คิวปิด...ตัวกวนป่วนรัก
เมื่อเทพคิวปิดถูกลดหน้าที่ให้เป็นแค่ ‘เทพเบ๊’ คิวปิดสาวจึงเร่งปฎิบัติกอบกู้ศักดิ์ศรี แต่ดันแผลงศรพลาด ทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวตกหลุมรัก ‘พี่ชาย’ ของสาวคนรัก เรื่องป่วนๆ จึงเริ่มขึ้น !
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 5

“ใส่ไม่ถนัดหรือคะ” รักษิยาถามเมื่อเห็นเซเลน่ากำลังง่วนอยู่กับการขยับกระโปรงยีนส์ยาวพอดีเข่าไปมาขณะจัดเรียงชามข้าวไว้บนโต๊ะ

“ค่ะ มันอึดอัดๆ น่ะค่ะ โดยเฉพาะเสื้อตัวเล็กข้างใน” เซเลน่าหมายถึงชุดชั้นใน

“อดทนหน่อยนะคะ เดี๋ยวก็ชินไปเอง” รักษิยาตอบยิ้มๆ

“ค่ะ ว่าแต่มนุษย์ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวันเลยเหรอคะ”

ถึงจะอยู่ด้วยกันมาไม่นานแต่รักษิยาก็ชินกับคำพูดประหลาดๆ ของหญิงสาวแล้ว จึงตอบไปว่า

“ค่ะ ต้องเปลี่ยน เพราะจะมีพวกฝุ่น สิ่งสกปรก คราบเหงื่อไคลติดเสื้อผ้า เราก็ควรจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทุกวันเพื่อความสะอาดค่ะ”

“เอ๊...แต่เสื้อผ้าตัวที่ฉันใส่เมื่อวานก็ไม่เห็นจะสกปรกเลยนะ”

“พวกฝุ่น พวกเชื้อโรคสิ่งสกปรกมันมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าหรอกค่ะ แต่ว่ามันมีลอยอยู่ในอากาศเต็มไปหมด”

“งั้นเราก็ทำให้อากาศสะอาด ไม่มีพวกฝุ่นพวกสิ่งสกปรกมันไม่ง่ายกว่าเหรอ”

รักษิยายิ้ม จนมุมกับคำถามของหญิงสาว เลยต้องเฉไฉเปลี่ยนเรื่องไปว่า “น้องเอแคร์นั่งเถอะค่ะ เดี๋ยวจะได้ทานข้าวต้มกัน”

เซเลน่าทำตามอย่างว่าง่าย เพราะกลิ่นหอมกรุ่นของข้าวต้มในหม้อกระเบื้องใบย่อมมันทำให้ท้องของหล่อนปั่นป่วนคล้ายกับร่ำร้องจะลิ้มรสอาหารฝีมือของรักษิยาให้ได้ คิวปิดสาวมองกิริยาตักข้าวต้มใส่ชามสี่ใบ แล้วนำไปวางบนโต๊ะ ปิดฝาครอบกันความร้อนอย่างคล่องแคล่ว เซเลน่าสังเกตว่าทุกครั้งเวลาที่รักษิยาทำอาหาร ใบหน้าของหญิงสาวจะมีรอยยิ้มระบายอยู่ทั่วหน้าคล้ายกับว่าหล่อนมีความสุขเหลือเกินที่ได้ทำเพื่อผู้อื่น

‘คนดีๆ ควรจะต้องเจอแต่เรื่องดีๆ เท่านั้น’ คิดได้แล้วเซเลน่าก็ลืมความหอมกรุ่นของข้าวต้มไปในบัดดล แล้วกลับสู่การปฏิบัติหน้าที่อันใหญ่หลวงให้สำเร็จลุล่วง ก่อนที่คนดีๆ จะต้องเสียใจเพราะฝีมือหล่อน

“เอ๊...เมื่อวานได้ยินคุณน้องยากับคุณพี่รักพูดชื่ออะไรภูมิๆ เขาเป็นใครหรือคะ” เซเลน่าตะล่อมถามทั้งที่รู้อยู่แล้ว

“พี่ภูมิเป็นแฟนพี่เองค่ะ” ดวงตายาวเรียวเป็นประกายวิบวับเมื่อเอ่ยถึงคนรักหนุ่มบ่งบอกถึงความรักที่มีอยู่ท่วมท้นหัวใจของหญิงสาว

“คุณพี่ภูมิตอนนี้อยู่ที่ไหนเหรอคะ ทำไมไม่เห็นแวะมาหาคุณยาบ้างเลย”

“พี่ภูมิไปประชุมที่ญี่ปุ่นค่ะ ไปตั้งแต่วันที่พี่ขับรถชนน้องเอแคร์น่ะค่ะ”

เซเลน่ารู้ว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศหนึ่งบนโลกจากตอนพิมพ์รายชื่อในสมุดบันทึกรักมนุษย์โลกของประเทศต่างๆ ลงในคอมพ์ “แล้วเมื่อไหร่จะกลับคะ”

“อีกสี่ห้าวันค่ะ”

“อีกสี่ห้าวัน !” เซเลน่าตกใจ ที่จริงสามารถอยู่บนโลกมนุษย์ได้อีกหลายวันอย่างสบายๆ เพราะถ้าเทียบเวลาบนโลกมนุษย์หนึ่งวัน เวลาบนเทือกเขาโอลิมปัสก็เพิ่งผ่านไปแค่ไม่กี่วินาทีเท่านั้น แต่หล่อนกลัวว่าอำนาจลูกศรที่อยู่ในร่างของนายภูมิจะทวีความรุนแรงขึ้นทุกวัน จนยากจะถอนออก

“มีอะไรหรือเปล่าคะ” รักษิยานิ่วหน้าแปลกใจเมื่อเห็นอาการตกใจของอีกฝ่าย

เซเลน่ารู้สึกว่าออกอาการมาเกินไป จึงแก้ตัว “ไม่มีค่ะ ฉันแค่เป็นห่วงกลัวว่าคุณน้องยาจะคิดถึงคนรักของม้ากกกกมาก”

‘ผู้ที่คนรักอยู่ห่างไกล” ยิ้มเขิน เซเลน่าจึงรุกต่อ

“คุณน้องยาจะไปหาคุณพี่ภูมิหรือเปล่าคะ ถ้าไป ฉันขอไปด้วยนะ ฉันอยากเห็นหน้าคุณพี่ภูมิ” ขอแค่ให้ได้เห็นสถานที่-ที่นายภูมิอยู่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น คราวนี้หล่อนก็จะสามารถกลายร่างเป็นคิวปิดแล้วหายตัวไปหาเขาได้เอง เพราะหล่อนไม่สามารถหายตัวไปสถานที่-ที่ยังไม่เคยไปได้

“พี่ไปไม่ได้หรอกค่ะ ประเทศญี่ปุ่นอยู่ไกลมากๆ เอาไว้รอให้พี่ภูมิกลับมา น้องเอแคร์ได้พบแน่ค่ะ” รักษิยาตอบ ก่อนหันไปเห็นพี่ชายเดินลงบันไดมาจากชั้นสอง ชายหนุ่มอยู่ในชุดลำลอง กางเกงขาห้าส่วนและเสื้อยืดสีขาวล้วนดูสบายๆ

“ทานข้าวค่ะพี่รัก”

“จ้ะ” รักษิตยิ้มละมุนรับ
เซเลน่าสังเกตว่าชายหนุ่มมักจะยิ้มเช่นนี้ให้น้องสาวอยู่เสมอ ผิดกับหล่อนที่เขาชอบทำหน้าขรึมใส่ตลอด

นั่นไง ! ยังไม่ทันไร เขาก็หันมามองหล่อนพร้อมกับทำ “หน้าขรึม” ใส่ ขณะนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับหล่อนอีกแล้ว

“พงษ์ล่ะ” รักษิตถาม

“พงษ์ออกไปตั้งแต่เช้าแล้วค่ะ ก่อนยาจะตื่นซะอีก ว่าแต่เมื่อคืนมีอะไรหรือเปล่าคะพี่รัก” รักษิยาถาม เพราะเมื่อคืนรู้สึกตัวตื่นตอนที่รักพงษ์กลับมาแล้วได้ยินเสียงพี่ชายกับน้องชายคุยกัน

“ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ” รักษิตตอบพลางอมยิ้มบางๆ ให้พอกลบเกลื่อนความทุกข์ที่อยู่ในใจ แต่มันคงยังไม่ได้ผลเพียงพอ รักษิยาจึงถามว่า

“แน่ใจนะคะว่าไม่มีอะไร”

“จ้ะ” รักษิตตอบเพียงสั้นๆ ก่อนบอก “เมื่อคืนไอ้ภูมิโทรหาพี่ เห็นบอกว่าเพิ่งถึงญี่ปุ่น”

“เอ๊...ทำไมพี่ภูมิไม่เห็นโทรหายาบ้างเลย ว่าเวลาพี่ภูมิบินไปไหน พอเครื่องจอดเขาจะต้องโทรมาหายานี่ยาเห็นเขาเงียบๆ ก็นึกเป็นห่วงอยู่”

“มันคงเห็นว่าดึกแล้ว คงไม่อยากกวนยานอน”

ความรักความไว้ใจที่มีต่อชายหนุ่มไม่เคยทำให้รักษิยาคิดว่าภูมิจะเปลี่ยนไป “น่าจะใช่ค่ะ เพราะพี่ภูมิรู้ว่าวันนี้ยาต้องเอาขนมที่ร้านไปจัดงานเลี้ยงที่โรงแรมแต่เช้า”

“อ้าวเหรอ งั้นยาก็รีบทานข้าวแล้วก็รีบไปได้แล้ว เดี๋ยวพี่เก็บชามเอง”

“ค่ะ” ผู้เป็นน้องสาวยิ้มรับ

“คุณน้องยาจะไปไหนคะ ให้ฉันไปด้วยนะคะ”

รักษิยากำลังจะขยับปากตอบตกลง แต่รักษิตขัดขึ้น

“อย่าดีกว่า วันนี้ยายุ่ง เดี๋ยวให้เอแคร์อยู่ที่บ้านกับพี่”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่รักให้เอแคร์ไปกับยาก็ได้ค่ะ วันนี้ยาคงไม่ได้ยุ่งอะไรมาก พี่รักจะได้ทำงานเต็มที่”

“วันนี้พี่ไม่ทำงานหรอก พี่ว่าจะพาเอแคร์ออกไปทำธุระสักหน่อย”

-------------------------------------------------------------------------

‘ธุระ’ ที่ว่าคือการจูงเซเลน่าและเจ้าลักกี้เดินออกมานอกบ้านในช่วงบ่ายหลังจากรักษิตทำความสะอาดบ้านเสร็จ โดยไม่บอกกล่าวอะไรทั้งสิ้น เจ้าลักกี้ไม่ได้ดูเดือดร้อนกับ ‘ธุระ’ ของรักษิตเลย มันเอาแต่ร้องเพลงขณะเดินนำหน้าเจ้านายอย่างอารมณ์ดี

“เลิฟ...ไอนีทซัมบอดี้เลิฟ...อยากขอสักคนเพื่อเลิฟ...ให้หัวใจไม่ว่างไป โว้วๆ”

ผิดกับหญิงสาว หล่อนทนไม่ได้จึงแสร้งย่อตัวลูบหัวเจ้าลักกี้ แล้วกระซิบถาม

“คุณลักกี้ว่าคุณพี่รักจะพาฉันไปไหน”

“กระผมไม่ใช่นายรักกระผมจะไปรู้ได้อย่างไรล่ะขอรับ แต่ไม่ต้องไปกลัวหรอกขอรับ นายรักของกระผมเป็นคนดี เขาไม่พาคุณคิวปิดไปปู้ยี้ปู้ยำแน่นอน” พูดจบก็ครวญเพลงต่อ “เลิฟ...ไอนีสซัมบอดี้เลิฟ...”

“ปู้ยี้ปู้ยำแปลว่าอะไร”

ลักกี้หยุดร้องแล้วพ่นลมหายใจ “คำถามเยอะจริง เอาเป็นว่านายรักไม่พาคุณคิวปิดไปทำร้ายทั้งทางร่างกายและจิตใจแน่นอน โอเค๊ ?”

เซเลน่าพยักหน้ารับ แล้วก็เป็นอย่างที่ลักกี้บอก รักษิตไม่ได้พาหล่อนไปไหนไกลเลย เขาหยุดเดินบริเวณหน้าปากซอยตรงจุดที่รักษิยาขับรถชนหล่อน แล้วกอดปลดสายจูงจากปลอกคอ ปล่อยให้มันเดินเล่นตามอำเภอใจ

“คุณถูกยาขับรถชนตรงนี้” เขาบอก

หญิงสาวพยักหน้ารับหงึกหงัก ไม่เข้าใจว่าเขาจะทำอะไร

“ทีนี้คุณลองคิดดูให้ดีสิ ว่าคุณมาจากตรงไหน หรือจำอะไรได้บ้าง”

“อ๋อ...ที่แท้นายรักก็จะพาคุณคิวปิดมารื้อฟื้นความจำนี่เอง โธ่...เสียเวลาเปล่า ฉี่ดีกว่า” ว่าแล้วลักกี้ก็ยกขาหลังข้างหนึ่งใส่ใต้ต้นไม้พลางหลับตาพริ้ม ปลดปล่อยอย่างสบายใจ

“คุณลักกี้ทำอะไรน่ะ” เซเลน่าสนใจท่าทางของเจ้าลักกี้ เลยถูกชายหนุ่มเอ็ด

“เอแคร์ ผมบอกให้คุณคิด” ชายหนุ่มดุ

เซเลน่าค้อน “รู้แล้วน่า”

‘นี่เห็นว่าคุณจะเป็นหนึ่งในผู้เดือดร้อนหรอกนะ ถึงยอมทำตาม’ แล้วคิวปิดสาวก็มองไปรอบๆ ที่จริงหล่อนจำสถานที่ตรงนี้ได้อย่างดี แต่หล่อนก็ไม่รู้ว่าตัวเองโผล่มาจากตรงไหน จำได้แต่ว่ามีควันสีขาวเย็นๆ ด้วย

“คิดไม่ออก” เซเลน่าตัดสินใจบอกไปเช่นนั้น

“แน่ใจ ?” ดวงตาคมกริบจ้องหล่อนอย่างจับผิด

“แน้...”

“อย่าขึ้นเสียงสูงขอรับ เดี๋ยวนายรักรู้ว่าโกหก” ลักกี้เตือน

เซเลน่าจึงปรับเสียงใหม่ กดเสียงให้ต่ำ ตอบว่า “แน่ !”

“ไม่เป็นไร งั้นเดี๋ยวเราจะเดินไปแถวๆ นี้ เผื่อว่าจะมีใครรู้จักหรือเคยเห็นคุณบ้าง” รักษิตบอก ก่อนหันไปกวักมือเรียก “ลักกี้มา”

เจ้าลักกี้วิ่งกระดิกหางมาหาเจ้านายอย่างว่าง่าย เขาเกี่ยวสายจูงติดกับปลอกคอ

“เออนี่คุณ ผมจะบอกว่า คุณไม่ต้องเรียกลักกี้ว่าคุณก็ได้นะ ดูสุภาพเกินไป” รักษิตแนะนำ

“อ้าว...นายรัก ทำไมทำกันอย่างนี้ล่ะขอรับ เกิดมาเพิ่งเคยมีคนให้เกียรติเรียกคุณทั้งที ยังจะขัดอีก อารมณ์เสีย !”

ลักกี้บ่น แล้วหูทั้งสองข้างของก็ตั้งขึ้น เมื่อได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังมาแต่ไกล เพียงอึดใจเสียงดนตรีจังหวะน่ารักก็ดังขึ้นมาแต่ไกล ก่อนที่รถขายไอศกรีมเจ้าเก่าเจ้าเดิมของคนในหมู่บ้านจะเลี้ยวเข้าซอยมา วันนี้ชายคนขายสวมหมวกแก๊ปด้วย ถ้าสังเกตให้ดีจะเห็นเส้นผมส่วนที่โผล่พ้นจากหมวกตั้งชี้เด่ แต่ลักกี้ไม่สนใจ สิ่งเดียวที่มันสนใจก็คือ ไอศกรีมรสหวานชื่นใจที่อยู่ในถัง มันแล่บลิ้นยาวและมองนายรักด้วยแววตาอ้อนวอน

“เห็นของโปรดไม่ได้เลยนะ” รักษิตลูบหัวมันเบาๆ “เดี๋ยวซื้อให้กิน”

“น่ารักอ๊ะ” มันเลียแก้มผู้เป็นนายแผล่บเป็นการตอบแทน

รักษิตลุกขึ้นพลางยกแขนเสื้อเช็ดน้ำลายบนแก้ม แล้วกวักมือเรียก “ซื้อไอศกรีมหน่อยครับ”

เมื่อรถขายไอศกรีมเคลื่อนเข้ามาใกล้ เซเลน่าจึงเห็นเต็มตาว่าชายคนขายคือคนเดียวกับที่เห็นหล่อนโผล่ออกมาจากถังไอศกรีม !

“แย่แล้ว !” คิวปิดสาวอุทาน

“มีอะไรเหรอคุณ”

“ปะ...เปล่า ไม่มีอะไร ฉันไปคอยตรงโน้นก่อนนะ” เซเลน่ารีบสาวเท้าตั้งใจจะไปหลบหลังต้นไม้

“เดี๋ยวคุณ” รักษิตเรียก เซเลน่าชะงักกึก แต่ไม่หันไปหาเขาเพราะกลัวว่าชายคนขายไอศกรีมจะเห็นหน้าหล่อน

“มีอะไร”

“จะกินไอศกรีมไหม” รักษิตถาม

“ไม่กิน” ตอบเสร็จก็รีบจ้ำอ้าวไปหลบหลังต้นไม้ และท่าทางลุกลี้ลุกลนนั้นก็จุดความสงสัยให้รักษิต หากเขายังเก็บความสงสัยเอาไว้ เพราะต้องซื้อไอศกรีมที่เพิ่งขับมาจอดก่อน ไม่เหมือนลักกี้ รายหลังสังเกตเห็นอาการของคิวปิดสาวเช่นกัน แต่มันวิ่งเข้าไปถามหล่อนเลย

“มีอะไรหรือขอรับคุณคิวปิด”

“ก็ผู้ชายคนนั่นน่ะ” เซเลน่าชี้ไปที่ชายคนขาย “เขาเคยเห็นฉันตอนเป็นคิวปิดน่ะสิ ถ้าเขาเห็นฉันตอนนี้ล่ะก็ เขาต้องจำฉันได้แน่ๆ เลย”

“โอ้วมายก็อด ! งั้นคุณคิวปิดหลบให้ดีๆ เลยนะขอรับ อย่าโผล่หน้าไปให้เขาเห็นเป็นอันขาด ไม่อย่างงั้นความแตกแน่ ประเดี๋ยวกระผมจะทำหน้าที่คอยเป็นด่านหน้าให้เองขอรับ”

เซเลน่าพยักหน้ารับ แล้วยืนตัวตรง หลังติดกับต้นไม้ หันหลังให้ชายคนขายและรักษิต

“ลักกี้มา” รักษิตเรียกพร้อมกับยื่นไอศกรีมแท่งรสวนิลาที่แกะเปลือกแล้ว

“วะ...นิ..ลา !” ลักกี้ถึงกับน้ำลายหยดแหมะรีบวิ่งไปคาบแท่งไอศกรีมจากมือเจ้านาย แล้วเอาไปนั่งเลียดื่มด่ำกับความหวานชื่นใจจนลืม ‘หน้าที่’ ของตัวเองไปเลย ส่วนเซเลน่ายังยืนอยู่หลังต้นไม้

รักษิตสังเกตเห็นท่าทางคอยหันมาชำเลืองมองชายคนขายไอศกรีมด้วยสายตาหวาดระแวงของหญิงสาว ชายหนุ่มจึงค่อนข้างมั่นใจแล้วว่า...เอแคร์และพี่คนขายไอศกรีมต้องรู้จักกันแน่นอน แต่เขาอยากจะมั่นใจมากกว่านี้ จึงสะกิดถามชายคนขาย

“พี่ครับ ผมรบกวนอะไรหน่อยสิครับ”

“ครับ ?”

“พี่รู้จักผู้หญิงคนนั้นไหมครับ” รักษิตชี้ไปที่หญิงสาวที่ยืนหันหลังพิงต้นไม้อยู่ ชายคนขายชะเง้อมองแต่ก็ยังไม่เห็นถนัดตา

รักษิตจึงเดินไปคว้าข้อมือของหญิงสาว “มานี่”

เซเลน่าสะดุ้งโหยง “คุณจะพาฉันไปไหน” ขณะถามก็พยายามหันหลังให้ชายคนขายที่กำลังมองมาที่หล่อน

“ผมบอกให้มาก็มาเถอะน่ะ” รักษิตดึงแขนหญิงสาว แต่หล่อนก็ยื้อเอาไว้ ลักกี้เห็นดังนั้นประกอบกับไอศกรีมหมดแท่งพอดี จิตใต้สำนึกในหน้าที่ของตัวเองจึงกลับมาอีกครั้ง

“ตายละหว่า ! ตายๆๆ จะทำยังไงดีล่ะทีนี้ ความลับของคุณคิวปิดถูกเปิดเผยแน่ๆ แล้วคุณคิวปิดก็ต้องถูกจับตัวไปออกงานวัดหรือไม่ก็ถูกส่งกลับบ้าน ทีนี้นายภูมิก็จะต้องหลงรักนายรักของกระผมตลอดไป” ลักกี้ผุดลุกขึ้นวิ่งวนไปมา คิดหาทางช่วยเหลือคิวปิดสาว “ไม่ได้ๆๆ ! เราต้องหาทางช่วย”

แล้วก็เหมือนมีหลอดไฟขึ้นบนหัว ปิ๊ง !

“คุณคิวปิดเป็นลมเลยขอรับ เป็นลม”

“ฮะ ?” เซเลน่าหันไปถาม ‘ผู้ช่วยลายจุด’

“แบบแกล้งหลับไปเลยน่ะขอรับ หลับเลย ! หลับสิ !”

‘หลับก็หลับ’ เซเลน่าตัดสินใจแล้วหลับอย่างกะทันหัน โดยไม่ทันคาดคิดว่ารักษิตจะโอบร่างหล่อนเอาไว้ ก่อนที่หล่อนจะลงไปกองกับพื้น “เอแคร์ !”

“เยี่ยม...” ลักกี้คราง ตั้งแต่อยู่กับนายรักษิตยังไม่เคยเห็นภาพสวีทหวานเช่นนี้ของนายกับหญิงสาวคนไหนเลย เวลาสวมบทพระเอกก็เท่ห์เหมือนกันนะนายเรา ลักกี้คิดพลางหัวเราะคิกคัก คิวปิดสาวลอบหรี่ตามองทางเจ้าสุนัขเชิงดุ ลักกี้เลยต้องรีบเตือน

“อย่าลืมตาสิขอรับ หลับไปเลย ก้มหน้าเอาไว้ด้วยขอรับ พี่คนนั้นจะได้มองไม่เห็นหน้า”

เซเลน่าทำตาม หล่อนพยายามหาจังหวะที่รักษิตเขย่าร่างหล่อนให้เส้นผมไหลลงมาปิดบังใบหน้า ส่วนลักกี้หันไปเห่ากรรโชกใส่ชายคนขายไอศกรีม

“ลักกี้อย่า !” รักษิตดุ จะลุกขึ้นมาห้ามก็ไม่ได้เพราะโอบร่างหญิงสาวอยู่

“อย่าว่ากระผมเลยขอรับ กระผมทำเพื่อทุกคน” ลักกี้เห่าไล่ไม่หยุด จนชายคนขายต้องรีบขึ้นรถแล้วขับหนีไป

“เดี๋ยวเถอะนะลักกี้” รักษิตหยุดก่อนหันไปเขย่าเรียกหญิงสาว “เอแคร์...เอแคร์”

ชายหนุ่มช่วยปัดเส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่ปกปิดใบหน้าของหญิงสาวออก เผยให้เห็นวงหน้าน่ารัก เส้นตายาวใต้ขนตายาวเป็นแพ จมูกโด่งปลายรั้นนิดๆ รับกับริมฝีปากบางสีชมพู เขายอมรับกับตัวเองว่าหล่อนมีใบหน้าที่สวยมาก และน่าแปลก...เมื่อพิจารณาใบหน้าของหล่อนดูดีๆ หล่อนคล้ายการ์ตูนผู้หญิงที่เขาวาดมาจากจินตนาการเลย

“โฮ่ง !” เสียงเห่าของลักกี้ช่วยดึงรักษิตให้กลับมา ชายหนุ่มเรียกหญิงสาวอีกครั้ง “เอแคร์”

“อย่าเพิ่งตื่นขอรับ ยังไม่ปลอดภัย” ลักกี้เตือน

หญิงสาวจึงยังหลับนิ่ง รักษิตจึงอุ้มหล่อนกลับบ้าน โดยมีสุนัขลายจุดเดินเคียงข้างพร้อมกับครวญเพลง

“เลิฟ...ไอนีสซัมบอดี้เลิฟ...อยากขอสักคนเพื่อเลิฟ...”

-----------------------------------------------------------------------------

ถึงเจ้าของรถเก๋งคันหรูจะไม่ใช่สมาชิกของหมู่บ้าน แต่ก็สามารถขับผ่านป้อมยามหน้าหมู่บ้านเข้ามาได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากชายหนุ่มแวะเวียนมาที่นี่บ่อยๆ จนแทบจะกลายเป็นสมาชิกอีกคนไปแล้ว แล้วพอเหยียบเข้าหมู่บ้าน ภูมิลดความเร็วลงแล้วหยิบกล่องหนังสีดำในถุงกระดาษซึ่งวางอยู่เบาะข้างคนขับออกมาด้วยความตื่นเต้น อยากรู้ว่าคนได้จะรู้สึกอย่างไรกับของขวัญชิ้นนี้

ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา หลายวันที่ผ่านมาเขาคิดถึงใบหน้าคมสันของเพื่อนสนิทที่เคยแซวว่าเหมือนคนโบราณกลับชาติมาเกิด คิดถึงน้ำเสียงราบเรียบที่เขาเคยเปรียบว่าเป็นผีดิบ คิดถึงท่าทางก้มหน้าวาดการ์ตูนอย่างจริงจัง คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างของรักษิตแทบทุกลมหายใจเข้า-ออก

เิมื่อคืนหลังจากคุยโทรศัพท์กัน ภูมิก็ทนเสียงเรียกร้องของหัวใจไม่ไหว จึงต้องปล่อยให้ผู้ช่วยไปประชุมงานแทน ส่วนตัวเขาก็บินกลับมาอย่างกะทันหันโดยไม่ได้บอกใคร

ทว่าภูมิต้องเซอร์ไพร้สยิ่งกว่า เมื่อรถเลี้ยวเข้าไปในซอยบ้านรักษิตซึ่งอยู่เกือบท้ายหมู่บ้าน เขาก็เห็นรักษิตกำลังอุ้มหญิงร่างบาง โดยมีเจ้าลักกี้วิ่งเคียงข้าง ถึงจะยังไม่รู้ผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไร หรือเกิดเรื่องอะไรขึ้น ทว่าการที่รักษิตใกล้ชิดกับหญิงสาวผู้อื่นก็ทำให้ หัวใจของภูมิเจ็บแปลบขึ้นมากะทันหัน

กล่องสีดำในมือร่วงผล็อยจากมือ...นี่หรือคือสิ่งเขาได้รับตอบแทนจากความคิดถึงสุดหัวใจ


*********************************************



สาธิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ค. 2554, 13:10:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ค. 2554, 13:10:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1508





<< ตอน 4   ตอน 6 >>
saralun 11 ก.ค. 2554, 16:13:03 น.
เฮ้อ!!! อยากให้แก้ได้ ไว ๆ


เบญจามินทร์ 11 ก.ค. 2554, 22:47:42 น.
ดีที่เซเลน่า ได้ที่ปรึกษาดี ถ้าไม่มีลักกี้ละแย่เลย ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account