หัวใจบ่มรัก (เริ่มต้นอัพให้อ่านใหม่อีกรอบ)
เริ่มต้นลงให้อ่านใหม่อีกรอบนะคะ แต่อัพแค่ 70% เด้อค่า



เด็กกะโปโล’ คือคำจำกัดความของ วรรณวลี ในสายตาของหนุ่มหล่อพี่ชายข้างบ้านอย่าง พศวัต และ ‘ตาแก่’ ที่กล้าพูดว่าเธอเป็นเด็กกะโปโล คอยดูเถอะเด็กกะโปโลคนนี้จะทำให้ตาแก่ปากร้ายมาสยบแทบเท้าให้ได้
ในอดีตเขาเคยปฏิเสธการหมั้นหมายกับ วรรณวลี ตามความต้องการของผู้ใหญ่เพราะคิดว่าเธอยังเด็กเกินไปสำหรับเรื่องพวกนี้ แต่ในวันนี้เด็กสาวในอดีตกลับมาพร้อมการเป็นหญิงสาวที่สวยสะพรั่ง เสน่ห์ยั่วยวนใจเขาอย่างร้ายกาจ และนั่นมันทำให้เขาอยากจะทำให้ความต้องการของผู้ใหญ่ในอดีตให้เป็นจริง …เขาต้องทำมันให้สำเร็จ ก็ผู้หญิงคนนี้เกือบจะถูกหมายปองให้เป็นของเขาตั้งแต่หลายปีก่อนแล้วนี่ และตอนนี้ก็ได้เวลาเอาจริง!!!

“ยะ…หยุดนะ” ห้ามเสียงสั่นพร้อมทั้งดิ้นขัดขืนและพยายามดึงตัวเองกลับ แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ผล ยิ่งดิ้นชายหนุ่มก็ยิ่งกอดแน่นขึ้นไปอีก “หือ…อย่าหยุดเหรอได้…จัดไป”
“กรี๊ดดด! หยุดดด! ไม่ใช่อย่าหยุด ไอ้พี่พตบ้า” วรรณวลีตวาดแว้ดมือไม้ทั้งผลักไสทุบตีคนบ้ารัวไม่เลือกที่และไม่มียั้ง หลบได้ก็หลบแต่ถ้าหลบไม่ได้ไม่ก็ต้องโดนจนช้ำกันไปบ้างล่ะ
“พอแล้ว พอแล้ว พี่ยอมแล้ว ไม่ทำอะไรเราแล้ว” พศวัตห้ามเสียงกลั้วหัวเราะ พร้อมทั้งหลบซ้ายหลบขวายกแขนรับกำปั้นน้อยๆ ที่รัวเข้าใส่อย่างรู้สึกสนุกมากกว่าเจ็บตัว
“สัญญานะ” ถามอย่างระแวง
“ครับ…” เพียงเท่านั้นมือบางก็ผลักอกกว้างแรงๆ เป็นการส่งท้าย ก่อนจะขยับตัวกลับมานั่งที่เบาะของตัวเองพร้อมทั้งรัดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย อย่างน้อยก็ป้องกันไม่ให้เขากระชากเธอเข้าไปหาอีก ด้วยใบหน้าที่บึ้งตึงและแดงก่ำ
“งั้นก็รีบๆ กลับบ้านสิคะ ฉัน…ว้าย!” วรรณวลีร้องเสียงหลง รีบยกมือปิดปากที่โดนพศวัตอาศัยโอกาสเพียงแค่เสี้ยวนาทีขโมยจูบไปอีกครั้งเอาไว้ ส่วนอีกข้างยกขึ้นชี้หน้าคนฉวยโอกาสที่นั่งหัวเราะยักคิ้วหลิ่วตาอย่างยียวนอย่างโมโหระคนอายจนตัวสั่น
“เอาสิเรียกแบบนั้นอีกสิ ฉันๆ คุณๆ เนี่ย พ่อจะจูบให้หนำใจเลย”

***********************************************

เรื่องนี้เป็นรูปเล่มแล้วนะคะ
นักอ่านคนไหนสนใจสามารถติดต่อได้ที่ kesmani1@hotmail.com หรือที่แฟนเพจ รดามณี ไหมขวัญ


ราคาปก 320 บาท ลดเหลือ 299 บาท ค่าจัดส่ง 20 บาท
***แถมสมุดโน๊ตภาพหน้าปกนิยาย***



E-book :https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMTgyNTMyIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNjU3OCI7fQ
Tags: หัวใจบ่มรัก,เกศมณีลรดามณี,ไหมขวัญ,มายา,นิยายรัก,โรแมนติก,ทำมือ,รักต่างวัย,กินเด็ก

ตอน: บทนำ เด็กกะโปโล vs ตาแก่ปากร้าย 100%

บทนำ

เด็กกะโปโล vs ตาแก่ปากร้าย

“เด็กกะโปโล! ยังไงผมก็ไม่หมั้นไม่แต่ง ไม่อะไรทั้งนั้น ถ้าคุณพ่อชอบนักก็หมั้นเองแต่งเองแล้วกันนะครับ ผมขอตัว”

ว่าแล้วร่างสูงของพศวัต การัณยภาสหรือพต นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อไฟแรงในวัยยี่สิบแปดปีก็ผลุนผลันลุกขึ้นเดินออกจากห้องรับแขกของบ้าน ‘กิตติวรา’ ซึ่งตั้งอยู่ติดกันกับบ้านของชายหนุ่ม อีกทั้งสองบ้านยังสนิทสนมรู้จักมักจี่นับถือกันมาตั้งแต่รุ่นพ่อรุ่นแม่อย่างไม่สนใจใครทั้งนั้น

แต่พศวัตยังเดินไม่พ้นประตูห้องเท้าของเขาก็ต้องหยุดชะงักกึก เมื่อมีเสียงเล็กแหลมของหญิงสาวที่คนเป็นพ่อหมายมั่นปั้นมือจะให้มาเป็นลูกสะใภ้ก็ดังขึ้น

“แก่! แถมปากคอเราะร้ายขนาดนี้ เปรี้ยวก็ไม่คิดจะหมั้นจะแต่งด้วยเหมือนกันแหละค่ะ เชิญ…ไปหาเอาป้ายหน้าเลยค่ะ คุณลุง!”

วรรณวลี กิตติวราหรือเปรี้ยว สาวสวยแรกรุ่นในวัยมัธยมปลายปีสุดท้าย และอีกไม่กี่อาทิตย์เธอก็จะจบแถมวางแผนจะไปเรียนต่อที่เมืองนอก เอ่ยเน้นคำว่า ‘ลุง’ โดยที่สายตานั้นจ้องเขม็งต่อสู้ฟาดฟันกับชายหนุ่มที่จ้องมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เมื่ออีกฝ่ายที่บังอาจมากล่าวหาว่าตัวเอง ‘แก่’

ตลอดเวลาที่ผ่านมาวรรณวลีคิดเสมอว่าพศวัตลูกชายสุดหล่อของเพื่อนพ่อนั้นนอกจากหน้าตาดีแล้วยังใจดี สุขุมนุ่มลึกเป็นผู้ใหญ่ ได้เห็นหน้าได้พุดคุยด้วยทีไรเธอยังแอบเก็บเอาใบหน้าหล่อๆ นั้นไปฝันหวานตามประสาผู้หญิง

ทว่าในวันนี้ภาพหนุ่มหล่อผู้ใจดีสุขุมนุ่มลึกที่เธอเห็นตลอดหลายปีที่ผ่านมากลับพังทลายลงตรงหน้า เมื่อได้ประจักษ์ความปากร้ายของเขาด้วยตัวเอง แค่พ่อแม่เธอและพ่อของเขาเอ่ยปากว่าอยากจะให้เธอกับเขานั้นหมั้นกันเอาไว้ก่อนที่เธอจะเดินทางไปเรียนต่อที่เมืองนอก ทำไมเขาต้องมาพูดอะไรที่มันแรงๆ ด้วย ปฏิเสธดีๆ ก็ได้ แหม…มาหาว่าเราเป็นเด็กกะโปโล ทั้งที่เธอน่ะเป็นถึงดาวของโรงเรียนเลยนะจะบอกให้ เรื่องอะไรจะยอมให้เขามาว่าเธอฝ่ายเดียว ในเมื่อแรงมาเธอก็ขอแรงกลับ ไม่สนด้วยว่าอีกฝ่ายจะอายุมากกว่าเธอถึงสิบปี

“ยัยเปรี้ยว!”

“ทำไมคะพี่พต”

วรรณวลีเชิดหน้าถามกลับด้วยน้ำเสียงท้าทาย ทำให้พศวัตกัดกรามแน่นจ้องเขม็งอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก หากแต่ทำอะไรได้ไม่มาก

“เรากล้าดียังไงมาว่าพี่แก่”

“แล้วพี่พตล่ะคะกล้าดียังไงมาหาว่าเปรี้ยวเป็นเด็กกะโปโล”

ทั้งที่เธอมั่นใจว่าเธอน่ะโตเป็นสาวสะพรั่งและที่สำคัญเนื้อหอมด้วย ไม่อย่างนั้นพวกผู้ชายทั้งรุ่นน้องรุ่นพี่คงไม่มาต่อคิวขายขนมจีบเธอไม่เว้นแต่ละวันหรอก มีตาหามีแววไม่ เชอะ!

“ฮึ! ก็มันเรื่องจริงนี่ พี่ไม่คุยกับเราแล้ว…หวังว่าคุณพ่อ และคุณน้าทั้งสองคนจะเข้าใจในสิ่งที่ผมต้องการนะครับ”

ท้ายประโยคชายหนุ่มหันไปพูดกับผู้สูงวัยทั้งสามที่นั่งเงียบมองเขาและวรรณวลีปะทะคารมกันตาปริบๆ อย่างไม่คิดจะห้ามปราม

“เปรี้ยวก็ไม่คิดจะคุยกับคนแก่อย่างพี่พตเหมือนกันล่ะค่ะ และหวังว่าคุณลุงและคุณพ่อคุณแม่จะเข้าใจในสิ่งที่เปรี้ยวต้องการเหมือนกัน ถ้าไม่มีอะไรแล้วเปรี้ยวขอตัวนะคะ”

สองหนุ่มสาวหันมามองหน้ากัน ก่อนต่างคนจะสะบัดหน้าหนีแล้วเดินไปคนละทาง ทำให้ผู้สูงวัยทั้งสามมองตามหลังคนนั้นทีคนนี้ที ก่อนจะหันมามองหน้ากันแล้วส่ายศีรษะ

“แรงด้วยกันทั้งคู่ มันจะไหวเหรอคะเนี่ย”

นางอมลวรรณพูดพลางถอนหายใจ มองหน้าคนเป็นสามีและนายอนิวัตติ์ก่อนจะส่ายหน้าอย่างบอกว่าสิ่งที่พวกท่านทั้งสามคนคาดหวังไม่มีทางเป็นไปได้แน่

“ขอโทษแทนเจ้าพตมันด้วยแล้วกันนะ ไม่คิดว่ามันจะออกตัวแรงอย่างนี้ จากที่ดูๆ ผมก็ว่าเจ้าพตก็เอ็นดูหนูเปรี้ยวอยู่นา…ผมว่าเราอย่าเพิ่งตัดใจเลยนะ รอให้หนูเปรี้ยวไปเรียนต่อให้จบแล้วกลับมาก่อนดีกว่า ถ้าทุกอย่างไม่เปลี่ยนแปลงเราค่อยปล่อยวาง”

นายอนิวัตติ์เสนอความคิดเห็น และนั่นทำให้สองสามีภรรยาหันมามองหน้ากันอย่างชั่งใจ ว่ากันตามจริงตัวท่านทั้งสองคนเองก็อยากที่จะได้พศวัตมาเป็นเขย เพราะนอกจากจะเป็นคนกันเองแล้ว ชายหนุ่มก็ถือได้ว่าทำงานเก่งและฉลาดจนหาตัวจับยาก

“เอางั้นก็ได้ เรามาลุ้นกันดีกว่าว่าเมื่อถึงตอนนั้นระหว่างเจ้าพตกับยัยเปรี้ยวใครจะยังโสด หรือจะไม่โสดทั้งคู่และถ้าเป็นอย่างนั้นมันก็คงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้จริงๆ”

แล้วก็เป็นนายอายุธที่เอ่ยขึ้นคล้ายกับไม่รู้สึกกังวลกับเรื่องนี้มากนักติดจะรู้สึกสนุกด้วยซ้ำ ซึ่งนายอนิวัตติ์เองก็พยักหน้าพลางอมยิ้มอย่างเห็นด้วย ผิดกับผู้หญิงเพียงหนึ่งเดียวอย่างนางอมลวรรณที่มองทั้งสองคนด้วยสีหน้ากังวลใจ และนางก็รู้สึกจะกังวลกับฝ่ายชายมากกว่าด้วย เพราะพศวัตนั้นนอกจากรูปหล่อแล้วพ่อยังรวยจึงมีผู้หญิงวิ่งเข้าหาไม่เคยขาด ถ้าพลาดเมื่อไหร่ทุกอย่างอาจจะจบแบบไม่สวย

“หวังว่าเมื่อถึงตอนนั้นตาพตจะยังโสดนะคะ”



ร่างสูงของพศวัตเดินผ่านซุ้มประตูทางลัดที่เป็นรั้วต้นไม้ที่ถูกตัดตกแต่งเอาไว้อย่างสวยงามเรียงยาวตลอดเขตแดนใช้แทนรั้วกั้นและเชื่อมต่อระหว่างบ้านการัณยภาสของเขากับบ้านกิตติวรากลับเข้าบ้านด้วยสีหน้าที่บูดบึ้งตึงเครียด ไม่คิดว่าพวกผู้ใหญ่จะคิดอะไรแผลงๆ อย่างนี้ได้ ให้เขากับวรรณวลีหมั้นกันเนี่ยนะ ชายหนุ่มคิดพลางส่ายศีรษะ ก่อนคิ้วเข้มจะขมวดมุ่นเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นรถของเพื่อนสนิทจอดอยู่ข้างๆ เมอร์เซเดสเบนซ์ของเขา ไม่รู้หรอกว่าอีกฝ่ายมีธุระอะไร รู้แต่ว่าเขาได้เพื่อนไปท่องราตรีแก้เซ็งในคืนนี้แล้ว

เพียงเท่านั้นพศวัตก็เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในบ้าน และไม่พลาดธนภูมิกำลังนั่งคุยโทรศัพท์ด้วยท่าทีสบายอารมณ์อยู่ในห้องรับแขก

“ว่าไงไอ้ภูมิมานานหรือยังวะ”

คนถูกถามหันขวับไปตามเสียงทักจากเจ้าของบ้าน ก่อนจะยิ้มและยักคิ้วทักทายเล็กน้อยจากนั้นก็หันกลับมาบอกลาคู่สายที่โทร.คุยฆ่าเวลา

“เป็นไรวะทำหน้ายังกับกำลังจะโดนบังคับแต่งงานอย่างนั้นแหละ”

ธนภูมิที่กำลังยัดโทรศัพท์ราคาแพงกลับเข้าไปที่กระเป๋ากางเกงเอ่ยถามเสียงกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นหน้าตาที่ไม่น่าอภิรมณ์ของเพื่อนสนิท

“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงว่ะ ไม่รู้ว่าพวกผู้ใหญ่ท่านคิดอะไรกันอยู่ จู่ๆ จะมาจับฉันหมั้นซะงั้น”

คำตอบของพศวัตเกือบทำให้ธนภูมิที่กำลังดื่มน้ำเกือบสำลักน้ำ เขารีบวางแก้วพร้อมกับละล่ำละลักถาม

“จริงเหรอวะ แล้วอีกฝ่ายเป็นใคร”

ธนภูมิเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะทำสีหน้าตกใจนัยน์ตาเบิกกว้างอ้าปากหวอพลางยกนิ้วชี้หน้าพศวัตอย่างคนเพิ่งจะนึกอะไรออก

“แกไปบ้านน้องเปรี้ยวมา นี่อย่าบอกนะว่าผู้หญิงคนนั้นคือน้องเขาน่ะ”

“ถ้าใช่แล้วแกจะทำไม”

ถามพลางทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาด้วยท่าทีเบื่อหน่าย

“เฮ๊ย! จริงเหรอวะ…แล้วแกว่าไง”

ร่างสูงของธนภูมิโดดจากโซฟาอีกตัวมานั่งลงข้างๆ เพื่อนรักอย่างอยากรู้ พศวัตเหลือบตามองแล้วบอกออกไปด้วยน้ำเสียงเน้นหนักแน่นชัดถ้อยชัดคำว่า

“ปฏิเสธโว้ย”

“ห๊า! ทำไมวะน้องเขาออกจะสวย นี่สารภาพกันตรงๆ เลยนะโว้ย ว่าฉันเล็งๆ น้องเขาอยู่ถ้าไม่เกรงใจแกนะ ฉันใส่เกียร์เดินหน้าจีบไปนานแล้ว”

พศวัตหันขวับไปจ้องหน้าตาเขม็งอย่างเอาเรื่อง แต่ธนภูมิใช่จะกลัวกลับพยักพเยิดคล้ายกับถามว่า ‘มีปัญหาอะไร’ นั่นแหละชายหนุ่มถึงได้รู้ตัว ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ แล้วแก้เก้อด้วยการโยนหมอนในมือใส่หน้าของเพื่อนสนิทย่างหมั่นไส้พร้อมกับแก้ตัวเป็นพัลวัน

“ยัยเปรี้ยวเนี่ยนะสวย กะโปโลจะตายไป”

“แกเอาตาตุ่มมองน้องเขาหรือไงถึงได้บอกว่าเป็นเด็กกะโปโล เป็นสาวสะพรั่งแล้ว…แต่ช่างเถอะ ถ้าแกไม่สนงั้นฉันจีบนะ”

ผัวะ!

“โอ๊ย!”

ธนภูมิร้องเสียงหลงเมื่อมือใหญ่ของพศวัตฟาดลงมาที่กึ่งศีรษะกึ่งขมับของเขาแทนคำตอบ และมันเป็นคำตอบที่ทำให้ธนภูมิข้องใจมาก แต่ก่อนที่จะเขาจะได้คาดคั้นเอาเหตุผลว่าทำไม พศวัตที่เหมือนจะไหวตัวทันจึงชิงเอ่ยปากขึ้นก่อน

“ยัยเปรี้ยวยังเด็ก…ฉันว่าเราเลิกคุยเลิกสนใจเรื่องนี้เถอะ ออกไปหาเหล้ากินแก้เซ็งดีกว่า”

“ไปตั้งแต่หัวค่ำเนี่ยนะ”

ถึงจะถามออกไปอย่างนั้นแต่ธนภูมิก็ยันร่างสูงของตัวเองลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เตรียมพร้อมสำหรับการแก้เซ็ง

“เออ ทำไมเจ้าของผับอย่างแกจะเปิดร้านให้ฉันไปนั่งกินเหล้าก่อนเวลาไม่ได้หรือไง และคืนนี้จะค้างที่นั่นเลย เมาแล้วไม่อยากขับรถ”

บอกความต้องการจบก็แล้วเดินนำออกไป ธนภูมิมองตามแล้วยักไหล่เล็กน้อย ก่อนจะเดินตามออกไปติดๆ และระหว่างเดินไปนั้นธนภูมิเหมือนจะเพิ่งนึกถึงสิ่งสำคัญที่จะทำให้ค่ำคืนของชายโสดอย่างพวกเขาเต็มไปด้วยความหฤหรรษ์ขึ้นมาได้

“แล้วสาวๆ ล่ะวะต้องโทร.นัดไหม”

พศวัตหยุดเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเอี้ยวตัวกลับมาบอกพร้อมกับยักคิ้วอย่างอารมณ์ดีขึ้นเล็กน้อยว่า

“ไม่ต้อง หาเอาข้างหน้าดีกว่า”

“ว่าไงก็ว่าตามกัน”

สองหนุ่มมองหน้ากันแล้วประสานเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ ก่อนต่างคนจะต่างเดินไปขึ้นรถของตัวเอง แล้วขับออกไปหาความสำเริงสำราญตามประสาหนุ่มโสด โดยมีสายตาของยัยเด็กกะโปโลข้างบ้านมองตามรถเมอร์เซเดสเบนซ์ของพศวัตที่วิ่งนำเฟอร์รารี่ ที่เธอจำได้ดีว่าเป็นรถหรูสวยเฉี่ยวของเพื่อนสนิทชายหนุ่มที่ชื่อธนภูมิผ่านหน้าต่างของห้องนอนตัวเองไปจนลับสายตา



สนามบินสุวรรณภูมิ

ร่างบอบบางในชุดกางเกงยีนเข้ารูปอย่างที่เจ้าตัวชื่นชอบกับเสื้อเชิ้ตแขนยาวสไตล์แฟชั่นปิดท้ายด้วยผ้าพันคอสีพื้นดูเก๋ไก๋ไม่ฉูดฉาดแต่ลงตัวของวรรณวลีที่ยืนร่ำลาผู้สูงวัยทั้งสามคนที่มาส่งหญิงสาวขึ้นเครื่อง เพื่อที่จะเดินทางไปศึกษาต่อในระดับปริญญาตรีที่ประเทศอังกฤษ

หากแต่ยังขาดใครอีกคนที่หญิงสาวได้แต่แอบชะเง้อคอมองว่าเขาอาจจะมา เพราะเขารู้ไม่ใช่ไม่รู้ว่าวันนี้เธอจะเดินทาง แต่เหลือเวลาอีกไม่มากเธอก็ต้องไปแล้วก็ยังไม่เห็นแม้เงา วรรณวลีถอนหายใจใบหน้าสวยแสดงความผิดหวังออกมานิดๆ คิดว่าผลจากวันนั้นพศวัตคงเกลียดเธอให้แล้วจริงๆ

“เป็นอะไรไปลูกถอนหายใจซะดังเชียว”

เสียงถามจากคนเป็นแม่ทำให้วรรณวลีสะดุ้งโหยง ก่อนจะปรับสีหน้าพลางส่งยิ้มแห้งๆ และกลบเกลื่อนด้วยการเดินเข้าไปกอดร่างท้วมนิดๆ ของคนเป็นแม่พร้อมกับออดอ้อน

“ก็เปรี้ยวไม่อยากจากแม่และทุกๆ คนไปนี่คะ”

“ถ้าอย่างนั้นเราก็ตั้งใจเรียน รีบเรียนจะได้รีบจบและจะได้กลับมาอยู่ด้วยกันนะ”

พูดพลางดันร่างบอบบางของคนเป็นลูกสาวออกห่างเล็กน้อย ซึ่งวรรณวลีก็พยักหน้ารับพร้อมกับอมยิ้มรับปากเสียงหนักแน่น

“ได้ค่ะ เปรี้ยวจะตั้งใจเรียนไม่เกเร และที่สำคัญจะช่วยงานที่ร้านน้าวาเพื่อหาประสบการณ์ด้วยดีไหมคะ”

น้าวาที่หญิงสาวเอ่ยถึงคือน้องสาวแท้ๆ ของคนเป็นแม่ที่ไปทำมาหากินโดยการเปิดร้านอาหารไทยอยู่ประเทศอังกฤษเมื่อหลายปีก่อน และตอนนี้กิจการก็รุ่งเรื่องดีถือเป็นร้านอาหารไทยที่มีชื่อเสียงอันดับต้นๆ ในเขตนั้นเลยทีเดียว

“ดีมากจ้ะ”

“ว่าแต่ทำไมเจ้าพตไม่มาสักที ทั้งที่เมื่อวานก็เตือนแล้วนะว่าคืนนี้หนูเปรี้ยวจะออกเดินทาง”

นายอนิวัตติ์บ่นพลางหมุนตัวกวาดสายตามองหาคนเป็นลูกชายหลังจากยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูแล้วใกล้เวลาที่วรรณวลีจะต้องขึ้นเครื่องแล้ว ดังนั้นขึ้นทำให้ทุกคนที่ได้ยินต่างมองหน้ากัน แล้วก็เป็นนางอมลวรรณที่เอ่ยขึ้น

“ตาพตอาจจะติดธุระก็ได้นะคะ”

“มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่น่าจะโทร.มาบอกกันหน่อยสิ เห็นเมื่อวานรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะมาส่งน้อง เฮ้อ…อย่าถือสาพี่เขาเลยนะหนูเปรี้ยว คงเจองานด่วนเข้า เจ้านี่ถ้าได้อยู่ในโหมดทำงานเรียกได้ว่าลืมทุกอย่าง ดีที่มันไม่ลืมหายใจ”

นายอนิวัตติ์เอ่ยติดตลกแก้ตัวให้ลูกชายแบบแกนๆ ในใจก็นึกโมโหลูกชายตัวดีที่ผิดคำพูดจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่โตๆ กันแล้วต้องรู้อะไรควรไม่ควรแสดงออกแค่ไหน

“ไม่เป็นไรค่ะ เปรี้ยวเข้าใจ แค่คุณลุงมาส่งเปรี้ยวก็ดีใจแล้วล่ะค่ะ” บอกด้วยน้ำเสียงสดใสใบหน้าระรื่นแต่ในอกนั้นซ่อนความน้อยใจเอาไว้ไม่น้อย

“อุ๊ย! ใกล้เวลาแล้ว ไปเถอะลูก ถึงที่โน่นแล้วอย่าลืมโทร.มารายงานตัวกับพ่อและแม่ด้วยนะจ๊ะ”

“ค่ะ งั้นเปรี้ยวไปนะคะ”

หญิงสาวยกมือไหว้คนเป็นแม่แล้วเข้าไปสวมกอดอีกครั้ง ก่อนจะผละออกหันมาไหว้และสวมกอดร่างสูงของคนเป็นพ่อบ้าง

“ไปนะคะพ่อ”

“รักษาตัวด้วยนะลูก มีอะไรโทร.มาหาพ่อได้ทุกเวลานะ”

มือหนาลูบผมสลวยของลูกสาวที่เวลาผ่านไปไม่นานลูกสาวตัวน้อยๆ ของเขาก็กลายเป็นสาวเต็มตัวพร้อมจะออกจากอกไปเผชิญโลกภายนอกตามลำพังแล้ว

“ค่ะ…เปรี้ยวไปนะคะคุณลุง ฝากดูแลคุณพ่อกับคุณแม่แทนเปรี้ยวด้วยนะคะ”

ท้ายประโยคหญิงสาวหันมายกมือไหว้และฝากฝังบุพการีทั้งสองกับผู้สูงวัยข้างบ้านที่สนิทชิดเชื้อกันไม่ต่างกับญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง

“ไม่ต้องห่วงลุงจะดูแลให้เป็นอย่างดี เดินทางปลอดภัยแล้วอย่าลืมโทร.มาคุยกับลุงบ้างนะ”

ริมฝีปากบางเปิดยิ้มให้กับทุกคนเป็นการส่งท้าย ก่อนจะหมุนตัวลากกระเป๋าเดินห่างออกไป หากแต่ไปได้เล็กน้อยวรรณวลีก็เอี้ยวตัวกลับมาโบกมือให้กับผู้สูงวัยทั้งสามด้วยรอยยิ้ม และไม่ลืมที่จะชะเง้อคอมองเลยไปเผื่อใครบางคนที่เธอเฝ้ารอจะโผล่หน้ามา แต่ก็ต้องผิดหวังซ้ำสอง ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มสลดลง แต่มันก็ชั่ววินาทีเท่านั้นวรรณวลีสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ใบหน้าสวยก็เชิดขึ้นอย่างถือดี พร้อมกับเตือนสติตัวเองว่า ‘ไม่มาก็ไม่เห็นง้อ เห็นเราเป็นแค่เด็กกะโปโลล่ะสิเลยไม่สนใจ คอยดูนะกลับมาเมื่อไหร่เราจะได้รู้กัน ตาแก่’

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีรูปเล่มพร้อมส่งนะคะ
ราคา 299 (จากราคาปก 320 บาท)
ค่าส่ง 20 บาท
(แถมสมุดโน๊ตภาพหน้าปกนิยาย จนกว่าของจะหมด)
สนใจสั่งซื้อได้ที่ แฟนเพจ รดามณี ไหมขวัญ หรือที่ kesmani1@hotmail.com
E-book : https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiMTgyNTMyIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NDoiNjU3OCI7fQ



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 ต.ค. 2558, 12:16:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 ต.ค. 2558, 12:16:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 1409





   ตอนที่ 1 ซ้ำรอย 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account