ทัณฑ์สวาทจอมเถื่อน
“คนทั้งโลกคงหยาบคายอย่างนี้รึเปล่าถึงได้มีลูกหลานสืบพันธุ์ออกมาจะล้นโลกอยู่แล้ว
ผมหยาบคายจนทำให้คุณครางได้แบบนี้แล้วจะไปบอกตำรวจยังไงกันคิตตี้ ฮึ?”


ทันทีที่ ‘อเตต้าร์ เมนดิส โดส ซานโตส โอลีเวย์ร่า’ ได้เห็นใบหน้าเย้ายวนของ
‘มนตร์ลดา’ แม่พยาบาลสาวผู้เป็น ‘อนุ’ ของพี่ชายกำลังมั่วอยู่ในบาร์เหล้าที่เต็มไปด้วยผู้หญิงหากิน
มหาเศรษฐีหนุ่มเจ้าของธุรกิจไวน์ก็หมดความอดทนจนต้องลากเธอเข้าห้อง
เพื่อพิสูจน์ลีลาที่เธอใช้ล่อลวงพี่ชายเขาเสียจนอยู่หมัด
แต่กลับพบว่าเธอเป็นแค่เมียน้อยจอมปลอมที่ยังไม่เคยผ่านมือชายมาก่อน
แถมยังฤทธิ์แรง เหวี่ยงสะบัด
ขนาดประกาศกร้าวว่าจะลากคอเขาเข้าตะรางในข้อหากระทำชำเราให้ได้
โดยไม่มีแม้แต่เสียงคร่ำครวญหรือน้ำตาสักหยด


แต่ยังไม่ทันตกลงกันได้ แม่สาวน้อยผู้คาดเดาได้ยากก็หายตัวไปเฉยๆ
ทิ้งให้เขางุนงงว่าตกลงเธอจะเอายังไงกันแน่... ผู้ชายอย่างอเตต้าร์ไม่เคยถูกใครปั่นหัว
ยิ่งกับไก่อ่อนที่เพิ่งจะเสียความสาวครั้งแรกอย่างนี้ด้วย... และดูเหมือนโชคจะเข้าข้าง
เมื่อภรรยาคืนเดียวที่เคยเสียสาวให้เขากลับมาติดบ่วงเสียเอง พร้อมอ้อนวอนขอความช่วยเหลือ
อเตต้าร์จึงฉวยโอกาสนี้บีบบังคับให้เธอเดินเข้ามาสู่ข้อตกลงอันตรายที่เร่าร้อน รัญจวนใจ
เพื่อตอกย้ำให้มนตร์ลดารู้ว่า เมื่อขึ้นมาอยู่บนเตียงของเขาแล้ว อย่าได้คิดที่จะก้าวลงเด็ดขาด
โดยเฉพาะเมื่อเขาติดใจเธอขนาดนี้
เขาก็จะไม่ยอมให้ใครได้ชิมความสาวของเธอเป็นการทับรอย!


“ลืมตาสิคนสวย... อย่าต่อต้านแล้วมันจะไม่เจ็บ หรือชอบให้ผมคลึงไปด้วยแบบนี้ ฮึ?”
“ไอ้คน-ชั่ว-ช้า!” มนตร์ลดาต้องลืมตาตามที่เขาสั่ง หากต้องอ้าปากค้างเมื่อไอ้คนชั่วช้ายิ้มพราย
จ้องมองเธอพร้อมทำเสียงครางซี้ดซ้าดไม่หยุดปาก
“ห้ามมองนะ!!”
“ไม่รู้สึกตัวช้าไปหน่อยเหรอคิตตี้... แค่มองมันไม่สึกหรอหรอกน่า...
ผมทั้งจูบทั้งชิมมาแล้ว ก็ยังอยู่ครบถ้วนเหมือนเดิมนี่”
“ปากเสีย!”
“ปากจัด! ทีเมื่อกี้ไม่เห็นพูดอย่างนี้เลย ครางอ๋อย... อย่างเดียว”
อเตต้าร์สวนกลับทันควัน
Tags: อเตต้าร์ - มนตร์ลดา

ตอน: ตอนที่ 2 100%

วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่มนตร์ลดาจะทำงานอยู่ในโรงพยาบาลแห่งนี้ ดูเหมือนว่าหลังจากที่หญิงสาวยื่นใบลาออกแล้วก็ไม่ได้ถูกระรานจากเซเรน่าอีกเลย แต่กลับต้องมาตอบร้อยแปดคำถามของคุณหมอปาโต้อย่างไม่จบสิ้น สุดท้ายมนตร์ลดาจนต้องขอความช่วยเหลือจากลูลา เพื่อนรุ่นพี่ที่คอยให้คำแนะนำอันดีเสมอออกหน้ารับแทน เพราะกลัวว่าจะเผลอแสดงความรำคาญใจออกมาให้คุณหมอหนุ่มใหญ่ได้เห็น

“ผมเห็นหลังของมิ้นต์ไวๆ เธอหายไปไหนซะล่ะครับ?” ปาโต้เอ่ยถามลูลา พยาบาลหุ่นเจ้าเนื้อที่ยืนอยู่หน้าเคาน์เตอร์พยาบาล พร้อมทั้งชะโงกหน้ามองข้ามไปด้านหลังของเธอ เมื่อคิดว่าเห็นแผ่นหลังของสาวสวยที่ตนเองหมายตาไว้

“มิ้นต์ออกเวรไปตั้งแต่ตอนเย็นแล้วนะคะ แล้ววันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายที่เธอจะทำงานที่นี่ด้วย เธอกลับไปได้เกือบสองชั่วโมงแล้วค่ะ” ลูลาตอบคุณหมอปาโต้ด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจกับอาการชะเง้อมองของคุณหมอ

“แต่ผมเห็นมิ้นต์เดินเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้านั่น!” ปาโต้ชี้นิ้วไปที่ด้านหลัง มันเป็นห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าของเจ้าหน้าที่หญิงในตึกนี้

“ตาฝาดน่ะสิคะ คุณหมอเพิ่งออกจากห้องผ่าตัดมาคงเหนื่อยก็เลยมองพลาดไป ดิฉันว่าคุณหมอไปหาอะไรทานหน่อยดีมั้ยคะ เมื่อกี้คุณเซเรน่าเธอฝากบอกว่า ถ้าคุณหมอปาโต้ออกจากห้องผ่าตัดแล้วให้ไปเจอกันที่ห้องอาหารค่ะ เธอจะรออยู่ที่นั่น” พอเจอมุกนี้ของลูลาเข้าคุณหมอปาโต้ถึงกับทำหน้าหน่ายใจ! มันก็ดีหรอกถ้าจะตกลงปลงใจกับเซเรน่า เพราะเธอห่วงใยเอาใจใส่เขาและลูกชายเป็นอย่างดีแต่ความเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจของเธอนั้นมันทำให้เสน่ห์หดหายไปในทันตาเมื่อเทียบกับความร่าเริงสดใสของมนตร์ลดา

คุณหมอหนุ่มใหญ่ส่ายหน้าพร้อมถอนใจเฮือกใหญ่ ตัดใจเดินไปยังห้องอาหารชั้นล่างสุดของโรงพยาบาล ก็ใครบ้างอยากจะมีปัญหากับลูกสาวเจ้าของโรงพยาบาลในขณะที่ตัวเองมีฐานะเป็นแค่ลูกจ้างคนหนึ่งเท่านั้น!!

“มิ้นต์... มิ้นต์ ออกมาได้แล้ว คุณหมอปาโต้ไปแล้ว” ลูลาพยาบาลสาวใหญ่เอ่ยเรียก เมื่อเห็นว่าคุณหมอปาโต้เดินลงบันไดไปแล้ว สิ้นเสียงของเธอใบหน้าสวยหวานกระจ่างตาจึงค่อยๆโผล่ออกมาจากหลังประตูบานใหญ่

“ปลอดภัยแล้วนะคะ?” มนตร์ลดาย้ำถามเพื่อความมั่นใจ เมื่อได้รับการพยักหน้าจากลูลาแล้วหญิงสาวจึงเดินออกมาทรุดตัวนั่งลงข้างๆลูลา “เฮ้อ... นึกว่าจะไม่รอดซะแล้ว ถ้าพี่ลูลาไม่บอกว่าคุณเซเรน่ารออยู่ข้างล่าง คุณหมอคงเข้าไปตามมิ้นต์ถึงข้างในแน่”

ลูลาพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของพยาบาลสาวรุ่นน้อง สิ่งหนึ่งที่ทำให้ลูลาประทับใจและเอ็นดูเธอก็คือการมีสัมมาคารวะ อ่อนน้อมถ่อมตน ตั้งแต่รู้จักกันมามนตร์ลดาจะเรียกเธอว่าพี่ทุกคำ นี่คงเป็นเอกลักษณ์ของสาวไทยผู้มีมารยาทงามเป็นที่โด่งดังไปทั่วโลกสินะและเธอก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้เหลือเกิน “ช่างเถอะ... อีกไม่นานมิ้นต์ก็ไม่ต้องอึดอัดใจแบบนี้แล้ว อดทนเอาไว้สาวน้อย แล้วนี่มิ้นต์ยังเหลือเฝ้าไข้พิเศษอีกใช่ไหม?”

“ค่ะ วันนี้ถือเป็นวันสุดท้ายที่มิ้นต์จะทำงานที่นี่ แต่มิ้นต์รับเฝ้าไข้พิเศษไว้อยู่เคสนึงค่ะ วันอาทิตย์คุณหมอน่าจะอนุญาตให้คนป่วยกลับบ้านได้ ถึงตอนนั้นมิ้นต์ก็จะได้กลับไปอยู่กับแม่ที่รีโอเดอจาเนโรสักที”

“แล้วมิ้นต์หางานใหม่ได้รึยัง?” ลูลาถามด้วยความเป็นห่วงเพราะตลอดระยะเวลาเก้าเดือนที่มนตร์ลดาทำงานอยู่ที่นี่ หญิงสาวก็ปรึกษาเรื่องส่วนตัวอยู่บ่อยครั้ง

“ยังเลยค่ะ กะว่าจะกลับไปตั้งหลักซะก่อนแล้วค่อยไปสมัครงานด้วยตัวเอง ความจริงมิ้นต์เคยส่งใบสมัครงานทางอีเมล์ไปหลายที่แล้วนะคะ แต่ยังไม่มีโรงพยาบาลไหนตอบกลับมาเลย” มนตร์ลดาเริ่มสมัครงานผ่านอินเตอร์เน็ตตั้งแต่วันที่ยื่นใบลาออกกับท่านผู้อำนวยการแล้ว

“แล้วกลับไปอยู่ที่รีโอเดอจาเนโรน่ะ แน่ใจเหรอว่าจะอยู่กับพ่อเลี้ยงของมิ้นต์ได้ พี่ว่าออกมาเช่าอพาร์ตเมนต์อยู่เองไม่ดีกว่าเหรอ?” ลูลาถามด้วยน้ำเสียงและสีหน้าที่เป็นห่วงนักเพราะทราบว่าหญิงสาวนั้นไม่ค่อยจะถูกคอกับพ่อเลี้ยงของเธอสักเท่าไหร่ มนตร์ลดายังเคยเล่าให้ฟังว่ามีลูกค้าเข้ามาเที่ยวในบาร์และตอนนั้นเธอทำหน้าที่เป็นเด็กเสิร์ฟในร้าน ลูกค้าดื่มเหล้าจนเมามายแล้วคิดว่าเธอเป็นอีหนูที่หิ้วออกไปข้างนอกได้แต่พ่อเลี้ยงของเธอกลับไม่ปฏิเสธหรือปกป้องเลย โชคยังดีที่แม่ของเธอออกมาเห็นและอธิบายให้ลูกค้าคนนั้นเข้าใจได้ทันเวลา

มนตร์ลดายิ้มด้วยสีหน้าเศร้าๆเพียงแวบเดียวเท่านั้นก็เปลี่ยนเป็นร่าเริงเพราะไม่อยากให้ลูลาพลอยไม่สบายใจไปด้วย “ขอบคุณพี่ลูลามากนะคะที่เป็นห่วงมิ้นต์ แต่ช่วงแรกมิ้นต์คงต้องอยู่ที่นั่นก่อนรอให้ได้งานใหม่แน่นอนแล้วค่อยหาทางขยับขยายอีกที อีกอย่างแม่ก็อยู่ด้วยเขาคงต้องเกรงใจแม่อยู่บ้างล่ะค่ะ ที่สำคัญมิ้นต์เองก็อยากอยู่ใกล้ๆแม่ด้วย”

ลูลาพยักหน้ารับพลางบีบกระชับมือของสาวสวยอย่างเข้าใจ จากนั้นจึงลุกขึ้นเพื่อจัดยาหลังอาหารเตรียมให้ผู้ป่วยตามหน้าที่ มนตร์ลดาจึงขอตัวกลับบ้านเพราะพรุ่งนี้เธอยังต้องกลับมาที่โรงพยาบาลอีกครั้งเพื่อเฝ้าไข้พิเศษที่ตนเองรับเอาไว้


บ่ายวันอาทิตย์อเตต้าร์วางแผนการเดินทางจากรีโอกรันดีโดซุล ไปเยี่ยมพี่ชายที่รีโอเดอจาเนโร แต่ชายหนุ่มกลับต้องสถบออกมาอย่างหัวเสีย เมื่อไมนาสคนสนิทเข้ามารายงานว่าพี่ชายของเขาถูกลอบยิงอยู่ที่บูซิโอส แต่คนที่ได้รับบาดเจ็บนั้นกลับเป็นผู้หญิงที่อยู่ข้างกายของฟาเบียโน่แทน อเตต้าร์จึงต้องเปลี่ยนเส้นทางจากรีโอเดอจาเนโรมุ่งหน้าไปเมืองตากอากาศชื่อดังอย่างบูซิโอสแทน

อเตต้าร์ทิ้งตัวลงบนเบาะกว้างบนเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว วาดขายาวพาดบนเบาะนั่งตัวหน้าอย่างเคยชิน ด้วยท่านั่งที่สบายจนเกินกว่าเหตุ!! หากก็ไม่เคยมีใครสามารถทำให้เขาเปลี่ยนแปลงนิสัยนี้ได้เลย สองมือแกร่งโยนหนังสือพิมพ์รายวันทิ้งด้วยความหงุดหงิดใจ ไม่มีอารมณ์จะรับข่าวสารใดๆอีก พลางคิดว่าใครกันแน่ที่มันบังอาจมาลองดีกับตระกูลโอลีเวย์ร่า อาทิตย์ก่อนนี้ไร่องุ่นของเขาถูกไฟเผาวอดวายไปหลายไร่จนป่านนี้ยังหาตัวมือวางเพลิงมารับโทษไม่ได้ วันนี้ฟาเบียโน่ พี่ชายยังถูกลอบยิงอีก!! อะไรมันจะยุ่งยากชิบหายวายป่วงขนาดนี้วะ!

ไอ้พวกหมาลอบกัด!... ลองออกมาดวลกันตัวต่อตัวซักหน่อยเป็นไร พ่อจะล้มพวกมันทั้งยืนให้ดู! อเตต้าร์คิดด้วยความแค้นใจ พลางเบนสายตามองออกไปนอกหน้าต่างเมื่อรู้สึกได้ว่าเครื่องบินลดเพดานการบินให้ต่ำลงเป็นสัญญาณให้รู้ว่าใกล้ถึงจุดหมายเต็มที ความสวยงามของน้ำทะเลสีเขียวมรกตกับหาดทรายสีขาวละเอียดนั้นเมื่อมันกระทบกับแสงแดดมันสะท้อนขึ้นมาให้เห็นเป็นประกายระยิบระยับ บรรยากาศสบายๆของท้องทะเลอันคุ้นเคยทำให้ความหงุดหงิดใจทั้งหมดผ่อนคลายลงได้บ้าง


ชั่วโมงต่อมาอเตต้าร์เดินทางมาถึงโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในบูซิโอสที่พี่ชายของตนพาผู้หญิงที่เรียกว่า ‘ภรรยา’ มารักษาตัวอยู่ บุรุษมาดเถื่อนดิบเดินเข้ามาในโรงพยาบาลด้วยความมั่นใจอย่างเคย ภาพของผู้ชายตัวโตสูงหนึ่งร้อยเก้าสิบสองเซนติเมตร ใบหน้าหล่อเหลาตามสันคางมีเคราเขียวครึ้มขึ้นอยู่ทั่ว ผมสั้นสกินเฮด ผิวสีคล้ำแดดสมชายชาตรี เสื้อยืดสีเทารัดแนบไปกับแผงอกกว้างจนทำให้สายตาทุกคู่ของสาวๆในโรงพยาบาลมองตามทั้งส่งสายตาเชิญชวนอยากรู้จักมักคุ้นกับแบดบอยผู้นี้อย่างออกนอกหน้า หากแต่คนอย่างอเตต้าร์ไม่ใช่ผู้ชายที่จะลากใครมาขึ้นเตียงได้ง่ายๆ ถ้าเขาไม่ปราถนาแล้วก็อย่าได้หวังเลย สาวๆทั่วไปอาจจะดูว่าเขาเป็นเพลย์บอยอารมณ์ร้ายหน้าตาไม่สุภาพ เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยราวกับเปลี่ยนเสื้อผ้าก็จริง แต่ก็ไม่มั่วลากใครก็ได้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงขึ้นเตียงทุกคน!!


ฟาเบียโน่ละสายตาจากร่างบอบบางตรงหน้า เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าที่คุ้นเคยเดินใกล้เข้ามา

“ข่าวเร็วเสมอนี่ อาร์ตี้” ฟาเบียโน่ทักน้องชายร่วมสายเลือดเพียงคนเดียวด้วยชื่อเล่นที่เรียกขานกันมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยวีไอพี

“คนนี้ใช่มั้ยเมียตีทะเบียนของพี่??” อเตต้าร์มองใบหน้างดงามที่หลับใหลอยู่บนเตียงผู้ป่วยแล้วหันมาเหล่มองพี่ชายพลางยิ้มที่มุมปากเมื่อเห็นฟาเบียโน่พยักหน้ารับ “ความจริงผมกะจะมาตั้งนานแล้วแต่ยังไม่ว่าง”

“แล้วทำไมถึงว่างได้ล่ะ?” ฟาเบียโน่ถามกลับ

“ความจริงไม่ได้ว่างเล้ย... แต่ปู่อยากเห็นหน้าหลานสะใภ้ บ่นเช้าบ่นเย็นจนผมหูชา น้อยอกน้อยใจว่าพี่ไม่พาเธอไปหาน่ะสิ ผมก็เลยต้องมาหาเอง นี่... คงมีใครส่งข่าวไปบอกแล้วว่าเธอโดนลูกหลง! ดีนะที่ผมรู้ตอนที่กำลังจะออกจากบ้าน ไม่งั้นไปหาที่รีโอเดอจาเนโรก็คงไม่ได้เจอกันอยู่ดี” อเตต้าร์รู้ดีว่าพี่ชายของตนสามารถรับมือกับพวกมือปืนลอบยิงได้สบายอยู่แล้ว

“เธอไม่เป็นอะไรมากหรอก โดนยิงที่ด้านหลัง หมอผ่าเอากระสุนออกมาแล้ว นี่ก็กะว่าถ้าเธอฟื้นขึ้นมาแล้วจะขออนุญาตหมอกลับไปพักฟื้นที่บ้านเลย”

“แล้วรู้รึยังว่าเป็นพวกไหน??”

“ดีเกากำลังสืบหาพวกมันจากหัวกระสุนอยู่ ไม่นานคงได้รู้ว่าพวกระยำนั่นมันเป็นใคร?” ฟาเบียโน่บอกด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียม!
พอได้เห็นแววตาอำมหิต ได้ยินน้ำเสียงอาฆาตแค้นของพี่ชายแล้ว อเตต้าร์รู้ดีว่าผู้หญิงคนนี้มีความสำคัญมากแค่ไหน “ผมไม่ได้ห่วงเรื่องนั้นหรอกน่า... รู้ว่าพี่ต้องตอบแทนพวกมันอย่างสาสมแน่ แต่พี่ควรจะเล่าเรื่องของเธอให้ผมฟังบ้างนะ ถ้าปล่อยให้ผมกลับไปเฉยๆแบบที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรของเธอเลย ปู่คงได้ฆ่าผมตายแน่!!”

ฟาเบียโน่มองหน้าน้องชายด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่ายใจ เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่าการันก้า โอลีเวย์ร่า คุณปู่วัยแปดสิบปีของทั้งคู่อยากให้หลานชายทั้งสองมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนสักเพียงใด เพราะอยากเห็นหน้าทายาทรุ่นต่อไปของตัวเองเต็มทีแล้ว ถึงแม้ว่าท่านจะนั่งอยู่บนรถเข็นตลอดเวลา เนื่องจากอุบัติเหตุเมื่อยี่สิบปีก่อนแต่เสือเฒ่าการันก้า ก็ไม่เคยตกข่าวเกี่ยวกับหลานชายทั้งสองคนไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำธุรกิจหรือเรื่องส่วนตัวก็ตาม

อเตต้าร์เลิกคิ้วแปลกใจหลายครั้งหลายหน เมื่อได้ยินเรื่องราวของสาวหน้าหวานจากปากของพี่ชายตนเอง

เธอคือเด็กที่พี่ชายของเขารับอุปการะมาตั้งแต่อายุสิบห้าปี!!

เธอคือผู้หญิงที่ถูกคนใจร้ายคนนึงยกให้กับฟาเบียโน่เพื่อเป็นนางบำเรอ!!

เธอคือคนความจำเสื่อมที่ฟื้นขึ้นมาแล้วเรื่องราวรอบตัวทำให้เข้าใจไปว่าฟาเบียโน่คือสามี!! แต่สิ่งที่อเตต้าร์ไม่อยากเชื่อมากที่สุดก็คือ คนอย่างฟาเบียโน่ที่ไม่เคยขาดแคลนผู้หญิงต้องยอมสมอ้างว่าเป็นสามีของเธอ ยิ่งรู้ลึกลงไปมากเท่าไหร่ก็ยิ่งไม่อยากเชื่อ ถ้าหากว่าไม่ได้ยินจากปากของเจ้าตัวเอง


ในขณะที่ด้านนอกของห้องผู้ป่วยวีไอพี มนตร์ลดาเพิ่งได้รู้ว่ามีอภิมหาเศรษฐีคนหนึ่งต้องการพยาบาลไปดูแลภรรยาสาวของเขาที่รีโอเดอจาเนโรเพราะเธอเพิ่งถูกยิงและหมอก็เพิ่งจะผ่าตัดเอากระสุนออกมาได้ ตอนนี้ยังพักอยู่ในห้องผู้ป่วยวีไอพีอยู่

“โอ้โห... อภิมหาเศรษฐีเลยเหรอคะพี่ลูลา?” มนตร์ลดาถามพร้อมทำตาโตอย่างน่ารัก หญิงสาวเพิ่งจะส่งผู้ป่วยที่รับเฝ้าไข้พิเศษไว้กลับบ้านเมื่อไม่ถึงยี่สิบนาทีที่ผ่านมานี้ และออกจะแปลกใจอยู่ไม่น้อยว่าวันนี้คนทั้งโรงพยาบาลไม่ว่าจะเป็นท่านผู้อำนวยการ เซเรน่าและคุณหมออีกหลายคน ทำไมถึงได้ดูวุ่นวายกันนัก ความจริงแล้วมีลูกค้าวีไอพีระดับอภิมหาเศรษฐีมาใช้บริการนี่เอง!

“ก็พ่อค้าเพชรระดับโลกอย่างตระกูลโอลีเวย์ร่าน่ะ จะไม่ให้เรียกว่าอภิมหาเศรษฐีได้ยังไง ว่าแต่มิ้นต์เถอะ... รีบเข้าไปคุยกับเซญอร์2ฟาเบียโน่ดีกว่า เดี๋ยวมีพยาบาลคนอื่นมาคว้าโอกาสนี้ไปแล้วเสียดายแย่เลย” ลูลาบอกเรื่องนี้กับมนตร์ลดาเป็นคนแรก เพราะฟาเบียโน่นั้นแจ้งความประสงค์กับเธอว่าต้องการพยาบาลเฝ้าไข้พิเศษ จากนั้นมนตร์ลดาจึงหันมาซักถามรายละเอียดเกี่ยวกับผู้ป่วยจากลูลาเพื่อทำความเข้าใจและเป็นข้อมูลก่อนที่จะรับงานพิเศษนี้


อเตต้าร์ยิ้มมึนๆ หลังจากฟังพี่ชายของตัวเองพูดถึงผู้หญิงที่นอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียง

“ผมว่าเธอคงจะจำอะไรไม่ได้ไปอีกนานหรอก ก็พี่เล่นไม่ได้พูดความจริงกับเธอนี่” อเตต้าร์ว่าเหมือนประชด เมื่อได้ฟังเรื่องราวนั้นจบลงและจับน้ำเสียงได้ว่าฟาเบียโน่รู้สึกกังวลในตัวของผู้หญิงคนนี้ไม่น้อยว่าหากเธอจำเรื่องราวในอดีตได้แล้วจะเปลี่ยนไปจากเดิม

“ก็แค่บางเรื่องเท่านั้นเพื่อความสบายใจของเธอ” ฟาเบียโน่ถอนหายใจเฮือก ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าตัวเองปิดบังอรอาภาอยู่หลายเรื่องแต่ไอ้น้องบ้านี่มันควรจะเข้าใจ ไม่ใช่ว่ามาพูดประชดประชันเขาอย่างนี้ “ไม่รู้สิ บางครั้งฉันก็อยากให้เธอจำได้แต่บางครั้งก็อยากเก็บเธอไว้กับตัวเองคนเดียว”

“เฮ้อ... สับสนยังกับหนุ่มน้อยเชียว” อเตต้าร์แซวพี่ชายพร้อมวางท่อนแขนที่บ่ากว้าง ออกแรงลากคอพี่ชายเข้ามาหาพร้อมกับพากันเดินออกไปนอกห้อง “ไปหาเบียร์เย็นๆดื่มกันดีกว่า มันจะไปยากอะไรเฟลิกซ์!! ถ้าพี่กลัวว่าเธอจะไม่เหมือนเดิมก็ทำให้เธอท้องซะสิ ผู้หญิงน่ะทิ้งลูกทิ้งผัวตัวเองไม่ได้หรอก” คนนิสัยเถื่อนแนะวิธีแก้ปัญหาแบบห่ามๆให้พี่ชาย

มันคงเป็นคำแนะนำที่ฟังไม่รื่นหูสำหรับอรอาภา แต่มันเข้าท่าสำหรับฟาเบียโน่และยังทำให้เขาหัวเราะออกมาได้อีก เสียงหัวเราะครื้นเครงของสองพี่น้องเงียบลง เมื่อทั้งคู่เดินออกมาถึงเคาน์เตอร์พยาบาลด้านหน้า สาวน้อยหน้าใสคนหนึ่งก็เดินมาขวางทั้งคู่เอาไว้

“ขอโทษค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือเซญอร์ฟาเบียโน่รึเปล่าคะ??” หญิงสาวหน้าตางดงาม ผิวขาวละออตาเอ่ยถามด้วยภาษาโปรตุกีสสำเนียงไพเราะกว่าที่เคยได้ยินนัก

“ใช่ครับ... ผมเอง” ฟาเบียโน่ตอบ

“สวัสดีค่ะดิฉันมนตร์ลดา กิตติพานิชย์ เรื่องที่เซญอร์เคยแจ้งไว้ว่าต้องการพยาบาลไปดูแลคนไข้ที่รีโอเดอจาเนโรน่ะค่ะ ดิฉันเป็นพยาบาล กำลังจะย้ายจากบูซิโอสไปที่รีโอเดอจาเนโร อยากจะทราบรายละเอียดน่ะค่ะ” พยาบาลสาวไทยเอ่ยแนะนำตัวเอง
“อ้อครับ เดี๋ยวเราไปคุยกันที่คอฟฟี่ช็อปด้านล่างดีไหม จะได้สะดวกหน่อย” ฟาเบียโน่บอกพร้อมเดินนำหน้าทั้งหมดลงบันไดเลื่อนมาชั้นล่างในส่วนร้านอาหารและเครื่องดื่มที่โรงพยาบาลแบ่งแยกไว้อย่างชัดเจน

อเตต้าร์มองพยาบาลสาวสวยไม่วางตา ปากอิ่มสีเชอร์รี่ของเธอมันช่างดูเย้ายวน น่าลิ้มลองนัก!! แล้วยังรูปร่างทรงนาฬิกาทรายของเธออีก เธอมีอกสะบึ้ม เอวคอดกิ่วรับกับสะโพกผายอย่างสาวบราซิลทั่วไปแต่ที่ทำให้แตกต่างและโดดเด่นคือผิวขาวราวกับนมสดของเธอ มันทำให้อเตต้าร์นึกอยากจะเกลือกกลิ้งผิวกร้านของตัวเองกับผิวนิ่มๆดูสุขภาพดีของเธอนัก!!

“ไม่ทราบว่าเป็นลูกครึ่งรึเปล่าครับ??” ฟาเบียโน่เริ่มบทสนทนาอย่างเป็นกันเอง เมื่อทั้งหมดนั่งลงในร้านกาแฟแห่งหนึ่ง

“เปล่าค่ะ ดิฉันเป็นคนไทยแท้ๆ เกิดและเติบโตที่ประเทศไทยมาทำงานที่นี่ได้เกือบปีแล้ว พอดีคุณแม่ย้ายตามสามีมาเปิดร้านอาหารไทยในรีโอเดอจาเนโรน่ะค่ะ ดิฉันลาออกจากโรงพยาบาลแล้วจะกลับรีโอเดอจาเนโรพอดีค่ะ”

“งั้นก็ลงตัวกันพอดี ผมจะย้ายภรรยาที่เพิ่งผ่าตัดเอากระสุนออกไปพักฟื้นที่บ้าน ถ้าคุณหมอไม่ขัดข้องอะไรเราก็จะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์กันพรุ่งนี้เลย คุณก็มีหน้าที่ดูแลเธอระหว่างที่เธอยังไม่สบายอยู่ แต่ช่วงสองสามวันแรกผมคงต้องให้คุณค้างที่บ้านกับเราก่อน ถ้าเธอดีขึ้นแล้วคุณค่อยไปเช้าเย็นกลับ หรือว่าจะค้างที่บ้านผมเลยก็ได้แล้วแต่คุณจะสะดวก”

อเตต้าร์ฟังฟาเบียโน่บอกรายละเอียดต่างๆ ตามที่แม่พยาบาลสาวตรงหน้าเขาถาม ทั้งสองตอบโต้กันอยู่พักใหญ่ จนฟาเบียโน่ขอตัวลุกขึ้นไปรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้น

“อายุเท่าไหร่แล้วคุณ เพิ่งจบมาจะดูแลคนป่วยไหวเหร้อ??” อเตต้าร์ถามปลายเสียงถามอย่างประเมินความสามารถของเธอ

“ดิฉันอายุยี่สิบสามปีแล้วค่ะ เรียนจบพยาบาลวิชาชีพมาสองปีแล้ว ปีแรกทำงานที่โรงพยาบาลของรัฐในประเทศไทย แล้วย้ายมาทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้มาได้เก้าเดือนเต็มแล้วค่ะ” มนตร์ลดาตอบพร้อมข่มอารมณ์ ไว้ไม่ให้สนใจกับน้ำเสียงที่เหมือนจะดูถูกความสามารถของตน พร้อมกัดฟันมองผู้ชายหน้าตากวนประสาทแล้วยังทำเบ้ปากพยักหน้ารับช้าๆราวกับไม่ค่อยเชื่อเรื่องที่เธอพูดเท่าไหร่นัก!!

ไอ้หมอนี่มันกุ๊ยดีๆนี่เอง หน้าตางี้เต็มไปด้วยเคราเฟิ้มถึงจะทำให้ดูว่าหล่อเถื่อนๆก็ตามเถอะ ไม่น่าเชื่อว่าคนระดับเซญอร์ฟาเบียโน่จะรู้จักกับคนท่าทางอันธพาลแบบนี้ได้ มนตร์ลดาคิดเองในใจ

หน็อยแม่คุณ!! ทำมาเป็นคอแข็งมองฉัน คิดว่าฉันเหมือนอันธพาลข้างถนนอยู่ล่ะสิ!! “รับจ้างเป็นพยาบาลส่วนตัวม่ะ?? เงินดีนะไม่ต้องทำงานประจำให้เหนื่อย ถ้าทำดีถูกใจจ่ายทิปให้หนักด้วย วันๆไม่ต้องทำอะไรมาก แต่งตัวสวยๆคอยป้อนข้าวป้อนน้ำเป็นพอ”
มนตร์ลดาได้ยินคำถามที่เหมือนกับจะซื้อตัวเธอไปทำอีหนูซะมากกว่าที่จะไปเป็นพยาบาลส่วนตัวถึงกับกำมือแน่น “ดิฉันรับจ้างดูแลเฉพาะผู้ป่วยเท่านั้นค่ะ ไอ้ที่คุณพูดมาคงต้องไปหาเอาตามชายหาดข้างหน้ามีให้เกลื่อน พวกเธอคงพอจะทำให้คุณจ่ายทิปหนักๆได้อยู่หรอกค่ะ”

อเตต้าร์งงเป็นไก่ตาแตก ก็เขาจะจ้างเธอไปดูแลคุณปู่แต่เธอกลับบอกให้เขาไปหาเอาตามชายหาด! จะให้เขาเอาอีหนูนอนเปลือยยอดอกไปคอยดูแลคนแก่อายุแปดสิบปีแล้วท่านจะไม่หัวใจวายตายก่อนหรือยังไง ดู! ดูสายตาประณามที่เธอมองเข้าสิ! ก่อนที่อเตต้าร์จะได้ตอบโต้อะไรมากไปกว่านั้นฟาเบียโน่ก็เดินเข้ามาพอดี

“คุณ... เอ่อคุณมีชื่อที่เรียกง่ายกว่านี้ไหม??” ฟาเบียโน่ถาม

“เรียกดิฉันว่ามิ้นต์ก็ได้ค่ะ” มนตร์ลดาบอกชื่อเล่นของตัวเอง

“โอเคมิ้นต์ คุณตกลงตามข้อเสนอที่ผมให้ไปไหม??”

“ตกลงค่ะ เซญอร์จะออกจากบูซิโอสประมาณกี่โมงคะ”

ฟาเบียโน่ยกข้อมือของตัวเองขึ้นมองนาฬิกาที่สวมอยู่ “พรุ่งนี้... น่าจะสักหกโมงเช้า มาเจอกันที่ชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาลได้เลย”

“งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” มนตร์ลดาบอกพร้อมกับยิ้มใฟ้ฟาเบียโน่และหุบยิ้มฉับเมื่อสายตาหันมาปะทะกับผู้ชายมารยาททรามตรงหน้า สองขาเรียวหมุนตัวเดินฉับๆออกจากร้านกาแฟ โดยไม่รู้ว่ามีดวงตาคมกริบหรี่มองตามร่างระหงของตัวเองจนลับตา

ฟาเบียโน่มองน้องชายที่ทำหน้าแปลกๆอย่างรู้ทัน “คิดจะเคลมผู้หญิงไทยน่ะมันไม่ง่ายอย่างที่คิดนะโว้ย... ไม่รู้หรือไงว่าพวกเธอเป็นพวกสาวพรหมจรรย์ที่ใครกล้าล่วงล้ำเข้าไปแล้วต้องเสียสละชีวิตโสดทุกราย!”

อเตต้าร์หัวเราะเสียงดังโดยไม่ได้สนใจคนรอบกาย ก็เขามันพวกไร้มารยาทอยู่แล้วนี่ ถึงจะต้มหนังสือสมบัติผู้ดีให้กินเช้าเย็น ก็คงจะเลิกนิสัยห่ามๆไม่ได้! “พี่อาจจะคิดว่าเธอผุดผ่องเพราะเป็นผู้หญิงไทยเหมือนเมียตัวเอง แต่ผมไม่คิดว่าแม่คิตตี้นี่จะเป็นสาวพรหมจรรย์หรอกนะ แล้วก็ไม่เคยคิดจะเอาสาวด้อยประสบการณ์มาทำเมียหรอก ขี้เกียจสอน จะโยกจะคลึงแต่ละทีก็ต้องทะนุทถนอม มันไม่ถึงใจ!! อย่างผมมันต้องเชี่ยวชาญมันถึงจะสนุก ไม่เอาน่าเฟลิกซ์ผมไม่เจอพี่แค่ไม่ถึงสามเดือน อย่ามาทำตัวเป็นคนดีหน่อยเลยแต่ก่อนพี่ก็ชอบแบบผมนี่แหละ แล้วนึกยังไงมาเปลี่ยนใจเอาป่านนี้??”

อเตต้าร์ไม่สนใจจะจำชื่อยาวๆออกเสียงยากๆของเธอ เสียงหวานๆที่เปล่งออกมาจากปากสีเชอร์รี่นั้นเขาได้ยินชื่อสกุลเธอแค่ว่า ‘คิตตี้’ เท่านั้นล่ะ และมันเข้ากับท่าทางของเธอเป็นบ้า แม่คิตตี้คนงาม... แมวน้อยผิวสวย!

ฟาเบียโน่ส่ายหน้าไม่อยากจะต่อความกับน้องชาย บางทีเขายังเคยคิดว่าถ้าปู่ส่งอเตต้าร์ไปเรียนที่อังกฤษด้วยกัน ความเงียบ มีมารยาทของผู้คนที่นั่น มันอาจจะทำให้น้องชายของเขาปากมอมน้อยลงกว่านี้ก็เป็นได้ “ใครจะไปรู้ได้วะ ว่าตัวเองจะได้ผู้หญิงแบบไหนมาเป็นเมีย แต่พอรู้ว่าเธอเป็นแบบไหนเราก็ต้องปรับตัวให้เข้ากันได้สิ” แต่... มันก็เร้าใจไปอีกแบบ ฟาเบียโน่คิดต่อเอาเองในใจเพราะไม่อยากพูดถึงเธอในเรื่องแบบนี้ให้ใครฟังถึงแม้จะเป็นน้องชายของตัวเองก็เถอะ! มันหวง!! นี่ขนาดว่าแค่คิดถึงสัมผัสของเธอ มันยังทำให้เขาร้อนแทบลุกเป็นไฟ แล้วถ้าได้มีกันและกันอย่างลึกล้ำจริงๆมันคงทำให้เขาแทบคลั่งตายวันละหลายรอบ!!

“แล้วคืนนี้ต้องนอนเฝ้าเมียที่นี่ใช่มะ?” อเตต้าร์ถามแต่ยังไม่วายประชดประชันอีก

“อื้อ... แล้วนายจะไปไหนรึเปล่า?”

อเตต้าร์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ไปหาเหล้า หาผู้หญิงสักคน เบื่อพวกกลัวเมียแล้วเจอกันที่รีโอเดอจาเนโรเลยแล้วกัน” หนุ่มมาดเถื่อนเดินจากมาพลางโบกมือให้พี่ชายโดยไม่ได้หันกลับมามอง ไปหาเหล้ากิน นั่งฟังเพลงเปลี่ยนบรรยากาศสักหน่อยไม่ได้มาที่บูซิโอสนานแล้วบางทีอาจจะมีอะไรดีๆซ่อนอยู่ก็ได้

อเตต้าร์แปลกใจในความเปลี่ยนแปลงของพี่ชายตัวเอง ปกติเขาและพี่ชายไม่ได้อยู่ด้วยกันเพราะต้องแบ่งกันรับผิดชอบกิจการของตระกูลโอลีเวย์ร่า ปีนึงจะเจอกันสักสองสามครั้ง และทุกครั้งที่เจอกันก็ไม่พ้นสุราเคล้านารีตามประสาหนุ่มโสด บางครั้งถ้าฟาเบียโน่เป็นฝ่ายไปเยี่ยมคุณปู่ที่รีโอกรันดีโดซุล อเตต้าร์จะจัดปาร์ตี้ฟองสบู่ที่เต็มไปด้วยเซเลบสาวคนดัง ดารานางแบบนุ่งน้อยห่มน้อยหรืออีกทีพวกเธอก็ต้อนรับสองพี่น้องตระกูลโอลีเวย์ร่าด้วยฟองสบู่ปกปิดเรือนกายจุดสำคัญเท่านั้น!! สาวๆทั่วโลกมีใครบ้างที่ไม่อยากเป็นผู้หญิงของหนึ่งในสองพี่สองโอลีเวย์ร่า แต่ตอนนี้คงจะเหลือเพียงแค่เขาคนเดียวเท่านั้นเพราะดูเหมือนว่าพี่ชายเขาจะกลายเป็นคนหวงตัวไปซะแล้ว ก็แน่ล่ะสิ!! ขนาดว่าพี่สะใภ้ของเขาหลับใหลอยู่เธอยังผุดผ่องสวยงามราวกับเทพธิดาตัวน้อย ฟาเบียโน่คงไม่ต้องคิดหาผู้หญิงคนอื่นอีกหากมีเธอรออยู่บนเตียง

แล้วเขาล่ะ!... หากได้แม่คิตตี้หน้าสวย ผิวดีคนเมื่อกี้มาบิดตัวอยู่ใต้ร่างคงสนุกเป็นบ้า เฮ้ย!! หยุดคิดเลยไอ้บ้า เธอมองแกยังกับเป็นกุ๊ยข้างถนนแล้วจะไปสนทำไมกันวะ เธอหุ่นสะบึ้มก็จริงแต่หน้าเด็กออกอย่างนั้นจะทนไม้ทนมือได้ที่ไหน ดีไม่ดียังไปไม่สุดทางคงสลบคาเตียงไปแล้ว แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นมันจะไปสนุกได้ยังไงกันวะ!!? ไม่! ไม่... อย่างฉันมันต้องผู้หญิงมากประสบการณ์ คิดได้ดังนั้นแบดบอยหนุ่มจึงมุ่งหน้าสู่บาร์เบียร์ริมหาดบูซิโอสที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนที่ออกมาแสวงหาความสุข สนุกในยามราตรี


รุ่งเช้ามนตร์ลดาลากกระเป๋าเดินทางสองใบใหญ่ออกมารอหน้าอพาร์ตเมนต์ ไม่นานนักรถยนต์สัญชาติยุโรปคันหรูสีดำสนิทก็เคลื่อนเข้ามาจอดอยู่ตรงหน้า พร้อมกับชายร่างสูงคนหนึ่งก้าวลงมาจากรถ

“เซญอริต้ามอล-ลา-ดา รึเปล่าครับ?” อิบันเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้า หากแต่ออกเสียงเรียกชื่อของพยาบาลสาวไม่ชัดเจน

“ใช่ค่ะ” มนตร์ลดาตอบยิ้มๆตั้งแต่ที่มาใช้ชีวิตอยู่ในต่างแดนนี้ พูดได้เต็มปากว่ายังไม่มีใครออกเสียงเรียกชื่อนามสกุลของตัวเองได้ถูกต้องชัดเจนสักคนเดียว

อิบันยิ้มให้อย่างสุภาพพร้อมแนะนำตัวว่าตนเองคือคนสนิทของเซญอร์ฟาเบียโน่ส่งให้มารับเธอ พลางเอื้อมมือไปยกกระเป๋าใบใหญ่ทั้งสองขึ้นเพื่อนำไปเก็บไว้หลังรถ “เชิญครับเซญอริต้า มะ...”

“เรียกดิฉันว่ามิ้นต์ก็ได้ค่ะ” มนตร์ลดาเอ่ยชื่อเล่นสั้นๆที่มักแนะนำให้คนอื่นเรียกตนเองได้ง่ายๆ พลางก้าวขึ้นรถเมื่อชายร่างสูงเปิดประตูรถให้ ปากอิ่มสีเชอร์รี่ห่อตัวได้อย่างน่ารัก รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคุณผู้หญิงได้นั่งรถหรูเป็นครั้งแรกในชีวิตทั้งยังมีหนุ่มร่างใหญ่ราวกับบอดี้การ์ดก้าวขึ้นมาเป็นพนักงานขับรถให้ด้วย

“คุณมิ้นต์ย้ายกลับไปอยู่ที่รีโอเดอจาเนโรเป็นการถาวรเลยเหรอครับ ถึงได้ขนของเยอะแบบนี้?” อิบันถามพลางเคลื่อนออกรถจากหน้าอพาร์ตเมนต์

“ค่ะ พอดีว่าคุณแม่ของดิฉันอยู่ที่นั่น ท่านสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่เลยอยากไปดูแลท่านด้วยตัวเองน่ะค่ะ”

อิบันพยักหน้ารับ บอดี้การ์ดหนุ่มรู้ดีว่าเธอเป็นผู้หญิงเอเชียแต่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าเธอเป็นสาวชนชาติไหนกันแน่ มองๆไปเธอก็อรชรอ้อนแอ้นเหมือนเจ้านายสาวของตนเองเหลือเกิน “ขอโทษนะครับ คุณมิ้นต์เป็นคนไทยรึเปล่าครับ?”

“ค่ะ คุณอิบันรู้ได้ยังไงคะ?” มนตร์ลดาถามอย่างประหลาดใจ

“ก็เดาเอาน่ะครับ ดู... คุณมิ้นต์คล้ายๆกับเซญอร่าจิงเจอร์” อิบันและมนตร์ลดาพูดคุยกันอย่างถูกคอ หญิงสาวได้โอกาสสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับสองสามีภรรยาโอลีเวย์ร่า นายจ้างคนใหม่ของตนอยู่หลายเรื่องจนรถคันหรูเคลื่อนตัวเข้ามาจอดหน้าโรงพยาบาล อิบันจึงบอกให้พยาบาลสาวเข้าไปพบกับเซญอร์ฟาเบียโน่ แล้วตนเองจึงแยกตัวไปเก็บของและเตรียมความพร้อมอยู่บนดาดฟ้าของโรงพยาบาล


มนตร์ลดายืนอยู่ด้านหลังของคุณหมอวัยกลางคนซึ่งกำลังตรวจและซักถามอาการของคนป่วยร่างบอบบางอยู่บนเตียง ก่อนที่จะอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ ไม่นานนักคุณหมอก็เดินกลับออกไปจากห้องเหลือไว้เพียงมนตร์ลดาที่ยืนยิ้มเป็นมิตรให้สองสามีภรรยาโอลีเวย์ร่าอยู่ปลายเตียง

“นี่มิ้นต์พยาบาลที่ผมเล่าให้ฟังว่าจะดูแลคุณที่บ้านไงที่รัก มิ้นต์นี่จิงเจอร์ภรรยาของผมครับ” ฟาเบียโน่เอ่ยแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักกัน
“สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักคุณนะคะ จิงเจอร์” มนตร์ลดาเอ่ยคำทักทายเป็นภาษาไทย

“เช่นกันค่ะ ดีใจจังเลยที่รู้ว่าคุณเป็นคนไทยเหมือนกัน” อรอาภายิ้มกว้างเมื่อคิดว่าต่อไปนี้จะได้พูดภาษาไทยแล้ว เผื่อว่าความทรงจำของตัวเองจะกลับคืนมาเร็วขึ้น “แล้วมิ้นต์ชื่อจริงว่าอะไรคะ ขอโทษนะที่ต้องถามอย่างนี้แต่เฟลิกซ์เขาบอกว่าชื่อคุณออกเสียงยากมาก เขาจำไม่ได้” จบคำพูดของอรอาภา สองสาวก็หัวเราะออกมาพร้อมกันอย่างครื้นเครง โดยมีหนุ่มบราซิลเลี่ยนยืนทำหน้าเซ็งเพราะไม่เข้าใจที่พวกเธอคุยกันแต่พอจะเดาได้ว่าตัวเองคงเป็นหัวข้อสนทนาอยู่เป็นแน่เพราะได้ยินภรรยาเอ่ยชื่อตนเองออกมา

“มนตร์ลดา กิตติพานิชย์ค่ะ”

“ว้าว!! ชื่อคุณเพราะจังค่ะ แล้วมาอยู่ที่นี่นานรึยังคะ??” อรอาภาถาม หากแต่สามีเอ่ยขัดจังหวะขึ้นก่อนว่าจะขอตัวออกไปจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลและรับยา ลับร่างสูงใหญ่ของฟาเบียโน่แล้วอรอาภาจึงหันมาพูดกับพยาบาลสาวต่อ “ชื่อของมิ้นต์แปลกดีนะคะ ดูลึกลับ เซ็กซี่ยังไงบอกไม่ถูก”

“แหม... เซ็กซี่เลยเหรอคะ ฉันไม่ปฏิเสธคำชมของคุณหรอกนะคะ” เจ้าของชื่อทำตาโต น่ารัก “แล้วจิงเจอร์มีชื่อไทยรึเปล่าคะ?”

“อรอาภาค่ะ แต่ไม่ค่อยมีใครเรียกคิดว่าคงจะออกเสียงยากมั้งคะ พอฉันฟื้นขึ้นมาก็ได้ยินคนที่นี่เรียกว่าจิงเจอร์ซะเป็นส่วนมาก อ้อ... มิ้นต์รู้รึยังว่าตอนนี้ฉันมีอาการความจำเสื่อมอยู่?”

“ค่ะ พอจะทราบมาบ้างแล้วแต่มันแค่เป็นอาการความจำเสื่อมชั่วคราวเท่านั้น ใช้เวลาอีกสักหน่อยก็น่าจะหายดีแล้วล่ะค่ะ” มนตร์ลดาปลอบใจเมื่อเห็นสีหน้าสดใสของเพื่อนใหม่สลดลงไปในทันตา

“ไม่รู้ว่าจะนานแค่ไหนถึงจะจำได้ นี่เฟลิกซ์เขาก็ยังงอนที่ฉันจำเขาไม่ได้อยู่เลยค่ะ” อรอาภาบอก

“คิดมากไปรึเปล่าคะ เซญอร์ฟาเบียโน่แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่ารักและห่วงใยคุณเอามากๆแล้วจะงอนได้ยังไง”

“หึๆ ไม่เถียงหรอกค่ะว่าเขารักฉัน แต่ถ้าอยู่กันสองคนแล้วเขาเย็นชา แข็งทื่ออย่างกับน้ำแข็งขั้วโลกอย่างนี้ไม่เรียกว่างอนแล้วจะเรียกว่าอะไรล่ะ??” สองสาวพูดคุยกันอยู่ไม่นานนัก ฟาเบียโน่ก็เข้ามาบอกว่าจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วพร้อมที่จะเดินทางกลับสู่รีโอเดอจาเนโร ฟาเบียโน่ปฏิเสธบุรุษพยาบาลที่เข็นรถเข็นสำหรับผู้ป่วยเข้ามาในห้อง เขาช้อนร่างบอบบางของภรรยาสาวขึ้นไว้ในอ้อมแขนอย่างนุ่มนวล มนตร์ลดามองเพื่อนใหม่ของเธอที่อยู่ในอ้อมแขนของฟาเบียโน่ขำๆ เพราะอรอาภายักคิ้วหลิ่วตาให้ทั้งยังซุกหน้าลงที่อกกว้างของสามีอย่างออดอ้อนอีกด้วย

เมื่อมนตร์ลดาเดินมาถึงเคาน์เตอร์พยาบาลด้านนอกจึงขออนุญาตร่ำลากับเพื่อนร่วมงานก่อน ฟาเบียโน่พยักหน้าและเดินล่วงหน้าเข้าไปในลิฟต์

“พี่ลูลา มิ้นต์ต้องไปจริงๆแล้วนะคะ” มนตร์ลดาเดินเข้าไปสวมกอดพยาบาลสาวร่างท้วม ผู้ที่เป็นเสมือนพี่สาวคนหนึ่งที่คอยให้ความช่วยเหลือ ให้คำปรึกษาตลอดระยะเวลาเก้าเดือนที่ทำงานในโรงพยาบาลแห่งนี้

“จ้ะ... โชคดีนะสาวน้อย ดูแลตัวเองดีๆถ้าว่างก็โทรมาหาพี่บ้างนะ” ลูลากระชับอ้อมกอดพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“ค่ะ มิ้นต์จะโทรฯหาบ่อยๆนะคะ พี่ลูลาก็รักษาสุขภาพด้วย” มนตร์ลดาบอกพร้อมดันตัวออกจากอ้อมแขนของลูลา “มิ้นต์ไปแล้วนะคะไม่อยากให้เขารอนาน” มนตร์ลดาโบกมือให้ลูลาพร้อมเดินจากมาพร้อมหันกลับมายิ้มและมองลูลาเป็นระยะจนก้าวเข้าไปอยู่ในลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นสูงสุดของโรงพยาบาลแห่งนี้


สองชั่วโมงถัดมาเฮลิคอปเตอร์ค่อยๆลง



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 พ.ค. 2558, 20:37:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 พ.ค. 2558, 20:38:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1006





<< ตอนที่ 1 100%   ตอนที่ 3 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account