รักแรกแลกรัก -ปิดจองแล้วนะคะ
ในความทรงจำของคุณ ถ้าย้อนกลับไปแล้วให้เลือกระหว่าง...
การมีความรักครั้งแรกที่ฝังใจอย่างไม่รู้เลือน
กับการเป็นคนรักคนแรกของใครสักคนที่แสนสำคัญยิ่ง
คุณจะเลือกอย่างไหน...

Tags: อวัศยา,หมอก,ธุมเกตุ,ธุม,รักแรก,ซึ้งกินใจ

ตอน: บทที่ ๕ กงล้อแห่งความรู้สึก



อวัศยาทนนั่งปั้นหน้ารับรองแขกของอุรณาได้แค่รับประทานอาหารเย็นเสร็จ ตากล้องสาวหาเวลาแวบออกมา เพื่อโทรศัพท์ให้บดินทร์เดชโทร.เรียกเธอด่วน ด้วยเรื่องอะไรก็ได้ เพื่อหญิงสาวจะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการเผ่นออกมาจากบ้านของตัวเองได้โดยไม่น่าเกลียด

อุรณาเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ แต่ก็ทัดทานไม่ได้เมื่ออวัศยาอ้างว่า ‘งานด่วน’ หญิงสาวฝ่ารถติดกลับมาถึงคอนโตเมื่อเกือบสี่ทุ่มโดยรถแท็กซี่

แต่แรกบดินทร์เดชบอกว่าจะกลับมารับเธอ ทว่าผู้เป็นเพื่อนเองกลับบ้านที่อยู่แถวปทุมธานีไปแล้ว อวัศยาจึงไม่อยากให้ขับรถกลับไปกลับมา หญิงสาวก้าวลงจากแท็กซี่ที่หน้าคอนโด ยามเฝ้าประตูเปิดออกให้และยิ้มทักทาย

ตากล้องสาวก้าวไปยังลิฟต์ แต่แล้วก็ถูกเรียกตัวไว้อีกครั้งจากโอเปอเรเตอร์สาว คราวนี้ทั้งสองคน ก้าวออกมาหาเธอพร้อมกับช่อดอกไม้ พร้อมกับยิ้มแห้งๆ

“คุณหมอกคะ มีคนเอ้อ ส่งดอกไม้มาให้ค่ะ”

อวัศยาหันกลับมามอง ทั้งยังงงๆมึนๆ

“ทั้งหมดนั่นเลยเหรอคะ”

“ใช่ค่ะ” ผู้หอบหิ้วดอกไม้ทั้งสองคนตอบรับ

“แล้วก็เอ่อในเคาน์เตอร์มีอีกสามช่อค่ะ คุณหมอกจะให้ช่วยเอาขึ้นไปส่งไหมคะ คือมันเยอะมากจนเอ่อ แทบจะไม่พอวางของแล้วค่ะ”

อวัศยาหลับตาลง สูดลมหายใจเข้าลึก

ทิวลิปสีเหลืองนับสิบช่อ ไม่บอกก็รู้ว่าใครส่งมา เกือบนาทีเต็มๆ หญิงสาวจึงลืมตาขึ้น เธอขอแรงโอเปอเรเตอร์สาวหนึ่งในสอง ให้ช่วยถือช่อดอกไม้ขึ้นไปส่งที่ห้อง เอ่ยขอบคุณเมื่อช่อดอกไม้ทั้งหมดกองอยู่บนพื้นห้องแล้ว

กระทั่งประตูห้องถูกปิด และได้อยู่คนเดียวตามลำพัง อวัศยาถึงได้หลุบตามองช่อดอกไม้บนพื้น เธอเลือกหยิบช่อหนึ่งขึ้นมา แล้วพลิกเปิดการ์ดออกอ่าน


ตอบแทนพวงหรีดที่ส่งมาให้ พี่ชอบมากขอบคุณ
ปล. เพื่อตอบแทน พี่สั่งให้ส่งดอกไม้ให้หมอกทุกหนึ่งชั่วโมง
ธุมเกตุ


“ไอ้บ้านี่!!”

อวัศยาสบถลั่นอย่างเหลืออด หญิงสาวกัดริมฝีปากชั่งใจ เมื่อเห็นเบอร์โทรตัวเล็กๆด้านล่างของข้อความ หญิงสาวก้มลงหยิบช่ออื่นๆขึ้นมาดู และไม่ผิดหวัง

ทุกช่อเป็นเหมือนกันหมด

ยกเว้นช่อหนึ่งที่แปลกออกไป มันเป็นกุหลาบสีขาวอมชมพู มีข้อความว่า


เบอร์โทร.พี่ เผื่อหมอกอยากจะโทร.มาขอบคุณ


ตากล้องสาวถึงกับอ้าปากค้าง หมดคำที่จะสรรหามาก่นด่าเขาให้สาแก่ใจ ที่ธุมเกตุดูช่างรู้ดีเสียเหลือเกินละว่า ต่อให้เธอจะตอบแทนเขาด้วยพวงหรีดไปกี่พวงก็ตาม เขาก็จะไม่หยุดส่งดอกไม้มาให้เธอ นอกไปเสียจากเธอจะติดต่อไปหาเขา อวัศยาเงื้อช่อดอกไม้ในมือขึ้นตั้งใจจะปาลงพื้น แต่สุดท้ายก็ทำไม่ลง

ท้ายที่สุดเธอจึงได้แต่นั่งห่อเหี่ยวเท้าคางบนโต๊ะทานข้าว ตามองช่อดอกไม้ ราวครึ่งชั่วโมงต่อมาเธอก็แทบอยากอาละวาด เมื่อโอเปอเรอเตอร์ติดต่อขึ้นมาอีกครั้ง ว่าตอนนี้มีคนนำช่อดอกไม้มาส่งให้เธออีกแล้ว

อวัศยาถอนใจเฮือกแล้วเฮือกเล่า นึกโมโหตัวเองที่ดันใจอ่อนช่วยเขาไว้ในคืนที่ผ่านมา

ตากล้องสาวตัดสินใจโทรศัพท์ออกไปยังหมายเลขที่แนบมาในโน้ต และเธอก็ไม่ต้องรอสายนานเลย เนื่องจากธุมเกตุรับแทบจะในทันที

“หมอก” น้ำเสียงของเขาฟังดูดีใจจริงๆ จนหัวใจคนฟังกระตุก

อวัศยานิ่งไปชั่วขณะ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“เลิกสั่งให้คนส่งดอกไม้มาให้ฉันได้แล้ว”

และเขาก็รู้ดีว่าเธอกำลังจะตัดสาย ธุมเกตุจึงรีบเอ่ย

“เดี๋ยวสิหมอก พี่สั่งให้เขาเลิกไปส่งแล้วละ นั่นคงจะเป็นช่อสุดท้าย แต่...เราคุยกันก่อนได้ไหม”

อวัศยานิ่งเงียบ น้ำเสียงของเขาฟังดูอ้อนวอน จะว่าไปนับตั้งแต่ที่เลิกกันเมื่อหลายปีก่อน เธอก็ยังไม่เคยได้คุยกับเขาจริงจังเสียที เพราะนับจากวันนั้นที่เธอรู้ว่าเขามีตัวจริงรออยู่แล้ว ตากล้องสาวก็หลบลี้หนีหน้าธุมเกตุ และปฏิเสธที่จะรับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับเขาทั้งหมด

มันเลยเป็นเหมือนตะกอนที่ค้างอยู่ในใจ และเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจึงไม่กล้าเปิดใจให้ใครได้ก้าวเข้ามาเสียที

แต่... อวัศยายอมรับ เธอกลัวใจตัวเอง กลัวที่จะได้พบ ได้คุยกับธุมเกตุอีกครั้ง

ใครบอกว่ารักแรกมันลืมง่าย เธอคนหนึ่งละที่ขอปฏิเสธ

และความเงียบของเธอมันคงเป็นสัญญาณตอบตกลง อวัศยาได้ยินเสียงถอนใจเบาๆ แล้วเสียงทุ้มนุ่มๆที่เจนใจและไม่เคยลืมก็ดังขึ้น

“เราไม่ได้เจอไม่คุยกันนานเท่าไหร่แล้วนะตั้งแต่ตอนนั้น มัน... ก็เกือบเก้าปีแล้วสินะ”

ใช่ มันเป็นเก้าปีที่เธอไม่เคยลืมเขาได้เลย

“พี่ขอโทษ แต่พี่อยากบอกว่าตอนนั้น พี่ไม่ได้นอกใจหมอก จันทร์--”

“มันเป็นอดีตไปแล้ว ถ้าคุณจะพูดแค่เท่านี้ก็วางเถอะ ฉันไม่ได้ใส่ใจมันแล้ว”

อวัศยาเอ่ยขัดขึ้นทันควัน เธอยังจำได้ดี ถึงเรื่องของศศธร คู่หมั้นของเขา

“ถึงคุณพูดขึ้นมามันก็ไม่ได้เกิดประโยชน์ ยังไงฉันกับคุณก็คบกันไม่ยืดไปกว่านั้นหรอก มันไม่มีอะไรเลยระหว่างเราที่จะเข้ากันได้”

คราวนี้ต่างฝ่ายต่างเงียบ อวัศยารู้สึกร้อนๆที่ขอบตา เธอกะพริบตาถี่ๆเมื่อรู้สึกว่าตาแห้งเหลือเกิน อาการเหมือนว่าเธอกำลังจะเป็นไข้

“นั่นสินะ เรื่องมันผ่านมานานแล้ว”

ธุมเกตุพึมพำน้ำเสียงฟังดูน่าสงสาร

“ถ้าอย่างนั้น เราจะยังเป็นเพื่อนกันได้ไหม”

“คุณก็รู้ดี ว่ามันเป็นไปไม่ได้” ตากล้องสาวรีบพูด “ต่างคนต่างอยู่น่ะดีแล้ว ทั้งคุณทั้งฉัน เราต่างก็มีคนสำคัญ” หญิงสาวจำใจโกหก เธอไม่อยากตกเป็นของเล่นของเขาอีกแล้ว

“หมอก--”

อวัศยากดตัดสาย เธอยกเข่าขึ้นคู้ ตายังมองจับที่โทรศัพท์มือถือ ภาพวันเก่าก่อนย้อนกลับเข้ามาในห้วงความทรงจำ และหัวใจก็ปวดแปลบ วันนั้นวันที่เธอรู้ความจริง

สาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้ม ดาวของคณะนิเทศฯ ตรงหน้าของเธอ ถูกพามาแนะนำโดยเพื่อนในกลุ่ม อวัศยายิ้มรับและรู้สึกถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก กระทั่งเกือบเดือนต่อมา ศศธรก็กลายเป็นเหมือนเพื่อนสนิทของเธออีกคน

มันเป็นช่วงเวลาเดียวกัน กับที่เธอได้รู้จักกับธุมเกตุ

“หมอกมีแฟนหรือยัง เพื่อนๆที่คณะเราหลายคนฝากมาถาม เจ้าพวกนั้นปลื้มหมอกมาก วันที่ประกวดดาวคณะน่ะ พวกนั้นบ่นกันใหญ่ทำไมหมอกไม่ประกวดดาวคณะศิลปกรรม อีกอย่างพวกนั้นยังอยากรู้ หมอกรักใครหรือยัง”

อวัศยาหน้าระเรื่อขึ้น เมื่อนึกถึงนัยน์ตาคู่คมของธุมเกตุ แม้จะเรียนจบไปหลายปีแล้ว แต่เธอก็ยังได้มีโอกาสเจอเขาอยู่บ่อยๆ มีหลายครั้งที่โดนแซว ว่าที่เขาหาเรื่องกลับมาที่มหาวิทยาลัยบ่อยๆ เพราะต้องการจะเจอเธอ

“นั่นแน้ หน้าแดงแบบนี้แปลว่าต้องมี”

วันนั้นหญิงสาวตอบเลี่ยงๆไป จนกระทั่งเธอตอบตกลงคบกันกับธุมเกตุ ศศธรหายหน้าไป เธอติดต่อไม่ได้ และลองถามเพื่อนๆ ก่อนจะได้รู้

“มาหาจันทร์เหรอ เธอนี่กล้ามากนะ แย่งคู่หมั้นของจันทร์เค้าไปได้หน้าตาเฉย!”

เพื่อนสนิทที่คณะของศศธรตวาดใส่หน้าอวัศยาเมื่อเธอขอเจอ

“แต่เสียใจด้วย คุณธุมเค้าเลือกจันทร์ เธอมันก็แค่ของเล่น อ้อ! เผื่อไม่เชื่อนะ ลองไปที่หลังตึกสิ จันทร์เค้าอยู่ตรงนั้นกับคู่หมั้นของเขา!”

และเมื่ออวัศยาไปตามที่อีกฝ่ายท้า เธอก็ได้พบกับความจริง

เธอถูกหลอก หัวใจถูกเหยียบย่ำ และนับจากวันนั้น ทั้งศศธรและธุมเกตุ ก็ถูกตัดออกจากสารบบในชีวิตเธอ

อวัศยาไม่กล้าสู้หน้าศศธรอีกแล้ว

และเธอก็ยิ่งไม่อยากจะเห็นหน้าธุมเกตุ เมื่อมันทำให้หัวใจเจ็บปวดขึ้นมาอีก

นับจากวันนั้นก็เกือบเก้าปี เป็นเก้าปีที่ความเจ็บมันจางลง แต่ไม่เคยหายไป อวัศยาถอนหายใจหลับตาลง

เธออยากรักใครสักคน อยากเริ่มต้นใหม่ แต่... เธอทำไม่ได้

ให้ทำอย่างไร ธุมเกตุก็ยังครองพื้นที่ในหัวใจของเธอตลอดมาอยู่ดี

ทำอย่างไรถึงจะเลิกรักเขา ทำอย่างไร หัวใจจะไม่ต้องเจ็บเมื่อต้องมองหน้าเขา อวัศยาตอบไม่ได้ มันเป็นคำถามที่หาคำตอบไม่เจอ






เสียงสัญญาณปลายสายถูกตัด เมื่อสิ้นเสียงหวานๆที่แม้จะมีความเย็นชา แต่ก็เจนใจ ทั้งๆที่ไม่ได้ฟังมานานแล้ว ธุมเกตุมองโทรศัพท์มือถือในมือ ดวงตามีแววหม่นครอบครอง

ขณะนั้นชายหนุ่มนั่งอยู่บนเตียง เขาขยับลุกขึ้นยืนเดินไปที่โต๊ะอ่านหนังสือเมื่อตอนเล็ก และเป็นมาเป็นโต๊ะทำงานในตอนนี้ ชายหนุ่มดึงลิ้นชักออกมาดู และหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมา มันเป็นหนังสือนิยายแฟนตาซี เขาเปิดไปยังหน้ากลาง กุหลาบดอกหนึ่งถูกทับ พร้อมกับรูปซีดจางของสาวน้อยคนหนึ่งที่มองมา

ผู้หญิงในรูปคืออวัศยา

ภาพเด็กสาวท่าทางสดใสน่ารัก ที่ครั้งหนึ่งในวัยนั้นทำให้เขาถึงกับหลงใหลไปได้มากมาย เสียงหวานๆ ฟังเย็นๆ ระรื่นหู พลอยทำให้สบายใจได้อย่างน่าประหลาดยามอยู่ใกล้ ท่าทางเอียงอายแบบไร้จริตจะก้าน เวลาเขาเอ่ยคำพูดหวานๆ ก็ทำให้หัวใจอิ่มเอิบขึ้นโดยไม่รู้ตัว

แต่ปัจจุบันนี้เธอกลับเกลียดเขาอย่างเหลือเกิน

ธุมเกตุถอนหายใจถือหนังสือกับภาพถ่ายนั่นกลับไปที่เตียง เขาทรุดลงนอน ก่อนยกรูปถ่ายของอวัศยาแล้วจ้องอยู่เช่นนั้น

ชายหนุ่มไม่ปฏิเสธเลยว่าตอนนั้นเขาพอใจกับการบริหารเสน่ห์มากแค่ไหน ธุมเกตุคบผู้หญิงมากหน้าหลายตา มีสัมพันธ์ด้วยอย่างง่ายๆแล้วก็เลิกกันไป ไม่เคยคิดจริงจังกับใคร

แต่พอได้เจอกับอวัศยาโดยบังเอิญ เขากลับถอนสายตาไปจากเธอไม่ได้

เขาไม่ได้รู้สึกแค่ว่าเจอผู้หญิงสวย ไม่ได้ต้องการแค่จะให้เธอเป็นผู้หญิงหนึ่งในหลายๆคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตเขา

ตอนนั้นธุมเกตุรู้แค่ว่า อวัศยาพิเศษกว่านั้น

พอยิ่งได้รู้จัก ได้ใกล้ชิด หัวใจเขาที่เคยเฉื่อยชา บางครั้งกลับอิ่มเอมพองฟูเมื่อรู้สึกว่าเธอเองก็สนใจเขาเช่นกัน ในขณะที่มันร้อนเร่าเมื่อเห็นเธอมีใครหมายปอง จนต้องดิ้นรนประกาศตัวกลายๆ ว่าอวัศยาคือคนที่เขาต้องการ

วันที่บอกความในใจ วันที่เขาได้รับจูบแรกจากเธอ ธุมเกตุมีความสุข หัวใจมันพองคับอกราวกับได้ครอบครองของล้ำค่า ผู้หญิงที่เคยแวดล้อมรอบกายถูกบอกเลิก

เขามีแค่เธอ

แต่เพียงแค่สามวัน ทุกอย่างก็สูญสลาย ศศธรร้องไห้น้ำตานองมาหาเขา ในตอนที่เขามาหาอวัศยาด้วยตั้งใจจะพาเธอไปทานข้าวมื้อเย็นด้วยกัน เธอขอคุยกับเขาตามลำพัง

“พี่ธุม จันทร์รักพี่ธุมนะคะ จันทร์... จันทร์เพิ่งรู้ ว่าพี่ธุมรักหมอก คบกับหมอกแล้ว”

ธุมเกตุได้แต่ถอนหายใจ เขารู้ดีว่าศศธรคิดกับเขาอย่างไร และด้วยความที่เห็นอีกฝ่ายเป็นน้องสาวมาตลอด ความเอ็นดูจึงมีให้ไม่น้อย ชายหนุ่มจึงต้องปลอบญาติห่างๆของตัวเอง เขาหวังให้ศศธรตัดใจให้ได้

“พะ... พี่ธุม จันทร์ขอได้ไหม ขอให้พี่ธุมแกล้งบอกว่ารักจันทร์สักครั้ง”

ชายหนุ่มลังเล และศศธรก็ย้ำ เธอโผเข้าหาและกอดเขาไว้

“นะคะ จันทร์จะได้ตัดใจ อย่างน้อยถึงจะรู้ว่ามันโกหก แต่จันทร์ก็ยังได้ยินพี่ธุมพูดคำว่ารัก ช่วยโกหกเพื่อจันทร์ได้ไหมคะ แค่ตอนนี้ โกหกว่ารักจันทร์ โกหกว่าพี่ธุมไม่ได้คิดอะไรกับหมอกเลย” แรงสะอื้นดังขึ้นเร่งเร้า สุดท้ายเพราะใจอ่อน ธุมเกตุจึงได้เอ่ยออกไป

“พี่รักจันทร์ กับหมอก... พี่ไม่ได้รัก... ไม่ได้รักเลย”

ธุมเกตุไม่รู้เลยว่าเมื่อพูดออกไป อวัศยาจะมาได้ยินเข้า เธอหายไปจากชีวิตเขานับแต่นั้น โดยที่เขาไม่มีโอกาสได้พูดหรืออธิบาย

ชายหนุ่มมองภาพถ่ายจ้องจับเข้าไปในนัยน์ตาสดใสคู่นั้น เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าทำไมวันนี้ถึงได้เอาขึ้นมานั่งดู แต่ก็บ่อยไป เมื่อเวลาที่ไม่สบายใจธุมเกตุมักจะเอาขึ้นมานั่งมอง

ดวงหน้าหวานๆ รอยยิ้มใสๆ ที่...แค่เห็นก็ทำให้สบายใจ ไม่ได้ปรารถนาไขว่คว้าอยากได้มา ทว่าแค่เพียงอยากจะมองเท่านั้น

และเขาก็ไม่แน่ใจว่าความรู้สึกนี้มันเรียกว่าอะไร

แต่คงไม่ใช่ในคำว่ารักหรอก ธุมเกตุมั่นใจ กับอวัศยาเขาก็แค่รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างที่ค้างคาอยู่ในใจมานานเท่านั้น ความสัมพันธ์ในตอนนั้นจบลงไม่ดีนัก เขาคิดว่าเพราะเหตุนั้นแหละ ที่ทำให้ในหัวใจถึงยังเหมือนมีตะกอนค้างคา

แล้วยิ่งเห็นสีหน้าของเธอเมื่อเช้า... เขาก็ยิ่งพูดไม่ออก มันให้คล้ายกับโดนหนามแหลม ทิ่มแทงลงมาบนอกอยู่เรื่อย
ดวงตาคู่คมยิ่งหม่น ใบหน้าคมสันพลันนิ่งขรึม

ภาพในสมัยก่อนยังผุดขึ้นมารบกวนเป็นครั้งคราว แววตาของอวัศยาในอดีตตอนนั้นกับเมื่อเช้าของวันนี้ที่มองเขาแทบจะไม่ได้ต่างกันเลย มันยังคงฉายแววเจ็บช้ำตัดพ้อเขาอยู่เช่นเดิม อย่างกับว่าตลอดเวลาที่ผ่านมา เธอไม่ได้เปลี่ยนความรู้สึกนึกคิดที่มีต่อเขาไปเลยแม้แต่นิดเดียว และเขาเองก็ยังไม่ลืมเธอเช่นเดียวกัน

ธุมเกตุได้แต่ถามตัวเอง

ทำไมนะ ทำไมกัน ถึงมีแค่อวัศยาคนเดียวเท่านั้นที่เขาลืมไม่ลง






บดินทร์เดชกลับมาที่คอนโดของอวัศยาเมื่อตอนสายๆ พร้อมกับหน้าตาสดใสเปล่งปลั่งด้วยความสุข ก่อนจะหน้าหุบเมื่อเจอเข้ากับเพื่อนสาวที่นั่งหน้าหงิก มองช่อดอกไม้สิบกว่าช่อที่วางอยู่บนโต๊ะทานข้าว

อวัศยาเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เวลานี้เธอเอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้พลางถอนหายใจอย่างอึดอัด แล้วหลับตาลงอย่างเหนื่อยอ่อน

ช่างแต่งหน้าหนุ่มเดินเข้าไปใกล้เพื่อนสนิทอย่างระแวง เพราะไม่แน่ใจในอารมณ์ของหญิงสาว เขาหยิบช่อดอกไม้ขึ้นมาดู พลิกอ่านการ์ดที่ห้อยมาด้วยก่อนจะกลั้นขำไว้จนสุดความสามารถ บดินทร์เดชมองๆสีหน้าอวัศยาอยู่ครู่ แล้วจึงได้เอ่ยถาม

“จากพี่ธุมหมดเลยเหรอหมอก”

อวัศยาพยักหน้ารับเนือยๆ

“แล้ว--” บดินทร์ต่อประโยคเพื่อหวังให้อวัศยาเล่าอะไรที่มากกว่านี้

“แล้วอะไร ก็แค่ชั่วโมงละช่อ เพื่อตอบแทนพวงหรีดที่ฉันส่งไปให้”

“ช่อละชั่วโมงเหรอ เออพี่ธุมแสบดี แล้วทำไมแกยอมแพ้ล่ะ ทำไมไม่ส่งพวงหรีดจากใจส่งให้ด้วยรักไปอีกล่ะ เค้าส่งมาหนึ่งชั่วโมงหนึ่งช่อ แกก็ส่งพวกหรีดหนึ่งชั่วโมงหนึ่งพวงสิ จะได้หายกัน”

อวัศยาฟาดมือลงบนต้นแขนของบดินทร์เดช

“หมีเดช ถ้าฉันรวยเหมือนเค้า คงส่งพวงหรีดไปถมที่ให้เค้าแล้วละ!” หญิงสาวถอนหายใจบ่นเสียงเบา “คนบ้าอะไรก็ไม่รู้ จำแม่นจริง”

“ห้ะ! อะไรนะ จำแม่นอะไร พี่ธุมเขาไม่ลืมเรื่องอะไร”

“ก็หมอนั่นบอกว่าไม่ลืมว่าเมื่อก่อน--” อวัศยาชะงักมองตาเขียว “หมีเดช!”

“อ๊ะๆ แล้วไง ทำยังไงพี่ธุมถึงได้หยุดส่งมา”

“ก็โทร.ไป” บดินทร์เดชตาแทบเหลือก

“แกคุยกับพี่ธุมดีๆหรือเปล่า”

อวัศยาไม่ตอบเบือนหน้าหนี ช่างแต่งหน้าหนุ่มจึงได้แต่ถอนหายใจแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย

“บอสโทร.มาหาฉันบอกติดต่อแกไม่ได้ พอดีมีเรื่องด่วนอยากขอให้แกช่วย”

อวัศยาหันกลับมามอง

“งานสัมภาษณ์ ที่บอสติดประชุมทีมเมื่อวานนี้ไง บอสเพิ่งได้คิวสัมภาษณ์พวกเศรษฐีน่ะ ฉันไม่ได้ซัก ที่แกจะเปิดนิตยสารหัวใหม่ Young Blood Business น่ะ พอดีพี่รัตน์ที่รับงานไว้ท้องเสีย พี่ติติดงาน แล้วแกก็ไม่อยากใช้คนนอก เลยอยากขอให้แกไปช่วย โอหรือเปล่าแกหมอก ถ้าไม่ก็จะได้โทร.ไปบอกให้บอสรู้ตัว”

ตากล้องสาวพยักหน้ารับ

“ไหวสิ ก็แค่ถ่ายรูปงานสัมภาษณ์ไม่ยากหรอก”

“อืมก็ดี บอสนัดไว้เกือบเที่ยงแหละ จะรถตู้บริษัทจะแวะมารับ ว่าแต่แกจะนอนก่อนไหมหมอก นี่ยังไม่เจ็ดโมงเช้าเลย ตอนนี้แกก็ดูโทรมมากด้วย เดี๋ยวใกล้ๆแล้วฉันจะปลุก”

บดินทร์เดชทำจมูกฟุดฟิด ตามองชุดของอวัศยาแล้วทำหน้าไม่แน่ใจ

“นี่แกแน่ใจว่าเมื่อคืนอาบน้ำแล้วใช่มะ ยัยหมอก ฉันว่าแกต้องเน่าในแน่ๆแล้วละย่ะ!”

ท่าทางรังเกียจของเพื่อนสนิททำให้อวัศยาหัวเราะออกมาได้ หญิงสาวส่งค้อนให้ ก่อนลุกขึ้นยืนแล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง ในขณะที่บดินทร์เดชยังคงง่วนอยู่กับช่อดอกไม้ต่อไป





ก่อนเที่ยงห้านาที รถตู้สีขาวคันใหญ่ทันสมัยก็วิ่งเข้ามาจอด บริเวณด้านหน้าของคอนโดตรงที่อวัศยายืนรออยู่กับบดินทร์เดช หญิงสาวสะพายกระเป๋ากล้องกับกระเป๋าเก็บเลนส์ใบใหญ่ ส่วนช่างแต่งหน้าหนุ่มที่เครื่องมืออยู่ในรถตู้แล้ว เพราะมีคนเตรียมไว้ให้ ก็ช่วยอวัศยาหิ้วขาตั้งกล้องกับกระเป๋ากล้องอีกหนึ่งตัวแทน

อวัศยาแต่งกายทะมัดทะแมง เธอสวมกางเกงแสล็คกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีฟ้าอ่อน ผมตัดสั้นจากที่ไม่เคยแต่งทรง บดินทร์เดชก็จัดให้เพราะงานนี้ถูกย้ำว่าทีมงานต้องแต่งกายให้เกียรติเจ้าของบ้าน ใบหน้านวลถูกแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ เครื่องประดับเป็นสร้อยร้อยจี้ทองคำขาวเล็กๆ กับนาฬิกาเรือนเก่าที่บิดาซื้อเป็นของขวัญให้เมื่อหลายปีก่อน

เท่านั้นตากล้องสาวก็ดูเหมือนเวิร์กกิ้งวูแมนเต็มตัว เสียอย่างเดียว อวัศยาไม่ยอมสวมรองเท้าส้นสูงตามที่บดินทร์เดชยัดเยียด เธอเลือกสวมคัทชูสีน้ำตาลเก๋ๆพื้นเรียบคู่หนึ่ง

ประตูรถตู้เปิดออก พร้อมกับเสียงเอ่ยทักนุ่มนวล

“รอนานไหมหมอก เป็นไงบ้างเดซี่”

พีระพันธ์เป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ผิวของเขาขาวจัด คิ้วเข้ม นัยน์ตาคมหล่อเหลาไม่แพ้ใคร เรือนร่างสูงใหญ่สวมเชิ้ตแขนยาวพับแขน เนคไทที่สวมรูดลงมาครึ่งๆ

“ดีใจที่มาได้นะหมอก ไงหมีเดช”

พัฒน์ระพีอายุมากกว่าน้องชายสองปี เค้าโครงหน้าแทบถอดกันมาจนคนทักบ่อยๆว่าแฝด ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างน้องชายยื่นหน้ามาทักทาย

“วันนี้ดีเริ่ดค่ะบอสขา บอสหล่อมาก และพี่ชายบอสปากจัดมาก-ก-ก”

บดินทร์เดชตวัดตาค้อน ส่วนอวัศยาส่ายหน้า หญิงสาวส่งยิ้มให้เจ้านายทั้งสอง

“ก็ดีค่ะ แล้วบอสกับคุณพัฒน์ล่ะคะ งานนี้โอเคไหม”

ตากล้องสาวก้าวขึ้นรถก่อนบดินทร์เดช จึงได้ก้าวตามขึ้นไป ประตูรถถูกปิดลงอีกครั้ง และเคลื่อนตัวออกไปสู่ถนน พัฒน์ระพีที่ดูขี้เล่นกว่าน้องชายหมุนตัวตามเพื่อมองอวัศยา

“โอเคมากเพราะพี่ไม่ได้รับหน้าที่สัมภาษณ์”

อวัศยายิ้มกว้าง หลิ่วตามองพีระพันธ์ “ถึงว่า บอสแต่งตัวหล่อมากวันนี้”

“พี่จะถือว่านั่นเป็นคำชม” พีระพันธ์บอกกลั้วหัวเราะ

“แหมๆ ทีเดซี่ชมบอสไม่เห็นบอสหน้าบานแบบนี้”

บดินทร์เดชแหย่

“ว่าแต่เราจะไปสัมภาษณ์ใครกันคะบอส เมื่อเช้าสัญญาณไม่ดี เดซี่ก็จับความได้ไม่ถนัด เผื่อหมอกมันจะได้เตรียมตัว ท่องพุทโธไว้เหมือนตอนไปถ่ายรูปน้องซินดี้ของคุณหญิงพักตร์พริ้งเธอ”

อวัศยาหยิกหมับเข้าที่ท่อนของช่างแต่งหน้าหนุ่ม บดินทร์แกล้งทำเป็นเจ็บ ไขว่คว้าจะยึดแขนพัฒน์ระพีเพื่อออเซาะ แต่ชายหนุ่มดึงหนีอย่างจะแกล้ง พีระพันธ์มองพี่ชายกับลูกน้องแล้วหัวเราะๆ ก่อนหันมาสบตากับอวัศยา

“ไม่หรอก ที่บอกว่าให้เกียรติเพราะพี่เกรงใจท่านน่ะ คุณทีป กับคุณธุมเกตุ สวัสดิ์รัตน์ คือคนที่เราจะไปสัมภาษณ์ สองพ่อลูกคู่นี้เป็นคนง่ายๆ งานเราคงไม่ยาก”

“ห้ะ สวัสดิ์รัตน์!”

บดินทร์เดชอุทานเสียงสูง ส่วนอวัศยาหน้าซีดแล้วก็นิ่งไปทันควัน

“มีอะไรหรือเปล่า หมอกทำไมดูตกใจ”

พีระพันธ์เอ่ยถามอย่างสงสัย แต่อวัศยากะพริบตาถี่ๆ เธอส่ายหน้าช้าๆ

“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เสียงหวานตอบอ้อมแอ้ม โดยมีบดินทร์เดชชำเลืองมองอย่างห่วงใย ส่วนสองหนุ่มแม้จะเห็นว่าตากล้องดูผิดสังเกต แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบ และเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเข้าเรื่องการสัมภาษณ์แทน





“วันนี้มีนิตยสารจะมาขอสัมภาษณ์คุณท่านกับคุณหนู พวกเธอต้องอย่าให้มีฝุ่นเชียวนะ มันจะขายหน้าเขาได้”

นมรุ้งกำลังยืนกำกับคนในบ้านให้ทำความสะอาดเป็นรอบที่เท่าไหร่ของวันแล้วไม่รู้ตั้งแต่เช้า หลังทราบว่าวันนี้เจ้านายทั้งสองมีคิวให้สัมภาษณ์ลงนิตยสาร หญิงชราจึงวุ่นวายทั้งการเตรียมอาหารรับรองกองสัมภาษณ์ และการทำความสะอาด รวมถึงความเรียบร้อยภายในบ้านเรือนไทย จนธุมเกตุกับทีปอดขำไม่ได้ เมื่อนมรุ้งตื่นสื่ออย่างกับว่าจะได้สัมภาษณ์เสียเอง

“อ้าว คุณจันทร์มายังไงคะนั่น รีบร้อน”

หญิงชราเอ่ยทัก เมื่อเห็นรถยนต์จอดลงแล้วศศธรในชุดเดรสสั้นพิมพ์ลายเกาะอกก้าวขึ้นมาบนบันไดอย่างร้อนใจ ทำให้ธุมเกตุที่นั่งอยู่กับทีปหน้าชานระเบียงหอพระ พร้อมใจกันไปมองหญิงสาว และเห็นว่าในมือของเธอถือหนังสือพิมพ์มาด้วย และหน้าตาก็เป็นกังวล

“สวัสดีค่ะนมรุ้ง”

ศศธรหยุดไหว้หญิงสูงวัย ก่อนเดินเร็วๆเข้าไปทรุดลงนั่งใกล้ๆธุมเกตุ ยกมือไหว้ทีป แล้วหันมายื่นหนังสือพิมพ์ให้ชายหนุ่ม

“จันทร์เพิ่งเห็น หนังสือพิมพ์ของเมื่อวาน เพราะมัวแต่ยุ่งๆ มีข่าวของพี่ธุมเรื่องที่ถูกทำร้ายลงค่ะ แต่ข่าวลงไม่ดีเลย”

ธุมเกตุขมวดคิ้วรับมาและเปิดอ่าน ในหน้าสังคมนั่น มีรูปถ่ายรถยนต์ของเขาที่จอดอยู่ลานจอดรถใต้คอนโดของแพทริเซีย แต่เบลอทะเบียนรถ ในนั้นมีเนื้อความว่า


เห็นแต่รถ ไม่เห็นเจ้าของ
ได้ข่าวแว่วๆว่ามีอุบัติเหตุเกิดกับทายาทเรียลเอสเตสรายใหญ่ ถึงขนาดฉุดกระชากเล่นบทบู๊กันคาลานจอดรถทีเดียว งานนี้แอบสงสารแฟนสาวไฮโซคนสวยที่มีแววว่ากินหญ้ามานานปี
เรามีพรายกระซิบเห็นว่าคนหล่อถูกลากขึ้นรถตู้ พาหายวับไปกับความมืด เหตุจากเรื่องภรรยานักธุรกิจญี่ปุ่นที่มาเมืองไทยเมื่ออาทิตย์ก่อน
ที่ทายาทคนดังให้การ ‘ต้อนรับ’ ภรรยาคู่ขา เอ๊ย คู่ค้าดีเยี่ยมเกินไป


ธุมเกตุขบกรามแน่น มือกำหนังสือจนแทบแหลกยับ

“มีอะไรเจ้าธุม” ชายหนุ่มหลับตาก่อนลืมตาขึ้นอีกครั้ง และเล่าเรื่องนี้ให้บิดาฟัง ทีปส่ายหน้าถอนหายใจ ถึงจะเป็นข่าวจิกกัด แต่ก็คงกระทบกับภาพลักษณ์อยู่ไม่น้อย

การยุ่งกับเมียชาวบ้าน ถือเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียว แต่ทีปมั่นใจว่าธุมเกตุไม่ทำเช่นนั้นแน่

“คนทำน่ะใคร หนูแพทเหรอหรือว่าพี่ชายเขา พ่อไม่อยากเชื่อ”

“อาจจะเป็นแพทริคก็ได้ครับพ่อ

ส่วนศศธรซึ่งร้อนใจ เหลียวมองหน้าชายหนุ่ม สลับกับทีปไปมา แย้งขึ้นเบาๆ

“มันไม่ใช่น่ะสิคะ” สองพ่อลูกหันมามองเธอเป็นตาเดียว”

“จันทร์ให้เพื่อนสืบดูว่าใครเต้าข่าว แล้วเอ่อ เอ่อ...”

ศศธรหลบตา

“เห็นว่าคนให้ข่าวเป็นคนในวงการสื่อนี่ละค่ะ แล้วยังเป็นผู้หญิงด้วย!”



==============================================================>>>>>>

ดีค้า พาพี่ธุมกับยัยหมอกมาส่งค่า ^O^


คุณkaelek เฮียจะขรึมหรือไม่นั้น โฮะๆๆๆๆ ต้องรอดูอ่ะเตง แอร๊ยยยยยยยยยยยย >//////<
คุณkonhin เฮียบอกว่า ให้โอกาสเฮียบ้าง เฮียจะกลับตัว กลับใจ 5555 เฮียจะทำได้ไหม ต้องมาดูกันค่ะ แล้วยัยหมอกจะเคลียร์ยังไงกับคนเก่าๆที่กำลังจะก้าวเข้ามา ว่าแต่ สนใจบอสพีไหมคะ บอสยังว่าง >/////<
คุณsai 5555 เรื่องนี้ไม่ปิดไม่บัง ตัวร้ายๆเยอะมากค่าาาาาาาาาา
คุณกาซะลองพลัดถิ่น หุๆ มันมีสาเหตุจริงๆอ่ะพี่หญิง ฮิ้วววววววววววววววว

และคุณๆรีดเดอร์นะคะ ขอบคุณที่แวะมาอ่าน มาคุย มากดคะแนนให้นะค้า


วันนี้ไปแล้วนะคะ เจอกันใหม่วันพรุ่งนี้ ส่วนคืนนี้หลับฝันดี ราตรีสวัสดิ์จ้ะ ^O^


ป.ล. คอนเม้นต์ที่ 1 คือโฆษณาแฝง 5555+



ดังปัณณ์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 ก.ย. 2558, 18:53:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 ก.ย. 2558, 18:53:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 2016





<< บทที่ ๔ คู่ปรับ   
ดังปัณณ์ 4 ก.ย. 2558, 19:05:21 น.
แท แท แท่แด๊ แท แท้ แท่แด ไม่ใช่ละ ไม่ใช่ละ 5555 เปิดจองทำมือเจ้ามะฮะ


รักแรกแลกรัก The Change ตั้งราคาไว้ที่เริ่มต้น 309 บาท ลงทะเบียนเพิ่ม 20 บาทค่ะ รวมเป็น 329 บาท

หนังสือ ขนาด A5 เนื้อในถนอมสายตา 75 แกรม พิมพ์ขาวดำ
ปก อาร์ตการ์ด 260 แกรม พิมพ์สี ด้าน + ปั๊มนูน (ตัวตุ๊กตาค่ะ)

330 หน้า (อาจมีเปลี่ยนแปลงและราคาก็เช่นกันค่ะ สาเหตุเพราะ หนอนเพิ่งรีไรต์ได้ครึ่งเดียว กร๊ากกกกก) เริ่มจองได้ตั้งแต่วันนี้ 4 กันยายน 2558 ถึง 31 ตุลาคม 2558 สั่งจองต่างหากกับโอนเงินนะคะ ตอนนี้ราคายังไม่นิ่งค่ะ (คิดว่าคงจะราคาต่ำกว่านี้ เมื่อทราบขนาดหน้าเรียบร้อยแล้วจ้ะ)

ทางอีเมล ao_sdj@hotmail.com หรือ ทางอินบ๊อกซ์ เพจ ร้อย:เรียง:เพียง:คำ ระยะเวลาจัดส่งภายใน 15 วัน หลังจากได้รับหนังสือจากทางโรงพิมพ์แล้วนะคะ

ตอนนี้ไปดูปกได้ที่นี่ค่ะ https://www.facebook.com/ao.napaporn โอ๋จะลงปก Final คืนนี้จ้ะ ^^


ยังไง ช่วยเอ็นดูหนอนตัวน้อยๆเริ่มกระดึ๊บด้วยนะค้าบ >/////<

ป.ล. ใครรอเฮียอัค พอเสร็จจากหนูหมอกจะเปิดจองเร็วๆนี้ค่ะ ^^


kaelek 4 ก.ย. 2558, 19:35:32 น.
ย้ายข้างจากเฮียธุมแป๊บ ถ้ามีบอสแบบหมอก จะไม่ลาหยุดสักวันเลย มันน่ามาก!! ยัยคุณจันทร์ จะบอกว่าใครให้ข่าว อย่าแอบแทงหนูหมอกนะ ไม่งั้น...


sai 4 ก.ย. 2558, 21:26:05 น.
ยายพระจันทร์เน่า เกลียดนาง อินไปไหมมม


กาซะลองพลัดถิ่น 4 ก.ย. 2558, 22:28:21 น.
ขอเชียร์บอสหรือว่าพี่ชายของบอสแทนนายธุมจอมเจ้าชู้ไม่เลือกหน้าได้ไหมไรเตอร์ขา...
แล้วยัยดอกไม้จันทร์นี่อะไร ชอบแทงคนข้างหลัง ง่าย ๆ เลย นิสัยไม่ดีทั้งคุ่ ทั้งนายธุมและยัยจันทร์
นี่จะมากล่าวหาหมอกอีกเหรอ .....ธุมเลิกกินหญ้าเหอะ มากินควีนัว อาหารสุขภาพดีกว่า


konhin 4 ก.ย. 2558, 23:15:13 น.
โหหหห วางแผนกันเป็นระบบให้เพื่อนยุหมอก แล้วหลอกผู้ชายให้พูดปด เก่งจริงๆ แต่ เก้าปีผ่าน นางยังทำให้ผํู้ชายรักไม่ได้เลย โถ่ อุส่าห์กำจัดแฟนเขาได้แล้วนะ


Zephyr 7 ก.ย. 2558, 23:27:57 น.
เชียร์พี่ชายบอสแทนได้ไหม ท่าจะน่ารักน่าเตะ เอ้ย หยิก
บอสก็น่ารักนะ มีปู้จายให้แทะๆเล็มๆเยอะน้า
ไปลงคิวเลือกก่อน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account