สัญญารักพรางใจ
คิมหันต์ไม่เคยเชื่อเรื่องพรหมบันดาล โชคชะตา ทำบุญร่วมกันมา
เขาเชื่อว่าทุกอย่างอยู่ที่การกระทำ
หากไม่มีเหตุการณ์นั้นเขาจะแต่งงานกับมัทนาเพราะเหตุผลอะไร

Tags: ความรัก สัญญา ความลับ

ตอน: ตอนที่ 10

ภาวัตมาทานข้าวเป็นเพื่อนทีปต์วันนี้ คิมหันต์กลับถึงบ้านก็เข้าวงข้าวได้ทันพอดี ปู่บอกหลานว่าภาวัตมาขอให้นัดมัทนามาทานข้าวที่บ้านเพื่อที่จะได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น คิมหันต์เลยบอกเรื่องการตัดสินใจของเขากับมัทนาให้รับทราบโดยทั่วกัน รอพรุ่งนี้ก็เสียเวลาเปล่าๆ ทีปต์ยิ้มแฉ่งสมใจ ภาวัตแกล้งทำหน้าเบื่อโลกเพราะที่พบกันครั้งก่อน มัทนาไม่ได้มีท่าทีชอบพออะไรเขาหรอก แต่ปู่สั่งเผื่อว่าคนแถวๆ นี้จะทนไม่ได้เสียเอง
“สมใจปู่จริงๆ”
“อ้าว ถ้างั้นผมก็อดได้แฟนน่ะสิ ปู่รับผิดชอบด้วยนะครับ” ภาวัตหัวเราะใส่คนมีสาวมาแต่งงานด้วย พอนึกถึงวันก่อนที่ไปบริษัทก็ชักหมั่นไส้ หวงก้างชัดๆ
คิมหันต์ส่ายหน้า “ไม่ต้องถึงปู่หรอก แค่แกเลิกเจ้าชู้ เดี๋ยวก็เจอคนที่รักแกจากใจจริงเองนั่นแหละ”
ภาวัตขี้เกียจเถียง เขามันพวกมนุษยสัมพันธ์ดี ใครดีมา เขาก็แค่ดีตอบ แล้วมันช่วยไม่ได้ที่คนที่ดีกับเขาส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงหน้าตาดีทั้งนั้น สักวันเขาคงแต่งงาน แต่ตอนนี้ยังไม่เจอใครที่ทำให้หยุดได้นี่หว่า
“ถามจริงๆ เถอะ ไปรักกันตอนไหน”
“ไม่ตอบ เรื่องส่วนตัว ปู่ช่วยหากฤกษ์ให้ผมได้ไหมครับ” ตอบก็พิรุธสิ
“ได้อยู่แล้ว พรุ่งนี้จะไปหาพระ เผื่อได้ฤกษ์เร็วจะได้เตรียมตัวกันทัน”
คิมหันต์ยกมือไหว้ทีปต์ส่วนหนึ่งเพื่อของคุณ แต่อีกส่วนเขาขอโทษเพราะรู้สึกผิดไม่น้อย ถึงจะแต่งงานกับมัทนาจริงๆ แต่มันเป็นการแต่งงานกันที่มีเวลาของการหย่าร้าง หมอบอกเขาว่าปู่สุขภาพแย่ลง เขาก็หวังว่าทำแบบนี้แล้วหลายคนๆ จะสบายใจ ปู่กลับมาดูแลตัวเอง

เช้าวันเสาร์มัทนาถูกปลุกมาใส่บาตรตั้งแต่เช้ามืด พอตื่นแล้วก็ลุยเข้าสวนไปช่วยแม่เก็บตำลึงมาทำแกงจืด บำรุงล้อเธออยู่หลายคำเรื่องแต่งงาน ยายยิ้มดีใจที่จะได้เห็นหลานเข้าหอ แทนที่จะต้องไปสู่ขอผู้หญิงให้ วงข้าวเลยครื้นเครงด้วยเรื่องของเธอทั้งนั้น เจ้าเผือกทำหน้างงๆ พอรู้ว่าลูกพี่จะลงจากคาน แต่พอรู้ว่าเป็นคิมหันต์ก็ชมเปาะว่าต่อไปใครมารังแกจะให้พี่คิมไปจัดการ เป็นอย่างนั้นไป
แม่ไปวัดกับยายเพื่อหากฤกษ์ให้เธอกับคิมหันต์ แต่ก่อนไปเป็นเธออีกนั่นแหละที่ต้องโทรไปหาเขาเพื่อขอวันเดือนปีเกิดมา เขาก็ขอเธอกลับเหมือนกัน สองบ้านพากันหากฤกษ์แต่งงานกันยกใหญ่ ตกบ่ายแม่กับยายก็กลับมาพร้อมข่าวดีที่ทำให้มัทนาอยากเป็นลมเมื่อคำขอของเธอไม่ได้ผล กำลังกลุ้มใจคนที่กำลังจะได้ร่วมหัวจมท้ายก็โทรมา
“ฤกษ์แต่งงานของเราสองคนมีฤกษ์เดียวของปีนี้อีกสามอาทิตย์ ไม่งั้นก็ต้องรอปลายปีหน้า”
ไม่ต้องเดาให้เหนื่อยด้วยซ้ำว่าผู้ใหญ่ทั้งสองฝั่งจะตกลงใช้ฤกษ์ไหน ถ้าไม่ใช่เพราะแต่งงานกันด้วยเหตุการณ์บังคับเราคงเหมือนเนื้อคู่กันจริงๆ อะไรจะประจวบเหมาะปานนั้น
“ฉันอยากจะเป็นลม ทำไมมันเร็วจัง แล้วแม่ฉันกับปู่ของคุณไปวัดเดียวกันหรือไง ได้ฤกษ์มาเหมือนกันเป๊ะ”
“ไม่รู้สิ แต่มันเป็นไปแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะส่งรถไปรับ”
“ไปไหนอีกล่ะคุณ พรุ่งนี้มันวันหยุดนะ” เธอบ่นใส่จะหาว่างอแงก็ได้ เพิ่งฟังข่าวร้ายสองครั้งซ้อนมันก็ต้องห่อเหี่ยวกันบ้าง
“อีกสามอาทิตย์จะแต่งงาน เธอต้องทำอะไรบ้าง ยังไม่รู้ตัวเหรอ” คิมหันต์ถามกลับทั้งที่เขาเองก็ไม่ค่อยรู้เหมือนกันถึงได้ไม่นิ่งนอนใจไงล่ะ แม้จะแต่งงานเพื่อหย่า แต่ทุกอย่างต้องสมบูรณ์แบบ
“ไม่รู้ อันนี้พูดจริง ไม่ได้กวนโมโหนะ”
“ไปหาเว้ดดิ้งแพลนเนอร์น่ะสิ พรุ่งนี้เก้าโมงเช้า ตื่นให้ทันล่ะ”
มัทนารับปากแล้วกดวางสายแบบหมดอารมณ์ ผู้หญิงที่กำลังจะได้แต่งงานต้องดีใจเหมือนโลกทั้งใบมาอยู่ในกำมือสิ คงต้องยกเว้นเธอไว้คนหนึ่งแล้วล่ะ คิมหันต์คงรู้สึกไม่ต่างกัน ว่าแต่หล่อ หรู โปรไฟล์เลิศอย่างคิมหันต์เหลือมาถึงเธอได้ยังไง จะเป็นเกย์เสียละมั้ง ไปไหนมาไหนมีแต่ผู้ชายล้อมอยู่ข้างๆ หรือว่าที่เขายอมแต่งงานง่ายๆ เพื่อปกปิดความลับของตัวเอง คนอกหักทำให้รสนิยมทางเพศเปลี่ยนด้วยเหรอ เพ้อไปใหญ่แล้ว

มัทนายังมาทำงานตามปกติ แม้ว่าวันก่อนเพิ่งจะไปหาเว้ดดิ้งแพลนเนอร์กับคิมหันต์มา ทุกอย่างถูกทำให้เร็วขึ้นมาหลายสเต็ป เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่ได้บอกใครเท่านั้น แบบของเรือที่ออกแบบใกล้เสร็จแล้ว เธอนำมาให้จิรัฐดูคร่าวๆ เพื่อหาจุดที่ต้องแก้ไข เขาบอกเธอว่าถ้าผ่านการประเมินและผู้บริหารชอบ แบบที่เธอวาดอาจได้ส่งเข้าประกวดพร้อมกับแบบที่กำลังวาดโดยแผนกเขียนแบบ
เดชารอเธออยู่ที่ช็อปวันนี้ต้องตรวจสอบเรือก่อนส่งมอบในวันพรุ่งนี้ นอกจากเดชาแล้วยังมีทีมช่างอีกหลายคนที่กำลังทดลองเครื่องยนต์ ระบบต่างๆ
“สวยสะเด็ด” พี่มนเอ่ยมองวิวสวยๆ ตาค้าง
ทั้งหมดหันไปมองตามแล้วห่อปากทำหน้าเพ้อ นานๆ ทีหรอกที่จะมีสาวสวย หมวย อึ๋ม หลงเข้ามาในบริษัท ขนาดมองผ่านกระจกในระดับห่างไปสองชั้นยังไม่อาจลดความสวยทะลุกระจกของหญิงสาวคนนั้นได้
“ใช่คนนี้หรือเปล่าวะที่น้องเฟื่องบอกว่าเป็นแฟนเก่าบอส” พี่วันถามคนอื่นๆ
“ไม่รู้เหมือนกันครับพี่” เดชาหมดความสนใจก้มหน้าทำงานต่อ
มัทนาไม่ได้สนใจในตอนแรกเปลี่ยนใจหันไปมองแม้จะเพียงไม่กี่วินาที ถ้างั้นอีตาคิมก็ไม่ใช่เกย์น่ะสิ ถ้าแฟนเก่าสวยอย่างกับนางฟ้า เธอส่ายหน้าทำงานของตัวเองต่อ ไม่ว่าเรื่องส่วนตัวของเขาจะมีอะไรบ้าง ไม่ใช่เรื่องของเธอ สัญญาของเราบอกชัดว่าจะไม่ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของกันและกัน
จู่ๆ เสียงคุยงานกันก็เงียบลงอีกครั้ง มัทนามองไปที่ทางเดินชั้นสอง แต่กลับไม่เห็นใคร เสียงของปวรเอ่ยมาจากด้านหลังแทน
“บอสให้มาเชิญครับคุณมัทนา”
คราวนี้สายตาทุกคนเบนมาทางเธอ มัทนาวางมือจากงานแล้วเดินมาหาเลขาของคิมหันต์
“ฉันเนี่ยนะคะ เชิญไปทำอะไร คุณปวรทราบไหมคะ”
“ไม่ทราบครับ”
แฟนเก่ามาหาแล้วจะมาเรียกให้เธอไปพบทำไม ถ้าบอกว่าไม่ว่างอาจงานงอก เท่านี้ก็ถูกสงสัยจะแย่อยู่แล้ว โทษฐานพักนี้เลขาบอสมาตามบ่อยเหลือเกิน เธอสงบปากคำแล้วเดินตามปวรไป เดชามองตามรู้สึกไม่สบายใจ บางทีเขาควรเดินหน้าจีบมัทนาให้เธอรู้ตัวเสียที

ปวรเดินมาส่งเพียงแค่ประตูหน้าห้องเท่านั้น มัทนาเคาะประตูแล้วเดินเข้าไปในห้องทำงาน เสียงคุยที่ได้ยินแว่วๆ ตอนอยู่หน้าประตูเงียบลง สายตาสองคู่มองมา นันทินีกวาดตามองพนักงานมอมแมมอย่างไม่สนใจนัก ไม่เข้าใจว่าเด็กคนนั้นถูกเรียกมาพบในเวลาที่เธอต้องการคุยกับคิมหันต์เพื่ออะไร
“เรียกฉันมาพบทำไมคะ...บอส”
คิมหันต์ลุกขึ้นแล้วเดินมาหามัทนา เธอก้าวถอยหลังเขาก็ก้าวตามมา พอถึงตัวก็จับมือไว้อย่างสนิทสนม นันทินีมองมือที่จับกันสลับกับใบหน้ายิ้มแย้มของอดีตคนรัก แบบนี่มันหมายความว่ายังไง
“พอดีคุณนันทินีมาส่งการ์ดเชิญงานแต่งงานของลูกพี่ลูกน้องน่ะ แล้วที่นี้ในงานมีการเต้นรำด้วย ฉันเลยคิดว่าน่าจะแนะนำคู่ควงไปงานให้คุณนันทินีรู้จัก” เขายิ้มใส่ตามัทนา
“คู่ควง เต้นรำ ฉันเนี่ยนะ” เธอถามพลางดึงมือออกจากมือของเขา แต่กลับถูกจับแน่นกว่าเดิม
นันทินีมองมัทนาอย่างพิจารณาอีกครั้ง ผู้หญิงคนนี้ต่างจากเธอโดยสิ้นเชิง คิมหันต์น่ะหรือจะพบรักใหม่ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน แผนตื้นๆ
“ถ้าคิมไม่มีคู่ควงไปงานถึงขนาดต้องพาพนักงานปอนๆ ไปงานด้วย นันเป็นคู่ควงให้ดีกว่านะคะ ถึงวันนั้นนันอาจจะยุ่งมาก แต่ก็จะไม่ละเลยคิมเด็ดขาด”
พอเข้าใจล่ะ เท่านี้เองสินะที่เธอถูกเรียกขึ้นมา ฟังแล้วของขึ้นชะมัด เธอไม่ใช่เครื่องมือของใครนะ ไม่ว่าคิมหันต์กับแฟนเก่าจะกำลังเป็นยังไงกันอยู่ เธอไม่จำเป็นต้องรับรู้และถูกมองอย่างกับไปทำผิดอะไรมา คนทำงานแลกเงินเดือนมันน่าดูแคลนตรงไหนกัน
“พนักงานปอนๆ งั้นเหรอ” มือบางสะบัดแรงทีเดียวหลุดแล้วมองคิมหันต์อย่างไม่ชอบใจ
คิมหันต์ไม่สะดวกอธิบาย แต่สะดวกทำมากกว่า เขาคว้าเอวบางมากอดไว้ จงใจรัดแน่นไม่ให้มัทนาดิ้นหลุด เจ้าตัวยิ่งดิ้นเขายิ่งกอด นันทินีเม้มริมฝีปากแน่น แล้วฟังสิฟัง คิมหันต์ต้องการทำอะไรกันแน่
“คงไม่ได้หรอก อีกไม่กี่วันผมก็จะแต่งงานอยู่แล้ว จะไปออกงานกับคนอื่นแทนที่จะเป็นว่าที่เจ้าสาวได้ยังไง”
นันทินีหัวเราะ ถ้าเขาจะหลอกเธอด้วยการหาผู้หญิงมาอุปโลกน์ว่าเป็นแฟนก็น่าจะหาให้ดีกว่านี้หน่อย แถมยังไม่เนียนใครดูไม่ออกก็บ้าแล้ว
“มันไม่ได้ผลหรอกค่ะ อย่ามาไล่นันไปจากคิมด้วยวิธีแบบนี้เลย”
“ผมพูดจริง ถ้าการ์ดแต่งงานเสร็จแล้วผมจะส่งให้คุณโดยเร็วที่สุด” ถ้าเขามีเวลาบอกมัทนามากกว่านี้เธอคงร่วมมือด้วยแน่ๆ ตอนนี้ใกล้หายใจไม่ออกแล้วมั้ง
“คิดใหม่เถอะนะคิม ถ้าคิมจะลบนันไปจากใจด้วยการหาผู้หญิงใหม่ ‘แบบนี้’ มาแทนที่” นันทินีมองมัทนาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าแล้วเบ้ปากอีกรอบ “ดูยังไงก็ไม่น่ารอด”
“ปล่อยเดี๋ยวนี้เลยคุณ”
คิมหันต์ไม่ปล่อย แต่บอกให้นันทินีกลับไป เธอยอมทำตามอย่างว่าง่าย แถมยังหัวเราะราวกับพบเรื่องน่าขัน ชายหนุ่มได้แต่รอให้ประตูปิดลงแล้วคลายกอด มัทนากระทืบปลายเท้าคนก่อเรื่องให้เธอเดือดร้อน ร่างสูงสะดุ้งโหยงมองว่าที่เจ้าสาวตาขุ่น ใช่ว่าเขาอยากกอดยัยไม้กระดานเสียเมื่อไหร่ แล้วตามน้ำไปน่ะทำไม่เป็นหรือไง
“ที่ฉันทำยังอยู่ในข้อตกลง ไม่ต้องมาทำตาเขียวใส่”
มัทนากำมือแน่นเมื่อถูกย้อนด้วยคำพูด เรื่องของเขากับแฟนเก่าเธอประมวลผลแป๊บเดียวก็เดาได้ จบกันไม่สวยล่ะสิท่าเลยเห็นเธอเป็นไม้กันหมา
“ถ้าจะประชดแฟนเก่าแล้วมาแต่งงานกันทำไม หรือว่าแต่งงานเพื่อให้แฟนเก่าเสียใจเหมือนกับที่เคยเสียใจ ถ้าใช่ คุณมันโคตรไร้หัวใจเลย”
“ไม่เห็นแปลกตรงไหน ในเมื่อเราไม่ได้แต่งงานเพราะความรักอยู่แล้วนี่”
มัทนานิ่งไป เออ! ก็จริง แต่ถึงเหตุผลจะเป็นอย่างนั้นแล้วเขาลากเธอมาให้แฟนเก่ามองหัวจรดเท้าเพื่ออะไร บอกไปตรงๆ ก็จบเรื่องว่าไม่เอา หรือว่าบอกแล้วแต่ถูกตื๊อ ช่างเถอะ เธอไม่น่าเข้ามาในห้องทำงานของเขาเลย
“ฉันนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเราจะไปรอดครบหนึ่งปียังไง ถ้าไม่มีอะไรนอกจากเอาฉันมาประชดแฟนเก่า ฉันขอตัวไปทำงานต่อดีกว่า”
ไม่จำเป็นต้องรอคำอนุญาต มัทนาเดินหน้ามุ่ยไปเปิดประตูออกจากห้อง คิมหันต์มองตามแต่ไม่ห้าม ยังมีเวลามากมายที่เขาจะบอกว่าทำแบบนี้ทำไม บอกไปตอนนี้นอกจากไม่ฟังแล้วเดี๋ยวได้ออกกำลัง ถึงมัทนาจะแข็งแรง แต่เขามั่นใจว่าแข็งแรงกว่า เธอจะกระดูกหักเป็นเจ้าสาวเข้าเฝือกแขนหรือขาในวันแต่งงานเสียเปล่าๆ แล้วที่สำคัญไม่มีเหตุผลที่เขาจะทำร้ายเธอเลยสักนิด

มัทนาทำงานอย่างสบายใจได้โดยที่ไม่ต้องไปวุ่นวายเรื่องงานแต่งงานเพราะมีเว้ดดิ้งแพลนเนอร์จัดการให้ทุกอย่าง เหลือแค่เลือกจากสิ่งที่นำมาให้เลือกเท่านั้น หรือไม่ก็คิมหันต์เป็นคนตัดสินใจ เธอไม่เคยคิดว่างานแต่งงานของตัวเองควรเป็นแบบไหน แค่เคยคิดตอนเด็กว่าๆ ถ้าได้แต่งงานจริงๆ ขึ้นมาคงไม่มีพิธีรีตองอะไร ทำบุญร่วมกัน ให้คำสัญญาก็พอ แต่ขืนบอกไปแบบนี้มีหวังเธอกับคิมหันต์ได้ทะเลาะกันอีก เธอมันลูกชาวบ้าน ส่วนเขาน่ะหลานคุณทีปต์ เพราะฉะนั้นห้ามเอารสนิยมต่างๆ มาเทียบกันเด็ดขาด
พนักงานได้ข่าวการแต่งงานของคิมหันต์กับมัทนาวันศุกร์ เขาเชิญพนักงานที่สะดวกไปแต่งงานและงดรับซอง เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์วิจารณ์ราวกับไฟลามทุ่ง เธอรู้ล่วงหน้าก่อนติดประกาศเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น คิมหันต์เป็นคนโทรมาบอก โชคดีที่เธอออกมาทำงานที่ท่าเรือ พอกลับบริษัทแล้วเข้าไปล้างหน้าที่ห้องน้ำชั้นสองเพราะคิมหันต์โทรมาบอกว่ามีเรื่องจะคุย แต่สภาพเธอมอมแมมเหลือเกิน พอเดินออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินเสียงซุบซิบกับหูตัวเองทันที
“ฉันว่าแล้วว่ายังทอมน่ะแผนสูงจะตาย ไปๆ มาๆ บอสก็เสร็จจนต้องรีบแต่งงาน”
คนถูกนินทาถอนใจเพราะจำเสียงได้ว่ารายเดิม คราวนี้ขอฟังให้จบแล้วสั่งสอนทีเดียวเลยแล้วกัน
“หรือว่าจะตะลุ้บตุ้บป่อง”
“ก็ไม่แน่นะอีกเดือนน่าจะดูออก” สองนางพากันหัวเราะคิกคักเป็นที่สนุกสนาน
มัทนาก้าวออกมาอย่างสง่าผ่าเผยไม่ได้ลักลอบทำผิดถึงต้องกลัว สองนางมองมาที่เธออ้าปากค้าง หน้าเจื่อนพากันพูดไม่ออก คนหนึ่งเป็นแม่บ้านชื่อเฟื่องฟ้า ส่วนอีกเป็นคนเป็นธุรการของฝ่ายบุคคลชื่อวรรณา
“รู้ได้ยังไงหรือคะ ถ้าอยากรู้อะไรก็ถาม ถ้ากล้า ฉันจะตอบให้จะได้เลิกนินทาว่าร้ายคนอื่นเสียที”
สองนางยังหาปากกันไม่เจอ มัทนาเดินเข้ามาใกล้ก็พากันถอยหลังไป เธอเหลือจะเชื่อกับคนพวกนี้ ทีลับหลังล่ะพูดคล่อง พอมาให้ถามกลับไม่ถามแฮะ
“คุณสองคนมาพบผมที่ห้องทำงาน”
เสียงใครคนหนึ่งดังขึ้นจากด้านหลัง พนักงานทั้งสองนางหันไปมองแทบจะเป็นลมเมื่อเห็นคิมหันต์เดินมาสมทบมัทนาอีกคน สายตามองมาน่ากลัวจนต้องหลบตาก้มหน้าหนี มีเพียงมัทนาที่กล้าสบตาคู่นั้นตรงๆ
“ไปรอผมที่ห้องรับรอง เสร็จเรื่องที่จะคุยแล้ว เราจะไปลองชุดแต่งงานด้วยกัน” คิมหันต์จงใจพูดให้พนักงานสองคนนั้นได้ยิน ไม่ว่าการแต่งงานจะเกิดขึ้นเพราะอะไร ไม่มีใครมีสิทธิ์มาดูถูกหรือให้ร้ายว่าที่เจ้าสาวของเขา
มัทนายังยืนอยู่ที่เดิมในขณะที่คิมหันต์เดินไปห้องทำงาน พนักงานสองคนนั้นรีบเดินตามไปด้วยสีหน้ากังวล เธอไม่รู้หรอกว่าเขาได้ยินอะไรบ้าง แต่ที่รู้เขาออกมาปกป้องเธอจากพวกช่างเมาท์ การไม่พบกันมาห้าวันหลังจากวันนั้น ทำให้การพบกันอีกครั้งเธอให้อภัยในสิ่งที่เขาทำต่อหน้าแฟนเก่า

มัทนาไม่ได้ไปห้องรับรอง แต่กลับมาที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนา จิรัฐยิ้มให้เธอแต่ไม่ได้พูดอะไรมากกว่านั้นก็ออกไปประชุมกับฝ่ายต่างๆ พี่ๆ คนอื่นเดินมาตบไหล่เธอเบาๆ แล้วพากันยินดีกันแบบงงๆ ก่อนจะไปที่ช็อป เหลือเพียงเดชายังนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน สายตาของเขามองมา หญิงสาวเดินมานั่งที่โต๊ะของตัวเองแล้วนั่งตรวจงาน เดชาลุกจากโต๊ะตัวเองแล้วเดินมายืนหน้าโต๊ะของเธอ หญิงสาวเงยหน้ามองพร้อมตอบคำถาม
“จริงหรือมัทเรื่อง...แต่งงาน ทำไมถึงไม่เคยบอกผมเลย”
“มันเป็นเรื่องของผู้ใหญ่น่ะเดช มัทเองก็รู้ไม่นานกว่าคนในบริษัทเท่าไหร่นักหรอก” เธอยิ้มในเมื่อสิ่งที่ตัดสินใจไม่ได้ผิดต่อใคร
“มัทรักบอสตั้งแต่เมื่อไหร่”
“เอ่อ...”
ตอบยังไงดีหว่า ที่ผ่านมาคำว่าชอบยังใช้ไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เดชาจ้องรอคำตอบ สายตาของมัทนาบอกชัดว่ามีบางอย่างที่น่าสงสัย
“ฉันบอกให้รอที่ห้องรับรองแล้วมาอยู่ที่ห้องทำงานทำไมล่ะมัทนา”
คนถูกเรียกเงยหน้ามองเจ้าของเสียงแล้วถอนใจโล่งอก วันนี้อีตาคิมเหมือนจะมีองค์มาตอนที่เธอกำลังอยากได้ระฆังช่วยชีวิตทุกที เดชาถอยออกมาจากโต๊ะ คิมหันต์เดินผ่านเขาไปแล้ววางมือลงบนไหล่ของว่าที่เจ้าสาว แถมยังก้มหน้าลงมาคุยเสียงหวานอย่างที่ไม่เคยได้ยินเจ้านายทำเสียงแบบนี้กับสาวๆ ในบริษัทมาก่อน
“บอกแล้วไงว่าเราต้องไปลองชุดแต่งงาน”
มัทนาทำหน้าไม่ถูก เดชาหน้าเจื่อนรู้สึกว่ากำลังอยู่ผิดที่ผิดทาง ยิ่งยามที่บอสเงยหน้าแล้วมองมายิ่งรู้สึกเหมือนทำอะไรผิด อย่างน้อยก็ผิดทางใจล่ะวะ
“คุณมาทำอะไรตรงนี้เหรอเดชา”
“ผมมาแสดงความยินดีกับมัทครับ บอสเป็นผู้ชายที่โชคดีมากเลยครับ ขอให้มีความสุขมากๆ” เขาเอ่ยสีหน้าเสียดายเก็บไม่มิด
คิมหันต์กดยิ้มที่มุมปาก ไม่พลาดจากที่คิดไว้ เจ้าหนุ่มนี่มีใจให้มัทนา แล้วมัทนาล่ะรู้สึกยังไง เขาไม่อยากได้ชื่อว่าถูกนอกใจแม้ว่าแต่งงานหลอกๆ
“ขอบใจ ไปกันเถอะ” ไม่พูดเปล่ามือหนายังคว้ามือบางมากุมไว้แล้วรั้งให้ลุกขึ้นมา แต่มัทนากลับขืนตัวไว้ “หรือจะให้อุ้มไป” เขาก้มลงมาถาม ถึงเสียงฟังดูเหมือนเล่นๆ แต่เขาทำได้จริง
มัทนาไม่อยากให้เป็นเรื่องใหญ่ แค่เขามาหาเธอถึงห้องทำงานก็กลายเป็นหัวข้อเมาท์ของคนที่เดินผ่านไปผ่านมาแล้ว
“มัทไปก่อนนะเดช”
คิมหันต์เดินนำ แต่ยังมีน้ำใจแบบไม่ได้ขอจับมือแกมลากมัทนาให้ตามไปด้วย เดชามองตามรู้สึกเสียดายโอกาสและเวลา ว่าที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเดินเคียงกันไปยังรถที่จอดรอ เพียงไม่นานรถก็แล่นออกไปจากบริษัท ลองชุดแต่งงานสำหรับวันแต่งงาน ทำไมผู้ชายคนนั้นไม่ใช่เขา จิรัฐเดินกลับมาในห้องเพราะลืมเอกสาร เขาตบบ่าลูกน้องเบาๆ อย่างเข้าใจ ไม่พูดอะไร เดชาเดินกลับไปที่โต๊ะเหม่อลอยจนเลิกงานในอีกครึ่งชั่วโมงต่อมา

เป็นความตั้งใจของมัทนาตั้งแต่แรกที่ต้องการชุดแต่งงานแบบเรียบๆ ทำให้เลือกชุดไทยบรมพิมานแบบคอปิด แขนทรงกระบอกยาวถึงข้อมือกับผ้านุ่งสำหรับพิธีรดน้ำสังข์ ส่วนผมของเธอไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เก็บปอยผมด้วยเกลียวบิดไล่ตั้งแต่ช่วงหน้าผากหรือขมับไปจนถึงท้ายทอยก็พอ เงาสะท้อนในกระจกช่างแปลกตา เกิดมาเพิ่งเคยเห็นตัวเองเป็นผู้หญิงที่สุดก็วันนี้แหละ
คิมหันต์มองผู้หญิงในกระจกพลางเดินมาหา ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงร่างระหงซ่อนรูปคนนั้นเป็นคนเดียวกับผู้หญิงที่ใส่ชุดช็อปดูมอมแมม เขาเผลอยิ้มออกมา มัทนาหันหน้ามามองเขาที่ดูแปลกตาไปเมื่อใส่เสื้อสีขาวชุดราชประแตน ตัวเสื้อใช้ผ้าไหมสีขาว ส่วนโจงกะเบนเป็นชุดสำเร็จผ้าสีน้ำเงิน ใส่ถุงเท้ายาวถึงแข้ง ดูเหมือนหนุ่มสมัยโบราณ สายตาที่มองมาช่างละมุนละไม
“ไม่อยากเชื่อว่าเราสองคนกำลังจะแต่งงานกันจริงๆ”
“เปลี่ยนใจก็ไม่ทันแล้วนะ ก็อย่างที่เธอบอกครึ่งปีเร็วไป สองปีนานไป ปีเดียวกำลังดี ฉันไม่คาดหวังว่ามันจะออกมาเป็นยังไง แต่เท่าที่ผ่านมาเธอคงเป็นผู้หญิงที่ฉันจะทนอยู่ด้วยได้” ถ้าเธอไม่กวนโมโหจนเขาอยากจับหักคอจิ้มน้ำพริกไปเสียก่อน
มัทนาย่นจมูกใส่ “ทนเลยเหรอ เหมือนกันนั่นแหละ”
คิมหันต์หัวเราะ เขาเป็นคนพูดตรงไปตรงมาเธอควรรู้ไว้เสียตั้งแต่ตอนนี้ เวลาหนึ่งปีดูเหมือนไม่นานก็จริง แต่มันคงไม่ง่ายหากต้องใช้เวลากับใครสักคน
“ฉันยังมีเรื่องสงสัย”
“ว่ามาสิคุณ” เธอถามมองเขาจากกระจก
“เธอเป็นทอมหรือเปล่า”
“แล้วคุณเป็นเกย์หรือเปล่าล่ะ” เธอย้อนถามตาคว่ำใส่
ริมฝีปากของคิมหันต์ประกบปิดกั้นคำพูดไม่น่าฟังของมัทนาเอาไว้ มือทั้งสองข้างของหญิงสาวถูกตรึงด้วยมือแข็งแรงเพียงข้างเดียว เขาเคยถูกจูบและจูบคนอื่นมาก็ไม่น้อย แต่ไม่มีครั้งไหนเลยที่รู้สึกเหมือนถูกช็อตยามที่ริมฝีปากนุ่มสัมผัสกับริมฝีปากของเขา ช่างเป็นการจูบที่จบลงเพียงไม่กี่วินาที คนอยากพิสูจน์ถอนริมฝีปากออกไป เพื่อไม่ให้การบอกคำตอบเกินเลย เขาส่งสายตาดุๆ พร้อมกับพูดเสียงเรียบใส่
“เกย์ไม่จูบชะนี อ้อ ฉันเป็นผู้ชายทั้งแท่งไม่ใช่ได้ทั้งหน้าทั้งหลัง เผื่อเธอจะสงสัยต่อ”
มือบางเงื้อขึ้นจะต่อยไม่ใช่ตบ แต่ถูกคนรู้ทันจับมือไว้ทั้งสองข้าง เธอมองเบื้องล่างแล้วกระทืบเท้าของคนเชื่อใจไม่ได้ แต่อีตาคิมดันรู้ทัน เลยเหมือนเรากำลังหยอกล้อกันยกใหญ่
“คุณต่างหากที่สงสัย แค่เริ่มต้นก็ผิดสัญญาแล้ว แล้วฉันจะไปเชื่อใจคุณได้ยังไง”
“ฉันจูบเป็นแต่ผู้หญิง ไม่เคยคิดจะจูบผู้ชาย ถ้าไม่จูบเธอแล้วจะให้ทำยังไง” เขาลอยหน้าลอยตาถาม เห็นแก้มแดงปลั่งของมัทนาแล้วใจพองโต เธอไม่ได้เกลียดเขาอย่างที่ทำออกมาสักหน่อย
มัทนาหยุดมองคิมหันต์ เขายอมปล่อยมือบางทั้งสองข้าง เรียวปากบางยิ้มแล้วเริ่มแผนร้ายในยามที่เขาไม่ทันระวัง ผ้านุ่งถูกถกขึ้นแล้วยกขาไปกลางกล่องดวงใจของผู้ชายอย่างรวดเร็ว
“ถ้าทำแบบนี้อีก ฉันจะซัดคุณให้หมอบ”
คิมหันต์หลบทันแถมยังใช้ความเร็วหมุนร่างระหงเข้ามาอยู่ในวงแขน แล้วกอดเอวบางไว้หลวมๆ ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีอะไร ดวงตาขี้เล่นหายไปเมื่อเราต่างมองไปที่กระจก
“ฉันยอมให้ครั้งนี้ครั้งเดียว ไปถ่ายรูปกันดีกว่า” ใบหน้าคร้ามก้มลงมาใกล้ใบหูเล็ก “ฉันขอโทษ”
มัทนาหันไปผลักอกหนาแล้วถอยออกมา เป็นครั้งแรกที่เธอไม่อาจต้านทานสายตาของคิมหันต์ เพียงจูบเดียวสามารถลดความมั่นใจและเพิ่มความหวั่นไหวในหัวใจของเธอได้ หญิงสาวเดินไปยังห้องถ่ายภาพ คิมหันต์เดินตามมาเรียวปากหนายิ้มกว้างเป็นสุขในหัวใจ เขาปราบมัทนาได้อย่างราบคาบ

เรื่องขำขันกลายเป็นเรื่องจริงเมื่อการ์ดเชิญไปงานแต่งงานถูกส่งมาให้นันทินีตามสัญญา เธออ่านวันที่เชิญแล้วรู้สึกเหมือนถูกปรับแพ้ ทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าการขอให้คิมหันต์ให้อภัยแล้วกลับมาเหมือนเดิมอีกครั้ง ทำไมเขาไม่เข้าใจว่าทุกคนย่อมมีเรื่องจำเป็น
เธอขับรถไปที่ผับของวินแล้วสั่งเครื่องดื่มมาดับความร้อนในอก ทว่ายิ่งดื่มกลับยิ่งเสียใจร้อนเร่าที่คิมหันต์ทำแบบนี้ ทั้งที่อยู่เป็นโสดมาตั้งนาน แต่พอเธอกลับมาเพื่อขอคืนดี เขากลับแต่งงานกับเด็กกะโปโลคนนั้น
“ได้ข่าวว่าคิมหันต์จะแต่งงาน ถึงว่า...”
“ถึงว่าอะไร”นันทินีตวาดใส่หันมามองวินอย่างเอาเรื่อง เธอไม่ได้มาที่นี่เพื่อถูกเยอะเย้ยถากถาง
วินหัวเราะพลางนั่งลงข้างๆ แล้วสั่งเครื่องดื่มมาดื่มเป็นเพื่อน
“คนแถวนี้อกหัก ทำไมแผนระลึกความหลังไม่ได้ผลหรือไงถึงได้พลาดท่าให้ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้”
หญิงสาวยิ่งเสียหน้า เธอยังไม่มีโอกาสได้ระลึกความหลังด้วยซ้ำ ถ้าวินรู้คนอื่นๆ ในละแวกนี้ก็ต้องรู้ ถึงว่าสายตาของผู้หญิงที่มาเที่ยวพากันมองเธออย่างเย้ยหยัน คงสาแกใส่กันล่ะสิ
“นันยังไม่แพ้หรอก”
“ก็ดี ผมได้ข่าวมาว่างานนี้คุณทีปต์เป็นคนจัดการ คิมหันต์มันอาจจะแต่งงานเพราะถูกสั่งก็ได้ อยู่ๆ ระดับ CEO จะมาแต่งงานกับพนักงานของตัวเองทำไม” วินเลิกคิ้วทำหน้าแปลกใจ
นันทินีเริ่มฉุกคิด คนอย่างคิมหันต์บูชาความรักเป็นที่ตั้ง ไม่อย่างนั้นคงไม่เสียศูนย์ตอนที่เธอทิ้งไปแต่งงานจนเกือบเสียผู้เสียคน เพื่อนสนิทของเขาบอกเธออย่างนั้น ท่าทางที่เขาแสดงออกต่อเด็กคนนั้นไม่ได้เหมือนกับที่แสดงออกกับเธอตอนที่เรายังเป็นแฟนกัน
“มันน่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล นันต้องรู้ให้ได้”
เหล้าถูกกินจนหมดแก้ว นันทินีจ่ายเงินค่าเครื่องดื่มแล้วกลับไปทันที วินมองตามจนรถลับไปจากสายตา ถ้ายอมแพ้ง่ายๆ มันจะไปสนุกตรงไหนล่ะ คนที่สมหวังมาตลอดสมควรผิดหวังเสียบ้าง



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.พ. 2558, 10:43:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.พ. 2558, 10:45:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1015





<< ตอนที่ 9   ตอนที่ 11 >>
กาซะลองพลัดถิ่น 27 ก.พ. 2558, 15:20:33 น.
ชอบเวลาที่คิมกับมัทอยู่ด้วยกันอ่ะ มันเปรี้ยวซ่อนหวานอ่ะ
มัทช่วย ๆ คิมเค้าหน่อยนะ แสดงให้มันเนียน ๆ เดี๋ยวถูกจับได้
คิมนะเนียนอยู่แล้ว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account