ความลับ (ที่) ซ่อนเร้น .. หรือจะเป็น ความรัก!(?)
คำถาม .. ที่มีคำตอบ
แต่คำตอบ .. กลับยังคงมากมายด้วยคำถาม

เพราะนิยามในคำหนึ่งคำนั้น
แฝงเร้นซุกซ่อนไว้ซึ่งความลึกลับ
ความซับซ้อนชวนสับสน รอยยิ้มปนเปื้อนคราบน้ำตา
เล่ห์เสน่หาหวานล้ำ และพร้อมจะนำความเจ็บปวดมาให้ .. ได้ทุกเวลา

.. หากว่ามันคือ ความรักที่มากล้น จนกลายเป็น .. ความลับ ! ..
Tags: ความรัก ความลับ

ตอน: บทที่ ๒๕ .. สิ่งที่คั่งค้าง



วิชชุ์วิธูตื่นเช้าตามความเคยชิน พอๆกับการที่ต้องเดินเข้าครัวเป็นอันดับแรก เพื่อเตรียมอาหารเช้าแบบง่ายๆ สำหรับสมาชิกทุกคนในบ้านหลังนี้

ชายหนุ่มใส่ขนมปังในเครื่องปิ้งหลังจัดการต้มน้ำร้อน กาแฟสำเร็จรูปชนิดชงคือทางเลือกแสนสะดวก ที่รอแค่น้ำเดือดในไม่กี่นาที พลางนึกถึงถึงเรื่องราวชุลมุนวุ่นวาย ที่เกิดขึ้นหลังจากผ่านมาได้ไม่ถึง ๒๔ ชั่วโมง ทั้งที่เมื่อวานน่าจะเป็นวันแห่งความสุขของครอบครัว แต่กลับแทนที่ด้วยเหตุการณ์อันน่าจบจำ ที่ดูแล้วคงไม่มีใครประทับใจกับมันนัก

นอกจาก ... บางช่วง บางเวลา กับใครบางคน

วิชชุ์วิธูระบายยิ้มบางๆกับเครื่องดื่มรับอรุณที่ชงสำหรับตัวเอง เขาใช้ช้อนคนช้าๆก่อนวางลงบนจานรอง แล้วยกถ้วยกาแฟสีเข้มไร้น้ำตาลและครีมขึ้นจิบ แม้จะไม่ร้อนจัดหากรสชาติก็ออกจะขมปร่า ในสัมผัสแรกที่ปลายลิ้น แต่ไม่นานความหวานก็ค่อยแทรกผสานมากับความหอมละมุน จนไม่รู้สึกว่ากาแฟถ้วยนี้ขมอีกต่อไป

อาจจะเป็นเพราะสิ่งที่เขากำลังนึกถึง ... มันหวานพอที่จะเจือจานกันได้ในยามนี้ จึงทำให้รู้สึกสดชื่นมีชีวิตชีวา

องก์อัมพุท มีหลายอย่างให้วิชชุ์วิธูประหลาดใจได้เสมอ ... นับแต่ครั้งแรกที่ได้พบกัน

อดีตอาจารย์บรรณารักษ์อย่างเขา จึงไม่แปลกใจตัวเองเลยว่า เหตุใดจึงสามารถจดจำอดีตลูกศิษย์คนนี้ได้ ไม่ว่าเวลาจะผ่านมานานนับ ๑๐ ปี ก็เพราะความพิเศษไม่เหมือนใครขององก์อัมพุทเอง

ทว่า บางอย่างก็เป็นมุมมองใหม่ที่วิชชุ์วิธูเพิ่งเคยเห็น ... ได้รู้ว่า องก์อัมพุทมีพี่ชายที่มุทะลุ ใจร้อน แต่จริงจัง

และยังได้รู้ว่า องก์อัมพุทเอง ... ก็แทบไม่ต่างไปจากพี่ชายของเธอ แต่อาจจะเพราะความเป็นผู้หญิง จึงละเอียดอ่อนและอ่อนไหวทางอารมณ์มากกว่า

แม้ชายหนุ่มจะได้เห็นความเกรี้ยวกราด และท่าทีอื่นๆที่เธอแสดงออก อย่างคนไม่สามารถควบคุมความรู้สึกได้ แต่เขาเชื่อว่า นั่นมาจากความรัก ความผูกพันจนเกิดเป็นความไว้เนื้อเชื่อใจ ซึ่งเมื่อพบกับความจริงที่ผิดไปจากนั้น ย่อมผิดหวังเสียใจเป็นธรรมดา

ความคิดของวิชชุ์วิธูถูกขัดจังหวะเมื่อเครื่องปิ้งขนมปังดีดตัว จากแผ่นแป้งสาลีนุ่มฟูสีขาวก็เปลี่ยนเป็นสีเหลืองแกมน้ำตาล โผล่พ้นขอบเครื่องมาครึ่งแผ่นรอให้เขาหยิบมันวางลงบนจาน แล้วเริ่มต้นใหม่อีกครั้งจนกว่าจะครบจำนวนที่ต้องการ

"ทำอะไรน่ะวิชชุ์ ... อ่อ งั้นพ่อขอกาแฟสักถ้วย ขนมปังสักแผ่นนะ"

ชายหนุ่มเหลียวหลังได้แค่ชำเลืองมอง เพราะช้ากว่าพฤหัสที่เดินมาหยุดยืนด้านข้าง หยุดดูครู่เดียวว่าบุตรชายกำลังทำอะไร เห็นแล้วจึงเอ่ยปากบอกไปตามนั้น ก่อนหันกลับก้าวพ้นห้องครัวไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่น

วิชชุ์วิธูยุติเรื่องของตนไว้เท่านั้น ขณะลงมือจัดกาแฟพร้อมขนมปังปิ้ง เขามีเรื่องที่จะคุยกับพฤหัส เกี่ยวกับอุบัติเหตุของตรีวธู ซึ่งอาจจะพาดพิงไปถึงปารตีและรวิรุจน์ ผู้อยู่ในเหตุการณ์วานนี้ด้วย





เมฆพัดเดินเรื่อยเปื่อยจากบริษัทรุ่งเรืองทรัพย์ค้าปลีกมาได้ไม่ไกล ก็มาถึงป้ายรถโดยสารประจำทาง ชายหนุ่มสบายใจไปเปลาะหนึ่งว่า องก์อัมพุทไม่ได้โกรธเขามากจนไม่ยอมพูดจา แถมยังดูเป็นห่วงเรื่องเภตราที่มีว่าที่คู่หมายรอท่าอยู่ หลังการ 'เปิดตัว' แบบไม่มีใครคาดคิด เพราะอิทธิฤทธิ์ลมเพชรหึงของเขาเอง

ถึงจะดูเป็นการแสดงออกแบบไม่เต็มใจ แต่คนเป็นพี่ชายมีหรือจะอ่านใจน้องสาวไม่ได้ ... ว่าองก์อัมพุทแค่น้อยใจที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวความสัมพันธ์ระหว่างพี่ชายกับเพื่อนรักของตัวเอง ... ก็เท่านั้น

นักวิจัยหนุ่มยิ้มกริ่มเมื่อนึกถึง 'เมีย' โดยพฤตินัย กับอิริยาบถที่ได้เห็นยามโอภาปราศรัยกับละอองชล ซึ่งมารดาของเขาก็ดูจะเอื้อเอ็นดูเภตราไม่น้อย และเภตราเองก็ให้ความเคารพอ่อนน้อมกับผู้สูงวัยกว่าได้อย่างน่ารัก

ปัญหาแม่ผัวกับลูกสะใภ้แบบในละครหลังข่าว คงไม่เกิดขึ้นในบ้านของเขาให้ใครต้องลำบากใจ

แต่ว่า เรื่องแม่ยายกับลูกเขยนี่สิ ... ที่ทำให้เมฆพัดต้องกลับมาคิดอย่างจริงจังบ้างแล้ว

ว่าที่คู่หมายของเมียเขาเป็นใครกัน ดูทีว่า แม่ของเภตราเองก็ออกโรงหนุนสุดตัว ในการหาผู้ชายให้ลูกสาวเสียด้วย

วันนี้เขาคงต้องคุยกับเภตราให้รู้เรื่อง ... ใครจะยอมเสียเมียให้คนอื่น ฝันไปเถอะ!

ขณะที่เมฆพัดกำลังคิดเรื่องนั้นเรื่องนี้อยู่ เขาก็เหลือบไปเห็นรถยนต์คันหนึ่งจอดเทียบฟุตปาธห่างจากป้ายไม่ไกล แต่เขาไม่ได้สนใจมากนัก เพราะใจกำลังรอรถโดยสารที่จะพาเขาไปหาเภตราได้มากกว่า

ชายหนุ่มยกข้อมือขวาที่ผูกนาฬิกาขึ้นมาดู เวลากับสภาพการจราจรสัมพันธ์กันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในช่วง ๘ โมงเช้าคือเวลาเร่งด่วนของคนทำงานในเมืองหลวงจริงๆ

เมฆพัดกอดอกมองรถโดยสารคันหนึ่งที่แออัดไปด้วยผู้คน เขาโชคดีแค่ไหนที่ไม่ต้องทำงานตามเวลาแบบนั้น

"คุณพัด"

ชื่อของเขาที่ถูกเรียกจากผู้หญิง ทำให้ต้องละจากอิริยาบถเดิม เหลียวมองหาต้นเสียงที่คล้ายจะคุ้นเคย

"คุณพัด ... ทางนี้ค่ะ อัญเอง"

ช่ออัญชันเอ่ยทักอย่างคนที่รู้จักมักคุ้น เหมือนกับว่า ไม่เคยมีเรื่องผิดพ้องหมองใจแต่อย่างใด

"คุณอัญ ... มาได้ยังไง"

"แหม เรียกซะเหินห่างเชียว ... หรือเพราะเกรงใจแฟนใหม่คะ"

ใครจะรู้ว่า ภาพชายหนุ่มที่ถูกหญิงสาวกระเง้ากระงอดตรงลานจอดรถ ยังติดตาและฉายชัดเป็นภาพจำในความคิดของช่ออัญชัน แต่ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มที่เธออ้างถึงจึงไม่ได้ทำให้ดูผิดปกติแต่อย่างได้ หากยังสามารถทบทวนอดีตแบบไม่จำเพาะแก่คนฟังได้แนบเนียน

เมฆพัดยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยสะดุดหูสะดุดใจกับความหมายของหญิงสาว คนที่เขาเคยคบหาอยู่ช่วงหนึ่ง และคิดว่าถ้าไปกันได้ดีก็อาจทำให้เขาลืมใครอีกคนได้

แต่สุดท้ายมันก็ไม่เป็นเช่นนั้น ...

"แปลกใจน่ะ ที่เห็นคุณแถวนี้"

"อ๋อ อัญมาหาเพื่อนค่ะ กำลังจะกลับโคราช แต่เห็น ... พัด ก่อน เลยรีบจอดรถลงมา กลัวว่าคุณจะขึ้นรถเมล์คันเมื่อกี้ไปแล้ว"

ชายหนุ่มเลิกคิ้วสื่อความรู้สึกตามที่พูด กับความเป็นกันเองที่ครั้งหนึ่งพวกเขาเคยมีแก่กัน จนหญิงสาวที่เป็นอดีตถึงกับหัวเราะเบาๆ ก่อนจะถามต่อเพื่อชวนคุย

"ว่าแต่ พัดจะไปไหนคะ ให้อัญไปส่งมั้ย ... ดีกว่าเสียเวลารอตรงนี้นะคะ ... ออ ไม่ต้องเกรงใจค่ะ อัญว่างทั้งวัน"

"ไม่ดีมั้งครับ ..."

เมฆพัดออกตัวเพราะไม่ต้องการรบกวนช่ออัญชัน แต่ไม่นานก็สู้แรงคะยั้นคะยอของหญิงสาวไม่ไหว อีกทั้งคนที่รอรถร่วมป้ายก็เริ่มมองพวกเขาเป็นตาเดียว จนในที่สุดต้องยอมแพ้กับคำพูดเชิงกระซิบที่ว่า

"พัด ... อัญว่า เราไปกันก่อนมั้ย คนเริ่มมองเราแล้ว ไว้ค่อยไปคุยกันที่ดีกว่า ... นะคะ"

"เอ่อ ..."

แม้ไม่เต็มใจนักแต่การปฏิเสธน้ำใจของเขา อาจทำให้ช่ออัญชันถูกมองไม่ดีไปด้วย เขาจึงยอมเดินตามหญิงสาวไปยังรถของเธอ

"เอาล่ะค่ะ ... ในฐานะคนคุ้นเคย วันนี้อัญจะเป็นสารถีให้พัด ไปไหนไปกันค่ะ"

"ส่งผมที่ท่ารถก็พอ ..."

เมฆพัดอึดอัดใจพอดูกับ 'อดีตคนคุ้นเคย' ถึงว่าจะผ่านตาและพบปะกันบ้าง แต่ก็เป็นงานสัมมนาที่ต่างฝ่ายต่างเป็นตัวแทน ไม่ใช่ส่วนตัวเหมือนในตอนนี้ และที่อยากจะบอกคือ มันไม่เหมาะสมที่เขาจะอยู่ตามลำพังกับผู้หญิงคนอื่น

และช่ออัญชันก็เปรยมาได้ตรงใจเสียด้วย

"ท่าทางจะเกรงใจแฟนนะคะ ถึงกับไม่กล้าไปไหนกับใคร"

"ก็ ... ถ้าเป็นอย่างนั้น คงต้องนึกถึงใจเขาใจเรา เป็นธรรมดา"

"ยอมรับแล้วว่ามีแฟน ... อัญกลายเป็นแฟนเก่าเต็มตัวไปแล้วเหรอเนี่ย"

ชายหนุ่มงุนงงกับท่าทีและคำพูดตรงไปตรงมาของเธอ เขาดูไม่ออกเลยว่า ช่ออัญชันจะรื้อฟื้นเรื่องราวเหล่านั้นขึ้นมาทำไม ทั้งๆที่วันที่จากกัน เธอแทบไม่ได้ดูดำดูดีเขาเลยแม้แต่น้อย

"แต่ ... เธอคนนั้นก็น่ารักนะคะ ... ได้เห็นชัดๆก็คราวนี้"

"ใครกัน ..."

หนุ่มนักวิจัยถึงกับหันมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนถาม ไม่เข้าใจจริงๆว่าช่ออัญชันกำลังพูดถึงใครกันแน่

"อ้าว ... ก็แฟนพัด ... อัญเห็นนะ ที่ลานจอดรถเมื่อเช้า ท่าทางกำลังงอนกันอยู่ด้วย"

"ที่ลานจอด? เมื่อเช้า ..."

สถานที่และเวลาถูกทวนคำย้ำความทรงจำ ก่อนที่เขาจะยิ้มกว้างกับความเข้าใจผิดของหญิงสาว แน่นอนว่า เขาจะไม่ปล่อยให้เธอเข้าใจแบบนั้นอีกนานแม้วินาทีเดียว

"โธ่ อัญ ... นั่นน้องสาวผม ... แต่ก็มีส่วนถูกนะว่า ยัยพุดกำลังงอนผมจริงๆ"

"น้องสาว ? ... ไม่แฟนพัดเหรอ แล้วทำไมเพื่อนอัญ ..."

"ที่ว่ามาหาเพื่อน ... เขาทำงานที่อาร์อาร์เอสด้วยงั้นเหรอ"

"อ๋อ ค่ะ ... ตายแล้ว เข้าใจผิดกันยกใหญ่ ... นี่อัญเพิ่งรู้เลยนะคะ ว่าพัดมีน้องสาว ... นายรุจน์ก็คงไม่เคยรู้สิเนี่ย ว่าคุณพุดมีพี่ชาย"

ยิ่งฟังเมฆพัดก็ยิ่งงงกับสิ่งที่ช่ออัญชันอุทาน ซ้ำยังเรียบเรียงบอกเล่าให้ได้ยิน แต่เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรนอกจากเก็บข้อมูลเอาไว้ก่อน มีเวลาค่อยซักไซร้ไล่เลียงองก์อัมพุททีหลัง ว่า 'นายรุจน์' คนนี้คือใคร น้องสาวของเขารู้จักด้วยไหม

"สรุป น้องสาวไม่ใช่แฟน"

ช่ออัญชันย้ำอีกครั้งให้เมฆพัดได้ยิน ไม่รู้ว่าเขารู้สึกไปเองหรือเปล่าว่า น้ำเสียงและสีหน้าของคนพูดดูแช่มชื่นขึ้นกว่าเดิม

"ครับ ... อ่อ จอดข้างหน้านี่ก็แล้วกัน เดี๋ยวผมต้องไปธุระอีกที่หนึ่ง"

"ว้า เสียดายจัง ... ถ้าอัญจะติดต่อพัดอีก ... ในฐานะเพื่อน ... ได้ใช่ไหมคะ"

เมฆพัดจะตอบปฏิเสธคำขอนี้ได้อย่างไร เขาไม่ใช่คนแร้นแค้นใจดำกับคำว่า 'เพื่อน' ในเมื่อเธอขอมาก็ไม่ได้ลำบากเลยกับเรื่องเพียงเท่านี้ ... ที่จะให้ไป

"ครับ ... ขอบคุณที่มีน้ำใจกับผม"

"ยังน้อยกว่าที่อัญเคยทำกับพัดค่ะ"

ช่ออัญชันตอบขณะให้สัญญาณไฟซ้าย จอดเทียบส่งชายหนุ่มที่งันไปอย่างเห็นได้ชัด ก่อนที่เขาจะเปิดประตูรถก้าวลงไป เธอก็เอ่ยอีกว่า

"อัญอยากขอโทษ ... ถ้าพัดจะให้โอกาส ..."

"อัญไม่มีอะไรต้องขอโทษผม ... เราไม่มีอะไรติดค้างกัน ... คุณสบายใจได้"

เมฆพัดตอบอย่างตรงไปตรงมา แล้วปิดประตูรถหลังลงมายืนบนฟุตปาธ เขาก้าวเดินไปยังท่ารถตู้โดยสาร เมื่อคิดว่าช่ออัญชันเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดแล้ว

ในใจของเมฆพัดตอนนี้ ... ไม่มีอะไรติดค้างคาใจกับช่ออัญชันอีกต่อไปแล้ว นอกจากเรื่องที่กำลังจะไปสะสางในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้า

เรื่องของเขากับเภตรา ควรได้เริ่มต้นกันอย่างถูกต้องเสียที





เภตรามองรถดอดจ์ที่เมฆพัดฝากไว้ผ่านกระจกห้องนอน เธอรู้ว่า วันนี้เขาต้องย้อนกลับมารับรถคืนแน่ แต่อะไรก็ไม่หนักใจเท่ากับเรื่องที่คุยกับพักตราเมื่อคืน เพราะมารดาของเธอบอกว่า มัตติก์ตอบตกลงจะมาช่วยงานที่อนุบาลท่องนที และตั้งใจจะมาพบเธอในวันนี้เช่นกัน

ผู้ชายปากจัดกัดไม่เว้น กำลังจะมาดูตัวเธออย่างนั้นหรือ?

หญิงสาวอยากบอกมารดาเรื่องของเมฆพัดใจจะขาด แต่ไม่อาจทำได้ดังใจปรารถนา ... ก็จะให้เธอพูดอย่างไร ในเมื่อน้ำมันท่วมปากออกอย่างนี้

ไม่น่าเลย ... เภตรา เธอไม่น่าใจเร็วด่วนได้ ในวันนั้นเลย


วันนั้น วันที่เภตราบังเอิญได้พบกับเมฆพัดที่คลับใต้ดินของโรงแรม เธอเห็นเขากำลังคุยกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งก็มากพอที่จะทำให้เภตราอยากรู้ว่า คนทั้งสองคุยกันด้วยเรื่องใด และที่สำคัญพวกเขาเป็นอะไรกัน

แม้เภตราจะไม่ได้ยินกับหูถึงบทสนทนา เนื่องจากทั้งคู่คุยกันหน้าเคาน์เตอร์บาร์ แต่สีหน้าของเมฆพัดเท่าที่สังเกตได้ก็ไม่สู้จะดีนัก ส่วนฝ่ายหญิงเธอไม่อาจรู้ว่าเป็นอย่างไร กระทั่งชายหนุ่มถูกทิ้งให้นั่งอยู่ที่เดิมเพียงลำพัง

เภตรายืนหลบในมุมสลัวที่สามารถเห็นด้านข้างของเมฆพัด เมื่อเขาหันหน้าเข้าหาบริกรชงเครื่องดื่ม แล้วก็ได้เห็นด้วยว่า แอลกอฮอล์ที่เรียกหามีดีกรีร้อนแรงแค่ไหน

ผู้ชายกับเหล้าเพียวๆ ... สองแก้ว สามแก้ว สี่แก้ว และต่อเนื่องราวกับเป็นน้ำแค่น้ำดื่มธรรมดา ด้วยท่าทางเคร่งเครียดอย่างคนอับจนหนทาง คือคำตอบให้เภตราคิดได้ไม่ยากว่า เกิดอะไรขึ้นกับเมฆพัด

อากัปกิริยาลูบหน้าคลึงหัวคิ้วของชายหนุ่ม ทำให้หญิงสาวเข้าใจว่า พี่ชายของเพื่อนอาจกำลังมึนเมากับเครื่องดื่มตรงหน้า เพราะเขาไม่ได้ค่อยๆจิบละเลียดอย่างคนอื่นที่มาเที่ยวหาความสำราญ

เภตราอดรนทนไม่ได้ก้าวออกจากมุมสลัว สาวเท้าเข้าหาเมฆพัดที่นั่งเหม่อมองขวดเหล้านานาชนิด ที่อยู่เบื้องหลังบาร์เทนเดอร์ซึ่งเป็นคนคอยเสิร์ฟแต่ละแก้วให้แก่เขาอย่างเต็มอกเต็มใจ

'พี่พัด ... พี่พัดคะ'

'หืม ... ครับ'

หญิงสาวนิ่วหน้ากับปฏิกิริยาของพี่ชายเพื่อนสนิท ดูท่าว่าเขาคงจะจำเธอไม่ได้เสียแล้ว ถึงได้ขานรับสุภาพขนาดนั้น

'พี่พัด ... เภาเอง จำเภาได้ไหมคะ'

'เภา? ... เภาไหนครับ ... เราเคยรู้จักกัน?'

เภตราสะอึกกับคำถามของเมฆพัด ไม่คิดว่าเขาจะลืมเด็กสาวคนที่เขาหักอกไปสนิทใจ ... แต่ตอนนี้ เธอพยายามนับเลขในใจให้ได้มากที่สุด แล้วคิดว่า อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา เพราะสติเขาอาจไม่สมบูรณ์เท่าที่ควร

'ช่างเถอะ ... เอาเป็นว่า ฉันรู้จักน้องสาวคุณก็แล้วกัน เลยรู้จักคุณด้วย แล้วมาเมาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่คะ จะให้ตามพุดให้มั้ย'

'ใครอีก ... โอย ผมปวดหัว คุณมาถึงก็พูดๆๆ ... ผมรับไม่ทัน'

หญิงสาวส่ายหน้าไปมาเลยทีเดียว ไม่คิดว่าเมฆพัดคนที่เคยแอบชอบ และยังคงชอบมาจนบัดนี้ จะงอแงงี่เง่ายามเหล้าเข้าปาก ไม่ต่างจากผู้ชายคนอื่นเลย

'เอาเถอะค่ะ ... ไม่พูดแล้ว คุณพักที่ไหน หรือถ้ากลับไม่ไหว ฉันจะเปิดห้องข้างบนให้ก่อนดีไหมคะ ท่าทางคุณคงไปไม่รอดล่ะ'

'ผมพักที่นี่ ... ว่าแต่ ผมชักสงสัย คุณมาห่วงผมทำไม ... หืม'

ถ้าแค่คำถามของเมฆพัดอย่างเดียว เภตราก็พอจะเข้าใจได้ว่าเขาสงสัยตามนั้นจริง แต่เพราะแววตาเยิ้มปรือกรุ้มกริ่มแฝงความนัยนั่นต่างหาก ที่ทำให้ใบหน้าของเธอถึงกับเห่อชาขึ้นมา

'อย่ามาคิดบ้าๆกับเภานะพี่พัด ...'

'คุณรู้จักผม? คุณเรียกผมพี่พัด ... หลายหนแล้วนะ ผมจำได้ว่าผมมีน้องสาวแค่คนเดียว ... คนอื่น ไม่นับ'

คำว่า 'คนอื่น ไม่นับ' ของเขา ก่อความรู้สึกหลากหลายประดังประเดให้แก่เภตราเหลือเกิน

หนี้เก่ายังไม่ได้ชำระสะสาง หนี้ใหม่ก็พอกพูนสะสม

จากที่คิดว่า เรื่องเก่าๆมันผ่านไปแล้ว ความรู้สึกที่มีต่อเขายังหลงเหลือเป็นความรักแรกในหัวใจ และพอใจที่ครั้งหนึ่งได้รัก

จนวันนี้ เพราะความเป็นห่วงบวกกับที่เขาเป็นพี่ชายของเพื่อน ทำให้เภตราไม่อาจเมินเฉยทิ้งเขาไปได้

นี่เธอกำลังแส่หาเรื่องให้เขาดูถูกเองใช่ไหม

ทั้งคำพูด ... ทั้งสายตา บ่งบอกว่าเมฆพัดกำลังมองเธอเป็นผู้หญิงประเภทไหน

อารมณ์โกรธฉุนเฉียวบังเกิดในบัดดล ความอยากเอาชนะของเภตราต่อผู้ชายตรงหน้าผุดขึ้นในเสี้ยววินาที ทำให้หญิงสาวตัดสินใจทำบางอย่างที่เธอมั่นใจว่า หลังจากนี้ เมฆพัดจะนับเธอเป็นคนอื่น ... ไม่ได้


เภตราทอดถอนใจเมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ๓ ปีแล้วสินะ ที่เธอไม่ใช่คนอื่นสำหรับเมฆพัด ... เขาจะรู้หรือไม่ว่า คืนแรก ครั้งแรกที่เกิดขึ้น มันมาจากความเมาของเขา และความอยากเอาชนะของเธอ

ซึ่งเธอก็อดยอมรับไม่ได้ว่า เพราะใจที่มีให้เขาอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่มี ... ให้แก่ผู้ชายที่เป็นรักแรก และเชื่อว่าจะเป็นรักเดียว

ที่ผ่านมาเภตราต้องจมอยู่กับสำนึกผิดชอบชั่วดี กับความรู้สึก สุขแค่ชั่วคืน ตื่นมาก็จางไป โดยไม่เคยคิดเลยว่า เมฆพัดจะจริงจังกับเธอมากมายถึงเพียงนี้

ก็เขาไม่เคยพูด ไม่เคยบอกสักคำ ... ว่า รัก

แล้วจะให้เธอกล้าบอกใครต่อใครได้อย่างไร ถึงความสัมพันธ์ระหว่างกัน ... ว่าอยู่ในสถานะเช่นไร

กระทั่ง มัตติก์กำลังจะก้าวเข้ามาในชีวิตของเธออีกคน ... ในฐานะที่ชัดเจนกว่าอีกด้วย

เอาเป็นว่า ถ้าวันนี้จะเป็นวันอุบาทว์ โลกาวินาศ หรืออะไรที่เลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น

เภตราขอ ... ขออย่างเดียว อย่าเพิ่งให้เมฆพัดกับมัตติก์มาพบเธอในเวลาเดียวกัน ... เท่านั้นก็พอ





มัตติก์ชะลอรถยนต์ซีดานสีดำ เมื่อขับเคลื่อนมาถึงบ้านหลังใหญ่ตามแผนที่ที่ได้มาจากกัทลิน ไม่ต้องถามใครเขาก็ทราบได้ทันทีว่า เป้าหมายที่เขาจะมาดูหน้าอยู่ที่นี่

ก็หลักฐานจอดตระหง่านอยู่ทนโท่นั่นไง ... ดอดจ์คันโตสีทะมึน ที่เขาเลือกให้เป็นของขวัญแก่ทแกล้ว ... คนสำคัญของเขา

เมื่อวานมัตติก์ซักฟอกทแกล้วอยู่นานกว่าจะรู้ว่า ผู้หญิงที่เขาเจอที่ชายหาด แล้วมานั่งชูคออยู่บนรถกับคนของเขาเป็นเรื่องเข้าใจผิด

ชายหนุ่มหุ่นสำอางเชื่อมั่นในคำพูดของทแกล้ว ว่าเขาจะไม่โกหก

แต่ที่อดคิดไม่ได้คือ ถ้าคนรักของเขาไม่ได้รู้จักกับเภตรา ก็ต้องสนิทชิดเชื้อกับผู้ชายที่อยู่กับผู้หญิงคนนี้ ... สนิทมากจนสามารถให้หยิบยืมรถต้องห้ามที่หวงแหนคันนี้ได้

มัตติก์พยายามจะไม่สร้างความหวาดระแวงบนรอยร้าวที่มี และหนทางเดียวที่จะป้องกันสิ่งที่เขากลัว คือ เขาต้องมาพบเภตรา ... ผู้หญิงคนเดียวกันกับที่มารดาตั้งใจหามาให้เขาโดยเฉพาะ

งานนี้ ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ... เภตรามีคู่รักของเธออยู่แล้ว ... เหมือนกับเขา ก็เท่ากับวิน-วิน ทั้งสองฝ่าย อยู่ที่ว่าพวกเขาจะแก้ไขสถานการณ์กับแม่ๆอย่างไร ชนิดบัวไม้ให้ช้ำ น้ำไม่ให้ขุ่น หรือวุ่นวายไปมากกว่านี้

แต่หากว่า คู่รักของเภตราทำตัวน่าสงสัย ... ในข้อที่ว่า อาจเข้ามาแทรกแซงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับทแกล้ว ... เขาก็คงต้องรีบจัดการ บอกให้เจ้าของบ้านหลังนี้รู้ตัวแต่เนิ่นๆ

ของของใคร ... ใครก็ย่อมรัก ย่อมห่วงหวง

ต่อให้นับความรักเป็นเงินทอง แล้วเอามากองท่วมหัว ... นั่นก็สุดแท้ใครจะคิดเห็นแบบไหน

แต่สำหรับมัตติก์ ... ความรักคือชีวิต ที่อุทิศให้ใครไม่ได้ ... ใครก็ไม่มีทางได้ของของเขาไป!










****************************************************







โปรดติดตามตอนต่อไป ...


ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. และขอขอบคุณสำหรับไลค์กำลังใจฮะ




แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ก.ย. 2558, 17:30:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ก.ย. 2558, 17:30:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 1059





<< บทที่ ๒๔ .. แล้วเราก็พบกัน   บทที่ ๒๖ .. ใครจะเข้าใจ >>
kaelek 23 ก.ย. 2558, 20:11:12 น.
เป๊ะเลย นายมัตติก์..นายรุจจะมีคู่มั้ยอ่ะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account