กำราบรักจอมเผด็จการ
'กฎของเราคือห้ามรัก' ชัคไม่คิดว่าจะพาอันนามาสู่อันตราย ร่วมมือกันเพื่อหาคนร้ายคือทางออกเดียวที่เธอจะออกไปจากวังวนของมาเฟียอย่างเขาได้
Tags: ความรัก อดีต ซาบซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง

อันนาไขลูกบิดแล้วเปิดประตูหลีกทางให้ชัคเข้าไปในห้อง เจ้าของห้องตามเข้าไปรีบเปิดไฟ โล่งใจที่ห้องยังดูเรียบร้อยดี แขกเดินมากลางห้องไม่แน่ใจว่าควรอยู่ตรงไหน เสื้อเขาเหม็นหากนั่งตรงโซฟาคงติดกลิ่นไปด้วย ต่างคนมองไปมา แก้มนวลร้อนวูบรู้สึกตัวเขาใหญ่จนห้องแคบและเราใกล้กันเกินไป
“เดี๋ยวชาญจะเอาเสื้อผ้าชุดใหม่มาส่งที่นี่ คงรบกวนเวลาไม่นาน”
แล้วยังไงต่อล่ะ อันนาเดินไปเปิดม่านในระหว่างกำลังคิดก่อนจะตัดสินใจหันไปบอกชัคอย่างไม่แน่ใจนัก
“นี่ไม่ใช่ความตั้งใจของฉันเลย แต่กลิ่นเหม็นแบบนี้คุณถอดเสื้อมาก่อนดีกว่า เดี๋ยวฉันซักแล้วปั่นแห้งให้จะได้ใส่ได้อีก ไม่ต้องทิ้ง”
ชัคพยักหน้า “แล้วผมจะใส่อะไร”
เรื่องนี้ไม่ยากเลยสักนิด อันนาเปิดตู้เสื้อผ้าหาเสื้อคลุมอาบน้ำตัวใหญ่เท่าที่มีออกมาส่งให้แต่กลับเจออกหนาๆ เปลือยเปล่า หญิงสาวหันหน้าหนีวางเสื้อไว้แล้วเปิดทีวีเอาเสียงเป็นเพื่อน แต่ถึงกระนั้นเสียงหัวเราะคำรามก็ดังให้ยินอยู่ดี เธอนั่งใจเต้นแรงอยู่เพียงไม่กี่วินาทีเสื้อเหม็นฉึ่งก็ส่งมาให้ พอหันไปค่อยโล่งอกรีบเข้าห้องน้ำเอาเสื้อไปซัก รู้สึกว่าห้องน้ำปลอดภัยที่สุดแล้วในตอนนี้
เสื้อซักเสร็จแล้ว แต่ชัคไม่อยู่ในห้อง เมื่อครู่มีเสียงเปิดประตู บางทีเขาอาจกลับก่อนแล้วกระมัง อันนามองหาจู่ๆ เสียงทุ้มก็ดังมาจากระเบียงแทบสะดุ้ง เสื้อใส่ไม้แขวนเกือบร่วง
“วิวห้องของคุณสวยดีนะ ถ้าไม่อยากยืนเกร็งอยู่ตรงนั้นก็มานั่งตรงนี้ด้วยกันดีกว่า”
ไม่มีอะไรรอดพ้นไปจากสายตาของเขาได้เลยสินะ เจ้าของห้องเดินตัวลีบเอาเสื้อมาแขวนตาก แล้วนั่งลงตรงเก้าอี้อีกตัว เขาดูสบายๆ เหมือนอยู่ห้องตัวเอง
“ทำไมยังไม่อาบน้ำอีก” ชัคหันมาถาม “อ้อ รู้ล่ะ รอผมกลับไปก่อน กลัวผมมากนักหรือ”
“มีคนที่ไม่กลัวคุณด้วยหรือคะ”
“มีสิ แต่...ก็ไม่มาก” คนตอบแค่นหัวเราะ “ถ้าต้องย้ายที่อยู่อีกครั้งเพราะผม คุณคงไม่พอใจสินะ”
อันนาถอนใจยาว ขนาดว่าไม่ได้ทำอะไร ความอำมหิตยังแผ่ซ่าน ที่ผ่านมาเขาเคยฆ่าคนตายไปบ้างหรือยัง
“ฉันพูดตรงๆ นะคะ ถ้าอยู่ใกล้คุณแล้วอันตรายมากเกินไปสำหรับชีวิตธรรมดาๆ ฉันยอมเสียงาน ลาออกแล้วกลับมาใช้ชีวิตปกติ หางานทำใหม่ ถึงคุณจะขัดขวาง ฉันก็ไม่ยอมแพ้หรอก”
อันนาเขยิบห่างชัคออกไป ไม่รู้ว่าเขาทำอะไรได้บ้าง แต่เท่าที่ผ่านมาคงใช้คำว่าไว้ใจไม่ได้ พลันเสียงหัวเราะได้ทำลายความตึงเครียดที่เธอสร้างขึ้นมาเองจนหมดสิ้น กริ่งหน้าห้องก็ดังขึ้นพอดี ร่างสูงลุกขึ้น
“ชาญคงมาแล้ว ขอบใจที่ให้มาอยู่ในห้อง”
ชัคเปิดประตูแล้วรับเสื้อสูทตัวใหม่มาใส่ แล้วคืนเสื้อคลุมลายหวานให้ อันนารับมาถือไว้รอปิดประตู แต่แขกกลับหันมาแล้วยื่นกระดาษที่เพิ่งเขียนบางอย่างลงไปมาให้
“เบอร์ส่วนตัวของผม ไม่ว่าเรื่องอะไร เวลาไหน คุณโทรหาผมได้ตลอดเวลา”
อันนายกมือไหว้รับกระดาษแผ่นนั้นมา มั่นใจเชียวล่ะคงไม่ได้ใช้หรอก ชัคเดินออกไป แต่ยังไม่วายหันมายิ้มให้ด้วยเหตุผลที่เธอเดาไม่ถูก ประตูแทบจะปิดทันที ดีใจเหมือนได้สวรรค์สวยๆ กลับคืนมา

สายตาคมตวัดผ่านดาราหนุ่มไปอย่างจดจำได้ แต่ไม่มีเหตุผลที่ต้องทักทายแม้ว่าจะเคยพบกันมาก่อน รถเคลื่อนจากไปโดยมีรถสปอร์ตของนาวินตามมา แต่เพียงไม่นานก็ขับแยกไป ชาญส่งแทบเล็ตมาให้นายที่ตั้งแต่ลงมาจากห้องของอันนาก็เอาแต่ทำหน้าคิดหนัก ทั้งที่ๆ ควรมีความสุขไม่ใช่หรือ
“มีบางอย่างที่คุณชัคควรได้ดูครับ”
คลิปที่ลิลลาเพิ่งให้สัมภาษณ์เปิดให้เห็นว่านักข่าวสนใจชีวิตส่วนตัวของเธอไม่น้อย ชัคจะไม่สนใจเลยหากคำถามของนักข่าวจะไม่เกี่ยวกับเขา
‘เรื่องความรักหรือคะ ลิลไม่รีบค่ะ สำหรับข่าวลือที่ออกมา เอาไว้เราสองคนพร้อมออกสื่อจะแจ้งพี่ๆ นะคะ’
‘แสดงว่าลูกชายของเจ้าสัวชรันทำให้น้องลิลใจอ่อนได้แล้วสิคะ’
ลิลลายิ้มหวานสายตาเป็นประกาย ‘เราสองคนรู้จักกันมาตั้งแต่วัยรุ่น การเปลี่ยนฐานะจากพี่น้องเป็นคนรักจึงเกิดขึ้นแบบไม่รู้ตัวน่ะค่ะ’
ใบหน้าคร้ามส่ายอย่างระอา ยังดูไม่ทันจบด้วยซ้ำ แค่นี้ก็พอเดาได้
“ข่าวแบบนี้อีกไม่นานก็เงียบไปเอง คุณภารดีวางหมากไว้แล้วกระมัง ให้เป็นข่าว ใช้สังคมบีบ วิธีเด็กน้อยเสียจริง”
เรียวปากหนายิ้มหยัน ละสายตามองไปนอกหน้าต่างรถ ทำไมผู้หญิงสองคนถึงได้ต่างกันจนน่าโมโห คนหนึ่งเหมือนลมที่เขาไขว้คว้า อีกคนเหมือนฝนที่ตกใส่ทั้งที่ไม่ต้องการ

งานที่ยังเหลืออยู่ถูกจัดการต่อ แว่นสายตาถูกสวมยามที่ชัคคร่ำเครงจดจ่อ บางครั้งเขาอยากถามพ่อว่าทำไมถึงไม่เปิดโอกาสให้พี่ชายมาช่วยบริหารงานในบริษัท ทั้งๆ ที่เป็นลูกชายคนโตคงเป็นเรื่องที่ใครพบเจอคงสงสัย เขาเองก็เหมือนกัน การที่เกเรในสมัยที่เป็นวัยรุ่นทำให้หมดโอกาสแม้แต่ความน่าเชื่อถือในสายตาของพ่อเชียวหรือ
แว่นถูกถอดวางแล้วหลับตาลง งานเสร็จแล้ว ชัคเดินผ่านประตูระหว่างห้องมายังเตียงนอน มองเวลาก็เห็นสมควรเกือบตีสองแล้ว ผ้าห่มตลบขึ้นทว่ายังไม่ทันได้นอน เสียงข้อความจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาหยิบมาดูเผื่อมีเรื่องสำคัญ ทว่ากลับแปลกใจมากกว่า
‘ฉันมีเรื่องจะสารภาพกับคุณค่ะ มาหาฉันตอนนี้แล้วคุณจะรู้ทุกอย่างที่ถูกปิดบังไว้’
ชัคโทรหลับไปทันที มีสัญญาณ แต่อันนาไม่รับสาย ผู้หญิงคนนี้กำลังจะเล่นตลกอะไรกับเขาอีก ด้วยความสงสัยชายหนุ่มเปลี่ยนเสื้อผ้า หยิบกุญแจรถกับของอื่นๆ ลงมาชั้นล่างเดินตรงไปยังลานจอดรถซึ่งมีบอดี้การ์ดเฝ้าเวรยามกันอยู่
“คุณชัคจะไปไหนหรือครับ” ชาญเดินแกมวิ่งมาที่รถสปอร์ตที่เจ้านายใช้ประจำเวลาไม่ต้องไปบริษัท
“ผมนอนไม่หลับจะไปขับรถเล่นแถวๆ นี้แหละ ไม่ต้องตาม ไปพักผ่อนเถอะ” ชัคเลี่ยง หากบอกว่าไปหาอันนาคงมีคนเข้าใจผิดมากขึ้นไปอีก
ชาญหลีกทางให้มองตามอย่างเป็นห่วง แต่ถ้ามีอะไรในรถคันนั้นก็ปลอดภัยพอ
ไม่ถึงสิบห้านาทีด้วยซ้ำชัคก็มาถึงหอพักของอันนา แต่ไม่มีคีย์การ์ด กำลังจะโทรหาก็พอดีมีชายคนหนึ่งเปิดประตูออกมา เขารีบเข้าไปก่อนที่ประตูจะล็อค ลิฟต์พาไปยังชั้น 6 ขายาวก้าวไปยังห้องที่เขาเพิ่งมาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
“อันนา...” ชัคเคาะประตู ทว่าประตูกลับเขยื้อนเปิด
ปืนที่พกมาถือติดมาไว้ด้านหลังก่อนที่ร่างสูงจะก้าวเข้าไปในห้องที่เห็นสิ่งต่างๆ เพียงสลัวราง พลันประตูก็ปิดลง ร่างหนึ่งก้าวมาจากหลังบานประตู ปืนเก็บเสียงเล็งตรงไปอย่างไม่วางใจ หากเป็นอันนาคงไม่ยืนมองเฉยแบบนี้แน่ๆ อีกทั้งรูปร่างที่สูงใหญ่ อย่างไรก็ไม่ใช่เธอ
“แกเป็นใคร อันนาอยู่ที่ไหน”
“แกมันไม่เคยเปลี่ยนไปเลยจริงๆ” เสียงเรียบต่ำกระชากมีดใส่
ชัคหลบได้แต่ก็ถูกมีดเฉี่ยวแขนไป ปืนในมือถูกเตะกระเด็น เขาง้างขาถีบใส่คนร้ายแล้วคว้าปืนมายิงซ้ำ ร่างนั้นพลิ้วหลบในความมืด มือที่ว่างของชัคควานหาสวิตช์เปิดไฟ
เจอแล้ว!
ห้องสว่างพรึบพร้อมๆ กับร่างสูงโงนเงนเมื่อถูกฟาดที่หลังอย่างแรง พอหันไปมองความสว่างก็พลันเปลี่ยนเป็นมืดมิด สารเคมีฉุกกึกกระแทกใส่จมูก เขาฟาดสันมือใส่ คนร้ายเซถลา ชัคลุกขึ้นแต่เพียงไม่นานก็ฟุบหลับแน่นิ่งไป ร่างสูงใหญ่กว่าก้าวเข้ามาคว้าที่คอเสื้อแล้วลากไป

เสียงดนตรีบรรเลงต้อนรับพนักงานเข้าสู่ห้องประชุมขนาดใหญ่ตามนัดหมายของการพบเพื่อรับฟังเป้าหมายขององค์กรประจำปี แผ่นพับของแต่ละฝ่ายถูกแจกออกไป 5 ปีก่อนชัคทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยของพ่อ จนกระทั่ง 2 ปีที่ผ่านมาจึงรับหน้าที่ประธานเต็มตัว เขาเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เหมาะสม จนถึงตอนนี้ไม่มีใครติติงอะไรอีกแล้ว แม้ว่าภาคินจะยังคงรั้งตำแหน่งรองประธานให้น้องชายต่อไป
ชรันมาถึงงานได้สักพักพร้อมกับภาคิน พนักงานมากันพร้อมแล้ว อีก 15 นาทีงานกำลังจะเริ่ม แต่คนสำคัญกลับยังไม่ปรากฏตัว ผู้เป็นพ่อมองนาฬิกาซ้ำอีกรอบก็เริ่มไม่ชอบมาพากล ยิ่งเห็นท่าที่ของชาญที่เอาแต่ติดต่อใครต่อใครตรงหน้างานให้วุ่นก็มั่นใจว่าต้องมีอะไรแน่ๆ
“ป่านนี้แล้วเจ้าชัคมันไปไหน งานประชุมประจำปีจะเริ่มอยู่แล้ว ทำไมชัคยังไม่มาอีกชาญ”
สีหน้าของชาญไม่ค่อยดีนักรีบอธิบาย ไม่ใช่กลัวตกงาน แต่จนป่านนี้แล้วยังไม่ได้ข่าวนายเลย
“คนของผมกำลังตามหาอยู่ครับ เมื่อคืนออกไปขับรถเล่นยังไม่กลับมาเลยครับ แต่อีกไม่นานคงมาเพราะคุณชัคไม่ใช่คนเหลวไหล ถ้ายังไงเกิดคุณชัคมางานไม่ทัน คุณชรันเริ่มงานแทนก่อนดีไหมครับ”
ชรันโทรหาลูกชายคนเล็ก ติด...แต่ไม่รับ บางทีอาจจะกำลังเดินทางมาก็ได้
“ดูแลทางนี้ด้วย ถ้าชัคมาแล้วให้เข้าไปในงานทันที”
“ครับ คุณชรัน”
ภาคินเดินมาตามพ่อพอดีพลางมองหาน้องชาย “ทำไมชัคยังไม่มาอีกล่ะ งานจะเริ่มอยู่แล้ว นักข่าวก็มากันแล้วด้วย คู่สัญญาของ Prime ก็มาแล้ว”
ชรันมองตามเริ่มหนักใจนิดๆ วันนี้ไม่เพียงประชุมพนักงานทั้งหมด แต่ยังเชิญนักข่าวมาด้วยสำหรับการเปิดตัวผู้ร่วมทุนรายล่าสุดที่จะผลิตเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ตัวใหม่
“แล้วนั่น ลิลลามาทำไมหรือครับ” ภาคินยิ้มให้ดาราสาวที่อาจจะมาเป็นน้องสะใภ้
“หนึ่งในพรีเซ็นเตอร์เครื่องดื่มตัวใหม่ที่จะเปิดตัวศุกร์นี้น่ะสิ ไปกันเถอะ พ่อคงต้องลุยก่อน เจ้าชัคมาแล้วค่อยว่ากันอีกที”
หุ้นส่วนรายใหม่เข้ามาทักทาย ภาคินรับหน้าที่ต้อนรับแทนพ่อที่ต้องรับหน้าที่เปิดงาน พนักงานพากันมองอย่างสงสัย แต่ไม่มีใครกล้าถาม งานเปิดอย่างเรียบง่าย แต่จนกระทั่งเซ็นสัญญาร่วมทุนแล้ว ชัคก็ยังไม่มาถึงงานอยู่ดี แต่พวกนักข่าวนี่สิพากันก้มดูโทรศัพท์แล้วส่งเสียงแซดอย่างกับมีเรื่องให้ลงข่าวหน้าหนึ่ง
ยังไม่ทันได้สงสัยไปมากกว่านั้น ทั้งไมโครโฟนและกล้องก็กรูเข้ามาล้อมชรันกับภาคินไว้ แล้วยิงคำถามใส่อย่างกับปืนกล
“ภาพของคุณชัคกับผู้หญิงบนเตียงเป็นสาเหตุที่วันนี้คุณชัคมางานในวันนี้ไม่ได้ใช่ไหมครับ”
มีงงสิงานนี้ ชรันเลิกคิ้วมองโทรศัพท์ที่นักข่าวยื่นมาให้
“ภาพอะไร คินไปเอามาให้พ่อดูสิ”
ภาคินรับโทรศัพท์มาให้พ่อแล้วก็ดูเสียด้วยกัน ทั้งสองคนพากันอึ้ง แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรเสียงร้องกรี๊ดก็หยุดทุกเสียงภายในห้องประชุมใหญ่ สานตาทุกคู่มองไปยังดาราสาวที่แหกปากลั่นไม่สนใจใคร
“ไม่จริง พี่ชัคจะทำแบบนี้ไปทำไม”
ราวกับมีสปอร์ตไลท์นับร้อยๆ ดวงพุ่งมาใส่ตัว ลิลลาเพิ่งรู้สึกตัวว่ากำลังหลุดมาดนางเอกสาวผู้อ่อนหวานจึงรีบเอนตัวล้ม มีคนช่วยรับไว้ได้ทันท่วงที
ลิลาถูกประคองไปยังห้องรับรองข้างๆ นักข่าวส่วนหนึ่งตามไป ที่เหลือยังจ่อไมค์ใส่ชรันที่ไม่มีคำตอบของภาพลูกชายกำลังนอนกอดผู้หญิงอยู่บนเตียง แถมไอ้คนส่งรูปยังอุตส่าห์ใส่เวลาและวันที่มาเสียด้วย ชัคจะเหลวไหลได้ขนาดนี้เชียวหรือ มองหาชาญก็ไม่อยู่แล้ว
“ตอนนี้คุณชัคอยู่ที่ไหนกันแน่ครับ แล้วข่าวการคบกับคุณลิลลาจะยังไง สรุปคบกันจริงๆ ใช่ไหมครับ”
ภาคินเอียงหน้ามากระซิบถาม “เอายังไงดีครับพ่อ”
ชรันยิ้มให้นักข่าวทุกคน สีหน้ายังเป็นปกติไม่ได้ร้อนใจจนออกนอกหน้า
“ขอจบการเปิดงานแต่เพียงเท่านี้นะครับ ขอบคุณสำหรับทุกคนที่มางานนี้ ส่วนการประชุมประจำปียังดำเนินการต่อไป เชิญพนักงานทุกคนรออยู่ที่นี่ เรื่องแบบนี้ถ้าจริงก็แค่พาผู้หญิงมาให้รู้จัก แต่ถ้าไม่จริง ทีมกฎหมายของผมก็พร้อมเหมือนกัน”
นักข่าวพากันเงียบกริบไม่กล้าถามต่อ แต่ยังกล้าแชร์ภาพ ถ้าไม่ใช่เรื่องจริงก็แค่ลงข่าวขอโทษกรอบเล็กๆ ถ้าจริงขึ้นมาล่ะก็งานนี้เล่นข่าวได้ยาวล่ะ
ภาคินรีบพาพ่อมายังห้องรับรองที่ลิลลากำลังนั่งดมแอมโมเนียโดยมีเลขาของชัคดูแล สองพ่อลูกนั่งนิ่งรอข่าว ชาญคงตามไปแล้ว ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ๆ
“ติดต่อ บก หนังสือพิมพ์ อย่าให้งานในวันนี้ออกไปเป็นข่าว ทางนี้พ่อจัดการเอง”
“ครับพ่อ”
ชรันเดินมาหาที่นั่ง ยังไม่ทันได้พักสมองลิลลาก็เข้ามานั่งใกล้ๆ ร้องไห้จนหน้าตาแดงช้ำ หนักล่ะงานนี้ ถ้าภารดีมาอีกคน ที่นี่คงลุกเป็นไฟ คนเดียวที่ให้คำตอบได้คงเป็นลูกชายคนเล็กของเขานั่นแหละ เรื่องมันเป็นยังไงมายังไงกันแน่ อยู่ๆ ทำไมมีรูปหลุดออกมา

แล้วจะมา up ต่อถึงตอนที่ 15 นะคะ มีจำหน่ายในรูปแบบหนังสือและ e-book แล้วค่ะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 มิ.ย. 2558, 09:00:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2558, 09:00:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1123





<< ตอนที่ 10 ครึ่งแรก   ตอนที่ 11 ครึ่งแรก >>
แว่นใส 28 มิ.ย. 2558, 12:22:06 น.
เป็นเรื่องล่ะ ไม่พาคนมาเป็นพยานอีกต่างหาก


กาซะลองพลัดถิ่น 28 มิ.ย. 2558, 15:08:32 น.
งานเข้าอีกแล้ว อันนา ....งานนี้หนักกว่าทุก ๆ งานด้วยนะ ...
ลิลลา เจอเรื่องนี้เข้าไป เงิบ เลย สะใจ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account