จำนนเสน่หาแบดบอย
“ผมมีเงินให้คุณมากเท่าที่ต้องการ อสังหาริมทรัพย์ ข้อมูลผลกำไรหรือความเชื่อถือต่างๆไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการเหมือนแบงก์ทั่วไป แต่เงินของผมที่จะไหลเข้าบัญชีสิริแอทเซทมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับคุณคนเดียว” เขาบอกและมองเธอด้วยแววตาร้อนแรงอย่างเปิดเผย ไม่แยแสต่อพันธะสมรสที่เธอเพิ่งย้ำเตือนไปเมื่อครู่ “ผมต้องการคุณพิลาสินี”
นั่นคือความต้องการอันรุนแรงที่คุโชนขึ้นในกายของ ‘พ่อมดทางการเงิน’ จนต้องกลับมายื่นข้อเสนอให้ ‘พิลาสินี’ ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยผลักเขาให้ตกลงไปในหุบเหวแห่งความทรยศ แม้สถานการณ์ที่เธอเผชิญจะถึงขั้นวิกฤตอย่างหนักแต่ความทรมานที่ซ่อนลึกในก้นบึ้งหัวใจก็เรียกร้องให้เขาพร่าผลาญโลกอันงดงามของเธอ เหลือไว้เพียงแค่เขาเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย
‘ลินเนอุส คอนราดสัน’ นักลงทุนคนดังของโลกผู้มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ ดุดันและกระหายในชัยชนะ ท่าทีของเขาส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลก เป็นผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของโลกคนหนึ่ง ทว่าพิศวาสอันเร่าร้อนที่เรียกจากเธอกำลังสั่นคลอนความคิดของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเป็นคนทำลายความพิสุทธิ์ของผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงห้าปี!
...เขาต้องกลายเป็นคน ‘สอนเรื่องรัก’ ให้กับเธอ ส่งผลให้บาดแผลลึกในหัวใจกลับตื้นเขินอย่างไม่น่าเชื่อ
ลินเนอุสยกมือข้างที่เพิ่งมอบความสุขสมให้กับเธอค้างไว้กลางอากาศ “ผมก็ชิมวิสกี้ของเพลงไปเหมือนกัน แล้วทำไมเพลงจะชิมครีมชีสของผมไม่ได้ ถึงวันนี้จะเลี่ยงได้แต่เพลงคิดเหรอว่าเวลาที่จูบผมทั้งตัวจะหนีพ้น”
เธออยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ กับคำเปรียบเปรยนั้น ‘ครีมชีส!’
“ไม่ต้องกังวลไปน่า... เมื่อกี้นี้เพลงก็เห็นแล้วว่าผมเก่งแค่ไหน สอนอะไรไปเพลงก็เชื่อหมด นับประสาอะไรกับสอนให้เพลงชิมครีมชีสที่คั้นเองกับมือ”
เธออ้าปากค้างมองเขาผ่านกระจกเงาบานใหญ่ที่ใช้นิ้วก้อยแตะที่มุมปากของตัวเองแล้วยื่นมาแตะที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ
“วิสกี้ของเพลง” บอกพลางตีคิ้วใส่ดวงตาคู่สวย พร้อมคำพูดที่ทำให้เธอร้อนไปทั้งตัว “วันหลังผมจะชิมจากโรงกลั่นโดยตรง”
นั่นคือความต้องการอันรุนแรงที่คุโชนขึ้นในกายของ ‘พ่อมดทางการเงิน’ จนต้องกลับมายื่นข้อเสนอให้ ‘พิลาสินี’ ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเคยผลักเขาให้ตกลงไปในหุบเหวแห่งความทรยศ แม้สถานการณ์ที่เธอเผชิญจะถึงขั้นวิกฤตอย่างหนักแต่ความทรมานที่ซ่อนลึกในก้นบึ้งหัวใจก็เรียกร้องให้เขาพร่าผลาญโลกอันงดงามของเธอ เหลือไว้เพียงแค่เขาเป็นที่พึ่งพิงสุดท้าย
‘ลินเนอุส คอนราดสัน’ นักลงทุนคนดังของโลกผู้มีความแม่นยำในการวิเคราะห์ ดุดันและกระหายในชัยชนะ ท่าทีของเขาส่งผลต่อนักลงทุนทั่วโลก เป็นผู้ชายที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจของโลกคนหนึ่ง ทว่าพิศวาสอันเร่าร้อนที่เรียกจากเธอกำลังสั่นคลอนความคิดของเขาอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อเป็นคนทำลายความพิสุทธิ์ของผู้หญิงที่ผ่านการแต่งงานมาแล้วถึงห้าปี!
...เขาต้องกลายเป็นคน ‘สอนเรื่องรัก’ ให้กับเธอ ส่งผลให้บาดแผลลึกในหัวใจกลับตื้นเขินอย่างไม่น่าเชื่อ
ลินเนอุสยกมือข้างที่เพิ่งมอบความสุขสมให้กับเธอค้างไว้กลางอากาศ “ผมก็ชิมวิสกี้ของเพลงไปเหมือนกัน แล้วทำไมเพลงจะชิมครีมชีสของผมไม่ได้ ถึงวันนี้จะเลี่ยงได้แต่เพลงคิดเหรอว่าเวลาที่จูบผมทั้งตัวจะหนีพ้น”
เธออยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ กับคำเปรียบเปรยนั้น ‘ครีมชีส!’
“ไม่ต้องกังวลไปน่า... เมื่อกี้นี้เพลงก็เห็นแล้วว่าผมเก่งแค่ไหน สอนอะไรไปเพลงก็เชื่อหมด นับประสาอะไรกับสอนให้เพลงชิมครีมชีสที่คั้นเองกับมือ”
เธออ้าปากค้างมองเขาผ่านกระจกเงาบานใหญ่ที่ใช้นิ้วก้อยแตะที่มุมปากของตัวเองแล้วยื่นมาแตะที่ริมฝีปากอิ่มของเธอ
“วิสกี้ของเพลง” บอกพลางตีคิ้วใส่ดวงตาคู่สวย พร้อมคำพูดที่ทำให้เธอร้อนไปทั้งตัว “วันหลังผมจะชิมจากโรงกลั่นโดยตรง”
Tags: จำนนเสน่หาแบดบอย, ลินเนอุส, พิลาสินี
ตอน: ตอนที่ 6 100%
ก๊อก... ก๊อก...
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นราวครึ่งชั่วโมงต่อมา ไม่ได้ทำให้พิลาสินีขยับเขยื้อนตัวจากการนั่งพิจารณาตัวเองหน้าโต๊ะเครื่องแป้งแต่อย่างใด เพราะยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคนที่บังคับเอาทุกอย่างจากเธอในตอนนี้ หากเสียงที่ดังสำทับขึ้นก็ทำให้ฉุกคิดขึ้นได้ว่า...
ไม่มีความจำเป็นใดที่เขาต้องงอนง้อเธอ ป่านนี้เขาคงไปหาโดโรเธีย คนรักตัวจริงแล้วกระมัง น่าขันนักที่นึกเข้าข้างตัวเองเสียเต็มประดา อีกไม่นานนี้แค่เพียงเขากระดิกนิ้ว เธอต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายคลานเข้าไปหาเขาอย่างหมอบราบคาบแก้ว
“คุณผู้หญิงคะ ดิฉันเอาชุดนอนมาให้ค่ะ”
พิลาสินีรีบลุกเดินไปเปิดประตูออกกว้าง หลีกทางให้แม่บ้านสองคนเดินเข้ามาในห้องทันที คนหนึ่งเดินผ่านหน้าพร้อมด้วยถาดอาหารหลายจานไปยังโต๊ะเอนกประสงค์กลางที่ตั้งไว้ริมหน้าต่าง อีกคนกำลังวางเสื้อผ้าไว้ตรงปลายเตียง
“ดิฉันทำทาร์ทาร์เนื้อกับเห็ดทรัฟเฟิลวางบนขนมปัง ซุปเห็ดเพอร์ซินี กุ้งย่างคู่กับอาติโชค ส่วนของหวานเป็นไวท์และดาร์กช็อกโกแลตบอลเสิร์ฟพร้อมกับชารสมิ้นต์ค่ะ” แม่บ้านที่พอจะสนทนาภาษาอังกฤษได้รายงานอย่างละเอียดยิบ เพราะเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วถูกเจ้าของปราสาทเรียกไปตำหนิรายตัว ข้อหาที่ปล่อยให้แขกคนพิเศษได้รับประทานอาหารตลอดทั้งวันเพียงมื้อเดียว “แต่ถ้าคุณผู้หญิงอยากรับประทานอาหารไทย ดิฉันจะสั่งจากโรงแรมมาให้ค่ะ รอสักครึ่งชั่วโมงนะคะ”
“โอ... ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็มากพอแล้ว ขอบคุณมากนะคะ” พิลาสินีรีบตอบด้วยความเกรงใจ เพราะดูจากอาหารหลายจานนี้ก็คงทำให้วุ่นวายกันไปทั้งครัว
แม่บ้านทั้งสองคนหันมาสบสายตากันอย่างโล่งอก เมื่อได้ยินแขกคนพิเศษของเจ้านายตอบรับเช่นนั้น “ถ้าคุณผู้หญิงต้องการอะไรเพิ่มเติม กดกริ่งที่อยู่ตรงมุมห้องได้ตลอดเวลานะคะ”
พิลาสินีพยักหน้ารับ มองตามแม่บ้านที่กำลังเดินออกไปจากห้องและหลุดคำถามคาใจไปก่อนที่ทั้งคู่จะเดินพ้นจากประตู “มิสเตอร์คอนราดสันล่ะคะ?”
ไม่ทันที่แม่บ้านทั้งสองจะตอบคำถาม ร่างสูงใหญ่ของคนที่ถูกถามถึงก็เดินออกมาจากมุมห้อง เขายืนพิงวงกบประตูแล้วกอดอกมองเธออย่างตั้งคำถาม
“ว่าไงจ๊ะ เรียกหานี่คือเปลี่ยนใจให้ทดสอบคุณภาพหรือไง?”
พิลาสินีถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่ตอนนี้อยากจะสงบศึกเพราะเหนื่อยและหิวเต็มที่ “พอเถอะค่ะ อย่าแกล้งเพลงอีกเลย ถ้ายังจัดการเรื่องหย่าไม่เรียบร้อยต่อให้อยากได้เพลงแค่ไหนก็คงต้องบังคับเอา ขอให้เพลงได้เหลือความภูมิใจกับศีลธรรมที่เหลืออยู่น้อยนิดบ้างเถอะค่ะ”
ลินเนอุสเดินผ่านหน้าคนเคร่งศีลธรรมไปทรุดตัวนั่งลงบนชุดโต๊ะเอนกประสงค์ที่มีอาหารวางไว้หลายจานแล้วผายมือเชิญให้เธอไปนั่งลงเก้าอี้ตัวตรงกันข้าม แน่นอนว่าคนที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงทำตามอย่างว่าง่าย
“อะไรคะ?” พิลาสินีถามด้วยความสงสัย เมื่อเขายื่นซองเอกสารให้
“ทานก่อนแล้วค่อยเปิดดูก็ได้ เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย” บอกเมื่อเห็นเธอทำท่าจะเปิดซองแล้วมองหน้าเขา เอกสาร อาหารตรงหน้า สุดท้ายก็ตัดสินใจเปิดเอกสารในมืออย่างไม่รั้งรอ
พิลาสินีไล่สายตาอ่านข้อความในเอกสารที่ใช้เรียกว่า ‘ข้อตกลง’ ตามที่ทำตัวหนาบอกไว้ในบรรทัดแรกอย่างชัดเจน หญิงสาววางมันลงบนโต๊ะแล้วใช้นิ้วชี้ไล่ไปตามอักษรที่ปรากฏราวกับกลัวว่าจะอ่านข้อตกลงฉบับนี้ตกหล่น มันคือข้อปฏิบัติที่เธอต้องทำตาม มีชื่อเขาเป็น ‘ผู้ออกกฎ’
“คุณเตรียมการเอาไว้แต่แรกแล้วใช่ไหม ข้อตกลงกับกฎบ้าบอพวกนี้” หญิงสาวอ่านสองสามบรรทัดแรกอย่างละเอียดยิบ และกวาดสายตาอ่านข้อความที่เหลืออย่างคร่าวๆก็รู้แล้วว่ามันข้อปฏิบัติตัวของตน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะร่างขึ้นมาในช่วงเวลาอันสั้นเมื่อครู่นี้ ที่สำคัญยังรู้สึกว่ากำลังเจรจาซื้อขายร่างกายและจิตวิญญาณให้กับผู้ออกกฎบ้าๆนี่
“เอาน่า... อย่างน้อยคุณก็น่าจะภูมิใจที่ผมก็เตรียมการเจรจากับคุณเหมือนกัน ยังไงคำพูดที่เตรียมมาคุยกับผมก็ไม่เป็นหมัน สิ่งที่คุณต้องการจากผมก็ครบถ้วนจะเพิ่มมาหน่อยก็การปฏิบัติตัวของคุณแลกกับค่าเหนื่อยของผม” ลินเนอุสบอกยิ้มๆ “อ่านดีๆสิ เดี๋ยวพลาดอะไรไปสักอย่างจะมาโทษผมทีหลังไม่ได้นะ”
“คุณทำอย่างกับว่าเพลงมีทางเลือกหรือต่อรองได้” ขนาดว่าอ่านคร่าวๆ เธอยังรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ลามเลียไปตามผิวกาย สิ่งที่เขาต้องการจากเธอมันรุนแรง มากมายเช่นนั้นเชียวหรือ
“คุณน่าจะรู้ว่าผมทำให้สิริแอทเซทเน่าเฟะแค่ไหน ถึงผมเป็นนักลงทุนที่หลายคนยอมรับแต่การรีโนเวทแบรนด์อะไรสักอย่างที่ขาดความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย” แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขายกขึ้นมาอ้างทั้งเพ แค่การวิเคราะห์จากนักลงทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลก กับบอร์ดบริหารใหม่ มันสมองระดับเวิล์ดคลาสจากเฮดฮันเตอร์ชื่อดัง อย่าว่าแต่สิริแอทเซทจะกลับมารุ่งเรืองเลย เด็กไฮสคูลที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาก็ยังได้รับการยอมรับ ถ้าทุกอย่างมันอยู่ในการคอนโทรลของเขา “เห็นรึยังว่าต้องดีกับผมให้มากๆ ตามใจผมนิดหน่อยๆก็คุ้มเกินคุ้ม ถึงเวลานั้นจริงๆถ้าคุณเพลียจนหลับไป ผมคงไม่หักหาญน้ำใจลักหลับเพลงได้ลงคอหรอกจ้ะ”
“ลินเนียส! คุณมัน...” พิลาสินียังพูดไม่ทันจะได้ปรามคนทะลึ่ง เขาก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาห้ามทันที
“ข้อที่ห้าอ่านให้ละเอียดก่อนที่คุณจะละเมิดข้อตกลงของเรา” เตือนพร้อมกับเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีสำราญอารมณ์
ข้อที่ 5. ห้ามแสดงกิริยาก้าวร้าว ต่อต้านหรือด่าทอผู้ออกกฎ หากฝ่าฝืนต้องเป็นฝ่ายรุกเพียงผู้เดียวในการตอบแทนค่าเหนื่อยของวันนั้นๆ “ลินเนียส! คะ...คุณ คุณ!”
ลินเนอุสหัวเราะร่วนเมื่อเห็นแก้มเนียนซึ่งเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความเขินอายลามเลียไปทั้งตัว ลำคอระหงที่กลายเป็นสีชมพูเข้มนั้นทำให้เขาอยากฝังทั้งใบหน้าลงไปซุกไซ้ สูดเอาความหอมให้ฉ่ำปอด “ใจดีใช่ไหม?”
พิลาสินีอายจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ความหิวที่ว่าโจมตีหนักหน่วงแล้วยังไม่เท่าความเขินอายที่เขาหยิบยื่นให้ในตอนนี้ หากเธอไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่จะกอบกู้สถานการณ์วิกฤตินี้ได้ เมื่อเขาใช้เธอคุ้มค่า เธอก็ต้องใช้โอกาสที่มีให้คุ้มค่าเช่นกัน “ที่ระบุมาในข้อสอง... คุณรู้แล้วใช่ไหมคะว่ามีคนวางแผนปั่นป่วนสิริแอทเซทให้เสียหาย?”
ลินเนอุสส่ายหน้าและลากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งไปใกล้ๆเธอ ท่านั่งที่ใกล้ชิดกันซึ่งเขากางขาออกกว้างรวบเอาหัวเข่าทั้งสองข้าวของเธอไว้ในต้นขาแข็งแรง ทำให้เธอไม่กล้าดิ้นเพราะกลัวว่าจะเป็นการเบียดเสียดกับความฮึกเหิมนั้นอีก
“คุณโกหก คุณรู้แต่แค่จะแกล้งให้เพลงร้อนใจ”
“ผมจะอยากแกล้งอะไรคุณนักหนาล่ะพิลาสินี” บอกด้วยความสัตย์จริง และคิดในใจว่าพอพูดจริงเธอก็ไม่เชื่อ พอเมื่อครู่โป้ปดคำโตเธอกลับเชื่อง่ายๆ ให้มันได้อย่างนี้สิ นี่ใช่ไหม... ที่เขาบอกว่าผู้หญิงเป็นมนุษย์ที่เดาใจได้ยากที่สุดในโลก “ผมจำเป็นที่ต้องเข้าไปยุ่งกับกิจการภายในของบริษัทที่ยังไม่ได้เป็นของตัวเองอย่างชอบธรรมด้วยเหรอ ถ้ารู้อย่างนั้นแล้วสู้ผมลากคอคนที่มันทำเรื่องส่งให้ตำรวจจัดการไม่ง่ายกว่าหรือไง หืม?...”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร ถอยออกไปอีกหน่อยสิคะ เพลงนั่งไม่ถนัด” บอกอย่างขัดเขินและไม่เข้าใจตัวเองว่าเพราะเหตุใดเมื่อเผชิญหน้ากับเขาแล้ว ถึงได้เหมือนคนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ห้าปีที่ผ่านมาเธอก็รับผิดชอบธุรกิจได้เพียงลำพัง
“อ่านครบแล้วก็เซ็นชื่อซะ จะได้ทำอย่างอื่นเสียที” อย่างอื่นที่เขาว่าคือรับประทานอาหารที่เธอโอดครวญว่าหิวนักหนาแต่กลับตีความหมายไปอีกแบบ
คนฟังทำตาโต รีบเอนตัวหนี ยกมือขึ้นปิดปากพลางส่ายหน้าดิก คนบ้าอะไรอย่างนี้หายใจเข้าเป็นลวนลามหายใจออกเป็นเรื่องใต้สะดือ แทบไม่อยากเชื่อว่าระยะเวลาห้าปีเขาเปลี่ยนจากผู้ชายสุขุม ดูอบอุ่นเป็นคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวไปทุกอย่างได้เช่นไร หากการที่เขาดึงข้อมือของเธอออกก็ทำให้ต้องโวยวายขึ้นมาทันที
“อย่าทำบ้าๆนะ เพลงบอกแล้วไงว่าถ้าคุณต้องการตอนนี้ก็ต้องบังคับขืนใจเพลงเท่านั้นแหละ” พิลาสินีบอกเสียงแข็ง
คำพูดและท่าทีหวาดระแวงของเธอสร้างความโมโหในใจเขาขึ้นมาเป็นริ้วๆ ใจคอเธอคงคิดว่าเขาเป็นสัตว์เดรัจฉานที่ไม่คำนึงถึงจิตใจคนอื่น วันๆคิดแต่จะปลดปล่อยความกระสันในตัวอย่างนั้นหรือไร ความหวังดีอยากให้เธอรับประทานอาหารถูกตีค่าเป็นเพียงแค่การปลดปล่อยน้ำเชื้อในร่างกาย
“จะบอกอะไรให้นะเพลง ถ้าผมจะเอา คุณไม่มีปัญญาจะขัดขืนหรอก ไม่ใช่เพราะถูกบังคับแต่เพราะผมรู้ว่าจุดไหนของผู้หญิงที่ทำให้เธอเดือดพล่านแล้วตอบสนองผมได้ถึงใจ ร้อนเป็นไฟเชียวล่ะ” จงใจใช้คำพูดให้เธอเจ็บช้ำ
คำว่าจุดไหนของผู้หญิงพร้อมด้วยสายตาที่มองอย่างจาบจ้วงทำให้พิลาสินีตวาดกลับอย่างเหลืออด “น่าเกลียด! เพลงยอมทุกอย่างแล้วจะเอายังไงอีก ทำไมต้องใช้คำพูดหยาบคาบกับเพลงด้วย”
“จนกว่าจะหยุดทำท่ากลัวผม หยุดมองผมเหมือนกำลังปล้นจิตวิญญาณไปทั้งที่ผมคือคนที่ช่วยเพลงและครอบครัวเอาไว้ เข้าใจไหม อีกอย่างคุณไม่จำเป็นต้องแสดงตัวเหมือนสาวไม่ประสาทั้งที่แต่งงานมาแล้ว ตอนฝังตัวลงไปผมไม่ได้หวังว่าจะเฉียดใกล้ไอ้เยื่อบางๆนั่นหรอก” เป็นครั้งแรกที่ลินเนอุสบอกด้วยแรงอารมณ์ที่คุกรุ่นภายในใจ
ปกติเขาจะเป็นคนควบคุมอารมณ์และสีหน้าได้อย่างดีเยี่ยม หากไม่น่าเชื่อว่าอากัปกิริยาเล็กๆน้อยๆของเธอจะสร้างความอึดอัดใจให้เขาเช่นนี้
ความน้อยเนื้อต่ำใจกับข้อตกลงตรงหน้าผสมรวมกับความรู้สึกยอดแย่ที่ประดังประเดเข้ามาตลอดเวลาทำให้โต้กลับไปด้วยแรงอารมณ์ไม่แพ้กัน “อย่าห่วงเลยค่ะ อีหนูส่วนตัวคนนี้ขอแค่จัดการตัวเองให้พ้นพันธะแล้วจะจ่ายค่าเหนื่อยให้คุณอย่างถึงใจ เพลงจะแก้ผ้าคลานขึ้นไปบนเตียงแล้วอ้าขาเชิญชวนให้คุณย่ำยีได้ตามใจ เชียวล่ะ”
แน่นอนว่าคำประชดประชันอันร้ายกาจกับสายตาตัดพ้อต่อว่านั้นทำให้เขาไม่อาจเผชิญหน้ากับเธอได้อีกต่อไป ไหนจะขอบตาแดงๆกับน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตานั่นอีก เขาโกรธอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โกรธจนรับรู้ได้ถึงความร้อนที่เดือดพล่านอยู่ในตัว
ลินเนอุสลุกขึ้นอย่างแรงและรวดเร็วจนเก้าอี้ล้มไปข้างหลังกระแทกกับพื้น ความดังของมันทำให้หัวใจดวงน้อยของคนที่กำลังอ่อนแอน้ำตาร่วง
“ดี... อย่างน้อยผมจะได้รู้สึกว่าเงินห้าร้อยล้านที่ลงทุนไปสูญเปล่า อยากฟัดเมื่อไหร่ก็ได้ทุกเมื่อ”
พิลาสินีแทบจะหลุดเสียงร้องไห้ออกมาหากไม่ยกมือขึ้นปิดปากไว้เสียก่อน แผ่นหลังกว้างที่เดินจากไปยังมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเพราะม่านน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่องบดบังไว้ หากเสียงห้วนจัดที่ตะโกนสั่งเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดผึง และทำให้หญิงสาวระเบิดความอัดอั้นตันใจทุกอย่างออกมาเป็นน้ำตาและเสียงสะอื้นไห้
“คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกหรือไงฉันถึงต้องง้อ” ตั้งใจพูดให้เธอได้ยิน จากนั้นก็ตะโกนสั่งคนในบ้านเสียงดังลั่น “สั่งกัปตันให้เอาเฮลิคอปเตอร์ออก ที่นี่ไม่มีอะไรให้กินฉันก็ไปกินที่อื่นได้”
พิลาสินีอยากจะกรีดร้องให้กับคำพูดเฉือดเฉือนหัวใจนั้น เธอควรรู้ตำแหน่งแห่งหนของตัวเอง ควรเอาอกเอาใจเขาให้สมกับที่รับการช่วยเหลือ เงินมหาศาลที่เขาทุ่มให้ควรต้องได้รับการตอบสนองอย่างถึงอกถึงใจ ไม่ใช่การหวงเนื้อหวงตัวจนกลายมีปากเสียงเช่นนี้ ข้อตกลงตรงหน้าเป็นเหมือนสิ่งที่เตือนให้รู้ว่าอย่าได้บังอาจละเมิดหรือต่อต้านกับทุกความต้องการของเขาเป็นอันขาด หากอยากให้สิริแอทเซทและคนในสิริสกุลดำเนินชีวิตในสังคมอย่างปกติสุข
หญิงสาวไม่ได้รับประทานอาหารหน้าตาน่ารับประทานตรงหน้า เพราะอิ่มตื้อไปกับภาระที่แบกเอาไว้ทั้งตัว หลังจากที่ร้องไห้จนสาแก่ใจแม่บ้านคนเดิมที่เอาเสื้อผ้ามาให้ก็เข้ามาในห้อง คะยั้นคะยอให้เธอรับประทานอาหารอยู่สักครู่ หากเธอตัดปัญหาด้วยการเดินหนีเข้าห้องน้ำ ชำระร่างกายอันแสนเหนื่อยล้าหากตัวอักษรในข้อตกลงยังวนเวียนอยู่ในสมอง เธอยังจดจำใจความนั้นได้อย่างไม่ตกหล่น
ไม่นานนักพิลาสินีก็อยู่ในชุดนอนผ้ายืดเนื้อนิ่มทว่าให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดี เธอไม่รู้ว่าถอนหายใจสลับกับการมองข้อตกลงดังกล่าวมาแล้วกี่ครั้งกี่หน ชั่งใจอยู่นานว่าจะเซ็นชื่อหรือไม่จึงเดินมาหยิบมันแล้วคลานขึ้นไปบนที่นอนนุ่มหวังว่าจะอ่านทวนอีกสักรอบทั้งที่ความจริงแล้วก็จำได้ทุกประโยค ไม่นานนักความนุ่มสบายของเครื่องนอนราคาแพง อุณหภูมิในห้องที่ปรับไว้พอเหมาะก็ทำให้คนที่เพลียจัด ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่มาหลายวันหลับใหลไปอย่างง่ายดาย
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้นราวครึ่งชั่วโมงต่อมา ไม่ได้ทำให้พิลาสินีขยับเขยื้อนตัวจากการนั่งพิจารณาตัวเองหน้าโต๊ะเครื่องแป้งแต่อย่างใด เพราะยังไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับคนที่บังคับเอาทุกอย่างจากเธอในตอนนี้ หากเสียงที่ดังสำทับขึ้นก็ทำให้ฉุกคิดขึ้นได้ว่า...
ไม่มีความจำเป็นใดที่เขาต้องงอนง้อเธอ ป่านนี้เขาคงไปหาโดโรเธีย คนรักตัวจริงแล้วกระมัง น่าขันนักที่นึกเข้าข้างตัวเองเสียเต็มประดา อีกไม่นานนี้แค่เพียงเขากระดิกนิ้ว เธอต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายคลานเข้าไปหาเขาอย่างหมอบราบคาบแก้ว
“คุณผู้หญิงคะ ดิฉันเอาชุดนอนมาให้ค่ะ”
พิลาสินีรีบลุกเดินไปเปิดประตูออกกว้าง หลีกทางให้แม่บ้านสองคนเดินเข้ามาในห้องทันที คนหนึ่งเดินผ่านหน้าพร้อมด้วยถาดอาหารหลายจานไปยังโต๊ะเอนกประสงค์กลางที่ตั้งไว้ริมหน้าต่าง อีกคนกำลังวางเสื้อผ้าไว้ตรงปลายเตียง
“ดิฉันทำทาร์ทาร์เนื้อกับเห็ดทรัฟเฟิลวางบนขนมปัง ซุปเห็ดเพอร์ซินี กุ้งย่างคู่กับอาติโชค ส่วนของหวานเป็นไวท์และดาร์กช็อกโกแลตบอลเสิร์ฟพร้อมกับชารสมิ้นต์ค่ะ” แม่บ้านที่พอจะสนทนาภาษาอังกฤษได้รายงานอย่างละเอียดยิบ เพราะเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วถูกเจ้าของปราสาทเรียกไปตำหนิรายตัว ข้อหาที่ปล่อยให้แขกคนพิเศษได้รับประทานอาหารตลอดทั้งวันเพียงมื้อเดียว “แต่ถ้าคุณผู้หญิงอยากรับประทานอาหารไทย ดิฉันจะสั่งจากโรงแรมมาให้ค่ะ รอสักครึ่งชั่วโมงนะคะ”
“โอ... ไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก็มากพอแล้ว ขอบคุณมากนะคะ” พิลาสินีรีบตอบด้วยความเกรงใจ เพราะดูจากอาหารหลายจานนี้ก็คงทำให้วุ่นวายกันไปทั้งครัว
แม่บ้านทั้งสองคนหันมาสบสายตากันอย่างโล่งอก เมื่อได้ยินแขกคนพิเศษของเจ้านายตอบรับเช่นนั้น “ถ้าคุณผู้หญิงต้องการอะไรเพิ่มเติม กดกริ่งที่อยู่ตรงมุมห้องได้ตลอดเวลานะคะ”
พิลาสินีพยักหน้ารับ มองตามแม่บ้านที่กำลังเดินออกไปจากห้องและหลุดคำถามคาใจไปก่อนที่ทั้งคู่จะเดินพ้นจากประตู “มิสเตอร์คอนราดสันล่ะคะ?”
ไม่ทันที่แม่บ้านทั้งสองจะตอบคำถาม ร่างสูงใหญ่ของคนที่ถูกถามถึงก็เดินออกมาจากมุมห้อง เขายืนพิงวงกบประตูแล้วกอดอกมองเธออย่างตั้งคำถาม
“ว่าไงจ๊ะ เรียกหานี่คือเปลี่ยนใจให้ทดสอบคุณภาพหรือไง?”
พิลาสินีถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อได้ยินเช่นนั้น แต่ตอนนี้อยากจะสงบศึกเพราะเหนื่อยและหิวเต็มที่ “พอเถอะค่ะ อย่าแกล้งเพลงอีกเลย ถ้ายังจัดการเรื่องหย่าไม่เรียบร้อยต่อให้อยากได้เพลงแค่ไหนก็คงต้องบังคับเอา ขอให้เพลงได้เหลือความภูมิใจกับศีลธรรมที่เหลืออยู่น้อยนิดบ้างเถอะค่ะ”
ลินเนอุสเดินผ่านหน้าคนเคร่งศีลธรรมไปทรุดตัวนั่งลงบนชุดโต๊ะเอนกประสงค์ที่มีอาหารวางไว้หลายจานแล้วผายมือเชิญให้เธอไปนั่งลงเก้าอี้ตัวตรงกันข้าม แน่นอนว่าคนที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงทำตามอย่างว่าง่าย
“อะไรคะ?” พิลาสินีถามด้วยความสงสัย เมื่อเขายื่นซองเอกสารให้
“ทานก่อนแล้วค่อยเปิดดูก็ได้ เดี๋ยวเย็นแล้วจะไม่อร่อย” บอกเมื่อเห็นเธอทำท่าจะเปิดซองแล้วมองหน้าเขา เอกสาร อาหารตรงหน้า สุดท้ายก็ตัดสินใจเปิดเอกสารในมืออย่างไม่รั้งรอ
พิลาสินีไล่สายตาอ่านข้อความในเอกสารที่ใช้เรียกว่า ‘ข้อตกลง’ ตามที่ทำตัวหนาบอกไว้ในบรรทัดแรกอย่างชัดเจน หญิงสาววางมันลงบนโต๊ะแล้วใช้นิ้วชี้ไล่ไปตามอักษรที่ปรากฏราวกับกลัวว่าจะอ่านข้อตกลงฉบับนี้ตกหล่น มันคือข้อปฏิบัติที่เธอต้องทำตาม มีชื่อเขาเป็น ‘ผู้ออกกฎ’
“คุณเตรียมการเอาไว้แต่แรกแล้วใช่ไหม ข้อตกลงกับกฎบ้าบอพวกนี้” หญิงสาวอ่านสองสามบรรทัดแรกอย่างละเอียดยิบ และกวาดสายตาอ่านข้อความที่เหลืออย่างคร่าวๆก็รู้แล้วว่ามันข้อปฏิบัติตัวของตน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะร่างขึ้นมาในช่วงเวลาอันสั้นเมื่อครู่นี้ ที่สำคัญยังรู้สึกว่ากำลังเจรจาซื้อขายร่างกายและจิตวิญญาณให้กับผู้ออกกฎบ้าๆนี่
“เอาน่า... อย่างน้อยคุณก็น่าจะภูมิใจที่ผมก็เตรียมการเจรจากับคุณเหมือนกัน ยังไงคำพูดที่เตรียมมาคุยกับผมก็ไม่เป็นหมัน สิ่งที่คุณต้องการจากผมก็ครบถ้วนจะเพิ่มมาหน่อยก็การปฏิบัติตัวของคุณแลกกับค่าเหนื่อยของผม” ลินเนอุสบอกยิ้มๆ “อ่านดีๆสิ เดี๋ยวพลาดอะไรไปสักอย่างจะมาโทษผมทีหลังไม่ได้นะ”
“คุณทำอย่างกับว่าเพลงมีทางเลือกหรือต่อรองได้” ขนาดว่าอ่านคร่าวๆ เธอยังรู้สึกได้ถึงความร้อนที่ลามเลียไปตามผิวกาย สิ่งที่เขาต้องการจากเธอมันรุนแรง มากมายเช่นนั้นเชียวหรือ
“คุณน่าจะรู้ว่าผมทำให้สิริแอทเซทเน่าเฟะแค่ไหน ถึงผมเป็นนักลงทุนที่หลายคนยอมรับแต่การรีโนเวทแบรนด์อะไรสักอย่างที่ขาดความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่าย” แต่นั่นเป็นสิ่งที่เขายกขึ้นมาอ้างทั้งเพ แค่การวิเคราะห์จากนักลงทุนที่มีชื่อเสียงระดับโลก กับบอร์ดบริหารใหม่ มันสมองระดับเวิล์ดคลาสจากเฮดฮันเตอร์ชื่อดัง อย่าว่าแต่สิริแอทเซทจะกลับมารุ่งเรืองเลย เด็กไฮสคูลที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาก็ยังได้รับการยอมรับ ถ้าทุกอย่างมันอยู่ในการคอนโทรลของเขา “เห็นรึยังว่าต้องดีกับผมให้มากๆ ตามใจผมนิดหน่อยๆก็คุ้มเกินคุ้ม ถึงเวลานั้นจริงๆถ้าคุณเพลียจนหลับไป ผมคงไม่หักหาญน้ำใจลักหลับเพลงได้ลงคอหรอกจ้ะ”
“ลินเนียส! คุณมัน...” พิลาสินียังพูดไม่ทันจะได้ปรามคนทะลึ่ง เขาก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาห้ามทันที
“ข้อที่ห้าอ่านให้ละเอียดก่อนที่คุณจะละเมิดข้อตกลงของเรา” เตือนพร้อมกับเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีสำราญอารมณ์
ข้อที่ 5. ห้ามแสดงกิริยาก้าวร้าว ต่อต้านหรือด่าทอผู้ออกกฎ หากฝ่าฝืนต้องเป็นฝ่ายรุกเพียงผู้เดียวในการตอบแทนค่าเหนื่อยของวันนั้นๆ “ลินเนียส! คะ...คุณ คุณ!”
ลินเนอุสหัวเราะร่วนเมื่อเห็นแก้มเนียนซึ่งเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความเขินอายลามเลียไปทั้งตัว ลำคอระหงที่กลายเป็นสีชมพูเข้มนั้นทำให้เขาอยากฝังทั้งใบหน้าลงไปซุกไซ้ สูดเอาความหอมให้ฉ่ำปอด “ใจดีใช่ไหม?”
พิลาสินีอายจนไม่รู้จะทำตัวอย่างไร ความหิวที่ว่าโจมตีหนักหน่วงแล้วยังไม่เท่าความเขินอายที่เขาหยิบยื่นให้ในตอนนี้ หากเธอไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เพราะถึงอย่างไรเขาก็เป็นเพียงคนเดียวที่จะกอบกู้สถานการณ์วิกฤตินี้ได้ เมื่อเขาใช้เธอคุ้มค่า เธอก็ต้องใช้โอกาสที่มีให้คุ้มค่าเช่นกัน “ที่ระบุมาในข้อสอง... คุณรู้แล้วใช่ไหมคะว่ามีคนวางแผนปั่นป่วนสิริแอทเซทให้เสียหาย?”
ลินเนอุสส่ายหน้าและลากเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งไปใกล้ๆเธอ ท่านั่งที่ใกล้ชิดกันซึ่งเขากางขาออกกว้างรวบเอาหัวเข่าทั้งสองข้าวของเธอไว้ในต้นขาแข็งแรง ทำให้เธอไม่กล้าดิ้นเพราะกลัวว่าจะเป็นการเบียดเสียดกับความฮึกเหิมนั้นอีก
“คุณโกหก คุณรู้แต่แค่จะแกล้งให้เพลงร้อนใจ”
“ผมจะอยากแกล้งอะไรคุณนักหนาล่ะพิลาสินี” บอกด้วยความสัตย์จริง และคิดในใจว่าพอพูดจริงเธอก็ไม่เชื่อ พอเมื่อครู่โป้ปดคำโตเธอกลับเชื่อง่ายๆ ให้มันได้อย่างนี้สิ นี่ใช่ไหม... ที่เขาบอกว่าผู้หญิงเป็นมนุษย์ที่เดาใจได้ยากที่สุดในโลก “ผมจำเป็นที่ต้องเข้าไปยุ่งกับกิจการภายในของบริษัทที่ยังไม่ได้เป็นของตัวเองอย่างชอบธรรมด้วยเหรอ ถ้ารู้อย่างนั้นแล้วสู้ผมลากคอคนที่มันทำเรื่องส่งให้ตำรวจจัดการไม่ง่ายกว่าหรือไง หืม?...”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร ถอยออกไปอีกหน่อยสิคะ เพลงนั่งไม่ถนัด” บอกอย่างขัดเขินและไม่เข้าใจตัวเองว่าเพราะเหตุใดเมื่อเผชิญหน้ากับเขาแล้ว ถึงได้เหมือนคนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ห้าปีที่ผ่านมาเธอก็รับผิดชอบธุรกิจได้เพียงลำพัง
“อ่านครบแล้วก็เซ็นชื่อซะ จะได้ทำอย่างอื่นเสียที” อย่างอื่นที่เขาว่าคือรับประทานอาหารที่เธอโอดครวญว่าหิวนักหนาแต่กลับตีความหมายไปอีกแบบ
คนฟังทำตาโต รีบเอนตัวหนี ยกมือขึ้นปิดปากพลางส่ายหน้าดิก คนบ้าอะไรอย่างนี้หายใจเข้าเป็นลวนลามหายใจออกเป็นเรื่องใต้สะดือ แทบไม่อยากเชื่อว่าระยะเวลาห้าปีเขาเปลี่ยนจากผู้ชายสุขุม ดูอบอุ่นเป็นคนที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวไปทุกอย่างได้เช่นไร หากการที่เขาดึงข้อมือของเธอออกก็ทำให้ต้องโวยวายขึ้นมาทันที
“อย่าทำบ้าๆนะ เพลงบอกแล้วไงว่าถ้าคุณต้องการตอนนี้ก็ต้องบังคับขืนใจเพลงเท่านั้นแหละ” พิลาสินีบอกเสียงแข็ง
คำพูดและท่าทีหวาดระแวงของเธอสร้างความโมโหในใจเขาขึ้นมาเป็นริ้วๆ ใจคอเธอคงคิดว่าเขาเป็นสัตว์เดรัจฉานที่ไม่คำนึงถึงจิตใจคนอื่น วันๆคิดแต่จะปลดปล่อยความกระสันในตัวอย่างนั้นหรือไร ความหวังดีอยากให้เธอรับประทานอาหารถูกตีค่าเป็นเพียงแค่การปลดปล่อยน้ำเชื้อในร่างกาย
“จะบอกอะไรให้นะเพลง ถ้าผมจะเอา คุณไม่มีปัญญาจะขัดขืนหรอก ไม่ใช่เพราะถูกบังคับแต่เพราะผมรู้ว่าจุดไหนของผู้หญิงที่ทำให้เธอเดือดพล่านแล้วตอบสนองผมได้ถึงใจ ร้อนเป็นไฟเชียวล่ะ” จงใจใช้คำพูดให้เธอเจ็บช้ำ
คำว่าจุดไหนของผู้หญิงพร้อมด้วยสายตาที่มองอย่างจาบจ้วงทำให้พิลาสินีตวาดกลับอย่างเหลืออด “น่าเกลียด! เพลงยอมทุกอย่างแล้วจะเอายังไงอีก ทำไมต้องใช้คำพูดหยาบคาบกับเพลงด้วย”
“จนกว่าจะหยุดทำท่ากลัวผม หยุดมองผมเหมือนกำลังปล้นจิตวิญญาณไปทั้งที่ผมคือคนที่ช่วยเพลงและครอบครัวเอาไว้ เข้าใจไหม อีกอย่างคุณไม่จำเป็นต้องแสดงตัวเหมือนสาวไม่ประสาทั้งที่แต่งงานมาแล้ว ตอนฝังตัวลงไปผมไม่ได้หวังว่าจะเฉียดใกล้ไอ้เยื่อบางๆนั่นหรอก” เป็นครั้งแรกที่ลินเนอุสบอกด้วยแรงอารมณ์ที่คุกรุ่นภายในใจ
ปกติเขาจะเป็นคนควบคุมอารมณ์และสีหน้าได้อย่างดีเยี่ยม หากไม่น่าเชื่อว่าอากัปกิริยาเล็กๆน้อยๆของเธอจะสร้างความอึดอัดใจให้เขาเช่นนี้
ความน้อยเนื้อต่ำใจกับข้อตกลงตรงหน้าผสมรวมกับความรู้สึกยอดแย่ที่ประดังประเดเข้ามาตลอดเวลาทำให้โต้กลับไปด้วยแรงอารมณ์ไม่แพ้กัน “อย่าห่วงเลยค่ะ อีหนูส่วนตัวคนนี้ขอแค่จัดการตัวเองให้พ้นพันธะแล้วจะจ่ายค่าเหนื่อยให้คุณอย่างถึงใจ เพลงจะแก้ผ้าคลานขึ้นไปบนเตียงแล้วอ้าขาเชิญชวนให้คุณย่ำยีได้ตามใจ เชียวล่ะ”
แน่นอนว่าคำประชดประชันอันร้ายกาจกับสายตาตัดพ้อต่อว่านั้นทำให้เขาไม่อาจเผชิญหน้ากับเธอได้อีกต่อไป ไหนจะขอบตาแดงๆกับน้ำตาที่คลออยู่เต็มดวงตานั่นอีก เขาโกรธอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน โกรธจนรับรู้ได้ถึงความร้อนที่เดือดพล่านอยู่ในตัว
ลินเนอุสลุกขึ้นอย่างแรงและรวดเร็วจนเก้าอี้ล้มไปข้างหลังกระแทกกับพื้น ความดังของมันทำให้หัวใจดวงน้อยของคนที่กำลังอ่อนแอน้ำตาร่วง
“ดี... อย่างน้อยผมจะได้รู้สึกว่าเงินห้าร้อยล้านที่ลงทุนไปสูญเปล่า อยากฟัดเมื่อไหร่ก็ได้ทุกเมื่อ”
พิลาสินีแทบจะหลุดเสียงร้องไห้ออกมาหากไม่ยกมือขึ้นปิดปากไว้เสียก่อน แผ่นหลังกว้างที่เดินจากไปยังมองเห็นได้ไม่ชัดเจนเพราะม่านน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่องบดบังไว้ หากเสียงห้วนจัดที่ตะโกนสั่งเหมือนฟางเส้นสุดท้ายที่ขาดผึง และทำให้หญิงสาวระเบิดความอัดอั้นตันใจทุกอย่างออกมาเป็นน้ำตาและเสียงสะอื้นไห้
“คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงคนเดียวในโลกหรือไงฉันถึงต้องง้อ” ตั้งใจพูดให้เธอได้ยิน จากนั้นก็ตะโกนสั่งคนในบ้านเสียงดังลั่น “สั่งกัปตันให้เอาเฮลิคอปเตอร์ออก ที่นี่ไม่มีอะไรให้กินฉันก็ไปกินที่อื่นได้”
พิลาสินีอยากจะกรีดร้องให้กับคำพูดเฉือดเฉือนหัวใจนั้น เธอควรรู้ตำแหน่งแห่งหนของตัวเอง ควรเอาอกเอาใจเขาให้สมกับที่รับการช่วยเหลือ เงินมหาศาลที่เขาทุ่มให้ควรต้องได้รับการตอบสนองอย่างถึงอกถึงใจ ไม่ใช่การหวงเนื้อหวงตัวจนกลายมีปากเสียงเช่นนี้ ข้อตกลงตรงหน้าเป็นเหมือนสิ่งที่เตือนให้รู้ว่าอย่าได้บังอาจละเมิดหรือต่อต้านกับทุกความต้องการของเขาเป็นอันขาด หากอยากให้สิริแอทเซทและคนในสิริสกุลดำเนินชีวิตในสังคมอย่างปกติสุข
หญิงสาวไม่ได้รับประทานอาหารหน้าตาน่ารับประทานตรงหน้า เพราะอิ่มตื้อไปกับภาระที่แบกเอาไว้ทั้งตัว หลังจากที่ร้องไห้จนสาแก่ใจแม่บ้านคนเดิมที่เอาเสื้อผ้ามาให้ก็เข้ามาในห้อง คะยั้นคะยอให้เธอรับประทานอาหารอยู่สักครู่ หากเธอตัดปัญหาด้วยการเดินหนีเข้าห้องน้ำ ชำระร่างกายอันแสนเหนื่อยล้าหากตัวอักษรในข้อตกลงยังวนเวียนอยู่ในสมอง เธอยังจดจำใจความนั้นได้อย่างไม่ตกหล่น
ไม่นานนักพิลาสินีก็อยู่ในชุดนอนผ้ายืดเนื้อนิ่มทว่าให้ความอบอุ่นเป็นอย่างดี เธอไม่รู้ว่าถอนหายใจสลับกับการมองข้อตกลงดังกล่าวมาแล้วกี่ครั้งกี่หน ชั่งใจอยู่นานว่าจะเซ็นชื่อหรือไม่จึงเดินมาหยิบมันแล้วคลานขึ้นไปบนที่นอนนุ่มหวังว่าจะอ่านทวนอีกสักรอบทั้งที่ความจริงแล้วก็จำได้ทุกประโยค ไม่นานนักความนุ่มสบายของเครื่องนอนราคาแพง อุณหภูมิในห้องที่ปรับไว้พอเหมาะก็ทำให้คนที่เพลียจัด ไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่มาหลายวันหลับใหลไปอย่างง่ายดาย
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ย. 2558, 15:27:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 ก.ย. 2558, 15:27:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 1022
<< ตอนที่ 6 50% | ตอนที่ 7 50% >> |