เงามาร (กำลังรีไรท์ค่ะ)
'วาลาดา' ตื่นขึ้นมาพร้อมกับการรับรู้ว่าตัวเองมีสามีมีลูกแล้ว
ที่สำคัญ สามีของเธอคือเพื่อนในวัยเยาว์ที่ห่างเหินกันไป
หลายปีแล้ว เธอไม่ได้มีใจให้เขา เขาเองก็เกลียดเธอ

เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือสามีของเพื่อนรักของเธอ


คำว่า "แย่งสามีเพื่อน"
กู่ก้องอยู่ในหัวและทำให้หัวใจของหญิงสาวแหลกสลาย...

เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปมีอะไรกับเขาตอนไหนจนมีลูก
กับเขาได้...แต่ลูกที่มีหน้าตาผสมผสานระหว่างเธอกับเขา
อย่างลงตัวทำให้เธอดื้นไม่หลุดกับหลักฐานการกระทำ
ของตัวเอง...

ความจริงดังกล่าว...ส่งให้ดาวดวงใหม่ที่ควรจรัสแสงแรงกล้า
อยู่บนฟากฟ้ากลับถูกกระชากลงมาให้แปดเปื้อนกลิ่นคาวคละคลุ้ง
ด้วยน้ำมือของใครบางคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเงาดำนั้น
หญิงสาวก็สุดจะคาดเดาได้...

หญิงสาวที่ควรมีความสุขไปบนหนทางอันดีงาม เส้นทางของดาว
กลับถูกดึงรั้งเข้ามาสู่เส้นทางของมาร...เมื่อถูกความมืดมน
ดุจเมฆดำเข้าครอบงำฝังจิตใจ...เปลี่ยนผู้หญิงที่เคยแสนดี
กลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจ...นั่นคือเธอที่กำลังถูกใครๆ
กล่าวขานอย่างไม่มีจบสิ้น...


ทางเดียวที่จะรอดพ้นไปได้ นั่นก็คือ เธอต้องต่อสู้กับมันให้ชนะ ต่อสู้กับเงามารที่คอยตามรังควานชีวิตเธอทั้งชีวิตให้ย่อยยับ

โดยไม่รู้เลยสักนิดว่า...เงามารที่เธอเห็นนั้นมีใครซ่อนอยู่
หลังเงานั่น...รอ...รอวัน...เพื่ออะไรบางอย่าง...

รอคอยและเฝ้าดูอยู่ข้างหลังอย่างอดทน...
ชักใยซึ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างพิถึพิถัน...และล้ำลึก...
วางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบและรัดกุม

ช่างเป็นการรอคอยอันแสนยาวนาน รอให้เธอมีความสุขที่สุด
ประสบความสำเร็จที่สุด พอได้จังหวะเหมาะจึงเข้าโจมตี...
จนวาลาดาคาดไม่ถึงว่าจะมีใครอดทนรอคอยเพื่อจองเวรเธอ
ได้นานถึงเพียงนี้...ช่างเป็นการทุ่มเทที่น่ากลัวเหลือเกิน...

เธอรู้...รู้ว่าสิ่งที่สำคัญ...คือเธอจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือ
หลังจากโดนโจมตีจนย่อยยับอับปางนี้ต่อไปอย่างไร...
นั่นคือ...สิ่งที่เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่...

และอีกอย่างที่เธอจะต้องทำคือ...หาคนที่ซ่อนอยู่หลังเงานั้น
ให้เจอ! และถามให้รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร


และ...

หวังเพียงว่า...เธอจะไม่ถูกมันครอบงำได้อีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...เธอจะได้พบกับแสงสว่างในชีวิตอีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...ผู้ที่เธอได้ทำร้ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวจะให้อภัย
หวังเพียงว่า...เขาจะเข้าใจ เชื่อใจ อภัย และรักเธอ
หวังเพียงว่า...ยอดดวงใจซึ่งคือลูกน้อยจะปลอดภัย ไร้มลทิน






...ขอเพียงได้อยู่ดูแลคุ้มภายคุ้มใจคนที่รักตลอดไป...


...ขอเพียงคนที่เธอรักปลอดภัย เข้าใจ ให้อภัย
และรักเธอเท่านั้น....



Tags: ดราม่า ซุลก๊อตไนท์ วาลาดา นาดีม มาร มารร้าย ไสยศาสตร์ ญิน นุฮา อะสุเซน่า วารินทร์ อานิต้า

ตอน: บทที่ 41 กระชับพื้นที่ (50%)



ทนายสาวก้าวเข้ามายังตึกสูงระฟ้าซึ่งเป็นตึกที่ทำการของบริษัทขนาดใหญ่
ที่เธอได้รับการตอบรับเมื่อวาน ความทะมัดทะแมงที่ไม่ได้แกล้งทำ
หากเป็นหนึ่งในคุณลักษณะที่ติดตัวมาจากการฝึกฝนมาอย่างหนัก

ความสวยอาจเป็นรอง ที่เรื่องมาดเรื่องท่วงท่าหญิงสาวไม่แพ้ใคร
เพราะงานของเธอมันเป็นอย่างนี้…

เว้นเสียแต่ว่าเธอกำลังปฏิบัติงานเป็นสายลับเท่านั้น
เธอจึงจะระมัดระวัง ไม่ปล่อยตัวตนของตัวเองออกมาอย่างเช่นยามนี้…

บางทีเธอเองก็เบื่อเช่นกันกับการต้องเป็นใครอื่น ต้องสวมบทบาทเป็นคนโน้นคนนี้
สวมหน้ากากพรางตัวตนเพื่อจะได้เป็นอีกคนที่เหมาะกับภาระหน้าที่
ที่ได้รับมอบหมายมา…

การมาสมัครงานในตำแหน่งทนายความจึงทำให้เธอสามารถปลดแอก
จากบางอย่างที่หนักอึ้งลงไปได้บ้าง…

แม้ความสนุกจะลดลง แต่เธอเชื่อว่าสายงานด้านนี้คงพอจะมีความท้าทายอยู่บ้าง…

“ผมต้องขอโทษคุณด้วย…ที่ต้องบอกคุณว่า…” นุฮาเอ่ยเริ่มประโยคแรก
ด้วยท่าทางประดักประเดิดอยู่ไม่น้อยเมื่ออะสุเซน่าก้าวเข้ามาในห้องของเขา
เพื่อรายงานตัว…หญิงสาวยืนสงบมือกุมวางไว้ด้านหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ
รอฟังเรื่องที่เธอคิดว่ามันคงอยู่เหนือความคาดหมายเป็นแน่แท้

“แม่ผม…” นุฮาไม่รู้จะพูดอย่างไร เพราะมารดาของเขาเหมือนนกรู้
จริงๆแล้วไม่เคยมีความเปลี่ยนแปลงอะไรในชีวิตเขาที่มารดาจะไม่รู้

“ท่านอยากได้คุณไปเป็นทนายส่วนตัว…”

คำบอกเล่านั้นทำให้คนที่ยืนก้มหน้าอยู่ถึงกับเงยหน้ามองเจ้าของห้อง
ท่ีนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานที่มีแฟ้มสูงพะเนินวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบก็จริง
หากบนโต๊ะแทบไม่มีพื้นที่ว่าง ถ้าเขาไม่ใช่คนที่มีรูปร่างสูง ระดับความสูง
ของแฟ้มพวกนี้คงสูงเกินระดับศีรษะของเขาในยามที่เขานั่งอยู่อย่างแน่นอน…

และเหมือนว่าเขายุ่งจัดขนาดที่พูดกับเธอไปสายตาก็กวาดอ่านเอกสารตรงหน้าไปด้วย

“ขอเหตุผลได้มั้ยคะ…” หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงหนักแน่น…

ไม่หวาน หากก็ไม่ได้ห้วน แต่มันก็ทำให้คนที่นั่งอ่านเอกสารอยู่
ต้องเงยหน้าขึ้นมองเธอจนได้…เขาสบตาเธอแล้วก้มลงไปจัดการกับเอกสารกองโตต่อ
ปากเขาก็พูดอธิบายว่า

“แม่ผมไม่พอใจที่ผมจะมีทนายส่วนตัวเป็นเพศตรงข้าม…”

เพศหญิงน่ะสิ หญิงสาวนึกแปลในใจ…แล้วทำมาพูดให้เราต้องตีความอีก…
คนจบกฎหมายมาอย่างเธอรู้ดีว่าคำๆนั้นมันบ่งชี้มาที่…ตัวเธอนี่แหล่ะ…

“แล้ว…ท่านเสียดายความสามารถของคุณ…อยากได้คุณเป็นที่ปรึกษา
ด้านกฎหมายระหว่างประเทศ…เลยขอตัวคุณไปเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายส่วนตัว
ของท่านแทน…” เขาเอ่ยขึ้นก่อนจะช้อนตามองหญิงสาวที่ยังคงยืนสงบนิ่งไม่ไหวติง

“คุณจะนั่งก็ได้…เชิญครับ…” ชายหนุ่มผายมือไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม
ที่อยู่อีกฟากหนึ่งของโต๊ะแล้วก้มหน้าตวัดปลายปากกาลงไปบนกระดาษ
ที่เขาเพิ่งอ่านไปหมาดๆ

“ไม่เป็นไรค่ะ…จะยืนหรือจะนั่งค่าเท่ากัน…”

เท่านั้นแหล่ะ คนที่ก้มหน้าก้มตาวุ่นวายกับกองเอกสารอยู่ก็ได้เวลา
เงยหน้าขึ้นมองคนที่ยืนกรานที่จะยืนกระต่ายขาเดียวในห้องทำงานของเขา

“ค่าเท่ากันยังไง…” นุฮาเลิกคิ้วมองคนที่ยืนห่างเขาเกือบสองเมตร
ถ้าก้าวถอยหลังอีกไม่กี่ก้าว หลังก็ชนกับประตูห้องแล้ว

“เพราะไม่ว่าจะยืนหรือนั่ง แฟ้มพวกนี้ก็เป็นกำแพงกั้นระหว่าง
การสนทนาตกลงเรื่องงานระหว่างคุณกับฉันอยู่ดี…”

นุฮาใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม แทบอยากจะยิ้มออกมาเมื่อรู้ว่าสิ่งที่เธอพูดมันไม่ได้
ไกลจากความจริงเลย…หากก็ยังคงตีหน้าเฉยเอาไว้ได้อย่างแนบเนียน
มองแววตาที่ดูแกร่งกล้าของอีกฝ่ายนิ่งแล้วกระดกไหล่

“ถ้าอยากจะยืนก็ยืน อยากจะนั่งก็นั่ง…คุณเลือกได้อย่างอิสระ…
แต่สำหรับตำแหน่งงานของคุณแล้ว…ผมคงขัดพระประสงค์ของเบื้องบนไม่ได้…”

หญิงสาวฉุดยิ้มที่มุมปากให้กับท้ายประโยคนั่นรวมถึงน้ำเสียงของเขา
ที่ดูจะเป็นการสัพยอกบุคคลที่สามที่เอ่ยถึงอยู่ในที

…เธอพอจะเข้าใจว่ามารดาของเขาย่อมต้องหวงแหนลูกชายคนเดียว
เลยต้องก้าวเข้ามาเพื่อกันท่าลูกชายจากผู้หญิงอื่น…

คนรวยมากๆมักทำกันอย่างนี้ เธอที่เป็นเด็กรับใช้ในบ้านของซุลก๊อตไนท์
และเป็นอะไรต่อมิอะไรมามากต่อมากแล้วซาบซึ้งเรื่องพื้นฐานเช่นนี้มาไม่น้อย

ที่สำคัญเหนือสิ่งอื่นใด มหาเศรษฐีไม่ว่าจะเป็นคนชาติไหน อยู่ดินแดนไหน
หากมีนิสัยอยู่อย่างนึงที่เหมือนกันทุกชาติไปคือ…

การเฝ้าระวังสมบัติซึ่งเป็นสิ่งที่คนรวยจะปล่อยปละละเลยไม่ได้…

ยิ่งสมบัติล้ำค่าอย่างบุตรชายคนเดียวเช่นนี้…แม่ที่ไหนก็ย่อมต้องหวงแหนเป็นธรรมดา…

เธอรู้จักมารดาของเขาผ่านทางคุณลุงของเธอ…เพราะการที่จะไปสมัครงานที่ไหน
เธอย่อมต้องทำการบ้าน ยิ่งรู้ว่าได้งานที่นี่ยิ่งต้องทำการบ้านเพิ่ม…
จึงไม่ยากที่เธอจะรู้ว่ามารดาของเขามีทนายประจำตระกูลอยู่แล้วแถมไม่ใช่แค่คนเดียว…
แล้วจะเอาเธอไปเกะกะทำไม…

ถ้าไม่ใช่เพราะต้องการจะกันท่า!

แต่ก็ไม่อยากหักหาญน้ำใจกัน เกมง่ายๆแค่นี้ทำไมเธอจะอ่านไม่ออก

“ฉันเข้าใจค่ะ…แต่ก็อยากจะบอกกับคุณว่า…ที่ผ่านมาฉันได้รับบทเรียน
อย่างแสนสาหัสมาแล้ว…และฉันตั้งใจมาที่นี่เพื่อมาทำงานค่ะ
ไม่ได้มาเพื่ออย่างอื่น…ไม่เคยคิดเรื่องอื่นหรือหวังอย่างอื่น…
และไม่เคยต้องการอะไรมากไปกว่าการได้ทำงานที่ได้รับมอบหมายมาให้ดีที่สุดเท่านั้น…

เพราะเรื่องบางเรื่องเมื่อเลือกที่จะหันหลังให้กับมันแล้ว ฉันก็ไม่คิดที่จะแสวงหามันอีก…

ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาส แต่ฉันคงรับไว้ไม่ได้…ลาล่ะค่ะ…”

พูดจบหญิงสาวก็หันหลังกลับทันที…เดินออกจากห้องไปโดยที่นุฮาที่ยังนั่งอึ้งอยู่
อ้าปากเรียกเธอเอาไว้ไม่ทันด้วยซ้ำ…

“เฮ้ย…บัว…” ชายหนุ่มผุดลุกแล้วรีบก้าวตามหญิงสาวออกไปทันที…
แต่กลับไม่พบร่างนั้นแม้แต่เงา…

“หายไปไหนเนี่ย…ทำไมไวอย่างนี้…” นุฮาเปรยออกมาอย่างไม่คาดคิด
ก่อนจะหันไปทางเลขาหน้าห้องที่ยืนส่งยิ้มแหยๆให้เขา

“ไวครับ…ผมมองแทบไม่ทันด้วยซ้ำ…”

“โทรตามเขาให้หน่อยสิ…มีเบอร์ส่วนตัวเขาใช่มั้ย…” แน่นอนว่าย่อมต้องมี…
อย่างน้อยก็ในประวัติการสมัครงาน…

“ครับ…” เลขาหนุ่มทำตาม หากไม่ว่าจะกดหาสักกี่ครั้งก็ไร้การตอบรับกลับมา

“ไม่มีเสียงตอบรับครับ…”

“คุณทำยังไงก็ได้เพื่อให้เขากลับมาทำงานที่นี่…” นุฮากำชับเลขา
เสียงหนักแน่นก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไป





“ว่าไง…ไหนล่ะเลขาส่วนตัวของแม่…” นุฮาที่ย่างเท้าเข้าบ้านก็พบกับเสียงต้อนรับ
ที่พาลทำเอาอารมณ์ขุ่นมัวของเขาเริ่มก่อตัวอีกครั้ง
หากพยายามกักเก็บมันไว้แล้วยิ้มให้มารดา

“หายตัวไปแล้วครับ…ไร้ร่องรอยซะด้วย…” คนฟังถึงกับถลึงตา

“ทำไม เกิดอะไรขึ้น…” นุฮากระดกไหล่เพียงนิด

“ไม่ทราบครับ…” พูดจบก็ก้าวเท้าหมายจะเดินขึ้นไปยังห้องส่วนตัว
หากกลับโดนมารดารั้งแขนเอาไว้

“ไหน…บอกแม่มาก่อนว่าเด็กคนนั้นทำอะไรไว้…คิ้วเราถึงผูกโบว์ขนาดนี้…
และไม่ต้องมาซ่อน…บอกมาซะดีๆ…”

“อย่าเรียกว่าเด็กเลยครับ…นั่นน่ะไม่ใช่เด็กๆแล้ว…” นุฮาบอกมารดาด้วยสีหน้าเฉยชา

“แล้วไง…ไม่ใช่เด็กแล้วไง…แล้วไหนว่าวันนี้จะพามาแนะนำแม่…”

“ผมไม่ทันได้พูดอะไรสักเท่าไหร่เลย…เขาก็พูดๆๆแล้วขอบคุณ
ก่อนจะบอกลา…แล้วเดินจากไปเสียดื้อๆ…”

คนเป็นแม่คิ้วชนกัน มองลูกแล้วใคร่ครวญ

“น่าสนใจ น่าสนใจ…” ซูฮาน่าพยักหน้าแล้วเปรยออกมาเบาๆ

“ถ้าแม่สนใจ แม่ก็ไปตามหาเอาเองก็แล้วกันนะครับ เพราะผมขี้เกียจ
นี่งานก็ยุ่งจนหัวหมุนเหมือนอยู่ตรงใจกลางตาพายุแล้ว…”

พูดจบคนเป็นลูกก็เดินขึ้นห้องไป ปล่อยให้ผู้เป็นมารดามองตามด้วยแววตาประหลาดใจ

ร้อยวันพันปี ลูกชายของนางไม่เคยมีสภาพเหมือนหมีกินผึ้งมาก่อน…
ต่อให้งานหนักหรือเจอปัญหาปวดหัวแค่ไหน นุฮาก็ยังคงยิ้มได้…
และคอยเป็นคนปลอบและให้กำลังใจชาวบ้านตลอด

หรือว่าลูกเรากำลังจะเข้าสู่วัยทองพร้อมแม่…






คนที่บอกว่าขี้เกียจจะไปตามหาทนายความที่เขาเป็นคนสัมภาษณ์
เข้ามาทำงานด้วยตัวเองกลับนั่งทำงานอย่างไม่เป็นสุขนักเมื่อผ่านไปเป็นสัปดาห์แล้ว
แต่ไม่มีใครติดต่อหญิงสาวได้…

เพราะไอ้ความอยากรู้อยากเห็นนี่แหล่ะ ที่ทำให้เขากระวนกระวาย
อยากรู้ว่าเธอคิดอะไรถึงได้เดินออกจากห้องทำงานเขาไปเสียดื้อๆแบบนั้น…

แล้วไอ้ประโยคสุดท้ายนั่นอีกที่คอยกวนตะกอนในใจเขา
ให้นึกอยากจะถามไถ่ให้ลึกลงไป…

นุฮาเลยตัดสินใจลางานครึ่งวันเพื่อไปถามหาเธอกับลุงของเธอ
ที่เขารู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี

“ไม่นี่ครับ…บัวเขาไม่ได้มาหาลุงเลยตั้งแต่กลับมาจากไปทำงานวันแรกที่บริษัทคุณ…
เห็นบอกกับลุงว่าเขาสนใจงานอีกที่ที่อยู่ใกล้ๆบ้านเขา…จะได้อยู่กับแม่เขาน่ะ…”

นั่นคือคำตอบที่เขาได้รับเมื่อถามไถ่เรื่องหลานสาวของทนายความใหญ่
ประจำตระกูลวรรัศมิ์สกุลที่เขาอุตส่าห์เดินทางมาถามถึงที่บ้านของท่าน

“แล้วปกติเขาอยู่ที่ไหนหรือครับ…”

“ตั้งแต่รอดจากเพลิงไหม้มา เขาก็อยู่กับแม่เขาน่ะแหล่ะคุณนุ…”

นุฮานึกถึงบ้านและที่อยู่ที่เธอเขียนไว้ในประวัติ…

ซึ่งมันอยู่ที่เกาะหลีเป๊ะ จังหวัดสตูล

“ผมหมายถึงถ้าเป็นในกรุงเทพฯน่ะครับ…”

“ก็บ้านลุงนี่แหล่ะครับ…เวลาขึ้นมาทีไรเขาก็มาพักอยู่ที่นี่กับลุง…
บัวเขาไม่ได้อยู่คอนโดอะไรหรอก…เขาบอกว่าไม่ชอบอยู่ตึก
เพราะอยู่มาจนเบื่อแล้ว…ส่วนบ้านอะไรในกรุงเทพฯเขาไม่มีหรอก
แม่เขาไม่ชอบอยู่เมืองใหญ่…เพราะเป็นภูมิแพ้…”

ชายสูงวัยบอกเล่าพลางจับตามองคนรุุ่นลูกรุ่นหลานไปด้วย
ตามประสาทนายความในสายเลือด

“ลุงเป็นคนชวนเขามาทำงานที่กรุงเทพฯเองแหล่ะครับ…
เพราะเสียดายความสามารถเขา…ที่เอาไปโยนทะเลเสีย…”

นุฮาเห็นด้วย คนที่เรียนจบมาด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งจากมหาวิทยาลัย
ที่มีชื่อเสียงระดับโลก แถมยังจบมาในสาขาที่ไม่ได้เรียนจบกันมาได้ง่ายๆอีก

ประวัติหน้าที่การงานก็บ่งบอกได้ดีถึงความสามารถเช่นนั้น
ไม่ควรไปเป็นชาวเกาะอยู่กับทรายกับน้ำทะเลทำตัวไม่สมกับความสามารถที่มี

…เธอควรจะออกมาสร้างประโยชน์ให้ชาวบ้านได้มากกว่านั้น…

“แล้วเขาไปทำอะไรที่บ้านนายก๊อตครับลุง…” อดไม่ได้ที่จะถามออกไปตรงๆ
ทำเอาคนโดนถามถึงกับลอบกลืนน้ำลายลงคอ

“เป็นงานส่วนตัวของเขา ลุงคงไปก้าวก่ายไม่ได้…” นั่นคือคำตอบ
ตามแบบฉบับของพวกทนายที่มีทักษะในการหลบหลีก

“หวังว่าคงไม่ใช่แค่ไปทำหน้าที่รับจ้างกวาดบ้านถูบ้านให้ก๊อตเขาหรอกนะครับ…
เพราะดูจากวุฒิการศึกษาแล้ว…ผมว่าเป็นได้ยิ่งกว่าแม่บ้านด้วยซ้ำ…
ในกรณีทีี่เขาอยากจะทำงานอยู่แต่ในบ้านนะครับลุง”

นุฮาเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะมองหาแก้วน้ำดื่ม
แต่นึกขึ้นมาได้ว่า เขากำลังถือศีลอดอยู่…และเมื่อเห็นอีกฝ่ายเอาแต่นั่งเงียบ
ไม่ยอมเปิดปากพูดอะไร นุฮาเลยถามขึ้นอีกว่า

“ผมจะไม่ก้าวก่ายเรื่องนั้นก็ได้ครับ…แต่ขอถามได้มั้ยครับว่า ทำไมเขาถึงเป็นตำรวจ
แล้วทำไมถึงลาออกจากการเป็นตำรวจ…”

คนถูกถามหันมามองคนถามทันที ชั่งใจอยู่นานว่าจะพูดอย่างไร…

“บัวเป็นเด็กมีอุดมการณ์มาแต่เด็กๆแล้วครับ…เขาฝันอยากเป็นตำรวจ
มาตั้งแต่อยู่อนุบาลแล้ว…เพราะพ่อเขาเป็นตำรวจสากล…
เขาอยากเจริญรอยตามพ่อเขา…คือ…ตอนเขาเรียนจบประถมวัย
พ่อเขาก็มาเสียชีวิตน่ะครับ…” นุฮาเลิกคิ้วสูงเลยทีเดียว

“ทำไมครับ…”

“ตายในหน้าที่…มีการต่อสู้ระหว่างคนร้ายกับทางตำรวจ…
ตำรวจในที่เกิดเหตุตายเกลี้ยง…สิบนาย รวมทั้งพ่อเขาด้วย…
ส่วนคนร้ายหนีรอดไปได้หมด…ตัวประกันตายสอง บาดเจ็บอีกมากมาย…
เป็นความล้มเหลวของปฏิบัติการชิงตัวประกันก็ว่าได้…ข่าวหลายกระแสต่างประโคม
ตำหนิการทำงานของตำรวจที่ไร้ศักยภาพ…แต่เจ้าบัวไม่เชื่อ…”

เสียงนั้นหยุดไปนิดนึงก่อนจะมองหน้านุฮา
แล้วเล่าต่อเมื่อเห็นแววตาไหววูบระคนใคร่รู้อยู่ไม่น้อยของอีกฝ่าย

“เพราะเขาอยู่กับพ่อเขาในตอนนั้นด้วย…เขาเล่าว่าพ่อเขาบอกเขาก่อนสิ้นใจว่า…
คนร้ายที่ฆ่าพ่อเขาคือตำรวจไม่ใช่คนร้าย…ทีมของพ่อเขาตอนนั้นมีสิบเอ็ดคน…
เขาย้ำว่าพ่อเขาบอกว่าสิบเอ็ดคน…เขาพูดแบบนี้มาตลอดเวลาครบรอบวันตาย
ของพ่อเขา…” นุฮาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเป็นปม

“เขาไปอยู่กับพ่อเขาในที่เกิดเหตุได้ยังไงครับ…”

“เหตุเกิดในโรงเรียนของเจ้าบัวน่ะสิ…คนร้ายยึดโรงเรียนเป็นฐานที่มั่น
จับตัวครูและเด็กเป็นตัวประกัน…เจ้าบัวคือหนึ่งในตัวประกัน…”

นุฮาถึงกับเบิกตากว้างเลยทีเดียว…

“พ่อเขาเป็นตำรวจน้ำดี เด็ดเดี่ยว ใจกล้า ทำคดีใหญ่ๆมามากต่อมาก
ถ้าทำผิดกฎหมาย…ใหญ่แค่ไหนพ่อเขาเอาเข้าคุกมาแล้ว…
ยศก่อนตายตอนนั้นระดับสารวัตรใหญ่แล้วนะคุณ…ตอนนั้นยังหนุ่มยังแน่น
ไฟยังแรงอยู่…แต่อนาคตต้องมาดับลงอย่างน่าเสียดาย…”

นุฮาพอจะเข้าใจแล้วว่าเหตุใดคนเป็นลูกจึงอยากเจริญตามรอยพ่อ
เธอคงจะภูมิใจในตัวพ่ออยู่ไม่น้อย หากพอได้ยินถ้อยคำต่อมา
ทำเอาความคิดเมื่อครู่ของนุฮาเปลี่ยนไปทันที

“เขาคร่ำเคร่งกับการสอบเข้ามหาลัยดังให้ได้ ใครห้ามไม่ฟัง
เขาบอกว่าเขาจะสอบเข้าให้ได้…มันดูมีเป้าหมายจนใครก็ทัดทานเอาไว้ไม่อยู่…
จนในที่สุดเขาก็สอบได้…พร้อมกับเฉลยว่า…ลูกสาวของคนที่ฆ่าพ่อเขา
เรียนกฎหมายอยู่ที่นั่น…และเขาจะต้องเป็นเพื่อนกับลูกสาวคนๆนั้นให้ได้…”

“เขารู้ เขาจำหน้าตำรวจคนที่ไม่ตายในเหตุการณ์ได้…คุณนุว่าแปลกมั้ยล่ะ…
และไม่เคยเอ่ยปากบอกใครในเรื่องนี้เลย…เขาบอกว่า พ่อเขาไม่ให้พูด บอกว่าอย่าพูด…
เขาก็ไม่เคยบอกลุงหรือใครเลยนะว่าคนๆนั้นเป็นใครชื่อเสียงเรียงนามอะไร…

จนวันที่เขาจับตัวคนนั้นพร้อมหลักฐานมัดตัวจนดิ้นไม่หลุด
ไปรับโทษประหารได้นั่นล่ะ…เขาถึงได้บอก…”

นุฮาลอบกลืนน้ำลายเลยทีเดียวเมื่อได้ฟังประวัติของหญิงสาวหน้าเด็ก
แต่ฝีมือดูจะไม่เด็กเสียแล้วสิ

“คุณรู้แล้วจะหนาว เพราะว่าคนๆนั้นคือเพื่อนสนิทของพ่อเขาเอง…
เขาจำหน้าเพื่อนพ่อเขาคนนี้ได้แม้เจอกันแค่สองครั้ง และเขาบอกว่า
เขาเห็นเพื่อนพ่อเขาคนนี้ในที่เกิดเหตุวันนั้นด้วย…คนที่ไม่ตาย และรอดคนเดียว
ตำรวจคนที่สิบเอ็ดในทีมพ่อเขา…ทั้งๆที่ไม่มีชื่อตำรวจนายนี้ปรากฏในเหตุการณ์นั้นเลย…
แต่เขายืนยันว่าเขาเห็นกับตาของเขา…ผ่านทางหน้าต่างห้องตอนเขาพยายามจะปีนหนี…”

นุฮาพยักหน้าพลางคิดตาม เด็กวัยสิบสองขวบนี่ประมาทไม่ได้เลย

“แสดงว่าเขารู้จักการตีความคำพูดของพ่อเขาก่อนสิ้นใจได้ตั้งแต่อายุสิบสองขวบ…”
คนเป็นลุงของบุคคลที่ถูกกล่าวถึงส่ายหน้า

“สิบขวบครับ ตอนนั้นแค่สิบขวบ เขามีพัฒนาการที่ก้าวหน้ากว่าเด็กในรุ่นเดียวกัน
แต่ก็ไม่ถึงกับเป็นอัจฉริยะอะไรหรอก…”

“แล้วจับได้ตอนไหนหรือครับ…”

“คุณคงได้ยินคดีพ่อค้ามนุษย์ระดับสากลโดนโทษประหารชีวิต
ทางหน้าสื่อต่างๆมาบ้างเมื่อสามปีก่อน…นั่นล่ะ…คนนั้นเลย…”

นุฮาถึงกับนึกถึงประสบการณ์ที่ในเรซูเม่ของเธอที่เขาได้อ่าน
เขาไม่คิดว่าคดีใหญ่ๆที่เธอเขียนไว้ มันจะเป็นคดีนี้…

“คดีนายตำรวจใหญ่ร่วมกับขบวนการค้ามนุษย์น่ะหรือครับ…”

ทนายความใหญ่พยักหน้าด้วยแววตาที่แฝงความภาคภูมิใจ
ในประวัติการทำงานของหลานสาวอยู่ไม่น้อย

“คดีฉ้อโกงอีกเป็นหางว่าวด้วยนะนั่นที่พ่วงตามมา…”

“ไม่รู้ว่าจะเรียกการกระทำนี้ของหลานลุงว่าการแก้แค้นหรือว่า
ความยุติธรรมดีนะครับเนี่ย…ดูเหมือนมันใกล้กันแค่เส้นยาแดงผ่าแปด”

“ลุงว่าทั้งสองอย่างนะ…นานๆจะเห็นมันรวมกันแล้วเป็นผลดี…”
ชายสูงวัยหัวเราะน้อยๆในลำคอ

“แล้วทำไมอยู่ๆเขาถึงลาออกซะล่ะครับ…” มาถึงคำถามนี้ทำเอา
ทนายความใหญ่ถึงกับชะงักไป…

“เอ่อ…เรื่องนี้คุณนุคงต้องไปถามเจ้าบัวเอาเองแล้วล่ะ…เพราะลุง
ไม่อยากตอบแทนเขา…”

“มันเกี่ยวกับคดีนี้รึเปล่าครับ…” ชายสูงวัยยิ้มบาง หากกลับไม่ได้
ไขข้อข้องใจใดๆให้นุฮาเลย นอกจากประโยคที่ทิ้งให้เขาได้คิดต่อว่า

“ผู้หญิงต่อให้เข้มแข็งและเก่งกาจสักแค่ไหน ก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่วันยังค่ำ…
เปลี่ยนเป็นอื่นไม่ได้…" ชายสูงวัยเอ่ยเสร็จก็พ่นลมหายใจออกมา

"ลุงกลับดีใจซะอีกที่เขาหลุดออกมาจากวงโคจรนั่นได้สักที…
ดีใจที่เขากลับมาอยู่เมืองไทยกับแม่เขาเสียที…”

นุฮาอดไม่ได้ที่จะถามในสิ่งที่ข้องใจอีกอย่างไปว่า

“เขาไม่คิดจะวิสามัญคนที่ฆ่าพ่อเขาบ้างหรือครับ…” คนฟังถึงกับ
ยิ้มกว้างก่อนจะส่ายหน้าไหวๆ

“ไม่หรอก…เขาบอกว่า…คนแบบนั้นให้ตายในหลักประหารนั่นล่ะเหมาะสมที่สุดแล้ว…
เพราะคนที่โดนประหารความทรมานมันอยู่ตรงที่รู้เวลาตายอย่างแน่ชัด…
ความกลัวตายชนิดนั้นมันยิ่งกว่าความตายท่ีตายแบบฉับพลันหลายเท่า…
เจ้าบัวเขาเชื่อของเขาอย่างนั้น…เพราะบางคนกลัวจนขี้แตก…
เหมือนคนบ้าคนเสียสติก็มี…" ชายสูงวัยพูดไปก็นึกถึงใบหน้าหลานสาวไปด้วย
ยิ่งตอนที่ได้เห็นหน้าหลานสาวตอนกลับมาบอกข่าวนี้กับเขา เขายิ่งจำได้ติดตา

"เขาว่าคนที่ฆ่าคนตายมานับไม่ถ้วน เห็นชีวิตคนอื่นเป็นสิ่งไร้ค่่า…
เหยียบย่ำชีวิตมนุษย์มามากต่อมากแบบนั้น…ก็ควรได้รู้จักคุณค่าของชีวิต
ของลมหายใจว่ามันมีค่าแค่ไหนในทุกๆเสี้ยววินาที…ก่อนที่ความตายจะมาเยือน…”

นุฮานึกแล้วก็ได้แต่ลอบถอนใจ

ไม่แปลกเลยที่เขาจะเห็นแววตาคู่นั้นฉายแสงแรงกล้าในบางคร้ัง
และอ่อนล้าในบางคราว…

“คุณนุรู้มั้ย…ว่าหลังจากวันที่พ่อเขาตาย ไม่เคยมีใครได้เห็นน้ำตาของเจ้าบัวอีกเลย…
แม้แต่หยดเดียว…ขนาด…” คนที่พูดรีบหยุดคำพูดลงทันที
เมื่อนึกขึ้นได้ว่าไม่สมควรที่จะพูดต่อไป…

ทำเอาคนฟังเริ่มอยากรู้…หากก็รู้ว่าถ้าคนผู้น้ีไม่อยากพูด ง้างปากคงยาก

“แล้วผมจะหาตัวเธอได้ที่ไหนครับ…” นุฮาไม่อ้อมค้อมพร้อมกับเอ่ยต่อไปอีกว่า

“แม่ผมสนใจอยากได้เธอไปช่วยเรื่องคดีความยุ่งๆในตอนนี้น่ะครับ
คุณลุงคงรู้ว่าตอนนี้…บ้านผมแทบลุกเป็นไฟ…” ชายสูงวัยพยักหน้า
อย่างเข้าอกเข้าใจ

“เพราะหนึ่งคือ เธออยู่ในบ้านนายก๊อตมาตลอด…น่าจะรู้ตื้นลึกหนาบางบางอย่าง…
แม่ผมอยากได้ข้อมูลเพื่อคดีจะได้คลี่คลายและจบสิ้นกันไปเสียที…

บอกตรงๆครับว่าผมเองก็ไม่แน่ใจกับสถานการณ์ปัจจุบันสักเท่าไหร่…
ทุกอย่างมันดูคลุมเครือไปหมด…”

“ลุงเข้าใจ…ถ้าคุณนุอยากเจอเจ้าบัว ลุงคิดว่าเขาไม่ได้ไปไหนไกล
จากแม่เขาหรอกครับ…เกาะหลีเป๊ะ…คุณนุเคยไปรึยังครับ”

ชายหนุ่มส่ายหน้า เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงเรียงนามว่าเป็นเกาะที่สวยงาม
แต่เขาก็ไม่เคยมีเวลาไปฝากรอยเท้าเอาไว้บนผืนทราย ณ ที่แห่งนั้นสักที…

“งั้นลองไปเที่ยวดูสักครั้ง รับรองจะติดใจ…”

“เบอร์ติดต่ออะไรไม่มีเลยหรือครับ…”

“ถึงมีก็ใช่ว่าจะติดต่อได้ หรือว่าคุณนุติดต่อได้
ถ้าได้ก็คงไม่มาหาลุงถึงนี่หรอกใช่มั้ย…”

นุฮามองคนแก่ที่แสนจะรู้เท่าทันชาวบ้านเขาไปทั่ว
กิติศัพท์ด้านนี้ใครๆต่างเล่าขานกัน เขาเองก็เชื่อว่า
ทนายความใหญ่ของวรรัศมิ์สกุลไม่ธรรมดานัก…

ขนาดหลานสาวยังทำคดีใหญ่โตมาแล้วเลย…แล้วตรงหน้าเขาเล่า…







.........โปรดติดตามตอนต่อไป.................

เอามาให้ 50% ก่อนนะคะ...แล้วค่อยกลับมาปั่นต่อให้กันอีกในเร็วๆนี้...อิอิ


ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ ^o^



.........ตอบเม้นท์ค่ะ...............


1.คุณcoonx3.....ฟาร์มลับของตาก๊อตยังมีอีกเพียบนะงานนี้
แต่โยจะค่อยๆเปิด แล้วจะกระชากทีเดียว...เพราะจะว่าก๊อตโง่มาแต่ต้น
เสียทีเดียวจนไม่เอะใจอะไรเลยนั้น มันก็ไม่เชิงน่ะค่ะ
เพราะมีหลายๆจุดให้ก๊อตเขาเอะใจ เพียงแต่ว่ามันเป็นเพียงจุดเล็กๆ
และเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องของไสยศาสตร์มาก่อน
ส่วนเรื่องพี่นุเอาคืนนั้น...ต้องมาดูกันค่ะ...ฮ่าาาาาา

2.คุณPampam...นั่นสิ...อ้อนเมียได้ แต่กับพี่นุจะอ้อนยังงายยยย...เหอๆ
โยก็ว่าน่าจิ้นดูนะว่าก๊อตจะหาลูกอ้อนยังไงไปอ้อนพี่นุ...อิอิ

3.คุณคิมหันตุ์...พี่นุแกไม่ยอมให้เงาะกระป๋องของเต่าท้าทายโดยไม่ยอม
ทำอะไรหรอกค่ะงานนี้ ยังไงๆ อายุแกก็ควรจะลงจากคานได้แล้วเนอะ...ฮาาาาา


4.คุณkonhin...นั่นน่ะสิๆๆๆ...ปีที่ผ่านๆมาเกิดอะไรขึ้นกับหญิงวาบ้าง...
ซึ่งคนที่จะให้คำตอบนี้ได้มีเพียงตาก๊อต(ซึ่งตอนนี้ก็ยังรู้ไม่หมดอีก)
กับนาดีมและแม่นาดีมค่ะ...ซึ่งถ้าให้รู้จริงต้องเอาที่ก๊อตรู้กับที่นาดีมทำไว้
มาประกบกันถึงจะเห็นภาพชัดขึ้น(นาดีมเลยยังตายไม่ได้ไง)...อิอิ
และก็ยังมีแม่ของวาอีกคนที่รู้แต่ก็รู้ไม่หมดเช่นเดียวกัน...แต่แม่วาตายไปแล้วนี่เนอะ...
เฮะๆ หากสังเกตแม่วาบอกวาก่อนตายว่าพยายามช่วยวาหลายครั้งแล้วแต่ทำไม่สำเร็จ
จนครั้งสุดท้ายที่ช่วยได้...แล้วรีบใช้ให้วาไปหาอาจารย์การีมทันทีทันใด...
ซึ่งโยยังไม่ได้ทำให้ประเด็นนี้กระจ่างนัก แย๊บๆออกไปนิดๆตอนที่ก๊อตกดหัววา
ลงในอ่างอาบน้ำไว้แค่นั้น... ซึ่งมันมีเบื้องลึกเบื้องหลังอีก...
แต่นาดีมก็เชื่อว่าเป็นเพราะก๊อตที่ทำให้วารู้สึกตัวตื่น...ส่วนก๊อตจะคิดยังไง
ต้องมาควักหัวใจก๊อตดูกันค่ะ...เพราะก๊อตนั้นคลุกคลีกับวามากกว่าใครทั้งหมด
ในช่วงเวลานั้น...ย่อมเห็นความเป็นไปตลอด...เว้นแต่เมื่อก่อนเขาปักใจเชื่อ
อีกแบบเท่านั้นเอง...เพราะแปดปีที่ห่างกันไปน่ะค่ะ...
ทำให้คิดว่า คนเราย่อมเปลี่ยนแปลงกันได้...แล้วก๊อตเขาไม่ได้เชื่อ
เรื่องไสยศาสตร์อะไรเทือกนั้นว่ามันจะยังมีคนทำกันอยู่อีก...

ถ้าอ่านตอนแรกๆ บทแรกๆเลยที่ก๊อตไม่ค่อยเชื่อวาหาว่าวาเล่นละครนั้น
ยังมีหลายๆคนบอกว่า วามีบุคลิกหลายแบบ...แสดงละครเก่งบ้างอะไรบ้าง
(ทั้งๆที่ปกติวาแสดงอะไรไม่เก่งเลย ตาก๊อตก็รู้ว่าวาจริงๆแสดงอะไรไม่เก่ง)
จนวาจะดียังไงก็ไม่ใคร่มีใครประหลาดใจมากมายในตอนแรก ค่อยๆมาเอะใจ
ในตอนหลัง ขนาดป้าทิพย์ยังไม่เชื่อวาเลย...แต่กับเด็กบัวนั้นลังเลในตอนแรก
แต่มีนัยยะซ่อนเร้นมาตลอด(เพราเป็นนักสืบนี่เนอะ)...มันก็มีสาเหตุค่ะว่าทำไม...
ดังนั้น...ต้องมารอดูกัน...

เพราะแม่ลูกคู่นั้นวายร้ายแสบเสมอนะคะ...ที่สำคัญ...เขาวางแผนกันมาตลอด
ตรงไหนมีรอยรั่ว มีหรือที่สองแม่ลูกจะไม่หาทางอุด...แต่จะอุดด้วยวิธีไหนนั้น
ยังไม่เฉลยทีเดียว แต่จะค่อยๆปล่อยออกมาค่ะ...นักอ่านต้องค่อยๆเก็บๆไปน้าาาา
พอปล่อยเสร็จก็จะสาวปมให้จ่ะ...อิอิ
เพราะไอ้ที่พี่นุแกต้ังหน้าตั้งตาล้วงตับเด็กบัวก็มีผลเช่นกัน เพราะว่าบัวอยู่ในบ้านหลังนั้น
ตั้งแต่นาดีมยังเป็นนายหญิงค่ะ...นับว่าเข้าไปอยู่ในบ้านนั้นตั้งแต่ต้นเลย
และอยู่มาตลอดจนบ้านโดนเผา...อยู่แบบชนิดไม่ได้ไปไหนไกลตา...
และบัวก็เป็นสายลับของแม่ก๊อต ไม่ใช่คนของก๊อตนะคะ...ย้ำเลย! ^o^

ปล.เรื่องกุญแจ 3 ดอกไขปริศนาจำได้มั้ยคะ นั่นแหล่ะๆ...
สามหนุ่มสามมุมของเต่าเป็นผู้ถือมัน...ที่ก๊อต 1 ที่พี่นุ 1 และที่วารินทร์อีก 1
รวมกันก็กลายเป็นกุญแจไขเงามาร อิอิ ส่วนคนไขมัน...นั้นใคร...ม่ายยยยบอก....
ฮ่าาาาาา(เดี๋ยวมาม่่าเต่าเข้าลมอ่ะ)5555 ตอนแรกว่าจะให้จบที่ 40 ตอนเศษๆ
แต่พอปั่นเข้าจริงๆ สงสัยจะไม่ใช่แล้ว ต้องรอดูก่อนค่ะว่าจะจบที่เท่าไหร่
กะยาก เพราะว่า...เรื่องนี้ค่อนข้างซับซ้อนกว่าเรื่องอื่นๆที่เคยเขียนมา...เหอๆ
และที่สำคัญเต่าเปลี่ยนสไตล์การเล่าเรื่องและการลำดับเรื่องด้วย แบบว่าอยากทดลองดู...
(นี่ขนาดว่าแต่ละตอนโคตรยาวแล้วนะเนี่ย) ฮ่าาาาา แต่สบายใจได้ค่ะว่า
ไม่ยาวเท่า "คานน้อย คอยรัก" แน่ๆ...เฮะๆๆๆ

เอิ่ม...คิดๆแล้วก็ถามตัวเอง สรุปว่าเราเขียนแนวดราม่าหรือว่าสืบสวนสอบสวน...เหอๆ
แบบว่ากลิ่นมันตุๆเนอะ...อย่าเพิ่งอ่านไปมึนไปนะคะ...ถามเต่าได้
ถ้าเต่าตอบได้โดยมาม่าไม่เข้าลม เต่าตอบหมด...ฮ่าๆๆๆๆ
เพราะคิดว่า นักอ่านท่านอื่นๆก็อาจจะฉงฉัยเหมือนกัน แค่ไม่ถาม...เฮะๆ
อย่างว่าค่ะ...นิยายมันยังไม่จบเลยยังไม่เคลียร์... ยิ่งท้ายๆแบบนี้ยิ่งสับสนมึนงง...
(รอบนี้ตอบซะยาวมากๆเลย แถมยังตอบไม่เคลียร์ด้วย ปล่อยให้นักอ่านคันต่อได้อีก)
เหอะๆ

5.คุณyapapaya...ตอบแบบไม่เคลียร์ให้แล้วตรงความเห็นคุณkonhinค่ะ ^^
ไม่ได้ช่วยให้หายคันยิกๆเลยใช่มั้ยคะ...ฮ่าาาา

แสดงว่าลุ้นให้คานพี่นุหักล่ะซี...เหอๆ...เฮียแกสร้างซะแกร่ง
ไม่รู้ว่าจะมีใครเตะหักได้รึเปล่า...ฮ่าาาาาาา

6.คุณแว่นใส...ครอบครัวน้อยๆที่ค่อยๆใหญ่ขึ้น...อิอิอิ
เลยเอาเรื่องราวของคนบนเนินข้าวโพดมาฝาก...ไม่ให้นักอ่านท้องอืด
เพราะกินมาม่ามากไป....อิอิ

7.คุณตุ๊งแช่...เป็นช่วงเสริฟน้ำซุปค่ะ กลัวเส้นจะติดคอนักอ่านอ่ะซี..อิอิ
จริงๆกำลังจะแนะนำแบบจั่วหัวนักอ่านว่า ควรอ่านก่อนนอน จะได้เก็บไปฝัน
ว่าได้กิน...อิอิอิ...อ่านตอนตื่นมาหมาดๆนี่ มันลำบากกระเพาะ...เหอๆ

เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างพี่นุกับหนูบัวเนี่ย เต่าเพิ่งแก้ไขพล๊อตไปน้าาาาา
เพราะอยากกระชับพื้นที่(ไม่ใช่กระชับเนื้อหานะคะ)...เหอๆ

ก็ไม่อยากปล่อยให้เฮียแกนอนอ้างว้างตอนปิดเรื่อง...แบบว่าเริ่มสงสาร...อิอิอิ

8.คุณPat...ถ้าไม่อ้อนไว้...ก๊อตอาจจะลำบากในภายภาคหน้าค่ะ...เหอๆ
งานนี้ต้องออด...อ้อนค่ะ...วาก็ไม่เล่นตัวเลยยยยยยย....

9.คุณyasta....เป็นการกระชับพื้นที่ให้คนที่อยู่คานทองห้องแอร์
มาหลายปีได้มีโอกาสเปิดห้องใจบ้างค่ะ...ฮ่าาาา
เพราะเรื่องนี้ กระสือก็มี...ฝนตกขี้หมูไหลก็มี...ปรากฏการณ์เงาะป่ากับนางฟ้า
มาเจอกันก็มี...เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อก็มี..ก็เลยขอเอาคนที่ยังตกค้างอยู่บนคานทอง
มาเจอกันอีกสักเรื่อง อิอิ

10.คุณน้องHabibi...ต้องหาพ่อครัวทำกับข้าวเก่งๆ เล็งๆไว้นะคะว่าชายใด
ทำกับข้าวเก่งๆบ้าง เพราะนั่นคือ อนาคตหม้อขาวของเรา...เร่ืองกินเรื่องหญ่ายยยย
อิอิอิ...ส่วนพี่นุกับหนูบัว ต้องมาดูกันต่อน้าาาาาา...^o^

11.คุณnapt...นาดีมเขารักฝังใจกับรินทร์ค่ะ แบบว่ารักชนิดผูกพันธัทางใจ
แต่กายไปผูกกับชายอื่นมากมาย...เฮ้อ...แต่เอาเข้าจริง ต้องมาดูกันว่า
ความรักที่นาดีมมีให้รินทร์มันเป็นรักแบบไหน...แน่นอนว่าคงไม่เหมือนรักของ
อานิต้าที่มีให้รินทร์แน่ค่ะ...อิอิ...

เรื่องนี้มีสามหนุ่ม สามแนว เหอๆ...จิ้มเลือกได้ค่ะ...แม้ว่าทั้งสามหนุ่ม
จะมีสาวๆของตัวเองแล้ว...อิอิ...
ปล.อ่านดึกๆก่อนนอนโยว่าดีออกค่ะ จะได้เก็บเอาไปฝันได้...ฮ่าาาาาา
แต่เรื่องชำระแค้นก๊อต กับเรื่องจีบสาวเพื่อลงจากคาน โยว่ามันคนละเรื่องกันนาาาาา
พี่นุน่าจะแยกได้อย่างชัดเจน...55555




......ขอให้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์พูนสุขกันถ้วนหน้านะคะ....

"เต่าโย"




yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 เม.ย. 2558, 04:09:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 เม.ย. 2558, 04:09:52 น.

จำนวนการเข้าชม : 3590





<< บทที่ 40 อ้อนรัก   บทที่ 41 กระชับพื้นที่ (100%) >>
konhin 8 เม.ย. 2558, 05:26:33 น.
โอ๊ะ สงสัยวันนี้พี่นุลดครึ่งราคา มาเต็มครึ่งตอนเลยยย

กุญแจของพี่นุ อยู่ที่ตอนที่พี่นุเชื่อแม่หนูวาแล้วส่งคนคอยดูแลคอยสืบใช่ป่ะ
ส่วนของวารินทร์ เดาว่าอยู่ที่นักสืบสืบให้พร้อมกับความเป็นไปของน้าเล็ก
ส่วนของก๊อต ฮีเก็บไว้เยอะเกิน ไม่เดาแระ รู้คร่าวๆแค่ว่าฮีรู้ว่าฮีทำอะไรกับวาไปบ้าง ฮีเห็นอะไรผ่านนาดีมบ้าง

คนอ่านเหมือนจะรู้แค่ส่วนของรินกับก๊อตนะ พี่นุยังอมพนำไม่ค่อยเล่าอ่ะ

ปล แม่พี่นุกับแม่นายก๊อต สมกับเป็นเพื่อนกันจริงๆ กันท่าผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้ลูกชายยกเว้นคนที่ตัวเองคิดว่าดี(แต่ดีแตกแบบนาดีม)


Pampam 8 เม.ย. 2558, 06:24:44 น.
คุณโยจะให้พี่นุมีคู่หรือแค่หลอกให้พี่เราดีใจแล้วกลับไปเฉาเหมือนเดิม


แว่นใส 8 เม.ย. 2558, 08:07:28 น.
พี่นุนี่เปิดตัวแรงตลอดเรื่องเลย


yapapaya 8 เม.ย. 2558, 08:08:40 น.
นั่นดิ แบบว่าหลอกให้อยากแล้วจากไปหรือเปล่า คริ คริ คริ แต่น่าสงสัยมากก็คือแม่ตาก๊อตแล้วล่ะงานนี้ว่าน่าจะรู้ทันมารบ้างถึงส่งสายลับมาไว้ไกล้ตัวก๊อต แบบว่าเดาทางคุณโยล้วนๆค้า


ตุ๊งแช่ 8 เม.ย. 2558, 08:24:24 น.
อย่าลืมส่งพี่นุเข้าหอด้วยน๊า...

...โผล่ครบแระ ตอนหน้า วนมาพ่อจอมโจร เข้าหอไหมนี่.....จะได้รอส่งตัว..


coonX3 8 เม.ย. 2558, 11:15:02 น.
แม่พี่นุมีแผนรึเปล่า งานเข้าพี่นุแล้ว


napt 8 เม.ย. 2558, 13:18:51 น.
แต่ละคนไม่ธรรมดาจริงๆ มีปมให้ค้นหาคนละแบบ
รอเที่ยวเกาะหลีเป๊ะนะคะ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account