=ตราบสิ้นแสงอัสนี= -
นี่คือเรื่องของนางฟ้า ชื่อมณีเมขลา
คือเรื่องของอสุรา ชื่อรามสูร
แต่นี่... ไม่ใช่เรื่องรักที่จะพาคุณย้อนอดีต
เราจะพาคุณข้ามผ่านกลุ่มเมฆ กาลเวลา และสายฟ้า
"สู่อนาคต"

Tags: เมขลา รามสูร สายฟ้า องค์อินทร์ อินทรชิต

ตอน: บทที่ ๔ แผนพระพรหม (จบบท)

ในดินแดนซึ่งดูจะอยู่นอกสายตา ตึกของโอเอ็ม – เจเนซิส ไม่ได้วิลิศมาหราไปกว่า
ตึกสำนักงานค่อนข้างทันสมัยแต่เรียบขรึมธรรมดาๆ เพื่อกลบบังโฉมหน้าอันพันลึก
ที่ซุกซ่อนไว้ ตรีเมฆถูกพาไปยังห้องประชุมลับซึ่งได้ยินมาว่า
เปิดต้อนรับคนชั้นหัวกะทิเพียงไม่กี่คน

หากนี่คือองค์กรที่ตั้งขึ้นมาเพื่อลวงโลก เขาก็พร้อมจะเล่นไปตามสีสันแห่งมายาภาพ
และจะเป็นผู้ควบคุมจินตนาการของเหล่าผู้คนด้วยมือนี้เอง ลาก่อนความจริง

ทว่าเมื่อประตูเปิด คนเพียงคนเดียวในหมู่คนที่นั่งล้อมโต๊ะประชุม
กลับดึงความสนใจของตรีเมฆไปได้ทั้งหมด

“ฝน...”



เธอทำเหมือนไม่รู้จักเขามาก่อน ตั้งแต่เมื่อแรกสบตาจนหลังจากนั้น
ทั้งที่เขาและเธอต่างก็แน่ใจอยู่แล้ว โอเอ็มรู้ว่าพวกเขารู้จักกันมาก่อน
เพียงแต่เธอไม่แคร์ เธอต้องการจะแสดงออกแบบนี้ เท่านั้นเอง

วันต่อมาเขาแทบลืมงาน ทั้งหาโอกาสแอบเอาดอกไม้สีเหลืองสดใสไปวางไว้ให้
ลอบมองผ่านกระจกห้องทำงาน เธอจะทำอย่างไร กลับพบว่าหญิงสาวหยิบทิ้ง
ทั้งกำมืออย่างไม่ต้องคิด วันถัดจากนั้น เขาให้ดอกไม้สีขาวช่อใหญ่
โดนเอาลงถังอีกเช่นกัน... ตรีเมฆมาย้อนคิดอย่างเจ็บใจตัวเองทีหลัง
เขาทำให้เธอคิดถึงแดนดิไลอ้อนของตฤณภพ แรกแย้มเป็นสีเหลือง
ยามร่วงโรยพร้อมพาเมล็ดออกบินกลายเป็นปุยขาว
แต่เขาก็ไม่มีแก่ใจจะเปลี่ยนเอาดอกไม้สีอื่นไปให้อีกแล้ว

เขาจะหนีโลกได้อย่างไร จะโบยบินไปได้อย่างไร...ถ้ายังเห็นเธออยู่คาตา



แต่ไม่มีเวลากังวลเรื่องนั้นนานนัก คลื่นความรับรู้อย่างใหม่ถาโถมเข้าจังหน้า
โอเอ็มไม่ใช่กลุ่มลวงโลก แต่มันกลับรวมพลังอันมหาศาลของขุมความลับทางวิทยาการเอาไว้!

องค์กรถูกแบ่งเป็นสามขั้วอำนาจซึ่งแบ่งส่วนกันทำงาน
อ้างว่าตามบัญชาแห่งพระศิวะ เวลานี้ผู้ทำลายมีบทบาทสูงสุด
กำจัดทุกสิ่งที่ไม่จำเป็นกับโลกทิ้งไปเสีย กรุยทาง...เพื่อให้ทัพผู้สร้าง
หรือคนในสาขาอาชีพต่างๆที่ถูกเกณฑ์มาร่วมได้สร้างสิ่งสมควรดำรงอยู่
ขึ้นมาแทนที่เยี่ยงมือพระพรหม ตบท้ายด้วยผู้รักษา ซึ่งจะดูแลรักษาความสงบ
และปกปักสิ่งที่ดีพอแล้วเอาไว้ ตามบทบาทแห่งพระวิษณุหรือพระนารายณ์

ตรีเมฆที่มีความรู้ด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและฟิสิกส์ถูกบรรจุลงในกลุ่มผู้สร้าง
พราวพิรุณนักวิทยาศาสตร์ผู้สันทัดกับการวิจัยด้านชีววิทยาจนถึงฟื้นฟูเซลล์ชีวิต
ถูกจัดเข้ากลุ่มทำนุบำรุงอันใกล้เคียงกับแพทย์ อยู่ฝั่งผู้รักษา


วันเดือนปีผ่านไปอย่างน่าทึ่ง เมื่อมีความรู้ใหม่ๆประสบการณ์ใหม่ๆ
เรียงหน้าเข้ามาให้ตื่นตาตื่นใจทุกวัน

โอเอ็ม หรือองค์กรแห่งจุดเริ่มต้น ไม่เพียงตั้งใจจะปรับโครงสร้างของสังคมโลกเสียใหม่
ด้วยการกำจัดสิ่งไม่จำเป็นออกไปโดยเหล่าผู้ทำลาย ที่ตรีเมฆถูกใจคือขั้นตอนหลังจากนั้น
สร้างขึ้นใหม่...ด้วยมือเหล่าผู้สร้าง สิ่งนี้ราวกับมีมาเพื่อเขา คงไม่ต่างจากเล่นบทพระเจ้า
สร้างมนุษย์และสิ่งสุนทรีย์จรรโลงใจอย่างที่ต้องการขึ้นประดับผิวโลก นอกจากประสบผล
ด้านการใช้งาน มันยังต้องเป็นงานศิลปะสูงส่งศิวิไลซ์ เพื่ออนาคตที่สมบูรณ์อย่างโลกยูโธเปีย

เมฆคล้ายจะยิ้มเยาะอยู่ข้างใน เมื่อเห็นเขาเหนื่อยหนักคล้ายใช้งานช่วยให้ลืมทุกข์
ที่ผ่านมามันไม่เพียงชิงชังตฤณภพ แต่ชิงชังตรีเองด้วย เพราะคอยแต่จะกดบุคลิกซ้อน
อย่างมันไว้ข้างใน ทว่าก็จนใจที่จะทำร้ายเขา เพราะอย่างไรก็ยังอาศัยร่างเดียวกัน

มันได้แต่คอยซุ่มแฝง เยาะหยันซ้ำเติมในยามที่เขาพลาด จะต้องไม่อ่อนแอ
ความอ่อนแอของเขาคืออาหารของมัน...

เขายืนหยัดต่อสู้อย่างองอาจ ใช้เวลาขบคิดไม่เป็นอันหลับนอน
เหนื่อยหนักสาหัสแทบล้มประดาตาย เพื่อยื่นเสนอแผนหนึ่งซึ่งพวกคนในองค์กร
จะต้องตะลึงและยอมรับอย่างยิ่งยวด อาจถึงขนาดที่เขาจะได้เป็นผู้นำในหมู่ผู้สร้าง
ได้คุมแผนพรหมา ฝันคงไม่ไกลเกินเอื้อม

ตามองค์ความรู้ใหม่ เขาอาจสามารถสร้างมนุษย์ที่เป็นหุ่นแต่มีชีวิตจิตใจ เรียกว่าชีวะอวตาร!

ชั่วเวลาที่เขามีแผนแทรกซึมไต่เต้าขึ้นสู่ที่สูง ฝนเองก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน
ดูเหมือนหลังจากอาจารย์สุจินด์เสียชีวิตไปตามวัยอย่างสงบ เธอเองก็ไม่มีอะไรเหลือให้ห่วง...

คลำทางไปนานๆเข้า ภายใต้มหาสมุทรแห่งความลี้ลับซึ่งยังมีหลายส่วนซ่อนเร้นจากสายตา
ตรีเมฆคล้ายจะมองลงไปเห็นเค้าเงื่อนบางอย่าง เงาที่หายไป เขาได้กลิ่นของตฤณภพ!

“ฝนเองก็คิดเหมือนกันใช่ไหม” เขาพูดกับเธอที่ดูเหนื่อยล้าในวันหนึ่ง
วันที่คิดว่าเธอคงให้อภัยแล้วกับเรื่องในอดีต

เขาเห็นหญิงสาวพยักหน้า ตรีเมฆสูดหายใจ ยืดตัวขึ้น สองมือล้วงกระเป๋า
พยายามจะขืนไหล่กว้างของตนให้ผึ่งผายเท่าปกติ ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปได้
ทั้งที่ครั้งหนึ่งเธอเคยดีกับเขามาก ในชีวิตของคนไร้รักอย่างเขา หลักฐานความชื่นบานทุกสิ่งยังเก็บไว้

แต่มันก็แค่... ตั๋วหนังที่คนไปดูด้วยจำไม่ได้ว่ามีเขาไปด้วย
โปสการ์ดมีชื่อเขา แต่คนส่งอาจนึกเสียใจที่เคยส่งมา

สิ่งที่ฝ่ายหนึ่งลืม หมายถึงความทรงจำอันเหลื่อมล้ำ
วูบหนึ่งเขาอยากให้มันเป็นสิ่งที่ทั้งสองฝ่ายลืม
เมื่อนั้น มันก็จะเป็นสิ่งที่เสมือนไม่เคยเกิดขึ้น อนิจจัง

“แล้ว... ฝนคงจะไม่โกรธพี่แล้วใช่ไหม”

“คงจะนะ” หญิงสาวตอบสั้นและห้วนในเบื้องแรก ก่อนผ่อนลมหายใจ
หลับตาลง “ก็ดีเหมือนกันที่พี่ตรีมาพูดกับฝนก่อนจะสายเกินไป ฝนคง
ได้ทำงานนี้เป็นงานสุดท้ายแล้ว มาร่วมมือกันเถอะ เราจะขึ้นสูง เพื่อมองหาตฤณ”

คนฟังตระหนักได้ เขาควรตามหาตฤณภพให้เจอ
เพื่อให้ทั้งสองมีความสุข ชดใช้คืนสิ่งที่เขาพรากมา
แม้นั่นจะทำให้หัวใจเขาต้องเจ็บแค่ไหน

“ได้ ร่วมมือกัน ทำงานศิลป์” ชายหนุ่มเอ่ยติดตลก “แต่บอกได้ไหม ทำไมต้องเป็นงานสุดท้าย”
เธอไม่ตอบ แต่แววตานั้นทำให้ใจเขาไหววูบ ฝน...กำลังแลกสิ่งนี้กับชีวิตของตัวเอง


เมื่อตรีเมฆตัดสินใจแถลงเรื่องหุ่นซึ่งจะมีจิตวิญญาณอย่างมนุษย์
ให้คนระดับสูงสุดในองค์กรได้ร่วมรับรู้ ทุกคนเงียบกริบ
ทั้งรู้ว่าเขาเป็นนักฟิสิกส์มือเลิศที่สุดเท่าที่มีก็ยังอดกังขาไม่ได้

“เรื่องวิญญาณ กลายเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือไปแล้วในยุคสมัยนี้
ผมจะใช้สนามแม่เหล็ก...มันมีผลหน่วงนำกระแสจิต”

“นี่มัน อาจจะ ดูเพี้ยน” ผู้อาวุโสสูงสุดผู้ก่อตั้งโอเอ็มมากับมือถอนใจ
ทั้งที่แววตาขุ่นมัวด้วยวัยเป็นประกายเต้นเร่า

“ถ้าท่านยังไม่ลืมประวัติศาสตร์ คนที่ค้นพบอะไรใหม่ๆให้กับโลก
ก็เริ่มจากการถูกว่าเพี้ยนทั้งนั้น ...หากพลังงานไม่สูญหายหลังความตาย
และเราดักมันไว้ได้ จิตวิญญาณนั้นอาจเกิดใหม่ในมือเรา
ซึ่งในที่นี้ร่างใหม่ของมันจะเป็นหุ่นที่บรรจุจิตวิญญาณของมนุษย์ เกิดใหม่
และถูกเลี้ยงดูให้กลายเป็นคนในอุดมคติ เพื่อเคลื่อนโลกที่รังสรรค์ด้วยมือผู้สร้าง”

นักวิทยาศาสตร์หนุ่มอีกคนหลุดเสียงกระแอมหัวเราะอย่างลืมรักษามารยาท
ทว่าเพียงตาคมสีเหล็กกล้ากราดไป ประหนึ่งดังมีกระแสไฟฟ้าช็อร์ตวูบจนคนขำสำลัก

“ผมให้...เป็นวิทยาทาน จะรับ’ทานเข้าไปหรือขย้อนออกก็ตามใจ
คุณโชคดีแล้วที่เกิดมามีบุญได้ฟังเรื่องนี้ก่อนตาย”

จังหวะนั้นสายตาดุกราดไปเห็นเธอคลี่ยิ้มให้เขาน้อยๆ นานแล้วที่ไม่ได้เห็น
ยิ่งทำให้เขาพุ่งไปต่ออย่างยากจะหยุด

“ผมมาพูดให้ฟัง รอเงินทุนอนุมัติ แล้วก็จะทำให้ดูเลย! ขอเน้นว่าไม่ได้อยากถกกับใคร”

เขาตัดสินใจทิ้งไพ่ตายลงแรงๆ ...ตรีเมฆไม่เคยพลาด
เขารู้ดีว่าตานี้ตนจะชนะและได้เปิดไพ่เกมใหม่อย่างที่ต้องการ


โครงการได้ดำเนินไปสมปรารถนา
เขาเติบโต ก้าวไกล ผ่านเวลามาอีกนานปี จุดประสงค์ในการอยู่ที่โอเอ็ม
เริ่มแปลกเปลี่ยน ยิ่งเมื่อรู้แน่ชัดจากการสืบของไทวะ หนุ่มน้อยรุ่นน้อง
ร่วมองค์กรฝั่งแผนศิวาหรือฝั่งผู้ทำลายล้าง แต่เจ้าตัวดันอยากเป็นผู้สร้าง
จึงทำเรื่องขอข้ามมาปวารณาตัวเป็นศิษย์ตรีเมฆ

การหายตัวไปของตฤณภพ คือความต้องการของโอเอ็ม พวกมันคุมชีวิต
ที่ผ่านมาของพวกเขาทั้งหมด ราวตุ๊กตาในหัตถาพระเป็นเจ้า ตรีเมฆส่ายหน้า
จะไม่ใช่เช่นนั้นแน่ เขาต้องอยู่เหนือทุกคนในที่นี้ เพื่อให้พวกมันรู้ว่าใครเป็นนาย...

มีมือดีมาขอเป็นสมัครพรรคพวกเขาหลายคนแต่ตรีเมฆกันไว้เพียงนอกวง
นอกจากฝนที่กลับมาเป็นคู่หูเพื่อมุ่งไปสู่งานสำคัญ ยังมีไทวะอีกคนที่เขาไว้ใจได้
ว่าเป็นศิษย์ร่วมตาย หนุ่มน้อยอัจฉริยะเคารพยิ่งในอุดมการณ์ของเขา
ทั้งยังเปี่ยมความสามารถ สมกับที่มีเชื้อสายเป็นลูกหลานของเทวราชผู้ก่อตั้งองค์กร

ชีวะอวตารที่ตรีเมฆและพราวพิรุณร่วมมือกันสร้าง อันที่จริงมันก็คือแอนดรอยด์
สร้างเป็นรูปหุ่นเสมือนมนุษย์ลุ่นๆที่ไม่มีโครงสร้างของชีวิต
คำว่าชีวะ...เป็นการให้เกียรติกับชีวิตที่ถูกดึงมาจากร่างกายเก่าก่อน
อวตาร...แบ่งภาคมาสู่ตัวตนใหม่ เหมือนอย่างเทพเทวาในวรรณคดีที่ตรีเมฆหลงใหล

ค่ำคืนฝนพรำ เขาไล่นิ้วไปยังตัวละครในภาพเล่าเรื่องรามเกียรติ์
สมุดอาร์ตบุ๊กเล่มสุดหวงแหนซึ่งมีจิตรกรรมฝาผนังถูกรวบรวมไว้
ตรีเมฆหลับตา ค่อยๆนึกภาพตาม ยิ่งใหญ่ งดงาม การสร้างหุ่นเป็นตัวละครพวกนี้
อย่างธรรมดานับว่าไม่ยาก แต่หุ่นของเขาจะต้องพิเศษสุดกว่าหุ่นตัวไหนๆที่ใครสร้าง
ทำยังไงให้หุ่นยนต์เหมือนมนุษย์ได้ขนาดนั้น มันเป็นเพียงฝันที่ยังไม่เคยเป็นจริง

นี่มันกว้างเกินไป...
ยังกว้างเกินไป...



ตรีเมฆลืมตา ปลายหางตาแวบเห็นเงาฟ้าแลบจากหน้าต่าง
ทั้งเสียงฟ้าคำรนตาม เขารู้แล้ว! ตัวละครที่จะสร้าง ควรเป็นใคร...
พญายักษ์ขว้างขวาน ไล่ล่านารีผู้ชูดวงแก้วแห่งฟากฟ้า

ฝนเป็นคนเข้ามาช่วยดูแลเลือดเนื้อที่ห่อหุ้ม พัฒนาเซลล์เทียมที่ให้สัมผัส
เลียนแบบของจริง มันคือวัตถุเลียนแบบเซลล์ ซ่อมแซมตัวเองได้ว่องไว
ถูกหล่อเลี้ยงให้ทรงอยู่ด้วยพลังงานไฟฟ้าและสารละลายพิเศษจากภายในตัวหุ่น
ด้านกายเนื้อดูจะไปได้สวย แต่การทำให้มันสอดประสานกับจริตที่จะเข้าครองร่าง
ยากเหมือนพยายามเล่นบทเป็นพระเจ้า ก็แค่มนุษย์เดินดินธรรมดาที่อาจเอื้อม โอหัง

การทดลองคืบหน้า สลับกับล้มเหลว ครั้งแล้วครั้งเล่า...

“พลังงานจิตที่เหมาะสม งมหาได้ยากนัก” เขาบ่นกับฝน

“นั่นสิ เราต้องเลือกเอาจิตแข็งแกร่งกว่าปกติทั้งมีคุณภาพมาเตรียมยัดใส่ลง
ในร่างมนุษย์เทียมที่จะกลายเป็นประชากรแห่งอนาคต คนป่วยใกล้ตาย
หรือพวกอยากทิ้งชีวิตขายตัวเองแลกเอาเงินให้คนข้างหลัง ยากจะหาจิตที่คู่ควร”

ทั้งคู่ละไว้ไม่เอ่ย อย่าว่าแต่บางคนเป็นคนในสังคมที่ทำอะไรเข้าสักอย่าง
แล้วถูกตัดสินโทษโดยโอเอ็มว่าควรถูกกำจัดด้วยมือของผู้ทำลาย
เพราะไม่คู่ควรกับการมีชีวิตอยู่บนโลก ไม่รู้เลยว่าคนพวกนี้ทำอะไรผิด
ตรีเมฆรู้แค่ว่าช่วยอะไรไม่ได้แล้ว คนมีความรู้ความสามารถที่ต้องโทษ
ต้องถูกทำให้หลับเสียตั้งแต่เนิ่นๆก่อนเอาตัวมาฆ่า คนพวกนี้ต้องไม่รู้จักโอเอ็ม
จะได้ไม่คิดแค้นฝังใจยามฟื้นมาในร่างชีวะอวตาร ดวงจิตที่ทรงศักยภาพจะได้เกิดใหม่
องค์ความรู้บางส่วนจะถูกฟื้นฟูให้ระลึกได้ พื้นจิตจะถูกกล่อมเกลาใหม่อย่างดี
ไม่ให้ทำความผิดซ้ำอีก พวกเขาเชื่อว่าความเลวร้ายผิดพลาดส่วนใหญ่ล้วนเกิดจากยีน
บวกกับสภาพแวดล้อมและการเลี้ยงดู นี่คือการชำระล้าง

ทุกครั้งที่การประหารจะเริ่มต้น เป็นเวลาที่นักฟิสิกส์หนุ่มเข้าไปเก็บตัวอย่างทดลอง
ในห้องที่ติดตั้งอุปกรณ์ซึ่งจะช่วยกักพลังงานจิตนั้นไว้ เขาบอกตัวเองว่าไม่ใช่ผู้สมรู้ร่วมคิด
เขาไม่ต้องการแบบนี้ แต่ในเมื่อขัดขืนไม่ได้ก็จะไม่ให้พวกนี้ตายเปล่า
บางทีเขาอาจชุบชีวิตใครสักคนขึ้นมาได้ใหม่

บางขณะเมื่อได้จิตเปี่ยมพลังอย่างที่ต้องการ แถมเกือบจะดักกลุ่มก้อนพลังงานชีวิต
ไว้ในครอบครองสำเร็จ สู้อุตส่าห์หล่อเลี้ยงมันด้วย‘เสียงดนตรี’ ซึ่งใช้เป็นสื่อกระตุ้น
การตอบรับ สุดท้ายมันกลับลอดเร้นจากอาณาเขตกักจิต พลังงานถูกกักขัง
ไว้ได้เพียงไม่นานก็สลายหาย วัดค่าอะไรไม่ได้อีก

ดวงจิตเหล่านั้นถูกดึงไปตามวัฏฏะแห่งแรงกรรมหรืออย่างไร?!

ทว่าตรีเมฆยังไม่ยอมแพ้...
“ไทวะ วันไหนไม่มีอาจารย์ ไม่มีพราวพิรุณ ถึงวันนั้นเธอจงช่วยสานต่อ
โอเอ็มไม่ได้กำลังจรรโลงโลก มันก็แค่ลัทธิโลกาวินาศที่เห็นเราเป็นของเล่นเท่านั้น”
นั่นคือคำฝากฝังแก่ศิษย์ผู้เชื่อมั่นในตัวเขา

ชีวิตเขาล่วงเลยมาถึงตอนนี้จนเข้าใจทุกอย่าง เขาเองไม่เหมือนเดิม
กลายเป็นฟืนที่ไม่ใหม่ แปลกที่ยิ่งไฟลุกติดโพลง คุโชนกว่าที่ผ่าน
หรือคือความรุ่งโรจน์แห่งดวงดาวยามใกล้ดับแสง

แต่เขากับเธอก็ยังต้องปกปิดมากมายหลายสิ่ง ยิ่งเมื่อก้าวขึ้นสูง ก็ยิ่งเข้าใกล้
ความลับเรื่องการหายไปของตฤณภพ มันคือกระบวนการจำศีล ทางเลือกลับของ
กลุ่มผู้สร้างที่จะสรรหาบุคลากรส่งไปยังอนาคต... แต่ที่ไม่รู้จนแล้วจนรอดก็คือ
แฝดของเขาตอนนี้อยู่ที่ไหน การก้าวล่วงสู่พื้นที่ลับถือเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างยิ่ง

ผู้ฝ่าฝืนต้องได้รับโทษสูงสุด การชำระล้าง!

แต่ถึงระวังเพียงใด สุดท้ายทุกอย่างก็มาถึงวันแตกสลาย ความลับในการลักลอบ
ขุดคุ้ยข้อมูลภายในและขโมยบางสิ่งมาใช้งานเพื่อประโยชน์ส่วนตนรั่วไหล...
ฝนเป็นคนยืดอกรับความผิดนั้นเอาไว้ที่ตัวเองทั้งหมด ตามที่เคยตกลงกันก่อนหน้านี้
เพื่อให้เขายังอยู่บนเก้าอี้ระดับสูงลิบ เธอยอมกัดฟันหม่นไหม้จมธรณี
อาจไม่ใช่เพื่อเขา แต่เพื่อตฤณ

‘ถึงเวลาล้ม อย่าล้มพร้อมกันทั้งสองคน
ต้องมีอีกคนเหลือเพื่อสานงานนี้ต่อ และคนนั้นต้องเป็นพี่ตรี!’




-Stay with me-

‘ถึงเวลาล้ม อย่าล้มพร้อมกันทั้งสองคน
ต้องมีอีกคนเหลือเพื่อสานงานนี้ต่อ และคนนั้นต้องเป็นพี่ตรี!’

นั่นคือที่เธอเคยยืนยันไว้ล่วงหน้าว่าเขาจะต้องทำให้ได้... แต่เอาเข้าจริง
ถึงเวลาแล้วเขาก็ทนไม่ได้ เธอที่ป่วยอยู่แล้วถูกลงโทษ อ่อนแอ ใกล้แตกสลาย
เขาจะไม่ล้ม แต่อดไม่ได้ที่จะเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยง ด้วยการยื่นขาล้ำเส้นเข้าไปข้างหนึ่ง

ในห้องมืดดำอันเต็มไปด้วยหมอกควันสีขาวและเสาดำต้นสูงราวกับแดนเทวะ
ยังมีคนผู้หนึ่ง หนึ่งในสามขั้วอำนาจของที่นี่ ผู้คุมแผนศิวาซึ่งกุมชะตาชีวิต
ผู้ต้องโทษระดับสูงสุดทุกคน ว่าจะปล่อยไว้ หรือ...ทำลาย

“ไว้ชีวิตเธอเถอะครับท่านเทวราช ให้เธอทำงานชดใช้ เธอยังมีประโยชน์”

ตรีเมฆวางแผนใช้ผลประโยชน์ต่อรองกับชายชราร่างสูงเพรียวที่นั่งอยู่
ชายชราผู้ซึ่งผมเป็นสีขาวโพลนทั้งศีรษะตัดกับชุดดำที่สวมใส่...ผู้คุมแผนศิวา
ไม่เพียงมีอำนาจเหนือเหล่าผู้ทำลายทั้งหมด ยังก่อตั้งโอเอ็มมากับมือ ที่สำคัญ
เป็นผู้ส่งจดหมายเชิญตรีเมฆมาเป็นคนของที่นี่เป็นกรณีพิเศษ

ผู้ชราเหลือบตาที่ขุ่นด้วยวัยอันล่วงเลยแต่ยังเฉียบคมมามอง
“ไม่ได้ เราคือกฎ” กระแสเสียงเนิบช้าเจือรอยยิ้ม “เรื่องชีวะอวตารเองก็จะต้อง
ถูกพิจารณาใหม่ทั้งหมด เราไม่เคยยอมรับผลงานของคนทรยศ...”

ไม่หรอก เขารู้ เทวราชไม่มีทางทิ้งผลงานล้ำค่า ก็แค่ฮุบเอาไป
เปลี่ยนชื่อเจ้าของโครงการเป็นคนใหม่ ไม่มีอะไรยาก

“นี่คุณเองก็ขอเวลามานานมากแล้วนะตรีเมฆ ยังคว้าน้ำเหลว” คำพูดกดดัน

“ขอเวลาเราอีกนิด เธอเคยช่วยผม ฝีมือและความรู้ของเธอเป็นสิ่งสำคัญมาก
ในการสร้างชีวิตใหม่ ได้โปรด! ยอมให้เธอทำงานนี้เป็นงานสุดท้าย”
เจ้าของร่างใหญ่หนาที่เคยทระนงอย่างตรีเมฆทรุดลงทั้งกาย
เขาถึงกับ ทำอาการที่เรียกว่า คุกเข่า...
“อย่างน้อยก็อย่าเอาความตั้งใจนี้ไปทำลายทิ้ง
เธอทำได้ดีกว่าคนอื่น เพราะมันคือลมหายใจของเธอ!”

ชีวิตเธอ ก็คือชีวิตของผม

“รู้ไหมเมฆ โอเอ็มยืนยงได้ด้วยอะไร และอยู่เพื่อใคร มันเป็นเรื่องสำคัญมากนะ...”

เสียงซอกซอนเข้าสู้แกนลึกของสมอง วูบนั้นใจที่เต้นระส่ำของเขาพลันว่างโพลนเป็นสีขาว
คล้ายคนที่โงกหลับไปชั่วครู่...เมื่อกะพริบลืมตาตื่น วูบถัดมาที่เห็นนั้น
เทวราชบนรถเข็นอยู่ห่างไกลเกินเอื้อม

“จุดสิ้นสุดแห่งเวลาของโอเอ็ม มันอยู่ที่นั่นเสมอ
เพียงแต่คุณจะลงไปลึกพอจะเจอหรือเปล่า เท่านั้นเอง”

คำพูดสุดท้ายของชายชรา พริบตา ประตูได้ปิดลงใส่หน้าเขาเสียแล้ว
ฝ่ายนั้นพูดอะไร? และ ตัวเขาพูดอะไรตอบไป?

...เมฆ มันสามารถแทรกเข้ามาในเวลาสำคัญแบบนี้ตามคำปลุกเร้าของอีกฝ่าย
หลังจากนั้น เขาเพียรเฝ้ารอขอเข้าพบ ผู้นำองค์กรก็ไม่เคยเปิดประตูโอกาสให้เป็นครั้งที่สอง


การต่อสู้ ใกล้จะพ่ายแพ้ไปทุกที...
ตรีเมฆกลับมายังห้องผู้ป่วยที่ฝนพักอยู่ เธอถูกพิจารณาโทษ ใจทรุด กายยิ่งทรุดตาม
เพียงประตูปิดลงตามหลัง เขาถอยไปพิงมัน ค่อยๆไถลร่างรูดลงกอง สองมือปิดหน้า
ทุกอย่างผิดพลาดไปหมด

เขาเข้าหาโอเอ็มด้วยความหลงแต่ก็ค่อยๆค้นพบความจริง
เป้าหมายในใจคือขึ้นสู่จุดสูงสุด เพื่อให้มีพลังพอจะควบคุมมัน
หรือหยุดมัน... แต่แล้วทุกอย่างกลับพัง

ตรีแพ้ แล้วเมฆล่ะ จะแพ้เหมือนกันหรือเปล่า?

เขาลุกขึ้น เดินไปยังข้างเตียง เธอหลับอยู่ หลายปีมาแล้วที่อยู่เคียงข้าง ไม่ใช่ว่าเขา
ไม่เคยพยายามจะไขว่คว้ารักมาอีกครั้ง แต่ดูเธอจะไม่แสดงอาการตอบรับ
มากที่สุดคือยอมให้เขาเป็นเพื่อนคู่คิด ไม่มีอะไรเกินเลย เขาได้แต่ไล่คว้าเงา


ใบหน้านั้นยามนี้ดูเปราะบางเหลือเกิน ริ้วรอยของความทุกข์ที่พาดผ่าน
ตามรอยจารของวันเวลา มือแข็งแรงยกขึ้น สั่นเทาตั้งแต่ฝ่ามือจรดปลายนิ้ว
ยามเกลี่ยลงบนผิวหน้าซึ่งบัดนี้เปลี่ยนแปลงไปมาก เธอไม่ใช่หญิงสาวอีกแล้ว
ทรุดโทรมลงตามธรรมชาติ ไม่ต่างจากเขา รอยแห่งความล้าพวกนี้ยืนยันได้ดี

“ฝน กี่รอยกัน? ความทุกข์ที่เกิดขึ้นเพราะพี่... ขอโทษนะ ถ้าเป็นไปได้
พี่อยากให้ฝนกลับไปสดใสเหมือนแต่ก่อน มีชีวิตใหม่ ที่ไม่ใช่แบบนี้”
แต่ตอนนี้ทุกอย่างสายเกินไป มีทางอีกไหมที่จะชดเชยให้

บางวูบ ใจกลับคิดว่าหากเขาได้นอนหลับสนิทเหมือนอย่างตฤณก็ดี
จะมีทางอีกไหมที่ทำให้เขาได้ย้อนไปยังจุดนั้น ทอดกายและหลับตาลงข้างๆมัน
เอ่ยขอโทษในทุกสิ่งที่ทำไป เขาอยากหนีไปยังอนาคต ไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ตรงนี้

ความมืดกำลังกลืนกินดวงตาของเขาให้บอดดับ
ไม่รู้จะไปทางไหน แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาปล่อยเธอไปไม่ได้

“ฝน... อยู่กับพี่นะ อยู่กับพี่” ใช่ เขากำลังบอก ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย
เธอต้องยังอยู่ข้างเขา ถึงจากไปเพียงกาย แต่เขาจะเก็บเธอไว้

กระแสเสียงกดดันสั่นพร่า แรงบีบที่มือเพิ่มขึ้น รุนแรง จนแม้แต่คนไม่ได้สติยังถึงกับกระตุกเยือก

สุดท้ายจะเป็นอย่างไร โชคชะตากำลังยื่นมือมากำหนดงั้นหรือ เหนือผู้พยายามตั้งตนเป็นผู้สร้าง
ก็ยังมีผู้ควบคุมอยู่สูงขึ้นไปอีกต่อ และอาจจะมีขั้นต่อไปไม่สิ้นสุด ตอนจบของเรื่องนี้จะ
ลงเอยแบบไหน คำตอบ อยู่ในอนาคตที่ไม่อาจทำนาย

มือซึ่งไร้เรี่ยวแรงจะต่อสู้กับโชคชะตาเช่นนี้...
นี่หรือ ที่หลงคิดว่าคือมือแห่งพรหมา?



------------------
โปรดติดตาม
บทที่ ๕ คืนฟ้าคำรน


คุณโกลเด้นซันมาแล้ว เดาถูกเรื่องสันตินะคะ
หุหุ อสิตาขอแจ้งข่าวหน่อยว่า เรื่องนี้ที่ในเว็บเด็กดี ลงเกินสิรินดาไปเยอะแล้วค่ะ
ใครอยากอัพเดทแนะนำให้เซิชกูเกิ้ลหา
ตราบสิ้นแสงอัสนี เด็กดี
เพราะตอนนี้ชีวิตไม่ลงตัว การลงนิยายสองที่ทำให้หัวหมุนเพิ่มขึ้นค่ะ
อาจจะขอพักที่นี่ไว้ก่อน ยังไงเรียนเชิญที่เด็กดีนะคะถ้ารักคนเขียน งี้ดๆ
เค้าเหนื่อยยยยจริงๆๆ ตามเค้าไปน้าาาา



อสิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 เม.ย. 2558, 20:03:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 เม.ย. 2558, 20:07:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1017





<< บทที่ ๔ แผนพระพรหม   
บุลินทร 23 เม.ย. 2558, 21:18:23 น.
มิน่าหายไปนาน


lovemuay 23 เม.ย. 2558, 22:44:20 น.
พี่ตฤณหายไปหนาย รีบๆโผล่มาได้แล้ว คนอ่านคิดถึง


พันธุ์แตงกวา 25 เม.ย. 2558, 01:07:03 น.
อ้าว เพิ่งว่าง ว่าจิมาตามอ่านซะหน่อย อะเคร ตามนั้น


Zephyr 27 เม.ย. 2558, 21:46:31 น.
แหงะ ตามไปเวบนู้นกะด้ายยยย


ketza 1 พ.ค. 2558, 14:23:18 น.
ตามไปค้า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account