=ตราบสิ้นแสงอัสนี= -
นี่คือเรื่องของนางฟ้า ชื่อมณีเมขลา
คือเรื่องของอสุรา ชื่อรามสูร
แต่นี่... ไม่ใช่เรื่องรักที่จะพาคุณย้อนอดีต
เราจะพาคุณข้ามผ่านกลุ่มเมฆ กาลเวลา และสายฟ้า
"สู่อนาคต"

Tags: เมขลา รามสูร สายฟ้า องค์อินทร์ อินทรชิต

ตอน: บทที่ ๑ (ต่อ...) -น้ำฝนบนยอดหญ้า-

-๓- น้ำฝนบนยอดหญ้า


คืนวานเป็นงานฉลองวันเกิดปีที่สามสิบของเขา
ความรู้สึกหน่วงๆคล้ายเมาค้างยังคงติดอยู่ในหัว

เมื่อคืนตฤณภพเมาหนัก จำได้ว่าตัวเองหาเรื่องเปะปะไปทั่ว ตอนค่อนคืนใครสักหลายๆคน
ช่วยกันหามเขาลงจากเรือสำราญลอยทะเลลำหรู หิ้วปีกขึ้นรถพากลับห้องพัก
ตื่นมายังได้พบนาฬิกาเรือนสวยวางทิ้งไว้ให้ข้างหมอน ของขวัญจากแฝดผู้รู้ใจที่มัก
เล่นมุกซานตาคลอสอย่างนี้ทุกปี ด้วยสีสันและหน้าตาแสนถูกใจราวกับคนให้มานั่งอยู่ในใจ
ทำให้อดไม่ได้ที่จะเห่อ
...เขาถนัดขวา แล้วก็ไม่เคยรู้สึกว่าใส่นาฬิกามือที่ถนัดมันจะเกะกะ
วันนี้ก็เลยสวมนาฬิกาโลหะสีชาเรือนใหม่เอี่ยมออกมานั่งจิบกาแฟอยู่ยังร้านไอศกรีม
ตรงหัวมุมถนนร้านเดิม จมูกสัมผัสกลิ่นขนมผสมไออุ่นของน้ำชากรุ่นละมุน อย่างไรในนี้
เครื่องปรับอากาศก็ส่งให้อุณหภูมิติดจะเย็น จึงไม่แปลกที่เขาจะสวมหมวกไหมพรม
ปิดผมหยักศกตัดค่อนข้างสั้นเอาไว้ ตาสีเทาเข้มมองออกไป เบื้องนอก ลมเย็นพัดแรง
จนใบไม้ปลิดจากขั้ว เขามองไม่ถนัดนักเพราะวันนี้ไม่มีแว่นตา จำได้รางๆว่า
ทำร่วงตอนเมาแล้วเท้าใครสักคนเฉียดมาเหยียบแตกดังกรอบ

แต่ภาพดอกแดนดิไลอ้อนซึ่งเจ้าของร้านถ่ายเองตรงผนังใกล้ๆยังชวนให้มองเพลิน
ดอกซึ่งแห้งโรยกลายเป็นปุยสีขาว พร้อมจะพาเมล็ดของมันเองลอยล่องไปไกลแสนไกล

ดอกไม้...ที่เขาให้เธอ

ครั้งหนึ่งตฤณภพเองเคยไปเที่ยวญี่ปุ่น ตั้งใจเก็บเมล็ดดอกไม้นี้กลับมา
เพราะจำได้ว่าฝ่ายนั้นชอบ เธอรับมันไปด้วยแววตาเปี่ยมสุข
พอดีว่าเป็นหน้าหนาว เจ้าตัวเฝ้าเพียรหย่อนเมล็ด ทดลองปลูกจนสำเร็จ
งอกเงยขึ้นมาเป็นต้นอ่อน เธอบอกว่าจะเฝ้าดูวันที่ปุยขาวพาเมล็ดน้อยๆ
เหินลอยสู่ฟากฟ้า...ดอกไม้แห่งการเดินทาง เหมือนชีวิตเรา
ปุยขาวที่กางร่มลอยขึ้นสู่เบื้องบน บางคนเรียกมันว่านางฟ้า

ตฤณภพนั่งคิดอะไรเพลินจนล่วงเข้าบ่าย เมฆแบกน้ำฝนหนักอึ้ง
สีทะมึนอาบย้อมฟ้าจนดูราวสนธยากำลังใกล้เข้ามา
พายุกำลังมา เขารับรู้ถึงมันได้เสมอ
เปรี้ยงงง
ฟ้าฟาดลงมาไม่มีปี่มีขลุ่ย กระแสขาววาววับเชื่อมจากฟากฟ้าจรดพื้นดิน
เขาฉงนใจ นึกไปถึงคำพูดแปลกๆเมื่อสองสามวันก่อนของเพื่อนที่ทำงานกรมอุตุฯ
ว่ามีรายงานเรื่องฟ้าผ่ามากผิดปกติ

พายุ สายฟ้า ล้วนกวนตะกอนอดีตให้ลอยกรุ่น
แต่ในคราวนี้กลับไม่ใช่เรื่องแย่อะไรนัก... อาจเพราะ
ก่อนจะดิ่งลึกไปถึงขนาดนั้น เขาถูกความทรงจำดีๆดักไว้ระหว่างทาง


ครั้งหนึ่งตฤณภพเองเคยไปทำงานพิเศษที่ร้านไอศกรีม แทนนายตรี
ผู้บ้าพอจะสมัครไว้แล้วแจ้นหนีไปเที่ยวต่างจังหวัดกับเพื่อน
หมอนั่นเป็นแบบนี้เสมอ แต่มันก็ยังขอร้องจนเขายอมทำแทน
อ้างว่าแค่ไม่กี่วัน เขานึกสนุก ถึงกับถอดแว่นตาไปทำงานให้แนบเนียน
เพราะเจ้าของร้านดันรู้จักกับตรีมาก่อน

มองไม่ถนัด... คว้านั่นคว้านี่ผิดๆถูกๆ แต่ครั้งนั้นกลับเป็นเหตุให้เขาเจอกับเธอ
ที่คุ้นเคยในรูปแบบไม่คาดฝัน มัวก้มหน้าก้มตา เผลอสุภาพกับเธอที่มาเป็นลูกค้าไปแล้ว
จึงจำต้องสุภาพต่อ ให้ตายเถอะ! หนีกันไม่พ้นอยู่เรื่อย ก็สนุกดีที่เขาได้แกล้ง
เป็นใครอีกคนอยู่หลายวัน ได้เห็นเธอแบบที่ไม่เคยเห็น... จนเมื่อตรีเมฆกลับมา
เขากระซิบบอกให้มันกลับไปสานภาระหน้าที่อย่างออกจะเสียดายนิดๆ
ตฤณภพเล่าให้อีกฝ่ายฟังหมดว่าได้พบปะกับใคร เจออะไรมาบ้าง

เขาไม่สวมรอยให้นานกว่านั้นเพื่อแอบดูเธอต่อ
อาจเพราะเป็นเรื่องน่าอายอย่างบอกไม่ถูก

ฝนเม็ดแรกหยาดลงมาต้องผิวกระจก เป็นฝนเม็ดเล็กๆ ที่ยังไม่จริงจังอะไรนัก
ฝนคือดนตรีแห่งธรรมชาติ น้ำฝน... สิ่งที่ทำให้หยักยิ้มมุมปาก
และผ่อนลมหายใจในชั่วขณะเดียวกัน

TheRain is a pain คือถ้อยคำซึ่งผุดขึ้นในหัว

พราวพิรุณ ชื่อของผู้หญิงคนนั้น เริ่มจะกลายเป็นความเจ็บปวดสำหรับเขา
ก็แค่เคยใกล้กันตอนรุ่นๆ จนป่านนี้ จนทุกอย่างผ่านมากระทั่งเดี๋ยวนี้
ใจก็ยัง...คิดแต่เรื่องเธอ บอกตัวเองว่าไม่ได้ชอบ ไม่ได้รัก
แต่ไม่รู้ทำไม ไม่เลิกคิด กวาดตาไปทางไหน ทุกที่กลับมีแต่ภาพเธอ

เขาเพิ่งอายุครบสามสิบปีบริบูรณ์เมื่อวาน แต่วันที่เขาพบเธอครั้งแรก
มันก็ครึ่งชีวิตมาแล้ว ตั้งแต่อายุสิบห้า
ภาพแรกนั้น เป็นภาพความทรงจำที่ไม่มีวันลืม...


กลางปิดเทอมหน้าร้อน เขาไปเรียนวาดรูปที่บ้านชานเมืองของอาจารย์สุจินด์
ศิลปินนักวาดมีชื่อ อีกบทบาทคือช่างไทยผู้รักในการทำหัวโขน หุ่นละครเล็ก
อาจารย์ตั้งมูลนิธิเพื่อการศึกษา แถมยังใจดี ลงมาสอนวาดรูปให้ผู้คนด้วยตัวเอง
เขากำลังก้าวขึ้นเป็นศิษย์โปรดในชั่วเวลาสั้นๆ แต่จะโปรดแค่ไหนก็คงสู้‘หลานสาว’คนเก่ง
อย่างยายน้ำฝนนั่นไม่ได้กระมัง

อยู่ๆเด็กผู้หญิงผิวคล้ำเนียนก็ก้าวขึ้นมาบนชานเรือนไม้กว้างที่หลายคน
กำลังนั่งวาดรูป แต่งตัวติสต์แตกไปคนละขั้วกับเขาที่ชอบอะไรเรียบเท่และดูดี
เสื้อตัวหลวมลายพิมพ์หลุดลอก ผ้าลายโพกหัว ผมยาวตรงทื่อรวบต่ำไว้ท้ายทอย
ข้อมือมีสายสร้อยอะไรนุงนังหลายเส้น ท่อนล่างเป็นยีนสี่ส่วนขาดๆ
แต่สีหน้าไม่ได้เฮ้วสมการแต่งตัวหรอก ออกจะเป็นกิริยาแข็งทื่อ
ตาปรือๆลอยๆเหมือนเมายาและกวนประสาทคนได้ชะงัด

นอกจากบุคลิกแล้ว ลำพังหน้าตาเจ้าตัวไม่น่ามีอะไรโดดเด่นเพียงพอ
จะสะกิดให้คนอย่างเขาใส่ใจ แต่อาจเป็นเวรเป็นกรรมที่เขาบังเอิญนั่งพิงเสาไม้ของเรือนอยู่
หันหน้าไปวาดวิวทางนั้นพอดิบพอดี เขายังอุตส่าห์มองลอดแว่นไปเห็นคนผู้ก้าวมาสู่ชีวิตตน
ได้ชัดเป็นพิเศษ ก็แค่เด็กมาดทอมผอมแห้งบักโกรกกระโดกกระเดก
หน้าตาไม่ค่อยเป็นมิตรคนหนึ่ง แม้จะคมขำพอดูได้อยู่บ้าง
แต่นิสัยเสียไม่น้อย ขวางหูตั้งแต่คำพูดแรก
‘ตาละก็! รับสอนเด็กพวกนี้วาดรูปอีกแล้ว ฝนบอกตั้งหลายที
คนจะเก่งมันก็เก่งเองน่า อย่างฝนนี่ไง’ คนพูดทำทีเปรยมึนๆอย่างออมเสียง
ปล่อยให้ถ้อยความลอยกระทบเขาคนเดียวที่อยู่ใกล้

ตฤณภพปรายตา อาจารย์สุจินด์หัวเราะทุ้มตามประสาท่านอย่างไม่ถือสา
โยกหัวคนที่ลงนั่งขัดสมาธิยกขันน้ำเย็นของผู้ชราขึ้นซดโฮกๆไม่สนใคร
เขาเพิ่งรู้จากคำพูดต่อๆมาว่าแม่นี่คือหลานสาวอาจารย์... เด็กพวกนี้ที่เจ้าหล่อนว่า
ก็รวมเขาด้วย ทั้งที่ตัวลีบแคระออกอย่างนั้น ยังกล้าเรียกคนสูงใหญ่เกินวัยอย่างเขาว่าเด็ก
ตฤณภพหงุดหงิดอยากลุกหนี แต่นั่นจะดูเป็นการให้ความสำคัญที่มากเกินไป เขาจึง
นั่งลงสีต่ออย่างไม่ใส่ใจ

ไม่คาด กลับมีคนเสียมารยาทโผล่มาข้างหลัง เอ่ยวิจารณ์ตรงๆ
‘ใช้สีได้แปลก’

สีแปลก...
ได้ยินทำนองนี้มาแล้วหลายหน ฟังเข้าใจว่าแปลกแต่สวย
อาจเป็นคำชมที่ศิลปินเดี่ยวผู้ชอบเดินตามแนวทางตัวเองทุกคนอยากได้ยิน
แต่ไม่ใช่เขา!
ในนาทีนั้น ตฤณภพกราดตาที่ใครก็ว่าดุไปจ้องคนผู้ย่องมาข้างหลังจนอีกฝ่ายชะงัก
ก่อนลุกพรวดไม่พูดไม่จา เก็บข้าวของจากไปในทันที หลังจากนั้นอาจารย์สุจินด์คง
อธิบายให้หลานทอมจอมกวนได้รู้ ลูกศิษย์พิเศษที่ชื่อนายตฤณคนนี้ ตาบอดสี

ตาบอดสีน้ำเงิน หาไม่ได้ง่ายนัก เขาจะมองเห็นสีโทนนั้นแปลกแปร่งไป
นี่คือความเจ็บปวดของคนรักการวาดรูปที่ยังต้องการจะเห็นทุกสีสัน
อย่างที่เคยเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สำหรับเขาเรื่องนี้ไม่ได้เป็นมาแต่เกิด

เมื่อข่มใจกลับไปเรียนวาดรูปอีกเขาจึงได้เจอหน้าเธอบ่อยๆ ยายนั่น
ที่แท้ก็ไม่ใช่หลานทางสายเลือด แต่เป็นเด็กกำพร้าที่อาจารย์สุจินด์อุปถัมภ์ไว้
ทั้งคู่จะรักกันจี๋จ๋าเหมือนตาหลานแท้ๆ แม่คนนี้ตอนแรกก็อยู่โรงเรียนประจำ
ไม่รู้ทำไมเกิดอยากกลับมาอยู่บ้าน อ่อนกว่าเขาหนึ่งปีแต่ผ่ามาเรียนรุ่นเดียวกัน
ได้ข่าวว่าข้ามชั้นมาเพราะเรียนเก่งเป็นเลิศ มิน่า...อวดเก่งเหลือทน

ตฤณภพอยากบอกออกไปว่าตัวเขาเองก็อยู่ระดับท็อปของโรงเรียน และจนกระทั่ง
ท็อปของจังหวัดในบางวิชา เขาไม่ใช่คนที่จะหงอให้ใครข่มได้ไม่ว่าเรื่องไหน

เขาไม่มีเพื่อน ไม่มีใครจะถกด้วยหากไม่มีตรีเมฆเสียคน คิดกับตัวเอง อยู่กับตัวเอง
ครั้งหนึ่งตฤณภพเลยเผลอขีดเขียนสมการฟิสิกส์ระดับโคตรยากทิ้งไว้
บนกระดาษปรู๊ฟร่างภาพ เช้าวันต่อมา กลับมีคำตอบเพิ่มมาด้วยลายมือ
ตัวผอมบางลงเส้นหนักเจนตา มั่นใจ ไม่อ้อมค้อม
เขาจำได้ดี นี่เป็นลายเส้นของใคร

เขาและเธอกลายเป็นคู่แข่งในหลายเรื่อง และนอกจากช่วงแรกๆ
แล้วเขาก็ไม่เคยมองว่าเธอเด็กกว่าอีกเลย พราวพิรุณกับตฤณภพเหมือนกันอยู่อย่าง
คือเป็นคนไม่ค่อยมีเพื่อน ดังนั้นในความเป็นคู่ปรับที่คุมเชิงกันกลายๆ
กลับเสมือนตำแหน่งพิเศษที่มีเพียงหนึ่งเดียวในใจ

จนตอนไปเที่ยวกับเรือสำราญคราวนั้น ยายคนเซ่อซ่าไม่ดูตาม้าตาเรือ
ดันไปติดอยู่ในถ้ำเวลาน้ำขึ้น แล้วเขาก็บ้าพอที่จะเข้าไปดูเธอ ก็จะปล่อยให้
อยู่คนเดียวได้ยังไง ยิ่งป้อไปแป้มาให้เห็นอยู่บ่อยๆ ขืนแม่นี่เป็นอะไรอาจารย์คง
เสียใจไม่เป็นผู้เป็นคน จะยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นไม่ได้...

‘นี่นาย มาจากทางไหน อย่าบอกนะว่าว่ายน้ำเข้ามา’

‘หึ ใครจะบ้าลงทะเลคลื่นแรงๆแถมมุดเข้ามาในถ้ำจมน้ำ ขนาดคนท้องที่เขายังไม่กล้า’
ชายหนุ่มขมวดคิ้ว ดูเหมือนเขาจะเผลอหลุดท่อน ขนาดคนท้องที่ยังไม่กล้า
ก็ถ้าเขาเองไม่ได้เข้ามาจากข้างนอก จะได้ยินคำนั้นตอนไหน
ทว่าผู้หญิงไม่ละเอียดอ่อนตรงหน้ากลับหูไม่กระดิกกับพิรุธนี้

ไม่ว่าอย่างไร ความเงียบและความงามของธรรมชาติก็ช่วยประสาน
ความไม่เข้ากันให้กลมกล่อม เสียงน้ำหยด คลื่นในถ้ำเลาะไหลแทรกหมู่หิน
โยนตัวขึ้นลงช้าๆเบาสบายขับกล่อมให้ชวนเคลิ้ม ขณะเดียวกันก็ตื่นรู้อย่างประหลาด

‘ถ้ำนี่เรืองแสงเป็นสีน้ำเงินได้ขนาดนี้ สวยมาก ว่าไหม’
ประโยคเก้อกระดากแข็งขัดดังมาจากคนที่หันหลังชนกันอยู่

เจ้าตัวดูไม่ชินกับการแสดงความรู้สึกออกมาต่อหน้าเขา
ตฤณภพรับรู้ได้ถึงจังหวะหายใจ หัวใจอีกดวงที่เต้นอยู่ไม่ไกลกัน
เขาเผยยิ้มที่เธอผู้หันไปคนละทางไม่มีวันเห็น ก่อนจะตอบ
‘ฉันไม่ใช่พี่ตรีนะ ตาฉันมองเห็นสีน้ำเงินไม่ได้ ถ้าเผื่อว่าเธอลืม’

‘แล้วเห็นเป็นสีอะไรกันล่ะพ่อคุณ... กรุณาบรรยายให้ฟังหน่อย’
เสียงล้อเล่นในทีแรกผ่อนลง ก่อนเธอจะเอ่ยนุ่มนวลกว่าที่เคย
‘ฉันอยากเข้าใจ สีที่นายมองเห็นตอนนี้’

‘เหมือนน้ำทะเล เขียวครามหรือว่าเทา อะไรคล้ายๆแบบนั้น คนอื่นไม่เข้าใจหรอก’

‘เข้าใจสิ พูดไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็เข้าใจ...’

นั่นมันก็ผ่านมานานสิบปีแล้ว สุดท้ายเขาและเธอก็ไม่เคยเป็นอะไรกัน ไม่มีวันจะเป็น...
เพราะคนที่เธอชอบคือตรีเมฆ แฝดของเขาเอง

ครืน---
โน้ตสุดท้ายของหยาดฝนสงบลงแล้วแต่ฟ้ายังคำรามส่งท้าย
ก่อนเสียงหนึ่งจะรั้งเขาจากภวังค์
“พี่ตฤณ มานั่งรอจนเย็นเลยเหรอ” คำอุทานนุ่มนวลหางเสียงห่วงใยหนักใจแทน

ชายหนุ่มละสายตาจากแก้วกาแฟดำแก้วที่สาม หันไปมองคนพูด
ที่เพิ่งกลับเข้ามาในร้านหลังฝนซา เจ้าตัวกลับมาเพื่อดูร้านรอบเย็น
โดยก่อนนี้ปล่อยให้เด็กเฝ้าร้านดูแทนพักใหญ่ๆ หนุ่มจริตหญิงร่างสันทัด
ผู้เปี่ยมอารมณ์ขันเพื่อนของผู้หญิงคนนั้น นายลูกหมีเป็นคนดูแลร้านไอศกรีมนี้
ที่ตนกับพราวพิรุณหุ้นกันทำ ส่วนแม่นั่นเอาแต่หมกตัวทำงานวิจัย

ผู้หญิงอย่างนั้น...ไม่รู้องค์ลงท่าไหนถึงได้คิดเปิดร้านไอศกรีมน่ารักพรรค์อย่างนี้

“ก็บอกพี่ตฤณแล้วว่าวันนี้ยายฝนอาจไม่เข้าร้านน่ะ”

เนื่องจากไม่ใช่เพื่อนร่วมรุ่นอย่างพราวพิรุณ
ลูกหมีจึงน้อมเรียกคนตัวโตหน้าดุขาโหดอย่างตฤณภพว่าพี่เสมอมา

“ไม่ได้มารอขานั้นเสียหน่อย ก็แค่ แวะมานั่งคิดงาน”
เขาเลิกคิ้ว ใช้ปากกาเคาะป๊อกๆใส่สมุดบนโต๊ะให้อีกฝ่ายดู

คนฟังส่ายหน้ารู้ทันความปากแข็ง ก่อนจะยิ้มแย้มเข้าไปดูแลเครื่องดื่ม
ให้ลูกค้าขาประจำอีกโต๊ะ ตฤณภพมองตามอย่างหงุดหงิดใจเล็กๆ
เขาควรนั่งรอคนที่อาจไม่มาอยู่แบบนี้ หรือจากไปตามคำแนะนำ
แต่เขาตั้งใจมาเพื่อแก้ตัว ไม่ใช่สิ อธิบายตัวเอง ว่าเรื่องที่เกิดขึ้น
มันก็แค่ความผิดพลาดอย่างสุดๆในรอบสามสิบปีที่เขาลืมตาดูโลก!

ความผิดพลาดร้ายกาจอย่างเมื่อคืน...
เขาจะตั้งใจทำลงไปได้ยังไง โดยเฉพาะกับคนที่ทำท่าว่าชอบตรีเมฆ

แต่แล้ว ยังไม่ทันได้ตัดสินใจ เสียงเปิดประตูกระชากกระชั้นคุ้นหู
จนกระดิ่งที่แขวนไว้สะเทือนก็บอกกล่าว ผู้หญิงกระโดกกระเดกคนนั้นมาถึงแล้ว!

ตฤณภพเงยมอง ...รูปร่างแบนสนิทแทบเหมือนเมื่อตอนเด็ก
ผิวคล้ำเนียนสวยอย่างที่ฝรั่งนิยมแต่ไม่ใช่เขาแน่ หน้าตาก็พอจะโอเคอยู่หรอก
ถ้าไม่รวมนิสัย ดูๆแล้วยังไงก็ไม่มีวันจะทำให้เขาถลำตัว แต่เมื่อวาน
เขากลับทำเรื่องที่ไม่คิดว่าตัวเองจะทำลงไป!

เธอเดินพรวดๆมาถึงโต๊ะก่อนเขาจะทันเตรียมรับมือด้วยซ้ำ
แถมก้มลงมากระซิบเสียงเกรี้ยว “ออกไปจากร้านฉันเดี๋ยวนี้นะไอ้แว่น”

“วันนี้ไม่มีแว่น” เขากะพริบตา พยายามมองหน้าเธอให้ชัด
ไม่คิดว่าจะถูกโยนประโยคไล่ส่งใส่หน้าแต่แรกเจอ แม้นี่ไม่ใช่ครั้งแรกก็ตาม

“มีหรือไม่มีก็เป็นไอ้บ้าแว่น ไปเลย! ผู้ชายทุเรศพรรค์อย่างนาย”

เขาถูกดึงแขนเสื้อฉุดกระชากให้ลุก หน้าตาเธอยังแดงก่ำ
อาจเพราะความทรงจำวันวานยังสะท้านสะเทือนไม่หาย

“เพราะนิสัยแบบนี้ไง ถึงได้ไม่มีแฟน...
นี่แหละน้า เขาว่าคนมีไฝที่ปากมักปากจัด” ตฤณภพแกล้งรำพึง

“ที่คาง!”

คนตัวใหญ่หลุดยิ้ม ทำท่าจะเอื้อมมือไปจิ้มคางมนเพื่อยืนยันตำแหน่ง
ว่าไม่ใช่ก็ใกล้เคียงปากละน่า ไม่คาดว่ายายผู้หญิงสุดห้าวกลับ
ปัดมือเขาทิ้ง แรงจนนิ้วแทบหัก!

“ถ้าเราไม่ได้กันตอนนี้เธอก็ขึ้นคานแล้ว”
ชายหนุ่มก้มลงไปกระซิบแทบชิดแก้มคนที่กำลังผลักไสเขาอย่างเผลอไผล
บ้าฉิบ คำนี้เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูด แต่กลับหลุดจากปากออกไปไม่รู้ตัว




อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 มี.ค. 2558, 06:04:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 มี.ค. 2558, 06:04:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 1130





<< บทที่ ๑ (ต่อ...) -น้ำฝน-   บทที่ ๑ (จบบท) >>
อสิตา 29 มี.ค. 2558, 06:08:11 น.
คุณแพทแมว – เดาไปพลางๆก่อนค่ะ ใครพระเอก... อิอิ น่ารักเนอะ
คุณเฟอร์ – งั้นฝากสอนหนุ่มๆของมะม้าให้ขี้เล่นด้วยนะ เฟอร์รู้จักพี่ตรีแล้วเหรอ นางยังไม่มีบทเลย

คุณเลิฟหมวย – นางมีสาวในดวงใจแล้ว คุณเลิฟหมวยก็ไม่ต้องร้องไห้หรอกค่ะ ไปสิงสาวนางนั้นเลย 55
คุณหนอนน้อย – ระวังน้า หนอนอาจต้องมาเปลี่ยนใจไปจากหนุ่มแรกทีหลัง แล้วทีหลังก็เปลี่ยนใจกลับไปกลับมาอีก แกล้งหนอน เอิงเงยยย
คุณพี่แตงร้าน – เจ้กินกาแฟพร้อมวอดก้าไม่ดีนะ อายุปูนนี้แล้วต้องรักษษร่างกายล่วย //โดนเจ้ตบตี


lovemuay 29 มี.ค. 2558, 08:49:55 น.
ไอ้หยาาา..พี่ตฤนไวไฟมากด้วย ถึงได้โดนโกรธ 555


ดังปัณณ์ 29 มี.ค. 2558, 11:51:56 น.
ตินนี่ปากร้ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย (น่าจูบ) กรี๊ดกร๊าดดดดดดดดดดดดดดดด


Zephyr 30 มี.ค. 2558, 00:28:03 น.
พี่ตฤณ ทำไรไว้ เอ้ย ทำไรไป ไมเฟอร์ไม่รู้เรื่อง
ทำตอนไหน รึเฟอร์อ่านข้าม
แต่นิยายมะม้าเค้าอ่านทุกตัวอักษรนะ
เอ้ะ รึมะม้ายังเปิดเรื่องไม่ถึง
ได้กันคืออะไร ทำไปตอนไหนง่า
แล้วไมมาร้านไอติม
เกาะน้ำสีน้ำเงินอ่ะ งง
มะม้าตัดฉากงง รึเฟอร์ไม่เข้าใจเอง
เอ้ะ เอ้ะๆๆๆเอ้ะเอ้ะ
ไปอ่านใหม่กะได้


พันธุ์แตงกวา 30 มี.ค. 2558, 07:53:54 น.
ตัดฉากแบบคนอ่านใจหายมาก นึกว่าพลาดอัลไลไป รอๆๆๆๆๆๆตอนน้านนนน


ketza 30 มี.ค. 2558, 10:31:15 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด ปล้ำเยยยยยยยยยย


บุลินทร 1 เม.ย. 2558, 14:15:08 น.
ลงเร็วจริง ตามลงไม่ทันแล้ววว


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account