~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 6 .. สิ่งที่เห็น และเป็นไป





แม้จะเป็นวันหยุดหากมีคนๆหนึ่งยังติดอยู่ในช่วงการทำงานต่อเนื่องยาวนานนับชั่วโมง เพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องจัดการล้นมือ แต่ฟร้อนท์ ออฟฟิศ แมเนเจอร์ของรู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปา ก็มีความสามารถส่วนตัวมากพอที่จะบริหารเวลาอันมีค่า แบ่งปันมารับรู้รับฟังปัญหาทุกข์ร้อนของเพื่อนอย่างเต็มใจ

เวหาพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่แสดงความเห็นใดๆ อันจะนำพาน้ำตามาสู่เพื่อนรัก แต่แม้ว่าจะต้องใช้ความอดทนและอดกลั้นเพียงใด เธอก็ไม่อาจระงับคำพูดที่จะไม่พาดพิงไปถึงต้นสายปลายเหตุแห่งความทุกข์หนักอกของศิราได้

"น้ำ .. ถ้ามันจะต้องทนทรมานใจขนาดนี้ ทำไมไม่เลือกที่จะเดินออกมาจากคุณกรีเสียก่อน คนเราน่ะนะ พอเวลาเปลี่ยนอะไรๆมันก็มักจะเปลี่ยนแปลงไปด้วยนั่นแหละ"

"มันไม่ใช่แบบนั้นนะฟ้า .. น้ำรู้ว่าคุณกรีมีเหตุผลและน้ำก็เข้าใจ แต่มันอดคิดไม่ได้เลยต้องมาหาเพื่อนคุย แต่ถ้ามันจะทำให้ฟ้าเข้าใจผิดไปแบบนี้ น้ำจะเลิกพูด .. ฟ้าจะได้ไม่มองคุณกรีในทางแย่ๆอีก"

ศิราบอกสุ้มเสียงสั่นเครือละล่ำละลักยับยั้งความคิดในเชิงลบของเวหาที่มีต่อชายคนรัก ไม่ว่าใครหากเป็นผู้หญิงย่อมอดไม่ได้ที่จะหาคนที่ไว้ใจใกล้ตัว ระบายความอึดอัดคับอกที่รู้ทั้งรู้และเข้าใจดีว่า คนที่ตกเป็นจำเลยของเพื่อนนั้น มีความจำเป็นอะไรที่ต้องทิ้งเธอให้เดียวดายเนิ่นนาน

เพราะหน้าที่ และความรับผิดชอบ .. ทำให้เธอเข้าใจในตัวเขา

แต่ความอ่อนแอในจิตใจ .. ก็มักจะชักนำให้ไขว้เขวต่อความเชื่อมั่น ในคำสัญญาที่เขาเคยให้ไว้ทุกครั้งที่มีโอกาส

"เฮ้อ .. นี่มันเกิดอะไรขึ้นน่ะน้ำ ถ้าเรื่องที่ทำให้ทุกข์ใจ เป็นน้ำหูน้ำตาทุกครั้งที่เล่านี่ ฟ้าว่ามันไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วนะ คุณกรีเขาทำอะไรน้ำกันแน่ .. บอกฟ้าสิ อย่างน้อยจะได้ช่วยกันแก้ปัญหาให้ถูกจุด ไม่ใช่เล่าไปร้องไห้ไป .. น้ำคนเก่ง เวิร์คกิ้ง วูแมนคนนั้นหายไปไหน .. กับแค่ผู้ชายคนเดียวทำให้เพื่อนของฟ้าเป็นไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ"

เวหาร่ายยาวเพราะไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยปลอบอย่างไรแล้ว พูดไปพูดมากลับกลายเป็นว่า จากที่เคยประทับใจในตัวฉัททันต์ จนมีความรู้สึกเสมือนเป็นความรักครั้งแรก .. มาถึงตอนนี้ หญิงสาวชักจะดีใจขึ้นมาตงิดๆ จนเผลอขอบคุณเบื้องบนที่ทำให้เธอแคล้วคลาดกับนายทหารเรือบุคลิกเปี่ยมเสน่ห์ผู้นั้น

หากคนที่คว้าหัวใจของเขามาได้นี่สิ กลับต้องมาพบกับความเจ็บปวดอย่างที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นได้เลย

"ฟ้า .. เข้าใจน้ำหน่อยนะ น้ำไม่รู้จะปรับทุกข์กับใคร เรื่องบางเรื่องถึงพูดได้เล่าได้ แต่มันก็อาจจะลงรายละเอียดไมได้ทั้งหมด .. เอาไว้ถ้าน้ำมั่นใจว่า เขาหมดรัก .. หรือไม่ต้องการน้ำจริงๆ น้ำจะทำตามคำแนะนำของฟ้านะ"

"มันร้ายแรงมากถึงขั้นนั้น .. จริงๆเหรอเนี่ย .."

"น้ำไม่รู้ .. น้ำไม่รู้อะไรทั้งนั้น .. เขาขอให้เชื่อใจเขา .. น้ำก็จะเชื่อ .."

"โอ๊ย .. มันใช่ความรักแน่เหรอน้ำ ... แบบนี้น่ะ ฟ้าชักจะกลัวแทนขึ้นมาแล้วนะ"

เวหาครางเสียงแผ่วกับความสับสนและหวั่นไหวในความรักของศิรา ซึ่งตลอดระยะเวลาเกือบ ๔ ปีที่รับรู้ความสัมพันธ์ของเพื่อนรักและคนที่เคยแอบชื่นชม มันทำให้หญิงสาวไม่รู้สึกเสียใจมากนัก ที่ต้องพบกับความผิดหวังครั้งแรกกับสิ่งที่คิดว่ามันคือ ความรัก

การแอบมองและรักโดยที่เขาไม่รู้ และมันก็จบลงโดยที่เขาจะไม่มีวันรู้ ทำให้เวหาสามารถลบเลือนความรู้สึกนั้นได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทั้งยังเป็นภูมิต้านทานสร้างเกราะที่เข้มแข็งต่อหัวใจตนเองอีกด้วย

ทว่า มันคงจะเข้มแข็งมากเสียจน .. ใครบางคนที่พอจะเข้าใจกัน เริ่มส่อแววทดท้ออ่อนแรงให้เห็น และไม่แน่ว่าอาจโบกมือจากลาเธอไป .. ในสักวันหนึ่ง

หญิงสาวคนสำคัญของรู้คส่ายศีรษะไล่ความคิดเลื่อนเปื้อน ไม่อยากให้มันมาปนเปสะเปะสะปะกับเรื่องของศิรา เท่านี้ที่ปรึกษาอย่างเธอก็ปวดหัวจะแย่แล้ว

"น้ำ .. ไว้เราเจอกัน น้ำอยากร้องไห้เท่าไหร่ .. อกคัพบีอย่างฟ้าจะช่วยซับน้ำตาเพื่อนนะ .. โอเคมั้ย"

"บ้า .. เซี้ยวไปใหญ่แล้วฟ้า"

เวหายิ้มกับโทรศัพท์ของตน อย่างน้อยเธอก็ทำให้เพื่อนหัวเราะได้บ้าง แม้มันจะมาพร้อมคำสรรเสริญประหลาดๆ แต่ในยามนี้มันก็ยังดีกว่าการร้องไห้ที่ไม่รู้ว่า เกิดขึ้นกับศิรามากี่มากน้อย

"ถ้าบ้าแล้ว เพื่อนฟ้าหัวเราะได้ ยิ้มได้ .. ฟ้าก็จะบ้าให้ถึงที่สุด เคยได้ยินมั้ย .. บ้าเพราะรักน่ะ .."

"แฮ่ม .."

อาการกระแอมไอเจตนาบอกให้คนที่กำลังนั่งคุยอยู่ในพื้นที่ประจำตำแหน่งรู้ว่า ขณะนี้ไม่ได้อยู่ตามลำพังอีกต่อไป และเสียงนี้ก็สามารถดึงความสนใจของเวหาให้หันกลับมามองเต็มตาอย่างตื่นเต้นได้ทันที

"เธอ .. มาได้ยังไง"

"มาได้ยังไงไม่สำคัญ .. แต่ที่สำคัญกว่าคือ ใครกำลังจะทำให้คุณฟ้าของผม .. บ้าได้"

น้ำเสียงขุ่นเข้มต่างไปจากปกติที่เคยทุ้มห้าวทะเล้นของรัศมิทัต ทำเอาเวหาตั้งตัวไม่ติดถึงกับนิ่งงันลืมไปชั่วขณะว่า ยังคุยกับศิราค้างอยู่

แต่อาการเหล่านั้นแปรเปลี่ยนไปฉับพลัน เมื่อชายหนุ่มรุ่นน้องก้าวยาวๆมาประชิดตัวถึงเก้าอี้ที่นั่ง แล้วยื่นมือทั้งสองข้างกางคร่อมร่างที่นั่งนิ่งอึ้งกับที่ เพื่อหมุนเก้าอี้พนักสูงให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ ก่อนที่เขาจะค้อมตัวเยี่ยมหน้าสบตารอคำตอบด้วยแววตาเคร่งขรึม

"ฮัลโหล .. ฮัลโหล .. ฟ้า .."

ดูเหมือนว่าคู่สนทนาปลายสายเองก็พอจะรับรู้ได้ถึงความผิดปกติ จึงพยายามส่งเสียงเรียกที่ดังแค่ไหนก็ไม่ได้ผล

พอดีกับที่เวหารู้สึกตัวว่า กำลังอยู่ในอิริยาบถที่ไม่เหมาะไม่ควร .. ทั้งที่ในใจของเธอเองก็ไม่สามารถห้ามปรามความรู้สึกระทึก ที่สะท้อนผ่านจังหวะการหายใจที่ติดขัดไปได้

หากแต่ด้วยวุฒิภาวะที่มีเพิ่มขึ้นตามประสบการณ์ ทำให้หญิงสาวรู้จักที่จะควบคุมตัวเอง รวมไปถึงควบคุมสถานการณ์ ที่ชวนให้ไหวหวั่นได้ดีขึ้นกว่าเมื่อหลายปีก่อน

เวหาข่มใจให้เย็นดึงความเรียบนิ่งมาสยบความเครียดเข้มตรงหน้า หญิงสาวประสานสานสายตาสบสู้ดวงตาเรียวเจือรังสีร้อนแรงตามอารมณ์ ที่เต้นระริกวูบวาวเพราะคำพูดบางช่วงบางตอนที่ชวนให้หงุดหงิด และมีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้ว่ามันต่อเนื่องมาจากการสนทนาที่เขาเป็นฝ่ายตัดบทเองคราวก่อน

ยิ่งรัศมิทัตได้ยินคำเตือนของอีกฝ่าย ยิ่งทำให้รู้สึกว่า ความน้อยเนื้อต่ำใจที่มีอยู่เป็นทุนก็ได้หวนคืนมาอีกครั้ง จนต้องปล่อยมือจากที่เท้าแขน หยัดกายยืดตรงปล่อยสองแขนตกลงข้างตัว

"ทัต .. ถ้าเธอยังไม่รู้ว่าอะไรควร หรือไม่ควร .. พี่ว่า ไปสงบสติอารมณ์ให้ดีกว่านี้ .. พร้อมแล้วค่อยมาคุยกัน"

ชายหนุ่มที่อ่อนวัยกว่าเพียงปีเศษก้มหน้ามองลึกเข้าไปในดวงตาของคนที่แทนตัว 'พี่' ปฏิเสธไม่ได้ว่าคำๆนี้บาดลึกลงไปในอกไม่น้อย เพราะทำให้เขามองเห็นกำแพงเบื้องหน้าชัดเจนกว่าเดิม และที่สำคัญ เขาไม่รู้ว่าจะสามารถพังมันลงมาได้เมื่อไหร่ .. อย่างไร

"คุณรู้มั้ย .. ทำไมผมถึงมาอยู่ที่นี่ .."

รัศมิทัตถามแผ่วเบาหลากอารมณ์ที่ซ่อนในคำถาม โดยหวังว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจเขาบ้าง .. สักเศษเสี้ยว

เวหาลังเลที่จะค้นหาความหมายในคำถามนั้น จึงเลี่ยงหลบสายตาแน่วแน่คู่เรียวเข้มแฝงรอยพ้อจนใจอ่อนยวบ

"คุณฟ้า .. มีเมลตอบจากเซอร์เพนท์มาแล้วนะฮ่ะ จีเอ็มเขาไซน์คอนแทรคให้แล้ว พร้อมเชิญคุณไฟกับคุณฟ้าไปดินเนอร์ด้วย .. อุ้ย .. คุณทัต .. มาเมื่อไหร่คะ เอ้ย ครับ"

นิกรเดินก้มหน้าก้มตามองแต่กระดาษปริ้นท์ข้อความในมือ ก้าวเข้ามาในห้องทำงานของผู้จัดการฝ่ายต้อนรับ เพื่อแจ้งข่าวดีที่รอมาพักใหญ่เรื่องสัญญาลงนามร่วมระหว่างรู้ค รีสอร์ท แอนด์ สปา กับ คิง เซอร์เพนท์ ออฟ เซาท์ ซี โฮเทล

กระทั่งมาสะดุดหยุดกึกที่ร่างสูงหุ่นนักกีฬาของรัศมิทัต ประกายปลื้มปริ่มฉายชัดจนแทบเก็บอาการไม่ทัน ก่อนชะม้ายสายตาเอ่ยทักอย่างคุ้นเคย กับหางเสียงที่เจ้าตัวต้องดัดให้ตรงเพศสภาพมากกว่าจริตที่มี

"เดี๋ยวก็จะกลับแล้วครับ พี่นิกกี้ .. มาธุระแถวนี้ .. อยากจัดการอะไรให้เรียบร้อยสักหน่อย .. แต่ช่างมันเถอะครับ"

พูดจบสถาปนิกหนุ่มก็หันหลังให้เวหาโดยไม่บอกกล่าวสักคำ เขาสาวเท้ายาๆก้าวพ้นออกจากห้องนั้นอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ชายไม่จริงหญิงแท้สองคนมองหน้ากันเลิกลั่ก

เวหานั่นเองที่เป็นฝ่ายทนไม่ได้ ที่จู่ๆ รัศมิทัตก็มาตัดบทใส่เธอสองครั้งสองคราติดๆกัน จนต้องลุกขึ้นจากเก้าอี้ประจำตำแหน่งวางโทรศัพท์ที่ลืมไปแล้ว และเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังอยู่ในมือลงบนโต๊ะ ก่อนก้าวตามออกไปอีกคน

นิกรได้แต่อมยิ้มขำในปฏิกิริยาความรู้สึก แต่ขัดแย้งเวลาแสดงออกของสองหนุ่มสาวที่เขามองดูก็รู้ว่า ต่างคนรู้สึกต่อกันเช่นไร แต่อาจจะมีปัญหาคาใจอะไรสักอย่าง ที่ทำให้ทั้งคู่กลายเป็นพวก 'พ่อก็แง่ แม่ก็งอน' ยังความอ่อนอกอ่อนใจมาสู่คนที่ร่วมรู้เห็นในตอนนี้ เขาจึงได้แต่ถอนหายใจไพล่มาคิดถึงชีวิตของตัวเอง

"เฮ้อ .. แล้วเมื่อไหร่นิกกี้ถึงจะมีผู้ชายน่าขบ มาให้ซบบ้างล่ะเนี่ย .."






ขณะที่เพลิงกัลป์กำลังขับรถโฟร์วีลยกสูงกว่าหนึ่งเมตร มุ่งหน้ามายังที่ทำการอุทยานฯท้ายเกาะลาลัล ระหว่างทางชายหนุ่มแวะจอดรถตามโรงแรมและรีสอร์ทที่พอจะคุ้นเคยกันเป็นระยะ เขาคิดว่ากว่าจะถึงที่หมายบุคคลที่เขาจะไปพบคงใกล้เลิกงาน หากเทียบตามเวลาราชการ

ตลอดระยะเวลาในการทำงาน ที่รับช่วงบริหารมาจากคุณเวหน เพลิงกัลป์ซาบซึ้งดีว่า ธุรกิจโรงแรมมีการแข่งขันกันสูงมาก ยิ่งอยู่ในท้องถิ่นเช่นนี้ ไม่ว่าใคร ต่างก็พยายามสร้างเอกลักษณ์ดึงดูดใจนักท่องเที่ยว ให้มาใช้บริการสถานที่ของตนมากที่สุด

หากแต่ในความเป็นคู่แข่งก็ยังต้องมีความยืดหยุ่น เพื่อคงพันธมิตรทางธุรกิจไว้ ไม่ให้กลายเป็นศัตรูที่โจ่งแจ้งเช่นกัน

ชายหนุ่มให้เวลากับตนเองนิดหน่อย ด้วยการเข้าไปเยือนร้านอาหารริมหาดที่ชื่อลาลัล เรสตัวรองต์ ซึ่งเขาพอจะทราบว่า ร้านนี้เป็นร้านแรกๆที่เกิดขึ้นหลังจากมีการเปิดตัวเกาะแห่งนี้ ให้เป็นเกาะสวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการได้ไม่นาน

นอกจากอาหารไทยและนานาชาติที่ต้องลิ้นสากลแล้ว ยังมีลาลัล บาร์ไว้รองรับผู้มีรสนิยมในการสังสรรค์ยามค่ำคืน โดยเฉพาะในวันพระจันทร์เต็มดวง นักเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศจะยิ่งคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยบรรยากาศ 'ฟูล มูน ปาร์ตี้' ไม่แพ้เกาะที่ขึ้นชื่อลือชาเรื่องความบันเทิงทางฝั่งอ่าวไทย

แต่ยังไม่ทันจะได้นั่งพักรับลมชมทะเลอย่างที่ตั้งใจ เพลิงกัลป์ก็หันไปเห็นเสียก่อนว่า ภายในร้านนอกจากจะมีลูกค้าหลากเชื้อชาติ ที่กำลังรับประทานอาหารกันอย่างถึงรส ยังมีชายหญิงคู่หนึ่งที่ดูจะสดชื่นรื่นรมย์ หัวเราะต่อกระซิกกันอย่างไม่เกรงใจใคร

ฝ่ายหญิงน่ะ ไม่ต้องบอกเขาก็จำได้ดีว่าคือ มัสลิน .. กับอิริยาบถร่าเริงที่เขาไม่เคยเห็น จนต้องแปลกใจ

ครั้นพอเพ่งมองฝ่ายชายให้ชัดๆ เพลิงกัลป์กลับประหลาดใจยิ่งกว่า เมื่อผู้ที่กำลังตักอาหารใส่จานให้หญิงสาว ซึ่งคอยแต่จะก่อกวนอารมณ์เขาได้แทบทุกครั้ง เป็นหนุ่มหล่อสไตล์ลูกครึ่งผิวสีแทนคนที่เขาได้ทำความรู้จักมาก่อน

'ซายน์!'

ไม่ทันไรชายหนุ่มก็ถูกขัดจังหวะจากสรัลรี เจ้าของร้านที่รับช่วงดูแลร้านอาหารและบาร์ต่อจากมารดา ที่วางมือวางใจยกกิจการให้ลูกสาวคนเดียว แล้วตนเองก็บินไปอยู่กับสามีคนที่สองชาวต่างชาติเมื่อสามปีก่อน

"อ้าว คุณไฟ .. สวัสดีค่ะ แวะมานี่ จะมาทานอาหารหรือจะรับเครื่องดื่มดีคะ"

"สวัสดีครับ คุณรี่ .. ขอเป็นเบียร์ก็แล้วกัน .. ขอบคุณครับ"

เพลิงกัลป์ทักทายกลับอย่างให้ความเป็นกันเอง ไม่ต่างจากสรัลรีผู้มีวัยไล่เลี่ยกับชายหนุ่ม ที่ส่งยิ้มหวานรอบริการเขาด้วยตัวของเธอเอง บ่งชัดถึงความพิเศษที่มีให้ ก่อนเชื้อเชิญมายังที่นั่งมุมส่วนตัวที่ดีที่สุดในร้าน

"มานั่งทางนี้ดีกว่าค่ะ .. รี่รู้ว่าคุณต้องการวิวดีๆ"

'วิวดีๆ' ที่สาวเจ้าของร้านลาลัล นำเสนอคงจะน่าสนใจและผ่อนคลายกว่านี้ ถ้ามันจะไม่ต้องมองเห็นชายหญิงคู่นั้นได้ถนัดชัดตายิ่งขึ้นไปอีก

แต่ที่สุดชายหนุ่มก็ยอมตามใจผู้หวังดี และเขาคิดว่า น่าจะใช้โอกาสที่ได้ ซึ่งเอื้อแก่การจับตาดูบุคคลที่เขารู้จักทั้งสองคน ว่าเป็นมาอย่างไรถึงได้มาร่วมโต๊ะอย่างสนิทสนมกันได้แบบนี้






ศรตฤณพยายามชักจูงให้มัสลินสนใจอาหารมื้ออร่อยตรงหน้า มากกว่าจะคอยซักถามเขาอย่างละเอียดยิบในการมาอยู่บนเกาะแห่งนี้ ถึงมันจะได้ผลแต่ก็แค่ช่วงที่หลานสาวมีอะไรให้ปากบริหารเท่านั้น

"อาป่าน .. ยังไม่บอกลินินเลย มาทำอะไรที่นี่กันแน่ อย่าบอกนะว่าหนีหนาวมาหาความอบอุ่นที่เมืองไทย .."

"ก็อบอุ่นดี .. ยิ่งเมื่อวานอบอุ่นมาก .."

เท่าที่คุยกันมามีเรื่องนี้กระมัง ที่จะทำให้มัสลินเลือกที่จะก้มหน้าซ่อนความกระดาก เพราะต่างเข้าใจในเนื้อความที่ลึกซึ้งของคำว่า อบอุ่นที่ออกมาจากปากศรตฤณ ซึ่งเขาก็นำจุดนี้มาสกัดคำถามอื่นได้ชะงัดนัก

"ย้ำจังเลยนะคะ .. ไม่ต้องย้ำบ่อยก็ได้ .. แล้วนี่ไม่คิดจะแนะนำแฟนให้หลานรู้จักหน่อยเหรอคะ"

หญิงสาวท้วงไม่เต็มปากเต็มคำนัก แม้จะไม่มีอะไรมาถ่วงดุลให้เธอพูดน้อยลงแล้วก็ตาม

คุณอายังหนุ่มยิ้มกว้างเปิดเผยอารมณ์เบิกบานกับปฏิกิริยาของหลานสาวคนนี้ ให้อย่างไรเธอก็ยังมีความเป็นหญิงไทย ที่แม้จะดูแลตัวเองได้ในหลายสถานการณ์ แต่ก็ไม่ใช่คนก๋ากั่นที่จะพูดคุยในเรื่องลี้ลับระหว่างชายหญิงได้หน้าตาเฉย

"ยังไม่ถึงกับแฟน .. แค่ .. ดูๆกันอยู่"

"อื้อหือ .. แบบนั้นนะคะ .. ดูๆกันอยู่?"

มัสลินแทบสำลักน้ำเปล่าที่ยกแก้วขึ้นจิบ ก่อนทวนคำพูดของอีกฝ่ายที่ดูจะไม่เดือดร้อนอะไรเลย จนเธอไม่อยากคิดเลยว่า เพราะการที่เขาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองมานาน ทำให้สามารถมองเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาสามัญไปแล้วหรือไร

"โอเคค่ะ .. ลินินจะรอรู้จักว่าที่อาสะใภ้ .. อยู่ห่างๆ .. ตอนที่อาป่านพร้อมละกัน"

"แล้วเราล่ะ .. มาทำงานอีท่าไหน ถึงได้แข้งขาพลิกแพลง ถลอกปอกเปิกแบบนี้ .. ถ้าพี่ทิวรู้คงบ่นน่าดู"

"เขาจะมาสนใจอะไรกับลินินคะ .. คงยุ่งกับงานกับครอบครัว จนลืมว่ายังมีลูกสาวคนนี้อีกคน"

หญิงสาวรวบช้อนวางกึ่งกลางจานทันที พยายามเก็บออมความรู้สึกทั้งมวล เมื่อคนที่เธอรักและศรัทธาบ่นความสะเพร่าไม่จริงจัง แล้วยังเอ่ยไปถึงบุพการีที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในตอนนี้ มันช่วยเติมเชื้อโทสะให้คุกรุ่นน้อยๆยามศรตฤณพาดพิงชื่อคนที่ไม่อยากนึกถึง

"อะไรกัน .. นี่ยังไม่หายเคืองเรื่องพ่อแต่งงานใหม่อีกเหรอ .. เด็กเอ๊ย"

"อาป่านไม่รู้อะไร .. อย่ามาพูดเลย .. ลินินอิ่มแล้ว .. ถ้าอาจะพูดถึงเขาอีก เราก็คงไม่มีอะไรต้องคุยกัน"

ศรตฤณถอนหายใจระบายความหนักอกแทนญาติผู้พี่คนสนิท เขารู้ดีว่า บทมัสลินจะดื้อก็ไม่น้อยหน้าใคร แต่ที่ไม่เคยรู้เลยก็คือ บทจะรั้นหัวชนฝาขึ้นมาบ้าง เธอยังทำได้ขนาดนี้ ชักสงสัยเสียแล้วว่าทอทิวทำอะไรไว้กับลูกสาวของตนกันแน่ หลานสาวของเขาถึงไม่อยากแม้แต่จะเรียกพ่อสักคำ

ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะติเตียนเสียงขรึม เพราะดูท่าหญิงสาวที่เติบโตมาอย่างเข้มแข็ง .. จะแข็งขืนกับผู้ให้กำเนิดจนกลายเป็นแข็งกร้าวเกินไป

"ลินิน .. อาไม่รู้หรอกนะ ก่อนหน้าพี่ทิวทำอะไรให้ลินินไม่สบายใจ แต่ยังไงเขาก็เป็นพ่อนะ .."

"พอทีเถอะค่ะ .. คำว่า 'ยังไงเขาก็เป็นพ่อน่ะ' ถ้าคนที่ลินินไว้ใจได้ที่สุด จะไม่เข้าใจลินิน ก็ถือเราไม่ได้รู้จักกันเหมือนเดิมแล้ว"

มัสลินสะบัดหน้าหนีราวต้องการปกปิดความจริงที่รู้สึกไปทางชายหาด รอรับคลื่นลมทะเลพัดพลิ้วมาซับความขุ่นข้องหมองใจให้เจือจาง แต่มันก็ไม่ได้ช่วยให้อารมณ์เย็นหรือสงบได้เลย

ศรตฤณมองเสี้ยวหน้างามชวนกึ่งหวานกึ่งดุแต่ชวนพิศ ที่บึ้งตึงได้ทุกครั้งหากพูดสิ่งใดผิดหูผิดใจออกไปให้ได้ยิน

ความสว่างสะท้อนแสงเงาวาวรื้นตรงขอบตา บอกให้คุณอายังหนุ่มรู้ว่าหลานสาวกำลังร้าวรานอารมณ์เพียงใด ทำให้เขาต้องรีบลุกขึ้น แล้วเดินอ้อมมานั่งลงเคียงข้าง ก่อนวาดวงแขนโอบรั้งไหล่บอบบางให้เอนตามแรง ลงมาซบบ่าอย่างอ่อนโยนเพื่อปลอบขวัญแก่มัสลินผู้เปราะบางทางใจ





เพลิงกัลป์ไม่สามารถบอกกับตัวเองให้เพิกเฉยต่อภาพที่เกิดขึ้นและบังเอิญมารับรู้ได้ ชายหนุ่มพยายามหาเหตุผลร้อยแปดพันเก้าที่จะไม่ใส่ใจต่อหญิงสาวที่เขาแสนจะชิงชังพฤติกรรมของเธอ

ถึงที่ลาลัลจอเป็นเกาะท่องเที่ยว ผู้คนหลากหลายเชื้อชาติวัฒนธรรม แต่มันเหมาะสมหรือไม่ที่ผู้หญิงไทยคนหนึ่ง จะยอมให้ผู้ชายโอบกอดในที่สาธารณะเช่นนี้

เว้นเสียแต่ว่า .. มัสลินก็ไม่ได้แตกต่างจากผู้หญิงบางส่วน ที่รู้จักใช้จริตมารยาล่อหลอกปั่นหัวคนที่รู้ไม่เท่าทัน

แต่กับ ‘ซายน์’ เพลิงกัลป์ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ผู้ชายคนนี้จะดูไม่ออกว่า ใครเป็นอย่างไร

เขาควรจะเตือนมัสลินเอง หรือ ให้คนที่มีอำนาจโดยตรงอย่างวิริยาจัดการ .. กับความประพฤตินอกรีดนอกรอย

เพราะมัวแต่คิดเช่นนั้น ทำให้เพลิงกัลป์หลงลืมไปว่า อันที่จริง เขาไม่มีสิทธิ์ใดๆทั้งนั้น .. ทั้งทางตรงหรือทางอ้อม

ระหว่างที่ชายหนุ่มเจ้าของรู้คนั่งมองแทบจะจ้องเอาเป็นเอาตายกับเป้าหมาย เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ดีกรีไม่แรงนักแต่เย็นจัดจนเป็นวุ้น ก็ถูกยกมาเสิร์ฟโดยบริกรสาวกิตติมศักดิ์ของร้าน

สรัลรีวางถาดบรรจุเหยือกเบียร์และแก้วใสทรงสูงเนื้อหนาลงบนโต๊ะ จัดแจงบรรจงรินอย่างระมัดระวังไม่ให้เกิดพรายฟองมากจนล้น ก่อนจะเชื้อเชิญแขกพิเศษให้ดื่มท่ามกลางสายลมที่หอบไอเกลือมาบางเบา

“เชิญค่ะ .. คุณไฟรู้จักลูกค้าโต๊ะนั้นเหรอคะ เห็นมองไม่วางตา”

หญิงสาวที่ผ่านร้อนผ่านหนาวกว่า ๓๐ ฤดูฝนไถ่ถามอย่างสนใจ เพราะเธอเองก็เฝ้าสังเกตเพลิงกัลป์อยู่เงียบๆ โดยที่เขาอาจไม่ทันรู้ตัว

เช่นเดียวกันกับชายหนุ่มที่กำลังยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบ พลางจับตามองสองหนุ่มสาวคู่นั้น ควบคู่ไปกับการนั่งรับลมชมบรรยากาศชายทะเล

“ผู้หญิงเป็นเพื่อนน้องสาวเพื่อนผม .. แต่รู้สึกว่า จะทำตัว .. เอ่อ ช่างเถอะครับ”

เพลิงกัลป์เอ่ยคล้ายเล่าสู่กันฟังเป็นการยอมรับในคำถามแล้วก็รวบรัดตัดความเพียงเท่านี้ ราวกับไม่ต้องการใส่ใจอะไรนอกจากการพักผ่อนของตน นั่นยิ่งกระตุ้นให้สรัลรีสงสัยมากขึ้น แต่เธอก็รู้ดีว่าในสถานการณ์นี้ควรทำตัวอย่างไร

“ธรรมดาค่ะ รี่เห็นจนชิน ที่นี่เหมือนเมืองฝรั่งเข้าไปทุกที อาจจะเพราะอิทธิพลของเขาที่เปิดเผยความสัมพันธ์ซึ่งกัน .. คนรักกันจะต้องไปแคร์ใครล่ะคะ”

ชายหนุ่มชะงักกับประโยคคำพูดเรียบๆ แม้เขาจะเห็นด้วยกับความจริงข้อนั้น แต่เมื่อสรัลรีกล่าวไปถึงคำว่า ‘เป็นเรื่องของคนรักกัน’ ทำไมเขาจะต้องรู้สึกต่อต้านด้วย

เพียงครู่เดียวเพลิงกัลป์ก็หาเหตุผลอธิบายได้ว่า ถ้ามัสลินยังเป็นเพื่อนกับพายพัด และทำงานให้คุณอาวิริยา การทำตัว ‘ง่ายๆ’ แบบนี้มันจะเสื่อมเสียไปถึงคนที่เขาเป็นห่วง และตัวของมัสลินเองก็จะยิ่งดูไร้ค่าในสายตาของเขา

ทั้งๆที่ในความเป็นจริง .. มันอาจจะเป็นแค่ข้ออ้างของเพลิงกัลป์ที่จะหาเรื่องดูแคลน คนที่รู้สึกไม่ถูกชะตามาแต่แรก ..

ที่มาของความรู้สึกนี้ มีแต่เจ้าตัวเท่านั้นที่ทราบดีมาตลอด ว่ามีที่มาอย่างไร จึงทำให้เป็นไปเช่นนี้

แต่เพลิงกัลป์กลับไม่เคยยอมรับ .. หรืออาจไม่รู้ตัวสักนิดว่า อาการฝังใจจำกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ระหว่างเขากับมัสลิน .. กำลังจะผูกมัดตัวเองด้วยเส้นใยที่มองไม่เห็น

กว่าจะรู้ระวัง .. เขาก็คงไม่สามารถดิ้นรน หรือหนีพ้นสายใยเส้นนี้ไปได้อีกแล้ว






เวหาเร่งฝีเท้าตามรัศมิทัตที่เดินจ้ำอ้าวอยู่เบื้องหน้า อากาศร้อนชื้นยามบ่ายเรียกเหงื่อให้ผุดซึมตามไรผมและลำคอได้เป็นอย่างดี แต่เธอก็ไม่ได้สนใจมากกว่าคนบางคนที่เดินไม่ยอมรอกันเลย

หญิงสาวรู้จักอากัปกิริยาเหล่านี้เป็นอย่างดี ไม่ใช่เธอที่ใช้มัน .. แต่เป็นเพื่อนอย่างศิราต่างหาก ที่มักจะแสดงความแง่งอนให้เห็น ยามฉัททันต์ไม่ค่อยมีเวลาให้มากนัก ทว่า มันก็เป็นเพียงชั่วประเดี๋ยวประด๋าว ไม่ใช่ความหม่นไหม้ที่เพื่อนรักมีในตอนนี้

แล้วนี่อาการเดียวกับศิราก็มาสิงสู่อยู่ในร่างของชายหนุ่มรุ่นน้องร่างสูงกำยำล่ำสัน .. รัศมิทัตคิดว่ามันน่าดูอย่างนั้นหรือ?

เพราะช่วงขาไม่อาจก้าวตามได้ทัน ปากจึงไวเท่าความคิด เวหาจึงตะโกนถามไล่หลังคนแสนงอนพอให้เขาได้ยิน

“นี่ .. ฉันต้องทำงานนะ ไม่มีเวลามาง้อใครนานนักหรอก .. มีอะไรก็กลับมาคุย ถ้าไม่มา .. ฉันกลับล่ะ เหนื่อยแล้ว”

ได้ผล .. รัศมิทัตค่อยชะลอฝีเท้ากระทั่งหยุดอยู่กับที่ รอให้เวหาก้าวขาตามมาจนทัน

หญิงสาวรุ่นพี่หอบหายใจขัดเล็กน้อยจากความเร่งรีบและความร้อน ทำให้เธอรู้สึกเหนื่อยจนไม่อยากจะพูดอะไรอีก ผิดกับคนที่ยื่นตระหง่านหันหน้าเข้าหาทะเล ที่ไม่มีอาการเหนื่อยหรือหอบให้เห็นเลย

คลื่นลูกแล้วลูกเล่าทยอยซัดสาดเข้าฝั่ง มันม้วนตัวแล้วถอยหลังคลายตัวก่อนหายไป ทิ้งไว้แค่พรายฟองกับเศษซากสิ่งที่มันพัดพามา .. ราวกับฝากไว้บนหาดทราย

ณ ที่นี้ การเคลื่อนไหวของธรรมชาติคือต้นกำเนิดของเสียง ทว่า มันไม่ใช่สิ่งที่รัศมิทัตอยากได้ยิน

“ไม่คิดจะง้อผมอีกหน่อยเหรอฮะ .. พี่ฟ้า”

“งอนจริงๆด้วย ..”

สถาปนิกหนุ่มที่เพิ่งทำงานเต็มตัวมาได้ปีกว่าหลังเรียนจบ กับประสบการณ์ที่เกี่ยวข้องตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้เขาสามารถรับงานใหญ่งานเล็กได้เต็มความสามารถที่มี แต่พอมาอยู่ต่อหน้าสาวรุ่นพี่ เหตุใดจึงไม่อาจนำสิ่งที่เรียนรู้เกือบทั้งชีวิตมาใช้ได้

คิ้วเข้มเหยียดตรงเฉียงขึ้นนิดๆที่ส่วนปลาย รับกับดวงตาเรียวแต่ไม่เล็กยังมีร่อยรอยขุ่นมัวยามไม่ได้ดังใจ และกำลังมองตรงมาที่เธอ เมื่อเขาหันกายกลับมาเผชิญหน้า

“ถ้าผมงอน .. พี่ฟ้าเคยง้อผมเหรอ .. หึ .. ใช่สิ ผมมันเด็กกว่า อายุน้อยกว่า ทำยังไง พี่ฟ้าก็ไม่เห็นผมในสายตาอยู่แล้ว”

แทนที่เวหาจะรู้สึกว่ากำลังถูกอีกฝ่ายตัดพ้อต่อว่า เธอกลับค่อยย่างเท้าเดินเข้าไปหาคนที่ใช้คำพูดของเธอ .. ย้อนรอยคืนมาให้ หลังจากเธอเรียกตัวเองว่า ‘พี่’

‘พี่ฟ้า’ ที่รัศมิทัตจงใจพูดซ้ำตอกย้ำความต่างระหว่างกัน ซึ่งเขาไม่เคยคิดว่าเรื่องนี้จะเป็นอุปสรรค หากคนเรามีหัวใจที่ตรงกัน .. มีความรู้สึกเดียวกัน

เธอกำลังยืนอยู่เบื้องหน้าเขา และแหงนเงยมองสบตา ก่อนที่จะยิ้มกว้างให้พร้อมยกแขนทั้งสองข้างขึ้น แล้วใช้นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ หนีบเข้าที่แก้มซ้ายขวาซึ่งไร้ความสากระคายมือพลางขยับไปมาให้หันขวาทีซ้ายทีเบาๆ

“ถ้าไม่งอน .. เธอจะเรียก ‘พี่ฟ้าๆ’ ประชดฉันแบบนี้เหรอ”

ชายหนุ่มที่ยอมหันไปหันมาตามแรงที่หนีบสองข้างแก้มได้ยินแบบนั้น ก็ขัดขืนไม่ยอมขยับตาม แต่ก้มลองมองทั่วดวงหน้าที่แต่งแต้มเนียนบาง น่ารักน่าใคร่ในความรู้สึกของเขา

“คุณฟ้า .. ผมจริงจังนะครับ .. ทำไมคุณถึงไม่ให้โอกาสผมจริงๆเสียที”

เวหารู้ตัวว่าหมดเวลาเล่นเกมง้องอนจึงค่อยคลายนิ้วที่หนีบแก้มของเขา แต่ไม่ทันกับที่รัศมิทัตยึดมือของเธอให้อยู่ที่เดิม เท่ากับว่ามือของทั้งคู่ทาบซ้อนกันค้างอยู่บนแก้มนั่นเอง

“ฉันต้องการเวลา .. และฉันคิดว่า ทัตก็ต้องการแบบนั้นเหมือนกัน”

คราวนี้หญิงสาวได้พูดสิ่งที่อยากจะบอกกับเขาออกไปชัดเจน ได้แต่รอฟังคำตอบของหนุ่มรุ่นน้อง ที่เธอยอมรับกับตัวเองแบบไม่อายว่า รู้สึกดีทุกครั้งที่มีเขาอยู่เคียงข้าง

รัศมิทัตหลับตาสูดลมหายใจเอากลิ่นอายสดชื่นของท้องทะเลเข้าปอดลึก ราวกับต้องการใคร่ครวญสิ่งสำคัญที่สุดในชั่วหนึ่งลมหายใจนี้ ก่อนจะลืมตาแล้วระบายมันออกมา

“ผม .. จะให้ตามที่คุณต้องการ ..”

เวหาค่อยแย้มริมฝีปากน้อยๆคลี่รอยยิ้ม ดีใจที่อีกฝ่ายเข้าใจเธอในที่สุด ทว่า คำพูดที่ตามมาของรัศมิทัตก็ทำให้คนที่ตั้งใจฟัง รู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับฟองคลื่นที่ถูกน้ำทะเลพามาทิ้งบนผืนทราย ก่อนที่มันจะถอยคืนกลับสู่ถิ่นที่มันมา

“และ .. คิดว่า เราต่างคนต่างทำหน้าที่ของเราคงเป็นการดีที่สุด .. ผมไม่อยากเป็นตัวถ่วงความรู้สึกของคุณอีกแล้ว ..”

ชายหนุ่มคลายมือที่ประกบแนบแก้มของเขาช้าๆ แล้วบีบสองมือเล็กๆที่สามารถกุมไว้ได้อย่างมิดชิดเบาๆ แต่เจ้าของมือนี้ กลับไม่ปรารถนาการเกาะเกี่ยวเดินทางไปด้วยกัน

ฉะนั้น .. รัศมิทัตไตร่ตรองดีแล้วว่า ควรจะปล่อยมือเธอให้เป็นอิสระ และได้ทำในสิ่งที่เหมาะสม .. สำหรับตัวเธอเอง

ส่วนเขา .. ก็มีสิ่งที่ต้องทำเช่นกัน




เวหาพูดอะไรไม่ออก บอกอะไรไม่ได้กับความรู้สึกที่ถูกบั่นทอนลงไป .. ด้วยความรู้สึกนึกคิดของตน

เธอเข้าใจทุกคำของรัศมิทัต .. เพราะเขาเข้าใจและเคารพการตัดสินใจของเธอ จึงให้เธอได้ในสิ่งที่ขอ

ผู้ชายที่เวหาเห็นและยึดติดมาตลอดว่า เขาอายุน้อย อ่อนด้อยกว่ากันนัก กลับเด็ดขาดในการตัดใจจากเธอ แล้วแยกกันไปมีทางเดินของตัวเอง อย่างที่เธอต้องการ

แต่ทำไมล่ะ .. ทำไมเธอกลับไม่สามารถก้าวขา ออกจากจุดที่ยืนอยู่ด้วยกันเมื่อก่อนหน้านี้ได้แม้แต่ก้าวเดียว .. ได้แต่ยืนนิ่งให้น้ำทะเลเอ่อขึ้นมาท่วมหลังเท้า และปล่อยให้หยาดน้ำตาเอ่อท้นจนหล่นร่วงอาบแก้ม

หรือเพราะรัศมิทัตไม่ได้ยื้อยุดฉุดรั้งเธอเอาไว้ อย่างที่ในส่วนลึกของหัวใจอยากให้มันเป็นแบบนั้น ..

เธออยากให้เขาทำเช่นนั้น!













**********************************************************









โปรดติดตามตอนต่อไป ...



ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. และขอขอบคุณท่าที่กดไลค์ให้นะฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มิ.ย. 2558, 13:35:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มิ.ย. 2558, 13:35:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1145





<< ใยเส้นที่ 5 .. เขาคนนั้น   ใยเส้นที่ 7 .. นัดพบ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account