ล่ารักแดนทะเลทราย สนพ กรีนมายด์
แหวนล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์สวมใส่อยู่บนนิ้วของ ‘แอล’ นักวาดภาพสมัครเล่น แต่องค์รักษ์ธามินยังไม่ทันสืบหาเรื่องราวที่แท้จริง ก็พบหญิงสาวลึกลับผู้นั้นอยู่กลางวงล้อมของกบฏที่แฝงตัวไปทั่วทะเลทราย เธออาจเป็นนางนกต่อหรือสายของกบฏก็ได้ ทว่าธามินต้องพาเธอไปด้วยจนกว่าจะพบองค์หญิงซาเมรา ซึ่งคนของเขาส่งข่าวว่าถูกลักพาไปเป็นตัวประกัน
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
Tags: ทะเลทราย ความรัก องครักษ์ เจ้าหญิง

ตอน: ตอนที่ 4 ครึ่งแรก

ตอนที่ 4

ธามินกางเต็นท์ในระหว่างที่ซาเมราไปสระน้ำ ก่อนไปเธอสั่งเขาเสียงเข้มว่าอย่าได้เข้าไปใกล้หรือแอบมองเด็ดขาด ชายหนุ่มส่ายหน้าคิดว่าเขาเป็นพวกโรคจิตถ้ำมองหรือไง คืนก่อนในขณะที่เธอนอนอุ่นอยู่ในเต็นท์นั้น ใครกันล่ะที่นอนหนาวอยู่นอกเต็นท์กลางทะเลทราย ถ้าเธอคิดถึงการให้เกียรติจากเขาแทนเรื่องที่ถูกขัดใจคงเป็นองค์หญิงที่น่ารักกว่านี้
ไฟเริ่มมอดแล้วธามินจึงเดินไปเก็บกิ่งต้นกระถินเหลืองแห้งมาเติม ลมเบาๆ พัดมาพร้อมละอองทรายเม็ดเล็ก เขาปิดเต็นท์ไม่ให้ทรายเข้าแล้วนั่งใกล้กองไฟพลางมองพระจันทร์ที่ดวงโตขึ้น แสงสลัวทำให้พอเห็นทะเลทรายเบื้องหน้าคงเบาใจได้ว่าคืนนี้หากใครผ่านมา เขาย่อมเห็นก่อนจากการซ่อนหลังหินก้อนใหญ่
เวลาล่วงผ่านไปนานมากแล้วแต่ซาเมรายังไม่กลับมา ทั้งๆ ที่สระน้ำห่างจากจุดที่กางเต็นท์เพียงไม่กี่เมตรเท่านั้น ด้วยความเป็นห่วงธามินค่อยๆ ก้าวขาไปตามทางคิดเพียงว่าหากไม่มีอะไรก็แค่กลับมาเงียบๆ จะได้ไม่ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกโรคจิตถ้ำมอง แต่ถ้าซาเมราเป็นอะไรขึ้นมาเขาจะได้ช่วยเหลือทัน
...ตุ้บ
อาวุธบางอย่างจู่โจมธามินจากด้านหลังแต่โดนไม่เต็มนักเพราะเขากระโจนหลบแล้วคว้าอาวุธที่เป็นเพียงไม้ไว้ได้ก่อน แค่กระชากแรงๆ ทีเดียวคนจู่โจมก็เข้ามาสู่อ้อมอก ไม่ต้องเดาว่าเป็นใครเพราะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เข้ามาในโอเอซิสแห่งนี้ได้ ร่างเพรียวสะบัดขัดขืนเมื่อถูกกักไว้ในอ้อมแขนของคนน่าสงสัย
“ทำแบบนี้ทำไมครับองค์หญิง ทำไมต้องลงไม้ลงมือกันด้วย มีอะไรพูดกันดีๆ ไม่ดีกว่าหรือครับ” ธามินข่มใจถามอย่างสุภาพทั้งที่โมโหจนอยากจับซาเมราทุ่มลงสระ
“ก็นายมันน่าสงสัยนี่นา” ซาเมราแหวลั่นพร้อมกับกระทืบเท้าใส่อีตามธามไม่ยั้ง
“ผมน่าสงสัยตรงไหนไม่ทราบครับองค์หญิง ช่วยผมบอกผมทีเถอะ”
“ปล่อยก่อนสิ”
ธามินยอมปล่อยแต่โดยดีแล้วกอดอกรอฟัง ตามองอย่างระวังอย่าคิดว่าจะเอาอะไรมาทำร้ายเขาได้อีก ตามศักดิ์แล้วเขากับเธอมีฐานะเท่าเทียมกัน ถ้ามีการทำร้ายกันอีกครั้ง องค์หญิงก็องค์หญิงเถอะ เขาจะลงโทษให้หายดื้อเลยเชียว
“นายรู้ได้ยังไงว่าฉันเป็นใคร ปกติแล้วทหารปลายแถวไม่มีทางรู้ว่าใบหน้าของฉันเป็นอย่างไร นอกจากพี่ชายและคนใกล้คิดก็แทบไม่มีใครรู้ว่าฉันเป็นใคร” เธอเกือบเชื่อสนิทใจอยู่แล้วถ้าไม่ฉุกสงสัยขึ้นมา
ธามินถอนใจใส่ซาเมราอย่างเหลือทนแล้วเดินกลับมานั่งที่พื้นทรายห่างจากกองไฟพอสมควร ซาเมราเดินตามมาแล้วรักษานะยะห่างไว้และยังไม่วายถือไม้ติดมือมาด้วย
“ฉันเป็นคนถาม ส่วนนายก็ตอบมาสิ หรือว่าจริงๆ แล้วนายวางแผนไม่ดีเอาไว้”
“ไม่ใช่อย่างที่องค์หญิงคิดหรอกครับ” ธามินรีบพูดก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่ “ผมเคยเห็นรูปองค์หญิงมาก่อน ถ้าจำไม่ได้ผมจะระลึกให้ มีหนังสือหัวนอกเล่มหนึ่งที่องค์หญิงไปถ่ายแบบไว้จำได้ไหมครับ แล้วพอผมพูดคำราชาศัพท์ องค์หญิงก็สั่งห้ามแล้วยอมรับว่าเองว่าเป็นใคร”
ธามินปั้นหน้าเฉยไร้พิรุธเพราะนิตยสารเล่มนั้นเขาเห็นตั้งแต่ตอนอยู่อเมริกา เคยเจอกันอย่างบังเอิญมาแล้วอีกต่างหาก แต่เธอคงจำไม่ได้หรอกว่าวันนั้นหิมะตกแล้วก็มีวงดนตรี จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขาร้องเพลงให้ฟังแล้วเธอใส่เงินลงในกล่อง แต่ที่ทำให้รู้เขาจักซาเมราจริงๆ นั้นมาจากการเป็นราชองครักษ์ ถ้าบอกไปเธอคงไม่เชื่อเปล่าๆ พอกลับวังใครเป็นอะไรก็จะเปิดเผยเองไม่ต้องมานั่งบอกกันอีก
ซาเมรานึกตามแล้วก็ไม่ผิดไปจากที่ธามบอกไว้ ยามที่ถามเสียงเลยอ่อยลง “นายพูดความจริงกับฉันแน่นะ”
“แล้วผมจะโกหกองค์หญิงไปทำไมล่ะครับ ผมไม่อยากถูกสั่งประหารสักหน่อย”
ซาเมราหรี่ตาสำรวจพิรุธของธามเต็มที่พอไม่เห็นอะไรน่าสงสัยเลยค่อยเบาใจ เธอไม่น่าคิดสงสัยเขาด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเลยจริงๆ ตอนนี้เลยยกมือมาสางผมที่เปียกจนเริ่มหมาดแก้เก้อไปพลางๆ
“องค์หญิงไม่เจ็บเลยหรือไงครับ”
“ฉันแค่สางผมจะไปเจ็บอะไร นายนี่ถามแปลกจังนะ”
ธามินลุกขึ้นแล้วเดินมาใกล้ก่อนจะนั่งลงรักษาระยะห่างไว้แล้วชี้มายังปลายเท้าของซาเมราที่เลือดไหลออกมาจากเล็บที่บิ่นหัก แต่เจ้าตัวกลับไม่รู้สึกเจ็บเพราะมัวแต่เอาเรื่องเขาอยู่ จนกระทั่งเธอก้มลงมามองจนเห็นด้วยตาตัวเองนั่นล่ะ
“เจ็บสิ ถามมาได้ เพราะนายคนเดียวเลย ทำไมเพิ่งมาบอกฉันล่ะ...อูย”
ป่วยการที่ธามินจะปฏิเสธเพราะซาเมรากำลังเจ็บคงไม่ฟังหรอก บาดแผลคงเกิดจากจังหวะที่เขากระชากแขนจนเธอเซถลามานั่นแหละ ก็ใครที่คิดพิเรนทร์ให้เธอเอาไม้มาตีหัวเขาล่ะ ชายหนุ่มทำได้แต่คิดเพราะถ้าพูดออกไปวันนี้คงไม่ได้ทำแผล น้ำสะอาดที่ต้มไว้สำหรับดื่มถูกราดลงบนเล็บเท้าที่เลือดกำลังไหลออกมา ผ้าโพกหัวถูกฉีกออกมาเป็นเส้นยาวๆ แทนผ้าก๊อซ ซาเมราขยับขาหนี ไม่ใช่รังเกียจ แต่เกรงใจต่างหาก
“เดี๋ยวฉันทำแผลเองดีกว่า”
“องค์หญิงทำเองคงไม่ถนัดเท่าไหร่หรอกครับ ผมทำแผลให้ดีกว่า” เขาบอกเสียงอ่อนโยนแม้จะไม่เงยหน้ามองคนชักขาหนีก็ตาม
ปลายเท้าเล็กๆ ของซาเมราถูกยึดไว้บนหน้าขาของธามิน เขาจัดการล้างแผลให้ก่อนผันผ้ารอบเล็บที่เลือดยังไหลซึมจนแน่น อีกไม่นานเลือดจะหยุดไหลไปเอง แล้วเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกอึดอัดร่างสูงจึงขยับกลับมานั่งที่เดิม สายตาอ่อนโยนลงของซาเมรามองมา แต่เพียงครู่เดียวก็เมินมองไปทางอื่น
ธามินนำแผนที่ออกมากางอีกครั้ง มีจุดต่างๆ ถูกมาร์คไว้ก่อนหน้านี้ที่น่าสนใจ ซาเมราหันมามองพลางจิบชากับกินเนื้อย่างด้วยความหิว ผ่านไปครู่หนึ่งแผนที่ถูกเก็บแล้วร่างสูงก็ทอดกายลงนอน เธอเลยเข้าไปในเต็นท์แล้วรูดซิปปิดก่อนจะนอนลงบ้าง อย่างน้อยเธอพอจะสบายได้ว่าธามไม่ใช่คนร้าย แต่เขาเป็นผู้ชายเพราะฉะนั้นไม้อันเดิมจึงยังไม่ห่างจากมือของซาเมรา

ล่วงเข้าวันใหม่ไปสามชั่วโมง มาลิคไปรายงานความคืบหน้าของการค้นหาให้ชีคชามีลได้รู้ แล้วจึงกลับไปพักที่ห้องทำงานสิบห้านาทีก่อนจะค้นหาต่อ ภายในห้องทำงานที่ผนังเป็นกระจกเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึง ทว่าการตกแต่งภายในห้องหรูหราสมฐานะราชองครักษ์ ด้วยโซฟาตัวยาวสีทองที่ไม่ค่อยมีใครกล้านั่ง บนโต๊ะหน้าโซฟามีแจกันดอกไม้ที่นางกำนัลเปลี่ยนให้ทุกวัน วันนี้เป็นดอกกุหลาบ ผ้าม่านถูกปิดลงทุกด้าน โต๊ะทำงานที่ทำจากไม้โอ๊คตัวใหญ่สามตัวเรียงกันว่างไปสองโต๊ะ แต่ยังเหลือหนึ่งโต๊ะที่ยังมีคนทำงานอยู่
ราเนียเงยหน้ามองเพื่อนร่วมงานที่อายุมากกว่าสองปี แต่ไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอจะเรียกผู้ชายเสน่ห์ร้อนแรงคนนี้ว่าพี่ ผู้ชายบางคนก็เปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นได้หลังการฝึกหนักๆ มาจนความสำรวยแรกพบไม่หลงเหลืออีกแล้ว
“ทะเลทรายฝั่งตะวันออกยังไร้วี่แววอยู่เลย ทำไมถึงหายตัวไปได้อย่างไร้ร่องรอย คนทั้งคนเชียวนะ” ตอนนี้หาใครปรับทุกข์ไม่ได้ ใครได้ยินก็รับไป
“หรือจะเป็นแผนลวงให้เกิดความสับสนทำให้เขว จริงๆ แล้วธามอาจไม่ได้ไปทางนั้นก็ได้นะมาลิค ไม่อย่างนั้นทหารที่ส่งออกไปตั้งมากมายก็ต้องพบอะไรบ้างสิ”
มาลิคฟังแล้วคิดตามก็ชักเห็นความเป็นไปได้ ถ้าธามินไปทางทะเลทรายฝั่งตะวันออก อย่างไรเสียก็ต้องทิ้งร่องรอยไว้ให้ตามไม่ใช่หาอะไรไม่เจอสักอย่างแบบนี้
“น่าคิดแฮะ ถ้าตัดทะเลทรายฝั่งตะวันออกไปก็ยังเหลืออีกสามด้านเชียวนะราเนีย”
ราเนียฝืนยิ้มเพราะเหลือทะเลทรายอีกสามด้านก็ยังเป็นงานยากอยู่ดี มาลิคถอนใจพยายามคิดว่าอย่างน้อยก็ยังไม่ถึงจุดที่เรียกว่าวิกฤต การที่ทหารยังไม่พบศพใครย่อมเป็นข่าวดีที่สุดแล้ว
“ไม่ว่ายังไงก็ต้องหาต่อไป ฉันมั่นใจว่าธามต้องทิ้งร่องรอยไว้ถ้าตามไปถูกทิศทาง ทางฉันก็ยังมืดแปดด้านพอกันเลย” คราวนี้ถึงคราวเธอปรับทุกข์บ้าง
มาคิลคว้าแท็บเล็ตในมือของราเนียมาอ่านคร่าวๆ “บ้านเกิดของหัวหน้านางกำนัลล่ะอยู่ที่ไหนน่ะราเนีย ลองส่งคนไปสืบดูหรือยัง คนที่อยู่ในวังมาตั้งแต่อายุยังน้อยคงไม่มีที่ไปมากนักหรอก”
“จริงด้วย ฉันไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย ขอบใจนายมากนะ ฉันจะสั่งคนไปดูลาดเลาเผื่อได้เบาะแสอะไรเพิ่มขึ้นมาบ้าง”
มาลิคค่อยยิ้มออกเมื่อช่วยงานของราเนียได้บ้าง สองราชองครักษ์เดินออกไปจากห้องกันโดยมีแผนงานต่างๆ อยู่ในสมอง เวลาพักเพียงน้อยนิดหมดลงแล้วเพราะยิ่งช้าองค์หญิงอาจมีอันตรายรวมทั้งธามินด้วย

ในเวลาเดียวกันนั้นชีคชามีลยังคงรอฟังรายงานความคืบหน้าอื่นๆ อยู่ในห้องทรงงานส่วนตัวด้วยหัวใจร้อนรุ่มและห่วงมากมาย ผ่านไปสามสิบสองชั่วโมงแล้วยังไม่พบซาเมราและราชองครักษ์ธามิน ไม่มีอะไรคืบหน้าที่พอจะเป็นความหวังนอกจากการที่ยังไม่พบศพของทั้งสองคนนั้น เขารู้ดีว่าทหารทุกคนยังทำงานอย่างเต็มที่จึงไม่เร่งรัดเพราะการค้นหาไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อทะเลทรายกว้างใหญ่จนมนุษย์เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ แต่ถึงกระนั้นความสงสัยบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในสมองอยู่ดี
“น่าแปลกเหลือเกิน”
“น่าแปลกอะไรหรือพะย่ะค่ะ...เอ่อ ครับ” ยาซินยังอยู่กับชีคไม่ได้ไปไหน
เรียวนิ้วยาวเคาะกับโต๊ะยามที่รวบรวมความคิด “ถ้ากลุ่มกบฏจับตัวเมราไปได้แล้วก็น่าจะยื่นข้อเสนอมาทันที แต่กลับเงียบกริบไม่มีการติดต่อ แสดงว่าถ้ามันไม่ได้จงใจทำให้ผมเครียดแทบคลั่งก็อาจจะเป็นไปได้ว่ามันยังไม่มีอะไรมาต่อรองน่ะสิยาซิน”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นคงดีที่สุดนะพระองค์”
มันเป็นสิ่งที่ชามีลคาดหวังให้เป็นต่างหาก แต่ในโลกของความเป็นจริงไม่น่าจะพบบทสรุปที่ง่ายดายถึงเพียงนั้น โจทย์อีกข้อที่เขาขบคิดอยู่ต่างหากที่น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ
“ธามินหายไปไหน เป็นไปได้ไหมว่าการหายไปของเมราเกี่ยวกับธามิน”
ยาซินนิ้วหน้าเนื่องจากนัวเรด์ดีนเพิ่งสงบแท้ๆ จะระส่ำระสายอีกแล้วหรือ ท่านดิฮ์ยาแสดงความบริสุทธิ์ใจไปแล้ว ไม่มีทางก่อเรื่องให้เดือดร้อนกันไปทั้งเมือง
“พระองค์คิดว่าธามินเป็นคนของกบฏหรือครับ”
“ผมยังไม่ได้คิดไปถึงขนาดนั้น แค่สงสัยว่าทำไมคนที่รับผิดชอบต่อหน้าที่ถึงหายตัวไปโดยที่ไม่ติดต่อกลับมา ถ้าธามินเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเมราก็ขอให้เป็นการเข้าไปช่วยเหลือแล้วพบปัญหาบางอย่างจึงติดต่อใครไม่ได้ ไม่ใช่ว่าธามินเป็นคนที่ลักพาตัวเมราอย่างที่ผมกำลังห้ามไม่ให้ตัวเองคิดอยู่”
นาซินส่ายหน้าไม่อยากคิดในด้านร้ายถึงเพียงนั้น “ราชองครักษ์ธามินจะเป็นกบฏได้อย่างไรล่ะครับ ในเมื่อ...”
“กบฏคราวก่อนก็มาจากเชื้อพระวงศ์ไม่ใช่หรือยาซิน”
ราวกับเหตุการณ์นองเลือดเพิ่งเกิดเมื่อวานทั้งที่ผ่านมาเกือบปีแล้ว เชื้อพระวงศ์เจ็ดคนถูกประหารอย่างลับๆ หนึ่งในนั้นเป็นพ่อของกาลิบอย่างไรล่ะ แต่อีกไม่น้อยที่หนีรอดไปได้ เหลือคนที่เกี่ยวข้องกับแกนนำเพียงคนเดียวที่ยังมีชีวิตรอด ความเป็นเพื่อนช่างตัดยาก ไม่นึกว่ามาถึงวันนี้จะกลายเป็นปัญหาและอาจดึงกบฏให้กลับมา
คำสั่งประหารกาลิบควรร่างได้แล้วหรือยัง? ชีคชามีลถามตัวเองพร้อมกับถอนใจ

แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ต.ค. 2558, 09:48:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ต.ค. 2558, 09:48:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 836





<< ตอนที่ 3 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 4 ครึ่งหลัง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account