หยกวาดตะวัน
"ฉันชื่อวาดตะวัน มาจากในนิยาย นิยายบนโลกมนุษย์นี่แหละ!"
เสียงเล็กแหลมของสาวน้อยที่แฝงไว้ด้วยความมาดมั่นร่ำร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น
ทำเอาชานนอยากจะเป็นบ้าตาย
ตอนนี้ชีวิตเขาวุ่นวายมากพออยู่แล้ว ไม่ว่าจะหน้าที่การงานหรือว่าคนรัก
เขาเพิ่งถูกแฟนสาวสลัดทิ้งมาหมาดๆ
แต่แล้วจู่ๆ วันดีคืนดีก็มีผู้หญิงร่างเล็กบอบบางแทบปลิวได้ตกลงมาในบ้านเขา
ซ้ำร้ายยังเอาแต่พร่ำเพ้อว่าตัวเองหลุดมาจากโลกในนิยาย
งานนี้ไม่รู้ว่าหล่อนหรือเขากันแน่ที่บ้า
...ทางเดียวที่ทำได้คือเขาต้องไล่หล่อนกลับไปในโลกนิยายอย่างนั้นเหรอ ?
เสียงเล็กแหลมของสาวน้อยที่แฝงไว้ด้วยความมาดมั่นร่ำร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่อย่างนั้น
ทำเอาชานนอยากจะเป็นบ้าตาย
ตอนนี้ชีวิตเขาวุ่นวายมากพออยู่แล้ว ไม่ว่าจะหน้าที่การงานหรือว่าคนรัก
เขาเพิ่งถูกแฟนสาวสลัดทิ้งมาหมาดๆ
แต่แล้วจู่ๆ วันดีคืนดีก็มีผู้หญิงร่างเล็กบอบบางแทบปลิวได้ตกลงมาในบ้านเขา
ซ้ำร้ายยังเอาแต่พร่ำเพ้อว่าตัวเองหลุดมาจากโลกในนิยาย
งานนี้ไม่รู้ว่าหล่อนหรือเขากันแน่ที่บ้า
...ทางเดียวที่ทำได้คือเขาต้องไล่หล่อนกลับไปในโลกนิยายอย่างนั้นเหรอ ?
Tags: นักเขียน แฟนตาซี ปาฎิหารย์ ใสซื่อ เวทย์มนตร์
ตอน: บทนำ
บทนำ
ท่ามกลางเสียงฟ้าคำรามกับสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสายในยามค่ำคืน สาวใหญ่ที่นั่งหลังขดหลังแข็งอยู่หลังโต๊ะทำงานกลางห้องโถงของบ้าน ต้องเพ่งสมาธิไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์มากกว่าที่ควรจะเป็น แต่แล้วตัวหนังสือบนหน้าจอที่เพิ่มๆ ลดๆ อยู่นั่นเองตามการกดพิมพ์สร้างความกลัดกลุ้มใจแก่เจ้าหล่อนทอดถอนใจออกมา จำต้องวางมือจากแป้นพิมพ์ กุมขมับตัวเองทั้งสองข้างไม่ต่างจากคนที่แบกรับความกดดันไว้มหาศาล
"เมลานี"
เสียงทุ้มแหบพร่าแต่ดังก้องกังวานในหูเรียกความสนใจจากหญิงสาวพลัน พร้อมๆ กับไฟในบ้านที่สว่างไสวอยู่ดีๆ ก็ดับพรึบ
อดัม...
เมลานีหันมองไปทางห้องนอนทันควัน ความเป็นห่วงเลยผ่านไปถึงชายหนุ่มที่นอนพักฟื้นอยู่ในห้อง เนื่องจากเป็นบ้านเดี่ยวหลังเล็ก หล่อนอาศัยนั่งแต่งนิยายอยู่ใกล้ห้องนอน แต่ด้วยความที่ร่วมครึ่งค่อนวันได้แล้วที่สาวเจ้าเอาแต่นั่งแต่งนิยายอยู่ตรงนี้ เมื่อเพ่งสายตาฝ่าความมืดรอบกายเห็นว่าประตูห้องถูกเปิดค้างไว้ก็ใจคอไม่ดี รีบผละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ลุกไปหาเขา หล่อนมั่นใจว่าเมื่อครู่นี้เป็นเสียงอดัมเพราะมีเพียงเขาที่เรียกหล่อนเช่นนั้น
หากทว่าบนเตียงนอนกลับไร้ซึ่งเงาของชายหนุ่ม เมลานีต้องควานหาไฟฉายแถวนั้นสาดแสงไปบนเตียงอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเขา นอกจากผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่กับผ้าห่มที่ถูกเลิกขึ้นลักษณะเหมือนเจ้าตัวเพิ่งลุกจากเตียง
“อดัมคะ...อดัม"
เมลานีร้องเรียกด้วยใจร้อนรน เดินหาเขาในห้องน้ำด้วยแต่ก็ไม่เจอเช่นกัน
ทันใดนั้นฟ้าแลบสว่างวาบ เสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยง เมลานีตกใจสะดุ้งเฮือก เบิกตากว้างแทบถลน มีสีหน้าแววตาหวาดกลัวเมื่อเห็นเงาดำคล้ายร่างคนนอนฟุบอยู่กับพื้นใกล้ๆ กับหน้าประตูห้อง !
"อดัม !"
สาวเจ้ากรีดร้องแทบขาดใจ เพราะส่องไฟฉายไปแล้วเห็นชัดเต็มสองตาว่าเป็นชายหนุ่มที่กำลังตามหา รีบพุ่งเข้าไปโอบประคองเขาขึ้นจากพื้น ค่อยๆ พยุงพามานั่งบนเก้าอี้
"คุณออกมาทำไมคะ ทำไมไม่นอนพัก"
"ไม่มีประโยชน์เมลานี" อดัมตอบเสียงอ่อนระโหย เขายังมีสติดีทุกอย่าง เว้นก็แต่ร่างกายกำยำของเขาที่อ่อนแรงเกินกว่าจะควบคุมตนเองได้จึงล้มฟุบลงไปเฉย มีสีหน้าอิดโรยดั่งชายชราทั้งที่อ่อนวัยกว่าหล่อนมาก
เมลานีโอบกอดชายหนุ่มตรงหน้าแนบแน่น ก่อนหน้านี้หล่อนนึกว่าจะเสียเขาไปเสียแล้ว เช่นเดียวกับอดัมที่รู้สึกไม่ต่างกัน กอดสาวเจ้าตอบคล้ายกับต้องการกอดเก็บความรู้สึกนี้ไว้ ตอนนั้นเองที่เมลานีสังเกตเห็นว่าร่างของอดัมเริ่มเลือนรางเหมือนแสงของดวงดาวที่ค่อยๆ ริบหรี่ทีละน้อย
"ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไปจากที่นี่ คืนนี้"
"อะไรนะคะ" เมลานีอ้ำอึ้ง
"ไม่ได้นะคะอดัม" เมลานีคลายอ้อมกอดนั้นทันใด ใจหายวาบ "ไหนคุณสัญญากับฉันแล้วไงคะว่าจะอดทน ถ้าคุณย้ายออกไปแล้วคุณจะไปอยู่ที่ไหน ละ...แล้วคุณจะอยู่ยังไง นี่มันบ้านของเรานะคะอดัม ฉันเชื่อว่าสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้มันต้องได้ผล เรื่องระหว่างฉันกับคุณจะต้องไม่ลงเอยแบบนี้"
"แต่ผมรับไม่ได้ที่คุณต้องมาเห็นผมอยู่ในสภาพแบบนี้" ไม่เพียงค้าน อดัมยังเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตาด้วย
เมลานีเข้าใจความรู้สึกชายหนุ่มดีเลยเอื้อมมือมาเกาะกุมมือเขาต้องการที่จะปลอบใจ หากอดัมกลับขยับมือออก ความหมางเมินนั้นทำให้สาวเจ้าน้ำตาคลอ น้อยใจเขาขึ้นมาจะลุกหนี แต่แล้วกลับถูกอดัมดึงให้หันกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มโน้มตัวเข้าหาประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากอวบอิ่มของเมลานี สัมผัสที่จู่โจมกะทันหันนั้น หญิงสาวขืนตัวอยู่ครู่ก็ผ่อนคลายลงตอบสนองสัมผัสนั้นของเขาด้วยริมฝีปากของหล่อนเช่นกัน หนุ่มสาวประคองกอดกันรู้สึกร้อนวูบวาบในกาย
หากความรู้สึกที่เริ่มรุกล้ำมากขึ้นกว่าการจูบธรรมดาทำให้อดัมต้องทอดถอนริมฝีปากเสียเอง เปลี่ยนเป็นแตะหน้าผากของเขากับหน้าผากของหล่อนอย่างแผ่วเบา
"ผมรักคุณนะเมลานี"
หญิงสาวหลับตาพริ้มยามที่อดัมจุมพิตที่หน้าผาก แล้วเพิ่งรู้ตัวว่ามีสร้อยคอของเขาอยู่ในมือหล่อน เป็นสร้อยคอไทเทเนียมจี้รูปพระจันทร์เสี้ยวสีเงิน
"ผมยกสร้อยเส้นนี้ให้คุณ"
"แต่ฉัน..." ยังไม่ทันปฏิเสธดีก็เงียบไป เพราะชายหนุ่มตรงหน้าใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากสาวเจ้า เขาทนไม่ได้จริงๆ ที่จะปล่อยให้ผู้หญิงที่เขารักต้องมาเห็นสภาพอันน่าสมเพชของเขาในวินาทีสุดท้ายของชีวิต สู้ให้หล่อนจดจำเขาในสภาพที่ยังปกติดียังดีเสียกว่า
"คุณคงรู้ว่าสร้อยเส้นนี้มันสำคัญสำหรับผมมาก ผมอยากให้คุณเก็บมันไว้ คุณทำเพื่อผมได้รึเปล่า"
น้ำใสๆ ที่คลอคลองที่ตาไหลรินอาบแก้มหญิงสาวแทนคำตอบนั้น
อดัมต้องแข็งใจยกสองมือกอบกุมพวงแก้มเมลานีไว้ ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มนวลนั้น ส่งยิ้มอ่อนโยนให้หล่อนเพื่อเป็นการบอกลา
ท่ามกลางเสียงฟ้าคำรามกับสายฝนที่เทกระหน่ำลงมาไม่ขาดสายในยามค่ำคืน สาวใหญ่ที่นั่งหลังขดหลังแข็งอยู่หลังโต๊ะทำงานกลางห้องโถงของบ้าน ต้องเพ่งสมาธิไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์มากกว่าที่ควรจะเป็น แต่แล้วตัวหนังสือบนหน้าจอที่เพิ่มๆ ลดๆ อยู่นั่นเองตามการกดพิมพ์สร้างความกลัดกลุ้มใจแก่เจ้าหล่อนทอดถอนใจออกมา จำต้องวางมือจากแป้นพิมพ์ กุมขมับตัวเองทั้งสองข้างไม่ต่างจากคนที่แบกรับความกดดันไว้มหาศาล
"เมลานี"
เสียงทุ้มแหบพร่าแต่ดังก้องกังวานในหูเรียกความสนใจจากหญิงสาวพลัน พร้อมๆ กับไฟในบ้านที่สว่างไสวอยู่ดีๆ ก็ดับพรึบ
อดัม...
เมลานีหันมองไปทางห้องนอนทันควัน ความเป็นห่วงเลยผ่านไปถึงชายหนุ่มที่นอนพักฟื้นอยู่ในห้อง เนื่องจากเป็นบ้านเดี่ยวหลังเล็ก หล่อนอาศัยนั่งแต่งนิยายอยู่ใกล้ห้องนอน แต่ด้วยความที่ร่วมครึ่งค่อนวันได้แล้วที่สาวเจ้าเอาแต่นั่งแต่งนิยายอยู่ตรงนี้ เมื่อเพ่งสายตาฝ่าความมืดรอบกายเห็นว่าประตูห้องถูกเปิดค้างไว้ก็ใจคอไม่ดี รีบผละจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ลุกไปหาเขา หล่อนมั่นใจว่าเมื่อครู่นี้เป็นเสียงอดัมเพราะมีเพียงเขาที่เรียกหล่อนเช่นนั้น
หากทว่าบนเตียงนอนกลับไร้ซึ่งเงาของชายหนุ่ม เมลานีต้องควานหาไฟฉายแถวนั้นสาดแสงไปบนเตียงอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีเขา นอกจากผ้าปูที่นอนที่ยับยู่ยี่กับผ้าห่มที่ถูกเลิกขึ้นลักษณะเหมือนเจ้าตัวเพิ่งลุกจากเตียง
“อดัมคะ...อดัม"
เมลานีร้องเรียกด้วยใจร้อนรน เดินหาเขาในห้องน้ำด้วยแต่ก็ไม่เจอเช่นกัน
ทันใดนั้นฟ้าแลบสว่างวาบ เสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยง เมลานีตกใจสะดุ้งเฮือก เบิกตากว้างแทบถลน มีสีหน้าแววตาหวาดกลัวเมื่อเห็นเงาดำคล้ายร่างคนนอนฟุบอยู่กับพื้นใกล้ๆ กับหน้าประตูห้อง !
"อดัม !"
สาวเจ้ากรีดร้องแทบขาดใจ เพราะส่องไฟฉายไปแล้วเห็นชัดเต็มสองตาว่าเป็นชายหนุ่มที่กำลังตามหา รีบพุ่งเข้าไปโอบประคองเขาขึ้นจากพื้น ค่อยๆ พยุงพามานั่งบนเก้าอี้
"คุณออกมาทำไมคะ ทำไมไม่นอนพัก"
"ไม่มีประโยชน์เมลานี" อดัมตอบเสียงอ่อนระโหย เขายังมีสติดีทุกอย่าง เว้นก็แต่ร่างกายกำยำของเขาที่อ่อนแรงเกินกว่าจะควบคุมตนเองได้จึงล้มฟุบลงไปเฉย มีสีหน้าอิดโรยดั่งชายชราทั้งที่อ่อนวัยกว่าหล่อนมาก
เมลานีโอบกอดชายหนุ่มตรงหน้าแนบแน่น ก่อนหน้านี้หล่อนนึกว่าจะเสียเขาไปเสียแล้ว เช่นเดียวกับอดัมที่รู้สึกไม่ต่างกัน กอดสาวเจ้าตอบคล้ายกับต้องการกอดเก็บความรู้สึกนี้ไว้ ตอนนั้นเองที่เมลานีสังเกตเห็นว่าร่างของอดัมเริ่มเลือนรางเหมือนแสงของดวงดาวที่ค่อยๆ ริบหรี่ทีละน้อย
"ผมตัดสินใจแล้วว่าจะไปจากที่นี่ คืนนี้"
"อะไรนะคะ" เมลานีอ้ำอึ้ง
"ไม่ได้นะคะอดัม" เมลานีคลายอ้อมกอดนั้นทันใด ใจหายวาบ "ไหนคุณสัญญากับฉันแล้วไงคะว่าจะอดทน ถ้าคุณย้ายออกไปแล้วคุณจะไปอยู่ที่ไหน ละ...แล้วคุณจะอยู่ยังไง นี่มันบ้านของเรานะคะอดัม ฉันเชื่อว่าสิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้มันต้องได้ผล เรื่องระหว่างฉันกับคุณจะต้องไม่ลงเอยแบบนี้"
"แต่ผมรับไม่ได้ที่คุณต้องมาเห็นผมอยู่ในสภาพแบบนี้" ไม่เพียงค้าน อดัมยังเบือนหน้าหนีไม่ยอมสบตาด้วย
เมลานีเข้าใจความรู้สึกชายหนุ่มดีเลยเอื้อมมือมาเกาะกุมมือเขาต้องการที่จะปลอบใจ หากอดัมกลับขยับมือออก ความหมางเมินนั้นทำให้สาวเจ้าน้ำตาคลอ น้อยใจเขาขึ้นมาจะลุกหนี แต่แล้วกลับถูกอดัมดึงให้หันกลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มโน้มตัวเข้าหาประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากอวบอิ่มของเมลานี สัมผัสที่จู่โจมกะทันหันนั้น หญิงสาวขืนตัวอยู่ครู่ก็ผ่อนคลายลงตอบสนองสัมผัสนั้นของเขาด้วยริมฝีปากของหล่อนเช่นกัน หนุ่มสาวประคองกอดกันรู้สึกร้อนวูบวาบในกาย
หากความรู้สึกที่เริ่มรุกล้ำมากขึ้นกว่าการจูบธรรมดาทำให้อดัมต้องทอดถอนริมฝีปากเสียเอง เปลี่ยนเป็นแตะหน้าผากของเขากับหน้าผากของหล่อนอย่างแผ่วเบา
"ผมรักคุณนะเมลานี"
หญิงสาวหลับตาพริ้มยามที่อดัมจุมพิตที่หน้าผาก แล้วเพิ่งรู้ตัวว่ามีสร้อยคอของเขาอยู่ในมือหล่อน เป็นสร้อยคอไทเทเนียมจี้รูปพระจันทร์เสี้ยวสีเงิน
"ผมยกสร้อยเส้นนี้ให้คุณ"
"แต่ฉัน..." ยังไม่ทันปฏิเสธดีก็เงียบไป เพราะชายหนุ่มตรงหน้าใช้นิ้วแตะที่ริมฝีปากสาวเจ้า เขาทนไม่ได้จริงๆ ที่จะปล่อยให้ผู้หญิงที่เขารักต้องมาเห็นสภาพอันน่าสมเพชของเขาในวินาทีสุดท้ายของชีวิต สู้ให้หล่อนจดจำเขาในสภาพที่ยังปกติดียังดีเสียกว่า
"คุณคงรู้ว่าสร้อยเส้นนี้มันสำคัญสำหรับผมมาก ผมอยากให้คุณเก็บมันไว้ คุณทำเพื่อผมได้รึเปล่า"
น้ำใสๆ ที่คลอคลองที่ตาไหลรินอาบแก้มหญิงสาวแทนคำตอบนั้น
อดัมต้องแข็งใจยกสองมือกอบกุมพวงแก้มเมลานีไว้ ใช้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำตาออกจากแก้มนวลนั้น ส่งยิ้มอ่อนโยนให้หล่อนเพื่อเป็นการบอกลา
สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 มี.ค. 2558, 15:52:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 เม.ย. 2558, 10:23:05 น.
จำนวนการเข้าชม : 1425
บทที่ 1 >> |
Zephyr 24 มี.ค. 2558, 22:00:05 น.
หืม. ดูบทนำกับเรื่องย่อมันไปคนละทางกันนา
เอรึยังไม่ถึงจุดเชื่อมโยง ตามๆๆ
หืม. ดูบทนำกับเรื่องย่อมันไปคนละทางกันนา
เอรึยังไม่ถึงจุดเชื่อมโยง ตามๆๆ
สรัน 24 มี.ค. 2558, 23:32:42 น.
เก็บไว้เป็นปริศนาก่อนจ้าคุณZephyr อุ๊บส์
เก็บไว้เป็นปริศนาก่อนจ้าคุณZephyr อุ๊บส์