่ยังปฏิบัติต่อนางเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน องค์ชายลี่หยางชื่นชมผู้กล้าและสนใจศึกษาเรื่องวรยุทธ์ จึงไม่ได้เข้าหานางเพราะความงามอย่างคนอื่น โบ้เลยปลื้มมากที่เขาไม่ได้มองคนจากภายนอก

“เชิญนั่งก่อนสิเพคะ อุตส่าห์ยืนรอให้พวกหม่อมฉันคุยจบตั้งนาน” เจ้แกล้งพูดไปอย่างนั้นเอง เธอไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าผู้ชายคนนี้เข้าใกล้ตั้งแต่เมื่อไร เพราะจับจิตสัมผัสไม่ได้เลย

“แย่จริง ถูกจับได้ตั้งแต่แรกหรอกหรือ ว่าจะลองวิชาใหม่สักหน่อยเห็นทีคงไม่ได้ผล” องค์ชายหกยิ้มแก้เก้อ

ดีกรีความน่ามองในขณะนี้เลยพุ่งปรี๊ด ทำเอาจอมยุทธ์หญิงอยากแปลงร่างเป็นแรด เห็นอาการน้ำลายไหลของเพื่อนแล้วเจ้ก็กลอกตา ส่วนแว่นทำท่าว่าเข้าอกเข้าใจเป็นอย่างดี

‘ถ้าเขาไม่ใช่พี่ ป่านนี้นอฉันงอกเป็นเพื่อนแกไปแล้ว’

“พี่หกมานานแล้ว แสดงว่าได้ยินที่พวกเราคุยกันใช่ไหมเจ้าคะ” หน่อมถามบ้าง

“ได้ยิน แต่ไม่เข้าใจหรอก พวกเจ้าคุยภาษาอะไรกันหรือ”

“ภาษาไทยเพคะ เป็นภาษาถิ่นของแคว้นห่างไกล พวกเราเห็นว่าน่าสนใจเลยหัดพูด” แว่นช่วยตอบคำถาม

คำตอบพวกนี้องค์ชายสามเป็นคนเตรียมเอาไว้ให้ ทั้งยังบอกอีกว่าถ้าใครถามว่าเรียนมาจากไหน ให้บอกไปว่าคนของเขาเป็นคนสอน ที่ทำแบบนี้ก็เพราะห่วงว่าความจริงจะทำภัยมาสู่น้องสาว

พวกแว่นอธิบายไปว่ารู้จักกันทางความฝันผ่านการสื่อจิต นั่นเท่ากับว่าพวกนางมีอำนาจวิเศษ พลังเหนือธรรมชาติเป็นสิ่งที่ผู้คนเกรงกลัว หากแพร่งพรายออกไป ย่อมมีผู้เคารพบูชาและกล่าวหาว่าเป็นมารร้าย

“สอนข้าบ้างสิ”

“ได้เพคะ ด้วยความยินดี”

โบ้รับอาสาแบบไม่ดูสถานการณ์ แว่นเลยกระทุ้งสีข้างแล้วช่วยพูดกลบเกลื่อน

“แต่พวกเรายังพูดไม่เก่งนะเจ้าคะ ถ้าถามเป็นคำๆ พอไหว แต่ประโยคยาวๆ คงสอนให้ไม่ได้”

“พี่ก็ไม่คิดจะเรียนจริงจังหรอก ขอรู้ไว้แค่ไม่กี่คำก็พอ”

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้เจ้าค่ะ เริ่มจากคำไหนดี”

แว่นเหลียวไปทางหน่อมเป็นเชิงว่าให้รับหน้าที่ต่อ ระดับคุณชายสุภาพมาเองรับประกันว่าไม่หลุดคิดพิเรนทร์ออกมาแน่

หน่อมตั้งใจจะสอนคำว่าสวัสดีให้เป็นอย่างแรก แต่คุณพี่ชายถามสวนมาเสียก่อน เล่นเอาเงิบกันทั่วหน้า

“อิดอก แปลว่าอะไร”

สี่สาวนิ่งอึ้งราวกับถูกแช่แข็ง ดีที่ว่าแว่นหัวไวเลยได้คำแปลที่แสนสุภาพออกมา

“อิดอก แปลกว่า ‘เจ้านี่ละก็’ ใช้ในการตำหนิกันอย่างไม่จริงจังเจ้าค่ะ”

ตอบเสร็จก็ใช่ว่าจะหมดเคราะห์หมดโศก องค์ชายหกผู้กระตือรือร้นยิงคำถามต่อไปมาอย่างกระชั้น

“แล้วคำว่า ‘เชี่ย’ ล่ะ”

คำศัพท์ที่พี่ท่านจำมาแต่ละคำเด็ดๆ ทั้งนั้น แถมยังออกเสียงได้เป๊ะสุดๆ แว่นคิดคำแปลไม่ออกเลยกระทุ้งสีข้างเจ้ให้ช่วย เจ้นึกอยู่อึดใจก็ค้นพบคำแปลที่เหมาะสม

“เชี่ย แปลว่า ‘คุณพระ’ ใช้ตอนอุทานเวลาตกใจเพคะ”

ว่าแล้วก็เอามือทาบอกแบบสวยๆ แสดงการอุทานคำว่า ‘เชี่ย’ ออกมาอย่างอ่อยช้อยนิ่มนวลสมกับเป็นกุลสตรี เชี่ยเวอร์ชั่นสโลโมชั่นพร้อมเสต็ปตอแหลแบบจัดหนักดูน่ามองอย่างไม่น่าเชื่อ องค์ชายลี่หยางถึงกับเคลิ้มไปเลย

“มีแต่ศัพท์ที่ไม่คุ้นหูเลย แต่เวลาเจ้าพูดแล้วฟังรื่นหูจริง” องค์ชายหกส่งยิ้มหวานไปให้

“องค์ชายอยากรู้คำไหนอีกไหมเพคะ” โบ้เอ่ยแทรก เจตนาแย่งความเด่น ซึ่งก็ได้ผลทีเดียว องค์ชายลี่หยางหันมาสนทนาด้วยในทันที

“ถ้าเจ้ายินดีสอน ข้าขอถามความหมายอีกสักคำนะ”

“ได้เพคะ จะร้อยคำพันคำหม่อมฉันก็ยินดีตอบ”

องค์ชายหกลูบคางพลางคิดทบทวนบทสนทนาที่ได้ยิน อึดใจก็นึกคำศัพท์น่าสนใจออก

“ ‘แรด’ แปลว่าอะไร”

‘เอาแล้วไงงานเข้าแล้ว ถามใครไม่ถาม ดันถามอิโบ้’

สามสาวที่เหลือหันมาร่วมด้วยช่วยกันลุ้น ทุกคนต่างก็หวาดหวั่นในคำตอบ รู้กันอยู่ว่าโบ้เป็นพวกขาดการไตร่ตรอง ถ้าบอกว่าสัตว์มีนอ คงไม่น่าสงสัยเพราะอยู่กลางป่า จะพูดถึงสัตว์ก็ไม่แปลก แต่ถ้าบอกว่าเป็นคำด่านี่มีเฮแน่ ภาพลักษณ์ที่เพียรสร้างมีหวังพังป่นปี้

โบ้กลืนน้ำลายลงคอเมื่อเห็นสายตาคาดหวังของเพื่อนๆ เขาพอจะสัมผัสได้ว่าถ้าตอบไม่ดีงานนี้มีรุมยำ เลยสูดหายใจเข้าปอด ก่อนเค้นสมองคิดสุดกำลัง

“แรด เอ่อ...แปลว่า...แปลว่าน่ารักเพคะ”

คำตอบนี้สร้างความพอใจให้กับทุกฝ่าย องค์ชายหกพยักหน้าน้อยๆ ว่าเข้าใจ ชายหนุ่มส่งยิ้มละไมไปให้ไป๋หลิน แล้วขอบคุณนาง ด้วยการประสานสายตาและเอ่ยเสียงดังฟังชัดว่า

“แรด!”

-โปรดติดตามตอนต่อไป-


สวัสดีท้ายบทค่ะ ขอฮาทิ้งท้ายอีกสักตอน แล้วจะเริ่มเดินทางแล้วนะคะ ภาคนี้ชื่อสัตว์พันปี แต่เจ็ดบทแล้วยังไม่เห็นมันจะล่าอะไรกันเลย 5555

ตอนหน้าองค์ชายรองมีบทนะคะ พี่มาแบบปนโศกเล็กๆ ส่วนแก๊งตุ๊ดจะได้เที่ยวหรือได้ซวยมาลุ้นกันค่ะ

คืนนี้เรามา “น่ารัก” กันเถอะ น่ารัก น่ารัก น่ารัก น่ารัก รัวๆ คร่า โฮะๆๆ ^O^



นิชาภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.พ. 2558, 00:02:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.พ. 2558, 00:02:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 1213





<< สัตว์พันปี : บทที่ ๖ นกคุ้มภัยตัวที่ห้า   สัตว์พันปี : บทที่ ๘ ความเศร้ามีอยู่ทุกที่ (พบกันในเล่ม2นะคะ) >>
ribbin 12 ก.พ. 2558, 03:24:43 น.
โฮะโฮะ ถามแต่ละคำ ...... ดีๆทั้งนั้น


Pat 12 ก.พ. 2558, 06:31:30 น.
55555555


แก้วจินดา 12 ก.พ. 2558, 10:45:15 น.
55555
นั่งอ่านไปยิ้มไป แรดค่ะ


Zephyr 12 ก.พ. 2558, 20:37:53 น.
พรวดดดดด สำลักกันเลยทีเดียว 5555
มาน่ารักกันเถอะ


sunflower 13 ก.พ. 2558, 19:52:54 น.
5555


bluelily 13 ก.พ. 2558, 23:50:59 น.
5555 ชอบ มุกคนแต่งมาก แรดแปลว่าน่ารักแต่ไม่ต้องมาชมเค้านะ เค้ากลัว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account