ตราบฟ้าไร้ดาว
พี่หิน หนุ่มน้อยนิรนาม ผู้มามอบโลกใบใหม่ที่สดใสสวยงามให้น้องเอ๋ย และจากไปพร้อมกับโลกใบนั้น
ทิ้งไว้แต่โลกมืด โลกไร้สุขและสิ้นหวังเอาไว้ให้
น้องสาวที่เขาเองก็รักปานดวงใจ


‘พี่รักเอ๋ยนะจ๊ะ สามสี่วันที่ออกเรือ พี่คงจะต้องเป็นบ้าแน่ๆ เพราะคิดถึงเอ๋ย แล้วเอ๋ยล่ะ รักพี่และจะคิดถึงพี่หรือเปล่า’

‘ไหนบอกให้พี่ชื่นใจหน่อยสิจ๊ะคนดี’

‘บอกให้พี่ได้ยินหน่อยสิจ๊ะคนดีของพี่ เดี๋ยวเราต้องรีบกลับเข้าบ้านกันแล้วนะ’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’

‘ถ้าเอ๋ยไม่บอก พี่ต้องตายเพราะอยากรู้แน่ๆ เลย นะนะ บอกพี่ที’


วรินรำไพ หรือ เอ๋ย หญิงสาวผู้ไม่หลงเหลือหัวใจให้ใครได้แล้ว
นอกจาก 'พี่หิน' คนเดียวเท่านั้น


“พี่หินจ๋า! เอ๋ยมารับพี่หินแล้ว พี่หินอยู่ไหนจ๊ะ พี่หินกลับมาหาเอ๋ยสิจ๊ะ”

น้ำตาที่ไม่เคยเหือดแห้งนั้น หลั่งไหลลงมาอีกมากมาย เมื่อภาพในค่ำคืนนั้นลอยมาอยู่ตรงหน้าสาวน้อยที่กำลังเจ็บเสียด แน่นที่อกเพราะความเสียใจ

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ พี่หินได้ยินมั้ยจ๊ะ ว่าเอ๋ยรักพี่หิน”

“เอ๋ยจะรักเพียงพี่หินคนเดียวเท่านั้น พี่หินต้องกลับมาหาเอ๋ยนะจ๊ะ เอ๋ยรู้ว่าพี่หินยังไม่ตาย”

ร่างเล็กยกเสื้อผ้าพี่ชายขึ้นมากอดไว้ ก่อนจะแนบแก้มลงไปหา ปล่อยให้หยาดหยดน้ำตาไหลรินลงไปใส่ ประหนึ่งอยากให้พี่ชายที่แสนดีมาซับน้ำตาที่หลั่งรินออกมาเพราะความเสียใจอย่างสุดซึ้งก็ไม่ปาน

“เอ๋ยจะรอพี่หินอยู่ตรงนี้ตลอดไป พี่หินได้ยินมั้ยจ๊ะ ว่าเอ๋ยจะรอพี่หินคนเดียว และจะรักพี่หินคนเดียวเท่านั้น”

ประโยคอ้อนวอนของพี่ ตกย้ำซ้ำเติมให้น้ำตาน้องหลั่งรินออกมามากมายแล้วแทบจะกลายเป็นสายเลือด เพราะความเสียดายที่ไม่ได้บอกคำที่พี่อยากได้ยินออกไป ถ้าเพียงแต่น้องคนนี้ล่วงรู้ว่าความตายจะมาพรากพี่ไปจากน้องในรวดเร็วขนาดนี้

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ รักและจะรอให้พี่หินกลับมาหาเอ๋ยอีก กลับมาสร้างบ้านในฝันของเรา กลับมาอยู่กับเอ๋ย มีลูกตัวเล็กๆ กับเอ๋ย แล้วเราจะจูงลูกไปส่งโรงเรียน เหมือนที่พี่หินบอกไว้ไงจ๊ะพี่หินจ๋า”

กายเล็กๆ และยังกอดเสื้อผ้าพี่หินอยู่นั้น ค่อยๆ รูดเลื่อนไปตามผนังเก๋งเรือลงไปหาพื้น เมื่อมีประโยคอ้อนวอนของพี่ลอยมาตอกย้ำความผิดพลาดไม่ขาดหาย

และถ้าเพียงเลือกได้อีกครั้ง ถ้าเพียงย้อนเวลากลับมาได้อีกครั้ง ถ้าเพียงมีพี่ชายที่แสนดีอยู่ข้างกายอีกครั้ง ถ้าเพียงค่ำคืนสุดท้ายที่ได้อยู่กับพี่ชายแบบนั้นอีกครั้ง

“เอ๋ยรักพี่หินจ๊ะ รักมาก รักมากยิ่งกว่าสิ่งใดในโลก และพี่หินจะอยู่ในใจเอ๋ยตลอดไปจ๊ะ แล้วเอ๋ยก็จะรอ รอวันที่พี่หินกลับมาหาเอ๋ย กลับมาฟังคำบอกรักจากเอ๋ย กลับมาทำความฝันที่เรามีด้วยกัน เอ๋ยจะรอพี่หินจ๊ะ ต่อให้เอ๋ยจะต้องไปตลอดชีวิต เอ๋ยก็จะรอพี่หินคนเดียว จะรักและจะรอพี่หินของเอ๋ยคนเดียว ไม่ว่าจะนานแค่ไหน เอ๋ยก็จะรอ”


ชลธิป จิระธนานนท์ หรือ คุณร๊อค
ผู้บริหารหนุ่มเจ้าของ‘ตาเบบูญา บางปูปาร์ค รีโซเทล แอนด์ สปา’
ผู้ที่หวนกลับมาทำร้ายคนที่เขารักปานดวงใจ
โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กระทั่งวินาทีสุดท้าย



“นรกสำหรับคุณไง!”

เขาคว้าแขนเล็กๆ ไว้แล้วกระชากตามตัวไปอย่างแรง

“เงียบทำไม! ถึงเวลาที่คุณจะต้องอธิบายให้ผมฟังได้แล้ว ว่าคุณทำยังไงถึงได้รอดจากการติดคุก ถ้าเหตุผลเพียงเพราะคุณอยากได้ตัวผม เงินผม คุณก็บอกมาดีๆ สิ ผมจะจัดให้!”

“...”

“เงียบทำไม! คุณบอกผมมาสิว่าทำไม! ตอบผมมาให้ได้! ไม่อย่างนั้นคุณจะต้องเสียใจกับการกระทำของคุณเอง! ตอบผมมา!!!”

ประตูห้องเปิดออกได้ ร่างผอมบางก็ถูกกระชากแขนอย่างแรงเข้าไปในห้องจนกระแทกกับตู้เสื้อผ้า ทว่าวริญรำไพก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกมา นอกจากมีน้ำตาไหลรินอาบสองแก้มเท่านั้น

“คุณพูดไม่ออกเหรอ! หรือบอกผมไม่ถูกว่าคุณใช้วิธีไหน ถึงได้รอดคุกมา!”

“ฉันเปล่า ฉันไม่ได้ทำอะไร คุณก็รู้ว่ามันเป็นอุบัติเหตุ”

“ผมไม่โง่พอที่จะเชื่อคำของคุณ เหมือนพ่อผม เหมือนพ่อตาผม เหมือนทนายนั่น หรือเหมือนไอ้หน้าโง่คนไหนทั้งนั้น เพราะผมรู้ดีว่าคุณมันแผนสูง คุณมันเก่งเรื่องมารยาสาไถจนผมเกือบจะหลงเชื่ออยู่แล้ว บอกผมมาสิ ว่าคุณไปทำอีท่าไหนทุกคนถึงได้เชื่อคุณนัก คุณลงทุนเอาตัวไปประเคนให้ถึงเตียง เหมือนที่ประเคนให้ไอ้ล่ำนั่นหรือเปล่า!!!”

“ฉันเปล่า คุณกำลังเข้าในฉันผิด”

“ใช่! ผมเข้าใจคุณผิด ผิดมาโดยตลอดที่คิดว่าคุณมันเป็นคนดี! คนซื่อ คนสะอาดบริสุทธิ์! แต่ตอนนี้ผมเข้าใจถูกต้องแล้ว ว่าคุณมันเลวยังไง! คดยังไง! สปรกแค่ไหน! ในตัวคุณมันเต็มไปด้วยคราบคาวของผู้ชายรวยๆ กี่สิบคนแล้ว หรือกี่เที่ยวแล้วล่ะ คุณถึงได้พ้นผิด คุณไปแบให้ตั้งแต่ร้อยเวรที่โรงพักยันไอ้ทนายมือหนึ่งนั่นเลยหรือเปล่า! พวกเขาถึงได้เชื่อ จนปล่อยให้คุณออกมายืนหน้าตาเฉยแบบนี้ได้ ทีนี้ก็ถึงเวลาที่คุณจะทำให้ผมเชื่อเหมือนคนพวกนั้นบ้างแล้วล่ะ”

“ไม่จริง! ฉันไม่เคยทำอะไร คุณกำลังเข้าใจผิดค่ะ ฉันไม่เคยทำแบบนั้น!”

“ผมไม่เชื่อ!!! หรือถ้าคุณอยากให้ผมเชื่อ ก็ให้ผมพิสูจน์สิ! ว่าคุณมันบริสุทธิ์จริง! อย่าดีแต่เสแสร้ง!” เขาเข้าไปจับสองไหล่เหวี่ยงไปหาเตียง

“โอ๊ย!!!”

จนร่างผอมๆ ร้องด้วยความจุก “คุณเจ็บเหรอ! แค่นี้มันยังน้อยไป! มันยังไม่สาสมที่คุณทำให้ผมเจ็บ! ต่อไปนี้คุณก็เชิญมีชีวิตอยู่ในขุมนรกกับผมก็แล้วกัน!”

ร่างเล็กๆ ถูกร่างใหญ่ๆ ล็อกไว้กับเตียงทันที ปากก็ร้องขอ อ้อนวอนต่อเขาทั้งน้ำตา “อย่า!!! ได้โปรด!!! อย่า!!!”

“นี่เป็นคือคำพิพากษาสูงสุดจากผมสำหรับผู้หญิงชั่วอย่างคุณ!!!”

“อย่า!!! ได้โปรดอย่าทำ...”

เรี่ยวแรงในกายที่เคยมีตอนนี้หดหายไปหมดแล้ว เมื่อถูกอีกกายตรึงไว้กับเตียงใหญ่ แล้วระดมจูบอย่างรุนแรง ไร้ซึ่งความปรานีใดๆ จนเดาได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเอง เมื่อเขายื่นความจำนงค์ให้รู้อย่างโจ่งแจ้ง

“อย่า!!! ได้โปรด!!! อย่าทำอย่างนี้กับฉัน!!!”

“อย่ามาขอชีวิตจากยมบาลอย่างผม! เพราะไม่มีทางที่ผมจะปล่อยให้คุณลอยนวลอยู่ได้โดยไม่ต้องชดใช้อะไรแน่!!! คุณต้องตาย! และต้องตายทั้งเป็นด้วย!!!”


ดลยา นิติพงษ์พาณิชย์ หรือ คุณย่า
สาวผู้เกิดมามีทุกอย่างพร้อมสรรพ ไม่ว่าจะเป็นรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ
และมีเป็นที่รักของผู้คนรอบข้าง เพราะเธอนั้นแสนดีจนเป็นที่เลื่องชื่อ
จนได้หัวใจของชลธิปไปครอบครอง


“มาแล้วตากล้องมือดีที่คุณย่าจองตัวไว้ เอ๋ยมารู้จักคุณย่าเร็วๆ เข้า”

พอไปถึงซุ้มเรือนไทยที่ใช้เป็นที่ตระเตรียมข้าวของ เจ้านายสาวก็รีบลากแขนให้เดินตรงไปหาว่าที่เจ้าสาวที่อยู่ในชุดขาวสะอาดตา สวยงามราวเทพธิดาจำแลงกายมาก็ไม่ปาน

“สวัสดีค่ะคุณเอ๋ย ได้เจอตัวกันสักทีนะคะ หลังจากที่คาดกันมาสองสามรอบแล้ว”

ดลยาเป็นฝ่ายเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสก่อน วริญรำไพที่ยกมือไหว้ดวงกมลแล้วถึงได้หันไปหาลูกค้าซุปเปอร์วีไอพี “สวัสดีค่ะคุณย่า ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ”

แล้วก็ยกมือไหว้ทักทายพร้อมส่งยิ้มบางๆ เพียงเล็กน้อยให้ตามสไตล์ที่ทุกคนมักจะคุ้นเคย “เช่นกันค่ะ ยังไงก็ต้องใช้ฝีมือถ่ายภาพย่าออกมาให้สวยที่สุดเลยนะคะ”

“ค่ะ งั้นเอ๋ยขอตัวไปเตรียมกล้องก่อนนะคะ”

ดลยาหันไปหาดวงกมลกับสุภาภรณ์แล้วยิ้มให้อย่างรู้กัน เพราะตอนที่แต่งตัวอยู่บนห้อง ทั้งสองบอกไว้แล้วว่าตากล้องสาวผมยาวถึงเอวเป็นคนพูดน้อย เก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยสังสรรหรือสุงสิงกับใครมากนอกจากจะเกี่ยวข้องกันในเนื้องาน


อติรัตน์ จิระธนานนท์
ผู้หญิงที่กุมชะตากรรมทุกคนไว้ในมือ
ผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว ไม่สนใจใครหรืออะไรทั้งสิ้น
นอกจากหน้าตาทางสังคม ความเหมาะสม และผลประโยชน์


“ไม่ต้องมาสำบัดสำนวนกับฉันให้มากความหรอก!! เท่าไหร่บอกมา!!!”

“ห้าล้านพอมั้ย!!!” อติรัตน์รีบยื่นข้อเสนอ

“ถ้าน้อยไปก็สิบล้าน!!! แล้วเธอก็ต้องปิดปากให้เงียบ!!! อย่าบอกเรื่องนี้กับใคร!!!”

“งั้นก็ยี่สิบล้าน! ค่าช่วยชีวิตลูกฉัน อีกสิบล้าน! สำหรับเธอที่ต้องปิดปากเงียบ อีกสิบล้าน! สำหรับการเดินไปจากชีวิตลูกฉันซะ และอีกสิบล้าน! สำหรับการไปแล้วไม่ต้องหวนกลับมาหาลูกฉันอีก ทั้งหมดห้าสิบล้าน!!! ฉันว่าเธอรวมคนทั้งเกาะหาไปตลอดชาติก็ไม่มีทางได้เห็นเงินก้อนนี้ด้วยซ้ำ”

“ว่าไง!! จะเอาหรือไม่เอา! อย่ามาลีลาเพื่อจะขึ้นค่าปิดปากนะฉันไม่ชอบ! หรืออยากได้เท่าไหร่ก็บอกมา! ฉันจะชดใช้ให้!!!”

“อย่ามาเล่นลิ้นกับฉันนะ! บอกมาอยากได้เท่าไหร่ฉันจะจ่าย!!!”

“อย่ามาตีฝีปากกับฉัน!!! เธออยากได้อะไรฉันจะชดใช้ให้!!!”

“บอกมาว่าต้องการเท่าไหร่! ฉันจะจ่ายให้!!! แล้วรีบไสหัวออกไปจากชีวิตพวกฉันสักที!!! ฉันเบื่อที่จะต้องตามแก้ปัญหาที่เธอคอยตามสร้างให้เต็มทีแล้ว!!!”

“ทำไมฉันต้องสนด้วย!!!”




==========================================================

สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย

หนึ่งคอมเม้นต์คือหนึ่งแรกผลักดันและกำลังใจของคนเขียนนะคะ
แต่ยินดีต้อนรับนักอ่านเงาทุกท่านค่ะ

นิยายของกันเกราเรื่องไหนที่ยังไม่ได้ทำสัญญากับ สนพ. ยินดีจะลงให้อ่านจนจบเรื่องค่ะ แต่ถ้าเรื่องไหนทำสัญญาแล้ว ขออนุญาตลงแค่ครึ่งเดียวนะคะ

ขอบคุณค่ะ สำหรับทุกๆ กำลังใจที่มีให้เรื่อยมา
ยิ้มมมมมมมมมมมมมมมมม


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ความหวังอันริบหรี่ ๑๐๐%

“เอ่อ! คุณมีพี่น้องที่เป็นผู้ชายบ้างหรือเปล่าคะ”

“ไม่ครับผมเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ ภาษาไทยเรียกว่าลูกโทนน่ะครับ”

“ฝาแฝดหรือญาติที่หน้าเหมือนหรือหน้าคล้ายๆ คุณก็ไม่มีเหรอคะ” อีกคนไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เลยย้ำถามอีก

“อื้มห์!”

เขายืนทำท่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นั่นทำเอาหัวใจดวงน้อยๆ ที่อยู่ข้างๆ เต้นแรงกว่าปกติขณะรอคำตอบ ที่อยากให้เป็นคำว่า ‘ใช่’ จนใจจะขาด

“แต่เท่าที่จำได้ไม่มีนะครับ” แต่คำตอบก็ทำให้ผิดหวังจนได้ แล้วคนข้างๆ ก็อธิบายให้ฟังด้วยน้ำเสียงเรียบนุ่มขณะเท้าก้าวเดินต่อ

“คุณปู่ผมก็เป็นลูกโทน คุณพ่อก็เป็นลูกโทน ผมเลยไม่ค่อยมีญาติพ่อน้องที่ไหนมาก แล้วคุณถามทำไมครับ” เพราะใจจดจ่ออยู่กับคำถาม วริญรำไพเลยไม่ได้ตอบ แต่ยิงคำถามต่อ

“แล้วตอนหนุ่มๆ อายุสักสิบเจ็บสิบแปดหรือสิบเก้าปี คุณอยู่ที่ไหนคะ เคยไปเที่ยวเกาะหรือทะเลทางใต้บ้างหรือเปล่าคะ”

“อื้มห์!”

อีกครั้งที่เขาต้องทำท่าทางแบบเมื่อกี้ไม่มีผิดเพี้ยน และคนข้างๆ ก็มีท่าทางไม่ต่างกันเลยสักนิด

“เท่าที่รู้ไม่นะครับ”

และคำตอบที่ได้ ก็ทำให้หัวใจห่อเหี่ยวลงอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังเดินไปพร้อมเขา ฟังเขาอธิบายอย่างเต็มอกเต็มใจอยู่ดี

“ผมถูกส่งไปเรียนที่อังกฤษตั้งแต่จบประถม มีเบรคก่อนเข้าฮาร์เวิร์ดไปปีหนึ่ง ตอนผมไปเป็นวาเลนเทียปนเที่ยวที่อาฟริกาใต้น่ะครับ ว่าแต่คุณยังไม่ตอบผมเลยว่าถามผมทำไมครับ”

+++++++++++++++

“แล้วช่วงนั้นคุณเคยประสบอุบัติเหตุร้ายแรง จนจำอะไรไม่ได้บ้างหรือเปล่าคะ”

นอกจากจะไม่ตอบคำที่เขาย้ำถามแล้ว วริญรำไพยังยิงคำถามที่เขาไม่คาดคิดว่าจะได้ยินขึ้นมาอีก ทำเอาเขาหยุดเดินแล้วหันไปมองด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มทันที

“นอกจากคุณอยากจะรู้ว่าผมมีพี่น้องหรือฝาแฝดที่ผมเองก็อยากมีแล้ว คุณยังอยากจะให้ผมโชคร้ายถึงกับเลือดตกยางออกหรือถึงกับความจำเสื่อมเลยเหรอครับ ทำไมคุณใจร้ายจัง ผมควรจะเดินเล่นกับคุณหรือควรจะรีบหนีกลับห้องพักกันดีนะ”

วริญรำไพยิ้มกว้างออกมาด้วยความขำเมื่อเห็นสีหน้าเขาในแสงสลัว กับน้ำเสียงที่บอกได้ว่าไม่จริงจังกับคำพูดตัวเองนัก “เปล่าค่ะ ฉันแค่อยากจะรู้เท่านั้น”

“งั้นคำตอบก็คือ ‘โน’ นะครับ”

แล้วเขาก็หยุดเดินแล้วหันมองซ้ายขวาด้วยความสงสัย ก่อนหันไปหาคนข้างๆ เพื่อขอความเห็น

“ว่าแต่เราเดินมาถึงที่ไหนแล้วล่ะ ผมชักจะเหนื่อยแล้ว ข้าวเย็นก็ยังไม่ได้กิน พอเครื่องแลนดิ้งได้ ผมก็ตรงมานี่ แล้วก็ส่งข้อความหาคุณเลย คุณล่ะกินอะไรหรือยัง”


วริญรำไพหยุดยืนแล้วมองร่างสูงๆ ของเขาหันซ้ายแลขวาหาพิกัด ปากก็บอกยืดยาวชนิดที่ไม่เคยได้ยินเขาพูดยาวเท่านี้นมาก่อน

+++++++++++++++



“เรียบร้อยแล้วค่ะ งั้นเรากลับดีกว่านะคะ ฉันก็ชักจะเหนื่อยแล้วล่ะค่ะ และเราก็เดินมาไกลเหมือนกัน”

“โอเคครับ กลับก็กลับ ว่าแต่คุณเดินไหวหรือเปล่าครับ”

“ไหวค่ะ” แต่คนตอบมีอาการหอบน้อยๆ

“แน่ใจนะครับ เพราะถ้าไม่ไหวคุณขี่หลังผมได้นะ ถ้าไม่ถืออะไร ไว้ใกล้ๆ ถึงโรงแรมแล้วคุณค่อยลงก็ได้”

“...”

‘ตึก! ตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!! ตึกตัก!!! ตึกตัก!!!! ตึกตัก!!!!!’

อีกครั้งที่เสียงและจังหวะของหัวใจที่บาดเจ็บมาสิบสองปีเต็มๆ เต้นอย่างรุนแรงแทบจะหลุดออกมานอกอก เมื่อได้ยินประโยคอันแสนจะคุ้นหูของพี่หินในเย็นวันนั้น

“ผมพูดเล่นน่ะครับ”

และเมื่อได้ยินน้ำเสียงนุ่มทุ้มกับรอยยิ้มจากเขา เลยเรียกสติสตังให้กลับคืนมา ขาก็ค่อยๆ ก้าวต่อ “งานวันนี้ไปถึงไหนแล้วครับ พรุ่งนี้จะทำอะไรต่อ...”

ขากลับแทบไม่มีเรื่องส่วนตัวปะปนอยู่ในหัวข้อสนทนาเลยนอกจากเรื่องงานเท่านั้น “ก้าวระวังๆ นะครับบันไดเปื้อนทรายเดี๋ยวจะลื่น”

พอใกล้ถึงบันไดชลธิปก็เตือนด้วยความเป็นห่วง เพราะคู่หมั้นเคยลื่นมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่วริญรำไพกลับหันไปยิ้มให้เขาเป็นเชิงไม่เชื่อ เพราะอยู่กับหาดชายมาตั้งแต่เกิดแล้ว แต่ก็ไม่อยากทำให้เขาเสียน้ำใจเลย

+++++++++++++++

“ค่ะ” ตอบรับแค่นี้เท่านั้น

“อุ๊ย!!!”

แล้วตามด้วยคำอุทานออกมา เมื่อก้าวขาพลาดจนเสียหลักเกือบจะหงายหลังไปหาชายหาด หากไม่มีแผงอกกว้างกับสองวงแขนแข็งแรงรีบเข้ามารับไว้

“เมื่อกี้ผมเตือนคุณแล้วนะครับ”

ใบหน้าหล่อเหลาส่งยิ้มมาหาใบหน้ารูปไข่ที่อยู่ใกล้ไม่ถึงคืบ สองลมหายใจเป่ารดกันไม่มาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่วริญรำไพจะรีบตั้งหลักแล้วยืนด้วยตัวเองอย่างมั่นคงได้

“เอ่อ! ฉันขอตัวขึ้นห้องก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์ค่ะ”

แล้วก็รีบวิ่งหนีไปจากวงแขนของเขาอย่างรวดเร็ว และไม่คิดจะหันมามองใบหน้าหล่อเหลาที่กำลังยิ้มตามอย่างเป็นสุขใจ แม้จะเสียดายเวลาที่ได้อยู่ด้วยกันอีกสักพักก็ตามที

แต่แค่นี้ก็เพียงพอสำหรับวันนี้แล้ว ส่วนวันใหม่เขาบอกกับตัวเองว่าจะพยายามหาโอกาสอยู่ใกล้ๆ เธอให้จงได้ เพราะยังอยากได้คำตอบว่าทำไมหัวใจถึงร่ำร้องแต่อยากมีเธออยู่ข้างกายนัก



แต่เพราะงานยุ่ง แถมยังต้องบินไปสวิตเซอร์แลนด์เพื่อประชุมอีก ทำให้โอกาสที่เขาวาดหวังไว้ต้องจบสิ้นลงแทบจะทันที

‘ผมมีงานด่วนต้องบินไปสวิตฯ จะพยายามกลับมาให้ทันวันที่งานคุณเสร็จ’

‘แล้วเจอกันครับ/ร๊อก’

ก็ยังดีที่ระหว่างไปสนามบินเขามีเวลาได้ส่งข้อความไปบอกกล่าวให้เธอเข้าใจ และไม่กี่วินาทีใบหน้าหล่อเหลาก็ได้ยิ้มกว้างออกมากับคำตอบของเธอที่ส่งมาให้เพียงแค่คำว่า

‘ค่ะ’


เท่านั้น อีกครั้งที่เขาอดเปรียบเทียบกับคู่หมั้นไม่ได้ เพราะคงจะต้องมีคำถามยืดยาวตามมาอีกเป็นชุด เช่นไปทำอะไร กับใคร อยู่นานแค่ไหน จะกลับเมื่อไหร่

+++++++++++++++

แม้จะหลีกเลี่ยงการสื่อสารจากคุยเป็นข้อความแล้ว แต่เขาก็ยังต้องเสียเวลานั่งตอบยาวยืดอยู่ดี แม้เบื่อบ้างในบางครั้งเพราะเหนื่อยกับงานจนไม่อยากทำอะไรก็ตามที

‘แค่นั้นเหรอครับ’

แต่กับคนนี้ทำไมเขาไม่รู้สึกเบื่อ หรือเหนื่อยเลย จึงตอบกลับไปทั้งรอยยิ้ม ไม่นานก็ได้ยิ้มกว้างออกมาอีกคนคนขับแปลกใจในอาการเจ้านาย

‘เดินทางปลอดภัยนะคะ’

เมื่อคำตอบที่ได้มันออกจะธรรมดาเหลือเกิน มือที่ใช้แป้นพิมพ์คล่องแคล่วรีบพิมพ์ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

‘ขอบคุณครับ อยากได้ของฝากอะไรหรือเปล่าครับ’

‘ไม่ค่ะขอบคุณค่ะ’

‘ไม่มีอะไรอยากได้เลยเหรอครับ’

‘อืม! ไม่ดีกว่าค่ะ ขออนุญาตทำงานนะคะน้องๆ รออยู่ค่ะ’

เขาอดยิ้มออกมาอีกไม่ได้ เมื่อวาดภาพเจ้าของข้อความที่กำลังอยู่ท่ามกลางกล้องถ่ายรูป กล้องวีดีโอ สายไฟระโยงระเยง น้องๆ ทีมงานรอบกาย กับการถ่ายทำพรีเซนเทชั่นให้ออกมาดีตามที่เขาต้องการ

‘ครับ แล้วเจอกัน/ร๊อก’


เลยไม่อยากจะกวนเวลาทำงานนัก อีกทั้งตัวเองก็ต้องลงจากรถแล้ว เมื่อไก่อ้อมมาเปิดประตูพร้อมยกกระเป๋าใส่รถเข็นให้เรียบร้อย ก่อนจะรีบวิ่งไปขับรถออกไปเมื่อถูกเป่านกหวีดไล่กรายๆ

+++++++++++++++

“อ๋อ! ได้ค่ะคุณรัตน์ งั้นใกล้เที่ยงเจอกันนะคะ สวัสดีค่ะ”

ดลพรวางสายแล้วก็หันไปหาลูกๆ กับสามีที่กำลังเดินลงมาบันไดแล้วตรงไปยังโต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่สนามหน้าบ้านในยามเช้าที่อากาศปลอดโปร่งโล่งสบาย และทุกคนได้หยุดงานพร้อมหน้ากัน

“ทำไมย่าไม่ตามพ่อร๊อกไปสวิตล่ะลูก”

คำถามของแม่ที่เดินตามมา ทำเอาทุกคนหันมองแทบจะพร้อมกัน “ร๊อกไปตั้งแต่เมื่อไหร่คะคุณแม่” ดลยาถามเสียงอ่อยกว่าปกตินิดเดียว

“ออกบ้านไปเมื่อตะกี้ เห็นคุณรัตน์ว่างั้นนะอย่าบอกนะว่าลูกไม่รู้”

แต่ก็ยังปิดผู้แม่ไม่ได้อยู่ดี เพราะเรื่องการจับผิดคนนี่ต้องยกนิ้วให้ “ย่าหมายถึงเดินทางกี่โมงน่ะค่ะคุณแม่ ส่วนเรื่องไปน่ะ ร๊อกโทรบอกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วล่ะค่ะ แต่ย่าไปด้วยไม่ได้”

และหวังว่าคำโกหกนี้จะปิดบังแม่ได้ แม้จะอดน้อยอกน้อยใจไม่ได้ที่คู่หมั้นดูเหมือนจะไม่ให้ความสำคัญอะไร จะไปไหนจะมาไหนก็ไม่บอกกล่าว

“ติดอะไรนักหนาล่ะเราน่ะ โรงแรมก็ของเราเอง จะไปไหนมาไหนใครจะมาว่าอะไร ทำเป็นปล่อยไปเหอะ ตาร๊อกดอดไปหาสาวอื่นจนไม่ได้แต่งกันแม่จะหัวเราะให้ดู”

“คุณนี่! พูดอะไรไม่เป็นมงคลแต่เช้าเลย กินข้าวดีกว่าจะได้รีบไปวัดกัน”


เลยถูกสามีเตือนน้อยๆ “พี่ย่าจะไปให้ช่างลองแต่หน้าทำผมเมื่อไหร่คะ” ดลชาเห็นแม่หน้าบึ้งน้อยๆ เลยรีบหันไปหาพี่ขณะตักผัดผักใส่ชามข้าวต้ม

+++++++++++++++

“อืม! ก็เสร็จจากไปทำสังฆทานแล้วพี่ก็ว่าจะแยกไปเลยจ้ะ ช่ามีอะไรเหรอ”

“ช่าอยากไปด้วยน่ะสิคะ เพื่อนเจ้าสาวก็อยากสวยเหมือนกันนะ อีกอย่างช่าจะได้ดูๆ ไว้ เผื่องานของตัวเองจะได้รู้ว่าต้องทำอะไรบ้างไง”

“หาแฟนให้มันได้ก่อนเถอะเราน่ะ”

ผู้แม่เลยเหน็บด้วยสายตาเอ็นดูยิ่งให้ “อ้าว! ทำไมจะต้องหาด้วยล่ะคะ อีกหน่อยคุณแม่ก็จะพามาให้ช่ารู้จักถึงบ้านเลย ช่าก็จะคอยเลือกอย่างสบายๆ ไม่ต้องเสียเวลาหาเอง”

คำน้องทำเอาผู้พี่อดคิดถึงการได้คู่ครองของตัวเองไม่ได้จริงๆ เพราะแทบไม่ได้เสียเวลาหา แต่ว่าที่เจ้าบ่าวก็เข้ามาใกล้ตัวเอง โดยการชักจูงของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายที่ต่างเห็นพ้องต้องกัน

ส่วนตัวเองก็ดันเห็นดีไปด้วย ในเมื่อมีชายหนุ่มรูปงาม นามเพราะ นิสัยดีมีมารยาท เข้ากันได้ดีไปเกือบทุกเรื่อง ฐานะทางบ้านมั่นคงจะชนิดกินไปตลอดชีวิตก็ไม่มีหมด

‘ความรัก’

แต่ดลยาก็รู้ว่าเขาขาดตรงนี้ หรือถ้ามีก็ยังมีให้กับคนที่เขาจะแต่งงานไม่มากพอ ทว่าก็ไม่เคยเห็นเขามีเรื่องสาวไหนมาให้เดือดเนื้อร้อนใจนับตั้งแต่คบหากันมาสองปี


และตัวเองก็ไม่เคยต้องเก็บเรื่องนี้มาขบคิด ในเมื่อเขาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว จะไปไหนมาไหนก็ไม่ค่อยบอกกล่าวหากตัวเองไม่เป็นคนโทรไปหาแล้วเขาบอกออกมาตามปกติ

++++++++++++

“แล้วที่แม่หาให้พี่เราน่ะ ดีมั้ยล่ะ เพอร์เฟคมั้ยล่ะ ผู้ชายที่สมบูรณ์แบบทุกอย่างทุกด้านและเข้ากับพี่เราได้ดีอย่างตาร๊อกน่ะ หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหามุทรอีกนะจะบอกให้”

คำนี้ของแม่โดนใจไม่น้อย “ถ้าช่าอยากไปด้วยก็ได้นะ ดีอีกพี่จะได้มีคนคอยช่วยออกความคิดเห็นไง เราทำบุญที่วัดเสร็จก็แยกคุณพ่อคุณแม่เลยนะ เอารถไปสองคันเลย”

“พ่อให้คนไปส่งก็ได้ลูก จะได้ไปด้วยกัน พ่อกับแม่ไม่รีบไปไหน ส่งลูกเสร็จแล้วจะไปหาอะไรกิน พาแม่เราช้อปปิ้ง พอลูกเสร็จพ่อจะวกไปรับเอง”

เพราะวันหยุดสมาชิกในบ้านมักจะไปไหนมาไหนด้วยรถตู้เพียงคันเดียว กิจกรรมที่ทำนั้นก็มีไม่กี่อย่าง ไม่ไปทำบุญที่วัดก็ไปเลี้ยงอาหารเด็กพิการ หรือคนชราเท่านั้น

พอเสร็จก็จะเที่ยวไปเรื่อยๆ อยากกินอะไรก็แวะกินไปเรื่อยๆ ก่อนจะกลับเข้าบ้าน เพราะนพดลเป็นคนให้ความสำคัญกับครอบครัวมาก ไม่นอกลู่นอกทางกับหญิงไหนให้เมียต้องเดือดเนื้อร้อนใจ

แม้ฐานะอย่างเขาจะมีเมียน้อยเป็นร้อยก็ยังได้ แต่ความที่เป็นคนอยู่ในศีลในธรรม รักเดียวใจเดียวแม้เมียจะจู้จี้ขี้บ่น ขี้งอน ขี้น้อยใจ แต่ความสวยของเมียก็ไม่เคยทำให้เบื่อเลย

“วันนี้คุณรัตน์จะไปกับเราด้วยนะคะคุณ เห็นว่าคุณทีไปตีกอล์ฟกับลูกค้า เย็นๆ จะกลับ พรสงสารที่แกท่าทางจะเหงาเลยชวนมาด้วยค่ะ”


“ก็ดีนี่คุณ แกจะได้ไปทำบุญกับเราบ้าง”

+++++++++++++

เพราะตั้งแต่รู้จักกันมา อติรัตน์ก็มักจะไปไหนด้วยบ่อยครั้ง ซึ่งนพดลเห็นเป็นเรื่องดีที่จะได้พาไปทำบุญด้วย เพราะเท่าที่สังเกตบ้านนั้นคงไม่ค่อยได้เข้าวัดกันสักเท่าไหร่

“ถ้าย่ากับน้องเสร็จช้าล่ะคะคุณพ่อ จะรอไหวเหรอคะ” ดลยาอดเป็นห่วงไม่ได้ ถ้ามีว่าที่แม่สามีตามไปด้วย เพราะกลัวจะต้องมานั่งรอเสียเวลา

“โอ๊ย! สองสาวนี้น่ะพ่อจัดการไม่ยากหรอก เอาไปปล่อยเข้าห้างเท่านั้น เราสองคนจะต้องมานั่งรอซะอีก”

นพดลยกกาแฟขึ้นจิบด้วยท่าทียิ้มน้อยๆ ที่ได้แหย่เมียให้ชีวิตของเช้าวันใหม่สดใสขึ้นมาอีก “งั้นวันนี้แม่จะช้อปจนพ่อเรากระเป๋าแฟ้บเลย อยากมาว่าดีนัก”

ดลยาหันไปหาน้องแล้วยิ้มออกมาด้วยความขำ ที่ไม่ว่าจะนานแค่ไหน พ่อกับแม่ก็มักจะแหย่เย้ากันเป็นสีสันให้บ้านทุกวันไป จนอดสงสัยไม่ได้

ว่าถ้าตัวเองแต่งงานไปแล้ว จะมีชีวิตครอบครัวอิ่มสุขเหมือนบ้านตัวเองบ้างไหม สามีจะขี้เล่นเหมือนพ่อบ้างไหม จะรักเมียสุดหัวใจอย่างพ่อบ้างไหม คำถามนี้ยังคงติดอยู่ในใจเรื่อยมากระทั่งวินาทีนี้



วริญรำไพที่แม้กำลังจะยุ่งงาน แต่ก็มีเวลามาอ่านข้อความสุดท้ายได้อยู่ดี ใบหน้ารูปไข่ยิ้มน้อยๆ ออกมา แม้จะยังไม่มั่นใจหรือไม่อยากมั่นใจว่าเขาเป็นใครกันแน่ระหว่าง

‘ชลธิป จิระธนานนท์ กับพี่หินที่แสนดี’

แต่ตอนนี้ดูเหมือนความทุกข์ในหัวใจพอจะทุเลาเบาบางลงบ้าง แม้เพียงน้อยนิด ในตอนที่อยากจะหลอกตัวเองว่าเขาคือพี่หินเท่านั้นก็ตามที

“พี่เอ๋ยพร้อมแล้วค่ะ”

วริญรำไพต้องรีบยัดมือถือเข้าไปไว้ในกระเป๋าสะพายหนังอย่างดี และเป็นใบเดียวที่ใช้มาตลอดสามปี เพราะนี่เป็นของขวัญของ ‘พี่ใหญ่’ ที่ตั้งใจซื้อให้น้อง

“จ้ะ”

ก่อนจะหันไปยิ้มให้น้องกับทีมงาน แล้วทุ่มเทเวลาเกือบทั้งหมดให้กับงานอย่างเต็มที่เพื่อหมายจะปิดงานให้ทันตามกำหนด

แต่ฝนฟ้าก็ไม่เห็นใจ ตกลงมาอย่างหนักในสายๆ ของวันสุดท้ายที่การถ่ายทำยังเริ่มได้ไม่เท่าไหร่ วริญรำไพเลยต้องหยุดไว้ แล้วพาน้องๆ ทีมงานตัดต่อและเลือกภาพในห้องประชุมแทน

เพื่อรอฝนให้หยุดตก แต่กว่าจะหยุดได้ก็เย็นย่ำแล้ว ทุกคนเลยต้องพักอีกคืนเพื่อรอถ่ายต่อพรุ่งนี้อีกวัน

“เจอกันพรุ่งนี้ค่ะพี่เอ๋ย”

น้องๆ ที่อิ่มท้องด้วยอาหารอันเลิศรสแล้ว เข้ามาโบกมือลาวริญรำไพกับสุภาภรณ์ที่มาดูงานและกินข้าวด้วยกันก่อนกลับ

“หวังว่าพรุ่งนี้คงจะไม่ตกมาอีกนะ เบื่อจริงๆ ฝนไม่เป็นใจพวกนี้”


วริญรำไพแค่ยิ้มให้เจ้านายทีออกอาการเซ็งนิดๆ ผิดหวังหน่อยๆ เพราะต้องสับคิวงานอีกยกเมื่องานล่าช้าไปเพียงแค่วันเดียว





กันเกรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ก.ย. 2558, 08:45:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ก.ย. 2558, 08:45:26 น.

จำนวนการเข้าชม : 1119





<< แผนเพื่อให้ได้ใกล้ชิด ๑๐๐%   จุมพิตอันหวานล้ำ ๑๐๐% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account