กำราบรักจอมเผด็จการ
'กฎของเราคือห้ามรัก' ชัคไม่คิดว่าจะพาอันนามาสู่อันตราย ร่วมมือกันเพื่อหาคนร้ายคือทางออกเดียวที่เธอจะออกไปจากวังวนของมาเฟียอย่างเขาได้
Tags: ความรัก อดีต ซาบซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง

ชัคสะดุ้งตกใจแต่ไม่ปล่อย ยังไม่ทันได้ใคร่ครวญอะไรทั้งสิ้นเมื่อประกบริมฝีปากที่เผยอเปิดถูกปิดเสียงจนสิ้น ความเงียบที่ควรเป็นกลับมา ทว่าเสียงหัวใจของร่างในอ้อมแขนกลับดังกระหน่ำ แม้ว่าเขาจะถอนริมฝีปากจากมาทันทีที่เธอหยุดเสียง ดวงตาตื่นตะหนกมองมาเหมือนกันว่าเขาโหดร้ายเกินกว่าจะยอมรับได้ ริมฝีปากชาเห่อขยับคำด่าจ่ออยู่ปลายลิ้น ทว่ายังกล้าๆ กลัวๆ ที่จะพูดออกไป
“ไม่ต้องด่าว่าถูกผมจูบ ที่ทำไปแค่ปากประกบปาก ถ้าจูบคุณได้เข่าอ่อนไปแล้ว” เรียวปากหนาแกล้งขยับใกล้เข้าไป อันนายกมือมาปิดปากหลับตาปี๋ “หรืออยากลองพิสูจน์ว่าจะเข่าอ่อนจริงหรือเปล่า”
เสียงหัวเราะแสนรื่นรมย์ของชัคทำให้ความกลัวเร้นหายไปชั่วคราวเพื่อเปิดให้ความกล้าที่มาแบบไม่ยั้ง ได้สำแดงหมัดออกไปชกใส่ที่ปลายคางของคนอารมณ์ดี แม้ไม่เต็มแรงนัก แต่เสียงหัวเราะก็หายในพริบตา คนถูกชกยิ้มบางๆ อย่างกับไม่โกรธสักนิด
“หายกันนะ ตอนนี้ฉันหิวแล้ว กินแล้วจะได้กลับ คืนนี้ฉันไม่ยอมอยู่ที่นี่จนถึงเช้าแน่ๆ ผู้ชายอย่างคุณนี่มัน...”
“ยังไง” ชัคปล่อยอันนาลงแล้วคว้าเอวไว้หลวมๆ ไม่สนใจว่าจะถูกหยิกหลังมือให้เจ็บๆ คันๆ
“ช่างเถอะ พูดไปคุณก็ไม่สะดุ้งสะเทือนหรอก ไม่รู้ยัยลิลมาชอบคนเผด็จการเจ้าอารมณ์ โมโหร้ายแบบนี้ได้ยังไง”
เอวบางถูกปล่อยง่ายดาย อันนารีบก้าวถอยหลังไปอยู่ห่างๆ ชัคไว้ เรื่องที่จะวิ่งหนีไปหมดทาง นี่มันบ้านคนหรือรังโจรกันแน่ คนเฝ้าเต็มพรืดไปหมด ถ้าไม่กลัวใครมาถล่มก็คงพร้อมไปถล่มใครๆ นั่นล่ะ
“ผมว่าลิลลาไม่ได้ผิดปกติ แต่คุณต่างหาก” สายตาคมแฉลบมองไปข้างหลัง “ไปนั่งรอตรงนั้น ไม่เกินครึ่งชั่วโมงอาหารจะเรียบร้อย”
อันนาถอนใจยาวพลางเดินไปนั่งรอที่โซฟากลางห้องซึ่งตรงข้ามเป็นเคาน์เตอร์ซึ่งด้านบนเป็นกระจกใสมองเห็นครัวด้านใน พ่อครัวกำลังคุยกับเจ้าของบ้าน เธอมองอย่างระวังพลางหาอาวุธไปด้วย ถึงจะไม่ถูกทำร้าย แต่ใครไว้ใจชัคคงไม่ต่างจากเอาคอไปพาดในปากเสือ

พาสต้าส่งกลิ่นหอมจนอันนาแทบจะลอยไปหาถึงในครัวที่เปิดประตูแง้มไว้อย่างกับยั่ว ชัคถือจานเอง พ่อครัวหยิบไวน์มาตามคำสั่งของเจ้านาย ช้อนส้อมพร้อมลุยทันทีเมื่อไวน์ถูกรินใส่แก้ว เธอยกขึ้นดื่ม แค่ไวน์ทำอะไรเธอไม่ได้หรอก ถ้าเหล้าล่ะไม่แน่ อาหารมื้อเย็นที่ล่วงเลยมาเป็นมื้อดึกมากเริ่มทันทีแบบไม่ต้องขออนุญาตใคร
ชัคมองเส้นพาสต้าที่อันนาม้วนใส่ช้อนเข้าปากคำแล้วคำเล่าก็อดยิ้มไม่ได้
“เผื่อจะไม่พอ” เส้นพาสต้าถูกแบ่งมาใส่จานของแขก
“ขอบคุณ ตอนนี้ฉันหิวมาก เพราะฉะนั้นไม่ต้องดูมากเดี๋ยวจะติดตา” ถ้าบอกตรงๆ ว่าเขินเพราะเขามองก็เสียฟอร์มน่ะสิ
ชัคเกือบหัวเราะ มันน่าจะติดตาอยู่หรอก เวลาผู้หญิงกินอะไรกับเขาเห็นแต่เหนียมๆ อย่างกับดมก็อิ่มแล้ว แต่ผู้หญิงตรงหน้ากินอย่างหิวโหย ซอสติดข้างแก้มยังไม่รู้ตัวกระมังหรือเกือบลืมไปด้วยซ้ำว่ามีเขานั่งอยู่ด้วยกัน
“เวลากินอาหารกับแฟน คุณทำแบบนี้หรือเปล่า”
“ไม่รู้สิคะ ไม่เคยมี หรือถ้ามีคงไม่ต่างกันหรอก เวลาหิวๆ จะมาทำว่าไม่หิว ฉันคงเป็นลมก่อน แล้วยิ่งมากินอาหารกับคุณ ฉันยิ่งไม่ต้องห่วงว่าตัวเองจะดูดีหรือดูไม่ดีหรือเปล่า” ไวน์ถูกดื่มไปอีกอึก ทำไมมันไม่หมดแก้วเสียทีก็ไม่รู้
ชาญเข้ามาแล้วกระซิบบอกบางอย่าง อันนาเงยหน้ามองรู้สึกเหมือนกำลังจะมีเรื่อง
“เดี๋ยวผมจะไปโทรหาใครบางคนสักหน่อย รอไม่นานหรอก กินรอไปก่อน เดี๋ยวพาไปส่งบ้าน”
อันนาไม่ได้รับปาก แน่ละสิ แค่ออกไปจากห้องนี้ยังทำไม่ได้เลยละมั้ง ว่าแต่เขาทำงานตลอดเวลาเลยหรือไง อย่าได้สน ตอนนี้ห่วงตัวเองก่อน กินหมดเมื่อไหร่จะได้กลับบ้าน แต่ทำไมพอใกล้อิ่มแล้วมันถึงง่วงแบบนี้หนอ แล้วถ้าเขากลับมาช้าเธอควร...ทำ...ยังไง...ดี

เสียงเดินตามมาหลังจากประตูเปิดออก เหล้าในขวดใบสวยกำลังเทลงแก้วราวกับความร้อนของมันจะช่วยทำให้ความชังในหัวใจยิ่งซึมลึกประหนึ่งตราตรึงไว้ให้เวลาไม่อาจทำให้สิ่งเหล่านี้หายไปจากหัวใจอันบอบช้ำ ทว่าเวลาได้เยียวยาจนแข็งแรงและพร้อมสำหรับการฆ่าที่ค่อยๆ ให้ยาพิษที่เรียกว่าความผิดหวังเจียนบ้าคลั่ง แล้วมองมันอย่างผู้ชนะสาแก่ใจ
“ผู้หญิงที่จับมาคราวก่อนคงเป็นคนรักคนใหม่ไอ้ชัคจริงๆ เสียแล้วล่ะ”
เสียงหัวเราะเป็นคำตอบที่ไม่เกินความคาดหมาย เหล้าที่รินมายกขึ้นจิบอย่างแค้นใจ เขาเป็นฝ่ายจำ ในขณะที่เจ้านั่นเป็นฝ่ายลืมงั้นรึ เร็วไปแล้ว
“ก็ดี มันทำใจได้เร็วกว่าที่คิดไว้มาก ตามต่อไป รอให้มันรักจนขาดไม่ได้ นั่นล่ะ เวลาที่มันจะจดจำในชีวิตคงมาถึงอีกครั้ง”
“ก็ได้ ไปนอนได้แล้ว อย่าดื่มต่ออีกเลย”
สายตาเหวี่ยงๆ มองมาอย่างไม่พอใจ ชายชรามองกลับไม่กลัวแต่ห่วงมากกว่า แก้วเหล้าถูกวาง นานมาแล้วเขาเคยมีความสุข จนกระทั่งถูกมองว่าไร้ค่าและไม่มีประโยชน์อีกต่อไป
“มีความสุขไปเถอะ อีกไม่นานฝันร้ายของอารตีจะกลับมา คราวนี้แกหรือใครๆ คงขวางฉันไม่ได้อีก”
เมื่อใดคนที่รักทุกข์ใจ คนที่มองด้วยความเศร้ามักมองหาทางออกเพื่อช่วยเหลือ เขาเคยคิดว่าตัวเองเป็นคนที่ทุกข์ใจแต่ยังมีคนรัก แต่ไม่ใช่เลย เขามีคนที่แสร้งว่ารักอยู่ใกล้ตัวต่างหาก

อุ่น...สบายเหมือนอยู่ที่ไหนสักแห่งแบบคุ้นเคยมาก่อน แน่ล่ะบนที่นอนไงล่ะ เรียวปากบางยิ้มให้ตัวเอง แม้จะเพลียเมื่อย เมื่อวานมันเหนื่อยจริงๆ เสียด้วย อันนาถอนใจเป็นสุขที่ได้พักผ่อน แต่มันเช้าแล้วหรือยัง ทำไมโทรศัพท์ไม่มีเสียงปลุก พอลืมตาก็เห็นว่าห้องสว่างแล้วจริงๆ แต่ทำไมโต๊ะที่เธอนั่งกินพาสต้ากับชัคถึงยังอยู่ล่ะ
“เฮ้ย...!”
อันนาร้องเสียงหลงพร้อมๆ กับเหวี่ยงขาลงจากโซฟาที่จำไม่ได้ว่ามานอนตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผ้าห่มร่วงลงพื้นพันขาจนล้ม แต่มันไม่น่าตกใจเท่าชัคอยู่ตรงนั้นแล้วมองมาอย่างขบขัน นี่เธอยังไม่ได้กลับบ้านใช่ไหม
“ตื่นแล้วเหรอ อาหารเช้าพร้อมแล้วนะ จะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนหรือว่ากินด้วยกันเลย” ร่างสูงย่อตัวลงแล้วยื่นมือให้คนซุ่มซ่ามจับ อยากพาไปนอนที่ห้องรับแขก แต่เขาทำงานจนเกือบเช้าตรงนี้เหมือนกัน
“ทำไมฉันยังไม่ถึงบ้านอีก คราวนี้ฉันโกรธคุณจริงๆ แล้วนะ” อันนาแหวลั่นลุกขึ้นได้เกือบวิ่งไปที่ประตู ถ้าเพียงแต่ไม่เห็นคนของเขาเฝ้าอยู่ตรึม
“โกรธตัวเองดีกว่า ผมปลุกแล้ว แต่คุณไม่ตื่นเองต่างหาก ถ้าไม่เชื่อ จะเอาภาพจากกล้องวงจรปิดมาดูก็ได้”
คิ้วเรียวขมวดใส่ ไม่แน่ใจว่านอนขี้เซาได้ขนาดนั้นจริงๆ หรือเปล่า แต่สภาพของตัวเองเสื้อผ้ายังอยู่ครบดี ไม่มีอะไรผิดปกติ ขอภาพวงจรปิดคงเกินไปสำหรับคนที่ช่วยเหลือมาตั้งหลายครั้ง แต่ครั้งหน้าไม่มีอีกแน่ๆ
“ต่อไปนี้คุณห้ามพาฉันมาที่บ้านหลังนี้อีก ขอร้องล่ะ ให้ใครก็ได้พาฉันไปส่งที่หอพักที ฉันไปทำงานด้วยชุดเดิมไม่ได้ค่ะ”
“ชุดทำงานของคุณมีพร้อมอยู่บนห้อง พอดีเพื่อนของผมมีห้องเสื้ออยู่ใกล้ๆ เลยขอหยิบยืมกันได้”
เสียงหัวเราะเล็ดลอดมาจากริมฝีปากหนา แต่ให้ตายเถอะ ไม่ว่าเขาทำด้วยความหวังดีหรือเหตุผลอะไรก็ตาม มันน่ากลัวสำหรับเธอทั้งนั้น
“ความใจดีของคุณทำฉันสยอง บอกตรงๆ เกือบซึ้งใจ แต่คงบอกได้ว่าขอบคุณ แต่หลังจากวันนี้แล้วคุณไม่ต้องเตรียมอะไรไว้ให้ฉันอีก ไม่ว่าคุณจะทำด้วยเหตุผลอะไร ฉันไม่ยอมรับทั้งนั้น”
“แค่เงินเหลือๆ ไม่เท่าไหร่ ไม่ต้องคิดมากก็ได้” เรียวคิ้วหนาขมวดใส่ “รีบไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ผมจะรอ”
หมดทางเลือกแล้วนี่ จะไปทำงานด้วยชุดเดิมคงหาคำตอบดีๆ ไม่ออก แม่บ้านเดินนำทางอันนาไปยังห้องที่เคยมาพักคราวก่อน เสื้อผ้าและของอื่นๆ ที่ต้องใช้มีพร้อมแล้วอย่างที่ชัคบอกไว้จริงๆ เขาทำแบบนี้ทำไม ชอบเธองั้นหรือ ไม่ใช่หรอกน่า ลิลลาสวยหยาดฟ้า แล้วมันมีเหตุผลอะไรอีกที่เธอไม่รู้กันอีกล่ะ เฮ้อ

การที่ต้องนั่งรถคันเดียวกับชัคมาทำงานทำให้อันนารู้สึกว่าผีหมดความน่ากลัวไปเลย ชุดใหม่ใส่พอดีตัว แต่ใส่แล้วไม่สบายใจ แน่ล่ะมันเป็นอุปทานของเธอล้วนๆ เวลา 7 โมงกว่าพนักงานคงยังไม่ถึงตึก Prime เท่าไหร่ หญิงสาวมองหาทางออก เพื่อป้องกันประเด็นที่คงเกิดแน่ๆ หากใครมาเห็นเธอลงจากรถไปพร้อมๆ กับท่านประธาน แค่คิดก็ไม่ไหวจะเคลียร์แล้ว
“ให้ฉันลงตรงป้ายทางเข้าซอยด้วยนะคะ มันคงไม่ดีถ้าฉันลงจากรถของคุณในเวลาเช้าแบบนี้”
“กลัวใครเข้าใจผิดงั้นหรือ”
บางทีเขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมอันนาต้องทำเหมือนหลบซ่อน ไม่กล้าเปิดเผยว่าเราสองคนรู้จักกัน
“กลัวทุกคนที่เห็นจะเข้าใจผิด คุณไม่เสียหาย แต่ฉันเสียหาย อย่าให้ฉันต้องอธิบายเลยว่าเสียหายยังไง ฉันว่าคุณน่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว ต่อไปนี้ทำเป็นไม่รู้จักฉันเวลาอยู่ที่บริษัทจนกว่าฉันจะหางานใหม่ได้นะคะ”
“คุณไม่มีทางหนีผมพ้นได้หรอก ถึงลาออกไปก็จะไม่มีบริษัทไหนรับคุณเข้าทำงาน”
เชื่อเต็มร้อยว่าชัคทำได้จริงๆ อันนาถอนใจยาวๆ ยังไม่อยากทะเลาะกับเขาในตอนนี้
“พอก่อน ฉันไม่อยากหงุดหงิดเพราะคุณไปทั้งวัน จอดด้วยค่ะ”
ชัคพยักหน้าอนุญาต ชาญจอดรถให้อันนาลงแล้วขับอีกนิดเดียวก็อยู่หน้าบริษัท ท่านประธานก้าวออกไปอย่างสง่างาม เลขามารอรับแล้วเข้าตึกไป คนที่เพิ่งลงจากรถค่อยๆ เดินมาจนถึง โดยที่ไม่มีใครสงสัยค่อยโล่งใจได้หน่อย ทว่าวินาทีที่อันนาก้าวลงจากรถของชัคในเวลาเช้าอาจจะเป็นความลับสำหรับคนอื่น แต่ไม่ใช่สำหรับเมธาที่ขับรถตามมาพอดี สองคนนี้มีความสัมพันธ์อย่างไรกันแน่

อันนาระแวงมองไปที่ประตูอยู่บ่อยๆ แม้ว่าผ่านมาหลายวันแล้วก็ตาม ชัคไม่โผล่พรวดมาให้สติปลิวหายอีก เธอเริ่มหางานใหม่ไปบ้างแล้ว ถ้าจะลาออกก็ควรเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เมธาและคนอื่นๆ ในฝ่ายเสียเวลากับพนักงานที่มีเหตุจำเป็นต้องไป แต่พูดออกมาไม่ได้แบบเธอ แต่ข่าวร้ายคือยังไม่มีบริษัทไหนเรียกไปสัมภาษณ์เลย เขาทำอย่างที่พูดไว้จริงๆ หรือเปล่า
เมธาเดินมาหาอันนาที่โต๊ะเมื่อเห็นว่าไม่มีลูกน้องคนไหนพอจะปลีกเวลามาทำงานด่วนได้ แฟลชไดรฟ์ยื่นให้ก่อนจะตามมาด้วยคำสั่งที่เธอรีบจดกันลืม
“พรุ่งนี้จะมีการอบรมพนักงานในเครือของ Prime ทั้งหมด คุณตรวจทานพวกคำผิดต่างๆ แล้วส่งให้โรงพิมพ์ รอรับแผ่นพับกลับมาให้เสร็จภายในเย็นวันนี้ กะทันหันหน่อยนะ โรงพิมพ์เจ้าก่อนข้ามคิวของบริษัทเราไป ผมเลยต้องหาที่ใหม่”
“ได้ค่ะพี่เมธ”
อันนาเสียบแฟลชไดรฟ์เข้าโน้ตบุ๊กแล้วตรวจคำผิดต่างๆ อยู่หลายรอบจนแน่ใจ สั่งพิมพ์สีออกมาเพื่อนำไปให้เมธาเอาไว้ดูเทียบ ก่อนจะรีบนั่งรถบริษัทไปโรงพิมพ์ประจำที่พริมมาให้ข้อมูลไว้ในเวลาก่อนเที่ยงแล้วทำงานไปด้วยระหว่างรอแผ่นพับ

แผ่นพับ 5 ลังลำเลียงมาชั้น 14 เลยเวลาเลิกงานไปเล็กน้อย แต่สีหน้าของอันนาไม่ค่อยดีนัก เมธาทำงานเสร็จพอดีจึงออกมาช่วยอีกแรง แต่พอเห็นหน้างานความเครียดก็มาเยือนเมื่อแผ่นพับ 3 ใน 5 ลังมีปัญหา อันนาอธิบายความผิดพลาดที่เกิดขึ้นและเหตุผลที่เธอนำของที่สีเพี้ยนกลับมา แม้จะเป็นเพียงจุดเดียว แต่เป็นจุดสำคัญเมื่อเป็นภาพรวมของผลิตภัณฑ์ที่ฝ่ายของเธอออกแบบไปตลอดหนึ่งปี
เมธารับฟังเหตุผลอย่างใจเย็นไม่ต่อว่าเพราะมันเป็นความผิดของโรงพิมพ์ไม่ใช่ของอันนา แม้ว่าจะไม่ชอบใจนักที่ทำแบบนี้ก็เหมือนยอมรับงานที่พิมพ์ออกมา เขาผิดด้วยเช่นกันที่ส่งมือใหม่ไปคนเดียว
“พรุ่งนี้คงแจกแผ่นพับไม่ได้ อาจต้องส่งตามไปให้ทีหลัง จะพิมพ์ใหม่คงไม่ทัน”
“น้ำผิดเองค่ะพี่เมธที่ไม่รอก่อน แล้วตรวจให้ครบทุกลัง แต่ทางโรงพิมพ์จะพิมพ์ในส่วนที่สีเพี้ยนมาให้นะคะ แค่แปะทับลงไป อีกชั่วโมงคงเสร็จแล้วพนักงานจะเอามาส่งให้ที่นี่เป็นการขอโทษและไม่คิดราคาเพิ่มค่ะ”
คำปรามาสในใจเหมือนถูกตอกกลับ อย่างน้อยอันนาก็หาวิธีแก้ไข ไม่ใช่รอแก้ตัว
“งั้นรึ เก่ง รู้จักแก้ปัญหา แล้วจะให้ใครอยู่ช่วยบ้าง ผมจะจัดการให้ วันนี้ผมมีธุระต้องไป แต่ถ้าเสร็จธุระแล้วจะรีบกลับมาช่วยอีกแรง”
อันนายิ้มอย่างเกรงใจมันเป็นความผิดพลาดของเธอกับโรงพิมพ์ จะให้ใครมาเดือดร้อนช่วยคงไม่ดีเท่าไหร่ แผ่นพับแค่ 3 ลัง ถ้าตั้งทำใจคงใช้เวลาไม่นานนัก
“ไม่เป็นไรค่ะพี่เมธ แค่แปะทับตรงที่สีเพี้ยน คนเดียวคงไหวค่ะ”
“แต่...” อคติในใจทำให้เมธายั้งคำไว้ “ตามใจ เอาไว้ผมจะรีบมาช่วยแล้วกัน”
ภายในห้องที่มีเสียงปรึกษางานกันตลอดเงียบกริบเมื่อเมธากลับไปแล้ว อันนาเปิดลังใส่แผ่นพับไว้รอ พอ 6 โมงนิดๆ รปภ ก็ขนลังใส่รูปที่สีเพี้ยนเข้ามา แต่มันไม่ได้ง่ายแค่แปะกาวแล้วติดทับลงไปนี่สิ การที่แขนข้างหนึ่งใช้งานไม่ได้นัก ทำให้การกรีดคัตเตอร์ลงกระดาษทาบไม้บรรทัดกลายเป็นเรื่องยากและใช้เวลานานจนน่าโมโหตัวเอง


แล้วจะมา up ต่อถึงตอนที่ 15 นะคะ มีจำหน่ายในรูปแบบหนังสือและ e-book แล้วค่ะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 มิ.ย. 2558, 09:39:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 มิ.ย. 2558, 09:39:15 น.

จำนวนการเข้าชม : 1173





<< ตอนที่ 9 ครึ่งแรก   ตอนที่ 10 ครึ่งแรก >>
แว่นใส 25 มิ.ย. 2558, 13:28:05 น.
ใครจะขี่ม้าขาวมาช่วยนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account