ป่าหนาวไม่หนาวรัก
ความรักช่างเกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย เพียงแค่ได้สบตากันครั้งแรก
นายหัวหนุ่มแห่งป่าหนาวพยายามบอกหัวใจตัวเองมาตลอดเวลาทุกครั้งที่ได้เจอหน้าเธอว่าเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะรักใครได้อีกแล้วเพราะทั้งหัวใจตอนนี้มีเพียงแค่ปรายฟ้าคนเดียวเท่านั้นถึงแม้แฟนสาวได้จากเขาไปแล้ว หมอเคียวเพียงได้สบตานายหัวหนุ่มราวกับมีประกายไฟแล่นเข้าสู่ร่างกายเธอทันที ความรักทำให้เธอเข้าไปพัวพันกับการตายของปรายฟ้า และเหตุการณ์ครั้งนั้นนั่นเองผูกความสัมพันธ์ของเขากับเธอให้แน่นยิ่งกว่าเดิม เธอจะทำอย่างไรเมื่อเจอกับปัญหาใหญ่หลวง และเขาจะทำอย่างไรเลือกความรักครั้งเก่า หรือเลือกหัวใจตัวเอง
Tags: รักหวานแหวว แววตาซึ้ง ๆ

ตอน: บทที่ 11-12

บทที่ 11 แค่คำว่ารักเพียงคำเดียว

นายหัวแห่งป่าหนาวยกตัวขึ้นมองร่างบางของคุณหมอคนสวยที่นอนอยู่บนเตียงกว้างด้วยสายตารักใคร่ ใครเลยจะคิดว่าคนอย่างเขานั้นจะรักผู้หญิงคนนี้ได้อย่างหมดหัวใจแบบนี้ ความรู้สึกแบบนี้มันยังไม่เคยเกิดขึ้นกับใครทั้งสิ้น ทั้งหวงแหน ห่วงใย ทุก ๆ อย่าง อย่างนี้ใช่มั้ยที่เขาเรียกว่าตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้น ริมฝีปากหนาของพนาพรรษยกขึ้นเล็กน้อยเมื่อสบตากลมโตของหญิงสาวแล้วเห็นแววตาเต็มไปด้วยคำถามว่าทำไมเขาถึงไม่ทำอะไรต่อ
“ฮึ..ฮึ..พี่แค่อยากมองเคียวอีกนิดถึงพี่จะทรมานก็เถอะ”
คำตอบของนายหัวแห่งป่าหนาวทำให้ร่างบางที่นอนอยู่ถึงกับหน้าแดงก่ำความร้อนวิ่งพล่านจนถึงลำคอสวยได้รูป พนาพรรษเห็นแบบนั้นแล้วทนต่อไปไม่ไหวอีกแล้วที่เก็บกลั้นอารมณ์ชั่วร้ายที่เกิดขึ้นกับยานั่นก็พอแรงแล้วตอนนี้ นายหัวแห่งป่าหนาวค่อย ๆ จุมพิตหน้าผากนูนสวยได้รูปของคุณหมอคนสวยหนึ่งที ลมหายใจกรุ่น ๆ ที่พัดผ่านมาทำให้คุณหมอคนสวยหลับตาด้วยความรัญจวนริมฝีปากหนาลากไล้มาที่ดวงตาทั้งสองข้าง ปลายจมูกโด่งสวยได้รูป ริมฝีปากข้างซ้าย ข้างขวาก่อนจะมาบรรจบที่ริมฝีปากบางสวยได้รูปที่เขารู้ว่ามันหวานขนาดไหน ขวัญพรรษผวาเยือกกับความอ่อนโยนที่นายหัวแห่งป่าหนาวค่อย ๆ บรรจงให้เธอ หญิงสาวแย้มริมฝีปากจุมพิตตอบกลับไปอย่างอ่อนโยนเท่าที่เธอทำได้เหมือนกัน และมันคงจะดีเพราะเสียงครางแหบห้าวของอีกคนทำให้เธอยิ้มออกมาอย่างยินดี ปลายนิ้วแข็งแรงไต่ไปตามแผ่นหลังก่อนจะสอดเข้าสัมผัสเนื้อแท้เนียนเรียบอย่างเป็นเจ้าของเต็มเปี่ยม มือหนาลูบไล้มาเรื่อย ๆ จนถึงอกอวบอิ่มเต็มไม้เต็มมือ คุณหมอถึงกับผวาอีกครั้งกับสัมผัสแปลก ๆ ที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อน ร่างบางถึงกับสั่นสะท้านไหวทั้งกายเมื่อมือหนานั้นไม่ได้ลูบไล้สัมผัสเพียงอย่างเดียวแต่กลับบีบเคล้นจนร่างบางถึงกับหยัดกายขึ้นเพื่อให้อีกฝ่ายสัมผัสได้อย่างเต็มที่ ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเพราะว่าตอนนี้เธอคิดอะไรไม่ออกเลย ในหัวของเธอมึนงงไปหมดมีแต่หมอกขาวโพลนไปทั้งหัว ขวัญพรรษกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อโดนสัมผัสแบบนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า
“เคียวจ๋า อย่าทำแบบนี้ ไม่เป็นไรคนดี พี่อยากได้ยินเสียงเคียว”
เสียงแหบพร่ากระซิบข้างหูของหญิงสาวก่อนจะจูบไล่ใบหูเล็ก ๆ ของเธอจนอีกฝ่ายขนลุกไปทั่งร่างด้วยความเสียวสร้าน
“พะ..พี่ป่าขา”
คุณหมอคนสวยครางเรียกชื่ออีกฝ่ายทันทีเมื่อใบหน้าคมเข็มนั้นซุกเข้ากับซอกคอขาวนวลของเธอพร้อมกับดูดเม้มจนเก็บรอยแดงไปทั่ว ปากหนาได้รูปของนายหัวแห่งป่าหนาวไล่จากซอกคอมาจนถึงอกอวบอิ่มของหญิงสาว มันเป็นสิ่งที่เขาอยากสัมผัสตั้งแต่แรกแต่ต้องเก็บอารมณ์ไว้เพราะกลัวว่าคุณหมอคนสวยจะตกใจกับสิ่งที่เขาทำ ปลายลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดกับยอดออกที่ชูชันขึ้นท้ารับอุ้งปากของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าถึงแม้ตอนนี้มันยังมีเสื้อผ้าครบทุกชิ้นก็เถอะ แค่นี้มันก็ทำให้เธอสั่นไปทั้งกายแล้ว ปลายนิ้วแข็งแรงค่อย ๆ ปลดกระดุมเสื้อของหญิงสาวอย่างเบามือ ขณะที่ริมฝีปากก็ยังซุกซบกับซอกคอหอม ๆ ที่เขาชอบเหลือเกิน พนาพรรษค่อย ๆ ปลดเสื้อผ้าของหญิงสาวออกทีละชิ้นทีละชิ้นจนเหลือแต่แพนตี้ตัวน้อยสีดำกับเสื้อชั้นในลายลูกไม้สีดำเข้าชุดเหมือนกัน ขวัญพรรษรู้ได้อย่างไรนะว่าเขาชอบสีดำ
“เคียว..คนดีสวยเหลือเกิน”
เสียงกระซิบเผ่าเบาดังเข้าหูคุณหมอคนสวยจนหญิงสาวต้องยกมือขี้นลูบแก้มนุ่มสาก ๆ ของนายหัวแห่งป่าหนาว เพราะเคราที่เริ่มงอกขึ้นมาบ้างก็เถอะ
“แล้วพี่ป่าชอบหรือเปล่าคะ”
เสียงหวานกระซิบถาม
“ชอบ..ชอบที่สุด”
เสียงแหบห้าวตอบพร้อมรอยยิ้มที่หญิงสาวคิดว่ามันเป็นรอยยิ้มที่สวยที่สุดที่เธอเคยพบมา และเธอสัญญาว่าจะเก็บรอยยิ้มนี้ไว้กับเธอเพียงผู้เดียว จะไม่ให้รอยยิ้มนี้ไปอยู่กับคนอื่นเด็ดขาด แล้วคุณหมอคนสวยต้องหยุดความคิดของตัวเองเมื่อมือแข็งแรงของคนตัวใหญ่กว่าเธอปลดตะขอชุดชั้นในของเธอออกแล้วเริ่มลูบไล้สัมผัสก้อนเนื้ออวบอิ่มบีบเคล้นเบา ๆ คนหญิงสาวต้องหยัดกายเพื่อให้เขาสัมผัสเธออีกครั้งอย่างใกล้ชิด
“พี่ป่าขา เคียวเป็นอะไร เคียวไม่ไหวแล้ว”
เสียงหวานสั่นพลิ้วอย่างไม่เข้าใจกับความรู้สึกของเธอที่เกิดขึ้นในขณะนี้
“ไม่เป็นไรครับ ไม่เป็นไร”
ชายหนุ่มปลุกปลอบเสียงสั่นพลิ้วเหมือนกัน ก่อนจะโอบอุ้มอกอวบเต็มไม้เต็มมือนั้นไว้ในอุ้งปากตัวเอง ดูดกลืนยอดอกอิ่มที่ชูชันให้เขาลิ้มลองอย่างเต็มใจจนเปียกชุ่มไปหมด มือเรียวของหญิงสาวลูบไว้ไปทั่วศีรษะทุยขยุ้มเส้นผมของเขาราวกับมันจะช่วยปลดปล่อยอารมณ์ทรมานที่เขากำลังทำให้เธอขณะนี้ มือหนาลูบไล้หน้าท้องเรียบเนียนของคุณหมอคนสวยอย่างหลุ่มหลงไล้ลงต่ำเรื่อย ๆ จนถึงใจกลางของความนุ่มชื้น สัมผัสนั้นทำให้หญิงสาวยกขาขึ้นมาบังชายหนุ่มไว้พร้อมกับจับมือของนายหัวที่ลูบไล้ไม่หยุดมือแถมยังสร้างความทรมานให้กับเธออีก
“มะ..ไม่ได้นะคะ”
ขวัญพรรษผวาห้ามอีกฝ่ายเสียงหลงเพราะไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ ที่ตรงนั้นซึ่งไม่เคยมีใครได้สัมผัสใกล้ชิดแบบนี้มาก่อน
“ไม่เป็นไรครับ พี่อยากให้เคียวมีความสุข ไม่ต้องกลัวนะคนดี”
ไม่ได้พูดเปล่า ๆ เพราะใบหน้าคมเข้มของนายหัวแห่งป่าหนาวค่อย ๆ ไล้ไปตามหน้าท้องแบนราบเรียบไร้ซึ่งไขมันส่วนเกินใด ๆ ทั้งสิ้น ขวัญพรรษไม่รู้จะทำอะไรได้สองมือเรียวได้รูปกำผ้าปูที่นอนไว้แน่นเพื่อบรรเทาอารมณ์พิศวาสที่กำลังเพิ่มขึ้นจนแทบแตกละเอียดในตอนนี้ มือหนาเกี่ยวแพนตี้ตัวน้อยออกตามเรียวขายาวของคุณหมอคนสวย ขวัญพรรษถึงกับครางออกมาอย่างลืมตัวเมื่อริมฝีปากหนาของอีกฝ่ายเริ่มจุมพิตเนินเนื้อน้อย ๆ ของเธอก่อนจะตามด้วยปลายลิ้นที่เริ่มเกี่ยวรัดดูดดื่มความหวาน
“อืม..พะ..พี่ป่าขา”
เสียงครางของขวัญพรรษเปรียบเสมือนไฟเร่งเผาผลาญให้เขารุกรานยิ่งกว่าเดิม มือแข็งแรงค่อย ๆ จับสองขาเรียวงามของคุณหมอยกขึ้นเพื่อเขาจะได้สัมผัสความอวบอิ่มของหญิงสาวได้อย่างแนบชิดกว่าเดิมปลายลิ้นเริ่มทำหน้าที่อย่าวรวดเร็ว เขาอยากทำให้ขวัญพรรษมีความสุขมากกว่านี้แต่ตอนนี้เขาทนไม่ไหวแล้ว ที่อดทนได้ขนาดนี้ก็นับว่าทรมานเขามากแล้ว นายหัวแห่งป่าหนาวลุกขึ้นยืนแต่สายตาไม่ได้ละไปจากความงามตรงหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว เขาจัดการถอดเสื้อผ้าตัวเองก่อนจะล้มตัวลงแนบร่างบางนั้นอีกครั้งพร้อมกับแยกขาเรียวให้ยกขึ้นก่อนจะแนบร่างชิดหญิงสาวเข้าไปอีกนิด
“เคียว..เราจะไปพร้อม ๆ กันนะ ไม่ต้องกลัว”
ไม่มีเสียงตอบของคนที่นอนหมดเรี่ยวแรงอยู่ด้านหน้ามีเพียงใบหน้าที่พยักตอบรับคำขอของเขา ชายหนุ่มก้มลงจุมพิตริมฝีปากบางนั้นอีกครั้งอย่างดูดดื่ม แล้วค่อย ๆ ไล่จูบมาเรื่อย ๆ จนถึงแอ่งสะดือปลายลิ้นเรียวแข็งแรงไล้วนรอบหลุมนั้นเล่นอย่างหลอกล้ออีกฝ่าย คุณหมอถึงกับเกร็งร่างกายไปทั้งร่างกับสัมผัสวาบหวิวก่อนจะกัดริมฝีปากแน่นเมื่อปลายลิ้นเรียวแข็งแร็งของนายหัวแห่งป่าหนาวไม่ได้หยุดตรงนั้นที่เดียวยังก้มต่ำลงไปสร้างความรัญจวนให้กับเนินเนื้อที่เปียกปอนเหมือนยอดหญ้าเปียกน้ำค้างยามเช้า สะโพกกลมมนไหวสะท้านไปมาเมื่อชายหนุ่มสอดส่ายปลายลิ้นไปทั่วเนินเนื้ออวบอิ่มก่อนที่นิ้วแข็งแรงจะเริ่มสำรวจความพร้อมนิ้วแข็งแรงลูบไล้ไปมาจนสะโพกผายได้รูปไหวไปตามจังหวะนิ้วของนายหัวแห่งป่าหนาวเพียงแค่นั้นเขาก็รู้แล้วว่าคุณหมอคนสวยคนนี้พร้อมแล้วสำหรับเขา ชายหนุ่มค่อย ๆ ยกสะโพกแข็งแรงของตัวเองขึ้นก่อนจะค่อย ๆ แทรกกล้ามเนื้อที่ชูชันอวดความแข็งแรงของมันมานานแล้วเข้าสู่ความอ่อนนุ่มนั้นอย่างอ่อนโยน แต่มันก็เข้าได้เพียงนิดเดียวเพราะมีสิ่งกีดกั้นไม่ให้มันไปพบกับความอ่อนนุ่มที่มันต้องการ
“จะ..เจ็บ..พะ..พี่ป่าเคียวเจ็บ”
คุณหมอคนสวยร้องเสียงหลงพลางถัดสะโพกตัวเองออกไปอีกนิดพร้อมกับยกมือขึ้นผลักอกกว้างและแข็งแรงของนายหัวแห่งป่าหนาวออกอย่างสุดแรงเพราะความตกใจบวกกับเจ็บปวดที่ได้รับ
“นิดเดียวครับคนดี มันจะเจ็บแค่ตรงนี้ เคียวอย่าเกร็งนะครับ เราจะไปพร้อมกันนะเชื่อพี่ ถ้ามันเจ็บนักเคียวกัดแขนพี่ไว้ก็ได้นะครับคนดีของพี่”
นายหัวแห่งป่าหนาวบอกพร้อมกับจุมพิตริมฝีปากบางนั้นอีกครั้งเพื่อให้หญิงสาวได้ผ่อนคลายเพียงครู่เดียวเขาก็หยัดสะโพกแข็งแรงขึ้นนิดนึงก่อนจะสอดแทรกเข้าไปจนสุด ร่างบางของคุณหมอคนสวยถึงกับผวาสุดตัวก่อนจะกัดแขนแข็งแรงนั้นจนเลือดซึมตามรอยฟันที่เธอกัดไปอย่างเต็มกำลัง
“ไม่เป็นไรครับคนดี ไม่เป็นไร”
นายหัวแห่งป่าหนาวปลอบเสียงแหบพร่าก่อนจะค่อย ๆ หยัดสะโพกขึ้นอีกครั้งแล้วค่อย ๆ แทรกเข้าไปหาความอ่อนนุ่มนั้นอย่างอ่อนโยนคราวนี้เสียงครางที่ร้องออกมานั้นไม่ได้เกิดจากความเจ็บปวดมันปะปนไปด้วยความเสียวสร้าน วาบหวาม อ่อนโยน จนเธอต้องขยับตามจังหวะที่ชายหนุ่มค่อย ๆ ดำเนินไปเรื่อย ๆ สะโพกหนาของชายหนุ่มไหวสะท้านไปมาจนเขาต้องครางออกมาอย่างพึงพอใจเมื่อสะโพกกลมมนนั้นขยับตอบโต้เขาถึงแม้มันจะไม่ได้ชำนาญแต่เขาก็ชอบหญิงสาวที่ตอบรับเขาแบบไร้เดียงสาแบบนี้ ชายหนุ่มเริ่มเพิ่มความเร็วขึ้นอีกนิดเมื่อเห็นว่าร่างบางไหวสะท้านไปทั้งกาย
“อืม....เคียว..ดีจังอีกนิดนะครับ แบบนั้นแหล่ะครับ เก่งจังคนดี”
พนาพรรษครางเสียงแหบพร่าร้องขอให้หญิงสาวมอบความสุขให้เขาบ้างเมื่อร่างบางตอบโต้เขาได้ในจังหวะเร่งเร้าที่เขาเป็นคนเริ่มขึ้นก่อน เสียงครางในตอนนี้ไม่รู้ว่าเป็นเสียงของใครบ้าง แต่มันก็บ่งบอกถึงความสุขที่ต่างคนพยายามมอบให้คนที่ตัวเองรักอย่างสุดความสามารถ สุดแรง มือแข็งแรงของนายหัวแห่งป่าหนาวสอดเข้าช้อนสะโพกผายของคุณหมอคนสวยเพื่อให้เขาได้สัมผัสหญิงสาวอย่างใกล้ชิด ชายหนุ่มไหวสะโพกแข็งแรงของตัวเองเข้าไปอย่างเร็ว ๆ ชายหนุ่มเร่งจังหวะเร็วขึ้นไปอีกเมื่อร่างบางในอ้อมกอดไหวตอบในแบบเดียวกันก่อนที่ร่างบางจะสั่นไปทั้งตัวเมื่อเธอได้ไปแตะขอบสวรรค์ที่เขาเป็นผู้นำพาไปก่อน จากนั้นอีกเพียงชั่ววินาทีร่างหนาก็ควบไปถึงเส้นชัยจนเขาเองก็สั่นไปทั้งตัว ชายหนุ่มค่อย ๆ ซบหน้ากับอกอวบอิ่มสองข้างของขวัญพรรษราวกับว่าการร่วมรักเมื่อสักครู่ระหว่างเขากับหญิงสาวนั้นดูดเรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดของเขาออกไปจนสิ้น

เสียงหอบหายใจดังทั่วห้องไม่รู้เป็นเสียงใคร แต่ที่รู้ ๆ ก็คืออ้อมกอดแข็งแรงของพนาพรรษกระชับแน่นยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ผ่านไปเมื่อครู่มันคือความจริง ถึงตอนนี้เขาจะหายจากอาการทรมานนั้นบ้างแล้ว แต่สิ่งที่เขามอบให้หญิงสาวผู้นี้มันคือหัวใจ คือความรัก คือชีวิตแน่นอน นายหัวแห่งป่าหนาวยกหน้าขึ้นจุมพิตขมับที่ชื้นเหงื่อของขวัญพรรษหลาย ๆ ครั้งติดกัน จนคุณหมอคนสวยต้องยิ้มกับการกระทำอันน่ารักของคนที่เธอเห็นในตอนแรกว่าไม่น่าจะเป็นคนที่น่ารัก อ่อนโยนได้ขนาดนี้
“พี่รักเคียว รักที่สุด”
เสียงกระซิบเบา ๆ ข้างใบหูเล็ก ๆ ของหญิงสาวแต่มันกลับดังไปทั่วหัวใจจนคุณหมอคนสวยต้องยกมือขึ้นมาแต่ที่หัวใจของตัวเองราวกับห้ามไม่ให้มันเต้นเร็วไปกว่านี้
“เคียวก็รักพี่ป่า รักที่สุด”
พนาพรรษยิ้มรับคำบอกรักของหญิงสาวอย่างอ่อนโยน ก่อนจะกระซิบหยอกเย้าจนหญิงสาวถึงกับหน้าแดงก่ำอีกครั้งเมื่อได้ยินคำพูดที่ชายหนุ่มก้มลงกระซิบข้าง ๆ หู
“ถ้ารักก็เอามือออกสิ มาปิดของพี่ไว้ทำไม”
ของพี่นั่นคือหน้าอกอวบอิ่มที่คุณหมอยกมือขึ้นมาห้ามไม่ให้หัวใจเต้นเร็วกับคำบอกรักของอีกฝ่าย
“ของพี่ป่าที่ไหน มันเป็นของเคียวมาตั้งหลายปีแล้ว”
ถึงหน้าจะแดงก่ำแต่เธอก็อดหยอกเย้าอีกฝ่ายกลับไปไม่ได้เช่นกัน
“แต่ตอนนี้มันเป็นของพี่แล้ว หรือจะเถียง”
เสียงขู่ขึงขังของนายหัวหนุ่มทำเอาใบหน้าที่แดงอยู่แล้วของคุณหมอคนสวยกลับแดงก่ำกว่าเดิมตอนนี้เลยไปถึงลำคอลามไปถึงอกอวบที่เขายึดไว้เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองเมื่อครู่ เพราะตอนนี้เธอรับรู้ถึงความแข็งแรงที่ขึงขังขึ้นมาอีกครั้งในกายเธอ
“เถียงอีกมั้ย”
เสียงแหบพร่าถามขึ้นมาอีกเมื่ออารมณ์พิศวาสตีตื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มสอดแทรกขึ้นลงเบา ๆ จนคุณหมอคนสวยครางเสียวหวานสั่นไหว
“อืม..ยายังไม่หมดฤทธิ์อีกหรือคะ”
คำถามนั้นเรียกเสียงหัวเราะจากนายหัวหนุ่มจนกายสั่นนิด ๆ
“ยาหมดฤทธิ์แล้ว แต่พี่ยังไม่หมดแรง เพราะอย่างงั้นเคียวต้องสู้แรงพี่หน่อยแล้วหล่ะ”
เสียงบ่นของคุณหมอคนสวยเงียบไปทันทีที่ชายหนุ่มขยับสะโพกจนร่างบางไหวไปทั้งกาย กิจกรรมรักนั้นคงดำเนินไปเรื่อย ๆ หลายสิบนาทีจนห้องทั้งห้องเงียบไปเพราะชายหนุ่มดูดเรี่ยวแรงของคุณหมอคนสวยไปจนหมด นายหัวแห่งป่าหนาวมองร่างบางที่หลับในอ้อมแขนก่อนจะจูบหน้าผากที่ชื้นเหงื่อเบา ๆ อีกครั้ง เรียกเสียง ฮืมฮำจากร่างบางนั้นทันที รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าคมเข้มอีกครั้งกับความน่ารักของคนในอ้อมกอดก่อนที่ตัวเขาเองจะหลับตามร่างบางนั้นอีกครั้ง

เสียงคลื่นสัดสาดดังครั้งแล้วครั้งเล่ากระทบเข้าหูหญิงสาวที่นอนหลับอย่างสบายใจ คุณหมอคนสวยเงินหน้าขึ้นมองสิ่งแปลกปลอมที่ทับช่วงหน้าขาของเธอและที่สำคัญมือของใครบางคนกำลังจับอกอวบอิ่มของเธอราวกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกันมานานนั่นแหล่ะ สายตากลมโตเหลือบมองศีรษะได้รูปที่ซุกซบซอกคอหอมกรุ่นของเธอ คุณหมอคนสวยเกือบจะร้องกรีดออกมาแล้วถ้าไม่นึกได้เสียก่อนว่าคนที่อยู่กับเธอตอนนี้คือใคร พี่ป่าของเธอนั่นเอง หญิงสาวยิ้มหน้าแดงก่ำเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น คุณหมอคนสวยชะโงกหน้าเข้าจูบที่หน้าผากได้รูปของนายหัวแห่งป่าหนาวเบา ๆ แต่แค่นั้นมันก็ทำให้คนที่หลับอยู่เมื่อสักครู่ลืมตาขึ้นมาทันที
“ตื่นแล้วหรือเมียพี่”
สรรพนามที่ใช้เรียกทำให้คุณหมอคนสวยหน้าแดงก่ำเข้าไปอีกเพราะไม่คุ้นกับคำเรียกแบบนี้และคงไม่คุ้นไปเรื่อย ๆนั่นแหล่ะ
“ขี้ตู่”
หญิงสาวบอกพร้อมกับใช้นิ้วชี้จิ้มจมูกโด่งของเขาสองสามที
“ขี้ตู่ยังไง เอ้า..ไม่ใช่เมียพี่ก็ได้ แต่พี่เป็นผัวเคียวแล้วกัน”
“อ๊าย..พี่ป่าพูดอะไรไม่น่ารักเลย”
หญิงสาวอุทานแล้วตีเพี๊ยะที่แขนที่โอบและจับหน้าอกเธอคลึงเล่นอยู่ขณะนี้
“ที่สำคัญที่สุด เอามือออกจากหน้าอกเคียวได้แล้ว”
เสียงหวานแหวขึ้นกลบความอายเพื่อให้อีกฝ่ายปฏิบัติตามคำสั่งของเธอ
“อะไรกัน พี่บอกแล้วนี่นาว่ามันเป็นของพี่”
นายหัวแห่งป่าหนาวเถียงอย่างไม่ลดละ ทั้งที่ตอนนี้เขาน่าจะเตรียมตื่นเพื่ออาบน้ำแต่งตัวออกไปดูแลฟาร์มมุกของเขาได้แล้วส่วนรีสอร์ตยกให้เจ้านายคนเดิมของมันทำไปแล้วกัน
“ตื่นได้แล้วค่ะ แล้วก็กลับบ้านได้แล้วด้วย”
“พี่ยังไม่อยากกลับ อยากอยู่กับเคียวต่อนี่”
เสียงออดอ้อนของนายหัวแห่งป่าหนาวทำให้คุณหมอคนสวยตาโตด้วยความแปลกใจนึกไม่ถึงว่าจะได้เห็นนายหัวแห่งป่าหนาวในรูปแบบเด็กงอแงอย่างนี้
“เดี๋ยวคนงานตื่นมาเห็นแล้วเคียวจะทำอย่างไรหล่ะคะ ไหนเราสัญญาว่าจะปิดเรื่องนี้ไว้ก่อนหรือว่าพี่ป่าไม่รักเคียวแล้ว"
ราวกับว่าคำว่าพี่ป่าไม่รักเคียวแล้วมันจะทำให้หญิงสาวเสียใจเป็นนักหนานายหัวแห่งป่าหนาวต้องลุกขึ้นนั่งบนเตียงนอนราวกับบนเตียงนั้นมีถ่านร้อน ๆ ที่คนอย่างเขานอนลงไปไม่ได้ ดวงตาคมเข้มมองสบตาคุณหมอคนสวยที่อยู่ตรงหน้า
“ใครบอก เคียวก็รู้ว่าพี่รักเคียว รักที่สุด”
คุณหมอคนสวยยิ้มที่หลอกให้อีกคนตื่นตูมได้
“งั้นก็ลุก ออกไปบ้านใหญ่ได้แล้ว”
ร่างสูงใหญ่ปฏิบัติตามแต่โดยดีเพราะกลัวคุณหมอคนสวยไม่รัก หญิงสาวเดินมาส่งตรงหน้าประตูผลักร่างหนาให้เดินออกไปด้านนอกประตูแร็ง ๆ จนอีกฝ่ายเกือบเซแต่เกาะขอบประตูเอาไว้ได้อย่างรวดเร็ว ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปในห้องทำปากจู๋เพื่อให้อีกฝ่ายได้กระทำอย่างที่ใจของเขาอยากให้ทำ
“จูบลาพี่ทีนึงก่อน”
คำตอบที่ได้คือส่ายหน้า จนอีกฝ่ายหมั่นไส้เลยจัดการจูบหญิงสาวเอง
“ถือว่าได้พี่แล้ว เห็นพี่ไปไหนไม่รอดใช่มั้ยถึงได้เบ่งกันขนาดนี่”
ขวัญพรรษหัวเราะกับคำบอกของเขาไม่จริงสักหน่อยเธอกลัวคนอื่นจะเห็นต่างหาก
“เหมือนเดิมนะคะ สัญญาแล้ว จะต้องไม่มีใครรู้เรื่องของเราเป็นอันขาดนอกจากวินนี่คนเดียวเท่านั้น อ้อ.....อาจจะรวมคุณโมอีกคนด้วย”
“ครับ ผมยอมแล้วครับ”
นายหัวแห่งป่าหนาวจูบหน้าผากนวลเนียนนั้นอีกครั้งหนึ่งแล้วเดินกลับไปยังบ้านใหญ่ของตัวเอง ทั้งคู่ไม่ทันได้รู้ตัวเลยว่ามีใครบางคนแอบมองด้วยความอาฆาต แผนการที่เธออุตส่าห์คิดไว้กลับเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือเสียสนิท ทุกอย่างผิดแผนไปหมด เรื่องที่อยากให้เกิดกับเธอดันไปเกิดกับศัตรูแทน สายตาเกลียดชังมุ่งไปที่บ้านพักของคุณหมอคนสวยทันที ในขณะเดียวกันสายตาแห่งความน้อยใจ และเสียใจก็มองตรงไปยังคนที่เพิ่งออกมาจากห้องพักด้วยใบหน้าสดใสเมื่อสักครู่ “ฉันคงต้องเริ่มแล้วสินะ เพราะตอนนี้แกนำหน้าฉันไปเยอะแล้ว แต่ไม่เป็นไรหรอกฉันจะจัดการแกให้ได้นังขวัญพรรษ”
หญิงสาวกลับไปบ้านพักของตังเองแต่เพียงครู่เดียวก็กลับออกมาใหม่อีกครั้ง ชุดดำที่เธอสวมมานี้มันพรางตัวเธอในความมืดได้อย่างดีทีเดียว หญิงสาวเดินตรงไปยังกรงนกมาคอว์ เสียงร้องแกว๊ก ๆ ด้วยความตื่นตระหนกตกใจของพวกมัน ไม่ได้ทำให้ร่างบางที่กำลังเดินเข้าไปหวาดหวั่นเลย เธอมองซ้ายมองขวา ไม่มีแม้กระทั่งคนเฝ้า ไอ้พวกนั้นคงไปเมาอยู่ที่ไหนแน่นอน ถึงเม้เธอจะผิดแผนไปหนึ่งแผน แต่แผนนี้เธอต้องทำสำเร็จอย่างแน่นอนแล้วสายตาอาฆาตรก็เล็งไปที่นกน้อยพวกนั้นทันที นี่คือสิ่งแรกที่จะทำให้นังหมอนั่นเจ็บปวด ฮึ..ฮึ..นายหัวต้องเกลียดมันเพิ่มขึ้นแน่นอนที่นกรักของตัวเองแถมยังเป็นสิ่งสุดท้ายที่คนรักเก่าเก็บไว้ใหดูต่างหน้าก่อนเสียชีวิต ถ้าพวกนี้ตาย นายหัวต้องโกรธและเกลียดคนที่ทำให้มันตายแน่นอน

ด้านอีกคู่หนึ่งซึ่งหลังจากหลับไปนานชายหนุ่มค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเพื่อปรับสายตาให้เข้ากับแสงตะวันของวันใหม่ ต้นน้ำลุกขึ้นนั่งบนเตียงกว้างแล้วมองไปรอบ ๆ แต่สิ่งที่เห็นทำให้เขาอมยิ้มขึ้นมาทันที เฮ้อ...สวรรค์คงเข้าข้างเขาแล้วแน่ ๆส่งน้างฟ้าตัวสวย ๆ มาเฝ้าเขาในเช้าวันนี้ เจ้าของรีสอร์ตป่าหนาวเดินย่องเข้ามาหาร่างบางที่หลับอยู่บนโซฟาตัวเล็กอย่างเบา ๆ ริมฝีปากสวยราวกับอิสตรียกขึ้นอีกนิดกับความน่ารักของคนที่หลับไม่รู้เรื่องราวของมนัญญาเลย นี่ไม่รู้ตัวเลยหรือว่าเขามายืนค้ำตัวอยู่ตรงหน้าแล้ว
“โมของพี่”
เสียงกระซิบเบา ๆ ที่หูเล็ก ๆ ของมนัญญา หญิงสาวทำเสียงอื๊ออ๊านิดหน่อยแล้วก็หลับไปต่อ ทำให้ต้นน้ำซึ่งดูอยู่อดหัวเราะออกมาเบา ๆ ไม่ได้ ทำไมคนที่เขารักถึงน่ารักแบบนี้นะ ขนาดนอนหลับยังน่ารักเลย ไม่ต้องพูดตอนตื่นหรอกเพราะเขารังจนโงหัวไม่ขึ้นอยู่แล้ว
“โมครับ ตื่นได้แล้ว”
ชายหนุ่มเขย่าตัวของมนัญญาเบา ๆ ปลุกให้หญิงสาวลืมตา แต่ทุกอย่างก็เหมือนเดิม
“ถ้าโมไม่ลุกพี่จะจูบแล้วอย่าหวังว่าจะได้ลุกจากเตียงอีกเลยวันนี้”
ร่างบางกระเด้งขึ้นมาอย่างไม่ต้องรออีก หญิงสาวไม่รู้ว่าชายหนุ่มคร่อมร่างเธอไว้เมื่อกระเด้งขึ้นมาหน้าเธอกับหน้าเขาก็แนบเข้าหากันและที่สำคัญปากแนบปากด้วยเมื่อสักครู่ มนัญญาได้สติเด้งกลับออกไปจนชิดโซฟาด้านใน ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง
“โทษพี่ไม่ได้นะ โมเด้งมาหาพี่เอง”
“แล้วใครใช้ให้ตัวมาอยู่ตรงหน้าเขาหล่ะ”
ดาราสาวคนสวยเถียงอย่างข้าง ๆ คู ๆ แล้วก็หน้าแดงขึ้นมาอีกเมื่อสบสายตาล้อเลี้ยนของต้นน้ำที่มองเธอก่อนหน้านั้นอยู่แล้ว
“ถอยออกไปเลยนะ เขาช่วยตัวเองไว้แท้ ๆ ตอบแทนผู้มีพระคุณแบบนี้ได้อย่างไรอกตัญญูจริง ๆ เลย”
ดาราสาวเบี่ยงตัวออกจากโซฟาทันทีที่ชายหนุ่มขยับตัวออกไปแต่มันไม่ใช่แบบที่เธอคิด ที่เขาขยับตัวออกไปนิดนึงเพื่อดึงหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตักกว้างของเขาได้อย่างง่ายดายต่างหาก
“อ๊าย...ปล่อยนะ คนบ้า ฉันบอกให้ปล่อย”
ยิ่งร้องอ้อมกอดยิ่งรัดแน่นยิ่งกว่าเก่า
“อยู่เฉย ๆ ถ้ายังดิ้นอีกพี่จะปล้ำ”
หยุดชะงัก ทุกอย่างหยุดเหมือนโดนกดปุ่มสต๊อปไว้ไม่ผิดเพี้ยน
“พี่มีเรื่องจะคุยด้วย ได้อยู่กันสองคนแบบนี้เราจะได้คุยกันให้รู้เรื่องสักที ปล่อยให้มันเนิ่นนายเกินพอแล้ว โมพร้อมจะฟังพี่หรือยัง”
คำถามหวาน ๆ นั้นทำให้หัวใจของดาราสาวอ่อนยวบ แต่ยังฟร์อมเอาไว้ก่อน
“ยัง”
พูดจบประโยคปุ๊บปากหนา ๆ ของต้นน้ำก็แนบปากบาง ๆ สีสวย ๆ นั้นทันที ชายหนุ่มถ่ายทอดความอ่อนหวาน อ่อน
โยนและความรักทั้งหมดที่มีเผื่อว่าหญิงสาวจะเข้าใจเขามากขึ้น มือบางที่ยกขึ้นมาตีอกกว้างนั้นเลื่อนขึ้นไปโอบรอบคอเขาไว้เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ มารู้ตัวอีกทีเสียงครางที่ดังออกมามันเป็นเสียงของเธอนั่นแหล่ะ
“พี่น้ำขา”
เสียงหวาน ๆ ที่ดังเล็ดลอดออกมานั้นทำให้ต้นน้ำหยุดการกระทำของตัวเองก่อนจะมองหน้าหวาน ๆ นั้นอย่างพิจารณาว่าดาราสาวสวยคนนี้จะยอมฟังในสิ่งที่เขาจะพูดต่อไปนี้หรือไม่
“คิดถึงเหลือเกิน รู้มั้ยว่าพี่คิดถึงความรู้สึกแบบนี้มานานแค่ไหน ทีนี้ฟังพี่ได้หรือยัง พี่ให้เวลาเรามานานแล้ว สองปีมันนานมากนานเกินไปแล้วด้วย”
“แต่โมไม่อยากเจ็บปวดเหมือนวันนั้นอีกแล้ว”
เสียงมนัญญาสั่นขึ้นเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเหตุการณ์ที่ทำให้เธอเสียใจเหมือนเมื่อหลายเดินก่อน
“มันไม่ได้เป็นอย่างที่โมเห็น ตอนนั้นพี่พยายามผลักคริสตี้ออกไปจากตัวที่ต่างหาก ถ้าโมจะรอดูอีกนิดโมจะได้ยินว่าพี่บอกกับคริสตี้ว่าพี่มีคนรักอยู่แล้ว และโมก็คือคนคนนั้น แต่โมดันมาเจอตอนฉากเด็ดเข้าให้ พี่จะปรับความเข้าใจโมก็หนี พี่ก็ตามไม่ถนัดเพราะกลัวว่าโมจะเป็นข่าว ไอ้ป่ามันก็เลยบอกว่าลองปล่อยให้เวลาตัดสินทุกอย่างดู พี่ก็เชื่อมัน แต่ยิ่งปล่อยพี่ว่าเรื่องระหว่างเราก็ยิ่งห่างไกลออกไปอีกทุกที จนโมมาที่นี่ ถ้าพี่ไม่เข้าข้างตัวเองมาจนเกินไปโมมาเพราะคิดถึงพี่ใช่มั้ยครับ ตอบพี่หน่อยสิ รู้มั้ยว่าโมทำให้กำลังใจพี่หายไปเยอะมาก ความมั่นใจหายไปเกือบครึ่ง”
มนัญญาก้มหน้าหนีใบหน้าคมเข้มที่ก้มเข้ามาหาเศษหาเลยเอากับเธอ
“เล่าต่อให้จบค่ะ อย่าทำแบบนี้อีก”
“ครับ ครับ หลังจากนั้นพี่ก็พยายามตามง้อโมไง ก็เหมือนที่โมเห็นพี่ทุก ๆ ที่นั่นแหล่ะ แต่เพราะพี่ไม่กล้าเข้าไป กลัวโมจะยิ่งโกรธกว่าเก่า คราวนี้อาจถึงขั้นไม่มองหน้าพี่อีก พี่ต้องตายแน่นอน”
อ้อมกอดของต้นน้ำรัดแน่นเข้าไปอีกนิดคราวนี้ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากดาราคนสวย
“โมก็ผิดเหมือนกัน โมมาคิดดูแล้ว ตอนนั้นโมเห็นคริสตี้กำลังกอดพี่น้ำมากกว่า แต่เพราะเชื่อสายตาของตัวเองแต่ไม่เชื่อใจคนรักมันถึงทำให้โมปฏิเสธพี่น้ำทุกอย่าง รวมถึงทำไม่ดีกับพี่น้ำด้วย โมขอโทษจริง ๆ นะคะ แล้วก็ขอบคุณ ขอบคุณทุกเรื่อง ขอบคุณทุกครั้งที่พี่น้ำคอยตามง้อโมโดยไม่เหนื่อย ไม่ระอา และไม่เบื่อไปเสียก่อน”
ดาราสาวคนสวยยกมือขึ้นไหว้ขอโทษและขอบคุณก่อนจะได้รางวัลเป็นจูบหนัก ๆ ตรงหน้าผากนั้นหนึ่งครั้ง สองตาสบกันตรง ๆ ชายหนุ่มลดใบหน้าลงก้มเข้าหาปากสีชมพูเรื่อ ๆ นั้นทันที มันอ่อนโยนแล้วค่อย ๆ เร่าร้อนขึ้นจนมือบางที่จับบ่าเขาไว้เมื่อสักครู่ต้องขยำเสื้อไว้สุดแรงเพื่อลดแรงอารมณ์พิศวาสที่เขากำลังบรรเลงกับเธอ ปลายลิ้นหนาไล้ไปตามริมฝีปากบางไปมาหลาย ๆ ครั้ง หลอกล่อให้หญิงสาวเปิดปากให้เขาได้สำรวจความหวานของเธอ แล้วมันก็เป็นดังคาดเมื่อหญิงสาวอ้าปากครางออกมาเบา ๆ และจังหวะนั้นเองปลายลิ้นอุ่นนุ่มของต้นน้ำสอดรัดเกี่ยวกระหวัดลิ้นเรียวเล็กนุ่มเหมือนกันของหญิงสาวไว้ทันที ชายหนุ่มดูดซับความหวานครั้งแล้วครั้งเล่าจนร่างบางไร้เรี่ยวแรงจะต้านทานอีกฝ่ายไว้ได้อีก
“ถึงจะดีกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่น้ำจะทำแบบนี้กับโมได้นะคะ”
เสียงหวาน ๆ ขู่เข้าหูชายหนุ่มจนต้องยิ้มออกมาเพราะว่าเสียงขู่นั้นมันสั่นพลิ้วและหวั่นไหวเหลือเกิน
“เพิ่มพลังให้พี่ก่อนสิครับ รู้มั้ยว่าโมกินเรี่ยวแรงพี่ไปหมดแล้ว”
“บ้า ลุกได้แล้ว เดี๋ยวคนข้างนอกจะเอาไปนินทา โมไม่อยากเป็นข่าว อยากเป็นข่าวอยู่อย่างเดียว”
พูดเสร็จแล้วก็มองหน้าชายหนุ่มที่มองหน้าเธออยู่ก่อนหน้านี้อยู่แล้วว่าทำไมหญิงสาวถึงหยุดพูดไปเสียดื้อ ๆ
“ข่าวอะไรครับ”
“ก็แต่งงานไง”
“พี่น้ำอยากเป็นข่าวกับโมมั้ย”
คำถามแก่นแก้วนั้นเรียกรอยยิ้มจากเจ้าของรีสอร์ตป่าหนาวจนกว้าง
“กลัวซะที่ไหน จัดมา”
เสียงหัวเราะสองเสียงผสานกันอย่างมีความสุข ถ้าคนเราลองปรับความเข้าใจกันไม่ว่าปัญหานั้นจะยากสักเพียงไหนก็สามารถแก้ไขได้ เพียงแต่ผ่อนปรนเวลาไปบ้างในตอนแรกโกรธอาจจะไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น แต่พอผ่านไปสักพัก ได้คิด ได้ทบทวนทุกอย่างก็จะออกมาดีอย่างที่เห็น

แสงอรุณของวันใหม่พร้อมกับเสียงคลื้นซัดสาดกระทบชายฝั่งซึ่งตอนนี้คุณหมอคนสวยเริ่มชินเสียแล้ว วันนี้เธอต้องไปดูน้อง ๆ ของเธอก่อน มีน้องตั้งแปดตัว เดี๋ยวก็มีน้องน้อย ๆ มาให้ดูอีกแน่นอน
ปัง ปัง ปัง
“คุณหมอครับ คุณหมอ เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”
เอ๊ะ..เสียงไม้นี่ เรียกเธอทำไมกัน ตกอกตกใจอะไรกันนักหนา
“เดี๋ยวฉันขอเวลาแต่งตัวเดี๋ยวนะแล้วจะรีบออกไป ไม้ไปรอที่กรงนกเลยก็ได้”
“ครับ ครับ คุณหมอรีบ ๆ นะครับ”
หญิงสาวขมวดคิ้วเรียวเข้าหากันอย่างสงสัยอีกครั้งมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ขวัญพรรษรีบอาบน้ำอย่างรวดเร็ว ร่างกายเธอยังรู้สึกปวด ๆ อยู่เลย เพราะอะไรหน่ะหรือ แหม เธอไม่อยากจะบอกเรื่องนี้ให้คนอื่นรู้เลย หน้าหวานนั้นแดงก่ำขึ้นมาอีกเมื่อเห็นรอยแดง ๆ ที่ชายหนุ่มทิ้งไว้ตามตัวหลายจุด คุณหมอคนสวยรีบอาบน้ำก่อนจะเดินไปที่กรงน้องนก แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อมีคนรอที่ที่นั่นหลายคน ต่างพูดคุยกันเสียงขรมกันไปหมด เธอฟังไม่รู้เรื่องเลย
“เกิดอะไรขึ้นคะ”
หญิงสาวเดินเข้าไปถามไม่ระบุตัวคนเพียงแต่อยากรู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้น
“คุณดูแลนกยังไงทำไมมันถึงตายหมดแบบนี้”
คำว่าตายหมดทำให้คุณหมอแหวกฝูงชนเข้าไปดูด้านในแล้วก็ต้องอ้าปากค้างตกใจ น้ำตาไหลออกมาอย่างสงสารพวกน้อง ๆ ของเธอโดยเฉพาะน้องนำเงินที่มีลูกน้อยอยู่ในท้อง แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับนกพวกนี้ น้ำลายฟูมปากแสดงว่ามันโดนวางยา ยาพิษชนิดรุนแรง และรวดเร็วด้วย
“อะ..อะไรเนี่ย..ไม้มันเกิดอะไรขึ้น ลุงเข้มคะ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร”
คำถามสั่น ๆ เพราะกลั้นน้ำตาเอาไว้ถามคนงานที่รับผิดชอบเรื่องนี้แต่ไม่มีใครสามารถตอบด้วยเพราะเมื่อวานทุกคนไปฉลองปีใหม่กันหมด แต่คนที่ปิดกรงคนสุดท้ายก็คือขวัญพรรษ
“ผมก็ไม่รู้ แต่คุณหมอปิดกรงคนสุดท้ายไม่สังเกตพวกมันบ้างหรือครับ”
นายเข้มถามอีกฝ่ายอย่างสงสัย
“ต๊าย..ตายแล้ว มันเกิดอะไรขึ้นยัยเคียว เฮ้ย..น้องนกของฉันใครทำกัน ใครทำ”
วินนี่พี่เพิ่งมาถึงตกใจกับภาพที่เห็น ขวัญพรรษกำลังกอดน้องนำเงินที่ต้องท้องอยู่ด้วย
“ใจดำ อำมหิต ผิดมนุษย์มนาแล้วคนที่ทำ แล้วใครปิดกรงคนสุดท้ายทำไมไม่ดู”
วินนี่แว๊ดเสียงใส่คนงานอย่างเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่
“วินนี่ฉันเอง ฉันปิดกรงคนสุดท้าย แต่ฉันไม่เห็นอะไรผิดปกตินี่”
“ตายแล้วยัยเคียวจริงเหรอ แล้วจะทำอย่างไรดี นายหัวยังไม่รู้ถ้ารู้โลกไม่แตกหรือไง”
คำบอกของวินนี่ทำให้หญิงสาวนึกหวั่น ๆ ในอกเหมือนกัน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันคงผูกพันหรือทำให้ชายหนุ่มหนักแน่นกับเธอบ้าง แต่ใจส่วนลึกแล้วเธอไม่นึกหวังให้เขาเห็นใจหรือไม่กล่าวหาเธอเลยเพราะถ้าเขายังลืมรักเก่าไม่ได้ เขาคงไม่อภัยหรือสอบถามอะไรให้ดีก่อนแต่ในฐานะเจ้าของฟาร์มป่าหนาว นายหัวของทุก ๆคน เธอน่าจะได้รับความยุติธรรมบ้าง เขาคงไม่โทษเธอคนเดียว
ทุกคนที่กำลังมุงดูกันหลบพรวดพราดเมื่อร่างสูงของคนเป็นนายก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มอ้าปากค้างกับภาพที่เกิดขึ้นนกน้อยของเขากับปรายฟ้า สิ่งสุดท้ายเหลือไว้ก่อนที่หญิงสาวจะตาย แต่ตอนนี้ไม่เหลือสักตัวเป็นเพราะอะไร มันตายได้อย่างไรกัน
“เกิดอะไรขึ้น”
เสียงกร้าวถามขึ้นอย่างดุดัน ไม่ได้ระบุว่าถามใคร แต่ใคร ๆ ก็ต้องรู้ว่าคนที่รับผิดชอบในกรงนกมีอยู่สองคน ไม่ใช่คุณหมอคนสวย ก็ต้องเป็นคุณหมอวิน
“มันโดยยาพิษค่ะ”
หญิงสาวตอบเสียงสั่น สั่นเพราะกลัวด้วย แล้วก็สงสารน้องนกพวกนี้ เธอไม่เคยเห็นดวงตาชายหนุ่มแบบนี้มาก่อน มันอาฆาตรมองเธอราวกับเธอเป็นฆาตรกรงั้นแหล่ะ
“แล้วคุณดูแลกันยังไงมันถึงเกิดเรื่องได้ คนดูตั้ง 4 คน หมออีกสอง แล้วมัวแต่ไปหลงระเริงกันที่ไหนถึงเกิดเรื่องห่าเหวพวกนี้ได้”
คุณหมอคนสวยกลืนน้ำลายลงคอ ก็ดูเขาสิกลับมาเป็นคนเดิมก่อนที่พบเธออีกแล้ว น้ำเสียงหยาบคายที่เธอไม่เคยได้ยินจากปากชายหนุ่มผู้นี้ วันนี้เธอกลับได้ยินเต็ม ๆ น้ำเสียงที่แทบจะกินเลือดกินเนื้อได้นั้นมันน่ากลัวจริง ๆ
“ฉันไม่รู้”
“ไม่รู้ ไม่รู้ได้ไง ผมจ้างพวกคุณมาดูแลพวกมัน แล้วนี่อะไร”
สายตาคมเข้มตวัดมองไปที่วิทวัสแล้วมองกลับมาที่ขวัญพรรษ หญิงสาวรู้สึกถึงความร้อนผ่าวที่หัวตาทันทีที่สบสายตาเย็นชาของนายหัวแห่งป่าหนาว นี่เขาโทษเธออีกแล้วหรือก็ในเมื่อเมื่อคืนเธอก็อยู่กับเขาจนค่อนคืน เขายังไม่ได้ฟังคำอธิบายจากเธอสักนิดเลย เขาก็ปักใจเชื่อว่าเธอเป็นคนผิดไม่ดูและสิ่งรักของเขากับปรายฟ้า
“นายหัว พวกเราไม่รู้ว่าเหตุการมันเกิดขึ้นได้อย่างไร พอตื่นเช้ามามันก็เป็นแบบนี้แหล่ะครับ”
วิทวัสหวังว่าคำอธิบายของเขาจะช่วยผ่อนคลายความโกรธของนายหัวแห่งป่าหนาวไปบ้าง
“ไม้กับลุงเข้ม มัวแต่ทำอะไรอยู่ มีงานเลี้ยงก็ไม่ใช่ว่าจะละเลยไม่รับผิดชอบงานที่ได้รับ ถ้าไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้ฉันว่าอยู่ที่นี่คงมีแต่เสียข้างสุก ไม่ได้เรื่อง”
สองคนดูแลได้ยินนายหัวป่าตะวาดใส่ถึงกับสะดุ้งสั่นด้วยความกลัว เพราะไม่เคยเห็นนายหัวเป็นแบบนี้นานแล้วนับตั้งแต่คุณปรายฟ้าตายไปแล้ว
“ผะ...ผม.ขะ..ขอโทษครับนายหัว”
สำเนียงใต้หลุดออกจากปากคนดูแลฟาร์มนกที่ดูแลกันมานานหลายปีนับตั้งแต่ปรายฟ้ายังมีชีวิตอยู่
“ขอโทษแล้วนกพวกนี้มันฟื้นขึ้นมามั้ย ฉันจ้างให้มาดูแลพวกมัน แล้วนี่อะไร”
“แต่พวกเขาไม่รู้เรื่องจริง ๆ นะคะ เคียวเป็นคนปิดประตูกรงคนสุดท้าย ไม่เห็นว่าพวกนี้จะเป็นอะไรนี่คะ”
“อ้อ...ไม่เห็นหรือไม่สนใจ ถามจริง ๆ เถอะคนที่วางยาผมเป็นบุษหรือว่าคุณกันแน่”
เสียงกระซิบเค้นลอดริมฝีปากหนาของนายหัวแห่งป่าหนาว มันเจ็บปวดราวกับโดนใครตบหน้า หน้าสวย ๆ ของคุณหมอคนสวยชาไปทั้งแถบ แต่แปลกมันกลับไม่เจ็บไม่ปวด แต่ตรงที่ปวดที่เจ็บก็คือหัวใจของเธอที่กำลังเต้นดังไปทั่วอกอยู่ขณะนี้ ยิ่งเต้นมันยิ่งเจ็บ
“มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะ พี่ป่าฟังเคียวก่อน”
ขวัญพรรษบอกเสียงเบาอย่างอ่อนแรง
“นี่มันที่ทำงานกรุณาเรียกให้เกียรติผมด้วย”
เปรี้ยง!!! ราวกับฟ้าผ่าใส่หน้าเธอเต็มแรง นี่เขาเป็นอะไรไป เรื่องที่เกิดขึ้นมันไม่ได้ทำให้เขาเชื่อใจเธอเลยหรือ หรือว่าเขาไม่รัก ที่เขาพูดแบบนั้นเพราะว่าอยากได้ รักของเขามันไม่มีค่าอะไรเลย ก้อนสะอื้นแล่นขึ้นมาจุกที่คอหอย หญิงสาวกลืนคงไปในอกด้วยความเจ็บปวดก่อนจะเค้นเสียงบอกเขาไป
“ขอโทษค่ะนายหัว ฉันคิดว่าเราคงต้องสอบสวนเรื่องนี้ให้ละเอียดอย่าพึ่งปรักปรำคนอื่นเลยค่ะ ถ้าอยากหาคนที่ผิดเรื่องนี้ ฉันผิดเอง ผิดที่สับเพร่า ผิดที่ละเลย ผิดที่เชื่อใจคนที่บอกว่ารักเราเมื่อคืนนี้”
คำพูดประโยคสุดท้ายเบาหวิวราวกับตั้งใจจะบอกให้ชายหนุ่มได้ยินเพียงผู้เดียว ก่อนจะเดินไปยืนให้ห่างจากเขาอีกด้านหนึ่ง และคำพูดประโยคนั้นเข้าไปสะกิดใจเขาอย่างจัง เขาเป็นอะไรไป เพราะความเสียดายที่รักษาสิ่งสุดท้ายที่ปรายฟ้าทิ้งไว้ให้ไม่ได้แค่นี้เขาถึงกับทำร้ายคนตัวเองบอกว่ารักมากมายทั้งคำพูดและการกระทำถึงเพียงนี้เชียวหรือคำว่ารักของเขามันมีแต่ทำให้ขวัญพรรษเสียใจครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้ผีห่าซาตานตัวไหนมันสั่งให้เขาพูดออกไปแบบนั้น ชายหนุ่มพยายามสบตาของขวัญพรรษอย่างสำนึกผิดเมื่อสติกลับคืนมา

บทที่ 12 โจรร้ายเริ่มเปิดเผย

ขณะที่ทุกคนกำลังตกใจ และนายหัวแห่งป่าหนาวกำลังตกตะลึงกับการกระทำของตัวเองขณะนั้น ทำให้ทุกคนไม่สังเกตคนที่กำลังลอบยิ้มอย่างสะใจกับแผนการที่วางไว้สำเร็จลุล่วงด้วยดีเกินความคาดหมายด้านหน้ากรงนก บุษราลัลน์ทำเป็นวิ่งเข้ามายืนพร้อมกับยกมือขึ้นปิดปาก ร้องถามพนาพรรษด้วยความตกใจราวกับเหตุการณ์ที่เธอเห็นขณะนี้เป็นเรื่องที่เธอไม่เคยรู้มาก่อน
“เกิดอะไรขึ้นหรือคะป่า”
“ตายแล้ว มันเป็นไปได้อย่างไร ถ้าฟ้ารู้ฟ้าคงเสียใจน่าดูเลยนะคะป่า”
คำพูดนั้นกระทบจิตใจคนฟังถึงสองคนอีกคนไม่ใช่ใครที่ไหนก็นายหัวป่าหนาวนั่นเอง และอีกคนหนึ่งก็คนที่ยืนถัดไปจากชายหนุ่มนั่นเอง คุณหมอขวัญพรรษนั่นเอง หญิงสาวรู้สึกแสลงใจกับคำพูดนั้น ถึงแม้จะพยายามบอกตัวเองว่ามันไม่มีอะไรหรอกคุณปรายฟ้าที่อยู่บนฟ้าต้องรู้ต้องเห็นว่าใครเป็นคนทำ และต้องไม่โกรธเธออย่างแน่นอน แต่คนที่มีบทบาทกับชีวิตของเธอและพนาพรรษตอนนี้น่าจะเป็นผู้หญิงที่ชื่อบุษราลัลน์คนนี้มากกว่า
“พวกมันตายได้อย่างไรคะ คุณหมอ คุณเป็นหมอคุณน่าจะทราบดี”
บุษราลัลน์หันไปถามคุณหมอคนสวยที่ยืนมองนายหัวของป่าหนาวอย่างน้อยใจ
“โดนยาพิษค่ะ แต่ไม่ทราบว่ายาชนิดไหนคงต้องขอตรวจสอบก่อน”
ขวัญพรรษตอบเสียงเข้มก่อนหันไปมองเพื่อนแล้วพยักหน้าให้เพื่อนรักเมื่อเห็นสายตาเห็นใจของเพื่อนหนุ่มส่งมาให้เธอ แต่บางคนเธอพยายามสบตาด้วยกลับไม่สบตาเธอยังคงมองเมินไปทางอื่นราวกับไม่อยากเห็นหน้าเธออย่างนั้นแหล่ะ แต่ตรงข้ามกันในความคิดของชายหนุ่ม เขารู้สึกละอายใจอย่างเหลือเกินจนไม่กล้ามองหน้าหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างเขาอีกด้านหนึ่ง
“ไหนขอบุษดูหน่อยได้มั้ยคะ”
บุษราลัลน์เข้าไปจับปากเจ้าพวกนกน้อยมาดู แล้วก้มลงดูที่ปากนิด ๆ แล้วก็ต้องเบ้หน้าเมื่อได้กลิ่นยาพิษรุนแรงที่เล็ดลอดออกมา
“กลิ่นเหมือนฟอร์มาลีนนะคะ ใช่ที่คุณเคียวสั่งให้เด็กไปซื้อเตรียมไว้หรือเปล่าคะ”
บุษราลัลน์หันไปมองทางขวัญพรรษอย่างท้าทาย ในขณะที่นายหัวแห่งป่าหนาวเงยหน้าขึ้นมองหญิงสาวเองเช่นกันแต่คนละความรู้สึก
“ค่ะ แต่เคียวเอามาเผื่อไว้ฉุกเฉิน เราเลี้ยงสัตว์เราต้องมีของพวกนี้ไว้ คุณบุษก็น่าจะทราบนะคะ”
ขวัญพรรษจ้องบุษราลัลน์อย่างแน่แน่ว
“ฉันทราบแต่ว่าถ้าใช้มันในปริมาณที่มากหรือผิดวัตถุประสงค์มันก็อาจทำให้ตายได้แค่นั้นค่ะ”
“รู้สึกคุณบุษจะจงใจปรักปรำเคียวมากไปหรือเปล่าฮะ”
เสียงของวินนี่เรียกสายตาของขวัญพรรษให้ไปมองอีกฝ่ายอย่างขอกำลังใจ แค่ได้ยินเสียงเพื่อนรักน้ำตาที่หญิงสาวพยายามซ่อนไว้กลับวิ่งมาคลอดวงตากลมทันที
“เปล่านะคะ ฉันแค่สันนิษฐานเฉย ๆ ว่ามันควรจะเป็นแบบนั้น คุณเป็นหมอก็ต้องทราบว่ายาชนิดนี้มันอันตรายถ้าใช้ผิดวิธี”
“ใช่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณหมอขวัญพรรษจะเป็นคนฉีดยาใส่นกพวกนั้น อย่างน้อยน่าจะมีการพิสูจน์ลายนิ้วมือ ถ้าให้เรื่องถึงตำรวจ ผมว่าก็ดีเหมือนกันจะได้รู้กันไปเลย”
น้ำเสียงล้อเล่นไม่มีอีกแล้วสำหรับวิทวัสในตอนนี้ เพื่อนรักเพียงคนเดียวของเขากำลังถูกใส่ร้ายอย่างแน่นอน เขาไม่คิดหรอกว่าผู้หญิงที่รักสัตว์เป็นชีวิตจิตใจอย่างเพื่อนของเขาจะทำแบบนั้น ไม่มีทาง
“ว่าได้หรือคะ ความรักทำให้คนตาบอด ทำอะไรที่เลวร้ายได้เหมือนกันจริงมัยคะ คุณเคียว”
“คุณพูดแบบนี้หมายความว่าไง”
เสียงของหญิงสาวสั่นเล็กน้อย เพราะต้องกลั้นน้ำตาแห่งความน้อยใจเอาไว้ ดูซิขนาดนี้แล้วคนที่แก้ตัวแทนเธอกลับเป็นวิทวัส แต่ไม่ใช่ผู้ชายที่บอกรักเธอเมื่อคืนนี้
“เมื่อคืนคุณอยู่กับป่าหรือเปล่าคะ ฉันเห็นป่าออกมาจากบ้านพักของคุณ”
เงียบ ทุกคนเงียบกริบเมื่อฟังประโยคนี้จากบุษราลัลน์ แม้แต่เจ้าตัวยังยืนนิ่งเพราะไม่คิดว่าจะมีคนเห็นและพาดพิงถึงเรื่องเมื่อคืนนี้
“บุษหยุดนะ อย่าให้ผมต้องเอาเรื่องที่คุณทำไว้มาพูดบ้างก็แล้วกัน เพราะเราเป็นเพื่อนกันหรอกนะผมถึงทำใจลืมเรื่องนั้นไปก่อน คุณก็สมควรให้เกียรติหมอเคียวบ้าง”
ขวัญพรรษยืนนิ่งตะลึงจนพูดไม่ออกด้วยความตกใจ
“แล้วมันจริงหรือเปล่าคะ ป่าออกจากห้องแม่หมอเคียวนั่นตอนเช้ามืด เข้าไปทำไมคะ”
“ไม่จริง”
คำตอบนั้นมันเร็วเท่าความคิดเพื่อปกป้องผู้หญิงที่เขารัก แต่ไม่ได้คิดเลยว่าคำตอบนั้นมันนำความเจ็บปวดมาสู่หัวใจของคุณหมอคนสวยเข้าอย่างจัง ทั้ง ๆ ที่เธอปฏิเสธไม่ให้เขาบอกเรื่องนี้กับใคร แต่พอมาได้ฟังคำปฏิเสธของเขาทำไมมันถึงได้เจ็บปวดแบบนี้ ขวัญพรรษถึงกับหน้าร้อนผ่าวก่อนที่หัวตาจะร้อนขึ้นมานิด ๆ ในอกสะท้านไปด้วยความเจ็บปวด
“ ฮึ..ฮึ..หมอเคียวคงเสียใจน่าดูที่ได้ยินป่าปฏิเสธแบบนี้ บุษก็แค่อยากให้ป่าคิดแค่นั้นเองว่าอาจจะมีใครบางคนอิจฉาที่ป่ายังรักฟ้าอยู่เลยคิดกำจัดไอ้นกบ้าพวกนี้ไปทั้ง ๆ ที่รู้อยู่แล้วว่าป่ารักนกพวกนี้มากเพราะเป็นสิ่งเดียวที่ฟ้าทิ้งไว้ให้ แค่นี้ป่าคิดไม่ได้อีกหรือคะ”
ขวัญพรรษยืนตะลึงมองบุษราลัลน์นิ่ง ก่อนจะหันไปมองพนาพรรษที่เริ่มกัดกรามตัวเองแน่น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชายหนุ่มคงเชื่อคำพูดนั้นเข้าแล้ว นี่เธอจะไม่เหลือใครที่เชื่อใจได้อีกเลยหรือ และแล้วก็มีมือหนึ่งเข้ามากอดกุมมือเล็กที่เย็นและซีดจนสั่นในขณะนี้
“แต่ผมว่าควรรอให้พิสูจน์เรื่องนี้ได้ก่อนค่อยปรักปรำเพื่อนผม เมื่อคืนผมเห็นคนในชุดดำยืนลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่หน้าบ้านคุณบุษ คุณบุษได้ยินอะไรผิดปกติหรือเปล่าครับ ผมว่าอาจจะเป็นมันก็ได้ อ้อ...และที่สำคัญหุ่นมันเหมือนผู้หญิงด้วย”
คำตอบนั้นเล่นเอาบุษราลัลย์เย็นวาบไปทั้งตัว วิทวัสมองบุษราลัลน์นิ่ง เขายังไม่บอกทุกคนหรอกว่าเขาเห็นว่าเป็นบุษราลัลน์แน่นอน เขาต้องจับให้ได้
“ชุดดำหรือครับ นั่นมันเหมือนเมื่อก่อนตอนคุณฟ้าตายเลย ไอ้ชุดดำนี่แหล่ะผมเห็นบนเรือลำที่คุณฟ้าขับออกไปจากฟาร์มมุก"
ลุงหวานที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อหลายปีก่อน นึกถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตอนนั้นเขาเห็นเพียงเงาดำ ๆ เท่านั้นจะให้ยืนยันว่าเป็นคนเขาก็ยืนยันไม่ได้เพราะทะเลในตอนนั้นมันมืดเหลือเกิน แต่สิ่งที่วิทวัสพูดเมื่อสักครู่มันทำให้เขาเห็นเงาราง ๆ ขึ้นมาทันที
“จริงหรือลุงหวาน ลุงหวานก็เห็นเหมือนที่ผมเห็นใช่มั้ย”
คำบอกกล่าวของนายหัวแห่งป่าหนาวทำให้ทุกคนอื้ออึงไปหมด ด้วยความแปลกใจว่าจริงหรือ แล้วทำไมนายหัวถึงปล่อยเรื่องนี้มาได้นานกว่านี้
“นายหัวก็เห็นหรือครับ”
นายหัวแห่งป่าหนาวพยักหน้าเบา ๆ ก่อนที่สองมือจะกำแน่นด้วยความแค้น ปรายฟ้าถึงกับกำผ้าไว้ในมือแต่เขาไม่สามารถหาตัวคนผิดมาลงโทษได้ บุษราลัลน์ถึงกับถอยออกมาตรงนั้นสองก้าวเมื่อเห็นดวงตาวาวโรจน์ของพนาพรรษ
“มันต้องอยู่ในป่าหนาวแน่นอน มันเป็นใคร และต้องการอะไรกันแน่”
พนาพรรษพูดเสียงกร้าวด้วยความแค้น แค้นคนที่ทำร้ายปรายฟ้า แค้นคนที่มันลอบกัด ล้วงคองูเห่าอย่างเขาแถมยังลอยนวลอยู่ในป่าหนาวได้อีก
“บุษว่ามันเป็นเรื่องเหลวไหล เสื้อดำอะไรกันคะ คุณวินตาฝาดหรือเปล่าคะ ทานเหล้าไปเยอะขนาดนั้นขนาดบุษยังมึน ๆ ลุกจากเตียงไม่ไหวเลยค่ะ”
เสียงราบเรียบที่ดังออกไปนั่นเธอพยายามเหลือเกินไม่ให้มันสั่นเพื่อไม่ให้ทุกคนจับได้ว่าเธอกลัว กลัวคนอื่นจะรู้ มันยังไม่ใช่ตอนนี้ เธอต้องกำจัดนังหมอขวัญพรรษนี่ก่อน แต่ไม่เป็นไรถ้ามันดันรู้ก่อนที่เธอจะกำจัดแม่หมอคนนี้ได้เธอก็กำจัดมันก่อนแล้วกัน อยากแส่หาเรื่องดีนัก
“งั้นเรื่องทุกอย่างเคลียร์นะครับ ผมจะได้พาเพื่อนผมไปพักเสียที”
นับเป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำว่าผมและเสียงที่พูดออกมานั้นไม่ได้ดัดแต่อย่างใดบ่อยที่สุดในตั้งแต่มาอยู่ป่าหนาว แต่เป็นเสียงที่มีมาตั้งแต่เกิด มันจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเจ้าตัวโมโหจนลืมตัวเท่านั้นเอง คุณหมอคนสวยมองเพื่อนรักอย่างขอบคุณ ก่อนจะหันไปมองที่นายหัวแห่งป่าหนาวคนที่ได้ทั้งตัวทั้งหัวใจของเธอไปครอง แต่เขาดูเหมือนไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น หัวตาของคุณหมอคนสวยร้อนผ่านขึ้นมาอีกครั้ง น้ำตาไหลคลอดวงตากลมโต นี่หรือคนที่บอกว่ารักกันเมื่อคืน
“ต่อไปนี้ให้พวกเราระวังไว้แล้วกัน ใครเจอคนที่ใส่ชุดดำให้รีบบอกผมทันที”
ทุกคนพยักหน้าและรับคำสั่งของนายหัวหนุ่มแล้วแยกย้ายออกไปเพื่อทำงานต่อ
“พวกคุณออกไปกันก่อนนะคะ ฉันขอจัดการกับพวกน้อง ๆ นี่ก่อนแล้วกัน”
ขวัญพรรษมองเขาอีกครั้งก่อนจะตัดใจหันไปบอกทุกคนแล้วเดินเข้าไปพร้อมกับวิทวัสเพื่อนเพียงคนเดียวที่เข้าข้างเธอในขณะนี้ คุณหมอคนสวยหลังจากกล้ำกลืนความช้ำใจก็ขอตัวไปจัดการกับน้อง ๆ นกทั้งหมด ใครกันนะที่มันใจร้ายทำกับพวกน้อง ๆ ของเธอได้ถึงเพียงนี้ นี่เธอคงต้องไปขอโทษปรายฟ้าเสียแล้วที่ปล่อยให้ไอ้คนชั่วมันทำกับสิ่งที่เธอรัก และเหลือไว้ดูต่างหน้าเพียงอย่างเดียวแต่ตอนนี้มันไม่มีเหลือสักอย่าง เมื่อทุกคนต่างโยกย้ายไปทำงานของตนเองแล้วยังมีเพียงนายหัวแห่งป่าหนาวที่ยืนมองคุณหมอคนสวยที่ไม่เหลือบสายตามามองเขาสักนิดเดียว สงสัยคุณหมอคงโกรธเขามาก ก็แน่หล่ะซิเป็นใครจะไม่โกรธผู้ชายที่ลังเลอย่างเขาบ้าง แต่เขาผิดหรือ อีกคนเป็นเพื่อนที่คบกันมานาน อีกคนเป็นคนรัก และสิ่งที่บุษราลัลน์พูดมันก็น่าคิด มีหรือผู้หญิงคนไหนจะไม่อิจฉาถ้ารู้ว่าเขายังคงมีความรักความคิดถึงปรายฟ้า ในเมื่อเขายังไม่เคยเล่าเรื่องของปรายฟ้าให้ขวัญพรรษได้ฟังเลยเธออาจจะโกรธแล้วก็.....เขายังไม่อยากติดสินใจตอนนี้เรื่องทุกอย่างต้องมีการพิสูจน์และสิ่งแรกที่ต้องพิสูจน์คือคนที่อยู่ในชุดดำที่วิทวัสพูดถึงนั่นเอง เรื่องทั้งหมดมันจะได้คำตอบถ้าหาคนในชุดดำนั้นเจอ
“พวกคุณออกกันไปก่อนนะคะ รับรองฉันไม่ปกปิดเรื่องการตายของนกพวกนี้แน่ ๆ ด้วยจรรยาบัญของคนเป็นหมอค่ะ”
คุณหมอคนสวยหันมาบอกอีกครั้งเมื่อพนาพรรษกับบุษราลัลน์ยืนมองเธออยู่แม้เธอจะไม่รู้ว่าสองคนนั้นคิดอย่างไรก็เถอะ แต่ตอนนี้เธออยากเป็นตัวของตัวเองมากกว่า เธออยากร้องไห้กับน้อง ๆ ของเธอ
“ผมจะอยู่ช่วยฝังพวกมันแล้วกัน”
นายหัวแห่งป่าหนาวรีบบอกอีกฝ่ายกลัวว่าคุณหมอคนสวยจะปฏิเสธและมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ
“ไม่เป็นไรค่ะ”
คำปฏิเสธนั้นทำให้นายหัวแห่งป่าหนาวมองขวัญพรรษด้วยสายตาปนคำถาม ถ้าคุณหมอมองอยู่ก็น่าจะตอบได้ แต่นี่เธอไม่ได้หันมามองหน้าเขาสักนิด
“ป่า เราไปดูบ่อมุกกันเถอะ เมื่อวานบุษเจอปัญหาอีกอย่างหนึ่งแล้ว ไปกันเถอะค่ะ”
บุษราลัลน์ลากตัวนายหัวแห่งป่าหนาวออกจากฟาร์มนกนั้นทันที ถ้าคุณหมอคนสวยจะเหลียวมองสักนิดก็จะเห็นว่าสายตาของนายหัวแห่งป่าหนาวนั้นมีทั้งความกังวล กลัวไปทุกอย่าง กลัวอีกฝ่ายจะโกรธเขา เกลียดเขา ที่เขาไม่ได้ปกป้องเธอเลย แต่จะให้เขาทำแบบนั้นได้อย่างไรในเมื่อมันเป็นเรื่องที่สัญญากันไว้สองคน และอีกอย่างเขากำลังช็อคเพราะสิ่งที่ของรักของปรายฟ้าถูกทำร้ายทำลายอย่างทารุณ
“เคียวทำไมแกโชคร้ายแบบนี้ ไม่ต้องทงไม่ต้องทำแล้วงานที่นี่ ไม่มีงานใช่ว่าพ่อแม่แกจะไม่มีปัญญาเลี้ยง ต่อให้นอนอยู่กับบ้านเฉย ๆ แกก็มีกิน แล้วทำไมถึงมาอยู่ให้เขาใส่ร้ายแบบนี้”
วินนี่เดินเข้ามาปลอบเพื่อนรักอย่างรู้ใจเพราะรู้ดีว่าเพื่อนรักรักสัตว์ประเภทนี้มากเพียงไร
“แต่ถ้าฉันไปเท่ากับฉันยอมรับว่าฉันเป็นคนทำ แต่ใครมันใจดำขนาดนี้วินนี่ฆ่าได้แม้กระทั่งนกที่มันไม่รู้เรื่องอะไรเลย ถ้าแค้นฉันทำไมไม่มาทำที่ฉันไปลงที่นกพวกนี้ได้อย่างไรกัน นำเงินของฉันมันกำลังมีลูกด้วยนะ”
ขวัญพรรษโอบรอบเอวเพื่อนหนุ่มกอดเอาไว้แน่น น้ำตาไหลนองหน้าด้วยความสงสารน้อง ๆ นกทั้งหลายที่ตายไป
เสียงร้องสะอึกสะอื่นดังขึ้น วินนี่พยายามปลอบเพื่อน แต่ได้แค่ลูบหลังนั้นเบา ๆ ถ้าเป็นอย่างที่ขวัญพรรษพูดจริง ๆ มันต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน เพราะไอ้ชุดดำมันอยู่ในที่มืด แต่ในขณะเพื่อนรักของเขาอยู่ในที่สว่าง เอ...เขาควรบอกพ่อจ๋าของขวัญพรรษหรือเปล่า หรือบอกพี่ทิกดีกว่า เฮ้ย...เอาไว้คิดอีกทีแล้วกัน ตอนนี้ขอปลอบเพื่อนก่อนแล้วกัน
“เราต้องรีบจัดการเอาพวกมันไปฝังแล้วเคียว ไปกันเถอะทำกันสองคนก็ได้ ท้ายกรงนั่นก็ได้ มันจะได้ชินเหมือนว่าพวกมันไม่ได้ไปไหนแต่อยู่ใกล้ ๆ กันแค่นี้เอง”
ขวัญพรรษปาดน้ำตาทิ้งแต่มันก็ยังไหลออกมาอยู่ดี เพราะความคับแค้นใจว่าใครที่ใจร้ายทำร้ายน้อง ๆ นกของเธอได้อย่าโหดร้ายขนาดนี้ ทั้งสองคนช่วยกันขุดหลุมขนาดใหญ่เพื่อฝังร่างของนกน้อยเจ็ดตัว วิทวัสใช้ปูนผงขาวโรยไปทั่วหลุมก่อนจะขุดกลบให้หนาและแน่นที่สุดเพื่อจะกลบกลิ่นไม่พึงประสงค์ออก
“หลับให้สบายนะ เดี๋ยวพี่เคียวจะมาเยี่ยมบ่อย ๆ”
คนพูดไปน้ำตาไหลไป
“เคียวแต่วันนั้นฉันเห็นจริง ๆ นะ ฉันเห็นนังบุษมันใส่ชุดดำทั้งชุด ฉันว่านังคนนี้มันต้องปกปิดอะไรบางอย่างไว้ หรือมันต้องเกี่ยวข้องกับการตายของนกพวกนี้ และที่สำคัญกับคุณฟ้า”
คุณหมอคนสวยคิดไปตามที่เพื่อนหนุ่มบอก อาจจะเป็นไปได้เพราะเธอมาที่นี่ครั้งแรกก็ได้รับการต้อนรับที่เป็นมิตรมากกกกจาบุษราลัลน์ และอีกหลาย ๆ บุษราลัลน์มักจะพูดถึงปรายฟ้าเวลาที่พนาพรรษอยู่กับเธอ หรือว่าความจริงแล้วบุษราลัลน์รักพนาพรรษมากนั่นเอง แล้วสายตาเจ้ากรรมก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างตรงกรงน้องนำเงินของเธอ ขวัญพรรษเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูอย่างรวดเร็วมันเป็นตุ้มหูเกี่ยวเข้ากับรูหูได้เลยและมีระย้าอัญมณีสีแดงสด ไม่ใหญ่มาก
“ต่างหูใคร”
วินนี่เรีบเดินมาดูพร้อมกับมองหน้าขวัญพรรษ แล้วขนก็ลุกไปทั้งตัวเมื่อเข้าใกล้คนที่ก่อเรื่องร้าย ๆ พวกนี้ได้อีกอย่างหนึ่งแล้ว
“ของผู้หญิงแน่นอน คนที่ทำนี่ต้องเป็นผู้หญิง หรือว่ามันเป็นของแก แต่ฉันไม่เคยเห็นแกใส่ของพวกนี้เลย”
วินนี่ถามเพื่อนอย่างสงสัยพร้อมกับพินิจพิเคราะห์ตุ้มหูนี้มากขึ้น
“เคียว ให้ฉันเก็บไว้เอง ยังไงฉันก็ยังเป็นผู้ชายมีแรงมีพลังมากกว่าแก แล้วอีกอย่างแกจะได้ปลอดภัย”
“วินนี่เราต้องสืบเรื่องนี้แล้วหล่ะ ว่าใครเป็นคนทำ แล้วหวังอะไร ถึงป้ายความผิดใส่ฉันขนาดนี้”
ขวัญพรรษหันไปบอกเพื่อนด้วยใบหน้าเคร่งเครียด แล้วคิดอะไรออกมาอย่างหนึ่งก่อนจะเดินออกไปจากกรงนกพวกนั้นจนวิทวัสร้องเรียกเธอก็ยังไม่หันไปมอง คุณหมอคนสวยเดินฝ่าแดดมาถึงบ่อมุกแต่สิ่งที่เธอได้เห็นก็คือบุษราลัลน์เพียงคนเดียว แล้วพนาพรรษไปไหน ช่างมันเถอะ เพราะคนที่เธออยากคุยตอนนี้คือบุษราลัลน์ไม่ใช่พนาพรรษ
“คุณบุษคะ ฉันมีเรื่องจะถามคุณนิดหน่อย”
บุษราลัลน์เงยหน้าขึ้นจากงานที่ทำอย่างเซ็ง ๆ ก่อนจะถามกลับไปว่าเรื่องอะไร
“เรื่องอะไร ฉันไม่มีเวลาตอบคำถามคุณมากนักนะ”
แล้วก็ก้มทำงานตามเดิม ผมหล่นมาคลอที่ไหล่มันสร้างความลำบากในการก้มลงไปดูน้ำที่บ่อได้บุษราลัลน์รำคาญจึงเกี่ยวผมไปทัดหูเอาไว้ และวินาทีนี้นี่เองที่คุณหมอคนสวยเหลือบไปเห็นว่าหูของบุษราลัลน์วันนี้ไม่มีต่างหูคู่เก่งที่เธอใส่ทุกวัน ก็จะมีได้งัยเพราะอีกข้างหนึ่งอยู่ที่วินนี่ แล้วอีกข้างหนึ่งหล่ะ
“คุณบุษต่างหูหายไปไหนคะ ปกติเห็นคุณบุษใส่ติดหูตลอด”
เท่านั้นเองมือบางของอีกคนก็รีบกุมหูไว้ทันทีก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วเอาผมมาปิดหูข้างนั้นไว้
“พอดีอีกข้างหนึ่งมันหายไป ก็เลยไม่ใส่เสียเลยดีกว่า”
คุณหมอคนสวยพยักหน้าเบา ๆ แล้วหันไปถามอีกฝ่ายทันที
“ฉันอยากรู้ว่าที่เกาะหนาวนั่นตั้งอัฐิของคุณปรายฟ้าไว้หรือเปล่าคะ ฉันแค่อยากขอโทษเธอแค่นั้นเองที่ดูแลสิ่งที่เธอรักมากไม่สำเร็จ”
บุษราลัลน์ตาวาวขึ้นมาทันที อะไรกันปลามันจะกินเหยื่อง่าย ๆ แบบนี้เองหรือ
“ใช่ อยู่บนผาเดินขึ้นไปอีกประมารสองกิโล แต่มีทางเดินทำไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนตายฟ้าเขาชอบที่นั่นมาก บอกว่าถ้าได้แต่งงานกับป่าจะปลูกบ้านที่เกาะหนาวนั่นแหล่ะ ถ้าเกิดคุณเคียวคิดจะไปก็ไปตั้งแต่ตอนนี้เพราะรู้สึกว่าวันนี้จะมีพายุเข้ามาด้วยเดี๋ยวจะกลับมาไม่ได้”
บุษราลัลน์ยิ้มกับแผนขั้นที่สอง ป่าต้องเกลียดนังนี่เพิ่มขึ้นอีกแน่นอนเพราะนายหัวแห่งป่าหนาวเคยสั่งพนักงานทุกคนแล้วว่าห้ามไปยุ่มย่ามที่เกาะหนาวถ้าไม่ได้รับอนุญาติ และเขาก็ไม่ชอบด้วยถ้าใครไปที่นั่นโดยไม่บอกเขา
“ฉันจะขอยืมเรือออกไปหน่อยได้มัยคะ แล้วนายหัวอยู่ไหนฉันจะได้ขออนุญาตเขา”
ขวัญพรรษมองไปรอบ ๆ แล้วไม่เห็นคนที่เธออยากเจอสักนิด
“ฉันจะบอกป่าให้แล้วกัน รีบไปเถอะ ฝนจะตกอยู่แล้ว นั่นเรือจอดอยู่ตรงนั้นไง”
“ถ้าอย่างนั้นช่วยบอกวินนี่ เอ่อ..วิทวัสให้ด้วยนะคะว่าฉันจะไปไม่นานเดี๋ยวจะกลับมา”
ฮึ..ฮึ....บอกให้โง่ รอยยิ้มบนใบหน้าบุษราลัลน์เพิ่มมากขึ้นเมื่อสึกถึงคำที่ลุงหวานมาบอก “คุณบุษครับถ้าใครจะเอาเรือออกให้เอาลำทางขวามือนะครับ ทางซ้ายมือน้ำมันจะหมดแล้วอีกอย่างเครื่องมันไม่ค่อยดีผมกำลังรอซ่อม” ฮ่า..ฮ่า..พายุกำลังจะมาแบบนี้เหมือนตอนนังปรายฟ้ามันตายเลย โง่ จริง ๆ ให้แกไปติดอยู่ที่เกาะหนาวจนตายเลยถ้าจะดี บุษราลัลน์มองร่างบางที่กำลังติดเครื่องยนต์แล้วขับออกไปอย่างช้า ๆ
“โชคดีนังโง่”

ขวัญพรรษขับเรือล้อยคว้างอยู่บนทะเลกว้าง ใจนึกเพียงอย่างเดียวเท่านั้น เธออยากขอโทษปรายฟ้าเหลือเกิน สิ่งที่เธอทำได้ในขณะนี้มีแค่นี้ หญิงสาวเหลือบมองไปรอบ ๆ ทะเลกว้าง เห็นฟาร์มมุกป่าหนาวเพียงจุดเล็ก ๆ เท่านั้น ท้องฟ้ามืดครึ้มเสียงฟ้ารองคำรามราวกับใครทำอะไรให้ฟ้าโกรธถึงเพียงนี้ คุณหมอคนสวยยิ้มเมื่อเห็นเกาะหนาวชัดขึ้นมันเหลืออีกไม่ไกลเธอก็จะถึงอยู่แล้วแต่ทุกอย่างกลับหยุดชะงักเมื่อเครื่องยนต์ของเรือดับสนิท หญิงสาวหันไปติดเครื่องยนต์อีกหลายครั้งแต่มันก็เหมือนเดิม
น้ำมันหมด ยัยเคียวเอ๊ย ทำไมไม่ดูน้ำมันให้ดีก่อนขับมานะ นั่นคือสิ่งที่เธอมองเห็นได้ในขณะนี้ เรือโยกไปมาตามแรงคลื่นที่โหมกระหน่ำเข้ามา ความกลัวเริ่มเกาะกินในหัวใจท้องฟ้ารอบด้านมืดครึ้ม เสียงฟ้าร้องดังกระหึ่มไปทั่วท้องทะเล บวกกับสายฟ้าที่แลบเป็นเส้นยาวสีเงินพาดตรงไปในน้ำทะเล
ทำใจดี ๆ ไว้ยัยเคียว ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร เกาะหนาวอยู่ข้างหน้านี่เอง ขวัญพรรษหลับตาตั้งสติพร้อมกับปลอบประโลมตัวเอง
“คุณฟ้าฉันมาดีนะคะ ช่วยฉันด้วย”
ขวัญพรรษหลับตาแล้วส่งจิตอธิษฐานถึงหญิงสาวผู้ล่วงลับไปแล้ว อย่างน้อยมันก็ทำให้เธอมีกำลังใจ และมีสติขึ้นมาบ้าง หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ตัวเรือเหมือนกับหาอะไรบางอย่าง มันน่าจะมีอะไรที่ช่วยเธอได้ซิน่า แล้วร่างบางก็ต้องยิ้มออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นเสื้อฟองน้ำที่มีไว้ในเรือกรณีฉุกเฉินอย่างน้อยถ้าเธอสวมเสื้อตัวนี้แล้วว่ายไปที่เกาะหนาวมันคงช่วยผ่อนแรงเธอได้อย่างแน่นอน เรือลำน้อยโยกไปมาอย่างแรงจนร่างบางเซไปอีกด้านหนึ่งของเธอตามแรงคลื่นและแรงลม เธออยู่แบบนี้ไม่ได้อย่างแน่นอนเพราะถ้าเรือล่มทับร่างของเธอขึ้นมาเธอต้องตายแน่นอน หญิงสาวตัดสินใจอีกครั้งเมื่อมองไปด้านหน้าซึ่งเป็นที่ตั้งของเกาะหนาว
“พ่อจ๋า แม่จ๋า เคียวต้องทำได้ ต้องได้”
หญิงสาวหลับตาพึมพำอีกครั้งแล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาใหม่
“พี่ป่าขา เคียวดีใจที่ได้เจอพี่ป่า รักพี่ป่านะคะ ถ้าเคียวรอดสิ่งแรกที่เคียวจะทำคือบอกรักพี่ป่า แต่ถ้าไม่ เคียวจะเก็บพี่ป่าไว้ในหัวใจเสมอ ถึงแม้ตอนนี้เคียวจะน้อยใจพี่ป่าอยู่ก็เถอะ แต่ไม่เคยเกลียด”
หญิงสาวร้องบอกชายหนุ่มคนรักหวังอย่างยิ่งว่าความผูกพันระหว่างเธอกับเขาอาจมีสิ่งเล็ก ๆ ที่เรียกว่าความมหัศจรรย์นำคำอธิษฐานที่เธอบอกส่งถึงเขาบ้าง ขวัญพรรษใส่เสื้อฟองน้ำฉุกเฉินแล้วเดินไปท้ายเรือทันที ดีนะที่วันนี้เธอใส่กางเกงผ้าสามส่วนมา เสียงคำรามของฟ้าดึงขึ้นอีกครั้งทำให้ร่างบางถึงกับสะดุ้งสุดตัวกอดตัวเองไว้แน่นหลับตาหนีภาพสายฟ้าฟาดลงสู่ทะเล
“เธอต้องทำได้ขวัญพรรษ เธอต้องทำได้”
เสียงกระซิบบอกตัวเองสั่นสะท้าน ดวงตากลมโตซึ่งบัดนี้คลอไปด้วยน้ำตามองไปข้างหน้าอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจกระโดดลงน้ำแล้วว่ายออกไปข้างหน้าอย่างสุดกำลัง น้ำเย็นใต้ท้องทะเลประทะเข้ากับตัวหญิงสาวจนเธอต้องกัดปากเอาไว้แน่นเพราะมันเริ่มสั่นด้วยความเย็นพร้อมกับความกลัว

เสียงฟ้าร้องคำรามดังทั่วป่าหนาวทำให้นายหัวหนุ่มหันไปมองรอบ ๆ ด้านอย่างสังหรณ์ใจวันนี้เขาเดินมาที่รีสอร์ตป่าหนาวเพราะมีเรื่องต้องปรึกษากับต้นน้ำและเขาก็ได้รับข่าวดีสุด ๆ เมื่อได้ยินเพื่อนรักบอกว่าได้ปรับความเข้าใจกับมนัญญาเรียบร้อยแล้ว
“ฝนจะตกอีกแล้วมั้งป่า ช่วงนี้พายุกำลังเข้าด้วย”
ต้นน้ำพึมพำบอกเพื่อนพร้อมกับมองออกไปนอกทะเลกว้าง เห็นคลื่นลูกใหญ่ซัดเข้าหาชายฝั่งลูกแล้วลูกเล่า ทะเลในยามนี้ดูแล้วมันอ้างว้างน่ากลัวเหลือเกิน เหมือนกับคราวที่....ชายหนุ่มหยุดความคิดลงแค่นั้นเมื่อคิดถึงเหตุการณ์อันน่ากลัวที่เกิดขึ้นกับปรายฟ้าคนรักของพนาพรรษที่เสียชีวิตไปแล้ว
“ฉันไปดูที่ฟาร์มมุกก่อนแล้วกัน รู้สึกอย่างไรไม่รู้”
นายหัวแห่งป่าหนาวบอกแล้วรีบเดินไปยังบ่อมุกทันทีด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่ม ทำไมเขาจึงรู้สึกแปลก ๆ แบบนี้ ราวปอดของเขามีอากาศไม่เพียงพอมันหายใจได้ไม่เต็มที่ ชายหนุ่มเดินแกมวิ่งไปยังสะพานที่เชื่อมไปยังฟาร์มมุกก่อนจะขมวดคิ้วเรียวอย่างแปลกใจเมื่อเห็นคนงานสามสี่คนออกมายืนออกกันตรงท่าเรือที่จอดเรือไว้ใช้ในฟาร์มป่าหนาวกับรีสอร์ตป่าหนาว และลุงหวานที่มีสีหน้าวิตกกังวล และตื่นกลัวอยู่ตรงนั้น
“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรกัน”
นายหัวแห่งป่าหนาวตะโกนแข่งกับเสียงคลื่นเสียงฟ้าร้องถามไปยังกลุ่มคนงานที่ยืนออกันอยู่ตรงนั้น
“เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับนายหัว ผมเพิ่งทราบเมื่อสักครู่นี่เอง คุณเคียวขับเรือออกไปตอนพายุกำลังมาครับ อีกอย่างเรือลำนั้นน้ำมันใกล้หมด แล้วเครื่องก็รวนอยู่ ผมกะจะให้คนงานไปเติมอยู่พอดีไม่คิดว่าจะมีคนขี่ออกไปแบบนั้น”
สิ้นคำลุงหวานนายหัวแห่งป่าหนาวถึงกับหน้าซีดเผือด หัวใจที่กำลังร้อนรนอยู่เมื่อครู่หยุดชะงักทันที ตั้งแต่หัวจรดเท้าตอนนี้ชาวาบไปหมด เลือดลมในกายเขาหยุดทำงานทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่ลุงหวานหัวหน้าคนงานพูดขึ้นมา
“อะ...ไรนะ”
เสียงแหบพร่าที่เค้นออกมาเบาหวิวจนลุงหวานแทบจะไม่ได้ยิน
“คุณเคียวขี่เรือออกไปครับ ตอนนี้พายุกำลังมาแรง เราออกไปตอนนี้ไม่ได้หรอกครับ”
คำพูดยืนยันนั่นเปรียบเสมือนสายฟ้าฟาดลงมาตรงกลางหัวใจของนายหัวแห่งป่าหนาวอย่างแรง
“แล้วคุณเคียวออกไปตอนไหน ทำไมไม่มีใครห้าม คนตั้งกี่สิบกี่ร้อยคนทำไมไม่เห็น คน ๆ เดียวแท้ ๆ ไม่มีคนเห็นได้ไงแล้วใครเป็นคนเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดเรียกมาเดี๋ยวนี้”
เสียงตะวาดดังลั่น คนงานบางคนถึงกับสะดุ้งเนื่องจากไม่เคยเจออารมณ์ร้าย ๆ ของนายหัวตัวเอง ลุงหวานเม้มปากแน่นเหตุการณ์แบบนี้มันเกิดขึ้นอีกแล้ว แต่คราวนี้รู้สึกจะหนักกว่าคราวที่แล้วเพราะดูจากอาการของนายหัวของเขาแล้วมันต้องมีอะไรมากกว่าที่พวกเขารู้แน่นอน นายหัวกับคุณหมอเคียวมันต้องมีอะไรมากกว่านี้แน่นอน ไม่งั้นนายหัวของเขาไม่ทำท่าราวกับจะตายเมื่อได้ยินว่าคุณหมอคนสวยออกไปกลางทะเลตอนมีพายุแน่นอน
“บุษเองค่ะ บุษห้ามแล้วนะคะ แต่คุณเคียวเธอไม่ฟัง เธอบอกแต่ว่าเธอต้องไปหาปรายฟ้าฟ้าให้ได้ พายุแรงขนาดนี้ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง”
นายหัวหนุ่มหันขวับไปมองทันทีเมื่อได้ยินเสียงบอกของบุษราลัลน์ที่ดังมาจากด้านหลัง
“แล้วทำไมบุษไม่ห้ามไว้ คุณก็รู้ว่าพายุกำลังมา อีกอย่างเคียวก็ขับเรือยังไม่คล่อง แล้วคุณทำไมไม่ไปบอกผม”
นายหัววิ่งเข้ามาจับไหล่บอบบางของบุษราลัลน์พร้อมกับเขย่าจนร่างบางสั่นคลอนไปทั้งตัวเดือดร้อนถึงลุงหวานที่มองดูอยู่ต้องรีบเข้ามาแยกชายหนุ่มออกไปไม่อย่างนั้นคุณบุษคงโดนเขย่าตายแน่นอน
“บุษห้ามแล้ว แต่เขาไม่ฟัง บุษก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเขาอยากเจอฟ้าทำไม”
เสียงสะอื่นไห้ของบุษราลัลน์ทำให้ร่างสูงของนายหัวแห่งป่าหนาวเริ่มมีสติขึ้นมานิด ๆ ใช่สิตอนนี้เขาต้องคิดตามหาหัวใจของเขาก่อน แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที
“ลุงหวานไปเอากุญแจเรือมา ฉันจะไปตามหาคุณเคียว”
นายหัวหนุ่มหันไปบอกหัวหน้าคนงานทันที ลุงหวานมองนายหัวหนุ่มอย่างตกใจ จะออกเรือตอนนี้ได้อย่างไรพายุกระหน่ำขนาดนี้ ออกไปมีแต่ตายกับตายอย่างเดียวเท่านั้น
“นายหัว แต่พายุกำลังมานะครับ ออกไปตอนนี้มีแต่ออกไปตายเท่านั้น”
ลุงหวานเตือนสตินายหัวของตัวเองอีกครั้ง
“แล้วจะให้ฉันยืนมองอยู่แบบนี้หรือ ไม่...ฉันทำไม่ได้ เคียวจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ฉะ....ฉันไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบวันนั้นอีก ไปเอากุญแจเรือมาเดี๋ยวนี้ นี่คือคำสั่ง”
นายหัวหนุ่มตะโกนเสียงดังลั่นใส่ลุงหวานทันที ใจเขาตอนนี้มันร้อนราวกับใครเอาไฟกองใหญ่มาลนไว้ เคียวอย่าเป็นอะไรนะ รอพี่ก่อน พี่จะไปช่วยเคียวให้ได้ อดทนไว้ก่อน
“ป่าคะ แต่พายุเข้าแบบนี้ คุณมองไม่เห็นทางหรอก เรือออกไปก็มีแต่ล่มอย่างเดียว อย่าไปเลยนะคะ”
บุษราลัลน์รีบเข้าไปจับแขนอีกฝ่ายแล้วเขย่าเพื่อนให้ชายหนุ่มได้ยินและรับรู้สิ่งที่เธอบอก
“ไม่ผมต้องไปช่วยเคียว ปล่อยผม”
นายหัวหนุ่มสะบัดแขนออกจากร่างบางทันที
“มีอะไรกันป่า แกจะเอาเรือออกไปไหน”
ต้นน้ำวิ่งมาอย่างรีบร้อนเมื่อลุงหวานโทรไปบอกเขาให้รีบมาที่ท่าเรือด่วน เขาจึงรีบวิ่งมาพอดีเจอกับวิทวัสเลยวิ่งมาด้วยกัน
“ไอ้น้ำ เคียวเอาเรือออกไปเกาะหนาว น้ำมันในเรือก็ใกล้หมด แล้วเจอพายุแบบนี้เคียวจะเป็นอย่างไรก็ไม่รู้ จะกลัวขนาดไหน ฉันจะออกไปช่วยเคียว ฉันไม่อยากนั่งมองเฉย ๆ แบบนี้”
น้ำเสียงร้อนรนสั่นพร่าบอกกล่าวเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ต้นน้ำกับวิทวัสใจหายวาบ วิทวัสหรือวินนี่เบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อได้ยินสิ่งที่นายหัวบอก
“ตายแล้ว ยัยเคียว แล้วพายุเข้าขนาดนี้ยัยเคียวจะเป็นอย่างไรบ้างค่ะ ตาย..พ่อจ๋าแม่จ๋ารู้เรื่องต้องตายแน่ ๆ”
วินนี่เอ่ยพร้อมกับมองไปยังท้องทะเลกว้างอย่างกังวลและเป็นห่วงเพื่อนสาวอย่างมาก ทำไมขวัญพรรษถึงไม่บอกเขาว่ากำลังจะไปไหน ทำอะไร อย่างน้อยเขาจะได้เป็นเพื่อนคิดบ้าง วินนี่กัดริมฝีปากตัวเองไว้แน่นเพื่อไม่ให้แสดงความอ่อนแอออกมา คลื่นใหญ่ขนาดนั้นเพื่อนรักของเธอจะเป็นอย่างไรกลางทะเลกว้างแห่งนี้
“ใครไม่ไปวินนี่ไปคนเดียวก็ได้ค่ะ ช่วยเอาเรือออกให้หน่อยนะคะ”
คุณหมอหนุ่มหัวใจสาวส่งสายตาวิงวอนไปยังต้นน้ำ
“ไม่ได้ครับ ออกไปตอนนี้มีแต่ตายกับตายเท่านั้น สิ่งเดียวที่เราทำได้คือรอให้พายุสงบก่อนแล้วค่อยออกเรือไปตามหาคุณเคียว”
“ไม่ได้ ฉันรอไม่ได้ ลุงหวาน ลุงหวานมาหรือยัง กุญแจอยู่ไหน”
นายหัวตะโกนเรียกหัวหน้าคนงานซึ่งแอบไปหลบอยู่หลังต้นน้ำเพราะไม่อยากให้นายหัวของตัวเองออกเรือไปตอนนี้
“ไอ้ป่า แกมีสติหน่อยสิวะ แกออกไปตอนนี้ไม่ได้ เห็นมั้ยว่าพายุมันแรง อีกเดี๋ยวฝนก็ตก แกคิดในทางที่ดีสิวะ ว่าคุณเคียวอาจถึงเกาะหนาวแล้วก็ได้”
ต้นน้ำตะโกนบอกเพื่อนเสียงดัง พร้อมกับจับไหล่หนา ๆ ของนายหัวหนุ่มไว้ข้างหนึ่งบีบแน่นเพื่อนเรียกสติเพื่อนรักของตัวเองกลับมา
“แกก็รู้ว่าพายุมา แล้วแกจะปล่อยให้เคียวลอยคว้างกลางทะเลแบบนั้นหรือ ฉันทำไม่ได้ปล่อยฉันได้แล้วไอ้น้ำ ฉันจะเอาเรือออก”
นายหัวสะบัดไหล่ให้หลุดออกจากมือแข็งแรงของต้นน้ำ
“ลุงหวานเอากุญแจมา”
นายหัวหนุ่มเดินก้าวเข้าไปหาลุงหวานอย่าวรวดเร็ว
“ป่าค่ะ อย่าไปเลยนะคะ”
บุษราลัลน์เข้ามาขวางนายหัวหนุ่มที่กำลังเดินเข้าไปคว้ากุญแจเรือจากลุงหวาน
“ไอ้ป่า ฟังหน่อยสิวะ”
ต้นน้ำตะโกนบอกเพื่อนรักอย่างฉุนเฉียว เขาก็เข้าใจหรอกนะว่ามันเป็นห่วงคนงานในฟาร์มของตัวเอง แต่มันจะห่วงมากเกินไปหรือเปล่า
“เคียวเป็นเมียฉัน ไอ้น้ำ ฉันปล่อยเมียฉันไปตายแบบนั้นไม่ได้หรอก”
นายหัวแห่งป่าหนาวเค้นเสียงแหบพร่าบอกเพื่อนรัก คำบอกของนายหัวทำเอาต้นน้ำอึ้งไปพักใหญ่ รวมทั้งบุษราลัลน์ที่ตะลึงเมื่อได้ยินสิ่งที่นายหัวหนุ่มพูดออกมา
“แต่แกออกไปตอนนี้มันก็ช่วยอะไรไม่ได้ แกเห็นนั่นมั้ย ฝนตั้งเค้ามามืดขนาดนั้น แกจะออกไปได้ยังไง”
ต้นน้ำตะโกนแข่งกับเสียงฟ้าร้องและเสียงคลื่นที่ซัดเข้ามาอย่างแรง
“แต่นั่นเมียฉันนะ ต่อให้ตายฉันก็จะไปหาเคียว หลีกไป”
คำว่าหลีกไปหยุดลงแค่นั้นเพราะกำปั้นแรงสุด ๆ เท่าที่ต้นน้ำเคยชกคนมาซัดเข้าที่ใบหน้าชายหนุ่มอย่างจังจนทำให้นายหัวแห่งป่าหนาวทรุดกับพื้นสะพ้านหมดสติในบัดดล
“ลุงหวาน ช่วยแบกไอ้ป่าไปบ้านหน่อยครับ คุณวินนี่ครับ ใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ ทุกอย่างมีทางออก คุณเคียวอาจไปถึงเกาะหนาวแล้วก็ได้ หลังจากพายุสงบเราจะรีบออกตามหากันนะครับ”
ต้นน้ำแตะไหล่ของคุณหมอหัวใจสาวเบา ๆ พร้อมกับปลอบ เขาเองก็เครียดเหมือนกัน เป็นห่วงหญิงสาวที่ออกไปเผชิญชะตากรรมเพียงลำพังบนท้องทะเลกว้างนั้นอย่างสุดหัวใจ ถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากออกตามหาหญิงสาวเลย แต่พายุขนาดนี้มีแต่ออกไปตายเท่านั้น ต้นน้ำมองร่างสูงใหญ่ของเพื่อนที่ถูกลุงหวานพร้อมกับคนงานชายอีกคนพยุงหิ้วปีกออกไป ถ้ามันฟื้นมีหวังมันซัดเขากลับแน่นอน แต่ถ้าถึงตอนนั้นแล้วเขาจะยอมให้มันซัดกลับดี ๆ
“เดี๋ยวเตรีมเรือไว้ให้พร้อมนะ พายุสงบแล้วเราจะรีบออกไปตามหาคุณเคียวกัน”
ต้นน้ำหันไปสั่งคนงานที่เหลือก่อนจะเดินตามร่างสูงที่ถูกแบกไปเมื่อสักครู่พร้อมกับวิทวัส ที่เดินกุมมือตัวเองไว้กับอกราวกับกำลังภาวนาให้คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองเพื่อนของเขาให้ปลอดภัยเสียที บุษราลัลน์มองออกไปนอกทะเลกว้างอย่างสะใจ
“ขอให้แกได้ตายสมใจแกแล้วกัน นังเคียว”
น้ำเสียงเคียดแค้นค่อย ๆ เปล่งออกมาอย่างฝืนไว้สุดกำลัง ป่าถึงกับออกปากมามันเป็นเมีย สองมือกำแน่นจนแขนบอบบางนั้นสั่นนิด ๆ เพื่อกลั้นอารมณ์โมโหของตัวเอง
“ขอให้เจอแต่ศพแกแล้วกันนะ”
บุษราลัลน์พูดก่อนจะเดินตามต้นน้ำกับพนาพรษกลับไปยังบ้านหลังใหญ่ของนายหัวนั่นเอง

ร่างของหญิงสาวที่ทุกคนกำลังนึกถึงกำลังพยายามว่ายไปหาเกาะหนาวอย่างสุดกำลัง เธอกำลังจะหมดแรง เกาะหนาวที่เธอเห็นว่ามันอยู่ใกล้ ๆ นั้นทำไมมันถึงได้ไกลขนาดนี้ แล้วคลื่นแรง ๆ นี่อีกซัดเข้าหาฝั่งแต่ละทีก็ทำให้ร่างบอบบางของเธอจมลงน้ำทะเล ปากบางเริ่มคล้ำเพราะความหนาวจนหญิงสาวต้องกัดเอาไว้เพราะมันสั่นสะท้านไปหมดทั้งตัว
“อีกนิดเดียว เคียว อีกนิดเดียว เธอต้องทำได้”
ริมฝีปากสั่น ๆ ค่อย ๆ เปล่งเสียงออกมาอย่างเบา ๆ เพื่อให้กำลังใจตัวเอง ก่อนจะโดนคลื่นลูกใหญ่ซัดจนร่างบางจมหายไปกับทะเลครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวก็พยายามตะกายตัวเองขึ้นเหนือน้ำให้ได้ ดวงตากลมโตค่อย ๆ ปรือลงจนเกือบปิดสนิท เธอเหนื่อยเหลือ สองแขนวาดไปในอากาศเพื่อดันให้ตัวเองไปถึงฝั่งที่เธอเห็นอยู่ข้างหน้าไม่ไกลนั้น
“แค่นั้นเอง เคียวอีกนิดเดียว”
เสียงพึมพำนั้นเงียบหายไปทันทีหลังจากเอ่ยประโยคนั้นเสร็จสิ้น ดวงตากลมโตค่อย ๆ ปรือลงก่อนจะปิดสนิทและสติสัมปะชัญญะและความรู้สึกของเธอจะจบลงสองแขนที่วาดน้ำไปมาเมื่อสักครู่จมหายลงใต้ทะเลกว้าง มีเพียงคลื่นลูกใหญ่เท่านั้นที่ซัดพาร่างที่ไร้สติของคุณหมอคนสวยเข้าหาผืนแผ่นดินของเกาะหนาวที่อยู่เบื้องหน้าเท่านั้นเอง
........................................................................................................



เอรินี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ค. 2554, 22:11:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ค. 2554, 22:11:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 2687





<< บทที่ 9-10   บทที่ 13-14 >>
silverraindrop 13 ก.ค. 2554, 12:55:54 น.
ตามมาอ่านรอบ 2 ค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account