ความลับ (ที่) ซ่อนเร้น .. หรือจะเป็น ความรัก!(?)
คำถาม .. ที่มีคำตอบ
แต่คำตอบ .. กลับยังคงมากมายด้วยคำถาม

เพราะนิยามในคำหนึ่งคำนั้น
แฝงเร้นซุกซ่อนไว้ซึ่งความลึกลับ
ความซับซ้อนชวนสับสน รอยยิ้มปนเปื้อนคราบน้ำตา
เล่ห์เสน่หาหวานล้ำ และพร้อมจะนำความเจ็บปวดมาให้ .. ได้ทุกเวลา

.. หากว่ามันคือ ความรักที่มากล้น จนกลายเป็น .. ความลับ ! ..
Tags: ความรัก ความลับ

ตอน: บทที่ ๑ .. นานมาแล้ว





ตัวอย่างโกดังจัดเก็บและคัดแยกในศูนย์กระจายสินค้าของบริษัทอาร์อาร์เอส – รุ่งเรืองทรัพย์ค้าปลีก ซึ่งนับเป็นแหล่งรวมเครื่องอุปโภคบริโภคขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ก่อนที่ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นจะถูกลำเลียงขนส่งไปยังร้านค้าสาขาในเขตที่รับผิดชอบ


มันตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าองก์อัมพุท รัชชาภา เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด ผู้กำลังอธิบายข้อมูลสำคัญเบื้องต้น แก่คณะผู้จัดการร้านสาขาพร้อมผู้ช่วยผู้จัดการ ที่เดินทางมาศึกษาดูงานโครงสร้างขององค์กรรวมถึงกระบวนการในการจัดส่งสินค้า ตามที่แต่ละสาขาได้สั่งผ่านระบบออนไลน์ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน แล้วจึงนำทั้งหมดเข้าไปดูขั้นตอนการดำเนินการในโกดังแห่งนี้


หญิงสาวได้รับมอบหมายจาก รวิรุจน์ เธียรทวีป ผู้บริหารฝ่ายการตลาดของอาร์อาร์เอส ให้เป็นตัวแทนบริษัทในฐานะวิทยากรผู้ให้คำแนะนำแก่ร้านค้าสาขาอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า ๓ ปี นับตั้งแต่เข้ามาร่วมงานกับฝ่ายการตลาด ซึ่งเธอก็ทำได้ไม่ขาดตกบกพร่อง


การที่องก์อัมพุทได้มาทำงานที่นี่ นั่นเป็นเพราะเธอได้รับคัดเลือกจากสำนักงานใหญ่ให้มาประจำการยังศูนย์กระจายสินค้านี้ หญิงสาวเป็นผู้ยื่นใบสมัครขอโยกย้ายตำแหน่งด้วยตนเอง ทั้งที่ก่อนหน้าก็ทำหน้าที่เป็นเลขาของผู้จัดการทั่วไปในสำนักงานใหญ่


ส่วนเหตุผลของการยอมละทิ้งตำแหน่งหน้าที่ที่ใครต่างก็คิดว่าสบาย รายได้ดี มีหน้ามีตาในบริษัทนั้น มีเพียงเธอที่รู้ดีกว่าใครทั้งหมด แต่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอธิบายให้คนอื่นเข้าใจ


คับที่อยู่ได้ คับใจอยู่ยาก


หญิงสาวรู้สึกโชคดีที่ตำแหน่งใหม่ไม่สร้างความกดดันแก่เธอมากนัก อีกทั้งเพื่อนร่วมงานยังดูเป็นมิตรมากกว่าที่เดิม แม้จะมีการแข่งขันกันอยู่บ้าง ก็ถือเป็นเรื่องปกติในการขับเคลื่อนองค์กรให้เดินหน้า


ที่สำคัญ เจ้านายคนใหม่อย่าง รวิรุจน์ ถือเป็นผู้บริหารคนหนุ่มไฟแรง เขามุ่งมั่นและตั้งใจทำงานให้ส่วนรวมอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีผลงานต่อการประเมิน สู้กับศูนย์กระจายสินค้าส่วนภูมิภาคอีกหลายแห่ง ภายใต้การกุมบังเหียนของอาร์อาร์เอสสำนักงานใหญ่


การเริ่มต้นใหม่จึงเต็มไปด้วยความท้าทาย และสนุกกับงานไปพร้อมๆกัน


ทว่า เมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง จนกลายเป็นการทำงานแบบเดิม ซ้ำๆในทุกๆวัน ความรู้สึกขององก์อัมพุทก็เริ่มเปลี่ยนไป


งานที่ทำจึงเป็นเพียงหน้าที่ความรับผิดชอบ และมันกำลังจะถึงจุดอิ่มตัว


และเธอก็รู้ใจตัวเองดีที่สุดว่า เวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงกำลังจะมาถึงในไม่ช้า




การศึกษาดูงานและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างตัวแทนของศูนย์กระจายสินค้า และผู้จัดการรวมถึงผู้ช่วยของร้านสาขา สิ้นสุดลงด้วยรอยยิ้มและความประทับใจแก่กันของช่วงบ่าย


องก์อัมพุทกล่าวขอบคุณและมอบของที่ระลึกซึ่งได้ถูกจัดเตรียมไว้เป็นอย่างดี ก่อนที่จะอำลาและส่งทุกคนออกจากศูนย์กระจายสินค้าแห่งนี้


พลันสีหน้ายิ้มแย้มมาตลอดวันตั้งแต่เช้าก็แปรเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่ง ฉายให้เห็นความเหน็ดเหนื่อยอย่างแจ่มชัด หากว่าใครบังเอิญผ่านมาเห็นเธอในขณะนี้ก็คงเข้าใจได้ถึงความอ่อนล้าเหลือกำลัง


หญิงสาวยกมือขึ้นลูบหน้าเบาๆ ปรับความรู้สึกให้เข้าที่ เพราะเธอยังต้องกลับไปที่ออฟฟิศเพื่อสรุปผลงานวันนี้ แล้วส่งให้รวิรุจน์เจ้านายของเธอประเมินอีกด้วย


ถ้าไม่ติดว่าตัวขององก์อัมพุทเองก็มีหน้าที่ส่งเสริมภาพลักษณ์ของอาร์อาร์เอส ตอนนี้สิ่งที่อยากจะทำที่สุดคือ ถอดรองเท้าส้นสูงสองนิ้วครึ่งออกแล้วเขวี้ยงมันให้สุดแรง ถอดเสื้อผ้าอาภรณ์ชุดเนี้ยบเรียบหรูออกจากเรือนกายกลมกลึง แล้วลงไปแช่น้ำในอ่างปล่อยอารมณ์จนกว่าจะผ่อนคลายเสียให้รู้แล้วรู้รอด





ประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาองก์อัมพุทก็นั่งประจำที่เพื่อพิมพ์รายงานและผลสรุปการประเมิน เพราะหวังจะส่งให้แก่รวิรุจน์ได้ทันก่อนเวลาห้าโมงเย็น และด้วยความรอบคอบไม่อยากเสียเวลา เธอจึงจัดทำขั้นตอนและรายละเอียดที่เตรียมไว้ล่วงหน้าอย่างเรียบร้อย นอกเหนือจากนี้ก็เป็นการเพิ่มความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมอบรมประกอบในรายงานเพื่อความสมบูรณ์


องก์อัมพุทตั้งหน้าตั้งตาอยู่กับกองกระดาษข้อมูล และจดจ่อกับการกรอกรายละเอียดต่างๆลงโปรแกรม ทั้งในส่วนประมวลผลหาค่าเฉลี่ยตัวเลขและคำนวณเปอร์เซ็นต์ในหัวข้อที่ตั้งขึ้น สิ่งเหล่านี้ถือเป็นประโยชน์สำหรับนำมาวิเคราะห์ ทั้งเป็นแนวทางที่จะปรับปรุงพัฒนาในด้านการตลาดและการจัดการคลังสินค้า


หญิงสาวเพลิดเพลินกับงานจนไม่รู้ตัวเลยว่า มีใครก้าวเข้ามายืนใกล้ๆ กระทั่งได้ยินเสียงถามออกมา


“ยังไม่เตรียมตัวกลับบ้านอีกเหรอครับ คุณพุด”


“ใกล้แล้วค่ะ กำลังเร่งสรุปงานเจ้านายน่ะล่ะค่ะ”


องก์อัมพุทเงยหน้าขึ้นมองรวิรุจน์ผู้เป็นเจ้าของคำถาม เธอยิ้มให้เขาพร้อมตอบข้อสงสัยทันที


“ไม่เห็นต้องรีบเลย พรุ่งนี้มะรืนนี้ก็ได้ ผมรอ .. คุณได้เสมออยู่แล้ว”


รวิรุจน์ก้มลงสบตาลูกน้องสาวคนเก่งก่อนใช้คำพูดดังซ่อนนัยยะ แต่ด้วยท่าทีเรียบนิ่งที่แสดงออก ทำให้องก์อัมพุทไม่ได้ตีความหมายอะไร เพราะมันจะดูเหมือนเข้าข้างตัวเองเกินไป .. แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เธอไม่คิด


หญิงสาวพอจะมองสายตา และคาดเดาอากัปกิริยาของเจ้านายโดยตำแหน่งคนนี้ออกว่า ตนไม่ได้คิดไปเอง!


“ไม่ได้หรอกค่ะ ดิฉันไม่อยากให้มีงานคั่งค้าง เดี๋ยวจะเที่ยวไม่สนุก”


“เที่ยว? .. หมายความว่ายังไงครับ”


ชายหนุ่มงันไปเล็กน้อยอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะถูกตัดบทด้วยเรื่องงานเสียก่อน เมื่อหญิงสาวยกข้อมือข้างหนึ่งขึ้นมาดูนาฬิกาที่ผูกไว้


“อีกไม่เกิน ๔๐ นาที ดิฉันจะนำแฟ้มสรุปงาน กับคำตอบและเหตุผลที่เจ้านายถามไปให้นะคะ”


รอยยิ้มละมุนกับคำพูดที่ราวกับยืนยันความประสงค์กลายๆนั้น ทำให้รวิรุจน์ไม่อาจขัดความตั้งใจทำงานขององก์อัมพุทได้


คนเป็นเจ้านายจึงผงกศีรษะเล็กน้อยรับรู้ แล้วผละจากโต๊ะทำงานของเธอ เดินผ่านเลยไปยังห้องทำงานของเขาแทนที่จะทู่ซี้อยู่ให้อีกฝ่ายจับพิรุธในความรู้สึกได้





ระหว่างทางที่กำลังขับรถกลับบ้านย่านชานเมือง ไม่ไกลจากศูนย์กระจายสินค้าเท่าใดนัก องก์อัมพุทก็อดอมยิ้มกริ่มอย่างอารมณ์ดีไม่ได้ กับเรื่องราวหลังจากเธอนำแฟ้มสรุปงานเข้าไปให้รวิรุจน์


เรื่องงานผ่านไปด้วยดีไม่มีปัญหา แถมเจ้านายยังย้ำคำเดิมที่เคยบอกไว้ว่า ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน


แต่พอหญิงสาวยื่นกระดาษสีขาวที่มีตัวอักษรแบบฟอร์มการขอลางาน ตามระเบียบการของบริษัท สีหน้าของรวิรุจน์ก็เปลี่ยนไปทันที


‘ที่จริงดิฉันควรยื่นใบลาตั้งแต่ต้นเดือนเพื่อขออนุมัติ แต่คิดว่าควรจะเคลียร์งานให้เรียบร้อยก่อน จนใกล้เวลาถึงเพิ่งนึกได้ เจ้านายคงไม่ว่าอะไรนะคะ’


‘ตั้ง ๗ วันเลยหรือครับ’


รวิรุจน์เพ่งมองระยะเวลาสลับกับใบหน้าเนียนแต่งแต้มสีสันแบบธรรมชาติ ซึ่งดูเหมาะกับบุคลิกขององก์อัมพุทมากทีเดียว


มีเพียงเสียงเปรยถามถึงจำนวนวันที่คนยื่นใบลาได้ยิน แต่สุดท้ายเธอก็ได้รับการอนุมัติใบลาด้วยลายเซ็นของรวิรุจน์นั่นเอง


องก์อัมพุทอยากจะตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับความรู้สึกของชายหนุ่ม แต่คิดว่าเงียบไว้จะเป็นการดีกว่า เพราะเธอไม่ต้องการให้สิ่งที่คิดเกิดขึ้นอีก


หญิงสาวยังอยากทำงานที่นี่ร่วมกับเขาต่อไปเรื่อยๆก่อน .. ด้วยเหตุผลที่ว่าการวางตัวให้มีระยะห่างกับเจ้านาย กก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน


ยังไม่ทันที่องก์อัมพุทจะเลี้ยวรถยนต์เข้าซอยหมู่บ้านเสียงเพลงจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น หน้าจอวับวาบเข้ากับจังหวะคึกคักของท่วงทำนอง จนเธออมยิ้มไปด้วยเพราะเจ้าของหมายเลขนี้เลือกเพลงประจำตัวด้วยตัวเอง


“ว่าไงเภา”


หญิงสาวกดรับและทักทายออกไป ขณะชะลอรถยนต์เข้าข้างทางเพราะไม่ต้องการโทรศัพท์ทั้งที่ยังขับรถอยู่


“ไม่ว่าไง แต่แกลางานได้ไหมล่ะ ฉันขอล่ะนะมาช่วยหน่อย แค่อาทิตย์เดียวแล้วหลังจากนั้น ฉันยินดีตอบแทนบุญคุณอันใหญ่หลวงครั้งนี้อย่างเต็มที่เลย”


เภตรากรอกเสียงถามมาชนิดที่คนฟังรู้ดีว่า ฝากความหวังไว้กับเธอมากแค่ไหน นั่นเป็นเพราะมีเรื่องที่จำต้องเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากเพื่อนสนิท


“ได้สิ และเต็มใจช่วยแกด้วย .. ว่าแต่ นานแล้วนะที่ไม่ได้เจอแกเลย นอกจากคุยกันทางโทร.แบบนี้”


“อืม นานจริงๆ ก็ตั้งแต่พี่ชายแกหักอกฉันนั่นล่ะ”


องก์อัมพุทไม่ได้ตั้งใจจะทำให้เภตรารู้สึกแย่ไปกว่านี้ ถึงมันจะเป็นเรื่องจริงแต่มันก็ผ่านมานานแล้วเช่นกัน หญิงสาวอดที่จะถามตามประสาเพื่อนที่ห่วงใยไม่ได้ ทั้งที่รู้ดีว่าเภตราถูกเมฆพัดปฏิเสธจะคบหาดูใจ ด้วยเหตุผลที่เภตราออกปากลั่นพร้อมรอยน้ำตาแห่งความเสียใจว่า เป็นเหตุผลที่งี่เง่าที่สุด


“แกยังไม่ลืมพี่พัดอีกเหรอ”


“เป็นแก .. แกจะลืมรักครั้งแรกได้ไหมล่ะพุด”


คำถามกลับที่ทำเอาองก์อัมพุทอ้ำอึ้งไป แม้จะเห็นใจเพื่อนอยู่มาก แต่ก็เข้าใจดีว่าเพราะอะไรพี่ชายของเธอจึงทำเช่นนั้น ความเงียบจึงเป็นตัวช่วยชั้นดีที่ทำให้อีกฝ่ายเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เพราะไม่อยากคิดถึงความไม่สมหวังครั้งแรกนั้นเช่นกัน


“ช่างเหอะ .. ฉันผิดเองที่เด็กกว่าเขา แถมเป็นเพื่อนของน้องสาวเขาอีก”


“แกจะเลิกเป็นเพื่อนกับฉันมั้ยล่ะ”


องก์อัมพุทเผลอกล่าวคำที่ฟังดูเหมือนน้อยใจ แต่เภตรากลับหัวเราะสดใสมาให้ได้ยินก่อนเอ่ยประโยคที่ทำให้เพื่อนยิ้มและหัวเราะไปด้วยกัน


“ถ้าเลิกคบกับแก .. ฉันก็อดรู้ความเป็นไปของอดีตว่าที่แฟนคนเดียวของฉันน่ะสิ ว่าตอนนี้ เขายังโสด ยังไม่มีพันธะใดๆ”


“สรุปคือ ไม่เข็ด ว่างั้น”


“คนเรามันต้องมีความหวังนะ พุด .. แล้วตอนนี้ฉันไม่ใช่เด็ก ๑๘ ที่เดินไปบอกผู้ชายโต้งๆว่าชอบ อย่างที่เคยทำกับพี่แกนะ”


เภตราเล่าถึงอดีตที่พอกลับมาทบทวนทีไรก็ไม่รู้ว่า ตนทำไปได้อย่างไรกับความกล้า ก๋ากั่นขนาดนั้น


แต่ยิ่งพอโตขึ้นรู้จักรับผิดชอบมากขึ้นแล้วหันไปมองตัวเองในวันที่ผ่านเลยอีกครั้ง ก็พอจะเข้าใจแล้วว่า ความเสียใจที่เกิดขึ้นจากการถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยของเมฆพัด แท้จริงมันคือความปรารถนาดีของเขา ที่ต้องการให้เธอทุ่มเทให้กับการเรียนมากกว่า .. แล้วอย่างนี้ เธอจะตัดใจได้หรือ


“โอเค ถ้าวันไหนพี่พัดพาสาวมาแนะนำตัว ฉันจะรีบบอกแกคนแรกเลย .. ดีมั้ยเพื่อน”


“ไม่เอาแล้ว แกนี่ไม่รักเพื่อนเลย .. ไว้เจอกันวันเสาร์นะ ฉันจะใช้งานให้สาสมกับความหวังดีเชียว”


องก์อัมพุทหัวเราะคิกทีเดียว กับเพื่อนคนอื่นอาจมีติดต่อกันบ้าง แต่กับเภตราแม้จะไม่ได้ไปมาหาสู่กันบ่อยนัก เพราะเจ้าตัวรับช่วงกิจการของครอบครัวอยู่ต่างจังหวัด นานๆถึงจะคุยกันเสียหนหนึ่ง ทว่า ความเป็นเพื่อนก็ไม่เคยเจือจางแม้แต่น้อย


“นี่ อันนี้ถามเอาชัวร์นะ โรงเรียนอนุบาลของแก จะได้ครูมาใหม่แล้วแน่ๆใช่มั้ย ไม่ใช่ว่าให้ฉันไปช่วยอาทิตย์หนึ่ง เกิดเขาไม่มา แกจะทำยังไง”


“ก็จ้างแกไง .. เอาน่า ให้พ้นอาทิตย์หน้าไปก่อน ท่านผู้อำนวยการอนุบาลท่องนทีคงมีทางออก”


หญิงสาวยิ่งขำไปกับคำพูดทีเล่นทีจริงของท่านผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลอย่างเภตรามากขึ้น แต่เธอพอจะรู้ว่า จริงๆแล้วเพื่อนของเธอคงเคร่งเครียดจนหาทางออกไม่ได้นั่นล่ะ จึงต้องอาศัยไหว้วานเธอด้วยความจำเป็น


“ถ้าอย่างนั้น เจอกันวันเสาร์นะเภา แค่อาทิตย์เดียวแล้วก็ปิดเทอมเลยใช่มั้ย .. ถือว่า ต่ออายุแกได้เลยนะเนี่ย”


“ขอบใจมากพุด .. ฉันสัญญาจะทำตัวเป็นเพื่อนและพี่สะใภ้ที่ดี .. ถ้ามีโอกาส นะจ๊ะ”


สองสาวร่ำลากันอีกไม่กี่คำต่างก็วางสายไป องก์อัมพุทมีแต่รอยยิ้มระบายเกลื่อนใบหน้า ก่อนจะบังคับขับเคลื่อนรถยนต์ออกจากข้างทาง มุ่งไปยังปากซอยหมู่บ้านที่อยู่ข้างหน้านี้เอง





บ้านเดี่ยวชั้นเดียวขนาด ๑๑๐ ตารางเมตร คือที่พักอาศัยขององก์อัมพุทมานานกว่า ๓ ปี นับแต่ย้ายมาทำงานแผนกการตลาดที่ศูนย์กระจายสินค้าของอาร์อาร์เอส


เมฆพัดเป็นคนแนะนำบ้านหลังนี้แก่เธอ โดยบอกว่า เรื่องค่าเช่าเขาจะจัดการเอง ให้น้องสาวอยู่อย่างสบายใจ แต่เธอไม่ยอม ยืนกรานจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง และด้วยความที่ถูกอกถูกใจสไตล์การออกแบบตกแต่งบ้าน หญิงสาวจึงขอให้พี่ชายไปเจรจากับเจ้าของเพื่อขอซื้อ หากว่าบ้านหลังนี้มีเพื่อการปล่อยเช่า


เพราะความดื้อรั้นและช่างตื๊อขององก์อัมพุท ในที่สุด เมฆพัดก็ยอมรับว่า บ้านหลังนี้เป็นของเขาที่ซื้อทิ้งไว้นานแล้ว แต่ที่ไม่บอกคนในครอบครัวเป็นเพราะเขาเองก็ไม่ค่อยได้ใช้งานมากนัก ถ้ามีเวลาหยุดพักจะตรงกลับบ้านไปหาละอองชล มารดาของพวกเขามากกว่า


แล้วความบังเอิญในเรื่องหน้าที่การงาน จับพลัดจับผลูให้องก์อัมพุทต้องมาอยู่ย่านนี้ เมฆพัดจึงยินดีที่บ้านของเขาจะกลับมาเป็นบ้านจริงๆ .. บ้าน ที่มีคนอยู่อาศัยแล้วคืนชีวิตคืนความหมายให้คำว่าบ้านเสียที


หลังจอดรถหน้าประตูรั้วเตรียมลงไปเปิดมันเพื่อนำรถเข้าบ้าน ก็ต้องแปลกใจอยู่กับที่นั่งคนขับ เมื่อประตูค่อยๆเลื่อนออกจนสามารถขับผ่านเข้าไปได้


ไม่ต้องบอกก็รู้ได้ว่า พี่ชายคนเดียวของเธอกลับมาบ้านวันนี้


องก์อัมพุทไม่รอที่จะดับเครื่องยนต์แล้วลงจากรถ เธอลดกระจกข้างลงแล้วส่งเสียงถามออกไปทันทีที่เห็นร่างสูงกำยำ ที่มั่นใจได้ว่าจะต้องอุดมมัดกล้ามภายใต้เสื้อยืดเนื้อบางกับกางเกงโทเลสามส่วน ลากรองเท้าแตะก้าวไปคล้องกุญแจรั้วแขวนไว้


“พี่พัด .. มาได้ยังไงเนี่ย ไม่โทร.บอกเค้าก่อน จะได้ซื้อกับข้าวเข้าบ้าน”


เมฆพัดยิ้มร่าเดินตามรถยนต์คันงามสีครามหม่นของน้องสาวมาหยุดตรงด้านคนขับ พลางยกมือกร้านแกร่งขึ้นยีผมซอยสไลด์ที่ยาวระต้นคอจนเสียทรงอย่างหมั่นเขี้ยว


“มาดูบ้านน่ะสิ ว่าคนอาศัยดูแลดีรึเปล่า”


“โหย ไม่ต้องเลย .. เคยถามแล้วนี่นาว่า จะเอาไว้เป็นเรือนหอมั้ย ก็ไม่ยอมรับ เค้าก็ยึดบ้านหลังนี้สิ สวยขนาดนี้ ไม่คืนให้พี่พัดหรอก”


สรรพนามแทนตัวอย่างน่ารักขององก์อัมพุทแสดงถึงความสนิทสนมรักใคร่ต่อพี่ชายของเธอ พอๆกับที่เมฆพัดก็รักและเป็นห่วงน้องสาวไม่น้อยกว่ามารดา


ใจจริงของทั้งคู่ก็อยากรับละอองชลมาอยู่ด้วยกัน แต่ด้วยความที่มารดารักบ้านเกิดของท่านมาก สองพี่น้องจึงทำได้แค่พยายามกลับไปหาให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้


เพราะครอบครัวมีกันอยู่แค่สามคนแม่ลูก ทั้งองก์อัมพุทและเมฆพัดต่างก็เติบโตมาได้ด้วยความเหนื่อยยากลำบากกายของมารดาเพียงคนเดียวเท่านั้น


ส่วนบิดาผู้ให้กำเนิด .. เขาก็เป็นแค่คนที่ทำให้เด็กทั้งสองเกิดมา .. แค่นี้จริงๆ





“พี่พัดจะกลับบ้านไปหาแม่มั้ย”


องก์อัมพุทถามขึ้นขณะกำลังล้างจานอยู่ในครัว เมฆพัดก็ช่วยเก็บกวาดทำความสะอาดโต๊ะอาหารที่ผ่านการใช้งานไปเมื่อครู่นี้


“คงยังหรอก คราวนี้พี่ได้พักเตรียมตัววันเดียว พรุ่งนี้ต้องเดินทาง”


“พี่พัด .. เค้าถามจริงๆนะ พี่พัดทำงานอะไรกันแน่ ตั้งแต่สมัยเรียนแล้ว เค้าก็รู้แค่ว่าพี่เรียนวนฯ แต่ไม่เห็นพี่พัดจะสมัครสอบหรือทำงานแบบพวกป่าไม้ฯเลย”


คนเป็นน้องสาวพูดถึงคณะวนศาสตร์ที่พี่ชายเคยได้ร่ำเรียนเมื่อนานกว่า ๑๐ ปี ก่อนหยุดภารกิจทำความสะอาดกะทันหัน เอี้ยวตัวกลับมาถามอย่างจริงจัง ไม่ว่ากี่หนพอคุยกันถึงเรื่องงานของเมฆพัดทีไร อีกฝ่ายก็บ่ายเบี่ยงไม่ยอมตอบ


“เอาน่า .. งานพี่ไม่ได้ผิดกฎหมาย หรือทำให้ใครเดือดร้อน”


“ก็แบบนี้ทุกที .. หรือว่า ที่บอกไม่ได้แล้วต้องเดินทางบ่อยเนี่ย เพราะแอบซุกลูกเมียไว้ไม่ยอมบอก ใช่มั้ยพี่พัด”


น้ำเสียงคาดคั้นของน้องสาวทำเอาพี่ชายหัวเราะลั่นกับความคิดแบบคนหวงพี่ แล้วเขาก็ปฏิเสธอย่างเคย


“ไม่มีหรอก .. พี่ง่วงแล้ว ทำอะไรเสร็จเรียบร้อยก็พักผ่อนนะ พรุ่งนี้ตื่นมาคงไม่เจอพี่หรอก ฝันดีนะ ... น้องรัก”


คำตอบหนักแน่นของเมฆพัดกับคำบอกลาล่วงหน้า ทำให้องก์อัมพุทพูดไม่ออกกลอกตาไปมา บอกไม่ถูกว่าควรจะเชื่อตามนั้นดีหรือไม่


แต่เธอก็เลือกที่จะเชื่อ .. เชื่อใจพี่ชายคนเดียวของเธอ เพราะเขาไม่เคยโกหก แม้จะไม่ยอมบอกตรงๆเรื่องส่วนตัวของเขา


ไม่เคยทำให้เธอและแม่เสียใจ เหมือนกับผู้ชายอีกคน


ทั้งที่เรื่องมันก็นานมาแล้ว .. นานพอที่ควรจะเลือนรางไปตามกาลเวลา แต่เธอก็ไม่มีวันลืมผู้ชายคนนั้นได้ลง


ผู้ชายที่เดินออกจากครอบครัวไปอย่างไม่ไยดี .. ทั้งๆที่ได้ชื่อว่า .. พ่อ





องก์อัมพุทตื่นแต่เช้ารีบทำธุระส่วนตัวเตรียมไปทำงาน และหวังจะได้ไปส่งเมฆพัดระหว่างทาง แต่ก็ยังไม่ทันอยู่ดี นั่นหมายความว่า พี่ชายของเธอออกจากบ้านไปแล้วก่อนฟ้าสว่าง


หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจ เดินเข้าครัวไปหาอะไรรองท้องก่อนออกไปทำงาน


เนื่องจากวันนี้เป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ การแต่งกายของเธอจึงสบายๆดูลำลองมากกว่าเมื่อวาน ที่ต้องแต่งตัวมากหน่อย


แต่นั่นไม่สำคัญเท่าเสื้อผ้าข้าวของ ที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตที่โรงเรียนอนุบาล หรือบ้านของเภตราซึ่งถูกจัดเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน


องก์อัมพุทกะว่าหลังจากเลิกงาน เธอจะออกจากบริษัทแล้วตรงดิ่งไปหาเพื่อนทันที อย่างน้อยก็จะได้มีเวลาคุยกับเภตราถึงเรื่องงาน และอื่นๆตามประสา ก่อนที่จะเริ่มต้นวันจันทร์ด้วยการเป็นครูพี่เลี้ยงของเด็กๆแบบชั่วคราวอีก ๕ วันหลังจากได้กลับมาพักผ่อนในวันเสาร์และอาทิตย์


“พี่พุด ได้ข่าวว่าลาพักร้อนตั้ง ๗ วันเหรอคะ จะไปเที่ยวไหนเอ่ย ไปกับแฟนรึเปล่า”


แก้วกาญจน์ เจ้าหน้าที่ธุรการรุ่นน้องคนหนึ่งในออฟฟิศถามขึ้นอย่างอยากรู้ เพราะบังเอิญได้เห็นเอกสารที่ไปช่วยฝ่ายบุคคลคัดแยก ทำให้ได้ทราบเรื่องส่วนตัวเกี่ยวกับการขาด ลา มาสายของหลายๆคน


“รู้ได้ยังไงจ๊ะ ว่าพี่จะไปเที่ยว”


หญิงสาวแกล้งดักคอไปอย่างนั้น แม้จะไม่ชอบเท่าไรที่ใครจะมาละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว แต่ถ้าแสดงออกมาตามใจคิดก็คงไม่ดี เพราะไม่ใช่เรื่องแปลกที่ในสถานที่ทำงาน จะมีคนชอบหรือสนใจเรื่องของคนอื่น มากกว่าการทำงานในหน้าที่ของตน


แต่คนที่ยังไม่รู้ตัวยังคงเจื้อยแจ้วไม่หยุดหย่อน คิดเอาเองว่า ไม่ใช่ความลับอะไรกับสิ่งที่ได้เห็นมา เพราะถ้าฝ่ายบุคคลไม่อยากให้ใครรู้ คงไม่เรียกธุรการอย่างเธอไปช่วยแน่ๆ


“ก็ลาตั้งเยอะ ส่วนใหญ่เขาก็ไปเที่ยว ไม่งั้นก็ไม่พ้น งานบวช งานแต่ง งานศพ .. ใช่มั้ยล่ะคะพี่พุด”


“อืม .. เอาไว้งาน .. คนอื่นเถอะจ้ะ ถ้าแก้วจำเป็นเดี๋ยวฝ่ายบุคคลคงประกาศงานของแก้วให้รับรู้กันทั้งบริษัท”


องก์อัมพุทจงใจละงานที่แก้วกาญจน์พรั่งพรูออกมา แต่บอกความนัยชัดเจนว่า มีงานประเภทเดียวเท่านั้น ที่จะมีการประกาศให้รับทราบทั่วกัน .. คือ งานศพ


คำพูดตอบกลับมาเรื่อยๆสีหน้ายิ้มๆไม่ได้ออกอาการรำคาญใจใดๆ จึงไม่ทำให้แก้วกาญจน์ผิดสังเกต หรือสงสัยอะไร อีกทั้งองก์อัมพุทก็หันหน้าไปจดจ่อกับงานแล้ว เธอเลยจำใจต้องกลับไปทำงานของตนบ้าง


กระทั่งองก์อัมพุทรู้สึกว่ากำลังถูกใครบางคนมองใกล้ๆ หญิงสาวจึงหันไปตามทิศทางนั้น ก็พบสายตาของรวิรุจน์ที่มุ่งตรงมายังเธอ ก่อนตัวเขาจะก้าวมายืนตรงหน้า


“อบรมผู้จัดการร้านรอบสัปดาห์หน้า คนที่เคยมาแล้วเจอคุณ คงแปลกใจแน่ๆ ว่าคุณพุดไปไหน”


องก์อัมพุทเพียงแต่ยิ้มบางๆ ไม่พูดอะไร จนชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายเม้มปากเล็กน้อย แต่ครู่เดียวอาการนั้นก็หายไป ก่อนจะเอ่ยอีกครั้ง


“พักร้อนสัปดาห์หน้า ขอให้สนุก .. กับคนรู้ใจนะครับ”


“ขอบคุณค่ะ”


หญิงสาวรับคำอวยพรอย่างไม่ปฏิเสธ และไม่สนใจจะขยายความใดๆถึงเรื่องที่จะได้พบคนรู้ใจดังคำพูดของชายหนุ่ม


คนพูดมีความหวังลึกๆว่า เธอจะแก้ต่างสถานะตนเองให้กระจ่าง เมื่อผิดคาดไปจึงได้แต่ยืนนิ่งราวหุ่นปั้น โดยที่อีกฝ่ายไม่คิดรับรู้ด้วยว่า หัวใจของรวิรุจน์มันร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่มแล้ว









***************************************************************





โปรดติดตามตอนต่อไป ..



****

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 เม.ย. 2558, 13:57:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 เม.ย. 2558, 13:57:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1298





<< บทนำ .. ณ กาลครั้งหนึ่ง   บทที่ ๒ .. ยังมีเรื่องราว >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account