คิวปิด...ตัวกวนป่วนรัก
เมื่อเทพคิวปิดถูกลดหน้าที่ให้เป็นแค่ ‘เทพเบ๊’ คิวปิดสาวจึงเร่งปฎิบัติกอบกู้ศักดิ์ศรี แต่ดันแผลงศรพลาด ทำให้ว่าที่เจ้าบ่าวตกหลุมรัก ‘พี่ชาย’ ของสาวคนรัก เรื่องป่วนๆ จึงเริ่มขึ้น !
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอน 8

‘ร้านรัก-ขนม’ เป็นร้านเบเกอรี่ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยเก่าแก่มีชื่อ ลูกค้าส่วนใหญ่จึงเป็นนิสิตของมหาวิทยาลัยที่ติดใจในรสชาติของขนมโฮมเมด และเครื่องดื่มรสเลิศในราคาย่อมเยาเหมาะกับกระเป๋าของผู้ที่กำลังอยู่ในวัยเล่าเรียน แต่เสน่ห์ที่สำคัญของร้านนี้ คือเจ้าของร้านสาวแสนสวย เป็นกันเอง และยังใจดีมีขนมสูตรใหม่ๆ มาให้ลองชิมอยู่เสมอ ซ้ำยังนั่งนานเท่าไหร่ก็ได้ จึงให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นในบ้าน เหล่าลูกค้าจึงเลือกร้านแห่งนี้เป็นที่ประชุมรายงาน พบปะสร้างสรรค์ หรือแม้กระทั่งนัดพบกับสาวๆ อย่างที่น้องชายเจ้าของร้านกำลังคอยอยู่ในตอนนี้

“วันนี้กลับบ้านพร้อมพี่นะ พรุ่งนี้เช้าค่อยออกมาพร้อมกัน เย็นนี้พี่ว่าจะทำสุกี้ทานสักหน่อย” รักษิยาถามขณะวางแก้วโกโก้ปั่นไว้ตรงหน้าน้องชาย

“ไม่เอาอะ ตอนเช้าขี้เกียจตื่น” ว่าแล้วก็ตักมอคค่าปั่นแสนอร่อยฝีมือพี่สาวเข้าปาก

“กลับเถอะนะ เดี๋ยวพี่ซื้อสาหร่ายทรงเครื่องของโปรดพงษ์ไปให้เยอะๆ เลย” ผู้เป็นพี่สาวเสนอ “เราจะได้กลับไปกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากัน พี่รักยิ่งเครียดๆ เรื่องถูกก๊อปปี้งานอยู่ เขาจะได้มีกำลังใจ”

“พี่รักคงอยากได้กำลังใจจากผมตายแหละ” ผู้เป็นน้องชายเอ่ยด้วยสีหน้าเฉยเมย ทำเอารักษิยาต้องถอนหายใจยาวอย่างกลัดกลุ้มกับความลงรอยกันของพี่ชายและน้องชาย

“นี่พี่คิดถูกคิดผิดเนี่ย ที่แต่งงานตอนนี้”

“ทำไมฮะ”

“เอ้า ก็ถ้าพี่ย้ายออกไปอยู่บ้านพี่ภูมิ แล้วพงษ์กับพี่รักจะอยู่กันยังไง ขืนปล่อยให้อยู่กันสองคน มีหวังบ้านได้พังแน่” ประโยคหลัง รักษิยาเน้นใส่หน้าน้องชาย ตอกย้ำว่าเวลาทะเลาะกัน มีแต่รักพงษ์เท่านั้นที่ชอบอาละวาด บางครั้งยังทำลายข้าวของในบ้านอีกด้วย

ซึ่งอีกฝ่ายก็รู้ตัวดี

“โอเคๆ ผมสัญญาว่าผมจะใจเย็น เวลาพี่รักบ่นก็จะพยายามคิดว่าเป็นแค่เสียงนกเสียงกา จะไม่เถียง ไม่ตอบโต้เลยสักคำเดียว พี่ยาจะได้ทำหน้าที่เป็นศรีภรรยาให้พี่ภูมิอย่างสบายใจ พี่ยาจะได้มีหลานให้ผมเยอะๆ ขอสักสิบเอ็ดคนนะ จะเอามาตั้งทีมฟุตบอล”

“ทำไมวันนี้ดูแปลกๆ มีอะไรหรือเปล่า” ท่าทางอารมณ์ดีแม้กำลังพูดถึงพี่ชายผู้เป็นไม้เบื่อไม้เมาเป็นสิ่งที่สร้างความสงสัยให้รักษิยา “นัดสาวไว้เหรอ”

“เบื่อ พวกรู้ทัน” รักพงษ์ยิ้ม

“ใคร ? กิ๊กใหม่เหรอ เด็กที่นี่หรือเปล่า”

“ไม่ใช่เด็กที่นี่หรอกฮะ แล้วก็ยังไม่ใช่กิ๊กผมด้วย พอดีผมเก็บไดอารี่เขาได้ก็เลยนัดมาเอาคืน”

รักษิยาหรี่ตามองอีกฝ่าย ปกติน้องชายไม่ได้มีนิสัยทำอะไรเพื่อใคร โดยเฉพาะผู้ที่ไม่รู้จัก เพราะฉะนั้นสาวเจ้าของไดอารี่ผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาแน่

หญิงสาวเดินอ้อมไปยืนข้างน้องชาย ใช้ศอกกระทุ้งแขนอีกฝ่าย แซวว่า “ปิ๊งเขาเข้าแล้วล่ะสิ”

“ก็ประมาณนั้น”

“แล้วคนเก่าล่ะเคลียร์ได้แล้วเหรอ ถ้ารถไฟชนกัน พี่ไม่ช่วยนะ” พี่สาวเตือน

“อะไรพี่ยา ผมเลิกกับลูกแก้วมาชาติกว่าแล้วเหอะ”

“หา ! จริงเหรอ ทำไมถึงเลิกกันล่ะ เล่ามาให้พี่ฟังเดี๋ยวนี้เลยนะ” รักษิยาทำหน้าตกใจราวกับเป็นเรื่องใหญ่ระดับชาติ และเพราะความใส่ใจและให้ความสำคัญกับเรื่องของน้องชายอย่างเปิดเผย เลยทำให้เกิดความรู้สึกอยากที่จะพูดคุย ปรึกษาปัญหาต่างๆ กับพี่สาวมากกว่าพี่ชายผู้ที่ชอบทำหน้าขึงขัง เป็นจริงเป็นจังไปเสียทุกเรื่อง นี่ถ้าเกิดเขาบอกว่าเลิกกับแฟนที่คบกันได้แค่สามเดือน รักษิตต้องเทศนาชุดยาวแน่ๆ

“เรื่องคนเก่าช่างมันเถอะพี่ยา ผมว่าพี่ยามารู้เรื่องว่าที่น้องสะใภ้ดีกว่า”

“โห...มั่นใจขนาดนั้นเลยเหรอจ๊ะ” รักษิยากระเซ้า

“เดี๋ยวถ้าพี่ยาเห็นน้องเขาตัวเป็นๆ ก็จะรู้ว่าผมมั่นใจจริงหรือเปล่า”

ขาดคำเสียงกรุ๊งกริ๊งจากโมบายเหนือประตูดังขึ้น ก่อนร่างบางชุดกระโปรงเดรสสั้นสีชมพูเข้ากับสีผิวขาวผ่อง ทว่าสีหน้าไม่ค่อยสบอารมณ์ตามประสาคนถูกบังคับให้มาที่นี่ก้าวผ่านประตูใส พลางกวาดสายตาไปรอบร้าน รักพงษ์เห็นดังนั้นก็ยกมือทักทาย
แล้วพูดลอดไรฟันบอกพี่สาวว่า “พี่ยา ว่าที่น้องสะใภ้พี่เดินมานู้นแล้ว”

รักษิยาหันไปมองตามแล้วร้องทัก “อ้าว...น้องดา”

“พี่ยา !” ดาลัดยิ้มอย่างแปลกใจ “พี่ยามาทำอะไรที่นี่คะ”

“นี่ร้านของพี่เองค่ะ”

“เหรอคะ” ดาลัดอุทานอย่างคาดไม่ถึง ก่อนเสริม “ดาก็ว่าแล้วเชียวว่าชื่อร้านคุ้นๆ ร้านน่ารักมากๆ เลยค่ะ”

“ขอบคุณค่ะ”

“เอ่อ...ขอโทษนะครับ ไม่ทราบว่ารู้จักกันด้วยเหรอครับ” รักพงษ์ถามด้วยประโยคแสนสุภาพ

“รู้จักสิ น้องดาเป็นญาติของพี่ภูมิ เพิ่งมาจากอังกฤษ”

เพราะหญิงสาวใช้คนละนามสกุลกับภูมิ รักพงษ์ถึงไม่รู้เลยว่าหล่อนเป็นญาติกับว่าที่พี่เขย แต่ถึงกระนั้นเขาก็ยินดีเหลือเกินที่เขากับหญิงสาวกำลังจะเป็นญาติ ‘ห่างๆ’ กัน

“น้องดาจ๊ะ แล้วนี่รักพงษ์ น้องชายของพี่เอง” รักษิยาแนะนำพลางนึกขำที่หวานใจคนใหม่ของรักพงษ์จะเป็นคนใกล้ตัว

“ไม่น่าเชื่อเลยนะครับว่าโลกจะกลมได้ขนาดนี้” ฝ่ายชายเอ่ยพร้อมกับส่งสายตาหวานฉ่ำ

ถึงชายหนุ่มตรงหน้าจะเป็นน้องสาวของว่าที่พี่สะใภ้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความหมั่นไส้คลายไป...มีอย่างที่ไหนเก็บสมุดไดอารี่สุดรักของหล่อนได้ตั้งหลายวันแล้ว แทนที่จะติดต่อนำมาคืนตั้งแต่วันแรกๆ ปล่อยให้หล่อนนั่งกลุ้มใจอยู่ตั้งหลายวัน หนำซ้ำพอโทรศัพท์มาหาก็ยังชวนคุยเรื่องสัพเพเหระมากมาย รวมทั้งเรื่องแหล่งท่องเที่ยวที่ดาลัดเขียนความประทับใจไว้ในไดอารี่อีกด้วย แสดงว่าเขาถือวิสาสะเปิดอ่านสมุดส่วนตัวของหล่อนอ่าน ไร้มารยาทที่สุด !

“แล้วไหนล่ะสมุดไดอารี่ของฉัน” ดาลัดถาม

“แหม...ทำตัวเป็นวัยรุ่นใจร้อนไปได้ คุณไม่ต้องห่วงหรอก ยังไงวันนี้คุณได้สมุดของคุณคืนแน่ๆ ผมว่าไหนๆ คุณก็ไม่เคยมาร้านพี่ยาเลย งั้นลองนั่งพักทานอะไรอร่อยๆ ก่อนดีกว่า เพื่อเป็นการฉลองในฐานะที่เรากำลังจะเป็นญาติกันด้วยไง”

“ก็ดีนะคะ พี่เพิ่งลองทำเค้กชาเขียวสูตรใหม่ เดี๋ยวพี่ให้น้องดาช่วยชิมดีกว่า”
ถึงรักษิยาจะเคยมีความคิดร่วมกับภูมิ ว่าจะจับคู่ดาลัดกับรักษิต แต่เท่าที่เห็น พี่ชายของหล่อนดูไม่ได้ให้ความสนใจดาลัดมากไปกว่าเป็นญาติของเพื่อนสนิท จึงแน่ใจว่างานนี้คงลุ้นไม่ขึ้น

และจากดวงตาประกายวิบวับของน้องชายยามมองดาลัด จึงมั่นใจว่ารักพงษ์ชอบดาลัดมาก ซึ่งบางทีถ้ารักพงษ์รู้จักที่จะรักใครสักคนอย่างจริงจัง อาจจะช่วยทำให้เขาอ่อนโยน และเข้าใจความรักที่ผู้เป็นพี่ชายมอบให้ก็ได้ ดังนั้นรักษิยาจึงเปลี่ยนมาเป็นฝ่ายสนับสนุนรักพงษ์กับดาลัดแทน

“พงษ์พาน้องดาไปนั่งเลย เดี๋ยวพี่ไปจัดขนมมาให้ น้องดาดื่มอะไรดีเอ่ย”

“อะไรก็ได้ค่ะ” ดาลัดว่าอย่างเสียไม่ได้

“งั้นให้น้องดาลองสตรอว์เบอรี่ปั่นเลยครับพี่ยา” รักพงษ์เนียนเปลี่ยนสรรพนามเรียกหญิงสาวหน้าตาเฉย ก่อนผายมือให้หญิงสาว โดยไม่สนใจดวงตาเล็กที่กำลังค้อนเขาอย่างเปิดเผย “เชิญไปนั่งที่โต๊ะด้านนู้นเลยครับ เป็นโต๊ะที่มุมสวยที่สุด ผมจองไว้ให้คุณโดยเฉพาะเลยนะ”

คงเป็นจริงอย่างที่รักพงษ์บอก เนื่องจากโต๊ะอื่นๆ มีลูกค้านั่งอยู่กันเต็มทุกโต๊ะ เหลือแค่ชุดโซฟาสีหวานซึ่งตั้งอยู่ติดกระจก มองออกไปก็สามารถเห็นสระบัวเล็กๆ ที่ดอกบัวสีต่างๆ กำลังชูช่อไสว แต่ดาลัดกลับไม่สนองตอบตามคำเชิญชวนของชายหนุ่ม

“เชิญนายไปนั่งคนเดียวเถอะย่ะ แล้วคอยดูนะ ถ้าฉันเห็นว่าไดอารี่ของฉันมีรอยขีดข่วนแม้แต่ปลายเล็บล่ะก็ ฉันเอานายตายแน่ ต่อให้นายเป็นน้องชายของพี่ยาก็เถอะ” ดาลัดกระซิบด้วยความเกรงใจต่อว่าที่พี่สะใภ้ หากคำขู่นั้นสร้างความพอใจให้รักพงษ์ เขาชอบผู้หญิงดุและไม่ชอบผู้หญิง ‘ง่าย’ ฉะนั้นทุกอย่างที่ดาลัดปฏิบัติต่อเขา ถึงจะไม่น่าอภิรมย์ แต่มันก็น่าหลงใหลเป็นที่สุด

รักพงษ์มองตามร่างบางที่เดินอ้อมเคาน์เตอร์ไปหารักษิยาที่กำลังหยิบสตรอว์เบอรี่สดออกจากตู้แช่ไปอย่างไม่วางตา

“เค้กน่าทานทั้งนั้นเลยค่ะพี่ยา”

“อยากลองทานอันไหนบอกพี่ได้เลย หลายๆ อย่างเลยก็ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ”

“ไม่ไหวหรอกค่ะ ขืนทานเยอะๆ มีหวังอ้วนขึ้นแน่ๆ เดี๋ยวใส่ชุดที่ตัดไว้งานพี่ยากับพี่ภูมิไม่ได้” ดาลัดยิ้ม แล้วนึกขึ้นได้ “เอ่อ พี่ยาคะ ดามีเรื่องปรึกษาหน่อยค่ะ”

“ว่ามาเลยค่ะ”

“คือ ดากับเพื่อนๆ มีโครงการจะเปิดบริษัทเล็กๆ ทำนิตยสารกัน ดากับเพื่อนก็ลงความเห็นกันว่าอยากให้พี่รักมาช่วยวาดการ์ตูนประกอบให้ พี่ยาว่าพี่รักจะยอมมาทำกับดาไหมคะ”

“ยอมสิคะ ทำไมน้องดาถามอย่างงั้น”

“ก็นิตยสารของดากับเพื่อนยังโนเนมกันอยู่เลยนะคะ แต่ดายอมทำทุกอย่างเลยนะคะ จะให้ดาไปอ้อนวอนยังไงก็ได้ ดาอยากได้คนเก่งๆ อย่างพี่รักมาร่วมงานด้วยจริงๆ”

คำพูดชื่นชมของดาลัดที่ทำราวกับรักษิตเป็นเทพบุตรนั้น สร้างความไม่พอใจให้รักพงษ์

‘พี่รักทำอะไรนักหนา ทำไมทุกคนถึงต้องชื่นชมเขามากเหลือเกิน คราวพ่อแม่ก็ครั้งหนึ่งแล้ว ถ้าพ่อแม่ลดความชื่นชมในตัวพี่รักให้น้อยลงแล้วให้ความสำคัญกับเขามากขึ้นอีกนิด ท่านทั้งสองคงไม่ต้องจากไป ทำให้เขาเป็นกำพร้าตั้งแต่อายุแค่สิบขวบ !’

“ไม่ต้องถึงขนาดอ้อนวอนหรอกค่ะ พี่ว่าน้องดาลองคุยกับพี่รักดูก่อน เชื่อพี่เถอะค่ะ ถ้าพี่รักพอมีเวลา พี่รักต้องช่วยน้องดาแน่ๆ ค่ะ”

“แต่พี่ภูมิบอกว่าพี่รักไม่ค่อยว่าง”

“พี่ภูมิบอกน้องดาเมื่อไหร่คะ”

“เมื่อวานค่ะ”

“พี่ภูมิกลับมาจากญี่ปุ่นแล้วเหรอคะ” รักษิยาประหลาดใจ

“ค่ะ กลับมาแล้ว กลับมาถึงตั้งแต่เมื่อเช้าวานแล้วค่ะ พี่ยาไม่รู้เหรอคะ”

“จ้ะ พี่ไม่รู้เลย” ภูมิไปถึงเมืองนอกก็ไม่โทรหาหล่อนสักครั้ง กลับมาถึงเมืองไทยก่อนวันที่บอกเอาไว้ก็ไม่คิดจะบอกให้หล่อนรู้เลย รักษิยาใจไม่ดีอย่างประหลาด เพราะตั้งแต่คบกันมาคนรักของหล่อนไม่เคยมีพฤติกรรมเช่นนี้มาก่อน

‘เกิดอะไรขึ้นกับเขา’ หญิงสาวถามตัวเอง และหล่อนจะไม่ปล่อยให้คำถามนี้คาราคาซังอยู่อย่างนี้ เพราะเขาคือผู้ชายที่หล่อนกำลังจะแต่งงานด้วย

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ดังนั้นหลังจากปิดร้านเสร็จ แทนที่รักษิยาจะกลับบ้านไปทำอาหารโปรดเอาใจพี่ชายอย่างที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่แรก รักษิยากลับมุ่งหน้าไปยังบ้านของภูมิซึ่งตั้งอยู่ในซอยเอกมัย โดยไม่ลืมที่จะนำท๊อฟฟี่เค้กขนมโปรดของคุณหญิงภัทรามารดาของภูมิติดมือไปด้วย

พอเลี้ยวรถเข้าไปในเขตรั้วบ้าน รักษิยาก็เห็นรถของภูมิจอดอยู่ในโรงจอดติดกับรถราคาแพงลิบอีกหลายคันก็ยิ่งใจคอไม่ดี แต่ก็ข่มใจให้เย็น จะไม่คิดไปไกล จะต้องให้โอกาสกับสิ่งที่ยังไม่รู้ก่อน เพราะภูมิอาจจะมีเหตุผลที่ไม่บอกหล่อนก็ได้

รักษิยาจอดรถเอาไว้หน้าตึกใหญ่ แล้วรู้จากจ๋อมสาวใช้ที่ออกมาต้อนรับว่าคุณหญิงภัทราแม่ของภูมิออกไปงานกับคุณพร้อมพงษ์สามี รักษิยาจึงฝากขนมเอาไว้

“งั้นยาฝากขนมเอาไว้ให้คุณแม่ด้วย ส่วนอีกกล่องจ๋อมเอาไปแบ่งๆ กันทานนะจ๊ะ ยาเอามาฝาก” ว่าที่สมาชิกใหม่ของบ้านมีน้ำใจและไม่ถือตัวเช่นนี้ หล่อนจึงเป็นที่รักของทุกคนที่นี่

“ขอบคุณมากค่ะคุณยา แฮะ...ลาภปากหนูอีกแล้ว” สาวใช้เลียปากแผล็บเพราะรู้ว่าขนมฝีมือรักษิยานั้นอร่อยล้ำเลิศขนาดไหน “ว่าแต่คุณยาจะขึ้นไปเยี่ยมคุณภูมิเลยหรือว่าจะให้หนูขึ้นไปเรียนคุณภูมิให้ดีคะว่าคุณยามา”

“พี่ภูมิไม่สบายเหรอคะ” มีเรื่องเกี่ยวกับชายคนรักให้ต้องแปลกใจเป็นครั้งที่สองของวัน

“หนูก็ไม่แน่ใจนะคะ แต่ตั้งแต่กลับมาจากเมืองนอก คุณภูมิก็ไม่ออกจากห้องเลย ทานอะไรก็ไม่ค่อยทาน หนูก็เลยคิดเอาเองว่าคุณภูมิไม่สบาย”

“เหรอจ๊ะ งั้นยารบกวนจ๋อมขึ้นไปบอกพี่ภูมิให้หน่อยก็แล้วกันนะ ว่ายามา” ถึงจะเป็นคู่หมั้นกันแต่หล่อนกับเขายังไม่ได้แต่งงานกัน จึงไม่เหมาะสมที่หล่อนจะขึ้นไปบนห้องนอนของเขา รักษิยาสั่งสาวใช้แล้วก็เดินไปนั่งรอในห้องนั่งเล่น

ไม่นานจ๋อมก็เดินนำภูมิลงมาจากชั้นสอง ก่อนจะหายไปทางห้องครัว ใบหน้าของชายหนุ่มซีดเผือด ทำเอารักษิยาตกใจ หลงลืมเรื่องพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของภูมิไปชั่วขณะ ปราดเข้าไปหาเขา ถามอย่างห่วงใยว่า

“พี่ภูมิ ! พี่ภูมิไม่สบายเหรอคะ”

“เปล่าหรอกจ้ะ พี่ไม่ได้เป็นอะไร ยามาพบคุณแม่เหรอจ๊ะ” ชายหนุ่มเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้หญิงสาวคาดคั้นถึงอาการกินไม่ได้ นอนไม่หลับของเขา

“ค่ะ ว่าแต่พี่ภูมิกลับมาจากญี่ปุ่นแล้ว ทำไมไม่เห็นโทรหายาบ้างเลย” หญิงสาวเข้าประเด็น

“อ้าว...ก็พี่คิดว่ารักจะบอกยาแล้วซะอีก ว่าพี่กลับมาแล้ว”

“เปล่านี่คะ พี่รักไม่ได้บอกอะไร แต่ทุกทีก็ไม่เห็นจะต้องให้คนอื่นบอกเลย แค่พี่ภูมิโทรมาหายาหน่อย ไม่ได้เชียวเหรอคะ แต่นี่อะไรกัน ไปถึงโน้นก็ไม่โทรหา กลับมาก็ไม่โทรบอกอีก” หญิงสาวตัดพ้ออย่างน้อยใจ

ถ้าเป็นเมื่อก่อนภูมิจะต้องกระวีกระวาดงอนง้อคนรักสาวให้หายน้อยใจ แต่ตอนนี้ภูมิกลับไม่มีความรู้สึกเช่นนั้นหลงเหลืออยู่เลย ออกจะติดรำคาญด้วยซ้ำกับอาการงอนของหญิงสาว หากจิตใต้สำนึกที่เตือนเขา ว่าหญิงสาวที่กำลังน้ำตาเอ่ออยู่ตรงหน้าเป็นคนรัก เขาจึงต้อง ‘จำใจ’ จับมือหล่อนเพื่อปลอบใจตามหน้าที่เท่านั้น

“พี่ขอโทษ พอดีช่วงนี้พี่มีเรื่องเครียดๆ เยอะ ก็เลยอาจจะลืมโทรหายาไปบ้าง”

“พี่ภูมิเครียดเรื่องอะไรคะ ทำไมพี่ภูมิไม่บอกยา”

“พี่ไม่อยากให้ยาต้องเครียดไปกับพี่ด้วย”

“แต่เราเคยสัญญากันแล้วไม่ใช่เหรอคะ ว่ามีเรื่องอะไร เราจะไม่ปิดบังกัน ยามมีความสุขเราก็สุขด้วยกัน ยามทุกข์เราก็จะทุกข์ด้วยกัน แล้วตอนนี้จะให้ยาทนเห็นพี่ภูมิเป็นทุกข์อยู่อย่างนี้ ยาทนไม่ได้หรอกนะคะ” หยาดน้ำใสจากดวงตาไหลอาบแก้มนวล สร้างความสงสารให้ภูมิขึ้นมาจับใจ

“ยา พี่ขอโทษ” เขาร่างหญิงสาวมากอด

“ยารักพี่ภูมินะคะ”

หญิงสาวเอ่ยเสียงสะอื้น ยิ่งสร้างความรู้สึกผิดให้ภูมิ ทำไมความรักความห่วงหาอาทรที่เขาเคยทุ่มเทให้ผู้หญิงแสนดีคนนี้ต้องหายไปด้วย ถ้าตอนนี้ทุกอย่างยังเป็นเหมือนเดิม เขากับหล่อนคงจะช่วยกันเตรียมงานแต่งที่จะเกิดขึ้นในเดือนหน้าอย่างมีความสุข สองวันที่ผ่านมาเขาใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เขานำรูปถ่ายต่างๆ ของรักษิยาที่เขาหวงแหนสุดชีวิตออกมาทบทวนความรู้สึก โดยหวังว่ามันจะช่วยเรียกความรักที่มีต่อหญิงสาวให้กลับคืนมา

แต่มันไม่ได้ผล ทุกลมหายใจเขายังคงนึกถึงแต่รักษิต ยังเฝ้าแต่น้อยใจที่รักษิตไม่ยอมรับของฝากจากเขา ไหนจะยังเรื่องที่รักษิตปกป้องผู้หญิงหน้าตาดีคนนั้นอีก...ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจ

หญิงสาวผละจากอกหนา เงยหน้ามองอีกฝ่ายอย่างรอคอยคำตอบ ภูมิเข้าใจในสายตานั้นดี จึงจำเป็นต้องเอ่ยทั้งที่หัวใจไม่ได้รู้สึกไปว่า

“พี่ก็รักยาจ้ะ”

รักษิยายิ้มออก แต่ถ้าหญิงสาวสังเกตอีกสักนิด จะพบการเปลี่ยนแปลงไปของภูมิ คือ เขาไม่ปาดน้ำตาให้หล่อนอย่างที่เคยทำ แต่กลับปล่อยให้หล่อนหยิบผ้าเช็ดหน้าจากกระเป๋าสะพายออกมาเช็ดน้ำตาตัวเองจนแห้งแล้วจึงถาม

“พี่ภูมิทานอะไรหรือยังคะ”

“ยังเลยจ้ะ แต่พี่ยังไม่หิวเลย”

“พี่ภูมิกับพี่รักเป็นเหมือนกันเลยค่ะ พอเครียดเรื่องงานทีไร เป็นต้องทานน้อยทุกที”

“หือ ?” ดวงตาภายใต้แว่นกรอบใสลุกวาว “รักเครียดเรื่องอะไร”

“พี่รักถูกก๊อปปี้งานการ์ตูนเรื่องนิลค่ะ”

“แล้วถูกก๊อปได้ยังไง” ภูมิถามอย่างสนใจ

“คาดว่าน่าจะมีคนในช่องแอบเอาข้อมูลพี่รักไปบอกบริษัทคู่แข่งค่ะ นี่พี่รักก็เลยไม่รู้จะทำยังไง ยาสงสารพี่รักมากๆ เลยค่ะพี่ภูมิ พี่รักอุตส่าห์ทุ่มเททำงานนี้มานาน แต่สุดท้ายก็โดนก๊อปปี้ไปเฉยเลย”

ขณะที่รักษิตกำลังเจอมรสุมเรื่องงาน เขากลับมัวแต่คิดน้อยใจ หาว่ารักษิตไม่สนใจไยดีเขา

‘เขานี่มันแย่จริงๆ’ ภูมิตำหนิตัวเอง

จากการที่คบกันมานาน ภูมิรู้จักนิสัยรักษิตดีว่ามักจะเก็บเรื่องกลุ้มใจเอาไว้คนเดียว จะพยายามไม่พูดหรือทำสิ่งใดที่จะสร้างความทุกข์ใจให้คนรอบข้าง โดยเฉพาะน้องๆ ทั้งสอง และภูมิก็รู้อีกว่ารักษิตรักและทุ่มเทกับงานทุกชิ้นที่ทำ เขาถึงก้าวขึ้นเป็นนักวาดการ์ตูนประกอบเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย รวมถึงงานชิ้นนี้ด้วย ป่านนี้รักษิตคงกำลังเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก แน่นอนว่าเขาคงต้องการใครสักคนที่จะมาคอยปลอบใจ เป็นที่ปรึกษาหาทางออกให้กับหนทางอันมืดมนนี้

‘รัก ฉันจะเป็นคนคนนั้นให้นายเอง’

*************************************

ตอบคุณวิรัตต์ยา , เบญจามินทร์
555 น้องเซเลน่ายังต้องถูกคุณพลอยดำราวีอีกเยอะค่ะ ยังไงเป็นกำลังใจให้น้องเซเลน่าด้วยนะคะ ^^



สาธิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 ก.ค. 2554, 23:53:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 ก.ค. 2554, 23:53:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1946





<< ตอน 7   ตอน 9 >>
เบญจามินทร์ 19 ก.ค. 2554, 14:25:23 น.
คำพูดปิดท้ายของภูมิ ทำให้ขนลุกน่ะ ฮ่าฮ่า รักคงไม่อยากได้ยินแน่ หรือถ้าได้ยินคงอาการเดียวกัน ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account