ล่ารักแดนทะเลทราย สนพ กรีนมายด์
แหวนล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์สวมใส่อยู่บนนิ้วของ ‘แอล’ นักวาดภาพสมัครเล่น แต่องค์รักษ์ธามินยังไม่ทันสืบหาเรื่องราวที่แท้จริง ก็พบหญิงสาวลึกลับผู้นั้นอยู่กลางวงล้อมของกบฏที่แฝงตัวไปทั่วทะเลทราย เธออาจเป็นนางนกต่อหรือสายของกบฏก็ได้ ทว่าธามินต้องพาเธอไปด้วยจนกว่าจะพบองค์หญิงซาเมรา ซึ่งคนของเขาส่งข่าวว่าถูกลักพาไปเป็นตัวประกัน
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
Tags: ทะเลทราย ความรัก องครักษ์ เจ้าหญิง

ตอน: ตอนที่ 6 ครึ่งหลัง

ชายสองคนควบม้าออกมาตามคำสั่งแล้ววนรอบๆ หมู่บ้านราวกับกำลังรอใครอยู่ แต่ผ่านไปนานสองนานก็ยังไม่พบใครหรืออะไรที่น่าสงสัย จึงยังไม่มีอะไรรายงานถึงความคืบหน้าเป็นวันที่สอง ม้าถูกควบห่างออกไปไกลขึ้นเผื่อจะพบเป้าหมายที่คูเซย์สั่งให้ตามหา แต่จะมองไปทีไรก็ไม่เห็นอะไรนอกจากทะเลทรายที่เห็นอยู่ทุกวันจนน่าหงุดหงิด
“แน่ใจหรือว่าพวกมันจะมาถึงที่นี่ ไม่ใช่ตายกลางทะเลทรายไปแล้วหรือวะ”
“แน่ใจสิ ถ้ามันยังไม่กลับไปที่หมู่บ้านทางโน้น มันก็อาจจะมาทางนี้ ไม่อย่างนั้นได้ตายกลางทะเลทรายจริงๆ นั่นแหละ” ใครๆ ก็รู้คนที่ไม่คุ้นเคยกับทะเลทรายไม่มีทางขาดน้ำได้เกินสามวัน
“ถ้างั้นหาต่ออีกสักพัก ถ้าค่ำแล้วยังไม่มาค่อยเดินทางต่อ”
ม้าถูกควบให้มุ่งหน้าไกลออกไปกว่าวันก่อนจนมาถึงเนินทรายที่ใหญ่ตระหง่านกลางทะเลทราย โดยเบื้องล่างตรงร่มเงาธามินกำลังลูบแก้มนุ่มของซาเมราเพื่อวัดไข้ก่อนจะก้มหน้าลงไปใกล้ใบหูเล็กแล้วเรียกเบาๆ
“ซาเมรา...”
หญิงสาวยังหลับตาพริ้มไม่มีทีท่าว่าจะฟื้น เสียงหนึ่งแทรกเข้าจากไกลๆ แล้วใกล้เข้ามา ธามินนิ่งฟังจึงได้รู้ว่ามีใครบางคนอยู่ข้างบน เขาชะโงกหน้าเงยขึ้นดูเพียงชั่ววูบก็เห็นผู้ชายใส่โตเบสีดำและสวมสะระบั่นสีขาวอีกแล้ว สัญญาณอันตรายในสมองของเขาดังระรัว
ผ้าที่เคยใช้กางเป็นกระโจมถูกดึงมาคลุมปิดอำพรางกายไว้ ไม้ที่ใช้ค้ำผ้ายามกางกระโจมกระทุ้งไปยังทรายเลยหัว ทรายร่วงพรูทับถมสองหนุ่มสาวในวินาทีนั้นพร้อมๆ กับธามินกอดซาเมราเอาไว้แน่น ม้าที่อยู่ข้างบนตกใจร้องเสียงดังก่อนจะถูกกะตุกบังเหียนให้ควบทะยานห่างจากจุดที่ทรายถล่ม
ฉับพลับนั้นเครื่องบินเล็กลำหนึ่งกำลังบินผ่านสองกบฏไปอย่างเชื่องช้า สัญลักษณ์ที่จำได้แม่นพุ่งสู่สายตาทำให้รู้ทันทีว่าเป็นเครื่องบินเล็กส่วนพระองค์ โดยที่นกฟีนิกซ์เป็นสัญลักษณ์ขององค์หญิงซาเมรา ส่วนชีคชามีลมีสัญลักษณ์เป็นพญาเหยี่ยว
“คนส่งข่าวของคูเซย์ทำงานพลาดแล้ว”
“อะไรวะ พลาดตรงไหน” ชายคนอีกคนถามพลางมองตามเครื่องบินที่กำลังมุ่งหน้าสู่ชายแดน
“ก็องค์หญิงซาเมราถูกช่วยไปแล้วน่ะสิ กำลังนั่งเครื่องบินเดินทางไปที่ชายแดนอยู่นี่ไง รีบไปส่งข่าวกันเถอะ”
กบฏทั้งสองคนรีบควบม้ากลับหมู่บ้านด้วยความกังวลที่สุด แผนการที่วางกันมาแรมปีกำลังพังลงเพราะองค์หญิงถูกช่วยไว้ได้นั่นหมายความว่าโอกาสลงมือลักพาตัวกลับมาคงไม่มีอีกแล้ว

สรรพเสียบรอบตัวเงียบกริบและมืดมิดขอเพียงแค่อากาศน้อยนิดยังมีอยู่ ธามินพยายามดันผ้าคลุ่มร่างที่ทับถมด้วยทรายน้ำหนักไม่น้อยออกไปจึงใช้แรงไม่น้อยกว่าจะพาตัวเองและซาเมราออกมาจากกองทรายมหึมาได้ หญิงสาวยังหลับตานิ่งไม่ได้สติ ด้วยความห่วงสุดชีวิตแขนเรียวถูกเขาเขย่าไม่เบานักเพราะเธอสลบนานเกินไปแล้ว
“ซาเมรา ฟื้นสิ อย่าเป็นอะไรนะ”
ธามินตะโกนเรียกอยู่หลายครั้งจนผ่านไปเป็นนาทีนั่นล่ะแพขนตาของซาเมราถึงได้เริ่มขยับแล้วผ่านไปมองรอบๆ ตัวอย่างมึนงงท่ามกลางกองทรายเกือบมิดหัว มือบางยกขึ้นมาคล้ายไขว่คว้าอะไรสักอย่าง เขาประคองมือเย็นเฉียบของเธอไว้อย่างลืมตัว
“ตอนนี้ฉันอยู่ที่ไหน ทำไมถึงเลอะทรายไปทั้งตัวล่ะธาม” เธอจำได้ว่ากำลังคุยกับเขาเพลินๆ อยู่นี่นา
“เรื่องมันยาวน่ะครับ เอาเป็นว่าตอนนี้องค์หญิงปลอดภัยแล้วเดินทางกันต่อดีกว่า”
ธามินลุกขึ้นยืนพร้อมกับช่วยประคองให้ซาเมราเดินตามมาเพราะถ้าไม่รีบอาจจะถูกฝังทั้งเป็นอีกรอบก็ได้ อีกทั้งบรรยากาศโดยเริ่มรอบมืดแล้วพระจันทร์กำลังลอยจากอีกด้านของขอบฟ้าแสดงว่าเขาต้องรีบพาเธอไปใกล้หมู่บ้าน
“องค์หญิงเดินไหวไหม ถ้าไม่ไหวผมจะได้ให้ขี่หลังแทนครับ”
ขาที่อ่อนแรงของซาเมราเรียกร้องอยากพัก แต่ธามคงเหนื่อยยิ่งกว่าเธอด้วยซ้ำ
“ตอนแรกคิดว่าจะไม่ไหว แต่ถ้าต้องขี่หลังนาย ฉันเดินเองดีกว่า เหนื่อยมาด้วยกัน จะให้มาแบกฉันจนหลังหักได้ยังไงล่ะ”
ธามินไม่คะยั้นคะยอถามซ้ำด้วยรู้ดีแก่ใจนอกเหนือจากการไว้ตัวของซาเมรานั้นคือน้ำใจ “ถ้าอย่างนั้นองค์หญิงค่อยๆ แล้วกันครับจะได้ไม่ล้ามากนัก”
ซาเมราเดินช้าๆ เคียงร่างสูงใหญ่สักครู่เดียวเท่านั้นมืออุ่นซ่านก็ยื่นมาตรงหน้า เธอวางมือลงแล้วเดินได้มั่นคงขึ้น ไม่ต้องกลัวล้มอย่างที่ผ่านมา ในยามลำบากเธอคิดได้อย่างหนึ่งว่าทหารอย่างนายธามพึ่งพาได้และเขาให้เกียรติเธอตั้งแต่วินาทีแรกที่พบกันจนถึงตอนนี้

แผนแรกของมาลิคผ่านไปด้วยดี ป่านนี้พวกกบฏคงเข้าใจว่าองค์หญิงซาเมราถูกช่วยมาแล้วและกำลังเสด็จชายแดน ถ้าธามินกำลังพาองค์หญิงหนีจะได้ไม่ถูกเพ่งเล็งมากนักทอีกทั้งโอกาสติดต่อหรือพาตัวองค์หญิงกลับวังจะง่ายเข้า หลังจากแผนแรกผ่านไปหนึ่งชั่วโมงทีมของมาลิคก็เดินทางต่อด้วยรถยนต์ไฟร์วีลมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกตามแผนสอง
เดินทางมาได้สักพักนักบินที่ขับเครื่องบินลาดตระเวนห่างออกไปราวๆ ยี่สิบไมล์ก็รายงานมาลิคมาว่าพบรถน่าสงสัย เขาสั่งให้ทหารทุกคนรีบเดินทางไปที่นั่นแม้ว่าพระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้าไปแล้ว ไฟหน้ารถถูกเปิดสว่างจ้าอย่างไม่กลัวถูกจู่โจม มาลิคอยากให้พวกกบฏโผล่มาด้วยซ้ำ เขาจะได้กวาดล้างให้สิ้นซาก รถแล่นตะบึงลุยจนทรายคลุ้งตามหลังด้วยความรีบเร่งเพราะความหวังที่จะเจอองค์หญิงกับธามินอยู่ข้างหน้านี้ จนกระทั่งถึงที่หมายตามพิกัดบนแผนที่
รถคันหนึ่งถูกทรายทับถมจนเกือบมิดคัน ทหารช่วยกันโกยทรายออกมา การสำรวจในตัวรถทำอย่างระมัดระวังไม่ให้เบาะแสใดๆ ถูกมองข้าม จนกระทั่งหนังสัตว์มีรอยกรีดคล้ายตัวอักษรแปลกๆ ถูกพบแล้วนำมาให้มาลิคในนาทีต่อมา
“นี่มันภาษาอะไรหรือครับ ใช่เบาะแสที่ท่านราชองครักษ์ธามินทิ้งไว้หรือเปล่าครับ” ทหารนายนั้นถามอย่างสงสัยเพราะไม่เคยเห็นตัวอักษรในลักษณะแบบนี้มาก่อน
มาลิคส่องไฟฉายดูให้ชัดก่อนยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
“ใช่ แต่ผมต้องใช้เวลาแกะรหัสนี้ก่อน สั่งให้ทุกคนพักแล้วกางเต็นท์นอนที่นี่คืนนี้”
ทหารช่วยกันจุดกองไฟให้ทะเลทรายบริเวณนั้นสว่างไสวและกางเต็นท์สามหลัง เวรยามกำลังทำหน้าที่อย่างมีวินัย ส่วนมาลินยังคงพยายามแปลรหัสจากหนังสัตว์ออกมาเป็นตัวอักษรซึ่งต้องใช้เวลามากพอสมควร ธามินคงรู้ว่าถ้าไม่ใช้รหัสซึ่งมีเพียงคนที่เป็นราชองครักษ์เท่านั้นที่จะเข้าใจความหมายอาจถูกพวกกบฏตามตัวจนพบได้ง่าย
ผ่านไปนาทีแล้วนาทีเล่าจากหัวค่ำกลายเป็นเวลาดึก มาลิคยังคงไม่ละความพยายามถอดรหัสออกมาเป็นตัวอักษรที่สามารถนำมาประกอบเป็นคำและจากคำรวมเป็นประโยคได้ในที่สุด
...องค์หญิงปลอดภัย เดินทางไปโอเอซิสฟารุก
มาลิคนอนลงแผ่ราวกับความรู้สึกเหมือนภูเขาหนักๆ ได้ยกออกไป เขาลุกขึ้นนั่งแล้วนำมาแผนที่มากางหาโอเอซิสฟารุกก่อนจะเรียกให้ทหารทุกคนมารวมกันเพื่อเดินทางก่อนเที่ยงคืน

ชาฮานหลับไปหลายชั่วโมงจากยาที่หมอฉีดให้เพราะอยากให้พัก พอตื่นขึ้นมาเขาเลยมึนงงนิดหน่อยว่าอยู่ที่ไหนพอเห็นห้องสีขาวสะอาดและตราสัญลักษณ์ของโรงพยาบาลก็ค่อยระลึกสิ่งต่างๆ ได้ ความเจ็บตรงหัวไหล่บอกชักว่าเขาถูกลอบยิงมาจริงๆ ไม่ใช่ฝันไป
ชามีลเดินมาหาชาฮานแล้วจับมือไว้ก่อนจะนั่งรอข้างเตียงจนหมอเข้ามาตรวจอาการของพี่ชายเรียบร้อย หลังจากนอนนิ่งๆ อยู่ครู่หนึ่งสติสัมปชัญญะของชาฮานก็กลับมาจนจำได้ทุกอย่าง เขาขยับตัวขึ้นมานั่งโดยมีน้องชายคอยช่วย
“ขอบใจมากนะชาที่มาเยี่ยม ไม่ต้องทำหน้าเหมือนพี่เจ็บหนักขนาดนั้น” ชาฮานเอ่ยน้ำเสียงธรรมดาไม่ได้หวาดกลัวอะไร
ชามีลพยักหน้าฝืนยิ้มให้ชาฮาน อดคิดไม่ได้ว่าที่พี่ชายต้องมาอยู่ในสภาพนี้ก็เพราะความไม่เด็ดขาดเขานั่นเอง
“พวกกบฏบุกมาโจมที่รถยนต์ส่วนตัว คนของพี่กับทหารติดตามยิงกับพวกมัน แต่มันก็ไม่ยอมเหมือนกันทหารของพี่เลยตายหมด ส่วนพวกกบฏที่บาดเจ็บหนีไปได้ พี่ตามไม่ทัน”
“ย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่ดีกว่าหรือครับ” ชามีลอยากขอเพราะชาฮานไปอยู่ไกลถึงชายแดนทำให้ยิ่งอันตราย
คนป่วยยิ้มบางๆ “ไม่ดีหรอก อยู่ที่นั่นพี่ได้ทำประโยชน์ ชาไม่สงสัยบ้างหรือว่าพวกกบฏทำแบบนี้ทำไม แล้วเมราไปไหนเสียล่ะ ทำไมไม่เห็นมาเยี่ยมกันเลย”
เกิดความเงียบที่ยากจะพูดออกมา อาจเพราะชามีลไม่เคยมีความลับต่อพี่ชายแม้จะต่างมารดา
“เมราถูกพวกกบฏลักพาตัวไปครับ คนของผมกำลังตามหาอยู่ หลังจากติดต่อกันเมื่อสองวันก่อน เมรากับธามินก็หายไปอีกครั้ง”
“โธ่ เมรา” สีหน้าของชาฮานทุกข์ตรมไม่ต่างจากชามีลนัก เขาเพิ่งเข้าใจว่าทำไมน้องชายไม่ยิ้มแย้มอย่างเคย
สองพี่น้องปรับทุกข์กันในยามสมาชิกขาดหายไป พยาบาลเข้ามาช่วยเช็ดตัวและดูแลอาหารสำหรับคนไข้ ยาหลังอาหารทำให้ชาฮานหลับไปในชั่วโมงต่อมา โทรศัพท์สายส่วนตัวของชามีลดังขึ้น ร่างสูงเดินแกมวิ่งออกไปจากห้องพิเศษที่มีทหารอารักขาอย่างดี ไม่นานนักรถพระที่นั่งก็มุ่งหน้าไปยังห้องบัญชาการเมื่อมาลิคโทรมารายงานชามีลว่าพบเบาะแสของธามินแล้ว

แล้วจะมา up ต่อนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 ต.ค. 2558, 09:35:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 ต.ค. 2558, 09:35:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 788





<< ตอนที่ 6 ครึ่งแรก   ตอนที่ 7 ครึ่งแรก >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account