~ สายใย .. ไฟรัก ~
~ สายใย .. ไฟรัก ~


เส้นสายใย .. ใครกันหนอ .. ที่ทอถัก
เส้นสายรัก .. ใครจักสาน.. ขานคำขอ
เส้นทางเดิน .. ใครเหินห่าง .. ต่างเฝ้ารอ
ไฟรักพอ .. ต่อหัวใจ .. ให้อุ่นอิง




เธอ .. คือ เพื่อนสนิทของน้องสาวเพื่อนรัก

เขา .. คือ ผู้บริหารโรงแรมจอมเผด็จการ แต่กลับเป็นเพื่อนรักพี่ชายของเพื่อนสนิท

ทว่า ..

เธอ .. ในสายตาของเขา .. คือ คนอวดดี ยโส ที่ใช้เพื่อนเป็นทางผ่านไปสู่ความสำเร็จของตัวเอง

เขา .. ในสายตาของเธอ .. คือ ผู้ชายไร้เหตุผล เอาแต่ตนเองเป็นใหญ่

ที่สำคัญเหนืออื่นใด .. ทั้งเธอและเขา .. กำลังตกหลุมรักคนที่ไม่ควรจะรัก!




***************************
Tags: ความรัก ครอบครัว เพื่อน

ตอน: ใยเส้นที่ 15 .. คืนนี้ จะมิใช่คืนสุดท้าย




มัสลินนั่งเงียบมาในรถอย่างคนต้องการใช้ความคิด เพื่อปะติดปะต่อเรื่องราวหลายๆอย่างที่เกิดขึ้น นับตั้งแต่ย่างเท้าเข้าสู่ฟูลมูนปาร์ตี้ และจำต้องออกจากสถานที่นั้นภายในระยะเวลาอันสั้น

หญิงสาวไม่ปรารถนาให้สิ่งใดรบกวนสมาธิ จึงเอาแต่มองข้างทางที่มีแสงจันทร์สาดส่อง พอช่วยไม่ให้มันมืดมิดจนไม่เห็นอะไรเลย แตกต่างจากความคิดของเธอที่ดำดิ่งแล้วหาทางออกไม่ได้อย่างสิ้นเชิง

เพลิงกัลป์ก็มีทีท่าไม่ต่างกันนัก ถ้าหากผู้โดยสารร่วมทางจะสนใจสักนิด .. เธอคงจะพบว่า สายตาคมกริบคู่หนึ่งหมั่นชำเลืองมาบ่อยครั้ง

ความจริงอย่างหนึ่งที่ชายหนุ่มประจักษ์ต่อหน้าคือ ไกด์สาวข้างกายรู้จักและ 'สนิมสนม' กับซายน์ .. เกินธรรมดา

ยิ่งอิริยาบถที่ชายหนุ่มลูกครึ่งเอียงหน้าเข้าหาแล้วก้มลงเล็กน้อย กระซิบกระซาบถ้อยคำที่มีเพียงมัสลินรับรู้ .. มันทำให้เข้ามั่นใจกับภาพตรงหน้า ยิ่งกว่าความสัมพันธ์ที่ผู้ชายคนนั้นมีต่อหญิงสาวอีกคนที่ชื่อ เพชรงาม

ข้อสงสัยมากมายผุดในความคิดระลอกแล้วระลอกเล่า แต่ไม่อาจหาคำตอบได้จากที่ไหน นอกจากหญิงสาวที่เอาแต่ทอดสายตามองฝ่าความมืด .. คนนี้คนเดียว

"รู้จักกับซายน์ด้วยเหรอ"

คำถามลอยๆ คล้ายชวนสนทนา หากเป็นการหยั่งเชิงท่าทีของอีกฝ่าย ว่าจะมีปฏิกิริยาเช่นไร

ถ้าตาของเพลิงกัลป์ไม่ฝาด ตอนที่เหลือบมองเงาสะท้อนผ่านกระจกประตูรถ เขาคิดว่าทันได้เห็นความเคร่งเครียดในความสลัวรางนั้น

พอมัสลินได้ยินน้ำเสียงราบเรียบเอ่ยถาม จากคนที่เธอมักแอบค่อนในใจว่า 'คุ้มดีคุ้มร้าย' ดึงความสนใจได้ชะงัด

ถึงจะยอมทำตามที่ศรตฤณขอร้องในฐานะหลาน นั่นเป็นเพราะสถานการณ์รอบตัวในขณะนั้นเกินจะคาดเดา ซึ่งถ้าหากเธอไม่นิ่งเฉยเสีย 'ความเดือดร้อน' อาจตกอยู่ที่อาของเธอก็ได้

ดังนั้น เมื่อเพลิงกัลป์เอ่ยชื่อที่ใครๆก็เรียกออกมา ราวกับเขาเองก็รู้จักด้วยอีกคน มันจึงมีน้ำหนักถ่วงดุลมากพอที่จะทำให้หญิงสาวยอมวางอคติในใจลงชั่วคราว .. ขอแค่ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับ 'อาป่าน' ในมุมที่เธอไม่เคยรู้จักเลย

"คุณเพลิงกัลป์ .. ก็รู้จักเขาหรือคะ"

"ฉันไม่คิดว่าโลกมันจะกลม .. แต่มันอาจเป็นเพราะเกาะลาลัลเล็กและแคบเกินไปก็ได้"

มัสลินนับหนึ่งถึงสิบในใจ .. อดทนไว้ลินิน ถ้าเธออยากรู้เรื่องของอาป่านมากกว่านี้

ชายหนุ่มไม่ได้ระแคะระคายเลยว่า คำพูดของตนเองจะกลายเป็นความหมายเชิงลบสำหรับคนฟัง ทั้งที่เขาคิดและบอกไปอย่างที่รู้สึกจริงๆ

"ค่ะ .. น่าจะเป็นอย่างนั้น"

คำตอบคล้อยตามของมัสลิน เสมือนเป็นการยอมรับในสิ่งที่เขาสงสัย แทนที่จะพอใจมันกลับสร้างความขุ่นเคืองในอารมณ์ขึ้นมาอีก

ผิดกับอีกฝ่าย ถึงจะไม่พอใจแค่ไหน เธอยอมฝืนตัวเองไม่เผยมันออกมา จนกว่าจะได้รับรู้ในสิ่งที่ต้องการ

"งั้น .. คงรู้จักคุณเพชรงามด้วยล่ะสิ ถึงได้ทักทายกัน"

มัสลินย่นหัวคิ้ว ไม่ใช่เพราะเพลิงกัลป์ หากเกี่ยวเนื่องกับหญิงสาวผู้นั้น .. คนที่เธอมั่นใจเต็มร้อยว่า เป็นเพื่อนเก่า แต่จากอากัปกิริยาของเจ้าหล่อน .. เพชรงามไม่รู้จักเธอด้วยซ้ำไป

แน่ล่ะ .. สมัยเรียนก็อยู่คนละแวดวงคนละสังคม และเพชรงามยังโดดเด่นเหนือใคร ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะไม่เคยเห็นเพื่อนร่วมรุ่น 'บางคน' อยู่ในสายตา

ที่น่าสะดุดใจเหนืออื่นใด .. คือความสัมพันธ์ระหว่างอาของเธอกับเพื่อนเก่าคนนี้ต่างหาก

"ฉันจำคนผิดน่ะค่ะ .. เคยมีเพื่อนชื่อนี้ พอเห็นคนลักษณะคล้ายๆ คิดว่าใช่ แต่คุณก็เห็นแล้ว .. ถ้าเป็นเพื่อนก็น่าจะจำฉันได้"

หญิงสาวกระหยิ่มในใจที่ตัวเองสามารถยกคำอ้าง จากข้อเท็จจริงมาตอบท่านประธานฯรู้ค 'ผู้อยากรู้' ไปทุกสิ่งได้ดีกว่าที่คิด ถึงแม้ว่ามันจะเป็นความอยากรู้ทัดเทียมกัน .. แต่เธอขอยกให้เขามากกว่า

"อืม .. แล้ว .."

เพลิงกัลป์ก้ำกึ่งในใจกำลังจะถามต่อไป ถึงความสัมพันธ์ระหว่างซายน์กับเพชรงาม แต่ชายหนุ่มกลับหยุดอยู่แค่นั้น เพราะพอคิดว่า สิ่งที่เขารู้มาและหวังจะขยายต่ออาจทำให้ใครบางคนแถวนี้เสียความรู้สึก จนถึงขั้นเสียใจ เพียงเท่านี้มันก็ทำให้เขาพูดไม่ออก ได้แต่ทิ้งคำบางคำค้างคาเอาไว้ และดีว่าพวกเขากลับมาถึงรู้คพอดีเช่นกัน

"เอาล่ะ นี่ก็ดึกแล้ว .. หมดเวลาสำหรับการเปิดหูเปิดตา .."

มัสลินที่อุตส่าห์วางท่าดิบดีพอได้ยินเพลิงกัลป์ตัดบทง่ายๆ ก็หน้าตาตื่นก่อนแปรเป็นขัดเคืองขึ้นมา .. ก็เธอยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับอาป่านของเธอจริงๆจังๆแม้แต่น้อย

"อะไรกันคุณ .. อยู่ในงานได้แค่แป๊บเดียว แล้วทำมาถามนั่นถามนี่ .. นี่ยังมาไล่กันอีกเนี่ยนะ"

ชายหนุ่มอดแปลกใจกับเสียงแหวเหมือนคนถูกขัดใจของมัสลินไม่ได้ อารมณ์เห็นอกเห็นใจเมื่อครู่ จึงสลายหายวับไปในพริบตา

"นั่นสิ .. อะไรกัน .. หึหึ ฉันนึกว่า ที่เงียบๆหงิมๆเมื่อกี้ เพราะกำลังเศร้าที่ต้องห่างเหินจากแฟนกะทันหัน .. อ่อ หรือที่จริงเธอก็รู้อยู่แล้วว่า ซายน์แฟนเธอน่ะ กำลังจับปลาสองมือ .. ฮึ"

การคาดเดาของเพลิงกัลป์ที่มัสลินได้ยิน ห่างไกลหลายโยชน์จนเธออยากจะหัวเราะ .. อยากจะเยาะผู้ชายคนนี้เสียให้หนำใจ แต่ที่พอจะข่มใจไว้ได้เป็นเพราะเริ่มเข้าใจแล้วว่า เหตุใดชายหนุ่มถึงมีทีท่าเหยียดและหมิ่นแคลนเธอนัก

มีปมเรื่องผู้หญิงรึไงนะ .. ตาไฟบรรลัยกัลป์นี่

มัสลินเลยแกล้งก้มหน้าเบี่ยงสายตาไปทางอื่น พยายามซ่อนแววขำแต่คงฝืนได้ไม่นานนัก เนื่องจากมันเริ่มมากเข้าทุกที จนหลังไหล่ถึงกับสั่นไหวน้อยๆก่อนจะค่อยแรงขึ้น

หญิงสาวหารู้ไม่ว่า การกระทำเช่นนั้น ยิ่งตอกย้ำความคิดของชายหนุ่มให้เตลิดไปไกลสุดกู่ .. เพราะเพลิงกัลป์แสดงออกมาราวกับรู้เท่าทันทุกอย่าง และมันทำให้เธอ .. ต้องร้องไห้จนสะอื้นตัวโยนโดยไร้เสียง

"เอ่อ .. เธอไปพักผ่อนเถอะ .. ฉัน .. เอ่อ อย่าเสียใจมากนักเลย ก็แค่ผู้ชายเจ้าชู้คนหนึ่งน่ะ"

เพลิงกัลป์เสียงอ่อนลงผิดจากเดิม เขาไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อ ครั้นจะพูด 'ขอโทษ' ก็ยากจะเอ่ยปากประสา 'คนฟอร์มจัด' ได้แต่พูดปลอบตามแบบที่เคยบังเอิญได้ยินประโยคที่ใครๆเขาพูดกัน

แต่ที่เขาไม่เข้าใจคือ เมื่อมัสลินเอาแต่ก้มหน้าปิดปากไม่มองเขา พร้อมกับพยักหน้ารับคำโดยไม่ตอบกลับ เหตุใดยิ่งเขาพูดหญิงสาวยิ่งดูย่ำแย่ลงทุกที .. ดูสิ สองบ่าแบบบางดูสะท้านสะเทือนไหวแรงขึ้นไม่เบาลงเลย

มัสลินผลุนผลันรีบเปิดประตูลงจากรถทันทีที่เพลิงกัลป์ปลดล็อค หญิงสาววิ่งสุดฝีเท้าไปให้ถึงบังกะโลในส่วนที่พักของเธอกับพายพัด ให้เร็วที่สุด

นับจากวินาทีที่แน่ใจว่าพ้นรัศมีสายตา เธอก็ไม่สามารถข่มกลั้นอารมณ์ต่อไปได้อีกแล้ว

ถ้าเธอยังพิรี้พิไรทู้ซี้จะรู้เรื่องศรตฤณให้ได้ เธอคงหมดโอกาสกลับถึงห้องพัก และถ้าได้ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาตอนที่อยู่ในรถด้วยล่ะก็ เธออาจตายได้จากการหายใจไม่ทัน .. หรือไม่เช่นนั้น ก็เป็นเพลิงกัลป์นั่นล่ะ ที่จะทำให้เธอไม่หายใจเพราะบังอาจเห็นเขาเป็นตัวตลกเสียได้

"พาย .. พาย เปิดประตูที .. ลินินเอง เร็วเข้า ลินินจะตายอยู่แล้ว .."

หญิงสาวร้องเรียกเพื่อนไปพลาง หัวเราะไปพลาง ถึงจะห่างมาพ้นหูพ้นตาแต่ก็ไม่วางใจ ยังเหลียวหลังกลับไปมองหา ชายผู้ปรารถนาดีแต่ผิดที่ผิดทางอย่างเพลิงกัลป์

แต่ระหว่างรอพายพัด อาการขำขันกลั้นหัวเราะไม่ได้ก็ค่อยจางหายชั่วขณะหนึ่ง กลายเป็นความรู้สึกแปร่งๆชวนให้ใจแกว่งๆอย่างไรไม่รู้

ใครจะไปคิดว่า คนปากดีเย่อหยิ่งแบบนั้น จะปลอบใจคนอื่นก็เป็น




พายพัดตื่นนอนก่อนมัสลิน พอออกจากห้องน้ำมาแล้ว ก็หันมองคนเตียงข้างๆ เห็นว่ายังไม่มีทีท่าจะตื่น จึงปล่อยให้เพื่อนหลับต่ออีกนิด ระหว่างยังจัดการธุระส่วนตัวไม่เรียบร้อย

มัสลินกลับมาก่อนเที่ยงคืนเล็กน้อย เสียงเรียกให้เปิดประตูรับเร่งเร้าสลับการเคาะสองสามที จนพายพัดแทบตั้งตัวไม่ทัน ทั้งแปลกใจด้วยว่า ทำไมเพื่อนไม่โทรศัพท์เข้ามาแทนการส่งเสียงหน้าห้อง

ทันทีที่ประตูเปิดมัสลินก็รีบก้าวเข้ามา แล้วดันพายพัดให้หลบก่อนจะปิดประตูล็อคอย่างรวดเร็ว

เมื่อเพื่อนรักปล่อยมือหันหน้ามามองคนเฝ้าห้อง เธอก็ต้องตกใจกับเสียงหัวเราะลั่นของมัสลิน เพราะอาการนั้นคล้ายกับคนที่พบเรื่องอะไรที่ตลกจนหยุดขำไม่ได้

กระทั่งมัสลินหัวเราะจนพอใจ และค่อยสงบลงก็เดินเข้าห้องน้ำ ราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนออกมาในสภาพพร้อมนอน แล้วก็พร้อมจริงๆเพราะพอหัวถึงหมอนก็เงียบไปทันที

พายพัดกะว่า หลังจัดการเรื่องคณะเดินทางเรียบร้อย จะซักฟอกมัสลินเรื่องฟูลมูนปาร์ตี้ให้ละเอียดเชียว เนื่องจากเธอเคยได้ยินมาว่า งานเช่นนี้มักมีสารเสพติดปะปนมาในหลายรูปแบบ แล้วอาการหัวเราะครึกครื้นอารมณ์ดีไม่มีสาเหตุ มันก็น่าสงสัยพานให้ข้องใจว่า มัสลินเมากัญชามาหรือไร?

ระหว่างตรวจสอบรายชื่อผู้ร่วมเดินทาง เสียงเพลงจากโทรศัพท์คู่กายที่มีสายร้อยช้างคริสตัลก็ดังขึ้น พายพัดอมยิ้มเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ อดคิดไมได้ว่า ป่านนี้เจ้าของเบอร์โทร.จะปรับความเข้าใจกับรุ่นพี่ได้แล้วหรือยัง

“ว่าไงทัต .. โทร.มาแต่เช้าเลย”

“ยัยแฟน .. ทัตจะทำไงดี คุณฟ้าไม่ยอมคุยด้วยเลย .. ไปหาก็ไม่ยอมให้พบ .. ท่าทางโกรธทัตมาก”

“เฮ้อ .. แล้วจะให้พายช่วยยังไงล่ะจ๊ะ .. ทัตทำอะไรไม่ปรึกษา ทีตอนนี้กลับจะมาขอความช่วยเหลือ”

พายพัดพูดกึ่งเตือนกึ่งตำหนิ แต่รัศมิทัตคงไม่รู้หรอกว่า .. บางครั้งการดัดหลังผู้ชายงี่เง่า .. มันก็ยังจำเป็น แต่เธอจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ให้เรื่องนี้เป็นบททดสอบความจริงในใจของทั้งเวหาและรัศมิทัต จนกว่าพวกเขาจะมั่นใจในความรู้สึกของกันและกัน

ปลายสายไม่ลดละขอความช่วยเหลือ เมื่อขอร้องดีๆแต่ถูกติติง จึงแกล้งพ้อเสียงสูง แถมพาดพิงถึงบุคคลที่พายพัดยังคงเฝ้ารออยู่เสมอ .. เนิ่นนานนับปี

“โธ่ .. ไม่รักเพื่อนเลยยัยแฟน ใช่ซี้ .. ทัตไม่ใช่คุณตามพ์นี่ ถึงได้ไม่ห่วงกัน”

“เกี่ยวอะไรกับคุณตามพ์ .. อีกอย่าง ถ้าทัตเป็นได้อย่างคุณตามพ์ ใครเขาจะไม่เข้าใจ หือ”

“แหม .. ออกรับแทนกันนะ ปากก็บอกไม่สนใจ ไม่รอ .. แล้วนี่อะไรพาย .. เอาเถอะ ทัตดูแลตัวเองก็ได้ รนหาที่แท้ๆไอ้ทัตเอ๊ย”

คราวนี้รัศมิทัตเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นหยอกเย้า เอาคืนเพื่อนสาวคนสนิทที่ไม่ยอมช่วยตน แต่ในความเป็นจริง เขาเพียงแค่ต้องการเพื่อนคุยคลายความกังวลเท่านั้น

“ทัตล้อเล่นน่า .. ขอบใจนะ ที่อุตส่าห์ส่งข่าวมาบอก เรื่องคุณฟ้าขึ้นมาพบเอเจนซี่ที่กรุงเทพฯ ยังไงทัตก็ต้องหาทางพบเธอให้ได้ ..”

“จ้ะ .. พายเอาใจช่วย แล้วแบบนี้จะว่าไม่รักไม่ห่วงเพื่อนอีกหรือเปล่า”

เสียงหัวเราะดังประสานพร้อมกันผ่านเครือข่ายสัญญาณจากคำทวงถามของพายพัด พูดลากันอีกกคำสองคำแล้วจึงวางสาย พอดีกับที่มัสลินลืมตาตื่น แต่ยังหลงเหลืออาการงัวเงียอยู่ เธอลูบหน้าตัวเองทั้งที่ยังนอนหงาย เอ่ยเบาๆให้เพื่อนรู้ว่าเธอตื่นแล้ว

“กี่โมงแล้วพาย .. คุยกับใครน่ะ .. คุณตามพ์เหรอ”

“ไม่ใช่หรอกลินิน .. ทัตน่ะ โทร.มาปรึกษาเรื่องพี่ฟ้า พายก็เลย .. ช่วยเหลือไปนิดหน่อย”

พายพัดยิ้มกริ่มแววตาซุกซนอย่างที่น้อยคนจะได้เห็นบุคลิกนี้ของเธอ ครั้นนึกขึ้นได้ว่า ยังต้องสอบปากคำเพื่อนรักที่ดูแปลกๆ ตั้งแต่กลับจากฟูลมูนปาร์ตี้ เพราะจู่ๆก็หัวเราะเอาเป็นเอาตายขนาดนั้น

“ว่าแต่ .. เมื่อคืนลินินเป็นอะไรน่ะ หัวเราะจนพายคิดว่า ไปลองของมาเลย”

“ของ? .. ของอะไร .. เดี๋ยวๆ อย่าบอกนะว่า พายคิดว่า ลินินเล่นเนื้อมา”

มัสลินตื่นเต็มตาเลยคราวนี้ แต่ศีรษะยังไม่ได้ละจากหมอนไปไหน แล้วเธอก็หัวเราะอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยขึ้นมาอีก เมื่อคิดเปรียบเทียบคนที่ทำให้เธอขำหนักหนาได้อย่างคาดไม่ถึง

เพลิงกัลป์ คงเป็นสุดยอดกัญชาชั้นดีเลยล่ะมั้ง .. แรงจริง แรงทุกเรื่อง

แต่ก่อนที่พายพัดจะตกใจกับเสียงหัวเราะไปกว่านี้ มัสลินพยายามบังคับตัวเองให้หยุดอาการที่เกิดขึ้น แต่พอได้ยินเพื่อนเอ่ยถามถึงกัญชา ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างกระตุ้นความสงสัยที่ตกค้างมาจากงานปาร์ตี้

ยิ่งคิดถึงคำสนทนาอย่างมีลับลมคมใน ระหว่างศรตฤณ ในนาม ‘ซายน์’ กับเชดส์ แม้เธอจะไม่รู้เรื่องราวใดๆก็ตาม แต่เชื่อว่า ต้องเป็นอะไรที่สำคัญมากๆ จนไม่อาจให้ใครที่ได้ยินได้ฟังเข้าใจในเนื้อหาที่พูดคุยกัน

มัสลินทบทวนความคิดครู่หนึ่ง ขณะหยัดกายลุกนั่งฉุกใจถึงอะไรบางอย่าง แต่ไม่มั่นใจนักกลัวจะเป็นการคิดไปเอง

“เมื่อคืน ลินินบังเอิญเจอคนรู้จักน่ะ แล้วก็ได้รู้จักคนในงานด้วย .. อืม เหมือนเขาจะคุยกันถึงอะไรบางอย่าง .. ตอนแรกก็ไม่ได้อะไร แต่พอมาคิดๆดู ก็อดสงสัยเจ้า ‘น้ำตา’ ไม่ได้ ..”

“น้ำตา เหรอ .. น้ำตา .. อืม .. จะใช่เทียร์ส รึเปล่านะ แบบของพวกนั้นน่ะ”

พายพัดทวนคำจากมัสลิน พลางขบคิดเทียบคำศัพท์เหมือนอย่างที่เคยได้ยิน ‘คนในวงการ’ เรียกขานชื่อที่ตั้งขึ้นรับรู้เป็นการเฉพาะ ยิ่งในกลุ่มผู้นิยมความหฤหรรษ์จากสารเคมี ที่เป็นสารสกัดให้โทษมีฤทธิ์ตามประเภทของมัน หรือที่ใครๆรู้จักกันว่า ยาเสพติด

“อืม .. ลินินไม่ทันคิดถึงเรื่องนี้เลย แล้วพายคิดว่า มันจะเหมือน ‘น้ำแข็ง’ ของพวกที่เล่นไอซ์มั้ย .. รู้จักกันในหมู่นักเล่น”

“ไม่แน่ใจ น่าจะมาใหม่มั้ง ‘น้ำตา’ อะไรเนี่ย อีกอย่าง ถึงเราไม่ได้ลอง เรายังพอรู้เลย .. ใช่มั้ยล่ะ”

“แหม .. สำหรับพวกเรามันจำเป็นต้องรู้ไว้บ้างนี่นา อาจารย์ก็เคยสอนนักสอนหนา ว่างานในแวดวงของพวกเรา มีความเสี่ยงสูงที่จะได้เจอของแบบนี้ .. ตัวอย่างก็มีให้เห็นมาแล้ว”

มัสลินอ้างถึงหลักการนอกตำราจากอาจารย์ท่านหนึ่ง ซึ่งเธอเห็นจริงตามนั้นว่า การรู้จักและรู้เท่าทันอันตรายย่อมเป็นเกราะป้องกันได้ชั้นหนึ่ง แล้วก็หวนนึกถึงเพื่อนอีกคนที่ไม่แน่ว่า เธอพลาดพลั้งหรือตั้งใจไปกับอันตรายเหล่านี้

เมื่อได้คุยมากเข้าก็ยิ่งจริงจังในประเด็นที่ถกกับสิ่งที่ชวนให้ขบคิด จนเกือบลืมไปว่า พวกเธอมีงานรออยู่ แล้วก็เป็นพายพัดที่นึกขึ้นได้ก่อน

“พอๆเลยลินิน ทำยังกับเป็นสายสืบไปหาข่าว .. แต่ก็น่าสนใจนะ เพราะพายก็ไม่มั่นใจเหมือนกันว่า ‘น้ำตา’ ที่ลินินพูดถึง มันจะเป็นพวกเดียวกับ ‘น้ำแข็ง’ ที่เรารู้ๆกันอยู่จริงมั้ย .. แต่ว่า ตอนนี้ .. ลุก-ขึ้น-ได้-แล้ว”

พายพัดตัดบทพร้อมก้าวมาชิดขอบเตียง พดเสียงเข้มเน้นทีละพยางค์ พลางเอื้อมสองมือไปรั้งแขนอีกฝ่ายที่แกล้งอิดออด รั้งกันไปรั้งกันมาสองสามทีก็กลายเป็นว่า พายพัดสู้แรงมัสลินไม่ได้ล้มลงไปบนเตียงเบียดอีกคนจนเกือบตกเตียงทั้งคู่

แน่นอนว่า พวกเธอสามารถโยนประเด็นสนทนาเกี่ยวกับ 'น้ำตา' ทิ้งได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรเลย เมื่อถึงเวลาที่ว่า งานในหน้าที่มีความสำคัญกว่าเรื่องอื่นที่เหมือนไกลตัวออกไป



ศรตฤณไม่สบายใจเลยกับเหตุการณ์เมื่อคืน เขาไม่นิยมความบังเอิญแบบไม่ให้ตั้งตัว หากเป็นเรื่องงานก็ว่าไปอย่าง แต่ไม่ใช่อะไรๆที่ต่างประดังเข้ามารุมเร้าในเวลาเดียวกัน

การพบมัสลินบนเกาะนี้ศรตฤณพอจะเข้าใจอยู่ แต่การเผชิญกันในงานฟูลมูนปาร์ตี้ มันทำให้ผู้เป็นอากังวลขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

ถ้าเขารู้ล่วงหน้าสักนิดว่าหลานสาวจะมาอยู่ในงาน .. แต่มันก็เป็นได้แค่นั้น เพราะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ในเมื่อทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว

ในสถานการณ์ที่ศรตฤณรู้สึกกระอักกระอ่วน หากต้องกดมันไว้ให้มิดชิด ไม่ให้ปรากฏพิรุธอันใดต่อหน้าบุคคลที่เกี่ยวพันในงานของเขา แต่มัสลินไม่ใช่เงื่อนไขนั้น

ชายหนุ่มจำเป็นต้องส่งสัญญาณบางอย่างและหวังให้หลานสาวเข้าใจในนาทีนั้น ซึ่งเธอก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง

‘ลินิน .. เฉยไว้แล้วยิ้ม ทีเหลืออาจะบอกทีหลัง’

ประโยคคำสั่งกรายๆ ที่ศรตฤณกระซิบบอกมัสลินรวดเร็วให้ปฏิบัติตาม หลังจากที่เธอเรียกชื่อเพชรงามออกไป และเขาสังเกตได้ว่า เพลิงกัลป์กำลัง ‘จับตา’ มองมาทางพวกเขา เพียงแต่ยังไม่อาจหยั่งลึกถึงความหมายในแววตาคู่คมกริบนั้นได้

‘งั้น ลินินกลับก่อนนะคะ .. ขอบคุณ .. ที่มาส่งค่ะ’

ศรตฤณต้องขอบคุณมัสลินจริงๆ ที่เข้าใจอะไรได้ง่ายโดยไม่ต้องอธิบายความ แต่ถ้าได้พบเธออีกครั้ง คงมีเรื่องต้องคุยกันยาวแน่ๆ

นึกแล้วก็อดขำหลานสาวไม่ได้เหมือนกัน จากที่ดูเหมือนจะงุนงงสงสัยกับหลายๆอย่าง แต่บทจะช่วยเขาเอาตัวรอดยามคับขัน ก็สามารถทำได้อย่างแนบเนียน

เธอเลือกที่จะร่ำลาโดยไม่ใส่ชื่อหรือสถานะ แล้วหันไปทางเพลิงกัลป์เพื่อบอกว่า งานของเธอเรียบร้อยแล้วและต้องการกลับไปพักผ่อน ก่อนจะเอียงหน้าช้อนสายตามองเขา ส่งยิ้มหวานและประโยคเอ่ยลาเบาๆที่รู้กันสองคน

‘ฝากไว้ก่อนนะ .. คุณซายน์’

ศรตฤณเห็นหน้าเพลิงกัลป์ก็รู้ว่า เจ้าของโรงแรมรู้คไม่เชื่อถือคำพูดของมัสลินแม้แต่น้อย หากก็พยักหน้ารับแล้วผละจากไปพร้อมกับหลานสาวของเขาโดยไม่พูดอะไรเช่นกัน

มีเพียงเพชรงามที่ยังคงมองตามหลังมัสลินไปด้วยสายตาเกรี้ยวกราด ซึ่งชายหนุ่มอ่านออกได้ไม่ยากว่า มาจากสาเหตุใด

“ยิ้มอะไรคะ .. คิดถึงงามอยู่หรือเปล่า”

เจ้าของคำถามสาวเท้าเข้ามาหา ทันได้เห็นรอยยิ้มกริ่มของศรตฤณค้างบนใบหน้าครึ้มไรหนวดเคราเขียวจางๆ

เพชรงามยอมรับกับตัวเองว่า ต่อให้อารมณ์ร้ายจะรุนแรงแค่ไหน แต่พอได้อยู่ในอ้อแขนของเขา มันก็กลับกลายเป็นเสน่หาเร่าร้อนชวนลุ่มหลงไปเสียทุกครั้ง

แม้มันจะยาก แต่เธอก็พยายามเตือนสติตัวเองอยู่ตลอดว่า .. อย่าให้งานต้องเสียหายเพราะเรื่องส่วนตัว

“รู้ใจผมแบบนี้ .. ผมคงปิดบังอะไรคุณไม่ได้แน่”

“อย่ามาปากหวานเลย .. งามยังโกรธคุณนะ เรื่องเมื่อคืน”

หญิงสาวในชุดเดรสลำลองเนื้อนิ่มนั่งบนเท้าแขนเก้าอี้ที่ศรตฤณนั่งอยู่ ก่อนเอนกายโอบรอบคอของเขาไว้ให้หันมามองเธอ .. คนเดียว

แต่คำตอบด้วยน้ำเสียงพลิ้วหวานชวนหวามของชายหนุ่ม กอปรกับการสอดแขนร้อยรัดเอวกลมกลึง ก็สามารถเบี่ยงเบนความขุ่นเคืองเป็นความรู้สึกปั่นป่วนรัญจวนหัวใจ จนสมองคล้ายจะเลือนๆไปแล้วว่า ‘เมื่อคืนของเธอ’ กับ ‘เมื่อคืนของเขา’ เข้าใจตรงกันแล้วหรือยัง

“เมื่อคืน .. ผมดูแลคุณ .. ไม่ดีพอหรือ .. ที่รัก”

“อย่ามาเฉไฉนะคะ .. ซายน์ .. คุณก็รู้ว่างาม .. หวง”

“และ .. หึง”

ศรตฤณต่อให้อย่างคนช่ำชองต่อความรู้สึกอ่อนไหวของอิสตรี .. ไม่ต่างกันเลยกับบุรุษเพศ หากวันหนึ่งจะได้พบกับใครสักคนที่ .. รัก

ทว่า .. ห้วงอารมณ์ความรู้สึกเช่นนั้น ไม่สมควรเกิดขึ้นกับเขาในตอนนี้ .. อย่าให้เป็นไปได้เลย

“เอาเถอะค่ะ .. ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร”

เพชรงามบอกเขาคล้ายตัดใจ เพราะถึงรบเร้าคนปากแข็งมากไป มันก็ไม่มีประโยชน์ และมันคงไม่สู้การสืบหาข้อมูลผู้หญิงคนนั้น ที่กล้ามายุ่งกับผู้ชายของเธอด้วยตัวเอง

หญิงสาวกอดเขาไว้แน่นอย่างหวงแหน ทอดสายตาเคว้งคว้างไร้จุดหมาย ที่ยึดเหนี่ยวเหลือเพียงชายในอ้อมแขน

.. ถ้าจากนี้ไป มีสิ่งใดที่จะแลกกับผู้ชายคนนี้ให้อยู่กับเธอได้ เธอยินดี .. แม้ชีวิต .. ก็ยอม





“ท่านครับ .. เมื่อคืนที่เราลอง ‘ปล่อยเนื้อล่อน้ำตา’ ดูท่าจะไม่ได้ผลนะครับ มีแต่ของธรรมดาทั้งนั้น พวกมันระวังตัวมากกว่าที่เราคิด”

“นั่นสิ .. คนของฉันก็รายงานมาก่อนหน้า ว่าไม่เจออะไรผิดสังเกต ก็ได้แต่หวังล่ะว่า เราจะมาไม่ผิดทาง .. ”

เชดส์ขมวดคิ้วตีหน้ายุ่งกับข้อมูลที่ได้ยิน .. ใครกัน คนของท่าน?

นอกจากทีมของเขา ยังมีคนอื่นอีกหรือนี่ แต่ทำไมถึงไม่เคยรับทราบหรือระแคะระคายเลย

“เชษฐ์ .. ถ้าคุณกำลังสงสัย หยุดคิดไปก่อน มันไม่สำคัญหรอกว่า ‘คนของฉัน’ จะเป็นใคร .. ทำงานในส่วนของคุณให้เต็มที่ก็พอ ..”

น้ำเสียงทรงอำนาจในฐานะผู้บังคับบัญชาออกคำสั่งที่แสดงให้เห็นว่า เท่าทันความคิดของชายหนุ่มผู้ลงทุนเปลี่ยนรูปลักษณ์ของตนเพื่องาน

“ยังไม่ถึงเวลาที่ฉันจะบอกให้ใครรู้ .. จนกว่างานจะลุล่วง”

“ครับ .. ท่าน”

เชดส์ได้แต่พึมพำหลังจากคู่สนทนาตัดสัญญาณการติดต่อไปแล้ว หนุ่มเดรดล็อคไม่เข้าใจเจ้านายของเขาเท่าไหร่นัก แถมยังติดใจเรื่องคนของท่าน อย่างน้อยเขาก็ควรได้รู้บ้างว่า หากเกิดเหตุพลาดพลั้งขั้นร้ายแรง จะไม่ส่งผลกระทบต่อคนที่เป็นพวกเดียวกัน

เขาคิดว่าคงต้องปรึกษากับศรตฤณ และสอบถามเรื่องนี้ให้กระจ่าง .. แต่อีกใจก็อดแย้งไม่ได้ว่า ถ้าเขายังไม่รู้แล้วเพื่อนจะรู้ได้อย่างไร ในเมื่อทุกคำสั่งปฏิบัติการ ‘ท่าน’ สั่งตรงมายังเขาก่อนใคร












************************************************************






โปรดติดตามตอนต่อไป ..


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. ขอขอบคุณสำหรับการกดไลค์ให้กำลังใจฮะ


คุณ kaelek .. งานใครจะงอกงามกว่ากัน ก็ยังไม่รู้ฮะ อาป่าน มัสลิน หรือนายหัวไฟ
แต่ที่แน่ๆ .. นายหัวมีคนดักทางได้แล้ว อิอิ >///<



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ย. 2558, 11:45:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ย. 2558, 11:45:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1072





<< ใยเส้นที่ 14 .. คืนนี้ ไยช่างยาวนาน   ใยเส้นที่ 16 .. เพิ่งรู้และเข้าใจ >>
kaelek 4 ก.ย. 2558, 18:10:50 น.
เคยสงสัยว่าอาป่านเป็นตำรวจสายรึป่าว เหมือนจะจริงนะเนี่ย ..ใช่มั้ยอ่ะไรเตอร์? ..คุณไฟเสียรู้ลินินซะแล้ว 55 ฟอร์มจัดดีนัก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account