รักแท้...เคียงใจ
รักแท้...เคียงใจ
โดย ต้นเรื่อง(ภูเพชร)
อารัมภบท
ณหทัย ‘ฉันจะเชื่อเขาได้ไหม ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างเขา จะมาสนใจใยดีอะไรกับฉัน ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ไม่มีค่าพอให้ใครต้องจดจำ ขนาดแฟนหนุ่มที่คิดว่าดี คบกันมา กว่า 4 ปี ยังใช้เวลาแค่สิบนาที มาบอกเลิกได้อย่างไม่สะทกสะท้านอะไรเลย’
นราภพ ‘อย่าถามผมได้ไหม ว่ารักคุณเพราะอะไร ผมรู้แค่ว่าอยากมีคุณอยู่ใกล้ ๆ อยากมีคุณอยู่เคียงข้างใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีผมก็สามารถบอกกับคุณได้อย่างมั่นใจ ว่าผู้ชายอย่างผมคนนี้ จะรักคุณคนเดียวตลอดไป’
มาพิสูจน์ รักแท้ ที่ไม่จำกัดนิยาม ของ ผู้ชายที่ชีวิตนี้มีเพียง หนึ่งใจ
-------------------------------------------------------------
ข้อความเล็ก ๆ ของคนต้นเรื่อง/ภูเพชร/ปีบเพชร
ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่านเป็นอย่างสูงเลยนะคะ ที่หายไปนานแสนนานมาก
ตอนนี้พร้อมแล้วสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ให้จบ ไม่พูดพร่ำทำเพลงจ้า ไปอ่านตอนที่หนึ่งกันเลยเนอะ
อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร ติชมวิพากษ์วิจารณ์กันได้นะคะ หรือจะต่อว่าต้นเรื่อง(ภูเพชร)ที่หายไปก็จัดมาได้เลยจ้า จังหวะนี้ยอมทู้กอย่าง :)
--------------------------------------------------
นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนเป็นสำคัญ ทั้งพล็อตเรื่อง ชื่อตัวละครและคาแร็คเตอร์ตัวละครล้วนแล้วแต่ดำเนินไปตามเนื้อเรื่อง มิได้มีเจตนาจะกล่าวอ้างถึงบุคคลหนึ่งบุคคลใด และเนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิต หากมีจุดบกพร่อมประการใด ต้นเรื่องใคร่ขอคำชี้แนะจากทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ :)
โดย ต้นเรื่อง(ภูเพชร)
อารัมภบท
ณหทัย ‘ฉันจะเชื่อเขาได้ไหม ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างเขา จะมาสนใจใยดีอะไรกับฉัน ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ไม่มีค่าพอให้ใครต้องจดจำ ขนาดแฟนหนุ่มที่คิดว่าดี คบกันมา กว่า 4 ปี ยังใช้เวลาแค่สิบนาที มาบอกเลิกได้อย่างไม่สะทกสะท้านอะไรเลย’
นราภพ ‘อย่าถามผมได้ไหม ว่ารักคุณเพราะอะไร ผมรู้แค่ว่าอยากมีคุณอยู่ใกล้ ๆ อยากมีคุณอยู่เคียงข้างใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีผมก็สามารถบอกกับคุณได้อย่างมั่นใจ ว่าผู้ชายอย่างผมคนนี้ จะรักคุณคนเดียวตลอดไป’
มาพิสูจน์ รักแท้ ที่ไม่จำกัดนิยาม ของ ผู้ชายที่ชีวิตนี้มีเพียง หนึ่งใจ
-------------------------------------------------------------
ข้อความเล็ก ๆ ของคนต้นเรื่อง/ภูเพชร/ปีบเพชร
ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่านเป็นอย่างสูงเลยนะคะ ที่หายไปนานแสนนานมาก
ตอนนี้พร้อมแล้วสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ให้จบ ไม่พูดพร่ำทำเพลงจ้า ไปอ่านตอนที่หนึ่งกันเลยเนอะ
อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร ติชมวิพากษ์วิจารณ์กันได้นะคะ หรือจะต่อว่าต้นเรื่อง(ภูเพชร)ที่หายไปก็จัดมาได้เลยจ้า จังหวะนี้ยอมทู้กอย่าง :)
--------------------------------------------------
นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนเป็นสำคัญ ทั้งพล็อตเรื่อง ชื่อตัวละครและคาแร็คเตอร์ตัวละครล้วนแล้วแต่ดำเนินไปตามเนื้อเรื่อง มิได้มีเจตนาจะกล่าวอ้างถึงบุคคลหนึ่งบุคคลใด และเนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิต หากมีจุดบกพร่อมประการใด ต้นเรื่องใคร่ขอคำชี้แนะจากทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ :)
Tags: หวานซึ้ง อบอุ่นใจ
ตอน: ตอนที่ 13 เรื่องที่ต้องตามต่อ
รักแท้...เคียงใจ ตอนที่ 13 เรื่องที่ต้องตามต่อ โดยต้นเรื่อง
นราภพขับรถกลับบ้านด้วยความรู้สึกหน่วง ๆ ในหัวใจ อยากจะต่อยตัวเองเป็นร้อย ๆ ครั้งที่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ปล่อยให้ความใจร้อนของตนทำให้ทุกอย่างมันตึงเครียดไปซะหมด ณหทัยหมดความไว้วางใจในตัวเขากลายเป็นการปิดกั้นตัวเองให้ห่างจากเขาไปโดยปริยาย
“กลุ้มเว้ย...!”
นราภพตะโกนออกมาเสียงดังลั่น ก่อนจะเหยียบคันเร่งพุ่งทะยานออกไป ความเร็วของรถช่วยดึงสติของนราภพให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน ชายหนุ่มจึงเหลือบไปเห็น ‘ผู้ติดตาม’ กำลังพยายามขับมอเตอร์ไซค์ตามหลังมาห่าง ๆ อย่างไม่ให้ตนผิดสังเกต
“ส่งคนมาตอนนี้ บอกเลยว่าผิดเวลา” นราภพคำรามฮึ่มฮั่มอยู่ในลำคอ “ดีเหมือนกัน กำลังอยากระบายอารมณ์ที่มันอึดอัดอยู่ในใจพอดี” รอยยิ้มมาดร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปาก ดวงตาคมกล้าเปล่งประกายไปด้วยไฟแห่งโทสะ ไวเท่าความคิด ชายหนุ่มหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าสู่ถนนที่กำลังตัดใหม่ซึ่งอยู่ถัดไปไม่ไกลอย่างรวดเร็ว ฝ่าเท้าเหยียบคันเร่งเต็มพิกัด พาพาหนะคู่กายทะยานไปข้างหน้าอย่างมีชั้นเชิง
“ถนนเส้นนั้นมันยังไม่เสร็จนี่พี่ มันจะไปไหนของมัน” ชายร่างสูงที่ทำหน้าที่ขับรถตามรถรถของนราภพทักขึ้นจนชายอีกคนที่นั่งซ้อนท้ายอยู่ต้องชะโงกหน้ามาดู
“เร่งความเร็วตามมันไปก่อน ไม่ว่ามันจะมาไม้ไหน วันนี้กูก็ต้องลบชื่อมันออกจากงานที่กูรับมาให้ได้”
“ครับพี่”
“เฮ้ยนั่น ! มันเลี้ยวเข้าซอยอีกแล้ว เอ็งขับตามมันไปเร็ว ๆ สิวะ”
“นี่ก็เร็วแล้วนะพี่ยักษ์”
“เร็วกว่านี้อีกไอ้ดำ เดี๋ยวก็ตามมันไม่ทันพอดี”
“หรือว่า...มันจะรู้ตัวแล้วพี่ มันถึงได้ขับรถเข้าไปในซอยเปลี่ยวแบบนั้น” ไอ้ดำอดสงสัยไม่ได้
“หึ เปลี่ยว ๆ สิดี จะได้จัดการมันง่ายหน่อย เอ็งไม่ต้องกังวลไป มันยังไม่รู้ตัวหรอกน่า เชื่อข้าสิ”
ไอ้ยักษ์พูดขึ้นด้วยความประมาท สิ้นเสียงพูดไอ้ดำก็เร่งเครื่องพาลูกพี่ตามรถของนราภพไปทันที
ท่ามกลางความมืดมิดของถนนสายเปลี่ยว ยามค่ำคืนที่สองข้างทางเต็มไปด้วยป่ารกร้างจะสามารถมองเห็นหนทางได้ก็ต่อเมื่อได้รับแสงไฟจากรถยนต์ที่สาดส่องออกมาจากหน้ารถซึ่งนาน ๆ หนจึงจะมีรถวิ่งผ่านสักคัน สองมือปืนที่ได้รับมอบหมายให้มาตาม ‘เก็บ’ นราภพ นายใหญ่ผู้กุมบังเหียน ‘อัศวเดชากรุ๊ป’ กำลังสอดส่ายสายตามองหาเป้าหมายอย่างระแวดระวัง
“พี่ยักษ์ ไม่เห็นมีรถใครเลย แมร่งหายไปไหนเร็วจังวะ” ไอ้ดำสบถออกมาอย่างหัวเสีย แต่เสียงลูกพี่ที่ขัดขึ้นทำให้มันต้องเพ่งมองไปข้างหน้าอย่างสนใจ
“แสงไรวิบ ๆ อยู่ข้างหน้าโน้นวะ เอ็งขับไปดูหน่อย”
“ได้เลยพี่” ดำโฉบรถมอไซต์ไปข้างหน้าด้วยความว่องไว
“เฮ้ย ! พี่ยักษ์...นั่นมันรถไอ้คนที่นายให้เรามาตามเก็บนี่หน่า” ไอ้ดำพูดขึ้นเมื่อขับรถเข้าไปใกล้ แล้วแสงไฟจากหน้ารถสาดส่องให้เห็นป้ายทะเบียนและลักษณะของรถที่อยู่ตรงหน้า
“ไอ้ดำจอด ๆ โว้ย....ฮ่า ๆ ๆ ไม่คิดว่าไอ้นี่มันจะโง่ขนาดนี้ ขับรถชนต้นไม้เฉยเลย...ฮ่า ๆ ๆ กระสุนก็ไม่ต้องเปลือง แถมมึงกับกูยังได้เงินคนละหลายล้านไปนอนกอดฟรี ๆ อีก ฮ่า ๆ ๆ” หนุ่มหน้าเหี้ยมนามว่ายักษ์หัวเราะออกมาอย่างลำพองใจเมื่อเห็นว่าเป้าหมายที่ตามไล่ล่ามาตั้งนานขับรถมาเสียหลักชนต้นไม้อยู่นี่ ๆ เอง
“ฮ่า ๆ ๆ” ไอ้ดำเปล่งเสียงหัวเราะตามลูกพี่ของมันที่กำลังจะเดินไปสำรวจรอบ ๆ รถ พลางวาดวิมานในอากาศด้วยสายตาเคลิ้มฝัน บุญของไอ้ดำจริง ๆ ที่รับทำงานนี้ ไหนใครเขาก็ว่ามันเก่งนักเก่งหนา ไม่เห็นมันจะมีพิษสงตรงไหนเลย สบายใจโว้ย ห้าล้าน ลูกพ่อ รอพ่อแปปนึงนะ พ่อทำงานใกล้จะเสร็จแล้ว
กริ๊ก !
เอื้อก !!!
เสียงหัวเราะของไอ้ดำเบาบางลงตามลำดับ จนกระทั่งเงียบหายไปในที่สุด ตามมาด้วยเสียงกลืนน้ำลายลงคออย่างสยอง เหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าซีดเผือดด้วยความกลัว เมื่อร่างกายมันสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบของวัตถุที่สามารถปลิดชีวิตคนได้ในพริบตานั้นกำลังจ่ออยู่ที่หัวตัวเอง
“อยากไปเฝ้ายมบาลเร็ว ๆ ก็ส่งเสียงให้ดัง” ปากกระซิบกับไอ้ดำเสียงเหี้ยม แต่ดวงตาประดุจพญาราชสีห์ของนราภพกลับสอดส่ายหาเหยื่ออีกหนึ่ง
บรรยากาศตอนนี้ไอ้ดำสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก รังสีอำมหิตของผู้ชายอันตรายที่ยืนถือปืนจ่ออยู่ที่หัวตนคนนี้แผ่ออกมา
รอบ ๆ กายอย่างหนาแน่น ความรู้สึกเวลานี้ไอ้ดำได้แต่บอกกับตัวเองว่าไม่น่าเสนอตัวมาวุ่นวายกับผู้ชายคนนี้เลยจริง ๆ คิดผิดแท้ ๆ ในใจของไอ้ดำตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้ลูกพี่ตนอย่าได้พลาดท่าเสียทีให้ผู้ชายคนนี้อีกเลย แต่คำขอของไอ้ดำคงจะไม่เป็นผล เมื่อสวรรค์นั้น...ไม่อยากให้
“เฮ้ย! ทิ้งปืน แล้วส่งลูกน้องกูมา เดี๋ยวนี้!” เสียงไอ้ยักษ์ตะโกนขู่มาแต่ไกล พร้อมกับพาร่างของตนก้าวออกมาจนพ้นรัศมีของรถที่เป็นเกราะกำบัง ปืนในมือยังเล็งตรงไปที่ร่างของนราภพ สายตาจ้องเขม็งอย่างระมัดระวัง แต่วินาทีนั้น
ปัง!
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นสองนัดซ้อนร่างของไอ้ยักษ์ล้มทั้งยืน เมื่อนราภพเบี่ยงปลายกระบอกปืนจากหัวของไอ้ดำไปยังหน้าผากของไอ้ยักษ์อย่างรวดเร็ว กระสุนจากปลายกระบอกปืนของนราภพพุ่งไปเจาะกลางหน้าผากของศัตรูพอดิบพอดีในชั่วพริบตา แบบที่อีกฝ่ายก็ยังคาดไม่ถึง พร้อม ๆ กับกระสุนจากปืนไอ้ยักษ์ที่สวนกลับมาตามสัญชาตญาณของมือปืน วิ่งมาถากต้นแขนซ้ายของชายหนุ่มให้ได้เลือดเช่นกัน
ไอ้ดำเบิกตากว้าง หน้าเผือดสี มองภาพเหตุการณ์วินาทีระทึกที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึง กับการสังหารศัตรูของบุรุษตรงหน้าที่ใช้เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที ก็สามารถปิดบัญชีได้อย่างสวยงาม มันเร็วจนมือปืนมีฝีมือที่คร่าชีวิตคนมานักต่อนักอย่าง ยักษ์ เมืองเพชร ยังไม่สามารถต่อกรด้วยได้
นราภพมองดูภาพตรงหน้าด้วยความสะใจ แล้วระสายตามามองทางต้นแขนซ้ายของตนที่ได้เลือดอย่างไร้ความรู้สึก พลางหันไปสนใจศัตรูอีกหนึ่ง ที่กำลังตกใจแทบสิ้นสติอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มไม่รอช้าหันมาเตรียมพร้อมจะเล่นงานไอ้ดำเต็มที่
เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานมาหา ไอ้ดำก็รู้สึกตัว
“ยะ...อย่า...อย่าทำไรผมเลยนะครับ ผมกลัวแล้ว ไว้ชีวิตผมนะครับ ผมสัญญาว่าผมจะเลิกอาชีพนี้ กลับไปทำอาชีพสุจริตอยู่กับลูกกับเมีย นายไว้ชีวิตผมนะครับ” ไอ้ดำทรุดตัวลงแทบเท้านราภพ กราบกรานขอชีวิตกับชายหนุ่มอย่างไม่อาย นราภพมองไอ้ดำอย่างสมเพช
“กลัวตายหรอ หึ ทีจะยิงเค้า ทำไมไม่คิด แล้วจะมารักตัวกลัวตาย มันไม่สายไปหรือไง...ขี้ขลาดอย่างนี้ มาเป็นมือปืนทำไม?” นราภพยังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท
“ผะ...ผม...ไม่ได้เป็นคนลงมือนะครับ ผมเป็นแค่คนขับ แล้วก็เพิ่งรับงานนี้เป็นงานแรกด้วย ลูกผมเป็นโรคร้าย ต้องใช้เงินเยอะ ผมไม่รู้จะทำไง พี่ยักษ์รู้จักผม เค้ารู้ว่าผมร้อนเงินเลยชวนผมมาทำงานด้วย ผมต้องเลวเพราะความจำเป็นนะครับ ไม่ได้เลวโดยสันดาน นายไว้ชีวิตผมนะให้ผมไปหาลูก นายอยากรู้อะไรถ้าผมรู้ผมจะบอกให้หมดเลย” ไอ้ดำละล่ำละลักตอบแก้ตัวเสียงสั่น นราภพมองลึกลงไปในแววตา มองหาความจริงใจจากชายที่นั่งอ้อนวอนอยู่ตรงหน้า เขาไม่เห็นเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ในดวงตาที่แดงกล่ำไปด้วยพิษน้ำตา แต่สิ่งที่เห็นคือแววหวาดหวั่น วิตกกังวล ความกลัว และความเครียดที่มันบ่งชัดออกมาจากดวงตาของไอ้ดำ
“งั้นบอกมา ใครเป็นคนบงการ” นราภพกระชากคอเสื้อไอ้ดำขึ้นมาถามเสียงเหี้ยม สายตาที่สบมาดุจดั่งทะเลก่อนเกิดพายุ ไอ้ดำถึงขนาดสั่นงันงก
“อะ...เออะ...เอ่อ พี่ยักษ์เคยพูดให้ผมฟังว่าคนที่จ้างมาชื่อ…”
ยังไม่ทันที่ไอ้ดำจะเปิดปากพูด ร่างสูงผอมก็กระตุกเฮือกแล้วล้มลงแน่นิ่งไป เลือดสีแดงฉานค่อย ๆ ไหลรินออกมาจากท้ายทอยจนนองเต็มพื้น
“ระยำเอ้ย!! ไอ้หมาลอบกัด”
นราภพคำรามออกมาอย่างโมโห เมื่อจู่ ๆ มือมืดก็โผล่ออกมาอย่างเหนือความคาดหมาย ชายหนุ่มยกร่างไอ้ดำที่หมดลมหายใจจากพื้นขึ้นมาเป็นเกราะกำบังเป็นการชั่วคราว
“โทษนะเพื่อน เรื่องลูกเมียนายไม่ต้องเป็นห่วง ฉันสัญญาว่าจะสืบหาแล้วช่วยดูแลให้” คนตกอยู่ในอันตรายให้สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะขณะใช้ร่างสูงผอมเป็นเกราะกำบังกระสุนให้ตน ยังไม่ทันที่นราภพจะได้ขยับไปไหน กระสุนจากฝั่งตรงข้ามก็สาดมาอีกหลายนัด จนชายหนุ่มต้องลากเกราะกำบังไร้ชีวิตเคลื่อนหนีไปมา
ในขณะที่นายใหญ่แห่งอัศวเดชากำลังจะเสียท่า แสงไฟจากรถยนต์หลายคันที่วิ่งเข้ามาจอดในนาทีถัดมาก็ช่วยพลิกสถานการณ์ให้ชายหนุ่มกลับมาเป็นต่ออีกครั้ง ร่างสูงใหญ่ของเพชรกับภัคค์พร้อมลูกน้องอีกสิบชีวิตก้าวลงจากรถมาด้วยอาวุธครบมือ
“นายครับพวกผมมาแล้ว” เพชรและภัคค์ตะโกนฝ่าดงกระสุนพลางสืบเท้าเข้าไปคุ้มกันเจ้านาย
“จัดการมันให้หมด จับเป็นได้ก็จับ ถ้าไม่ได้ก็ส่งมันลงนรกไปซะให้หมด” นราภพตะโกนสั่งเสียงดังลั่น
“รับทราบ!”
เพียงเวลาไม่ถึงห้านาทีทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบสงบ
“พวกนายทำงานพลาด” ชายหนุ่มหันไปพูดกับคนของตนที่มายืนอยู่ตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
เพชรกับภัคค์ยืนสงบนิ่งอย่างยอมรับในคำพูดของเจ้านาย แต่ทว่าจิตใจกลับหวั่น ๆ กับมาตรการของเจ้านายที่จะใช้ลงโทษ นายของตนมักจะมีบทลงโทษที่แสบ ๆ คัน ๆ มาลงโทษคนที่ ‘พลาด’ เป็นนิจอยู่เสมอ ดีที่นายไม่ใช่คนโหดเหี้ยมที่ชอบจับลูกน้องไปฆ่าไปแกง
“หลายครั้งแล้ว...เพชร !!...สำหรับนายหน่ะ” เพชรสะดุ้งเฮือกทันที
“ถ้ามีครั้งต่อไป นายเตรียมตัวได้เลย” นราภพยังคาดโทษต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เหล่าลูกน้องรู้ดี ว่าจิตใจนายตอนนี้ไม่ได้ราบเรียบอย่างน้ำเสียงเลยแม้แต่น้อย
“ครับนาย” เพชรต้องรับคำอย่างจำใจ
“สั่งคนของนายเคลียร์พื้นที่ ก่อนที่ทางการจะมา”
“ครับนาย” เพชรและภัคค์รับทราบคำสั่ง
นราภพนั่งรอคนสนิทในรถอีกไม่ถึงห้านาที รถก็เคลื่อนตัวออกมุ่งหน้าสู่คอนโดที่พักของทั้งสามหนุ่มอย่างรวดเร็ว “ทำแผลหน่อยมั้ยครับ” ต้นแขนของเจ้านายชุ่มไปด้วยเลือด จนภัคค์ต้องตัดสินใจถามไถ่ขึ้นมาเมื่อทั้งหมดเข้ามา
ในห้องพัก
“อืม แค่ถาก ๆ ไม่เป็นไร นายสองคนไปจัดการธุระของนายให้เรียบร้อย แล้วอีกครึ่งชั่วโมงพบกันที่ห้องทำงาน”
“ครับนาย”
----------------------------------------
แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอนทำให้มองเห็นร่างบอบบางของเจ้าของห้องนอนกระสับกระส่าย พลิกไปพลิกมาอย่างคนนอนไม่หลับ ท่ามกลางความมืดมิดของราตรีกาล ณหทัยยังไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้เธอรู้สึกไม่สบายใจ เป็นห่วงคนที่พึ่งจะแยกกันเมื่อตอนเย็นยังไงพิกล ความรู้สึกมันรุนแรงจนกระทั่งเธอไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้
ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่านจิตใจกระเจิดกระเจิง ภาพความสนิทชิดเชื้อระหว่างเธอและเขาแจ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่เธอเสียจูบแรกให้เขาไป ณหทัยไล้นิ้วเรียวสวยไปตามกลีบปากอ่อนนุ่มของตนอย่างเผลอไผล รอยจุมพิตนั้นยังไม่จางหาย เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นมาสด ๆ ร้อน ๆ นี่เอง ‘เขาทำแบบนั้นเพื่ออะไรกันนะ เขาจะรู้ไหม ว่าได้สร้างความวุ่นวายใจให้กับเธอไว้มากแค่ไหน’ หญิงสาวยังเฝ้าถามตัวเองอยู่ตลอด อย่างคนที่อยากรู้คำตอบ
‘ฟุ้งซ่านใหญ่แล้วนะยายตรี นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องไปสัมภาษณ์งาน นอน ๆ ๆ’ ณหทัยบอกกับตัวเองอย่างจริงจัง ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปพร้อมกับคำถามที่ยังคาค้างใจ
อีกด้านหนึ่ง ห้องทำงานของนราภพก็ถูกเปิดในอีกครึ่งชั่วโมงถัดมา นราภพเดินนำคนสนิทเข้าไปนั่งอย่างไม่รีบร้อนอะไร แต่ทันทีที่เพชรและภัคค์นั่งลงสัมผัสกับเก้าอี้ คำสั่งจากนายหนุ่มก็ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างรวดเร็ว
“จัดการสืบประวัติของมือปืนที่ฉันใช้เป็นเกราะกันกระสุน ถ้าเจอครอบครัวเขาก็ส่งเงินช่วยเหลือให้เขาไปเรื่อย ๆ”
“ครับ” ภัคค์รับคำ
“เพชรนายจัดการดูแลอาณาจักรเราไว้ให้ดี อย่าให้ใครเอาอะไรมาป้ายสีได้ คราวนี้ต้องไม่มีคำว่าพลาด”
“ครับนาย”
“นายคิดว่าเป็นฝีมือใครครับ” เพชรเอ่ยถามเจ้านายอย่างจริงจัง รู้สึกเจ็บใจอยากจะเป็นฝ่ายเอาคืนบ้าง เพียงแค่รอคำสั่งจากผู้เป็นนายเท่านั้น
“คิดว่าเดาไม่ผิด”
“แล้วนายจะให้พวกผมจัดการยังไงครับ เหยียบให้จมไปเลยรึเปล่า” ภัคค์เอ่ยถามและเป็นฝ่ายเสนอขึ้นมาบ้าง ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ถูกใจคู่หูอย่างนายเพชรเป็นที่สุด และข้อเสนอนี้ก็เรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากนราภพได้เหมือนกัน ช่วยลดภาวะตรึงเครียดในห้องทำงานอย่างได้ผลทีเดียวเชียว
“ฮ่าๆ ๆ ๆ ใจเย็นไว้ไอ้เพื่อนรัก ยังไม่ต้องทำอะไร ปล่อยมันไว้ก่อน ยังไม่ถึงเวลาต้องตอบโต้”
ประกาศิตที่ออกมาจากปากนายสร้างความแปลกใจให้ลูกคนสนิทเป็นอย่างมาก เพชรและภัคค์มองเจ้านายอย่างไม่เคยเห็น ถึงจะไม่ทำร้ายใครก่อนแต่ราชสีห์อย่างนายนราภพก็ไม่เคยให้ใครเอาไม้มาแหย่แล้วจากไปได้อย่างปลอดภัยสักที ต้องมีบทลงโทษที่รุนแรงตอบแทนกลับไปรวดเร็วทันใจเสมอ แต่คราวนี้ไม่ใช่ ‘เจ้านายผมเปลี่ยนไป’ ทั้งสองหันกลับมามองหน้ากันอย่างงุนงง นราภพมองลูกน้องอย่างยิ้ม ๆ ก่อนจะไขข้อข้องใจให้สองหนุ่มได้อึ้งอีกคราวหนึ่ง
“พวกนายเคยได้ยินใช่ไหมว่าเวลามันไม่เคยคอยใคร เพราะฉะนั้นตอนนี้สำหรับฉันเรื่องของหัวใจต้องมาก่อน” แล้วคำสั่งต่อมาก็ทำให้เพชรและภัคค์นั้นสยองแทนคนเหล่านั้น เหลือเกิน
“สั่งการลงไป ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีชื่อของนางสาวณหทัย ธำรงรักษ์ เข้าทำงานในแผนกบัญชี ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทเรา ฉันจะสั่งปลดผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทุกคน”
“เอ่อ..มันจะดีหรอครับนาย” เพชรส่งเสียงแย้งขึ้นมานิดนึง นราภพหันขวับมามอง
“อะไร มีไรไม่ดี”
“ปะ ปะ ป่าว ครับ” ยิ้มแหย ๆ ถูกส่งให้เจ้านาย ภัคค์อดขำกับท่าทางของเพชรไม่ได้
“ขัดไม่ดูตาม้าตาเรือก็งี้แหละ นายมันอ่อน” เพชรกระทุ้งศอกใส่เพื่อนอย่างหมันไส้
“พอ ๆ เลิกแกล้งกันสักที แล้วเรื่องคดีคุณดนัยไปถึงไหนแล้ว” นราภพดึงทั้งสองคนเข้าสู่โหมดจริงจังอีกครั้งหนึ่ง
“ผลชันสูตรออกมาแล้วครับ คุณดนัยเสียชีวิตจากการที่กระดูกต้นคอหักมาประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าที่ทางตำรวจจะได้รับการแจ้งว่าเกิดไฟไหม้ครับ บริเวณท้ายทอยมีบาดแผลฉกรรจ์จากการถูกกระแทกอย่างแรงซ้ำกันหลายครั้งเหมือนการถูกทุบด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาล ไม่ได้เสียชีวิตในกองเพลิงอย่างที่พวกเราเข้าใจกันตั้งแต่แรกครับ” ภัคค์รายงานผลที่ได้มาอย่างฉะฉาน
“ฆาตกรรมอำพรางงั้นหรอ” ชายหนุ่มอึ้งกับเรื่องใหม่ที่ได้รับรู้ มันเป็นความผิดของเขาเองที่หละหลวมจนทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ถ้าคนของเขาตั้งใจมากกว่านี้เรื่องน่าเศร้าแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น คุณดนัยเป็นคนดีเป็นพ่อที่น่านับถือคนหนึ่ง ไม่น่าเลยที่จะต้องมาจบชีวิตลงอย่างอนาถ ที่สำคัญณหทัยของเขาไม่ควรที่จะต้องมาผจญกับเรื่องราวเลวร้ายแบบนี้ นี่ถ้าเธอรู้ว่าพ่อเธอถูกฆาตกรรมไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุเธอจะใจสลายแค่ไหน มือหนายกขึ้นคลึงขมับอย่างหนักใจ
“ใช่ครับนาย”
“งั้นเราต้องหาอาวุธที่คนร้ายใช้ทำร้ายคุณดนัยให้เจอ มันอาจจะมีดีเอ็นเอคนร้ายติดอยู่บ้าง”
“เท่าที่ผมพาคนของเราลงพื้นที่ในบ้านสวนจำปีก็ไม่พบสิ่งของอะไรที่คาดว่าคนร้ายน่าจะใช้ทำร้ายคุณดนัยเลยนะครับ” เพชรเสริมขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง
“นายหาดีแล้วหรือยัง”
“หาดีแล้วครับ ถ้าจะไม่ดีก็คงยังไม่ได้รื้อร่องสวนครับ”
“งั้นรื้อ หาคนที่ไว้ใจได้ไปคุมเจออะไรที่คาดว่าจะเป็นอาวุธได้ กันไว้ให้หมดแล้วส่งให้คนของเราตรวจหาดีเอ็นเอจากของเหล่านั้น”
“ได้ครับ คุณวิฑูรย์อดีตตำรวจมือดีที่มาทำงานร่วมกับเราจะเป็นคนรับเรื่องนี้ต่อครับ”
“โอเค ยังไงก็อย่าให้ณหทัยรู้เรื่องนี้เป็นดีที่สุด ฉันไม่อยากให้เธอสะเทือนใจ”
“ครับนาย” เพชรและภัคค์รับทราบ
“แล้ววัชพืช นายยังตามอยู่รึเปล่าเพชร”
“ตามครับ”
“ดี แล้วมันเคลื่อนไหวอะไรบ้าง”
“ตอนนี้ยังนิ่งครับ แต่ผมคิดว่ามันน่าจะคิดการใหญ่อะไรอยู่”
“อืม” นราภพลูบคางอย่างใช้ความคิด “ตามมันต่อไปอย่าให้มันได้แผลงฤทธิ์อะไรได้อีก รวมถึงอย่าให้มันเข้าใกล้ณหทัยด้วย”
“รับทราบครับนาย”
“โอเค พวกนายไปพักผ่อนเถอะ ฉันขอเคลียร์งานอีกสักพักแล้วจะนอนเหมือนกัน ขอบใจพวกนายมาก”
“โบนัสปลายปีขอมากกว่าคนอื่นสามเท่าก็พอครับ” ภัคค์แซวน้ำเสียงทะเล้น เพชรถึงกับหัวเราะลั่น นราภพเขวี้ยงปากกาแท่งหรูในมือใส่อีกฝ่ายอย่างหมันไส้สุด ๆ ภัคค์หลบแทบไม่ทัน สองหนุ่มยกมือตะเบะให้เจ้านายทั้งรอยยิ้ม ก่อนจะพากันแยกย้ายกลับห้องไป
-----------------------------------------------------
เช้าวันนี้เป็นเช้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ในสำนักงานใหญ่ของเครือปรมินทร์เดชากรุ๊ปวุ่นวายมากที่สุดในรอบสิบปี โดยเฉพาะฝ่ายทรัพยากรบุคคล เมื่อคำสั่งด่วนสั่งตรงลงมาจากผู้บริหารสูงสุด ให้ทุกคนเตรียมพร้อมทำการสัมภาษณ์พนักงานใหม่ที่ทางบริษัทไม่เคยเปิดรับสมัครและไม่มีนโยบายว่าจะรับ แถมยังสัมภาษณ์เพื่อให้เข้าทำงานในแผนกบัญชี ที่อัดแน่นไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทางการบัญชีของบริษัทอยู่แล้ว ต้องทำทุกอย่างให้สมจริง ห้ามให้ผู้ที่มาใหม่ตะขิดตะขวงใจว่าถูกรับเข้าทำงานด้วยคำสั่งของผู้ใหญ่ และให้ดำเนินทุกอย่างให้เป็นปกติเหมือนทุกวันที่เคยเป็นมา อย่าให้ผู้ที่มาใหม่สงสัยเป็นอันขาด หากเหตุการณ์ผ่านไปด้วยดี โบนัสปลายปีจะเพิ่มเป็น 2 เท่า แต่ถ้าหากทุกอย่างพัง ผู้ที่มาใหม่รู้ สิ้นปีนี้และสิ้นปีหน้าจะหักโบนัสลงครึ่งหนึ่งจากของเดิม
“โอย คำสั่งมหาโหดอะไรอย่างนี้นะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเจอคำสั่งนี้สักที”
“ทำเป็นบ่น แล้วเอ็งกล้าขัดคำสั่งกันหรือไงวะ” พนักงานคนหนึ่งพูดขึ้น
“ก็ไม่กล้าอ่ะดิวะ ใครจะกล้า รึเอ็งกล้าล่ะ” อีกคนหนึ่งพูดบ้าง
“แป่ว...ข้าคนหนึ่งล่ะขอไม่ขัด” พนักงานอีกคนที่เดินผ่านมาได้ยินก็ขอเข้ามาแจมด้วย
“ใช่ ๆ ๆ ๆ” เสียงคนอื่นตอบรับกันเซ็งแซ่
“นี่ พวกเธอยังไม่รู้อะไร มีคำสั่งฉบับที่สองออกมาแล้วนะ ว่า ถ้าภายในวันนี้ ไม่มีชื่อของเธอคนนั้นเข้าทำงานในบริษัท คุณวินิจ ผู้บริหารฝ่ายบุคคล กับคุณทรงวิทย์ผู้บริหารฝ่ายบัญชี โดนเด้งอันดับต้น ๆ เลยหล่ะจะบอกให้ นี่ยังไม่รวมผู้ที่เกี่ยวข้องคนอื่น ๆ อีกนะ มีหวังได้โดนกันหมดอ่ะ
“โห ขนาดนั้นเลยหรอวะ”
“ก็เออ อ่ะดิ”
“เกิดไรขึ้นวะเนี่ย”
“แล้วมีใครรู้มั้ย ว่าผู้มาใหม่ตามประกาศอ่ะ เขาเป็นใคร”
“ไม่รู้หรอกย่ะ รู้แต่ว่าเป็นผู้หญิงนะ”
“เออ เป็นใครกันนะ อยากรู้ ๆ”
“ใช่ ๆ ๆ ๆ อยากรู้ ๆ ๆ”
“เฮ้ย สลายโต๋เถอะ ใกล้ถึงเวลาที่เธอคนนั้นจะมาแล้ว ไป ๆ ทำงาน ๆ เดี๋ยวโดนหักโบนัส”
“ฮือ...ฮา...ฮือ...ฮา”
เสียงพนักงานในบริษัทยังคงจับกลุ่มวิพากษ์วิจารย์กันไม่หยุด เนื่องจากไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นสักที จึงไม่แปลกเลยที่ทุกคนจะให้ความสนใจ
“เป็นไงบ้างวะภัคค์” เพชรเอ่ยถามทันที่ ที่เพื่อนก้าวเข้ามาในห้องหลังจากออกไปเดินดูในบริษัท
“ก็...วุ่นวายดีหว่ะ คราวนี้เจ้านายทำแสบเหลือเกิน”
“ ฮ่า ๆ ๆ ” ทั้งสองประสานเสียงหัวขึ้นพร้อมกัน
“แล้วนี่คุณปายจะมาสัมภาษณ์ตอนไหนวะภัคค์”
“สิบโมงอ่ะ แต่เชื่อเถอะตอนนี้คุณตรีคงมาแล้ว...เออแล้วเจ้านายล่ะจะกลับจากบ้านคุณย่าตอนไหนเพชร”
“ไม่ได้บอกไว้”
“ฉันอยากให้นายได้อยู่ดูผลงานของเขาจริง ๆ เลยว่ะ”
“ไม่มีประโยชน์นะภัคค์ ยังไงนายก็เฉยอยู่ดี แค่วุ่นวายแค่นี้นายไม่สะดุ้งสะเทือนหรอก คงจะชอบใจด้วยซ้ำไป”
“อืม ใช่” ภัคค์เห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนร้อยเปอร์เซ็นต์
ทันทีที่ก้าวเท้าเหยียบย่างเข้ามาในอาคารบริษัท ณหทัยถึงกับประหม่าด้วยความตื่นเต้น เมื่อวานตอนมาสมัครงานยังไม่ตื่นเต้นขนาดนี้ เพราะมีคุณภพกับคุณเพชรพามา บางทีเธอก็ต้องยอมรับว่าการมีคุณภพอยู่ใกล้ ๆ นั้นทำให้เธออุ่นใจอย่างประหลาด แต่วันนี้การที่ต้องมาคนเดียวทำให้หญิงสาวตื่นเต้นจนไม่ทันสังเกตสิ่งรอบข้างว่ามันผิดแปลกจากที่ควรจะเป็นมากทีเดียวเพราะเธอนั้นกลายเป็นจุดสนใจหนึ่งเดียวของคนในบริษัทก็ว่าได้
“ขอโทษนะคะห้องสัมภาษณ์งานไปทางไหนคะ” ณหทัยตรงเข้าไปถามประชาสัมพันธ์ของบริษัท
“อะ เอ่อ คุณณหทัย ธำรงรักษ์ ใช่ไหมคะ...”
“ค่ะ”
“ทางนี้เลยค่ะเดียวดิฉันพาไป” ประชาสัมพันธ์สาวรีบเข้ามาเทคแคร์หญิงสาวอย่างรวดเร็ว
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” ณหทัยกล่าวขอบคุณประชาสัมพันธ์สาวทุกคนอย่างยิ้มแย้ม แล้วเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวคุณณหทัย นั่งรอตรงนี้นะคะ พอถึงเวลาจะมีพนักงานมาเรียกเข้าสัมภาษณ์ค่ะ เอ่อคุณต้องการเครื่องดื่มอะไรไหมคะ เดี๋ยวดิฉันไปหามาให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” ณหทัยยิ้มให้กับประชาสัมพันธ์สาวที่เดินออกไป อย่างแปลกใจ ‘แปลกแฮะที่นี่ มีการเอาเครื่องดื่มมารับรองคนที่จะมาสมัครงานบริษัทตนด้วยหรอ ยิ่งคิดยิ่งแปลก บริษัทอื่นไม่เห็นมีเลย’
“ตายแล้วเธอ ฉันพลาดแล้ว ฉันดันจะเอาเครื่องดื่มมารับรองเขา นึกว่าเขาเป็นแขกของบริษัท แย่จริงเชียว เขาจะตะขิดตะขวงใจอะไรมั้ยเนี่ย” ประชาสัมพันธ์ที่รับรองณหทัย กลับมาบอกข้อผิดพลาดของตน ให้กับเพื่อนร่วมงานฟังอย่างร้อนใจ
“แย่และยายฟ้า เดี๋ยวได้โดนหักโบนัส…แต่ฉันว่าเขาคงยังไม่สงสัยเท่าไหร่หรอกมั้ง เอาน่า อย่าไปคิดมาก”
“ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้นแหละ เฮ้อ”
--------------------------------------------------------------
:) แล้วพบกันตอน 14 จ้า
นราภพขับรถกลับบ้านด้วยความรู้สึกหน่วง ๆ ในหัวใจ อยากจะต่อยตัวเองเป็นร้อย ๆ ครั้งที่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ปล่อยให้ความใจร้อนของตนทำให้ทุกอย่างมันตึงเครียดไปซะหมด ณหทัยหมดความไว้วางใจในตัวเขากลายเป็นการปิดกั้นตัวเองให้ห่างจากเขาไปโดยปริยาย
“กลุ้มเว้ย...!”
นราภพตะโกนออกมาเสียงดังลั่น ก่อนจะเหยียบคันเร่งพุ่งทะยานออกไป ความเร็วของรถช่วยดึงสติของนราภพให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน ชายหนุ่มจึงเหลือบไปเห็น ‘ผู้ติดตาม’ กำลังพยายามขับมอเตอร์ไซค์ตามหลังมาห่าง ๆ อย่างไม่ให้ตนผิดสังเกต
“ส่งคนมาตอนนี้ บอกเลยว่าผิดเวลา” นราภพคำรามฮึ่มฮั่มอยู่ในลำคอ “ดีเหมือนกัน กำลังอยากระบายอารมณ์ที่มันอึดอัดอยู่ในใจพอดี” รอยยิ้มมาดร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปาก ดวงตาคมกล้าเปล่งประกายไปด้วยไฟแห่งโทสะ ไวเท่าความคิด ชายหนุ่มหักพวงมาลัยเลี้ยวรถเข้าสู่ถนนที่กำลังตัดใหม่ซึ่งอยู่ถัดไปไม่ไกลอย่างรวดเร็ว ฝ่าเท้าเหยียบคันเร่งเต็มพิกัด พาพาหนะคู่กายทะยานไปข้างหน้าอย่างมีชั้นเชิง
“ถนนเส้นนั้นมันยังไม่เสร็จนี่พี่ มันจะไปไหนของมัน” ชายร่างสูงที่ทำหน้าที่ขับรถตามรถรถของนราภพทักขึ้นจนชายอีกคนที่นั่งซ้อนท้ายอยู่ต้องชะโงกหน้ามาดู
“เร่งความเร็วตามมันไปก่อน ไม่ว่ามันจะมาไม้ไหน วันนี้กูก็ต้องลบชื่อมันออกจากงานที่กูรับมาให้ได้”
“ครับพี่”
“เฮ้ยนั่น ! มันเลี้ยวเข้าซอยอีกแล้ว เอ็งขับตามมันไปเร็ว ๆ สิวะ”
“นี่ก็เร็วแล้วนะพี่ยักษ์”
“เร็วกว่านี้อีกไอ้ดำ เดี๋ยวก็ตามมันไม่ทันพอดี”
“หรือว่า...มันจะรู้ตัวแล้วพี่ มันถึงได้ขับรถเข้าไปในซอยเปลี่ยวแบบนั้น” ไอ้ดำอดสงสัยไม่ได้
“หึ เปลี่ยว ๆ สิดี จะได้จัดการมันง่ายหน่อย เอ็งไม่ต้องกังวลไป มันยังไม่รู้ตัวหรอกน่า เชื่อข้าสิ”
ไอ้ยักษ์พูดขึ้นด้วยความประมาท สิ้นเสียงพูดไอ้ดำก็เร่งเครื่องพาลูกพี่ตามรถของนราภพไปทันที
ท่ามกลางความมืดมิดของถนนสายเปลี่ยว ยามค่ำคืนที่สองข้างทางเต็มไปด้วยป่ารกร้างจะสามารถมองเห็นหนทางได้ก็ต่อเมื่อได้รับแสงไฟจากรถยนต์ที่สาดส่องออกมาจากหน้ารถซึ่งนาน ๆ หนจึงจะมีรถวิ่งผ่านสักคัน สองมือปืนที่ได้รับมอบหมายให้มาตาม ‘เก็บ’ นราภพ นายใหญ่ผู้กุมบังเหียน ‘อัศวเดชากรุ๊ป’ กำลังสอดส่ายสายตามองหาเป้าหมายอย่างระแวดระวัง
“พี่ยักษ์ ไม่เห็นมีรถใครเลย แมร่งหายไปไหนเร็วจังวะ” ไอ้ดำสบถออกมาอย่างหัวเสีย แต่เสียงลูกพี่ที่ขัดขึ้นทำให้มันต้องเพ่งมองไปข้างหน้าอย่างสนใจ
“แสงไรวิบ ๆ อยู่ข้างหน้าโน้นวะ เอ็งขับไปดูหน่อย”
“ได้เลยพี่” ดำโฉบรถมอไซต์ไปข้างหน้าด้วยความว่องไว
“เฮ้ย ! พี่ยักษ์...นั่นมันรถไอ้คนที่นายให้เรามาตามเก็บนี่หน่า” ไอ้ดำพูดขึ้นเมื่อขับรถเข้าไปใกล้ แล้วแสงไฟจากหน้ารถสาดส่องให้เห็นป้ายทะเบียนและลักษณะของรถที่อยู่ตรงหน้า
“ไอ้ดำจอด ๆ โว้ย....ฮ่า ๆ ๆ ไม่คิดว่าไอ้นี่มันจะโง่ขนาดนี้ ขับรถชนต้นไม้เฉยเลย...ฮ่า ๆ ๆ กระสุนก็ไม่ต้องเปลือง แถมมึงกับกูยังได้เงินคนละหลายล้านไปนอนกอดฟรี ๆ อีก ฮ่า ๆ ๆ” หนุ่มหน้าเหี้ยมนามว่ายักษ์หัวเราะออกมาอย่างลำพองใจเมื่อเห็นว่าเป้าหมายที่ตามไล่ล่ามาตั้งนานขับรถมาเสียหลักชนต้นไม้อยู่นี่ ๆ เอง
“ฮ่า ๆ ๆ” ไอ้ดำเปล่งเสียงหัวเราะตามลูกพี่ของมันที่กำลังจะเดินไปสำรวจรอบ ๆ รถ พลางวาดวิมานในอากาศด้วยสายตาเคลิ้มฝัน บุญของไอ้ดำจริง ๆ ที่รับทำงานนี้ ไหนใครเขาก็ว่ามันเก่งนักเก่งหนา ไม่เห็นมันจะมีพิษสงตรงไหนเลย สบายใจโว้ย ห้าล้าน ลูกพ่อ รอพ่อแปปนึงนะ พ่อทำงานใกล้จะเสร็จแล้ว
กริ๊ก !
เอื้อก !!!
เสียงหัวเราะของไอ้ดำเบาบางลงตามลำดับ จนกระทั่งเงียบหายไปในที่สุด ตามมาด้วยเสียงกลืนน้ำลายลงคออย่างสยอง เหงื่อผุดขึ้นเต็มใบหน้าซีดเผือดด้วยความกลัว เมื่อร่างกายมันสัมผัสได้ถึงความเย็นเยียบของวัตถุที่สามารถปลิดชีวิตคนได้ในพริบตานั้นกำลังจ่ออยู่ที่หัวตัวเอง
“อยากไปเฝ้ายมบาลเร็ว ๆ ก็ส่งเสียงให้ดัง” ปากกระซิบกับไอ้ดำเสียงเหี้ยม แต่ดวงตาประดุจพญาราชสีห์ของนราภพกลับสอดส่ายหาเหยื่ออีกหนึ่ง
บรรยากาศตอนนี้ไอ้ดำสัมผัสได้ถึงความเย็นยะเยือก รังสีอำมหิตของผู้ชายอันตรายที่ยืนถือปืนจ่ออยู่ที่หัวตนคนนี้แผ่ออกมา
รอบ ๆ กายอย่างหนาแน่น ความรู้สึกเวลานี้ไอ้ดำได้แต่บอกกับตัวเองว่าไม่น่าเสนอตัวมาวุ่นวายกับผู้ชายคนนี้เลยจริง ๆ คิดผิดแท้ ๆ ในใจของไอ้ดำตอนนี้ได้แต่ภาวนาให้ลูกพี่ตนอย่าได้พลาดท่าเสียทีให้ผู้ชายคนนี้อีกเลย แต่คำขอของไอ้ดำคงจะไม่เป็นผล เมื่อสวรรค์นั้น...ไม่อยากให้
“เฮ้ย! ทิ้งปืน แล้วส่งลูกน้องกูมา เดี๋ยวนี้!” เสียงไอ้ยักษ์ตะโกนขู่มาแต่ไกล พร้อมกับพาร่างของตนก้าวออกมาจนพ้นรัศมีของรถที่เป็นเกราะกำบัง ปืนในมือยังเล็งตรงไปที่ร่างของนราภพ สายตาจ้องเขม็งอย่างระมัดระวัง แต่วินาทีนั้น
ปัง!
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้นสองนัดซ้อนร่างของไอ้ยักษ์ล้มทั้งยืน เมื่อนราภพเบี่ยงปลายกระบอกปืนจากหัวของไอ้ดำไปยังหน้าผากของไอ้ยักษ์อย่างรวดเร็ว กระสุนจากปลายกระบอกปืนของนราภพพุ่งไปเจาะกลางหน้าผากของศัตรูพอดิบพอดีในชั่วพริบตา แบบที่อีกฝ่ายก็ยังคาดไม่ถึง พร้อม ๆ กับกระสุนจากปืนไอ้ยักษ์ที่สวนกลับมาตามสัญชาตญาณของมือปืน วิ่งมาถากต้นแขนซ้ายของชายหนุ่มให้ได้เลือดเช่นกัน
ไอ้ดำเบิกตากว้าง หน้าเผือดสี มองภาพเหตุการณ์วินาทีระทึกที่เกิดขึ้นอย่างตกตะลึง กับการสังหารศัตรูของบุรุษตรงหน้าที่ใช้เวลาเพียงแค่เสี้ยววินาที ก็สามารถปิดบัญชีได้อย่างสวยงาม มันเร็วจนมือปืนมีฝีมือที่คร่าชีวิตคนมานักต่อนักอย่าง ยักษ์ เมืองเพชร ยังไม่สามารถต่อกรด้วยได้
นราภพมองดูภาพตรงหน้าด้วยความสะใจ แล้วระสายตามามองทางต้นแขนซ้ายของตนที่ได้เลือดอย่างไร้ความรู้สึก พลางหันไปสนใจศัตรูอีกหนึ่ง ที่กำลังตกใจแทบสิ้นสติอยู่ข้าง ๆ ชายหนุ่มไม่รอช้าหันมาเตรียมพร้อมจะเล่นงานไอ้ดำเต็มที่
เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายที่กำลังคืบคลานมาหา ไอ้ดำก็รู้สึกตัว
“ยะ...อย่า...อย่าทำไรผมเลยนะครับ ผมกลัวแล้ว ไว้ชีวิตผมนะครับ ผมสัญญาว่าผมจะเลิกอาชีพนี้ กลับไปทำอาชีพสุจริตอยู่กับลูกกับเมีย นายไว้ชีวิตผมนะครับ” ไอ้ดำทรุดตัวลงแทบเท้านราภพ กราบกรานขอชีวิตกับชายหนุ่มอย่างไม่อาย นราภพมองไอ้ดำอย่างสมเพช
“กลัวตายหรอ หึ ทีจะยิงเค้า ทำไมไม่คิด แล้วจะมารักตัวกลัวตาย มันไม่สายไปหรือไง...ขี้ขลาดอย่างนี้ มาเป็นมือปืนทำไม?” นราภพยังเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบสนิท
“ผะ...ผม...ไม่ได้เป็นคนลงมือนะครับ ผมเป็นแค่คนขับ แล้วก็เพิ่งรับงานนี้เป็นงานแรกด้วย ลูกผมเป็นโรคร้าย ต้องใช้เงินเยอะ ผมไม่รู้จะทำไง พี่ยักษ์รู้จักผม เค้ารู้ว่าผมร้อนเงินเลยชวนผมมาทำงานด้วย ผมต้องเลวเพราะความจำเป็นนะครับ ไม่ได้เลวโดยสันดาน นายไว้ชีวิตผมนะให้ผมไปหาลูก นายอยากรู้อะไรถ้าผมรู้ผมจะบอกให้หมดเลย” ไอ้ดำละล่ำละลักตอบแก้ตัวเสียงสั่น นราภพมองลึกลงไปในแววตา มองหาความจริงใจจากชายที่นั่งอ้อนวอนอยู่ตรงหน้า เขาไม่เห็นเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ในดวงตาที่แดงกล่ำไปด้วยพิษน้ำตา แต่สิ่งที่เห็นคือแววหวาดหวั่น วิตกกังวล ความกลัว และความเครียดที่มันบ่งชัดออกมาจากดวงตาของไอ้ดำ
“งั้นบอกมา ใครเป็นคนบงการ” นราภพกระชากคอเสื้อไอ้ดำขึ้นมาถามเสียงเหี้ยม สายตาที่สบมาดุจดั่งทะเลก่อนเกิดพายุ ไอ้ดำถึงขนาดสั่นงันงก
“อะ...เออะ...เอ่อ พี่ยักษ์เคยพูดให้ผมฟังว่าคนที่จ้างมาชื่อ…”
ยังไม่ทันที่ไอ้ดำจะเปิดปากพูด ร่างสูงผอมก็กระตุกเฮือกแล้วล้มลงแน่นิ่งไป เลือดสีแดงฉานค่อย ๆ ไหลรินออกมาจากท้ายทอยจนนองเต็มพื้น
“ระยำเอ้ย!! ไอ้หมาลอบกัด”
นราภพคำรามออกมาอย่างโมโห เมื่อจู่ ๆ มือมืดก็โผล่ออกมาอย่างเหนือความคาดหมาย ชายหนุ่มยกร่างไอ้ดำที่หมดลมหายใจจากพื้นขึ้นมาเป็นเกราะกำบังเป็นการชั่วคราว
“โทษนะเพื่อน เรื่องลูกเมียนายไม่ต้องเป็นห่วง ฉันสัญญาว่าจะสืบหาแล้วช่วยดูแลให้” คนตกอยู่ในอันตรายให้สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะขณะใช้ร่างสูงผอมเป็นเกราะกำบังกระสุนให้ตน ยังไม่ทันที่นราภพจะได้ขยับไปไหน กระสุนจากฝั่งตรงข้ามก็สาดมาอีกหลายนัด จนชายหนุ่มต้องลากเกราะกำบังไร้ชีวิตเคลื่อนหนีไปมา
ในขณะที่นายใหญ่แห่งอัศวเดชากำลังจะเสียท่า แสงไฟจากรถยนต์หลายคันที่วิ่งเข้ามาจอดในนาทีถัดมาก็ช่วยพลิกสถานการณ์ให้ชายหนุ่มกลับมาเป็นต่ออีกครั้ง ร่างสูงใหญ่ของเพชรกับภัคค์พร้อมลูกน้องอีกสิบชีวิตก้าวลงจากรถมาด้วยอาวุธครบมือ
“นายครับพวกผมมาแล้ว” เพชรและภัคค์ตะโกนฝ่าดงกระสุนพลางสืบเท้าเข้าไปคุ้มกันเจ้านาย
“จัดการมันให้หมด จับเป็นได้ก็จับ ถ้าไม่ได้ก็ส่งมันลงนรกไปซะให้หมด” นราภพตะโกนสั่งเสียงดังลั่น
“รับทราบ!”
เพียงเวลาไม่ถึงห้านาทีทุกอย่างก็ตกอยู่ในความเงียบสงบ
“พวกนายทำงานพลาด” ชายหนุ่มหันไปพูดกับคนของตนที่มายืนอยู่ตรงหน้าด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น
เพชรกับภัคค์ยืนสงบนิ่งอย่างยอมรับในคำพูดของเจ้านาย แต่ทว่าจิตใจกลับหวั่น ๆ กับมาตรการของเจ้านายที่จะใช้ลงโทษ นายของตนมักจะมีบทลงโทษที่แสบ ๆ คัน ๆ มาลงโทษคนที่ ‘พลาด’ เป็นนิจอยู่เสมอ ดีที่นายไม่ใช่คนโหดเหี้ยมที่ชอบจับลูกน้องไปฆ่าไปแกง
“หลายครั้งแล้ว...เพชร !!...สำหรับนายหน่ะ” เพชรสะดุ้งเฮือกทันที
“ถ้ามีครั้งต่อไป นายเตรียมตัวได้เลย” นราภพยังคาดโทษต่อด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่เหล่าลูกน้องรู้ดี ว่าจิตใจนายตอนนี้ไม่ได้ราบเรียบอย่างน้ำเสียงเลยแม้แต่น้อย
“ครับนาย” เพชรต้องรับคำอย่างจำใจ
“สั่งคนของนายเคลียร์พื้นที่ ก่อนที่ทางการจะมา”
“ครับนาย” เพชรและภัคค์รับทราบคำสั่ง
นราภพนั่งรอคนสนิทในรถอีกไม่ถึงห้านาที รถก็เคลื่อนตัวออกมุ่งหน้าสู่คอนโดที่พักของทั้งสามหนุ่มอย่างรวดเร็ว “ทำแผลหน่อยมั้ยครับ” ต้นแขนของเจ้านายชุ่มไปด้วยเลือด จนภัคค์ต้องตัดสินใจถามไถ่ขึ้นมาเมื่อทั้งหมดเข้ามา
ในห้องพัก
“อืม แค่ถาก ๆ ไม่เป็นไร นายสองคนไปจัดการธุระของนายให้เรียบร้อย แล้วอีกครึ่งชั่วโมงพบกันที่ห้องทำงาน”
“ครับนาย”
----------------------------------------
แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในห้องนอนทำให้มองเห็นร่างบอบบางของเจ้าของห้องนอนกระสับกระส่าย พลิกไปพลิกมาอย่างคนนอนไม่หลับ ท่ามกลางความมืดมิดของราตรีกาล ณหทัยยังไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้เธอรู้สึกไม่สบายใจ เป็นห่วงคนที่พึ่งจะแยกกันเมื่อตอนเย็นยังไงพิกล ความรู้สึกมันรุนแรงจนกระทั่งเธอไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้
ยิ่งคิดก็ยิ่งฟุ้งซ่านจิตใจกระเจิดกระเจิง ภาพความสนิทชิดเชื้อระหว่างเธอและเขาแจ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ นับตั้งแต่เธอเสียจูบแรกให้เขาไป ณหทัยไล้นิ้วเรียวสวยไปตามกลีบปากอ่อนนุ่มของตนอย่างเผลอไผล รอยจุมพิตนั้นยังไม่จางหาย เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นมาสด ๆ ร้อน ๆ นี่เอง ‘เขาทำแบบนั้นเพื่ออะไรกันนะ เขาจะรู้ไหม ว่าได้สร้างความวุ่นวายใจให้กับเธอไว้มากแค่ไหน’ หญิงสาวยังเฝ้าถามตัวเองอยู่ตลอด อย่างคนที่อยากรู้คำตอบ
‘ฟุ้งซ่านใหญ่แล้วนะยายตรี นอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องไปสัมภาษณ์งาน นอน ๆ ๆ’ ณหทัยบอกกับตัวเองอย่างจริงจัง ก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วหลับไปพร้อมกับคำถามที่ยังคาค้างใจ
อีกด้านหนึ่ง ห้องทำงานของนราภพก็ถูกเปิดในอีกครึ่งชั่วโมงถัดมา นราภพเดินนำคนสนิทเข้าไปนั่งอย่างไม่รีบร้อนอะไร แต่ทันทีที่เพชรและภัคค์นั่งลงสัมผัสกับเก้าอี้ คำสั่งจากนายหนุ่มก็ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างรวดเร็ว
“จัดการสืบประวัติของมือปืนที่ฉันใช้เป็นเกราะกันกระสุน ถ้าเจอครอบครัวเขาก็ส่งเงินช่วยเหลือให้เขาไปเรื่อย ๆ”
“ครับ” ภัคค์รับคำ
“เพชรนายจัดการดูแลอาณาจักรเราไว้ให้ดี อย่าให้ใครเอาอะไรมาป้ายสีได้ คราวนี้ต้องไม่มีคำว่าพลาด”
“ครับนาย”
“นายคิดว่าเป็นฝีมือใครครับ” เพชรเอ่ยถามเจ้านายอย่างจริงจัง รู้สึกเจ็บใจอยากจะเป็นฝ่ายเอาคืนบ้าง เพียงแค่รอคำสั่งจากผู้เป็นนายเท่านั้น
“คิดว่าเดาไม่ผิด”
“แล้วนายจะให้พวกผมจัดการยังไงครับ เหยียบให้จมไปเลยรึเปล่า” ภัคค์เอ่ยถามและเป็นฝ่ายเสนอขึ้นมาบ้าง ซึ่งเป็นข้อเสนอที่ถูกใจคู่หูอย่างนายเพชรเป็นที่สุด และข้อเสนอนี้ก็เรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากนราภพได้เหมือนกัน ช่วยลดภาวะตรึงเครียดในห้องทำงานอย่างได้ผลทีเดียวเชียว
“ฮ่าๆ ๆ ๆ ใจเย็นไว้ไอ้เพื่อนรัก ยังไม่ต้องทำอะไร ปล่อยมันไว้ก่อน ยังไม่ถึงเวลาต้องตอบโต้”
ประกาศิตที่ออกมาจากปากนายสร้างความแปลกใจให้ลูกคนสนิทเป็นอย่างมาก เพชรและภัคค์มองเจ้านายอย่างไม่เคยเห็น ถึงจะไม่ทำร้ายใครก่อนแต่ราชสีห์อย่างนายนราภพก็ไม่เคยให้ใครเอาไม้มาแหย่แล้วจากไปได้อย่างปลอดภัยสักที ต้องมีบทลงโทษที่รุนแรงตอบแทนกลับไปรวดเร็วทันใจเสมอ แต่คราวนี้ไม่ใช่ ‘เจ้านายผมเปลี่ยนไป’ ทั้งสองหันกลับมามองหน้ากันอย่างงุนงง นราภพมองลูกน้องอย่างยิ้ม ๆ ก่อนจะไขข้อข้องใจให้สองหนุ่มได้อึ้งอีกคราวหนึ่ง
“พวกนายเคยได้ยินใช่ไหมว่าเวลามันไม่เคยคอยใคร เพราะฉะนั้นตอนนี้สำหรับฉันเรื่องของหัวใจต้องมาก่อน” แล้วคำสั่งต่อมาก็ทำให้เพชรและภัคค์นั้นสยองแทนคนเหล่านั้น เหลือเกิน
“สั่งการลงไป ถ้าพรุ่งนี้ไม่มีชื่อของนางสาวณหทัย ธำรงรักษ์ เข้าทำงานในแผนกบัญชี ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทเรา ฉันจะสั่งปลดผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทุกคน”
“เอ่อ..มันจะดีหรอครับนาย” เพชรส่งเสียงแย้งขึ้นมานิดนึง นราภพหันขวับมามอง
“อะไร มีไรไม่ดี”
“ปะ ปะ ป่าว ครับ” ยิ้มแหย ๆ ถูกส่งให้เจ้านาย ภัคค์อดขำกับท่าทางของเพชรไม่ได้
“ขัดไม่ดูตาม้าตาเรือก็งี้แหละ นายมันอ่อน” เพชรกระทุ้งศอกใส่เพื่อนอย่างหมันไส้
“พอ ๆ เลิกแกล้งกันสักที แล้วเรื่องคดีคุณดนัยไปถึงไหนแล้ว” นราภพดึงทั้งสองคนเข้าสู่โหมดจริงจังอีกครั้งหนึ่ง
“ผลชันสูตรออกมาแล้วครับ คุณดนัยเสียชีวิตจากการที่กระดูกต้นคอหักมาประมาณหนึ่งชั่วโมงก่อนหน้าที่ทางตำรวจจะได้รับการแจ้งว่าเกิดไฟไหม้ครับ บริเวณท้ายทอยมีบาดแผลฉกรรจ์จากการถูกกระแทกอย่างแรงซ้ำกันหลายครั้งเหมือนการถูกทุบด้วยเรี่ยวแรงอันมหาศาล ไม่ได้เสียชีวิตในกองเพลิงอย่างที่พวกเราเข้าใจกันตั้งแต่แรกครับ” ภัคค์รายงานผลที่ได้มาอย่างฉะฉาน
“ฆาตกรรมอำพรางงั้นหรอ” ชายหนุ่มอึ้งกับเรื่องใหม่ที่ได้รับรู้ มันเป็นความผิดของเขาเองที่หละหลวมจนทำให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ถ้าคนของเขาตั้งใจมากกว่านี้เรื่องน่าเศร้าแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น คุณดนัยเป็นคนดีเป็นพ่อที่น่านับถือคนหนึ่ง ไม่น่าเลยที่จะต้องมาจบชีวิตลงอย่างอนาถ ที่สำคัญณหทัยของเขาไม่ควรที่จะต้องมาผจญกับเรื่องราวเลวร้ายแบบนี้ นี่ถ้าเธอรู้ว่าพ่อเธอถูกฆาตกรรมไม่ได้เกิดจากอุบัติเหตุเธอจะใจสลายแค่ไหน มือหนายกขึ้นคลึงขมับอย่างหนักใจ
“ใช่ครับนาย”
“งั้นเราต้องหาอาวุธที่คนร้ายใช้ทำร้ายคุณดนัยให้เจอ มันอาจจะมีดีเอ็นเอคนร้ายติดอยู่บ้าง”
“เท่าที่ผมพาคนของเราลงพื้นที่ในบ้านสวนจำปีก็ไม่พบสิ่งของอะไรที่คาดว่าคนร้ายน่าจะใช้ทำร้ายคุณดนัยเลยนะครับ” เพชรเสริมขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง
“นายหาดีแล้วหรือยัง”
“หาดีแล้วครับ ถ้าจะไม่ดีก็คงยังไม่ได้รื้อร่องสวนครับ”
“งั้นรื้อ หาคนที่ไว้ใจได้ไปคุมเจออะไรที่คาดว่าจะเป็นอาวุธได้ กันไว้ให้หมดแล้วส่งให้คนของเราตรวจหาดีเอ็นเอจากของเหล่านั้น”
“ได้ครับ คุณวิฑูรย์อดีตตำรวจมือดีที่มาทำงานร่วมกับเราจะเป็นคนรับเรื่องนี้ต่อครับ”
“โอเค ยังไงก็อย่าให้ณหทัยรู้เรื่องนี้เป็นดีที่สุด ฉันไม่อยากให้เธอสะเทือนใจ”
“ครับนาย” เพชรและภัคค์รับทราบ
“แล้ววัชพืช นายยังตามอยู่รึเปล่าเพชร”
“ตามครับ”
“ดี แล้วมันเคลื่อนไหวอะไรบ้าง”
“ตอนนี้ยังนิ่งครับ แต่ผมคิดว่ามันน่าจะคิดการใหญ่อะไรอยู่”
“อืม” นราภพลูบคางอย่างใช้ความคิด “ตามมันต่อไปอย่าให้มันได้แผลงฤทธิ์อะไรได้อีก รวมถึงอย่าให้มันเข้าใกล้ณหทัยด้วย”
“รับทราบครับนาย”
“โอเค พวกนายไปพักผ่อนเถอะ ฉันขอเคลียร์งานอีกสักพักแล้วจะนอนเหมือนกัน ขอบใจพวกนายมาก”
“โบนัสปลายปีขอมากกว่าคนอื่นสามเท่าก็พอครับ” ภัคค์แซวน้ำเสียงทะเล้น เพชรถึงกับหัวเราะลั่น นราภพเขวี้ยงปากกาแท่งหรูในมือใส่อีกฝ่ายอย่างหมันไส้สุด ๆ ภัคค์หลบแทบไม่ทัน สองหนุ่มยกมือตะเบะให้เจ้านายทั้งรอยยิ้ม ก่อนจะพากันแยกย้ายกลับห้องไป
-----------------------------------------------------
เช้าวันนี้เป็นเช้าที่ฝ่ายต่าง ๆ ในสำนักงานใหญ่ของเครือปรมินทร์เดชากรุ๊ปวุ่นวายมากที่สุดในรอบสิบปี โดยเฉพาะฝ่ายทรัพยากรบุคคล เมื่อคำสั่งด่วนสั่งตรงลงมาจากผู้บริหารสูงสุด ให้ทุกคนเตรียมพร้อมทำการสัมภาษณ์พนักงานใหม่ที่ทางบริษัทไม่เคยเปิดรับสมัครและไม่มีนโยบายว่าจะรับ แถมยังสัมภาษณ์เพื่อให้เข้าทำงานในแผนกบัญชี ที่อัดแน่นไปด้วยผู้ทรงคุณวุฒิทางการบัญชีของบริษัทอยู่แล้ว ต้องทำทุกอย่างให้สมจริง ห้ามให้ผู้ที่มาใหม่ตะขิดตะขวงใจว่าถูกรับเข้าทำงานด้วยคำสั่งของผู้ใหญ่ และให้ดำเนินทุกอย่างให้เป็นปกติเหมือนทุกวันที่เคยเป็นมา อย่าให้ผู้ที่มาใหม่สงสัยเป็นอันขาด หากเหตุการณ์ผ่านไปด้วยดี โบนัสปลายปีจะเพิ่มเป็น 2 เท่า แต่ถ้าหากทุกอย่างพัง ผู้ที่มาใหม่รู้ สิ้นปีนี้และสิ้นปีหน้าจะหักโบนัสลงครึ่งหนึ่งจากของเดิม
“โอย คำสั่งมหาโหดอะไรอย่างนี้นะ ร้อยวันพันปีไม่เคยเจอคำสั่งนี้สักที”
“ทำเป็นบ่น แล้วเอ็งกล้าขัดคำสั่งกันหรือไงวะ” พนักงานคนหนึ่งพูดขึ้น
“ก็ไม่กล้าอ่ะดิวะ ใครจะกล้า รึเอ็งกล้าล่ะ” อีกคนหนึ่งพูดบ้าง
“แป่ว...ข้าคนหนึ่งล่ะขอไม่ขัด” พนักงานอีกคนที่เดินผ่านมาได้ยินก็ขอเข้ามาแจมด้วย
“ใช่ ๆ ๆ ๆ” เสียงคนอื่นตอบรับกันเซ็งแซ่
“นี่ พวกเธอยังไม่รู้อะไร มีคำสั่งฉบับที่สองออกมาแล้วนะ ว่า ถ้าภายในวันนี้ ไม่มีชื่อของเธอคนนั้นเข้าทำงานในบริษัท คุณวินิจ ผู้บริหารฝ่ายบุคคล กับคุณทรงวิทย์ผู้บริหารฝ่ายบัญชี โดนเด้งอันดับต้น ๆ เลยหล่ะจะบอกให้ นี่ยังไม่รวมผู้ที่เกี่ยวข้องคนอื่น ๆ อีกนะ มีหวังได้โดนกันหมดอ่ะ
“โห ขนาดนั้นเลยหรอวะ”
“ก็เออ อ่ะดิ”
“เกิดไรขึ้นวะเนี่ย”
“แล้วมีใครรู้มั้ย ว่าผู้มาใหม่ตามประกาศอ่ะ เขาเป็นใคร”
“ไม่รู้หรอกย่ะ รู้แต่ว่าเป็นผู้หญิงนะ”
“เออ เป็นใครกันนะ อยากรู้ ๆ”
“ใช่ ๆ ๆ ๆ อยากรู้ ๆ ๆ”
“เฮ้ย สลายโต๋เถอะ ใกล้ถึงเวลาที่เธอคนนั้นจะมาแล้ว ไป ๆ ทำงาน ๆ เดี๋ยวโดนหักโบนัส”
“ฮือ...ฮา...ฮือ...ฮา”
เสียงพนักงานในบริษัทยังคงจับกลุ่มวิพากษ์วิจารย์กันไม่หยุด เนื่องจากไม่เคยมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นสักที จึงไม่แปลกเลยที่ทุกคนจะให้ความสนใจ
“เป็นไงบ้างวะภัคค์” เพชรเอ่ยถามทันที่ ที่เพื่อนก้าวเข้ามาในห้องหลังจากออกไปเดินดูในบริษัท
“ก็...วุ่นวายดีหว่ะ คราวนี้เจ้านายทำแสบเหลือเกิน”
“ ฮ่า ๆ ๆ ” ทั้งสองประสานเสียงหัวขึ้นพร้อมกัน
“แล้วนี่คุณปายจะมาสัมภาษณ์ตอนไหนวะภัคค์”
“สิบโมงอ่ะ แต่เชื่อเถอะตอนนี้คุณตรีคงมาแล้ว...เออแล้วเจ้านายล่ะจะกลับจากบ้านคุณย่าตอนไหนเพชร”
“ไม่ได้บอกไว้”
“ฉันอยากให้นายได้อยู่ดูผลงานของเขาจริง ๆ เลยว่ะ”
“ไม่มีประโยชน์นะภัคค์ ยังไงนายก็เฉยอยู่ดี แค่วุ่นวายแค่นี้นายไม่สะดุ้งสะเทือนหรอก คงจะชอบใจด้วยซ้ำไป”
“อืม ใช่” ภัคค์เห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อนร้อยเปอร์เซ็นต์
ทันทีที่ก้าวเท้าเหยียบย่างเข้ามาในอาคารบริษัท ณหทัยถึงกับประหม่าด้วยความตื่นเต้น เมื่อวานตอนมาสมัครงานยังไม่ตื่นเต้นขนาดนี้ เพราะมีคุณภพกับคุณเพชรพามา บางทีเธอก็ต้องยอมรับว่าการมีคุณภพอยู่ใกล้ ๆ นั้นทำให้เธออุ่นใจอย่างประหลาด แต่วันนี้การที่ต้องมาคนเดียวทำให้หญิงสาวตื่นเต้นจนไม่ทันสังเกตสิ่งรอบข้างว่ามันผิดแปลกจากที่ควรจะเป็นมากทีเดียวเพราะเธอนั้นกลายเป็นจุดสนใจหนึ่งเดียวของคนในบริษัทก็ว่าได้
“ขอโทษนะคะห้องสัมภาษณ์งานไปทางไหนคะ” ณหทัยตรงเข้าไปถามประชาสัมพันธ์ของบริษัท
“อะ เอ่อ คุณณหทัย ธำรงรักษ์ ใช่ไหมคะ...”
“ค่ะ”
“ทางนี้เลยค่ะเดียวดิฉันพาไป” ประชาสัมพันธ์สาวรีบเข้ามาเทคแคร์หญิงสาวอย่างรวดเร็ว
“ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ” ณหทัยกล่าวขอบคุณประชาสัมพันธ์สาวทุกคนอย่างยิ้มแย้ม แล้วเดินตามไปอย่างรวดเร็ว
“เดี๋ยวคุณณหทัย นั่งรอตรงนี้นะคะ พอถึงเวลาจะมีพนักงานมาเรียกเข้าสัมภาษณ์ค่ะ เอ่อคุณต้องการเครื่องดื่มอะไรไหมคะ เดี๋ยวดิฉันไปหามาให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” ณหทัยยิ้มให้กับประชาสัมพันธ์สาวที่เดินออกไป อย่างแปลกใจ ‘แปลกแฮะที่นี่ มีการเอาเครื่องดื่มมารับรองคนที่จะมาสมัครงานบริษัทตนด้วยหรอ ยิ่งคิดยิ่งแปลก บริษัทอื่นไม่เห็นมีเลย’
“ตายแล้วเธอ ฉันพลาดแล้ว ฉันดันจะเอาเครื่องดื่มมารับรองเขา นึกว่าเขาเป็นแขกของบริษัท แย่จริงเชียว เขาจะตะขิดตะขวงใจอะไรมั้ยเนี่ย” ประชาสัมพันธ์ที่รับรองณหทัย กลับมาบอกข้อผิดพลาดของตน ให้กับเพื่อนร่วมงานฟังอย่างร้อนใจ
“แย่และยายฟ้า เดี๋ยวได้โดนหักโบนัส…แต่ฉันว่าเขาคงยังไม่สงสัยเท่าไหร่หรอกมั้ง เอาน่า อย่าไปคิดมาก”
“ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนั้นแหละ เฮ้อ”
--------------------------------------------------------------
:) แล้วพบกันตอน 14 จ้า
ปีบเพชร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 มี.ค. 2558, 19:46:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 มี.ค. 2558, 19:47:06 น.
จำนวนการเข้าชม : 1289
<< ตอนที่ 12 เรื่องของความรู้สึกในใจ | ตอนที่ 14 เรื่องของใจจะให้ได้ดั่งใจอย่างธุรกิจคงไม่ใช่ >> |
ยัยตัวนุ่มนิ่ม 31 มี.ค. 2558, 19:44:19 น.
รอ ร้อ รอ
รอ ร้อ รอ