กำราบรักจอมเผด็จการ
'กฎของเราคือห้ามรัก' ชัคไม่คิดว่าจะพาอันนามาสู่อันตราย ร่วมมือกันเพื่อหาคนร้ายคือทางออกเดียวที่เธอจะออกไปจากวังวนของมาเฟียอย่างเขาได้
Tags: ความรัก อดีต ซาบซึ้ง

ตอน: ตอนที่ 11 ครึ่งแรก

เสียงหายใจยาวเป็นห้วงๆ จนเมื่อแสงทะลุผ่านผ้าม่านเข้ามาในยามแดดจัด มือหนายกมือขึ้นมาบังตาระคนแปลกใจตัวเองว่าเตียงของเขาอยู่ใกล้หน้าต่างตั้งแต่เมื่อไหร่ อีกทั้งยังร้อนราวกับก่อนนอนไม่ได้เปิดแอร์ไว้ เมื่อมองความอ่อนนุ่มในอ้อมอก หัวใจพลันแทบหยุดเต้น เรื่องราวก่อนสลบไปฟุ้งสู่สมองที่ยังเบลอชา เขามานอนกอดอันนาได้อย่างไร แขนยาวปล่อยเอวบางออก แต่ที่ถูกกอดอยู่ไม่รู้จะทำยังไง
ก่อนที่จะเป็นเรื่องไปมากกว่านี้ชัคหลับตาลงแล้วรอว่าเธอจะทำอย่างไร เป็นไปได้ไหมว่ามีส่วนสมรู้ร่วมคิดกับผู้ร้ายเมื่อคืน
อันนานิ่วหน้าขัดใจเมื่อหมอนข้างหนักเสียจริง หายใจไม่ออก มือบางออกแรงผลัก แต่หมอนทำไมไม่ขยับ หญิงสาวเปิดเปลือกตาข้างหนึ่งเพื่อมองหมอนข้างที่วันนี้แปลกอย่างกับแขนคน ทว่าสิ่งที่ได้พบกลับเป็นใบหน้าของอีตาชัคที่มองมาอย่างกับจ้อง ฝันร้ายชัดๆ
“ฝัน...ฝันแน่ๆ” อันนาสะบัดหน้าเผื่อว่าดวงตาสีเข้มที่เห็นจะหายไป
“ดูเหมือนจะไม่ใช่”
ไม่ใช่ฝัน! ดวงตาตาของอันนาเบิกกว้างด้วยความตกใจสุดขีด เรียวปากบางเผยอกว้างกำลังจะร้องกรี๊ด มือหนาตะปบปิดได้ก่อนที่เสียงของเธอจะเรียกให้ใครต่อใครมาที่นี่
“อย่าเพิ่งกรี๊ด ผมก็ไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนกัน”
อาการโกรธจนหูอื้อเป็นอย่างนี้เอง อันนาไม่ฟังอะไรง้างปากกัดฝ่ามือของชัคเต็มแรง ชายหนุ่มสะดุ้งโหยง แต่ไม่ยอมปล่อย แถมยังกลิ้งจนร่างเบียดชิดตกเตียงมาด้วยกัน เขี้ยวคมๆ เผลอปล่อยเลยเข้าทางคนแรงมากกว่าคว้ากอดกดใบหน้าไว้กับอกหนาจนร่างบางขยับเขยื้อนไม่ได้ แค่แขนเข้าเฝือกไปข้างหนึ่งก็เสียเปรียบจะแย่ แต่ถึงดิ้นหลุดก็คงไปไหนไม่ได้อยู่ดีเมื่อมีกุญแจมือพันธนาการข้อมือของเราสองคนไว้
“ฟังก่อนสิ เจ็บชะมัด ผมเองก็ไม่รู้ว่านอนกอดคุณได้ยังไงเหมือนกัน เชื่อใจผมนะ ถ้าจะปล้ำคุณคงทำไปนานแล้วไม่มาเหนื่อยลักหลับหรอก ผมพูดถูกอย่างที่คุณกำลังคิดอยู่ใช่ไหม”
อันนาทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ เขาจะคิดอะไรเธอไม่สนหรอก ตอนนี้สนแต่ทำไมทำเขามานอนบนเตียงของเธอต่างหาก
“ก็อกๆ”
สองหนุ่มสาวมองไปที่ประตูพร้อมกัน มองลูกบิดอย่างลุ้นสุดชีวิต ค่อยโล่งใจขึ้นมาได้หน่อยที่เห็นตรงกลางบุ๋มแสดงว่าใครก็ตามยังเข้ามาในห้องไม่ได้ ยกเว้น...
“คุณนัดใครไว้หรือเปล่า”
“น้ำอยู่ในห้องหรือเปล่า มดขอเข้าไปหน่อยได้ไหม ลืมเอากุญแจมาน่ะ”
“เปล่าค่ะ” อันนาชะงักกึก “แต่นั่นเสียงเพื่อนฉัน ฉันจะไปเปิดประตู”
ชัคยอมปล่อยร่างนุ่ม อันนาลุกขึ้นจะเดินไป แต่เพียงก้าวเดียวก็เหมือนสปริงเด้งกลับมานั่งแปะข้างๆ ร่างหนา
“ในสภาพที่เรายังหาคำตอบไม่ได้น่ะหรือ”
ใบหน้าคร้ามส่ายเหมือนระอามองกุญแจมือถอนใจด้วยความโมโห แต่ไม่รู้จะไปลงกับใคร
“เงียบก่อน เมื่อคืนผมมาหาคุณที่ห้อง แต่พบคนร้ายที่นี่ แขนผมมีเลือดถูกมีดแทง ทีนี้เชื่อได้หรือยัง”
อันนาชะโงกดูแขนอีกข้างของชัค เลือดแห้งแบบนั้นไม่เชื่อคงไม่ได้แล้วและเงียบแบบไม่ต้องย้ำจนกระทั่งธีราเดินจากไปเอง โล่งอกจะแย่
“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า หลังจากนั้นเราต้องคุยกัน” ถึงเสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นที่อันนาใส่จะไม่ได้โป๊อะไร แต่ถ้าต้องออกไปด้วยกันตอนนี้คงไม่ดีเท่าไหร่
หญิงสาวยกข้อมือขึ้นแทนถามว่าในสภาพแบบนี้จะไปเปลี่ยนเสื้อผ้าได้ยังกันเล่า แล้วเขาน่ะลืมไปแล้วหรือไงว่าแขนของเธอยังเข้าเฝือกอยู่ มีเสียงขลุกขลักที่ประตูอีกครั้ง ชัคมองหาปืนจนไปพบว่ามันอยู่ที่หัวเตียง เขาหยิบมาแล้วเล็งรอ อันนาถูกสั่งให้หลบอยู่ข้างหลัง ประตูค่อยๆ แง้มเปิด ผู้บุกรุกเปรยเสียงเบาๆ อย่างระวังระไวพอกัน พอเห็นว่าใครเป็นใครจึงลดปืนลง แต่สภาพของสองหนุ่มสาวมันชวนให้สงสัย
“เรื่องมันยาวน่ะชาญ อย่าเพิ่งถาม ตอนนี้หาวิธีเอากุญแจมือออกให้เราสองคนก่อน”
อันนายิ้มไม่ออก ถึงจะดีใจที่ชาญเป็นคนที่หาเธอกับชัคพบ กุญแจมือถูกไขออกอย่างง่ายดายจากบอดี้การ์ดหน้าเรียบ หญิงสาวลุกขึ้นไปยืนห่างจากสองหนุ่มเมื่อได้รับอิสระ เมื่อมองสภาพห้องก็แทบร้องเฮ้อออกมา พรมกระจาย ของร่วงเต็มพื้นและหลอดไฟที่ระเบียงยังแตก แล้วนั่นรอยเลือดใช่ไหม เลือดของใคร ของชัคหรือว่าของคนอื่น
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่หรือคุณ”
“ขอเวลาผมสามนาที” ชัคยกมือห้ามพลางขอโทรศัพท์จากชาญ ของเขาไม่รู้ไปอยู่ที่ไหน คนแรกที่โทรหากดรับสายทันที “พ่อครับผมมีเรื่องขอให้ช่วย”
ชรันเดินเลี่ยงออกจากลิลลาก่อนที่จะเป็นเรื่องให้นักข่าวเอาไปเขียนกันอีก
“บอกมาก่อนว่าอยู่ที่ไหน มีอะไรเกิดขึ้นกันแน่ แล้วปลอดภัยดีหรือเปล่า”
ชัคมองแขนตัวเอง “ปลอดภัยดีครับ แต่เล่าตอนนี้คงไม่สะดวก พ่อช่วยดูแลทางนั้นแทนผมทีนะครับ ผมมีเรื่องสำคัญทางนี้เหมือนกัน จัดการเรียบร้อยแล้วจะรีบไปแก้ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น”
ชรันรับปากแล้วรีบวางสาย ลิลลาเดินมาหาหน้าตาบอกชัดว่าต้องรู้ให้ได้
“พี่ชัคหรือเปล่าคะคุณลุง”
“เดี๋ยวลุงต้องไปคุยกับแขกด้านโน้น หนูลิลอยู่กับเลขาของชัคทางนี้ไปก่อนนะ อย่าเพิ่งให้ข่าวอะไร อีกประเดี๋ยวเจ้าตัวจะมาให้ข่าวเอง”
ชรันขยิบตาให้เลขามาประกบลิลลาไว้ แล้วเดินไปหาลูกค้าเพื่อไม่ให้เสียเรื่อง นักข่าวยังปักหลักไม่ยอมไปไหน เพียงครู่เดียวภาคินก็ตามไปบอกข่าวร้ายว่าข่าวคงปิดไม่ทันแล้ว ถึงไม่ลงหนังสือพิมพ์ แต่ทางโซเชียลมีเดียรูปภาพถูกแชร์ไปมากและกำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เพราะลิลลาเพิ่งให้ข่าวว่ากำลังคบหากับชัคอยู่เมื่อวันก่อน

หลังจากชัคคุยกับชาญอยู่ครู่หนึ่ง คุณบอดี้การ์ดก็โทรหาตำรวจและรออยู่ข้างล่าง กล่องยาเพิ่งถูกปิดไปหลังจากอันนาช่วยทำให้แผลให้ผู้ร่วมชะตากรรมอย่างทุลักทุเล คนหนึ่งแขนหักเข้าเฝือก อีกคนแขนถูกแทง ช่างเป็นเดือนนองเลือดของเราสองคนเสียจริง แผลที่ต้นแขนขวาของชัคไม่ลึกคงโดนมีดแค่ถากๆ เท่านั้น ต่างคนมองแขนตัวเองแล้วยิ้มออกมาในความซวยที่มาอย่างพร้อมเพียง หญิงสาวขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อออกมาก็เห็นว่าชัคกำลังนั่งมองพรมที่มีรอยเลือดหยดเป็นทาง เธอนั่งลงใกล้ยื่นมือไป แต่ถูกคว้าข้อมือไว้
“อย่าแตะนะ อาจจะเอาไปตรวจเป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ได้ถ้ามันไม่ใช่แค่เลือดของผม”
ร่างสูงลุกขึ้นแล้วรั้งให้อันนามานั่งที่โซฟาด้วยกัน ก่อนจะปล่อยมืออย่างรู้หน้าที่ไม่งั้นได้ถูกจ้อง แค่ที่ตื่นมานอนกอดกันอุ่นก็หาคำอธิบายไม่ได้อยู่แล้ว จู่ๆ หญิงสาวก็ลุกขึ้นดึงผ้าห่มผืนเล็กออกถึงได้รู้ว่านั่งทับโทรศัพท์
“นี่ของคุณหรือเปล่า”
ใช่อย่างไม่ต้องสงสัย พอเห็นโทรศัพท์ชัคเลยนึกขึ้นมาได้รีบเปิดหน้าจอ มีสายไม่ได้รับเกือบยี่สิบสาย แต่นั่นไม่สำคัญเท่าข้อความที่ชักนำให้เขามาถึงห้องนี้เมื่อคืน
“เอาไปดูซะ คุณส่งข้อความนี้มาหาผมหรือเปล่า”
อันนารับโทรศัพท์มาอ่านข้อความอย่างไม่เข้าใจนัก เบอร์ที่ส่งน่ะใช่แน่ๆ แต่เธอส่งข้อความให้เขาตอนไหนกันล่ะ ละเมองั้นหรือ พอเช็คจากโทรศัพท์ของตัวเองกลับพบข้อความเหมือนกันเปี๊ยบในกล่องขาออก ชัคเลิกคิ้วรอคำตอบ
“ฉันไม่มีอะไรจะสารภาพกับคุณสักหน่อย สาบานได้ ฉันไม่ได้ส่งข้อความหาคุณ แต่ในโทรศัพท์ของฉันทำไมมีข้อความขาออกได้ล่ะ หรือว่า...”
ถ้าคนร้ายใช้โทรศัพท์ของอันนาส่งข้อความหาเขา นั่นแสดงว่าตอนนั้นเธอต้องไม่รู้สึกตัวไปแล้วนะสิ ร่างหนาเขยิบเข้าไปนั่งใกล้ๆ ดวงตาของเธอไม่อาจปิดบังความกลัวไปจากความสนใจของเขาได้ เขาน่าจะเชื่อตัวเองว่าที่นี่ไม่ปลอดภัย
“ก่อนนอน มีอะไรผิดปกติบ้างหรือเปล่า”
“ไม่มีค่ะ จะผิดปกติก็ตรงที่ไม่รู้สึกตัวว่าคุณมานอนข้างๆ ฉันไม่ใช่คนนอนขี้เซาถึงขนาดไม่รู้ตัวว่าใครเข้ามาในห้อง แล้วยังมา...กอด”
หญิงสาวถอนใจทำหน้าเหมือนโลกจะแตก ทั้งคนร้าย ทั้งอีตามาเฟียพาเหรดเข้าห้องโดยที่เธอไม่รู้ตัวเลยสักนิด เรียวปากหนาเผยอกว้าง คนกลุ้มใจเงยหน้ามาเห็นพอดีเลยค้อนเข้าให้
“ยิ้มอะไรน่ะคุณ ฉันเครียดจะบ้าอยู่แล้วนะ”
“ไม่คิดว่าผมจะทำอะไรคุณแล้วหรือไง”
อันนาเขยิบห่างชัคเริ่มไม่ไว้ใจขึ้นมา “ก็...คิด แต่ถ้าถึงขนาด...ฉันต้องรู้สึกตัวสิ หรือว่าคุณนั่นแหละที่วางยา”
“แล้วปลอกกระสุนมันหมายความว่าผมยิงเล่นงั้นสิ” ปลอกกระสุนในซองพลาสติกหราอยู่ที่พื้น
“แล้วทำไมฉันไม่ได้ยินเสียงปืน”
ชัคถอดท่อสีดำที่ติดอยู่ปลายกระบอกปืนมาส่งให้อันนา “ผมใส่ซับเพรสเซอร์ ไม่คิดว่าจะหลับกลางอากาศเหมือนกัน เกือบตายเพราะความประมาทแล้ว ไม่นึกว่าเป็นกับดัก”
“แล้วคนร้ายทำแบบนี้ไปทำไม ทำไมไม่ฆ่าเราสองคน แต่กลับทำให้อยู่ในสภาพนั้น”
ชัคยังไม่แน่ใจ ทุกครั้งที่ถูกทำร้าย เขาไม่เคยถูกทำให้ถึงตาย แล้วคราวนี้เป้าหมายของคนร้ายคืออะไรกันแน่ การปล่อยรูปออกไปได้ประโยชน์อะไร เขาน่ะเสียแน่ๆ รวมทั้งอันนาด้วย แต่ชื่อเสียงมันสำคัญตรงไหน นวัชกลายเป็นคนที่น่าสงสัยในสายตาของเขาอีกครั้ง
ประตูเคาะก่อนที่ชาญจะเปิดเข้ามาพร้อมกับตำรวจนอกเครื่องแบบอีก 2 คน อันนายกมือไหว้แล้วพาตัวเองมายืนข้างหลังชัค ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้ เป็นครั้งแรกที่อุ่นใจเมื่อเขาอยู่ใกล้
“ดูแลทางนี้นะชาญ ผมมีเรื่องสำคัญต้องไปจัดการต่อ” ชัคสั่งก่อนจะหันมามองอันนาด้วยสายตาเป็นห่วง ตั้งแต่พบกันจนถึงตอนนี้ เธอลำบากเพราะเขามาหลายเรื่องแล้ว “คุณอยู่ได้นะ อีกสักพักผมจะกลับมา อย่าฟังอะไรจากใคร นอกจากผมคนเดียว รับปากได้ไหม”
อันนาพยักหน้าเข้าใจว่าอาจมีใครมาอีกอย่างเพื่อนข้างห้อง “ค่ะ เรื่องสำคัญของคุณ คุณไปเถอะ ฉันจะรอให้เบาะแสตำรวจ มันคงไม่กลับมาตอนนี้หรอก...มั้ง”
หญิงสาวฝืนยิ้ม ชัคมามองนิ่งก้าวมาชิดแล้วดึงเธอเข้ามากอด แขนอุ่นกอดไว้หลวมๆ แต่มั่นใจได้ว่าไม่มีทางผลักเขาออกไปได้ง่ายๆ มือบางยกขึ้นมายันอกหนากำลังจะดันออก หากเขาไม่พูดขึ้นว่า
“ขอโทษด้วยที่คราวนี้คุณต้องมาเดือดร้อน ผมจะหาทางออกที่ดีที่สุดให้เราสองคน”
สายตาคมราวกับส่งประกายอุ่นซ่านมาเยียวยาหัวใจที่หนาวเหน็บด้วยความกลัวและระแวงมาตลอดจนถึงวินาทีนี้ การเชื่อใจใครสักคนคงไม่ใช่ความเสี่ยงเกินไปใช่ไหม อันนาอยากจะตอบรับไป แต่ไม่อาจเอ่ยคำออกมาได้เมื่อชัคไม่ใช่คนที่ปลอบโยนตั้งแต่เราพบกัน
รอยยิ้มผลิบานต้อนรับความสว่างชัดกระจ่างตาที่ส่งมาถึงเขาเพียงเรียวปากบางเผยอเปิดให้โลกได้รับรู้ความสวยงามของความหวัง กอดหลวมๆ คลายออก มือหนายกขึ้นมาลูบแก้มเนียนแผ่วเบาราวกับสายลมพัดผ่านพลางถอนใจ ก่อนจะผินหน้าไปมองบอดี้การ์ด
“ชาญดูแลด้วย”
“ครับ คุณชัค” ชาญรับปากแล้วหันไปสั่งให้คนของเขาซึ่งรอตรงหน้าประตูให้ตามชัคไป เหตุไม่ควรเกิดซ้ำอีก
อันนามองแผ่นหลังเจ้าของไหล่หยัดตรงจนลับสายตา ความอุ่นหายวับ ทว่าไม่หนาวอ้างว้างอย่างเคย บ้าไปแล้ว เขาเพิ่งพาความเดือดร้อนมาสู่เธอไม่ใช่หรือ ทว่าเสียงเบาๆ ในสมองกลับบอกว่าไม่ใช่สักนิด เขาไม่เคยทำร้าย แต่ขู่ให้กลัวไม่นับ จนเธอแยกออกแล้วว่าคนปากร้าย แต่ใจดีหน้าตาเป็นอย่างไร

แล้วจะมา up ต่อถึงตอนที่ 15 นะคะ มีจำหน่ายในรูปแบบหนังสือและ e-book แล้วค่ะ



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 มิ.ย. 2558, 12:16:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 มิ.ย. 2558, 12:16:12 น.

จำนวนการเข้าชม : 1312





<< ตอนที่ 10 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 11 ครึ่งหลัง >>
แว่นใส 30 มิ.ย. 2558, 13:59:27 น.
เริ่มรักได้หรือยังนะ


กาซะลองพลัดถิ่น 30 มิ.ย. 2558, 16:38:30 น.
กฎของเราคือห้ามรัก ...แล้วถ้าอยากแหกกฏล่ะ ต้องทำยังไง ...


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account