รักแท้...เคียงใจ
รักแท้...เคียงใจ
โดย ต้นเรื่อง(ภูเพชร)
อารัมภบท
ณหทัย ‘ฉันจะเชื่อเขาได้ไหม ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างเขา จะมาสนใจใยดีอะไรกับฉัน ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ไม่มีค่าพอให้ใครต้องจดจำ ขนาดแฟนหนุ่มที่คิดว่าดี คบกันมา กว่า 4 ปี ยังใช้เวลาแค่สิบนาที มาบอกเลิกได้อย่างไม่สะทกสะท้านอะไรเลย’
นราภพ ‘อย่าถามผมได้ไหม ว่ารักคุณเพราะอะไร ผมรู้แค่ว่าอยากมีคุณอยู่ใกล้ ๆ อยากมีคุณอยู่เคียงข้างใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีผมก็สามารถบอกกับคุณได้อย่างมั่นใจ ว่าผู้ชายอย่างผมคนนี้ จะรักคุณคนเดียวตลอดไป’
มาพิสูจน์ รักแท้ ที่ไม่จำกัดนิยาม ของ ผู้ชายที่ชีวิตนี้มีเพียง หนึ่งใจ
-------------------------------------------------------------
ข้อความเล็ก ๆ ของคนต้นเรื่อง/ภูเพชร/ปีบเพชร
ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่านเป็นอย่างสูงเลยนะคะ ที่หายไปนานแสนนานมาก
ตอนนี้พร้อมแล้วสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ให้จบ ไม่พูดพร่ำทำเพลงจ้า ไปอ่านตอนที่หนึ่งกันเลยเนอะ
อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร ติชมวิพากษ์วิจารณ์กันได้นะคะ หรือจะต่อว่าต้นเรื่อง(ภูเพชร)ที่หายไปก็จัดมาได้เลยจ้า จังหวะนี้ยอมทู้กอย่าง :)
--------------------------------------------------
นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนเป็นสำคัญ ทั้งพล็อตเรื่อง ชื่อตัวละครและคาแร็คเตอร์ตัวละครล้วนแล้วแต่ดำเนินไปตามเนื้อเรื่อง มิได้มีเจตนาจะกล่าวอ้างถึงบุคคลหนึ่งบุคคลใด และเนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิต หากมีจุดบกพร่อมประการใด ต้นเรื่องใคร่ขอคำชี้แนะจากทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ :)
โดย ต้นเรื่อง(ภูเพชร)
อารัมภบท
ณหทัย ‘ฉันจะเชื่อเขาได้ไหม ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างเขา จะมาสนใจใยดีอะไรกับฉัน ผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่งที่ไม่มีค่าพอให้ใครต้องจดจำ ขนาดแฟนหนุ่มที่คิดว่าดี คบกันมา กว่า 4 ปี ยังใช้เวลาแค่สิบนาที มาบอกเลิกได้อย่างไม่สะทกสะท้านอะไรเลย’
นราภพ ‘อย่าถามผมได้ไหม ว่ารักคุณเพราะอะไร ผมรู้แค่ว่าอยากมีคุณอยู่ใกล้ ๆ อยากมีคุณอยู่เคียงข้างใจ ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้ตัวอีกทีผมก็สามารถบอกกับคุณได้อย่างมั่นใจ ว่าผู้ชายอย่างผมคนนี้ จะรักคุณคนเดียวตลอดไป’
มาพิสูจน์ รักแท้ ที่ไม่จำกัดนิยาม ของ ผู้ชายที่ชีวิตนี้มีเพียง หนึ่งใจ
-------------------------------------------------------------
ข้อความเล็ก ๆ ของคนต้นเรื่อง/ภูเพชร/ปีบเพชร
ก่อนอื่นต้องขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่านเป็นอย่างสูงเลยนะคะ ที่หายไปนานแสนนานมาก
ตอนนี้พร้อมแล้วสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานชิ้นนี้ให้จบ ไม่พูดพร่ำทำเพลงจ้า ไปอ่านตอนที่หนึ่งกันเลยเนอะ
อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร ติชมวิพากษ์วิจารณ์กันได้นะคะ หรือจะต่อว่าต้นเรื่อง(ภูเพชร)ที่หายไปก็จัดมาได้เลยจ้า จังหวะนี้ยอมทู้กอย่าง :)
--------------------------------------------------
นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียนเป็นสำคัญ ทั้งพล็อตเรื่อง ชื่อตัวละครและคาแร็คเตอร์ตัวละครล้วนแล้วแต่ดำเนินไปตามเนื้อเรื่อง มิได้มีเจตนาจะกล่าวอ้างถึงบุคคลหนึ่งบุคคลใด และเนื่องจากเป็นนิยายเรื่องแรกในชีวิต หากมีจุดบกพร่อมประการใด ต้นเรื่องใคร่ขอคำชี้แนะจากทุกท่านมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ :)
Tags: หวานซึ้ง อบอุ่นใจ
ตอน: ตอนที่ 15 อันธพาล
รักแท้...เคียงใจ ตอนที่ 15 อันธพาล โดยต้นเรื่อง
หลังจากวันนั้นวันที่ผมเห็นเจ้านายผมเอาแต่เดินลูบหน้าลูบตาไม่สนใจใคร สัมพันธภาพระหว่างเจ้านายผมและหวานใจก็ดูเหมือนจะอยู่ในช่วงมรสุมลมเพลมพัดยังไงพิกล ไม่มีการไปมาหาสู่ ไม่มีพูดคุยทางโทรศัพท์ มีแต่การแอบตาม แอบดู ซึ่งมีแค่เจ้านายผมคนเดียวที่ทำ มันทำให้ผมอดย้อนคิดไปถึงวันนั้นอีกครั้งไม่ได้ ในวันนั้นคนที่เอาแต่ยกมือขึ้นลูบใบหน้ากลับมาถึงห้อง เพียงแค่ก้าวผ่านประตูห้องมาบุรุษหนุ่มผู้ที่ได้ชื่อว่ามีอำนาจมากที่สุดคนนึงก็ตรงดิ่งไปยังบาร์เครื่องดื่ม บรั่นดีสีอำพันรสชาติเยี่ยมสัญชาติไทยถูกรินใส่แก้วใบใสก่อนจะหายวับไปกับตาเมื่ออีกฝ่ายกระดกพรวดเดียวแอลกอฮอล์สีคลาสสิคที่มีอยู่ในแก้วก็ไหลลื่นลงคอไปจนหมด โซดาไม่ต้องใส่ น้ำแข็งไม่ต้องใช้ เจ้านายผมซัดเลยเพรียว ๆ กลายเป็นคนดื่มเหล้าเก่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ถ้าดวลเหล้ากัน เรื่องคอแข็งต้องยกให้เพชร แต่เรื่องครองสติต้องยกให้เจ้านาย ไม่ว่าจะเมาแค่ไหนก็จำได้เสมอและยากหากคุณจะมามอมเหล้าเจ้านายผมเพื่อล้วงความลับอะไรบางอย่าง แต่วันนั้นผมบอกได้เลยว่าหมดสภาพครับ เพชรกับผมก็ถูกดึงเข้าไปร่วมด้วยและนั่นทำให้ผมกับเพชรเข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เจ้านายผมหลุดขนาดนี้ ผลสรุปของวันนั้นคือเมากันเละ พอเช้าวันรุ่งขึ้นเข้านายผมก็กลับเข้าสู่โหมดบ้างาน
ก่อนหน้าที่จะมาพบคุณตรี เจ้านายผมมีแต่งาน งาน งาน แล้วก็งาน สองตาไม่เคยแลใครให้เสียเวลา ตอนนี้เจ้านายผมกำลังกลับมาเป็นแบบนั้น แต่พวกผมก็รับมือได้สบาย ๆ ถ้าเจ้านายจะบ้างานเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ใช่แบบนั้นแล้วครับ เพราะแอลกอฮอล์คือเพื่อนใหม่ที่เจ้านายผมพึ่งค้นพบ ออกจากห้องทำงานก็ตรงดิ่งมาบาร์เครื่องดื่ม...วันนี้เองก็เช่นกัน ภัคค์ปล่อยให้ภวังค์ความคิดสิ้นสุดลง ได้เวลาทำหน้าที่คนสนิทที่ดี
“นายครับ ผมว่าเบาหน่อยดีไหมครับ...” เสียงภัคค์เอ่ยทักท้วงเจ้านายหนุ่มที่เอาแต่กรอกเหล้าเข้าปาก แก้วแล้วแก้วเล่า กะจะเผาตับไตไส้พุงให้วอดวายเลยหรือยังไง
นราภพไม่สนใจเสียงห้ามปรามของคนสนิทเท่าใดนัก ในใจเอาแต่กระหวัดรัดรึงถึงแต่คนที่ใจใฝ่หา ร่วมสองเดือนแล้วที่เขาไม่ได้ย่างกรายไปที่บ้านหลังนั้นเลยสักครั้ง คิดถึงใจจะขาด แต่ไม่กล้าโผล่หน้าไปให้เธอเห็น อย่างดีก็แค่แอบติดตามเลยทำให้รู้ว่าเธอเองก็เจตนาหลบหน้าเขาเหมือนกัน สังเกตได้ชัด ๆ จากการเปลี่ยนเวลาออกเดินทางจากบ้านไปที่ทำงาน แม้จะอยากขอโทษเพียงไรแต่เจตนาเธอที่แสดงออกชัด ๆ ว่าไม่เปิดโอกาสให้มันทำให้คนมั่นใจอย่างเขาออกอาการฝ่อได้เหมือนกัน
แต่ที่น่าหงุดหงิดน้อยใจมากกว่านั้น ไม่ใช่เพราะหญิงสาวพยายามหลบหน้าเขาหรอก แต่เป็นเพราะภาพบาดตาบาดใจที่เห็นเธอให้ความสนิทสนมกับไอ้หมอนั่นต่างหากที่ทำให้เขาร้อนรุ่มไปทั้งหัวใจ ไอ้หมอนั่นทำคะแนนน่าดูอาศัยช่วงเวลาที่คุณนินต้องเรียนรู้งานที่บริษัทอาสามาทำหน้าที่ดูแลเพื่อนน้องสาวให้ ช่างเป็นคนดีซะเหลือเกิน ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดระคนหมันไส้ เธอคงไม่รู้ว่าเขาเฝ้าติดตามเธออยู่ตลอด ไม่ว่าจะทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใคร ยิ่งนับวันความรู้สึกก็ยิ่งทบเท่าทวีคูณว่าเขาไม่อยากให้เธอไปสนิทสนมกับผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น !
ปึง!!! นราภพวางแก้วเหล้าในมือกระแทกลงกับโต๊ะอย่างแรง แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีสำหรับใช้เติมไฟในอารมณ์ ‘หมดเวลาสำหรับคุณแล้วณหทัย ผมให้เวลาคุณหลบหน้าผมมามากพอแล้ว พรุ่งนี้ทุกอย่างจะต้องเคลียร์’ ชายหนุ่มบอกตัวเองในใจอย่างหมายมาด
--------------------------------------
“สวัสดีจ้ะน้องตรี” เสียงคุณสมศรีพนักงานอาวุโสในแผนกบัญชีกล่าวทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มทันทีที่หญิงสาวเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะพี่สมศรี” ณหทัยยิ้มหวานพลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อมน่ารัก
เผลอแผลบเดียวเธอก็ทำงานที่นี่มาร่วมสองเดือนแล้ว แม้จะเป็นเวลาไม่นานแต่ด้วยความน่ารักความอ่อนน้อมถ่อมตนและความที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีของเธอก็สามารถผูกใจเพื่อนร่วมงานในแผนกซึ่งส่วนใหญ่จะมีแต่ผู้อาวุโสกว่าเธอให้หลงรักในตัวตนที่แท้จริงได้อย่างไม่ยากเย็นเลยแม้แต่น้อย
“วันนี้ตรีทำอาหารเพื่อสุขภาพมาฝากทุกคนด้วยค่ะ นี่ค่ะ ปายฝากไว้กับพี่สมศรีนะคะพี่ ๆ ”
ณหทัยส่งกล่องอาหารให้กับพี่สมศรี พี่ ๆ ในแผนกหันมายิ้มให้กับความใจดีของน้องน้อยในแผนกกันยกใหญ่
“ขอบใจนะจ๊ะน้องตรี” คุณสมศรีเป็นฝ่ายรับข้าวของมาจากหญิงสาว ตั้งแต่หญิงสาวเข้ามาอยู่ในแผนก แผนกบัญชีก็มีสีสันและคึกคักขึ้นเยอะ ก่อนเวลาเข้างานจะมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ไม่เว้นแม้กระทั่งสาวน้อยสาวใหญ่ แวะเวียนกันมาดูหน้าพนักงานใหม่อยู่เสมอ สาว ๆ ก็อาจจะมาแค่ครั้งเดียวเพราะอยากเห็นหน้าคนที่ผู้บริหารให้ความสำคัญ ส่วนหนุ่ม ๆ ก็จะมาบ่อยหน่อย แว่วกันว่าแค่ได้เห็นรอยยิ้มใส ๆ ไร้การปรุงแต่งกับใบหน้าสวยพิศยิ่งพิศยิ่งพินิจยิ่งน่ารักของณหทัย หนุ่ม ๆ ก็มีแรงทำงานกันทั้งวันเลยทีเดียว สมศรียิ้มขำกับความคิดของตัวเอง เธอคงไม่ได้อวยสาวน้อยตรงหน้านี้จนเกินไป
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ ตรียินดีทำให้ เดี๋ยวตรีขอตัวทำงานก่อนนะคะ” ณหทัยออกตัวอย่างเขิน ๆ กับทุกสายตาที่จดจ้องมา พอดีเหลือบไปมองนาฬิกาตรงมุมห้องจึงถือโอกาสขอตัวแก้เก้อ
“จ้า...” คุณสมศรีตอบรับทั้งรอยยิ้ม
หญิงสาวก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างตั้งใจ แผนกบัญชีทั้งแผนกตกอยู่ในความสงบเมื่อทุกคนต่างก็ทำงานของตน แต่แล้วทุกคนก็ต้องละสายตาจากงานที่ทำอยู่เมื่อรับรู้ได้ถึงการมาเยือนที่ไม่เบานักของผู้มาใหม่ ณหทัยเงยหน้าขึ้นมอง และก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคนร่างสูงที่หายหน้าหายตาไปเป็นเดือนมายืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของชายหนุ่มเรียบเฉยจนติดจะเย็นชา แต่สายตาที่ทอดมานั้นไม่ได้นิ่งสักนิดเดียว เธอรับรู้ได้ถึงอารมณ์คุกรุ่นบางอย่างแต่ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร
“คุณภพ…” ณหทัยทักขึ้นหลังจากตั้งสติได้
“ครับ ผมเอง” นราภพตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามแบบฉบับ
“ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ...ไปกับผมนะครับ” นราภพฉวยข้อมือบางมากุมไว้
“แต่ดิฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกแล้วค่ะ เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ ดิฉันจะทำงาน” ณหทัยสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มแทบจะทันที
คำพูดและท่าทางที่แสนห่างเหินทำให้คนที่มาง้อหงุดหงิดได้เหมือนกัน ทั้งที่ท่องไว้ในใจว่าจะมาปรับความเข้าใจไม่ได้มาชวนทะเลาะ แต่แว่บหนึ่งในใจก็อดประชดประชันคนตรงหน้าไม่ได้ ‘ทีกับไอ้หมอนั่น ยิ้มให้มันทั้งเช้า กลางวัน เย็น คุณนะคุณ ฮึ่มม’
ณหทัยก้มหน้าทำงานต่อ พยายามไม่สนใจผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่ในหัวตอนนี้กลับเต็มไปด้วยสารพันวิธีที่จะตอบโต้กับชายหนุ่มถ้าเขาเผลอทำอะไรห่าม ๆ ขึ้นมา ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้เธอคาดเดาอารมณ์คุณภพไม่เคยได้ เขาเปลี่ยนไปมาก ความรู้สึกนึกคิดที่ฟุ้งซ่านทำให้หญิงสาวไม่ทันได้สังเกตสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ทุกคนในแผนกกำลังตกใจที่ได้เห็นท่านประธานกรรมการบอร์ดบริหารสูงสุดยืนอยู่ตรงหน้า ถึงจะหนวดเคราขึ้นรกรุงรังไปหน่อยพวกเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่านี่ไม่ใช่ท่านประธานนราภพ แต่ที่เซอร์ไพรส์ยิ่งกว่านั้นคือบทสนทนาที่ทั้งสองใช้สื่อสารกันนี่แหละ คนที่เคยสงสัยถึงสถานะคลุมเครือของสาวน้อยนามว่าณหทัยเริ่มจะตาสว่าง ก็ถ้าไม่หูหนวกตาบอดหรือแกล้งโง่จนเกินไปก็ต้องรับรู้ได้โดยปริยายว่าณหทัยคนนี้ไม่ใช่พนักงานธรรมดาจริง ๆ
“ไม่ !!!”
เสียงกึกก้องของนราภพทำเอากองเชียร์ในห้องที่กำลังพินิจพิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าอยู่ในใจพากันสะดุ้งตกใจไปตาม ๆ กัน ห้องทั้งห้องเงียบกริบชนิดที่ว่าแม้เข็มอันเล็ก ๆ หล่นเสียงก็คงดังแจ่มชัด เพราะทุกคนพากันอึ้งกิมกี่กับโหมดนี้อารมณ์นี้ของท่านประธานใหญ่
“คุณต้องไปกับผมตอนนี้ และเดี๋ยวนี้ด้วย หยุดซักวันบริษัทนี้มันไม่เจ๊งหรอก” นราภพกล่าวขึ้นน้ำเสียงพาล ๆ พลางดึงปากกาออกจากมือหญิงสาว ทั้งยังปิดแฟ้มงานให้เสร็จสรรพ ลุง ๆ ป้า ๆ ฝ่ายบัญชีหน้าเหวอกันเป็นแถบ ๆ กับประโยคหลังสุดของผู้บริหารหนุ่ม
ด้วยความตกใจกับการกระทำบ้าบิ่นของคนตรงหน้า ทำให้ณหทัยไม่ทันได้ฉุกคิดกับคำพูดในตอนท้ายของชายหนุ่ม หญิงสาวยังคงแสดงความตั้งใจเดิมต่อไป
“เอ๊ะ!!! คุณนี่ ฉันบอกว่าไม่ไป เราไม่เคยรู้จักกันได้ยินมั้ย เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ อย่าให้ดิฉันต้องเรียกรปภ.เลยนะคะ” ณหทัยตวาดกลับไปเสียงดัง เล่นเอาพี่ ๆ ทั้งแผนกตกใจและหวาดเสียวไปตาม ๆ กัน
‘หนูตรีขา หนูตรีรู้มั้ยคะว่ากำลังขึ้นเสียงกับใคร ถ้าเกิดไรขึ้นมา พวกพี่ช่วยหนูไม่ได้เลยนะคะเนี่ย’ คุณสมศรีพึมพำอยู่ในใจ ในขณะที่คนถูกขึ้นเสียงใส่อารมณ์กำลังเดือดปุด ๆ
“เหอะ!...ไม่รู้จักเรอะ โอเคคุณไม่รู้จักผมไม่เป็นไร แต่ผมทำให้คุณรู้จักผมได้ มานี่เลย!!” นราภพดึงหญิงสาวออกมาจากโต๊ะทำงานด้วยพละกำลังมหาศาล ฉุด กระชากลากถูร่างบางให้ไปด้วยกัน คุณสมศรีรุดเข้าไปช่วยแต่ก็ถูกคุณทรงวิทย์ที่ออกจากห้องของตนมาดูเหตุการณ์ด้วยเช่นกันรั้งเอาไว้เสียก่อน ผู้บริหารแผนกบัญชีส่งสายตาห้ามปรามผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นเชิงว่าอย่าไปยุ่งเรื่องของเจ้านายจะดีกว่า คุณสมศรีมองตามทั้งคู่ไปอย่างเป็นห่วง หลังนราภพลากตรีออกไป ภัคค์ก็เข้ามาไกล่เกลี่ยให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ
“ปล่อยนะคุณภพ เอ๊ะ! บอกให้ปล่อยไง”
นราภพพาณหทัยมาจนถึงบริเวณหน้าบริษัท เป็นจังหวะเดียวกับที่ณหทัยดิ้นรนจนหลุดจากการเกาะกุมของชายหนุ่มได้พอดี
“ไหนคุณบอกไม่รู้จักผมไง เมื่อตะกี๊เรียกชื่อผมออกมาซะเต็มปากเต็มคำเลยนะ” นราภพไม่วายค่อนขอดด้วยสีหน้าบึ้งตึง หญิงสาวหันขวับมามองชายหนุ่มตรงหน้าเต็ม ๆ ตา ฝ่ามือบางตวัดไปกระทบใบหน้าคมคร้ามเต็มแรง
“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ ลากมาแบบนี้ใครเสียหาย ทั้งแผนกจะมองว่าตรีเป็นคนยังไงคะอยู่ ๆ ก็มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาฉุดกระชากลากถูออกมาแบบนี้ ในเมื่อไม่เคยนึกถึงจิตใจกันแล้วคุณจะมายุ่งกับฉันอีกทำไมคะ...สุดท้ายคุณมันก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ชายพวกนั้น”
ประกายตาผิดหวังและน้ำเสียงตัดพ้อต่อว่าทำเอาคนที่กำลังอารมณ์ร้อนแรงถึงกับใจอ่อนยวบ นราภพค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ พลางคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องปรับความเข้าใจกับเธอเสียที
มือหนารวบมือบางของหญิงสาวเข้ามากุมไว้ด้วยความทะนุถนอม สายตาคมกล้ามองลึกลงไปในดวงตาคู่สวยแน่วนิ่งอย่างพยายามเปิดเปลือยหัวใจของตนให้อีกฝ่ายได้รับรู้
“ได้โปรดอย่าด่วนตัดสินใจผม อย่าเอาความเลวร้ายของผู้ชายคนนั้น มาตัดสินในความเป็นตัวตนของผมได้ไหม...” นราภพบอกในสิ่งที่แสดงถึงความจริงใจของตน เมื่อเห็นว่าเธอยังยืนนิ่งแต่ความเคลือบแคลงสงสัยยังไม่จางหายไปจากดวงตาคู่สวย ชายหนุ่มจึงเอ่ยต่อ
“เลิกขีดเส้นใต้ผมตรงคำว่าพี่ชาย คุณรู้ว่าผมคิดยังไงกับคุณแต่อาจจะยังไม่มั่นใจไม่แน่ใจ โอเคมันผิดที่ผมด้วยกับการกระทำของผมที่ไม่ค่อยจะยับยั้งชั่งใจทำให้คุณยิ่งเข้าใจผิดไปกันใหญ่ อันนี้ผมขอโทษ ผมรู้ว่ามันเร็วไปสำหรับความสัมพันธ์ของคุณกับผม แต่ผมขอโอกาสได้ไหมครับ โอกาสที่จะพิสูจน์ความจริงใจของผมที่มีต่อคุณในสถานะใหม่ที่ไม่ใช่คำว่าพี่ชายหรือคำว่าคนอื่น”
ทั้งน้ำเสียงอ่อนหวานและแววตาออดอ้อนของนราภพที่ส่งมา ทำให้ณหทัยใจอดใจอ่อนไม่ได้ เธอกำลังรู้สึกหวั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ขณะที่สองหนุ่มสาวยืนสบตากันนิ่ง ภัคค์ที่ทันได้เห็นลีลาการออดอ้อนของเจ้านายหนุ่มก็ต้องยิ้มออกมาอย่างชอบใจ ความรักทำให้คนตาบอดจริง ๆ มายืนปรับความเข้าใจกันหน้าบริษัทเลยทีเดียว ประชาสัมพันธ์ที่อยู่ไม่ไกลถึงกับชะเง้อกันคอแทบเคล็ด
“นะครับ” เสียงถามอ่อนหวานดังขึ้นอีกครั้ง
ณหทัยมองคนตรงหน้าอย่างสับสน ตั้งแต่พ่อเธอเสียก็มีแต่เขาที่อยู่เคียงข้างเธอตลอด ไม่เคยห่างไปไหนจนกระทั่งเหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อนเกิดขึ้น เขาหายหน้าไปแล้วก็กลับมาอีกในวันนี้....
ความเงียบแผ่กระจายไปทั่วทั้งบริเวณ ในขณะที่ณหทัยกำลังขยับริมฝีปากเหมือนจะเอื้อนเอ่ยบางอย่าง จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่ง
ตะโกนแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“เฮ้ย นายทำไรน้องตรีวะ” นนท์ร้องทักขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นมือบางถูกมือหนาของชายร่างสูงใหญ่เกาะกุมอยู่ ร่างสันทัดแทบจะถลาเข้าไปโอบไหล่ณหทัยให้ถอยออกมาจากนราภพอย่างเป็นห่วง นราภพขบกรามแน่นอารมณ์คุกรุ่นที่ว่าควบคุมได้แล้วปะทุขึ้นมาอีกจนได้
“น้องตรีเป็นไรไหมครับ เค้าทำอะไรน้องตรีรึเปล่า” นนท์มองสำรวจหาบาดแผลตามตัวหญิงสาว ก่อนจะหันไปมองคู่กรณีอย่างเอาเรื่อง แต่ใบหน้าที่คุ้นตากลับทำให้นนท์ขมวดคิ้วมุ่น
“อ้อ นึกว่าใคร ลูกน้องคนโปรดของลุงนัยนี่เอง ทำไมคุณต้องมายื้อยุดฉุดแขนน้องตรีกลางที่สาธารณะแบบนี้ด้วยครับ”
เจอคำถามนี้เข้าไปนราภพถึงกับปวดหัวตึบ สถานการณ์กำลังจะดีอยู่แล้วเชียวไอ้นี่ดันโผล่มาอีก เขากำลังจะได้คำตอบอยู่แล้ว แต่ไอ้หมอนี่ก็มาขัดจังหวะจนได้ แล้วยิ่งกริยาหรี่ตาถามอย่างจับผิดยิ่งทำให้นราภพหมันหน้าอีกฝ่ายเป็นเท่าทวีคูณ
“แล้วมันเรื่องอะไรของคุณ” น้ำเสียงตอบกลับราวกับคนหัวเสียทำให้นนท์ฉุนกึก
“อ้าว พูดแบบนี้ก็สวยดิ” นนท์ตรงเข้าผลักอกนราภพ แต่คนถูกผลักเหมือนจะตั้งรับอยู่แล้ว หมัดลุ่น ๆ จึงสวนกลับไปเต็มแรง หมัดหนัก ๆ ของนราภพล้มนนท์ลงไปกองกับพื้นได้ไม่ยากเย็น
“ว้าย คุณภพ !” ณหทัยผวาตามร่างที่ล้มไปด้วยความตกใจ เสียงอุทานของเธอเริ่มเรียกให้พนักงานในบริเวณนั้นหันมามองด้วยความสนใจ
“คุณต่อยพี่นนท์ทำไมคะ” ณหทัยหันมาถามนราภพอย่างเอาเรื่อง คนที่กำลังอารมณ์คุกรุ่นไม่เอ่ยปากตอบคำถามใด ๆ ณหทัยจึงหันกลับไปประคองนนท์ให้ลุกขึ้น
ท่าทีที่เธอแสดงความเป็นห่วงเป็นใยในตัวคู่อริยิ่งทำให้นราภพโมโหเข้าไปใหญ่ จะตามเข้าไปซ้ำอีกหมัดดีที่ ณหทัยเห็นเสียก่อนจึงเอาตัวเข้าไปขวางไว้ได้ทัน
“หยุดนะ ฉันบอกให้หยุด ถ้าคุณจะทำร้ายพี่นนท์คุณก็ทำร้ายฉันไปด้วยเลยแล้วกัน” ณหทัยตวาดแหวออกมานนท์เช็ดเลือดที่มุมปากพลางยักคิ้วหลิ่วตาให้คนที่กำลังเดือดอย่างเป็นต่อ นราภพได้แต่ยืนกระฟัดกระเฟียดอยากจะเหยียบไอ้บ้านั่นให้จมดินแต่ก็ทำไม่ได้เพราะสุดที่รักขวางอยู่ ไม่ว่าจะโมโหแค่ไหนก็ไม่อาจลงไม้ลงมือกับคนที่ตัวเองรักได้จริง ๆ ชายหนุ่มจึงระบายออกด้วยการหันไปถีบกระถางต้นไม้ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ดังโครมใหญ่ พนักงานที่ยืนดูอยู่รีบหลบฉากกันอย่างไว
ณหทัยมองการกระทำนั้นอย่างตกใจ ก่อนที่ความตกใจนั้นจะแปรเปลี่ยนอารมณ์ของเธอให้กลายเป็นคนเลือดขึ้นหน้าขึ้นมาบ้างเหมือนกัน เมื่อรู้สึกว่าคนตัวโตตรงหน้าพาลพาโลไร้เหตุผลจนเกินจะรับไหว
“หยาบคาย ไร้เหตุผล ที่แท้คุณมันก็พวกป่าเถื่อน ชอบใช้แต่กำลัง” บริภาษไปแล้วณหทัยก็รู้สึกว่าตัวเองพลาด เพราะทันทีที่เธอพูดจบนราภพก็ย่างสามขุมเข้ามาฉวยข้อมือบางไว้แน่น นนท์ที่พึ่งหยัดกายลุกขึ้นมาได้อาสาขี่ม้าขาวถลาจะเข้าไปช่วยก็ถูกนราภพแจกให้อีกหมัดจนล้มคว่ำไปอีกรอบ ท่ามกลางเสียงร้องด้วยความตกใจของณหทัยอีกระลอก หญิงสาวพยายามสะบัดข้อมือให้พ้นจากการเกาะกุมแต่มือคนที่ยึดข้อมือไว้ยามนี้กลับแข็งราวคีมเหล็ก พอเธอดิ้นรนมาก ๆ เข้าเขาก็เปลี่ยนจากรั้งข้อมือบางมาฉวยเอวคอดกิ่วไว้แนบตัวแทน
“หยาบคาย ไร้เหตุผล ป่าเถื่อน ชอบใช้แต่กำลังงั้นหรอ ได้เลยที่รัก...ขอมาเท่าไหร่พี่จัดให้ตามนั้น” นราภพส่งสัญญาณบางอย่างให้ภัคค์ เพียงเสี้ยววินาทียานพาหนะสีดำสนิทก็มาจอดเทียบหน้าบริษัท ร่างบางถูกยัดเข้าไปในรถพร้อมทั้งร่างสูงใหญ่ที่ก้าวตามเข้าไป ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะค่อย ๆ เคลื่อนออกไป ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว
นนท์ที่เพิ่งหายมึนจะวิ่งตามก็ถูกภัคค์เข้ามาขวางไว้เสียก่อน
ภัคค์อมยิ้มน้อย ๆ สายตามองตามรถที่เคลื่อนออกไป เขาไม่เคยเห็นเจ้านายโมโหถึงขนาดควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนี้มาก่อนเลย ‘คุณตรีเก่งจริง ๆ สามารถเปลี่ยนน้ำแข็งให้เป็นไฟได้ในพริบตา’
“คุณภพ คุณจะพาตรีไปไหน ปล่อยตรีลงเดี๋ยวนี้นะ” ณหทัยส่งเสียงร้องจนลั่นรถไปหมด แต่ให้ส่งเสียงยังไงก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากร่างสูงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สักที นราภพยังมองไปข้างหน้านิ่งสายตายังไม่คลายไปจากความดุดัน ซึ่งมันทำให้หญิงสาวชักโมโห การโมโหมาก ๆ มันมักจะเป็นแรงผลักดันให้ทำอะไร ๆ ที่ตนไม่เคยคิดจะทำได้เหมือนกัน
‘เป็นไงเป็นกันวะยัยตรี’ หญิงสาวคิดในใจก่อนจะขยับเข้าไปประทุษร้ายชายหนุ่มทันที ทั้งทุบทั้งตีทั้งหยิกเป็นพัลวัน
“ไม่บอกใช่มั้ย ไม่พูดใช่มั้ย นี่แหนะ ๆ ไม่พูดแล้วจับตัวมาทำไป จับยัดใส่รถมาทำไม ไอ้คนบ้า พาฉันไปส่งบ้านเดี๋ยวนี้นะ”
“โอ๊ย ๆ ๆ คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะผมเจ็บ” นราภพต้องรวบข้อมือหญิงสาวเอาไว้ แล้วดึงร่างบางขึ้นมานั่งซ้อนตัก กอดร่างบางไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวหยุดประทุษร้ายเขาสักที หญิงสาวดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่ม
“คุณเป็นอะไร อยู่ดี ๆ ก็ลุกขึ้นมาทุบผมเป็นวรรคเป็นเวรอย่างนี้” ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากที่หญิงสาวหยุดดิ้นเพราะความเหนื่อย ไม่มีความขุ่นมัวทางอารมณ์เมื่อได้กอดร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขน
“ถามคุณดีกว่าไหมคะ ว่าเป็นอะไร อยู่ดี ๆ ก็ลุกขึ้นมาเป็นอันธพาลโมโหร้าย ทำร้ายคนอื่น แถมยังฉุดตรีขึ้นรถมาอีก คุณภพที่สุภาพ อ่อนโยน ใจดี และเป็นสุภาพบุรุษหายไปไหนคะ คุณภพบอกตรีได้ไหมคะ คำถามนี้ถามไปหลายรอบแล้วนะ !” ณหทัยสวนกลับมาน้ำไหลไฟดับ
“ก็ ๆ เอ่อ...” ชายหนุ่มอึ้งกับคำถามของหญิงสาว ความเงียบเท่านั้นที่เป็นคำตอบ
อาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเจ้านาย ทำให้หมอกที่กลั้นหัวเราะมานาน ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องรีบหยุดเมื่อเจอสายตาพิฆาตของผู้เป็นนาย ‘ก็เจ้านายผมไม่เคยเป็นแบบนี้นี่’ หมอกยังคิดต่อในใจ
“ก็ใครใช้ให้คุณน่ารักล่ะ ผมก็รักคุณไปแล้วด้วย มันก็เลยห้ามใจไม่ค่อยจะอยู่...อีกอย่างใครจะทนได้ เห็นผู้ชายอื่นมาแตะตัวคุณซะขนาดนั้น” นราภพพึมพำกับตัวเองเบา ๆ มือยังกอดคนในอ้อมแขนไว้ไม่ปล่อย
“อะไรนะคะ” ณหทัยถามขึ้นเมื่อรู้สึกว่าชายหนุ่มตอบคำถามของเธอ แต่เธอได้ยินไม่ชัด
“ป่าว ๆ ครับ ไม่มีอะไร” เกือบไปแล้วนายภพ ณหทัยจ้องมองอย่างจับผิด ก่อนจะเปลี่ยนโหมดอย่างรวดเร็ว เมื่อคิดว่าไฟคงใช้กับเขาไม่ได้ ตอนนี้เธออยากกลับบ้านไม่อยากนั่งรถไปไหนกับเขาทั้งนั้น การพูดด้วยดี ๆ คงจะเป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด คิดได้ดังนั้น ณหทัยจึงงัดลูกอ้อนออกมาเต็มที่
“คุณภพขา”
“ครับ” แค่ได้ยินเสียงหวาน ๆ มาออดอ้อนใกล้ ๆ อย่างนี้นราภพก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ อดใจไม่ไหวยื่นหน้าไปหอมแก้มหญิงสาวฟอดใหญ่
“อุ๊ย!!”
“ว่าไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มหน้าระรื่น
“คุณภพช่วยพาตรีไปส่งบ้านนะคะ...นะคะ...น้า” ท่าทางออดอ้อนของเธอเกือบจะทำให้เขาใจอ่อน แต่เหตุผลถัดมาที่ได้ยิน กลับทำให้เขาอยากจะสั่งให้หมอกเลี้ยวรถกลับไปยำไอ้หน้าอ่อนนั่นให้หยอดน้ำข้าวต้มไปเลย นราภพหน้าบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์
“ตรีเป็นห่วงพี่นนท์ ไม่รู้ป่านนี้เป็นไงมั่ง หมัดคุณภพไม่ใช่เบา ๆ เลยนะคะ ตรีเห็นมีเลือดออกด้วยอ่ะ” เธอยังพูดต่อไป โดยไม่ได้สังเกตสีหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย
“ดี ปล่อยให้มันตายไปเลย” นราภพพูดด้วยความหมันไส้ พลางกอดหญิงสาวแน่นขึ้น พอเธอเผลอเขาก็ก้มลงหอมแก้มอีกฟอดหนึ่ง เพื่อดับอารมณ์คุกรุ่นในใจ
“ต่อไปอย่าพูดชื่อนี้ให้ผมได้ยินอีกนะ ผมไม่อยากได้ยินชื่อมัน” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเข้ม
“ไม่! ตรีจะพูด ถ้าไม่อยากให้พูด ก็ปล่อยลงจากตักคุณภพเดี๋ยวนี้”
“เสียใจครับ ผมจะกอดคุณไว้อย่างนี้ ใครจะทำไม”
“งั้นตรีก็จะพูด” หญิงสาวตะโกนใส่หูชายหนุ่ม “ปล่อยตรีเดี๋ยวนี้ตรีจะไปหาพี่นนท์ ตรีคิดถึง.....อุ๊บส์” ยังไม่ทันพูดได้จบประโยคชายหนุ่มก็ก้มลงจุมพิตริมฝีปากเรียวสวยเพื่อสกัดกั้นประโยคที่เสียดแทงหัวใจ ณหทัยอ้าปากจะประท้วง แต่กลับเป็นการเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้ส่งเรียวลิ้นเข้าไปลิ้มรสความหอมหวานจากริมฝีปากบางได้ถนัดถนี่ยิ่งขึ้น หญิงสาวอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ มือเล็กที่พยายามผลักไสกลับเลื่อนขึ้นไปโอบรอบคอ เมื่อจุมพิตทวีความร้อนแรงเป็นเท่าตัว จากเดิมที่คิดแค่จะแกล้งหญิงสาว กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เขาชักจะหยุดตัวเองไม่ได้ซะแล้ว ก่อนที่จะเตลิดไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มตัดสินใจถอดจุมพิตออกอย่างแสนเสียดาย
ณหทัยได้สติทันทีที่ชายหนุ่มถอนจุมพิต จากความอายกลายเป็นความโกรธ ฝ่ามือบางตวัดใส่ใบหน้าชายหนุ่มไม่ยั้ง เล่นเอาหมอกที่อยู่ด้านหน้าถึงกับสะดุ้ง
เพี๊ยะ!! นราภพหน้าชาเป็นแถบ ๆ
“จอด!! จอดรถเดี๋ยวนี้ ฉันจะลง ได้ยินไหมฉันบอกให้จอด” หญิงสาวตะโกนใส่หมอกเสียงดัง พลางดิ้นลงจากตักนราภพสุดแรง แต่กลับไม่มีประโยชน์เมื่อชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย แถมยังสั่งลูกน้องด้วยคำสั่งที่ตรงกันข้าม
“หมอก ไม่ต้องจอด ไปคอนโดเดี๋ยวนี้!!” นราภพสั่งเสียงเฉียบขาด
แล้วหมอกจะเลือกเชื่อใคร ถ้าไม่ใช่คนที่มีบุญคุณกับตัวเอง
---------------------------------------------------------
หลังจากวันนั้นวันที่ผมเห็นเจ้านายผมเอาแต่เดินลูบหน้าลูบตาไม่สนใจใคร สัมพันธภาพระหว่างเจ้านายผมและหวานใจก็ดูเหมือนจะอยู่ในช่วงมรสุมลมเพลมพัดยังไงพิกล ไม่มีการไปมาหาสู่ ไม่มีพูดคุยทางโทรศัพท์ มีแต่การแอบตาม แอบดู ซึ่งมีแค่เจ้านายผมคนเดียวที่ทำ มันทำให้ผมอดย้อนคิดไปถึงวันนั้นอีกครั้งไม่ได้ ในวันนั้นคนที่เอาแต่ยกมือขึ้นลูบใบหน้ากลับมาถึงห้อง เพียงแค่ก้าวผ่านประตูห้องมาบุรุษหนุ่มผู้ที่ได้ชื่อว่ามีอำนาจมากที่สุดคนนึงก็ตรงดิ่งไปยังบาร์เครื่องดื่ม บรั่นดีสีอำพันรสชาติเยี่ยมสัญชาติไทยถูกรินใส่แก้วใบใสก่อนจะหายวับไปกับตาเมื่ออีกฝ่ายกระดกพรวดเดียวแอลกอฮอล์สีคลาสสิคที่มีอยู่ในแก้วก็ไหลลื่นลงคอไปจนหมด โซดาไม่ต้องใส่ น้ำแข็งไม่ต้องใช้ เจ้านายผมซัดเลยเพรียว ๆ กลายเป็นคนดื่มเหล้าเก่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
ถ้าดวลเหล้ากัน เรื่องคอแข็งต้องยกให้เพชร แต่เรื่องครองสติต้องยกให้เจ้านาย ไม่ว่าจะเมาแค่ไหนก็จำได้เสมอและยากหากคุณจะมามอมเหล้าเจ้านายผมเพื่อล้วงความลับอะไรบางอย่าง แต่วันนั้นผมบอกได้เลยว่าหมดสภาพครับ เพชรกับผมก็ถูกดึงเข้าไปร่วมด้วยและนั่นทำให้ผมกับเพชรเข้าใจว่าอะไรเป็นสาเหตุให้เจ้านายผมหลุดขนาดนี้ ผลสรุปของวันนั้นคือเมากันเละ พอเช้าวันรุ่งขึ้นเข้านายผมก็กลับเข้าสู่โหมดบ้างาน
ก่อนหน้าที่จะมาพบคุณตรี เจ้านายผมมีแต่งาน งาน งาน แล้วก็งาน สองตาไม่เคยแลใครให้เสียเวลา ตอนนี้เจ้านายผมกำลังกลับมาเป็นแบบนั้น แต่พวกผมก็รับมือได้สบาย ๆ ถ้าเจ้านายจะบ้างานเพียงอย่างเดียว แต่ไม่ใช่แบบนั้นแล้วครับ เพราะแอลกอฮอล์คือเพื่อนใหม่ที่เจ้านายผมพึ่งค้นพบ ออกจากห้องทำงานก็ตรงดิ่งมาบาร์เครื่องดื่ม...วันนี้เองก็เช่นกัน ภัคค์ปล่อยให้ภวังค์ความคิดสิ้นสุดลง ได้เวลาทำหน้าที่คนสนิทที่ดี
“นายครับ ผมว่าเบาหน่อยดีไหมครับ...” เสียงภัคค์เอ่ยทักท้วงเจ้านายหนุ่มที่เอาแต่กรอกเหล้าเข้าปาก แก้วแล้วแก้วเล่า กะจะเผาตับไตไส้พุงให้วอดวายเลยหรือยังไง
นราภพไม่สนใจเสียงห้ามปรามของคนสนิทเท่าใดนัก ในใจเอาแต่กระหวัดรัดรึงถึงแต่คนที่ใจใฝ่หา ร่วมสองเดือนแล้วที่เขาไม่ได้ย่างกรายไปที่บ้านหลังนั้นเลยสักครั้ง คิดถึงใจจะขาด แต่ไม่กล้าโผล่หน้าไปให้เธอเห็น อย่างดีก็แค่แอบติดตามเลยทำให้รู้ว่าเธอเองก็เจตนาหลบหน้าเขาเหมือนกัน สังเกตได้ชัด ๆ จากการเปลี่ยนเวลาออกเดินทางจากบ้านไปที่ทำงาน แม้จะอยากขอโทษเพียงไรแต่เจตนาเธอที่แสดงออกชัด ๆ ว่าไม่เปิดโอกาสให้มันทำให้คนมั่นใจอย่างเขาออกอาการฝ่อได้เหมือนกัน
แต่ที่น่าหงุดหงิดน้อยใจมากกว่านั้น ไม่ใช่เพราะหญิงสาวพยายามหลบหน้าเขาหรอก แต่เป็นเพราะภาพบาดตาบาดใจที่เห็นเธอให้ความสนิทสนมกับไอ้หมอนั่นต่างหากที่ทำให้เขาร้อนรุ่มไปทั้งหัวใจ ไอ้หมอนั่นทำคะแนนน่าดูอาศัยช่วงเวลาที่คุณนินต้องเรียนรู้งานที่บริษัทอาสามาทำหน้าที่ดูแลเพื่อนน้องสาวให้ ช่างเป็นคนดีซะเหลือเกิน ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิดระคนหมันไส้ เธอคงไม่รู้ว่าเขาเฝ้าติดตามเธออยู่ตลอด ไม่ว่าจะทำอะไร อยู่ที่ไหน กับใคร ยิ่งนับวันความรู้สึกก็ยิ่งทบเท่าทวีคูณว่าเขาไม่อยากให้เธอไปสนิทสนมกับผู้ชายหน้าไหนทั้งนั้น !
ปึง!!! นราภพวางแก้วเหล้าในมือกระแทกลงกับโต๊ะอย่างแรง แอลกอฮอล์ในกระแสเลือดเป็นเชื้อเพลิงอย่างดีสำหรับใช้เติมไฟในอารมณ์ ‘หมดเวลาสำหรับคุณแล้วณหทัย ผมให้เวลาคุณหลบหน้าผมมามากพอแล้ว พรุ่งนี้ทุกอย่างจะต้องเคลียร์’ ชายหนุ่มบอกตัวเองในใจอย่างหมายมาด
--------------------------------------
“สวัสดีจ้ะน้องตรี” เสียงคุณสมศรีพนักงานอาวุโสในแผนกบัญชีกล่าวทักทายด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มทันทีที่หญิงสาวเดินเข้ามา
“สวัสดีค่ะพี่สมศรี” ณหทัยยิ้มหวานพลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่อ่อนน้อมน่ารัก
เผลอแผลบเดียวเธอก็ทำงานที่นี่มาร่วมสองเดือนแล้ว แม้จะเป็นเวลาไม่นานแต่ด้วยความน่ารักความอ่อนน้อมถ่อมตนและความที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีของเธอก็สามารถผูกใจเพื่อนร่วมงานในแผนกซึ่งส่วนใหญ่จะมีแต่ผู้อาวุโสกว่าเธอให้หลงรักในตัวตนที่แท้จริงได้อย่างไม่ยากเย็นเลยแม้แต่น้อย
“วันนี้ตรีทำอาหารเพื่อสุขภาพมาฝากทุกคนด้วยค่ะ นี่ค่ะ ปายฝากไว้กับพี่สมศรีนะคะพี่ ๆ ”
ณหทัยส่งกล่องอาหารให้กับพี่สมศรี พี่ ๆ ในแผนกหันมายิ้มให้กับความใจดีของน้องน้อยในแผนกกันยกใหญ่
“ขอบใจนะจ๊ะน้องตรี” คุณสมศรีเป็นฝ่ายรับข้าวของมาจากหญิงสาว ตั้งแต่หญิงสาวเข้ามาอยู่ในแผนก แผนกบัญชีก็มีสีสันและคึกคักขึ้นเยอะ ก่อนเวลาเข้างานจะมีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ ไม่เว้นแม้กระทั่งสาวน้อยสาวใหญ่ แวะเวียนกันมาดูหน้าพนักงานใหม่อยู่เสมอ สาว ๆ ก็อาจจะมาแค่ครั้งเดียวเพราะอยากเห็นหน้าคนที่ผู้บริหารให้ความสำคัญ ส่วนหนุ่ม ๆ ก็จะมาบ่อยหน่อย แว่วกันว่าแค่ได้เห็นรอยยิ้มใส ๆ ไร้การปรุงแต่งกับใบหน้าสวยพิศยิ่งพิศยิ่งพินิจยิ่งน่ารักของณหทัย หนุ่ม ๆ ก็มีแรงทำงานกันทั้งวันเลยทีเดียว สมศรียิ้มขำกับความคิดของตัวเอง เธอคงไม่ได้อวยสาวน้อยตรงหน้านี้จนเกินไป
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ ตรียินดีทำให้ เดี๋ยวตรีขอตัวทำงานก่อนนะคะ” ณหทัยออกตัวอย่างเขิน ๆ กับทุกสายตาที่จดจ้องมา พอดีเหลือบไปมองนาฬิกาตรงมุมห้องจึงถือโอกาสขอตัวแก้เก้อ
“จ้า...” คุณสมศรีตอบรับทั้งรอยยิ้ม
หญิงสาวก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างตั้งใจ แผนกบัญชีทั้งแผนกตกอยู่ในความสงบเมื่อทุกคนต่างก็ทำงานของตน แต่แล้วทุกคนก็ต้องละสายตาจากงานที่ทำอยู่เมื่อรับรู้ได้ถึงการมาเยือนที่ไม่เบานักของผู้มาใหม่ ณหทัยเงยหน้าขึ้นมอง และก็ต้องตกใจเมื่อเห็นคนร่างสูงที่หายหน้าหายตาไปเป็นเดือนมายืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าของชายหนุ่มเรียบเฉยจนติดจะเย็นชา แต่สายตาที่ทอดมานั้นไม่ได้นิ่งสักนิดเดียว เธอรับรู้ได้ถึงอารมณ์คุกรุ่นบางอย่างแต่ไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร
“คุณภพ…” ณหทัยทักขึ้นหลังจากตั้งสติได้
“ครับ ผมเอง” นราภพตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามแบบฉบับ
“ผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ...ไปกับผมนะครับ” นราภพฉวยข้อมือบางมากุมไว้
“แต่ดิฉันไม่มีอะไรจะพูดกับคุณอีกแล้วค่ะ เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ ดิฉันจะทำงาน” ณหทัยสะบัดข้อมือออกจากการเกาะกุมของชายหนุ่มแทบจะทันที
คำพูดและท่าทางที่แสนห่างเหินทำให้คนที่มาง้อหงุดหงิดได้เหมือนกัน ทั้งที่ท่องไว้ในใจว่าจะมาปรับความเข้าใจไม่ได้มาชวนทะเลาะ แต่แว่บหนึ่งในใจก็อดประชดประชันคนตรงหน้าไม่ได้ ‘ทีกับไอ้หมอนั่น ยิ้มให้มันทั้งเช้า กลางวัน เย็น คุณนะคุณ ฮึ่มม’
ณหทัยก้มหน้าทำงานต่อ พยายามไม่สนใจผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่ในหัวตอนนี้กลับเต็มไปด้วยสารพันวิธีที่จะตอบโต้กับชายหนุ่มถ้าเขาเผลอทำอะไรห่าม ๆ ขึ้นมา ต้องยอมรับว่าเดี๋ยวนี้เธอคาดเดาอารมณ์คุณภพไม่เคยได้ เขาเปลี่ยนไปมาก ความรู้สึกนึกคิดที่ฟุ้งซ่านทำให้หญิงสาวไม่ทันได้สังเกตสิ่งแวดล้อมรอบ ๆ ตัวเลยแม้แต่น้อย
ตอนนี้ทุกคนในแผนกกำลังตกใจที่ได้เห็นท่านประธานกรรมการบอร์ดบริหารสูงสุดยืนอยู่ตรงหน้า ถึงจะหนวดเคราขึ้นรกรุงรังไปหน่อยพวกเขาก็ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่านี่ไม่ใช่ท่านประธานนราภพ แต่ที่เซอร์ไพรส์ยิ่งกว่านั้นคือบทสนทนาที่ทั้งสองใช้สื่อสารกันนี่แหละ คนที่เคยสงสัยถึงสถานะคลุมเครือของสาวน้อยนามว่าณหทัยเริ่มจะตาสว่าง ก็ถ้าไม่หูหนวกตาบอดหรือแกล้งโง่จนเกินไปก็ต้องรับรู้ได้โดยปริยายว่าณหทัยคนนี้ไม่ใช่พนักงานธรรมดาจริง ๆ
“ไม่ !!!”
เสียงกึกก้องของนราภพทำเอากองเชียร์ในห้องที่กำลังพินิจพิเคราะห์สถานการณ์ตรงหน้าอยู่ในใจพากันสะดุ้งตกใจไปตาม ๆ กัน ห้องทั้งห้องเงียบกริบชนิดที่ว่าแม้เข็มอันเล็ก ๆ หล่นเสียงก็คงดังแจ่มชัด เพราะทุกคนพากันอึ้งกิมกี่กับโหมดนี้อารมณ์นี้ของท่านประธานใหญ่
“คุณต้องไปกับผมตอนนี้ และเดี๋ยวนี้ด้วย หยุดซักวันบริษัทนี้มันไม่เจ๊งหรอก” นราภพกล่าวขึ้นน้ำเสียงพาล ๆ พลางดึงปากกาออกจากมือหญิงสาว ทั้งยังปิดแฟ้มงานให้เสร็จสรรพ ลุง ๆ ป้า ๆ ฝ่ายบัญชีหน้าเหวอกันเป็นแถบ ๆ กับประโยคหลังสุดของผู้บริหารหนุ่ม
ด้วยความตกใจกับการกระทำบ้าบิ่นของคนตรงหน้า ทำให้ณหทัยไม่ทันได้ฉุกคิดกับคำพูดในตอนท้ายของชายหนุ่ม หญิงสาวยังคงแสดงความตั้งใจเดิมต่อไป
“เอ๊ะ!!! คุณนี่ ฉันบอกว่าไม่ไป เราไม่เคยรู้จักกันได้ยินมั้ย เชิญคุณกลับไปเถอะค่ะ อย่าให้ดิฉันต้องเรียกรปภ.เลยนะคะ” ณหทัยตวาดกลับไปเสียงดัง เล่นเอาพี่ ๆ ทั้งแผนกตกใจและหวาดเสียวไปตาม ๆ กัน
‘หนูตรีขา หนูตรีรู้มั้ยคะว่ากำลังขึ้นเสียงกับใคร ถ้าเกิดไรขึ้นมา พวกพี่ช่วยหนูไม่ได้เลยนะคะเนี่ย’ คุณสมศรีพึมพำอยู่ในใจ ในขณะที่คนถูกขึ้นเสียงใส่อารมณ์กำลังเดือดปุด ๆ
“เหอะ!...ไม่รู้จักเรอะ โอเคคุณไม่รู้จักผมไม่เป็นไร แต่ผมทำให้คุณรู้จักผมได้ มานี่เลย!!” นราภพดึงหญิงสาวออกมาจากโต๊ะทำงานด้วยพละกำลังมหาศาล ฉุด กระชากลากถูร่างบางให้ไปด้วยกัน คุณสมศรีรุดเข้าไปช่วยแต่ก็ถูกคุณทรงวิทย์ที่ออกจากห้องของตนมาดูเหตุการณ์ด้วยเช่นกันรั้งเอาไว้เสียก่อน ผู้บริหารแผนกบัญชีส่งสายตาห้ามปรามผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นเชิงว่าอย่าไปยุ่งเรื่องของเจ้านายจะดีกว่า คุณสมศรีมองตามทั้งคู่ไปอย่างเป็นห่วง หลังนราภพลากตรีออกไป ภัคค์ก็เข้ามาไกล่เกลี่ยให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาวะปกติ
“ปล่อยนะคุณภพ เอ๊ะ! บอกให้ปล่อยไง”
นราภพพาณหทัยมาจนถึงบริเวณหน้าบริษัท เป็นจังหวะเดียวกับที่ณหทัยดิ้นรนจนหลุดจากการเกาะกุมของชายหนุ่มได้พอดี
“ไหนคุณบอกไม่รู้จักผมไง เมื่อตะกี๊เรียกชื่อผมออกมาซะเต็มปากเต็มคำเลยนะ” นราภพไม่วายค่อนขอดด้วยสีหน้าบึ้งตึง หญิงสาวหันขวับมามองชายหนุ่มตรงหน้าเต็ม ๆ ตา ฝ่ามือบางตวัดไปกระทบใบหน้าคมคร้ามเต็มแรง
“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ ลากมาแบบนี้ใครเสียหาย ทั้งแผนกจะมองว่าตรีเป็นคนยังไงคะอยู่ ๆ ก็มีผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาฉุดกระชากลากถูออกมาแบบนี้ ในเมื่อไม่เคยนึกถึงจิตใจกันแล้วคุณจะมายุ่งกับฉันอีกทำไมคะ...สุดท้ายคุณมันก็ไม่ต่างอะไรกับผู้ชายพวกนั้น”
ประกายตาผิดหวังและน้ำเสียงตัดพ้อต่อว่าทำเอาคนที่กำลังอารมณ์ร้อนแรงถึงกับใจอ่อนยวบ นราภพค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจออกมาเบา ๆ พลางคิดว่าถึงเวลาแล้วที่เขาจะต้องปรับความเข้าใจกับเธอเสียที
มือหนารวบมือบางของหญิงสาวเข้ามากุมไว้ด้วยความทะนุถนอม สายตาคมกล้ามองลึกลงไปในดวงตาคู่สวยแน่วนิ่งอย่างพยายามเปิดเปลือยหัวใจของตนให้อีกฝ่ายได้รับรู้
“ได้โปรดอย่าด่วนตัดสินใจผม อย่าเอาความเลวร้ายของผู้ชายคนนั้น มาตัดสินในความเป็นตัวตนของผมได้ไหม...” นราภพบอกในสิ่งที่แสดงถึงความจริงใจของตน เมื่อเห็นว่าเธอยังยืนนิ่งแต่ความเคลือบแคลงสงสัยยังไม่จางหายไปจากดวงตาคู่สวย ชายหนุ่มจึงเอ่ยต่อ
“เลิกขีดเส้นใต้ผมตรงคำว่าพี่ชาย คุณรู้ว่าผมคิดยังไงกับคุณแต่อาจจะยังไม่มั่นใจไม่แน่ใจ โอเคมันผิดที่ผมด้วยกับการกระทำของผมที่ไม่ค่อยจะยับยั้งชั่งใจทำให้คุณยิ่งเข้าใจผิดไปกันใหญ่ อันนี้ผมขอโทษ ผมรู้ว่ามันเร็วไปสำหรับความสัมพันธ์ของคุณกับผม แต่ผมขอโอกาสได้ไหมครับ โอกาสที่จะพิสูจน์ความจริงใจของผมที่มีต่อคุณในสถานะใหม่ที่ไม่ใช่คำว่าพี่ชายหรือคำว่าคนอื่น”
ทั้งน้ำเสียงอ่อนหวานและแววตาออดอ้อนของนราภพที่ส่งมา ทำให้ณหทัยใจอดใจอ่อนไม่ได้ เธอกำลังรู้สึกหวั่นไหวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ขณะที่สองหนุ่มสาวยืนสบตากันนิ่ง ภัคค์ที่ทันได้เห็นลีลาการออดอ้อนของเจ้านายหนุ่มก็ต้องยิ้มออกมาอย่างชอบใจ ความรักทำให้คนตาบอดจริง ๆ มายืนปรับความเข้าใจกันหน้าบริษัทเลยทีเดียว ประชาสัมพันธ์ที่อยู่ไม่ไกลถึงกับชะเง้อกันคอแทบเคล็ด
“นะครับ” เสียงถามอ่อนหวานดังขึ้นอีกครั้ง
ณหทัยมองคนตรงหน้าอย่างสับสน ตั้งแต่พ่อเธอเสียก็มีแต่เขาที่อยู่เคียงข้างเธอตลอด ไม่เคยห่างไปไหนจนกระทั่งเหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อนเกิดขึ้น เขาหายหน้าไปแล้วก็กลับมาอีกในวันนี้....
ความเงียบแผ่กระจายไปทั่วทั้งบริเวณ ในขณะที่ณหทัยกำลังขยับริมฝีปากเหมือนจะเอื้อนเอ่ยบางอย่าง จู่ ๆ ก็มีเสียงหนึ่ง
ตะโกนแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“เฮ้ย นายทำไรน้องตรีวะ” นนท์ร้องทักขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นมือบางถูกมือหนาของชายร่างสูงใหญ่เกาะกุมอยู่ ร่างสันทัดแทบจะถลาเข้าไปโอบไหล่ณหทัยให้ถอยออกมาจากนราภพอย่างเป็นห่วง นราภพขบกรามแน่นอารมณ์คุกรุ่นที่ว่าควบคุมได้แล้วปะทุขึ้นมาอีกจนได้
“น้องตรีเป็นไรไหมครับ เค้าทำอะไรน้องตรีรึเปล่า” นนท์มองสำรวจหาบาดแผลตามตัวหญิงสาว ก่อนจะหันไปมองคู่กรณีอย่างเอาเรื่อง แต่ใบหน้าที่คุ้นตากลับทำให้นนท์ขมวดคิ้วมุ่น
“อ้อ นึกว่าใคร ลูกน้องคนโปรดของลุงนัยนี่เอง ทำไมคุณต้องมายื้อยุดฉุดแขนน้องตรีกลางที่สาธารณะแบบนี้ด้วยครับ”
เจอคำถามนี้เข้าไปนราภพถึงกับปวดหัวตึบ สถานการณ์กำลังจะดีอยู่แล้วเชียวไอ้นี่ดันโผล่มาอีก เขากำลังจะได้คำตอบอยู่แล้ว แต่ไอ้หมอนี่ก็มาขัดจังหวะจนได้ แล้วยิ่งกริยาหรี่ตาถามอย่างจับผิดยิ่งทำให้นราภพหมันหน้าอีกฝ่ายเป็นเท่าทวีคูณ
“แล้วมันเรื่องอะไรของคุณ” น้ำเสียงตอบกลับราวกับคนหัวเสียทำให้นนท์ฉุนกึก
“อ้าว พูดแบบนี้ก็สวยดิ” นนท์ตรงเข้าผลักอกนราภพ แต่คนถูกผลักเหมือนจะตั้งรับอยู่แล้ว หมัดลุ่น ๆ จึงสวนกลับไปเต็มแรง หมัดหนัก ๆ ของนราภพล้มนนท์ลงไปกองกับพื้นได้ไม่ยากเย็น
“ว้าย คุณภพ !” ณหทัยผวาตามร่างที่ล้มไปด้วยความตกใจ เสียงอุทานของเธอเริ่มเรียกให้พนักงานในบริเวณนั้นหันมามองด้วยความสนใจ
“คุณต่อยพี่นนท์ทำไมคะ” ณหทัยหันมาถามนราภพอย่างเอาเรื่อง คนที่กำลังอารมณ์คุกรุ่นไม่เอ่ยปากตอบคำถามใด ๆ ณหทัยจึงหันกลับไปประคองนนท์ให้ลุกขึ้น
ท่าทีที่เธอแสดงความเป็นห่วงเป็นใยในตัวคู่อริยิ่งทำให้นราภพโมโหเข้าไปใหญ่ จะตามเข้าไปซ้ำอีกหมัดดีที่ ณหทัยเห็นเสียก่อนจึงเอาตัวเข้าไปขวางไว้ได้ทัน
“หยุดนะ ฉันบอกให้หยุด ถ้าคุณจะทำร้ายพี่นนท์คุณก็ทำร้ายฉันไปด้วยเลยแล้วกัน” ณหทัยตวาดแหวออกมานนท์เช็ดเลือดที่มุมปากพลางยักคิ้วหลิ่วตาให้คนที่กำลังเดือดอย่างเป็นต่อ นราภพได้แต่ยืนกระฟัดกระเฟียดอยากจะเหยียบไอ้บ้านั่นให้จมดินแต่ก็ทำไม่ได้เพราะสุดที่รักขวางอยู่ ไม่ว่าจะโมโหแค่ไหนก็ไม่อาจลงไม้ลงมือกับคนที่ตัวเองรักได้จริง ๆ ชายหนุ่มจึงระบายออกด้วยการหันไปถีบกระถางต้นไม้ที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ดังโครมใหญ่ พนักงานที่ยืนดูอยู่รีบหลบฉากกันอย่างไว
ณหทัยมองการกระทำนั้นอย่างตกใจ ก่อนที่ความตกใจนั้นจะแปรเปลี่ยนอารมณ์ของเธอให้กลายเป็นคนเลือดขึ้นหน้าขึ้นมาบ้างเหมือนกัน เมื่อรู้สึกว่าคนตัวโตตรงหน้าพาลพาโลไร้เหตุผลจนเกินจะรับไหว
“หยาบคาย ไร้เหตุผล ที่แท้คุณมันก็พวกป่าเถื่อน ชอบใช้แต่กำลัง” บริภาษไปแล้วณหทัยก็รู้สึกว่าตัวเองพลาด เพราะทันทีที่เธอพูดจบนราภพก็ย่างสามขุมเข้ามาฉวยข้อมือบางไว้แน่น นนท์ที่พึ่งหยัดกายลุกขึ้นมาได้อาสาขี่ม้าขาวถลาจะเข้าไปช่วยก็ถูกนราภพแจกให้อีกหมัดจนล้มคว่ำไปอีกรอบ ท่ามกลางเสียงร้องด้วยความตกใจของณหทัยอีกระลอก หญิงสาวพยายามสะบัดข้อมือให้พ้นจากการเกาะกุมแต่มือคนที่ยึดข้อมือไว้ยามนี้กลับแข็งราวคีมเหล็ก พอเธอดิ้นรนมาก ๆ เข้าเขาก็เปลี่ยนจากรั้งข้อมือบางมาฉวยเอวคอดกิ่วไว้แนบตัวแทน
“หยาบคาย ไร้เหตุผล ป่าเถื่อน ชอบใช้แต่กำลังงั้นหรอ ได้เลยที่รัก...ขอมาเท่าไหร่พี่จัดให้ตามนั้น” นราภพส่งสัญญาณบางอย่างให้ภัคค์ เพียงเสี้ยววินาทียานพาหนะสีดำสนิทก็มาจอดเทียบหน้าบริษัท ร่างบางถูกยัดเข้าไปในรถพร้อมทั้งร่างสูงใหญ่ที่ก้าวตามเข้าไป ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะค่อย ๆ เคลื่อนออกไป ทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว
นนท์ที่เพิ่งหายมึนจะวิ่งตามก็ถูกภัคค์เข้ามาขวางไว้เสียก่อน
ภัคค์อมยิ้มน้อย ๆ สายตามองตามรถที่เคลื่อนออกไป เขาไม่เคยเห็นเจ้านายโมโหถึงขนาดควบคุมตัวเองไม่ได้ขนาดนี้มาก่อนเลย ‘คุณตรีเก่งจริง ๆ สามารถเปลี่ยนน้ำแข็งให้เป็นไฟได้ในพริบตา’
“คุณภพ คุณจะพาตรีไปไหน ปล่อยตรีลงเดี๋ยวนี้นะ” ณหทัยส่งเสียงร้องจนลั่นรถไปหมด แต่ให้ส่งเสียงยังไงก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากร่างสูงที่นั่งอยู่ข้าง ๆ สักที นราภพยังมองไปข้างหน้านิ่งสายตายังไม่คลายไปจากความดุดัน ซึ่งมันทำให้หญิงสาวชักโมโห การโมโหมาก ๆ มันมักจะเป็นแรงผลักดันให้ทำอะไร ๆ ที่ตนไม่เคยคิดจะทำได้เหมือนกัน
‘เป็นไงเป็นกันวะยัยตรี’ หญิงสาวคิดในใจก่อนจะขยับเข้าไปประทุษร้ายชายหนุ่มทันที ทั้งทุบทั้งตีทั้งหยิกเป็นพัลวัน
“ไม่บอกใช่มั้ย ไม่พูดใช่มั้ย นี่แหนะ ๆ ไม่พูดแล้วจับตัวมาทำไป จับยัดใส่รถมาทำไม ไอ้คนบ้า พาฉันไปส่งบ้านเดี๋ยวนี้นะ”
“โอ๊ย ๆ ๆ คุณหยุดเดี๋ยวนี้นะผมเจ็บ” นราภพต้องรวบข้อมือหญิงสาวเอาไว้ แล้วดึงร่างบางขึ้นมานั่งซ้อนตัก กอดร่างบางไว้แน่นเพื่อให้หญิงสาวหยุดประทุษร้ายเขาสักที หญิงสาวดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่ม
“คุณเป็นอะไร อยู่ดี ๆ ก็ลุกขึ้นมาทุบผมเป็นวรรคเป็นเวรอย่างนี้” ชายหนุ่มถามขึ้นด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากที่หญิงสาวหยุดดิ้นเพราะความเหนื่อย ไม่มีความขุ่นมัวทางอารมณ์เมื่อได้กอดร่างนุ่มนิ่มในอ้อมแขน
“ถามคุณดีกว่าไหมคะ ว่าเป็นอะไร อยู่ดี ๆ ก็ลุกขึ้นมาเป็นอันธพาลโมโหร้าย ทำร้ายคนอื่น แถมยังฉุดตรีขึ้นรถมาอีก คุณภพที่สุภาพ อ่อนโยน ใจดี และเป็นสุภาพบุรุษหายไปไหนคะ คุณภพบอกตรีได้ไหมคะ คำถามนี้ถามไปหลายรอบแล้วนะ !” ณหทัยสวนกลับมาน้ำไหลไฟดับ
“ก็ ๆ เอ่อ...” ชายหนุ่มอึ้งกับคำถามของหญิงสาว ความเงียบเท่านั้นที่เป็นคำตอบ
อาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของเจ้านาย ทำให้หมอกที่กลั้นหัวเราะมานาน ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา แต่ก็ต้องรีบหยุดเมื่อเจอสายตาพิฆาตของผู้เป็นนาย ‘ก็เจ้านายผมไม่เคยเป็นแบบนี้นี่’ หมอกยังคิดต่อในใจ
“ก็ใครใช้ให้คุณน่ารักล่ะ ผมก็รักคุณไปแล้วด้วย มันก็เลยห้ามใจไม่ค่อยจะอยู่...อีกอย่างใครจะทนได้ เห็นผู้ชายอื่นมาแตะตัวคุณซะขนาดนั้น” นราภพพึมพำกับตัวเองเบา ๆ มือยังกอดคนในอ้อมแขนไว้ไม่ปล่อย
“อะไรนะคะ” ณหทัยถามขึ้นเมื่อรู้สึกว่าชายหนุ่มตอบคำถามของเธอ แต่เธอได้ยินไม่ชัด
“ป่าว ๆ ครับ ไม่มีอะไร” เกือบไปแล้วนายภพ ณหทัยจ้องมองอย่างจับผิด ก่อนจะเปลี่ยนโหมดอย่างรวดเร็ว เมื่อคิดว่าไฟคงใช้กับเขาไม่ได้ ตอนนี้เธออยากกลับบ้านไม่อยากนั่งรถไปไหนกับเขาทั้งนั้น การพูดด้วยดี ๆ คงจะเป็นสิ่งที่ควรทำที่สุด คิดได้ดังนั้น ณหทัยจึงงัดลูกอ้อนออกมาเต็มที่
“คุณภพขา”
“ครับ” แค่ได้ยินเสียงหวาน ๆ มาออดอ้อนใกล้ ๆ อย่างนี้นราภพก็อ่อนเป็นขี้ผึ้งลนไฟ อดใจไม่ไหวยื่นหน้าไปหอมแก้มหญิงสาวฟอดใหญ่
“อุ๊ย!!”
“ว่าไงครับ” ชายหนุ่มยิ้มหน้าระรื่น
“คุณภพช่วยพาตรีไปส่งบ้านนะคะ...นะคะ...น้า” ท่าทางออดอ้อนของเธอเกือบจะทำให้เขาใจอ่อน แต่เหตุผลถัดมาที่ได้ยิน กลับทำให้เขาอยากจะสั่งให้หมอกเลี้ยวรถกลับไปยำไอ้หน้าอ่อนนั่นให้หยอดน้ำข้าวต้มไปเลย นราภพหน้าบึ้งอย่างไม่สบอารมณ์
“ตรีเป็นห่วงพี่นนท์ ไม่รู้ป่านนี้เป็นไงมั่ง หมัดคุณภพไม่ใช่เบา ๆ เลยนะคะ ตรีเห็นมีเลือดออกด้วยอ่ะ” เธอยังพูดต่อไป โดยไม่ได้สังเกตสีหน้าเขาเลยแม้แต่น้อย
“ดี ปล่อยให้มันตายไปเลย” นราภพพูดด้วยความหมันไส้ พลางกอดหญิงสาวแน่นขึ้น พอเธอเผลอเขาก็ก้มลงหอมแก้มอีกฟอดหนึ่ง เพื่อดับอารมณ์คุกรุ่นในใจ
“ต่อไปอย่าพูดชื่อนี้ให้ผมได้ยินอีกนะ ผมไม่อยากได้ยินชื่อมัน” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเข้ม
“ไม่! ตรีจะพูด ถ้าไม่อยากให้พูด ก็ปล่อยลงจากตักคุณภพเดี๋ยวนี้”
“เสียใจครับ ผมจะกอดคุณไว้อย่างนี้ ใครจะทำไม”
“งั้นตรีก็จะพูด” หญิงสาวตะโกนใส่หูชายหนุ่ม “ปล่อยตรีเดี๋ยวนี้ตรีจะไปหาพี่นนท์ ตรีคิดถึง.....อุ๊บส์” ยังไม่ทันพูดได้จบประโยคชายหนุ่มก็ก้มลงจุมพิตริมฝีปากเรียวสวยเพื่อสกัดกั้นประโยคที่เสียดแทงหัวใจ ณหทัยอ้าปากจะประท้วง แต่กลับเป็นการเปิดโอกาสให้ชายหนุ่มได้ส่งเรียวลิ้นเข้าไปลิ้มรสความหอมหวานจากริมฝีปากบางได้ถนัดถนี่ยิ่งขึ้น หญิงสาวอ่อนระทวยอยู่ในอ้อมแขนของชายหนุ่มอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ มือเล็กที่พยายามผลักไสกลับเลื่อนขึ้นไปโอบรอบคอ เมื่อจุมพิตทวีความร้อนแรงเป็นเท่าตัว จากเดิมที่คิดแค่จะแกล้งหญิงสาว กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เขาชักจะหยุดตัวเองไม่ได้ซะแล้ว ก่อนที่จะเตลิดไปมากกว่านี้ ชายหนุ่มตัดสินใจถอดจุมพิตออกอย่างแสนเสียดาย
ณหทัยได้สติทันทีที่ชายหนุ่มถอนจุมพิต จากความอายกลายเป็นความโกรธ ฝ่ามือบางตวัดใส่ใบหน้าชายหนุ่มไม่ยั้ง เล่นเอาหมอกที่อยู่ด้านหน้าถึงกับสะดุ้ง
เพี๊ยะ!! นราภพหน้าชาเป็นแถบ ๆ
“จอด!! จอดรถเดี๋ยวนี้ ฉันจะลง ได้ยินไหมฉันบอกให้จอด” หญิงสาวตะโกนใส่หมอกเสียงดัง พลางดิ้นลงจากตักนราภพสุดแรง แต่กลับไม่มีประโยชน์เมื่อชายหนุ่มไม่ยอมปล่อย แถมยังสั่งลูกน้องด้วยคำสั่งที่ตรงกันข้าม
“หมอก ไม่ต้องจอด ไปคอนโดเดี๋ยวนี้!!” นราภพสั่งเสียงเฉียบขาด
แล้วหมอกจะเลือกเชื่อใคร ถ้าไม่ใช่คนที่มีบุญคุณกับตัวเอง
---------------------------------------------------------
ปีบเพชร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ค. 2558, 22:11:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ค. 2558, 22:11:22 น.
จำนวนการเข้าชม : 1358
<< ตอนที่ 14 เรื่องของใจจะให้ได้ดั่งใจอย่างธุรกิจคงไม่ใช่ | ตอนที่ 16 ห่วงจนได้เรื่อง >> |
ยัยตัวนุ่มนิ่ม 20 พ.ค. 2558, 19:37:27 น.
โหย หายไปนานอ่ะ
โหย หายไปนานอ่ะ
ปีบเพชร 20 พ.ค. 2558, 20:08:40 น.
แฮ่ ๆๆๆ ทำหลายอย่างเหลือเกินจ่ะ แต่ยังไงก็จะอัพให้อ่านกันเรื่อย ๆ นะจ๊ะ จะพยายามให้เร็วกว่านี้ด้วยจ้า ขออภัยนะจ๊ะ
แฮ่ ๆๆๆ ทำหลายอย่างเหลือเกินจ่ะ แต่ยังไงก็จะอัพให้อ่านกันเรื่อย ๆ นะจ๊ะ จะพยายามให้เร็วกว่านี้ด้วยจ้า ขออภัยนะจ๊ะ