เงามาร (กำลังรีไรท์ค่ะ)
'วาลาดา' ตื่นขึ้นมาพร้อมกับการรับรู้ว่าตัวเองมีสามีมีลูกแล้ว
ที่สำคัญ สามีของเธอคือเพื่อนในวัยเยาว์ที่ห่างเหินกันไป
หลายปีแล้ว เธอไม่ได้มีใจให้เขา เขาเองก็เกลียดเธอ

เหนือสิ่งอื่นใด เขาคือสามีของเพื่อนรักของเธอ


คำว่า "แย่งสามีเพื่อน"
กู่ก้องอยู่ในหัวและทำให้หัวใจของหญิงสาวแหลกสลาย...

เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าไปมีอะไรกับเขาตอนไหนจนมีลูก
กับเขาได้...แต่ลูกที่มีหน้าตาผสมผสานระหว่างเธอกับเขา
อย่างลงตัวทำให้เธอดื้นไม่หลุดกับหลักฐานการกระทำ
ของตัวเอง...

ความจริงดังกล่าว...ส่งให้ดาวดวงใหม่ที่ควรจรัสแสงแรงกล้า
อยู่บนฟากฟ้ากลับถูกกระชากลงมาให้แปดเปื้อนกลิ่นคาวคละคลุ้ง
ด้วยน้ำมือของใครบางคนที่คอยชักใยอยู่เบื้องหลังเงาดำนั้น
หญิงสาวก็สุดจะคาดเดาได้...

หญิงสาวที่ควรมีความสุขไปบนหนทางอันดีงาม เส้นทางของดาว
กลับถูกดึงรั้งเข้ามาสู่เส้นทางของมาร...เมื่อถูกความมืดมน
ดุจเมฆดำเข้าครอบงำฝังจิตใจ...เปลี่ยนผู้หญิงที่เคยแสนดี
กลายเป็นผู้หญิงร้ายกาจ...นั่นคือเธอที่กำลังถูกใครๆ
กล่าวขานอย่างไม่มีจบสิ้น...


ทางเดียวที่จะรอดพ้นไปได้ นั่นก็คือ เธอต้องต่อสู้กับมันให้ชนะ ต่อสู้กับเงามารที่คอยตามรังควานชีวิตเธอทั้งชีวิตให้ย่อยยับ

โดยไม่รู้เลยสักนิดว่า...เงามารที่เธอเห็นนั้นมีใครซ่อนอยู่
หลังเงานั่น...รอ...รอวัน...เพื่ออะไรบางอย่าง...

รอคอยและเฝ้าดูอยู่ข้างหลังอย่างอดทน...
ชักใยซึ่งซับซ้อนซ่อนเงื่อนอย่างพิถึพิถัน...และล้ำลึก...
วางแผนอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบและรัดกุม

ช่างเป็นการรอคอยอันแสนยาวนาน รอให้เธอมีความสุขที่สุด
ประสบความสำเร็จที่สุด พอได้จังหวะเหมาะจึงเข้าโจมตี...
จนวาลาดาคาดไม่ถึงว่าจะมีใครอดทนรอคอยเพื่อจองเวรเธอ
ได้นานถึงเพียงนี้...ช่างเป็นการทุ่มเทที่น่ากลัวเหลือเกิน...

เธอรู้...รู้ว่าสิ่งที่สำคัญ...คือเธอจะต้องใช้ชีวิตที่เหลือ
หลังจากโดนโจมตีจนย่อยยับอับปางนี้ต่อไปอย่างไร...
นั่นคือ...สิ่งที่เธอตั้งใจอย่างแน่วแน่...

และอีกอย่างที่เธอจะต้องทำคือ...หาคนที่ซ่อนอยู่หลังเงานั้น
ให้เจอ! และถามให้รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงของมันคืออะไร


และ...

หวังเพียงว่า...เธอจะไม่ถูกมันครอบงำได้อีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...เธอจะได้พบกับแสงสว่างในชีวิตอีกครั้ง...
หวังเพียงว่า...ผู้ที่เธอได้ทำร้ายเอาไว้โดยไม่รู้ตัวจะให้อภัย
หวังเพียงว่า...เขาจะเข้าใจ เชื่อใจ อภัย และรักเธอ
หวังเพียงว่า...ยอดดวงใจซึ่งคือลูกน้อยจะปลอดภัย ไร้มลทิน






...ขอเพียงได้อยู่ดูแลคุ้มภายคุ้มใจคนที่รักตลอดไป...


...ขอเพียงคนที่เธอรักปลอดภัย เข้าใจ ให้อภัย
และรักเธอเท่านั้น....



Tags: ดราม่า ซุลก๊อตไนท์ วาลาดา นาดีม มาร มารร้าย ไสยศาสตร์ ญิน นุฮา อะสุเซน่า วารินทร์ อานิต้า

ตอน: บทที่ 42 ภารกิจลับ ภารกิจล้วง 1


“แม่ทำอะไรน่ะ…” นาดีมร้องทักมารดาที่กำลังหยิบองุ่นเข้าปาก

“อะไรยะ…ฉันทำอะไร…”

“ก็เห็นๆอยู่…นี่มันเดือนรอมะฎอนนะแม่…ไม่ถือศีลอดหรือไง…”

“อะไร…ฉันก็ถือศีลอดอยู่…ทุกวันแหล่ะ”

“อย่าเลย…ดีมเห็นนะเมื่อกี้น่ะ…”

“อย่ามาหาเรื่องฉัน…” คนเป็นแม่ขึ้นเสียงสูงทีเดียวเมื่อโดนลูกสาวพยายามต้อน

“ก็ดีมเห็น…” นาดีมระอามารดาที่มักจะเป็นแบบนี้ประจำ ต่อหน้าคนอื่น
ก็ทำเป็นอดอาหารถือศีลอด ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
พอลับหลังเท่านั้นแหล่ะ...ฟาดเรียบ…

“อย่างกับว่าแกดีนักนี่…” ไม่วายสวนกลับ

“ปีนี้ดีมป่วยนี่แม่ จะให้ถือศีลอดได้ไง…” คนป่วยบนเตียงให้เหตุผล
แล้วหยิบผลองุ่นที่เธอเพิ่งเห็นแม่แอบกินไปหมาดๆเอาเข้าปาก
ราวกับจะกินยั่วกินเย้ยมารดา เห็นเป็นเรื่องสนุกสนาน กินไปยิ้มไป

“ฮึ…ปีอื่นๆล่ะ…ที่แกทำชั่วทำเลวอะไรกับนังวามัน...อย่าคิดว่าฉันไม่รู้ไม่เห็นนะ…”

“ก็มารที่แม่เลี้ยงไว้มันใช้ไม่ได้นี่…ก็ต้องใช้วิธีอื่น…ถ้าไม่ใช้ แผนดีมก็พังกันพอดี…”

พูดแล้วก็แกล้งยื่นผลองุ่นให้มารดา และมีหรือที่คนที่อ้างว่าถือศีลอด
เฉพาะต่อหน้าชาวบ้านชาวช่องจะอดใจไหว

ไม่นานสองแม่ลูกก็นั่งกินโน่นกินนี่ด้วยกัน…กินกันกลางวันแสกๆ
ในเดือนแห่งการถือศีลอด...โดยไม่มียำเกรงในพระเจ้าเลยแม้แต่น้อย…

คนที่นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ตรงมุมห้องได้แต่ส่ายหน้าให้กับสองแม่ลูก

“พี่เมนมาน่ะเล็ก…ถือศีลอดไม่ได้…” คุณหญิงวรลักษณ์ยังคงพยายาม
หาเหตุโน่นนี่มาอธิบายผู้ชายอีกคนในห้องไม่ให้มองตัวเอง
ในทางที่ร้ายแรงมากเกินไปนัก แต่คนที่เห็นกันมาหลายปี
มีหรือจะไม่รู้ว่าอะไรเป็นอะไร…และใครเป็นยังไง!

“นี่แม่ยังมีเมนอยู่อีกหรือเนี่ย…” นาดีมไม่วายกัดมารดาที่อายุอานาม
น่าจะหมดวัยมีประจำเดือนไปนานแล้ว

“เรื่องของฉัน…แกอย่ามายุ่ง…” ว่าลูกในไส้เสร็จก็หันไปยิ้มกับผู้ชายอีกคนในห้อง…
อย่างน้อยหน้าตาที่ยังอ่อนวัยของตนก็พอจะสามารถพรางอายุจริงไว้ได้อยู่
จะมีประจำเดือนไปอีกสักกี่ปี ใครจะสงสัย นอกจากนังลูกตัวดีนี่แหล่ะ...

“หน้าเครียดเชียว มีอะไรหรือเปล่าเล็ก…” คนถูกถามเงยหน้า
จากหนังสือพิมพ์แล้วพ่นลมหายใจ

“ตำรวจมันได้กลิ่นเราแล้วพี่…ทะลายรังไปหลายแห่ง…ไม่รู้ว่าใคร
คาบข่าวไปบอก…งานนี้อาจมีหนอน…”

คุณหญิงวรลักษณ์ผู้ร่วมขบวนการถึงกับหน้าซีดไปเลยทีเดียว
ก่อนจะพยายามปลอบๆไปว่า

“คงไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวก็มีคนเข้าไปจัดการเอง…อีกสักพักเรื่องก็คง
จะเงียบไปเองเหมือนอย่างทุกทีน่ะแหล่ะเล็ก…”

“ผมเกรงว่ามันจะไม่เงียบอย่างทุกครั้งน่ะสิพี่…สารวัตรคนนี้
เอาจริงเอาจังแค่ไหนใครก็รู้…”

“แหม…ก็แค่สารวัตร จะไปทำอะไรใครได้สักเท่าไหร่…ก็รู้ๆกันอยู่
ว่าของเราใหญ่กว่านี้อีก…”

“ปัญหามันไม่ได้อยู่ที่ว่าใครใหญ่กว่าใครน่ะสิพี่…งานนี้พวกสื่อ
มันคอยตามติดเกาะกระแสแจ…ไอ้สารวัตรนั่นมันก็ขยันไล่ล่า
พร้อมมีภาพการทะลายรังของพวกเรานำเสนอทางสื่อตลอด…
ผู้คนก็เริ่มตื่นตัวกันมากขึ้น เฝ้าระวังกันมากขึ้น...”

เขารู้ว่านี่คือยุคของการสื่อสารที่ไร้พรมแดน ใครทำอะไรที่ไหน
เป็นข่าวได้ง่ายทั้งนั้น…

“แล้วมันรู้ได้ไง…มันส่งสายของมันเข้ามาเป็นหนอนหรือ…” คนฟังยักไหล่

“เท่าที่พยายามเค้นคอพวกใหม่ๆไม่เห็นใครมีพิรุธ…”

“หรือจะเป็นนังบัว…” นาดีมที่ฟังมานานเริ่มตั้งข้อสันนิษฐาน

“มันเป็นอดีตตำรวจสากลนะแม่…” คราวนี้คนฟังถึงกับหันมาสบตากัน

“ก็อาจเป็นไปได้…เอาไว้ผมจะลองสืบประวัติการทำงานของเธอดู…”

“ไม่ต้องสืบแล้ว…” เสียงนั้นดังมาจากผู้มาใหม่…นาดีมหันไปทางบิดา
ที่เปิดประตูเข้ามาด้วยสีหน้าท่าทางถมึงตึง

“ยัยนี่เคยโค่นหัวหน้าใหญ่ระดับแนวหน้ามาได้แล้วเมื่อสามปีก่อน
มันลาออกจากตำรวจมาซ่อนตัวเป็นสายลับให้อัยรีนอย่างที่ไอ้ทนายใหญ่นั่น
มันเคยประกาศกร้าวให้รู้ตอนวันเปิดพินัยกรรมไอ้ก๊อต…จำกันไม่ได้รึไง…”

เสียงนั้นแข็งกร้าว เขาเอะใจเรื่องยศและหน้าที่พร้อมชื่อเสียงเรียงนาม
ของหลานสาวทนายความใหญ่ประจำตระกูลวรรัศมิ์สกุลตั้งแต่ครั้งนั้นแล้ว
เลยให้คนสืบดูประวัติ…แล้วก็ได้เรื่องจริงๆ

“หรือว่าหวงสมบัตินั่นจนไม่กลัวว่าภัยกำลังจะมาถึงตัว…”

คนหวงสมบัติิถึงกับมองสามีอย่างขุ่นเคือง ถ้าไม่ใช่เพราะเอื้อผลประโยชน์กันล่ะก็
เธอจัดการไปนานแล้ว…ผู้ชายเฮ็งซวยพรรค์นี้!

“แล้วมันไปซ่อนตัวเป็นเด็กรับใช้อยู่ในบ้านไอ้ก๊อตตั้งหลายปีทำไม…
ไม่คิดต่อกันบ้างรึไง…หรือกรุสมบัตินั่นมันเข้าตาจนมองไม่เห็นอะไร
ไม่เฉลียวใจอะไรกันแล้ว...”

คนที่นั่งเงียบตลอดตอนวันเปิดพินัยกรรมได้ทีฉะผู้ร่วมขบวนการ

“อย่ามาพูดอะไรกันที่นี่เลยครับ…มันไม่ปลอดภัย…”

เสียงหนุ่มใหญ่อีกคนขัดขึ้นเพื่อเตือนให้ระวังตัว เนื่องจากสถานท่ีดังกล่าว
ที่กำลังสนทนากันคือ โรงพยาบาล แม้การรักษาความปลอดภัยจะสูง
แต่ก็ไว้ใจไม่ได้อยู่ดี ถ้าจะพูดกันในรายละเอียดเชิงลึกเช่นนี้

“ฉันแค่อยากจะเตือนให้ระวังยัยนี่เอาไว้ให้ดี…มันไม่ธรรมดานักหรอก
ต่อไปคิดจะทำอะไรก็ให้ระวังกันให้มากๆ…”

ไม่วายหันไปจ้องสองแม่ลูกที่มักสร้างปัญหามาโดยตลอด

“รู้หรอกน่า…” คุณหญิงวรลักษณ์เอ่ยอย่างเสียไม่ได้…

“แต่ตอนนี้มันไม่ใช่ตำรวจแล้วไม่ใช่หรือคะ…” นาดีมเอ่ยขึ้นบ้าง

“ของแบบนี้เชื่อได้ที่ไหน…ไอ้พวกตำรวจสากลลูกไม้มันเยอะ…”

“รู้แล้วทำไมไม่จัดการมันซะเลยล่ะคุณ…” คุณหญิงวรลักษณ์เสนอแนะทันที

“ถ้ามันจัดการได้ง่ายๆ มันคงไม่รอดมาได้จนป่านนี้หรอก…”

“จัดการที่คนในครอบครัวมันก่อนสิ…เอาให้มันอยู่ไม่ติด”
ยังไม่วายแนะนำต่อ เพราะจุดอ่อนของคนทุกคนคือครอบครัว

“เธอคิดว่ามันจะยอมให้กำจัดจุดอ่อนของมันได้ง่ายๆรีไง…
เท่าที่คนของฉันสืบมา…ยัยนี่มันใจเพชร…เรื่องฝีมือไม่ต้องพูดถึง…”

นาดีมมองหน้ามารดาอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ผู้เป็นบิดาบอกมาสักนิด
ไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเด็กบัวนั่นจะมีพิษสงอะไรหนักหนา…

“ถึงมันจะลาออกจากตำรวจก็ใช่ว่าอดีตลูกน้องมัน
และพลพรรคร่วมอุดมการณ์เดียวกับมันจะลาออกตามมันนี่…
หูตามันอย่างกับสับปะรด…ถึงบอกว่าอย่าประมาทมัน…เพราะไอ้ที่วิบัติกันมามากต่อมาก
ก็เพราะไอ้ความประมาทนี่แหล่ะ…”

พูดแล้วไม่วายกำชับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เพราะพวกผู้หญิง
โดยเฉพาะสองแม่ลูกคู่นี้ที่เขารู้ดีว่ามั่นใจในตัวเองแค่ไหนนั้น ชอบทำงานพลาด
โดยไม่เคยรู้ตัวเลยว่าพลาด…ฉลาดน่ะฉลาดอยู่หรอก แต่ขาดความเฉลียว
เพราะนึกว่าตัวเองแน่ ตัวเองเจ๋งนี่แหล่ะ

ที่สำคัญ ไม่เคยยอมรับความผิดพลาดได้สักครั้ง

“แล้วนี่…เราต้องสูญเสียกรุสมบัตินั่นไปแล้วจริงๆใช่มั้ยเนี่ย…”

คุณหญิงวรลักษณ์ไม่วายนึกถึงสมบัติมหาศาลที่ตนยังไม่ทันได้โยกย้ายถ่ายเท
ก็มีอันมาหลุดลอยไปต่อหน้าต่อตา เพราะนังลูกตัวดีมันดันมาตกบันไดแท้งลูก!

“หวงมันอยู่นั่นแหล่ะ…” คนเป็นสามีไม่วายตำหนิติติงเสียงเข้มทีเดียว

“ก็แล้วเงินคุณ อำนาจบารมีของคุณน่ะเสกของสวยๆงามๆแบบนั้นให้ฉัน
นั่งมองนอนมองได้มั้ยล่ะ…อย่าให้พูด…”

คนฟังมีสีหน้าเอือมระอาในตัวภรรยาไม่น้อย
ผู้หญิงนี่บ้าแต่เรื่องพวกนี้จริงๆ…ให้ตายเถอะ!

“แล้วมันกินได้มั้ย…”

“แล้วอำนาจบารมีที่คุณอยากได้นักได้หนา ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มันมา
หวงแหนยิ่งกว่าชีวิตน่ะมันกินเข้าไปได้มั้ยล่ะ…

ว่าแต่ฉันว่าบ้าสมบัติ ตัวเองก็บ้าอำนาจ…มันก็บ้าเหมือนกันนั่นแหล่ะ…ฮึ”

“แล้วไม่ใช่เพราะอำนาจบารมีของฉันรึไงที่ทำให้เธอได้เสวยสุขมาจนทุกวันนี้…
มีกินมีใช้ไม่เคยขาดมือน่ะ...หรืออยากกลับไปกัดก้อนเกลือกินอย่างเมื่อก่อน”

“ก็แล้วไม่ใช่เพราะฉันรึไงที่ทำให้คุณมีอำนาจบารมีขึ้นมาได้อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้น่ะ…
อย่าให้ต้องสาธยายในเชิงลึก…เพราะปัญญาอย่่างคุณน่ะ…ไปได้ไกลแค่ไหนกันเชียว
ถ้าไม่มีฉันคอยผลักดันน่ะ…คุณไม่มีทางมาไกลอย่างที่เห็นๆกันอยู่ได้หรอก…”

“ลักษณ์!” เสียงนั้นตวาดเข้มทีเดียวด้วยสีหน้าดุดัน ฉุนเฉียว…

นาดีมมองบิดามารดาที่เริ่มปะทะฝีปากกันแล้วได้แต่ส่ายหน้า
ทั้งสองเจอหน้ากัน คุยกันไม่กี่ประโยคก็มักจะจบลงด้วยการโต้เถียงกัน
งัดคำพูดร้ายๆมาสาดใส่กันเพื่อทิ่มแทงให้อีกฝ่ายได้เจ็บแสบไม่แพ้กัน…

ไม่มีใครยอมลงให้ใคร…ไม่มีใครยอมโง่กว่าใคร

กี่ปีผ่านไป แม้สถานะทางสังคมจะเปลี่ยนแปลงหรือร่ำรวยมีเงินทองมากแค่ไหน
แต่ความสัมพันธ์ภายในครอบครัวกลับไม่เคยพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเลยสักนิด
มีแต่จะแย่ลงทุกวัน…

หญิงสาวได้แต่ลอบถอนใจให้กับสภาพครอบครัวของตัวเอง…
ครั้นจะสร้างครอบครัวใหม่มันก็พังไปแล้ว

…พังเพราะความไม่รู้จักพอทั้งของเธอและของแม่…

พอจะหันไปทางวารินทร์ เขาก็ดันชิ่งหนีไปแต่งงานกับผู้หญิงอื่นเรียบร้อยเสียแล้ว
ตอนที่เธอนอนพะงาบๆอยู่ในไอซียู ไม่มีมาดูมาเยี่ยมกันบ้างเลยสักนิด
ไม่เคยเลยสักครั้งที่จะเหลียวแลกัน...

จนต้องเหลือบสายตาหันไปมองอีกคนในห้องที่ยืนสงบนิ่ง ปิดปากสนิท
ซึ่งทางนั้นก็เหมือนจะรู้ใจหันมามองเธอด้วยแววตาเห็นใจ
อย่างที่เคยมีให้เธอมาโดยตลอด…

หากพอคิดว่าจะเริ่มต้นใหม่กับน้าเล็ก ผู้ชายที่ดีแสนดีกับเธอคนนี้
ก็ดูจะเป็นอะไรที่เกินจะเอื้อมคว้า…

ชีวิตเธอเหมือนถูกสาปให้ต้องเป็นแบบนี้ ต้องจมอยู่กับครอบครัวที่ขาดวิ่น
ดิ้นรนไขว่คว้าความรักความอบอุ่นก็ได้มาแค่ชั่วครั้งชั่วคราว…

ลูกที่คิดจะมีไว้เพื่อสร้างเป้าหมายต่อไปให้กับชีวิตที่ยังเหลือยังหายใจอยู่…
ก็ไม่ยอมมาเกิดเป็นลูกของเธอ…

วาลาดามีทุกอย่าง มีครอบครัวที่อบอุ่น มีการศึกษาที่ดี มีความสามารถ
ที่ทุกคนต่างให้การยอมรับและยกย่อง มีลูก มีคนรักมากมาย…

แล้วเธอเล่า…เธอมีอะไรบ้าง…

ขนาดมันแปดเปื้อนมีมลทินก็ยังมีคนคอยห้อมล้อมรักมันอยู่ดี

…ยิ่งพยายามทุบทำลายมันเท่าไหร่ มันก็ยิ่งแกร่ง…ยิ่งฉายแสงแรงกล้า…

ตอนนี้ทุกอย่างที่เธอเคยครอบครองกลับกลายไปตกอยู่ในมือของมัน…
ในครอบครองของมัน…ทุกอย่าง!

ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น แน่นทรวงใน…ถ้าเธอไม่ได้…ก็อย่าหวังว่านังวาจะได้!
นังอานิต้าก็เช่นกัน...อย่าหวังว่าจะรอด!





ทางด้านนุฮา ถึงกับประหลาดใจที่อยู่ๆอดีตตำรวจหญิงยอมกลับไปทำงานกับเขาแล้ว
เขาไม่รู้ว่ามารดาของเธอไปพูดอะไรเข้า เธอถึงยอมกลับไปพร้อมกับเขา
อย่างง่ายดายเช่นนี้…

หากไม่วายมีน้องชายติดสอยห้อยตามไปส่งเธอถึงกรุงเทพฯด้วย…
แถมยังมองเขม่นๆ ราวกับพยายามจะจับผิดเขาอยู่ตลอดเวลา

“ตอนพี่สาวอยู่เมืองนอกมีไปกันท่าเขาแบบนี้มั้ย…”

นุฮาเอ่ยขึ้นเมื่อยืนกันสองคนตรงท่าเรือปากบารา ไร้บุคคลที่สามที่ถูกเอ่ยถึง


“ไม่อ่ะ…เพราะเราเรียนอยู่คนละประเทศ…มันไม่มีโอกาสจะไปทำอะไรแบบนั้น…
แต่ตอนนี้มี…”

“ผมยอมรับว่า…ผู้ชายดีๆยังมีอยู่มาก แต่ไอ้ที่ไม่ดีมันมีเยอะกว่ามาก...และ…”
เหลือตาคู่สนทนานิดนึงแล้วจึงพูดต่อที่ค้างไว้ว่า

“เรื่องหน้าตา เรื่องบุคลิกมันก็ไม่ได้เป็นตัวชี้วัดว่าใครดีใครไม่ดี…”

นุฮาฉุดยิ้มที่มุมปากเพียงนิด โดยที่ดวงตานั้นส่องประกายบางอย่าง

“มันก็ถูกนะ…”

“พี่ชอบพี่บัวรึ…”

“ใช่…ชอบตรงที่มันสมองของเขา ชอบที่เขาเป็นคนมีความสามารถ
และถ้าพี่มองไม่ผิด…เขาเป็นคนดีมีอุดมการณ์ที่น่ายกย่องคนหนึ่ง…”

“ชอบแบบนี้มันก็ไม่ใช่ชอบแบบอยากจะคบนะ…ผมหมายถึง
ชอบแบบอยากจะคบเป็นแฟนอะไรเทือกนั้น…”

“พี่ไม่ชอบคบใครเป็นแฟน…ถ้าสนใจและเห็นว่าน่าจะไปกันได้ ก็แค่เพ่งเล็ง
ดูๆเขาไป…แล้วค่อยให้แม่ไปขอเมื่อแน่ใจ…หมั้นกัน
แล้วค่อยแต่งเมื่อพร้อมกันทั้งสองฝ่าย…เพราะพี่ไม่ชอบคบใครเล่นๆ
ถ้าคบกันมันหมายถึงว่าเราพร้อมจะให้เกียรติเขา…และพร้อมจะมอบความมั่นคงให้…

จะไม่ไปตีตราจองโดยไม่คิดจะแต่งงานด้วย เพราะนอกจากจะทำให้เขาเสียเกียรติแล้ว
อาจทำให้เขาเสียโอกาสดีๆที่เขาควรจะได้เจอคนที่ดีกว่าเราก็ได้นะ…
เขาควรมีสิทธิ์เลือกอย่างอิสระโดยไร้มลทินใดๆจากการกระทำของเรา…”

นุฮามองหน้าคนถามแล้วยิ้มบางส่งไปให้ก่อนจะพูดย้ำว่า

“ถ้าเขายอมแปดเปื้อน…นั่นมันคือความรับผิดชอบของเขาที่เขาต้องแบกเอาไว้เอง…
แต่ถ้าเราทำเขาแปดเปื้อน นั่นคือความรับผิดชอบของเรา…”

“พูดเหมือนพวกสุภาพบุรุษลูกผู้ชายเลยอ่ะ…แต่คนแบบนี้มักกินแห้ว…
พวกผู้หญิงเขาชอบผู้ชายเลวๆถมเถไป…พวกสุภาพบุรุษน่ะ
ไม่ได้แอ้มเขาหรอก…ไอ้เสือไอ้เข้โน่นที่ง้าบไปกิน…แล้วทิ้งให้ช้ำใจ”

“ก็ไม่เป็นไรนี่…ใครชอบอะไรเขาก็แสวงหาสิ่งที่ชอบของเขาไป…
แสวงหาสิ่งใดก็เจอสิ่งนั้น…”

“โห…คมนะเนี่ย…คม…”

“ไม่คมก็ไม่บาดคอสิ…” นุฮาแหย่

“ว่าแต่…มีแฟนมันไม่ดีที่ตรงไหน…”

“ไม่ดีตรงที่เปลืองเวลา เปลืองหัวใจ…เปลืองความรู้สึก…เปลืองเงิน
เปลืองทอง เปลืองมันทุกอย่าง…ส่วนเรื่องเปลืองตัว ผู้ชายไม่เปลือง
เท่าผู้หญิงหรอก…แต่อย่างอื่นน่าจะเปลืองพอๆกัน…

เพราะสรีระหญิงชายมันถูกสร้างมาไม่เหมือนกัน การใช้งานและการเฝ้าระวัง
ย่อมต้องแตกต่างอย่างแน่นอน…จะมาให้ใช้งานอย่างเท่าเทียม เสมอภาคกัน
เห็นจะลำบากนะ…เพราะถ้าท้อง ผู้ชายชิ่ง ผู้หญิงทำแท้ง
ใครเจ็บและเสียหายกว่า…คิดดู…”

นุฮาพาลนึกไปถึงข่าวคราวบนหน้าหนังสือพิมพ์ที่มีเรื่องดังกล่าวออกเกลื่อน
ซึ่งผู้หญิงมักเป็นฝ่ายโดนประณามซ้ำเติมมากกว่าผู้ชาย ทั้งๆที่ก็ผิดด้วยกันมันทั้งคู่
แต่เวลาโดน ผู้หญิงมักโดนคนในสังคมเพ่งเล็งมากกว่า…

ซึ่งสำหรับเขา ผู้ชายพวกนั้นมันไม่ได้เรื่อง…ไม่ควรเป็นพ่อของเด็กคนไหน
ในโลกด้วยซ้ำ…เพราะดีแต่ทำให้เกิดแต่กลับไม่มีปัญญารับผิดชอบต่อสิ่งที่ก่อไว้…

มันไม่ใช่ลูกผู้ชาย!

“พ่ีน่าจะได้บอกพี่บัวเขาก่อนหน้านี้นะ…เขาจะได้ไม่ต้องเปลืองความรู้สึก…
และเปลืองหัวใจ โดยเฉพาะ…เปลืองเวลา…”

“ทำไมหรือ…”

“ก็พี่บัวเขามีแฟนที่คบกันมาสิบกว่าปี…แต่ไอ้ผู้ชายนั่นมันหยำเป
สมน้ำหน้ามันแล้ว…ที่ทิิ้งพี่บัวไป…” พอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกำลัง
ถือศีลอดอยู่จึงรีบหยุดพูดนินทาในทางเสียหายต่อบุคคลอื่นทันที
แต่ก็ยังไม่วายทิ้งท้ายอีกว่า

“บอกตามตรง…ผมไม่เคยชอบขี้หน้ามันเลยสักที…ขอให้มันทิ้งพี่บัวไป
แทบทุกครั้งที่นึกถึงหน้ามัน…จนในที่สุดก็สมใจผม…”

“พี่นายเลยขึ้นคานไปตามระเบียบ…”

“ก็ดีกว่าต้องแต่งงานกับผู้ชายพรรค์นั้น…เอ่อ…ไม่เอาดีกว่า…
ไม่นินทาคนพรรค์นั้นให้ศีลผมต้องขาด เดี๋ยวไม่ครบสมบูรณ์…” นุฮายิ้มกว้าง
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แม้ลึกๆแล้วจะอยากรู้อยากเห็นมากกว่านี้…

“แสดงว่าที่ผ่านมาพี่ก็…ไม่เคยมีแฟนงั้นสิ…”

“ก็ไม่มีนะ…ไม่เคยคบกับใคร ไม่เคยควงใคร…ที่ผ่านเข้ามา
ก็โดนเทพีผู้พิทักษ์สะกัดจนร่วงหมด…”

“โกหกรึเปล่า…ถือศีลอยู่นะพี่…ผู้ชายหน้าตาอย่างพี่ อายุก็ไม่ได้จะเพิ่งแตกเนื้อหนุ่ม
ไม่มีฟงไม่มีแฟน ผมไม่เชื่อหรอกน่า…ผมเห็นสามสาวนั่นตามพี่แจเลยนะ”


“ไม่รู้สิ…ตอนเรียนก็เอาแต่เรียนลูกเดียว พอจบมาก็ทำงานลูกเดียว
ชีวิตมันเป็นอย่างนี้นี่นะ…”

“ไม่เคยเจอคนที่แบบว่า…โดนใจบ้างเลยเหรอ…” นุฮาส่ายหน้า

“เจอแต่กระสือและปอบ…ทั้งเดินจะบินกันให้ว่อนเลยละ”

“กลัวหรือ…”

“ก็น่ากลัวมั้ยล่ะ…” นุฮาบอกยิ้มๆ

“แล้วแบบว่าคนที่ชอบอะไรงี้ไม่มีมาบ้างหรือ…”

“ที่ชอบก็เคยเจอ แต่ไม่เคยเจอที่ใช่…อธิบายยากนะ…”

“แล้วไอ้ที่ใช่ของพี่มันยังไง…” นุฮาส่ายหน้า

“ไม่รู้สิ…รู้แต่ไอ้ที่ไม่ใช่มันยังไง…ส่วนไอ้ที่ใช่ยังไม่รู้…เจอเมื่อไหร่คงรู้เองแหล่ะ…
พี่ไม่ซีเรียส เจอก็แต่ง ไม่เจอก็ไม่แต่ง…”

“โห…อย่างน้ีก็มีด้วย…งั้นผมจองพี่เป็นพี่เขยเลยได้ป่าว…”
นุฮาหัวเราะเลยทีเดียวเมื่อเจอเข้ากับประโยคนี้

“ถามพี่สาวเรารึยังว่าอยากจะลงจากคานหรือเปล่า…”

“ไม่เห็นต้องถาม…รายนั้นถ้าไม่ขึ้นไปลากลงมา ไม่มีทางลงมาเองหรอก
ยึดมั่นถือมั่นมันอยู่นั่นแหล่ะ…ก็แค่ผู้ชายเฮ็งซวยแค่คนเดียว…”

ไม่วายวกกลับมาที่บุคคลที่เขาไม่ควรนินทาให้เสียศีลอีกจนได้

“ว่าแต่พี่ไม่สนใจพี่บัวบ้างหรือ…” ก่อนหน้านี้ยังกันท่า มาตอนนี้เริ่มยัดเยียดเสียแล้ว

“สนน่ะสน…แต่สนใจแบบอยากให้ไปช่วยเหลืองานน่ะ…ส่วนเรื่องอื่นนั้นยังไม่ได้คิด…”

“งั้นคิดซะสิ…คิดได้แล้วนะพี่…” แต่เมื่อคิดว่าผู้ชายแบบนี้น่าจะอยาก
มีภรรยาที่เป็นกุลสตรีผู้เพียบพร้อม ก็อดพูดออกมาไม่ได้ว่า

“แต่…ถ้าพี่อยากได้แม่ศรีเรือน…เอิ่ม…พี่บัวคงลำบากน่ะนะ…
คือ…พี่แกไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานครัว…ถูบ้าน กวาดบ้าน ทำกับข้าว
อะไรเทือกนี้ พี่แกค่อนข้างเฟอะฟะ…แบบว่า…บอร์นทูบีมาเพื่อ...
ไล่จับคนร้าย ไล่ต้อนคนผิด จับผิดคนเลว อะไรเทือกนี้น่ะ…”

นุฮายิ้มให้กับคำโฆษณาที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานความจริง

เพราะเท่าที่ได้ฟังกิติศัพท์ 'เด็กบัว' ที่ถูกจ้างให้ไปเป็นคนรับใช้
ในบ้านของซุลก๊อตไนท์มามันก็คงต้องยอมรับว่าเธอทำอะไรแบบนั้น
ไม่ค่อยได้เรื่องจริงๆ…เขายังเคยคิดเลยว่า ใครหนอช่างจ้างคนแบบนั้น
มาดูแลความสะอาดภายในบ้าน

เพิ่งจะมารู้ว่า คุณนายอัยรีนนี่เองที่ส่งสายลับมาจับงานบ้านในเรือนหอของลูกชายตัวเอง…

“มีแต่คนบอกว่า…ผมกับพี่บัวควรสลับหน้าที่กัน…แต่ผมว่าอย่าเลย
เพราะผมก็ถนัดแบบผม พี่บัวเขาก็เป็นแบบเขา เราคือเรา
ไม่จำเป็นต้องเป็นอย่างใครที่ไม่ใช่เรา…ว่าแต่…ทำไมพี่บัวไปนานจัง…”

นึกแล้วก็ให้สงสัย พี่สาวของเขาหายไปซื้อหนังสือพิมพ์นานขนาดนี้เลยหรือ

และเมื่อได้ยินเสียงดังมาจากตรงท่าเรือไม่ไกลกันนัก
ภาพพี่สาวกำลังไล่ล่าคนร้ายอย่างเอาเป็นเอาตายคือคำตอบ…

ผู้คนลุกฮือมองไปยังภาพนั้นเป็นตาเดียวกัน…

คนร้ายสามคนในชุดดำโดนจระเข้ฟาดหางนอนหมอบกับพื้นไปแล้วหนึ่ง
ส่วนอีกหนึ่งโดนสกายคิกหรือตวัดเตะกลางอากาศนอนแผ่ราบอยู่ไม่ไกลจากรายแรก
ส่วนรายสุดท้ายกำลังจะหนี แต่โดนวัตถุบางอย่างในมือของพี่สาวเขา
เขวี้ยงไปกระแทกเข้าตรงท้ายทอยเต็มๆ แม่นราวจับวาง จนทำเอาสลบทั้งยืน

ไม่นานเสียงหวอของรถตำรวจก็ดังขึ้น ทำให้รู้ว่าตำรวจท้องที่ก็ไม่ได้มาช้าเกินไป
อย่างในหนังในละครหลายเรื่อง อย่างน้อยก็มาทันได้เก็บซากที่นอนอยู่บนพื้น…
แล้วยังทันได้สัมภาษณ์อดีตตำรวจสากลถึงที่มาที่ไปของสาเหตุที่คนร้ายสามคน
ถึงกับนอนสลบเหมือดไป...จนต้องมีการบันทึกประจำวัน ยุ่งยากวุ่นวายตามมาอีก...

นุฮาได้แต่ลอบถอนใจกับภาพที่เห็น…เขาอาจจะปรบมือให้เธอเหมือนคนอื่นๆในที่นี้
หากลึกลงไปแล้ว เขาไม่อยากเห็นเธอต่อกรกับผู้ร้ายเลยสักนิด…
เขาแทบอยากจะเข้าไปช่วยด้วยซ้ำ หากเธอกลับจัดการพวกนั้นได้เร็วเกินคาด

…ฝีมืออย่างนี้นี่เองถึงได้ก้าวหน้าไวในหน้าที่การงาน…

เขาพอจะเข้าใจหัวอกมารดาของเธอบ้างแล้วว่ารู้สึกเช่นไร!
และขวัญผวาแค่ไหนถ้าได้เห็นลูกสาวกำลังทำอะไรแบบนี้!



“ไปกันเถอะ…” หญิงสาวเอ่ยชวนสองหนุ่มให้ขึ้นรถไปยังสนามบิน
หลังจากเคลียร์เรื่องทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว

“พี่บัวจะบ้าไปแล้วหรือ…ไม่ห่วงตัวเองบ้างเลยนะ…”

“คนแก่และเด็กน่าห่วงกว่าเยอะ…” นั่นคือคำตอบของพี่สาวเขา

“มันกำลังจะจับตัวคนแก่และเด็กขึ้นรถตู้ไป ถ้าพี่ไม่เอะใจ
แล้วไปช่วยไว้ไม่ทัน แกรู้มั้ยว่า พวกนั้นจะจัดการยังไงกับสองชีวิตนั่น…
และอีกกี่ชีวิตที่จะตามมาหลังจากนี้ด้วย…” ผู้เป็นน้องชายถึงกับนิ่่งไป
ก่อนจะกลืนน้ำลายเฮือกๆเมื่อได้ยินพี่สาวเริ่มสาธยายให้ฟังเป็นฉากๆว่า

“มันก็อาจจะจับไปทำให้พิการ แขนขาด ขาขาด หรือโดนไฟคลอก
หรืออะไรก็ได้ที่ชวนให้คนมองแล้วหดหู่ใจ น่าสังเวช น่าสงสาร…
จนทนมองดูไม่ได้…อยากจะช่วยเหลืออะไรสักอย่างไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ซึ่งง่ายๆคือ…ให้เงินไปแล้วก็จบ…จิตวิทยาในการหาเงินของพวกนี้มันล้ำเลิศมาก…

มันเลยแปลงสภาพคนดีๆให้เหมาะสมกับบทบาทที่มันเขียนขึ้น
ให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด แล้วให้ไปนั่งขอทานด้วยกันในสภาพยายหลาน
ที่กำลังตกระกำลำบาก พลัดถิ่นฐานมาผจญวิบากกรรมในเมืองใหญ่
สักที่ใดที่หนึ่งในซอกหนึ่งซอกใดของเมืองไทย หรือซอกไหนของโลกก็ได้…

คนขอทานในชนบทไม่ค่อยมีให้เห็นว่ามั้ยล่ะ ทั้งๆที่คนชนบทน่าจะอดอยาก
เพราะความยากจนกว่าคนเมือง แต่ก็ไม่ค่อยมีคนขอทานตามท้องถนน
ในจังหวัดที่ห่างไกลผู้คน...ห่างไกลความเจริญ...


แล้วคนไทยใจดีมีเยอะไง…แต่คนที่มีหน้าที่จัดการเรื่องพวกนี้กลับมีน้อย…
ขอทานจริงกับขอทานปลอมมันไม่ได้จะแยกกันได้ง่ายๆ
แล้วใครจะมัวไปนั่งแยก แค่ให้ดูผาดๆก็ไม่อาจจะทนดูกันได้แล้ว…”

คนพูดพูดไปราวกับว่าตนยังคงทำหน้าที่ท่ีเคยทำมาตลอดชีวิต ไม่มีเปลี่ยนแปลง

“ไม่ใช่แค่คนแก่และเด็กนะที่โดนจับตัวขึ้นรถตู้ไป…เด็กสาววัยประถมและมัธยมต้น
ที่หน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู…มันก็รอจังหวะจะจับตัวไปเหมือนกัน…

บางคนโดนจับไปเป็นตุ๊กตามีชีวิตให้กับลูกคนมีอันจะกินในดินแดนศิวิไลอันไกลโพ้น…
ชนิดที่ไม่มีปัญญาหาทางกลับบ้านเองได้ บางคนก็โดนเอาไปบำเรอความสุข
ให้พวกจิตวิตถาร…”

ยิ่งพูดก็ยิ่งอยากทำลายล้างพวกเหล่านี้ให้สิ้นซากไปจากหน้าแผ่นดิน
แต่มันก็เหมือนพวกวัชพืช ที่ต่อให้ฉีดยาฆ่าแล้ว ไม่นานมันก็โผล่ขึ้นมาอีก...

"เด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูก็โดน...เพราะว่าพวกเกย์พวกอะไรเทือกนี้
มีอัตราการกลายพันธุ์สูงฮวบๆ ความต้องการเด็กผู้ชายในท้องตลาดค้ามนุษย์
จึงมีสูงขึ้นเรื่อยๆ..."

“นี่ขนาดเดือนระมาฎอนมันก็ไม่ยกเว้นเลยเหรอเนี่ย…” คนเป็นน้องชาย
ไม่วายส่ายหน้าพลางลอบถอนใจ

“ก็มันไม่ได้มีความเชื่อความศรัทธานี่…ที่สำคัญ…พวกนี้มันมีศาสนาซะที่ไหน…
ศาสนามันลัทธิมัน มันอยากจะนึกตั้งมันก็ตั้งเอาเองตามอารมณ์มันทั้งนั้นแหล่ะ…
อยากเปลี่ยนอยากแก้ไขอะไรตรงไหนมันก็เปลี่ยนเอาเองตามอำเภอใจ…

แล้วอย่าเอาศาสนาเราไปเทศนามันนะ…เพราะบางทีมันอาจรู้เรื่องศาสนาเรา
มากกว่าเราๆด้วยซ้ำไป…มันสามารถพูดเรื่องศาสนา…หลักศรัทธา
และการทำความดีได้เป็นฉากๆ…สอนสั่งคนอื่นจนได้ดิบได้ดี…
เพราะมันเรียนศาสนาโน้นศาสนานี้มาเพื่อหากินกับศรัทธาของผู้คนนี่แหล่ะ…

คนพวกนี้มีเงินและวัตถุเป็นพระเจ้าเอาไว้บูชา...เลยทำงานได้ทั้งปีไม่มีวันหยุดหรอก…
เพราะหยุดเมื่อไหร่...เงินก็ไม่สะพัดเข้ากระเป๋าเมื่อนั้น…”

หญิงสาวหยุดไปนิดก่อนจะนึกชิงชังศัตรูคู่อาฆาตที่พรากพ่อไปจากเธอ
และพรากอีกหลายชีวิตไปจากโลก

“เขาเรียกว่าพวกพูดความจริง พูดเรื่องสัจธรรมทั้งๆที่มันเป็นจอมโกหก...
ตัวพ่อมันน่ะหน้าตาโหดร้ายเหมือนโจรไม่มีหรอก หน้าตาดีๆ พูดจาดีๆ
รื่นหูกันทั้งนั้นแหล่ะ…ผู้คนก็ยกย่องบูชามัน…มองว่ามันเป็นนักบุญ
มีความรู้เรื่องศาสนาสูง…น่าศรัทธาน่าเลื่อมใส…

ทั้งๆที่ความรู้ที่ว่ามันไม่ได้มีความเข้าใจในความรู้ที่เรียนมาเลยด้วยซ้ำ…
เพราะถ้ามีความเข้าใจสักนิด…พวกมันคงไม่คิดทำชั่วทำเลวแบบนี้แน่…

เพราะ…เหนือกว่าความรู้คือความเข้าใจ…

อย่าให้ต้องถึงกับรู้ให้มากแบบครอบจักรวาลเลย…ขอแค่พยายามทำความเข้าใจ
ในสิ่งที่รู้มา…แล้วนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช่คอยแต่จะสร้างแต่
ความเดือดร้อนบนหน้าแผ่นดินแบบนี้…”

หญิงสาวสรุปในสิ่งที่พูดมาเสียยืดยาว ปกติกับคนท่ัวไปเธอแทบไม่ค่อยพูด
แต่กับน้องนุ่งและกับคนที่สนิทใจแล้วเธอพูดได้เป็นต่อยหอย พูดได้จนลิงหลับ

“ว่าแต่…พี่รู้ได้ไง…ว่าเขาจะจับไปทำอะไรต่อจากนี้…อย่าบอกนะว่าแค่เดาเอาน่ะ…”

“พี่ไล่ล่าขบวนการค้ามนุษย์มาตั้งแต่เริ่มจับงานตำรวจ แฝงตัวไปเป็นเหยื่อล่อ
มาแล้วก็เคย ทำไมจะดูไม่ออก…มันจัดการไม่ยากถ้าหลายๆฝ่ายเอาจริงเอาจัง…
คนชั่วจริงๆมีน้อยกว่าคนดีนะ…แต่มันดันมีอำนาจบารมีมากกว่าคนดีอยู่หลายเท่า…”

“อย่าบอกนะว่าจะกลับไปเป็นตำรวจอีก…” คนเป็นพี่ส่ายหน้า

“ไม่แล้ว…ขอเป็นแค่พลเมืองดีดีกว่า…สงสารแม่” คนเป็นน้องเลิกคิ้วสูงเลยทีเดียว
พ่ีสาวเลยยิ้มพลางบอกว่า

“หน้าที่พิทักษ์สันติราษฎร์ไม่ได้จำกัดไว้ให้อาชีพตำรวจทำได้เท่านั้นนี่…
ใครๆก็ทำได้กันทุกคน…”

"แต่มันจะมาใช้ปืนกราดยิงเหมือนตำรวจไล่ยิงผู้ร้ายไม่ได้นะพี่...
มันผิดกฎหมายบ้านเมือง"

"ก็แล้วใช้ไว้ป้องกันตัว มันจะผิดอะไร...อีกอย่าง เมื่อกี้พี่ไม่ได้ใช้ปืน..."

คนเป็นพี่ว่าหน้าตาเฉย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
แววตาประดุจเหยี่ยวที่รอจะจ้องจับเหยื่อ

“อีกไม่นานหรอกจามาล…ตัวพ่อและลูกสมุนของพวกมันในไทย
จะโดนลากออกมารับโทษ...พี่จะกระชากหน้ากากมันให้ได้…”

ผู้เป็นพี่ปิดท้ายแล้วหันไปขอโทษขอโพยอีกฝ่ายที่ยืนรออยู่โดยไม่พูดคำใด

“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่ทำให้เสียเวลา…” นุฮาไม่ได้พูดคำใดนอกจาก
เดินนำไปที่รถตู้

แล้วเขาก็นิ่งมาตลอดทางโดยไม่พูดไม่ปริปาก ทำเอาสองพี่น้องถึงกับงง
ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น สีหน้าท่าทางนิ่งๆเรียบๆ แววตาสงบๆนั่น
ไม่ได้ทำให้ผู้ร่วมเดินทางสงบตามไปด้วย

“พี่แกเป็นไรน่ะพี่บัว…” คนนั่งกั้นกลางกระซิบถามพี่สาวที่นั่งอีกข้างหนึ่ง

“จะไปรู้หรือ…ก็อยู่ด้วยกัน” ชายหนุ่มหน้าใสยักไหล่ ก่อนจะเหลือบไปทางนุฮา
ที่หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมากาง ปิดกั้นการสนทนาซักถามไปโดยปริยาย


พอนั่งรถจากสนามบิน ก็ยังคงนั่งดูอะไรต่อมิอะไรบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือตลอด
ทำเอาสองพี่น้องชักเอะใจ และฝ่ายน้องชายเริ่มเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่
หันไปพูดกับคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าข้างๆคนขับ
โดยที่สารถีเป็นคนของนุฮาที่ให้มารอรับที่สนามบิน…

“พี่นุ…พี่จะเอาไง…” คนที่กำลังก้มหน้าดูโน่นดูนี่ในโทรศัพท์มือถือ
เงยหน้าขึ้นแล้วเอี้ยวหลังหันมามองคนถาม ชายตามองหญิงสาวที่นั่งข้างๆ
น้องชายของเธอเพียงเสี้ยววินาทีแล้วเลิกคิ้วสูง

“ผมเห็นพี่นั่งไม่พูดมานาน…ก็แค่อยากถามว่าเรากำลังจะไปไหนกัน”

“แล้วเธอสองคนจะให้คนของพี่พาไปไหนล่ะ…”

“อ้าว…ก็ต้องเป็นบ้านลุุงสิพี่นุ…” แต่เท่าที่มองดูเส้นทางแล้วมันไม่ใช่

“ไปบ้านพี่ก่อนแล้วกัน ใกล้ถึงแล้ว…แล้วเดี๋ยวพี่ค่อยไปส่งที่บ้านลุงของนายให้…
อย่างน้อยนี่ก็ใกล้เวลาละศีลอดแล้ว…”

พูดจบก็หันกลับไปจดๆจ้องๆกับโทรศัพท์ในมืออีกครั้งแล้วก็ไม่พูดอะไรอีกเลย
จนถึงบ้านของเขา…

สองพี่น้องแนะนำตัวกับประมุขของบ้านและมารดาของนุฮา
พร้อมร่วมรับประทานอาหารค่ำละศีลอดด้วยกัน…

จากนั้นก็ถูกมารดาของนุฮาลากไปนั่งสัมภาษณ์อยู่นาน…กว่าจะจบการสัมภาษณ์
ก็ล่วงเลยเวลาสองทุ่ม สองพี่น้องจึงขอตัวกลับที่พัก นุฮาเลยอาสาขับรถไปส่งเอง…

ระหว่างนั่งรถมาด้วยกันก็ไม่ได้มีการพูดจาปราศัยต่อกัน
มีแต่ต่างฝ่ายต่างหันหน้าเข้าหาหน้าจอมือถือในมือ
ส่วนคนขับก็ขับรถไป มองถนนหนทางไป…

จนกระทัั่งมาถึงบ้านของคุณลุงของสองพี่น้อง ผู้เป็นพี่ก้าวขาออกจากรถ
ส่วนผู้เป็นน้องก็คอยรับสัมภาระมาไว้ในมือ

“ขอบคุณนะคะที่มาส่งเราสองพี่น้อง…ขอให้กลับถึงบ้านโดยปลอดภัยค่ะ”

พูดจบก็เดินเข้าบ้านไป ทำเอาคนเป็นน้องชายต้องหันไปยิ้มแหยๆ
ให้นุฮาที่ยืนหน้านิ่งอยู่

“จะเข้าไปทักทายคุณลุงด้วยกันก่อนมั้ยครับพี่…” นุฮายิ้มเพียงนิดก่อนจะส่ายหน้า

“เอาไว้วันหลังแล้วกัน…ว่าแต่นายจะกลับเมื่อไหร่…”

“คงอีกสามสี่วันครับ…ต้องกลับไปช่วยงานที่รีสอร์ท ท้ิงมาหลายวันไม่ได้
เดี๋ยวแม่เหนื่อยตาย…” เขาว่ายิ้มๆ

“งั้นพี่กลับก่อนนะ…เอาไว้เจอกัน…” นุฮายิ้มพร้อมกับเปิดประตูรถ

“เดี๋ยวพี่…” เสียงนั้นเรียกไว้

“พี่ไม่พอใจไรพี่บัวรึเปล่า…” นุฮายักไหล่นิดๆ

“มีอะไรที่พี่ต้องไม่พอใจเขา…”

“ก็ไม่รู้สินะ…แบบว่า…มันดูทะแม่งๆ…”

“เข้าบ้านเถอะ…แล้วยังไงพี่จะแวะมาหาอีก…” นุฮาบอกด้วยสีหน้าแววตาเป็นมิตร

“พี่บัวเขาไม่ใช่คนโรแมนติกนะพี่…ออกจะแข็งๆ…ยิ่งเคยผิดหวังกับผู้ชายแย่ๆมา…
เอ่อ…เขาเลยตั้งปนิธานว่าจะอยู่โยงเฝ้าคานน่ะ…

แถมยังชอบใช้ชีวิตเสี่ยงๆ…แฟนเก่าเขาบอกว่าประทับใจที่พี่เขาเป็นคนแบบนั้น…
แต่สุดท้ายก็เลือกจะทิ้งพี่เขาไปแต่งงานกับสาวอื่น
โดยให้เหตุผลห่วยแตกบรรลัยโลกว่า…พี่บัวเป็นคนดีเกินไป…อุดมการณ์จัดไป”

พูดจบก็ลากกระเป๋าทั้งของตนและของพี่สาวเข้าบ้านไป…

นุฮาเองก็มองว่าพี่สาวของจามาลดูจะมีอุดมการณ์ที่อาจทำให้ชีวิตเธอ

ต้องเดินไปบนหนทางเสี่ยงๆ...แล้วเขาก็เห็นเค้ามหันตภัยร้ายกำลังพาดผ่านเข้ามา

แทบไม่ต้องคิดเลยว่า...ตอนนี้...ชีวิตเธอกำลังตกอยู่ในสายตาของใคร
ที่จับจ้องหมายจะเอาชีวิตเธออยู่บ้าง...เมื่อเธอเลือกจะไปยุ่งกับคนพวกนัั้น

แล้วจะมีไหมที่คนแบบเธอจะตระหนักถึงความรู้สึกของคนอื่นที่อยู่ข้างหลัง!!!

...แล้วทำไมเขาต้องเป็นห่วงเธอแทนแม่และน้องชายของเธอด้วย...





............โปรดติดตามตอนต่อไป............


เอานาดีมมาฝากค่ะ...อิอิ พี่นุกับหนูบัวด้วย...

มารกำลังโดนกระหน่ำโจมตี งานนี้ต้องมารอดูการตอบโต้กันค่ะ
น่าจะดุเด็ดเผ็ดมัน เพราะอีตาก๊อตก็จะออกมาจากเงาแล้วเหมือนกัน
คราวนี้มาเป็นแพ็คแน่ค่ะ...มาม่าแพ็ค...เหอๆๆ

ไม่แน่ใจว่าจะมีใครเข้ามาอ่านกันบ้างในช่วงวันหยุดยาวๆเช่นนี้
อย่างไรก็ขอให้มีความสุขกับวันหยุดกันนะคะ และขอให้เดินทาง
ปลอดภัยกันทุกคนค่ะ....

เต่ายังมาเรื่อยๆ ไม่มีวันหยุด มีแรงปั่นก็จะปั่นมาลงเรื่อยๆค่ะ
ใครเข้้ามาก็อย่าลืมส่งเสียงทักทายกันบ้างนะคะ

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตาม ที่กดไลค์ให้เต่า เข้ามาพูดคุยไม่ให้เหงาจนเกินไป

ยังไง...ก็ขอสุขสันต์ปีใหม่ไทยนะคะ.....^^



......ตอบเม้นท์จ่ะ........

1.คุณPampam...พี่นุแกสามารถเคลียร์ตัวปัญหาได้แล้วค่ะ....อิอิอิ

2.คุณkonhin...หัวใจมีดวงเดียว แต่ไตมีสองข้างนา
ขาดไปสักข้าง แม้จะยังหายใจได้อยู่...แต่ก็อยู่แบบขาดๆนา...
เลยต้องไปตามหาไต...แบบไตหาหัวจาม...เหอๆ
เฮียแกบอกว่าจะไปล้วงตับ ไต ไส้พุงบัว แต่เท่าที่ดูๆเหมือนจะเป็นข้ออ้าง
ที่ดูสมเหตุสมผลในสายตาคนอื่นเนอะ...เหอๆ...

มดแดงกัดเจ็บจริงๆค่ะ พอมันกัดเสร็จมันก็หยอดน้ำส้มที่ก้นมันใส่เราอีก
ทั้งเจ็บทั้งแสบล่ะทีนี้...อิอิ เป็นการรังแกผู้หญิงที่ไร้ความหวานซ่อนเร้นจริงๆ อิอิ

ส่วนรายนามผู้ที่ถูกเผาไฟไป จะเป็นมัมมี่รีเทิร์นเมื่อไหร่ มาดูกันค่ะ
เพราะของอย่างนี้ เวลาและจังหวะ ช่างสำคัญยิ่งนัก

ปล.สวัสดีปีใหม่ไทยเช่นกันค่ะ...ระหว่างนี้ถ้าไหว เต่าจะเอามาลงเลยค่ะ
เพราะช่วงฤดูร้อน คนท้องไส้ไม่ดีอยู่แล้วอย่างเต่า มักท้องเสียทู้กกกกกปี...
และมันก็เวียนมาให้หวาดเสียวไส้กันอีกแล้ววววว...อิอิ


3.คุณPat...ตอนนี้ให้พี่นุแกรับบทหนักค่ะ...อิอิ
แต่โยว่านะ ระหว่างมดแดงสองรังกับพ่ีนุคนเดียว ถ้าให้เลือกเผชิญหน้า
บัวเลือกมดแดงชัวร์ๆ...ฮ่าาาาาาาา...คนบางคนอาจจะใจกล้ากับอะไรหลายๆอย่างได้
โดยไม่หวาดหวั่น แต่มันก็ต้องมีสักอย่างหนึ่งในชีวิตที่เราไม่กล้าเผชิญหน้า
ล่ะน้าาาาาาา...5555


4.คุณcoonX3...รินทร์กับผู้นุเนี่ยเหมือนกันตรงที่เข้าทางผู้ใหญ่นี่แหล่ะ
ไม่เหมือนก๊อตที่เข้าทางมารเลยได้แต่งงานกับวา...ฮ่าๆๆๆ


5.คุณnapt....เต่าว่าเฮียแกไม่น่าจะรู้ทันตัวเองนะคะ...
หมายถึง ไม่น่าจะทันความรู้สึกตัวเองเร็ว ต้องมาดูกันว่าทำไม...
คนขี้เล่น ขี้แกล้งมักเป็นเช่นนี้...^O^
ส่วนโปรแกรมทัวร์หลีเป๊ะรอบบนี้จบทริปแล้วค่ะ เพราะเต่ายังต้องไปสาวไส้มารอีก...
เลยหมดฤดูท่องเที่ยวแล้วค่ะ...อิอิอิ


6.คุณแว่นใส...หลีเป๊ะสวยมากค่ะ...พี่ชายเต่าไปบ่อยเหลือเกิน
ไม่ได้ติดใจสาวๆอะไรที่นั่นหรอกค่ะ แต่เขาติดใจบรรยากาศทีี่นั่น
และมีคนรู้จักอยู่ที่นั่น บอกเต่าว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อนโน้น
เกาะสวยกว่าปัจจุบันที่เห็นๆกันมากเพราะว่าเป็นธรรมชาติ ไร้สิ่งปรุงแต่ง...
แสงสีมีไม่เยอะ เกาะรอบๆบริเวณนั้นก็สวยมากค่ะ
ยิ่งถ้าได้ไปตกหมึกตกกุ้งล่ะก็....อื้อหือ...
ปล.พี่นุแพ้หญิง ส่วนบัวแพ้มดแดง...เหอๆ


7.คุณตุ๊งแช่...พี่นุแกเอาคำโฆษณามายึดถือปฏิบัติค่ะ...แบบว่า...
เป้าหมายมีไว้พุ่งชน...เลยได้โครมใหญ่เลย...ฮ่าาาาาาาา

จัดครบแล้วน้าาาาา...เดี๋ยวเราไปเวียนวนกันต่อ...อิอิอิ
ใกล้ได้เวลาสาวมาม่าเสริฟแล้วอ่ะ...เฮะๆ


8.คุณyapapaya...บัวเหมือนจะยอมให้พี่นุล้วงตับ ไต ไส้พุงแล้วอ่ะ
เหลือหัวใจ พี่แกเหมือนจะยังพยายามไม่ถึงที่สุด อิอิอิ


9.คุณsunflower...ดูสิ...มากรี๊ดพี่นุเสร็จก็ไป...
ไม่มีกรี๊ดตาก๊อตเลยอ่ะ...แสดงว่ายังแค้นฝังใจกับก๊อตใช่มั้ยอ่ะ...^o^


10.คุณyasta...พี่นุแกหาทางกระชับพี่ที่ทุกทางที่กระชับได้กันเลยล่ะค่ะ
แต่...ความพยายามอยู่ที่ไหน...ความพยายามก็อยู่ที่นั่น เหอๆๆๆ
ส่วนความสำเร็จหนีไปนอนรอเฮียแกอยู่ที่ไหนนั้น เต่าก็ยังตอบไม่ด้ายยยยยย...ฮ่าาาาาา




yoraya
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 เม.ย. 2558, 18:50:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 เม.ย. 2558, 00:03:58 น.

จำนวนการเข้าชม : 3471





<< บทที่ 41 กระชับพื้นที่ (100%)   บทที่ 43 น้องวาว่า >>
ตุ๊งแช่ 10 เม.ย. 2558, 19:51:12 น.
วนมาบรรจบครบรอบ ขึ้นเผาได้. ดีๆๆ สงกรานต์ เฝ้าบ้านได้มีไรอ่าน


แว่นใส 10 เม.ย. 2558, 20:05:23 น.
มารร้ายมาแล้ว พี่นุช่วยด้วย


yapapaya 10 เม.ย. 2558, 20:21:19 น.
มารจะตามน้องบัวแล้ว พี่นุต้องช่วยหนูบัวด้วยเด้อ


คนเหงา 10 เม.ย. 2558, 20:47:07 น.
จะติดตามจ้า


Pampam 10 เม.ย. 2558, 22:06:02 น.
อ่านค่ะ มารอทุกวัน พ่อของนาดีมเป็นพวกค้ามนุษย์หรือเปล่า บัวกำลังมีภัย


konhin 10 เม.ย. 2558, 22:55:05 น.
อ้าว นึกว่าพี่นุจะจีบบัว ที่ไหนได้ หลอกคนอ่านนินา
อาเล็กกู่ไม่กลับแล้วหล่ะ แบบนี้
ฝ่ายมารส่งมารมาหาบัวแล้ว แต่ทำไมมารหลุดมาได้อ่ะ ไหนว่าเดือนนี้มารถูกล่ามไง


coonX3 11 เม.ย. 2558, 02:33:37 น.
พี่นุคิดไรอยู่อะ เดี๋ยวต้องมีเคลียร์แน่ ส่วนฝ่ายมารจะทำไรอีกอะ แน่ๆน่าจะมีเรื่องผิดกฎหมายด้วยปะค่ะ


Habibi 11 เม.ย. 2558, 06:58:51 น.
เอ๋!พี่นุ..ยังไงหล่ะทีนี้ตกลงจะได้คู่กับหนูบัวจอมบู๊มั้ยเนี่ย!แล้วที่นั่งเงียบมันหมายความว่าอะไร..ได้มาเคลียร์กันแน่...เอาแล้วไงมารคิดจะส่งคนมาจัดการหนูบัวจอมบู๊หรอ...พี่นุช่วยด้วยยยย....(คิดถึงวารินทร์กับหนูอานิต้าจัง)


napt 11 เม.ย. 2558, 09:53:38 น.
บัวเท่มากกกก ตัวพ่อที่จะกระชากหน้ากากใช่ตัวเดียวกับเครือข่ายพ่อแม่นาดีมรึเปล่านะ
น้าเล็กดูเหมือนน่าสงสาร แต่ก็ดูเหมือนมีส่วนร่วมในขบวนการ
รอเฉลย 555

ไม่เที่ยวไม่เป็นไรค่ะ ไว้รอเรื่องอื่น 555 ติดใจที่คุณโยบรรยายได้เหมือนเราได้ไปเที่ยวด้วยน่ะค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account