ล่ารักแดนทะเลทราย สนพ กรีนมายด์
แหวนล้ำค่าสัญลักษณ์แห่งราชวงศ์สวมใส่อยู่บนนิ้วของ ‘แอล’ นักวาดภาพสมัครเล่น แต่องค์รักษ์ธามินยังไม่ทันสืบหาเรื่องราวที่แท้จริง ก็พบหญิงสาวลึกลับผู้นั้นอยู่กลางวงล้อมของกบฏที่แฝงตัวไปทั่วทะเลทราย เธออาจเป็นนางนกต่อหรือสายของกบฏก็ได้ ทว่าธามินต้องพาเธอไปด้วยจนกว่าจะพบองค์หญิงซาเมรา ซึ่งคนของเขาส่งข่าวว่าถูกลักพาไปเป็นตัวประกัน
ซาเมราต้องปลอมตัวเป็นหญิงสามัญชน เพราะไม่อาจวางใจชายแปลกหน้าที่เข้ามาช่วยเธอไว้กลางทะเลทราย แต่ด้วยความจำเป็นทำให้หญิงสาวต้องเดินทางไปกับเขา เพื่อสืบให้รู้ว่ากบฏแดนทรายอยู่ที่ใด จะได้กำจัดให้สิ้นซาก
แต่ความลับกลับถูกเปิดเผยเสียก่อน เมื่อหญิงสาวลึกลับกลายเป็นองค์หญิงซาเมรา และชายแปลกหน้ากลายเป็นราชองครักษ์ธามิน องค์ชายที่ถูกลดเกียรติให้เป็นเพียงสามัญชน และเขาอาจเป็นกบฏที่เธอตามหาอยู่ก็เป็นได้ ซาเมราจะทำอย่างไร ระหว่างมอบความตายให้ธามิน หรือหนีไปด้วยกันจนสุดหล้า เมื่อเธอรู้ตัวแล้วว่ารักเขาหมดหัวใจ
Tags: ทะเลทราย ความรัก องครักษ์ เจ้าหญิง

ตอน: ตอนที่ 9 ครึ่งแรก



เวลาช่างเชื่องช้าแม้ว่าจะผ่านไปเพียงยี่สิบนาทีเท่านั้นที่ธามินรอให้ซาเมราฟื้นขึ้นมา เขานั่งมองแพขนตาที่กำลังจะขยับของซาเมราแล้วเพียงไม่นานเธอก็ยกมือขึ้นมาบังแสงแดดที่ส่องผ่านท่อเล็กๆ ก่อนจะมองไปรอบตัวอย่างมึนงง ซาเมราไม่เข้าใจว่ามานอนอยู่บนเตียงได้อย่างไรในเมื่อจำได้ว่าอาบน้ำอยู่ในสระ แล้วหลังจากนั้น...
ความทรงจำต่างๆ พร่างพรายภาพของธามกระโจนลงมาในน้ำยังติดตา แล้วพอซาเมรามองหาก็เห็นเขากำลังมองเธออยู่เหมือนกัน ผ้าห่มที่หล่นลงมาอยู่ตรงไหล่ถูกดึงขึ้นมาจนถึงคออีกครั้ง
“นายเห็นหมดแล้วใช่ไหม” ซาเมราแหวลั่นไว้ก่อนสำรวจตัวเอง ถึงจะไม่ได้โป๊ต่อหน้าเขา แต่เสื้อผ้ายังไม่ได้ใส่มีเพียงผ้าห่มพันกายจะเรียกว่าปลอดภัยได้อย่างไร
“เอ่อ...คือว่า”
“หลับตาเดี๋ยวนี้ แล้วออกไปห่างๆ”
นั่นแหละสิ่งที่ธามินต้องการทำ ไปอยู่ห่างๆ ซาเมราไว้ ภาพของเธอในสภาพเปลือยเปล่ายังคงอยู่กับเขาแม้ในยามหลับตา
“ผมวางเสื้อผ้าขององค์หญิงไว้ตรงปลายเท้า คงดีถ้าองค์หญิงใส่เสื้อผ้าเสียก่อน เดี๋ยวจะไม่สบาย”
ธามินบอกก่อนจะรีบเดินเร็วๆ ไปอีกห้องแล้วปิดประตูยืนพิงถอนใจยาว แค่ได้ยินเสียงผ้าสวบสาบยามที่ซาเมราใส่เสื้อผ้าก็ทำให้เขารู้สึกวูบวาบที่ผิวกาย ถ้าเขาเป็นโตเบาตัวนั้น หยุด! คิดบ้าอะไร
“มีงูอยู่ในสระน้ำ มันมาพันขาฉันเข้า เอามันออกไปให้ฉันด้วยนะธาม”
ธามินถอนใจยาวๆ พยายามระงับความรู้สึกในร่างกายเอาไว้ “มันไม่ใช่งูหรอกครับ แต่เป็นผ้าต่างหาก ผมกลับห้องนั้นไปได้หรือยัง”
ซาเมราสวมเสื้อผ้าครบทุกชิ้นแล้ว แต่จะให้ธามมาอยู่ใกล้ๆ ก็ยังไม่ไว้ใจ แค่เธอเห็นเขาในสภาพเปลือยเปล่ายังใจเต้นแรงและกระดากอายอยู่เป็นวัน แล้วเขาล่ะจะไม่รู้สึกรู้สาต่อร่างกายของเธอเลยหรือ
“นายไม่ได้รู้สึก...ขึ้นมาใช่ไหม” หวังว่าเธอพูดไปแค่นี้อีตาธามคงเข้าใจ
ธามินนิ่งไปนิดก่อนจะตอบ “ถ้างั้นผมขออาบน้ำก่อน”
ธามินล็อคประตูเพราะกลัวตัวเองจะออกไปทำบางอย่างให้ซาเมราเสียใจ เขาอาบน้ำให้ร่างกายสดชื่นเผื่อว่าสมองที่ฟุ้งซ่านจะกลับมาคิดในสิ่งที่ดีงามได้ดังเดิม

ซาเมราซ่อนเหล็กที่เจอจากชั้นวางไว้ใต้ผ้าห่มข้างตัวเพื่อความอุ่นใจเมื่อเห็นธามจากห้องน้ำแล้วเลื่อนเก้าอี้มาไว้ที่ปลายเตียงห่างไปหลายก้าว เธอมีหลายคำถามที่อยากเอ่ยออกไป แต่หากคำถามเหล่านั้นทำให้เขาเสียความรู้สึกทั้งๆ ที่ผู้ช่วยเหลือไม่ใช่ล่วงเกิน การปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปแล้วมองเขาเป็นผู้ชายคนเดิมที่สามารถดูแลเธอได้ก็น่าจะพอแล้ว
ธามินจงใจนั่งรอให้ซาเมราถามว่าเขาทำอะไรลงไปบ้างในระหว่างที่เธอเป็นลม คำถามที่รอกลายเป็นเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมทางที่ไว้ใจกันได้ดังเดิมก่อนที่เธอจะหลับไปโดยที่ยังมีเขานั่งมองอยู่
หลายชั่วโมงผ่านไปจนดวงอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้า ธามินเก็บของไปไว้ที่หลังอูฐเรียบร้อยแล้วจึงลงมาปลุกซาเมราให้ตื่นเพื่อเดินทางต่อ มือหนาเขย่าไหล่บางของเธอเบาๆ ซาเมราลืมตามองเขาแล้วขยับตัวลุกด้วยรู้ดีกว่าจะนอนอย่างนี้ไปทั้งวันไม่ได้
“องค์หญิงไปล้างหน้าเถอะครับ ได้เวลาต้องเดินทางแล้ว”
ซาเมราพยักหน้าแล้วลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำไป เพียงไม่นานทั้งสองก็ขึ้นมาจากห้องใต้ดินที่กลับไปมืดมิดดังเดิมเมื่อช่องระบายอากาศถูกปิดจนหมด ธามินปิดประตูแล้วโกยทรายมาทับไว้เพื่อที่ห้องใต้ดินจะได้เป็นความลับดังเดิม

แสงสุดท้ายลาลับพร้อมกับราตรีกาลได้พาความเย็นมาสู่ลมที่พัดพลิ้วช่างเหมาะกับการเดินทาง ซาเมราอยากเดินไปก่อน ธามินเลยจูงอูฐเดินมาคนละฝั่ง เธอตวัดมองเขาอยู่บ่อยครั้งเพื่อที่จะได้เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยเคราช่างเรียบเฉย อาจเป็นเธอคนเดียวที่รู้สึกว่ามองเขาแล้วใจเริ่มสั่น
ธามินยื่นมือไปยังย่ามผ้าเพื่อหยิบขนมปังไส้เนื้อมายื่นให้ซาเมรา เธอรับมากินเงียบๆ พอเริ่มฝืนคอ เขาก็ยื่นน้ำในถุงหนังสัตว์มาให้ สองหนุ่มสาวยังคงเดินทางกันเงียบๆ ต่อไป จนกระทั่งเสียงทุ้มๆ เอ่ยขึ้น
“นั่งบนหลังอูฐดีกว่าองค์หญิง ยังต้องเดินทางอีกไกล”
ธามินทำให้อูฐคู้ขาลงเพื่อที่ซาเมราจะได้นั่ง เธอจับหนอกอูฐกำลังจะเหนี่ยวตัวขึ้นไปแต่เสียหลักเซล้มเขาคว้าเอวบางไว้ เกิดวินาทีหวานละมุนระคนอึดอัดแม้ว่าเธอจะนั่งได้แล้วและอูฐลุกขึ้นเริ่มเดินต่อไป ซาเมรามองธามที่กำลังตั้งใจมองทาง พอเขาหันมาเธอก็รีบเงยหน้ามองทางอื่น
“อดทนไว้นะครับอีกไม่นานก็ถึงชายแดนแล้ว หลังจากนั้นองค์หญิงจะได้พบองค์ชายชาฮาน”
ฟังแล้วช่างมีความหวัง แต่ซาเมรารู้ว่ามีอันตรายรออยู่ข้างหน้า
“พวกกบฏจะยอมให้ฉันกับนายผ่านไปง่ายๆ หรือ”
“ไม่ง่ายอยู่แล้วล่ะครับ แต่ผมเคยเดินทางไปที่นั่น มีเส้นทางที่ใช้หลบพวกกบฏได้ก่อนไปถึงหมู่บ้าน”
ธามินมั่นใจว่าสามารถพาซาเมราไปหาองค์ชายชาฮานได้อย่างปลอดภัย หากผ่านเส้นทางสายมรณะไปได้หนทางที่เหลือก็ไม่หนักหนาเท่าไหร่แล้ว ซาเมรามองลงมาแล้วยิ้มใส่แผ่นหลังกว้าง เพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าธามมีบางอย่างเหมือนกับพี่ชายตรงที่เขาทำให้เธออุ่นใจและมีความหวัง

ร้านน้ำชายังคงคลาคล่ำไปด้วยลูกค้าที่มากินน้ำชาและสนทนากันยามเช้าขอวันต่อมาในเรื่องต่างๆ อากาศค่อนข้างร้อนทำให้การจิบน้ำชาทอดเวลายาวนานออกไป ชายสามคนใส่โตเบสีดำ สะระบั่นสีขาวไม่ได้มาที่ร้านแห่งนี้เพื่อดื่มเพียงอย่างเดียว แต่กำลังรอทำงานสำคัญ สายจากเมืองหลวงส่งข่าวมาว่าทหารของทางการจะเดินทางมาถึงในวันนี้ แม้ว่าจะมีข่าวลือว่าองค์หญิงซาเมรากลับวังไปแล้ว
รออยู่เพียงไม่นานเท่านั้น รถโฟล์สามคันก็ขับเข้ามาในหมู่บ้าน ถึงไม่มีตราสัญลักษณ์ของหน่วยทหาร อีกทั้งชายที่ขับรถและผู้ติดตามใส่ชุดโตเบธรรมดาไม่ใช่เครื่องแบบที่เคยเห็น แต่พวกเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นทหารของทางการเพราะเห็นราชองครักษ์มาลิคอยู่ในรถคันที่สาม
“มีทหารเดินทางมาที่นี่จริงๆ เสียด้วย ไหนว่าองค์หญิงถูกพบแล้ว แต่ทำไมยังส่งทหารออกลาดตระเวนอีก” หนึ่งในผู้รอกระซิบถาม
“ดูพวกมันไปก่อน อย่าทำอะไรพิรุธออกไปเด็ดขาด”
“เมื่อไหร่คูเซย์จะติดต่อมา” เสียงนั้นร้อนใจไม่น้อย ยิ่งนานทุกคนจะยิ่งเสี่ยง
คนฟังถอนใจ “ไม่มีใครรู้ได้หรอก”
มาลิคนั่งรถผ่านไปโดยที่ไม่มีโอกาสได้ยินบทสนทนานั้น รถทั้งสามคันมุ่งหน้าไปยังบ้านของคหบดีท่านหนึ่งที่ให้ความร่วมมือกับทางการเป็นอย่างดีมาตลอด สายตาของชายสามคนมองตาม แผนบางอย่างถูกวางและรอเวลาลงมือ ก่อนที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้

ซาเมรารู้สึกสดชื่นขึ้นเมื่อได้หลับมาตลอดทั้งคืน แม้ว่าจะหลับๆ ตื่นๆ เพราะยังไม่มีชินในการหลับบนหลังอูฐที่เดินจนรู้สึกโยกคลอนอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งแสงอาทิตย์แรงกล้าและเม็ดทรายได้รองเท้าร้อนระอุจนธามินเดินไม่ไหว การเดินทางจึงหยุดชั่วคราว เขาตั้งกระโจมให้ซาเมราได้หลบแดดและนอนพัก
พอผ่านไปสองชั่วโมงธามินก็พาซาเมราเดินทางกันต่อ ซาเมราดึงผ้าห่มออกมาซึ่งไม่เพียงใช้บังแดดให้ตัวเอง แต่เธอยังพยายามยืดแขนให้เงานั้นทอดไปยังธามเพื่อตอบแทนน้ำใจของเขาแม้จะเล็กน้อยก็ตาม หัวใจของธามินอ่อนยวบเมื่อเห็นเงาผ้าบนผืนทราย เขาหันไปยิ้มให้เธอแล้วบอกขอบคุณจากใจที่ช่วยบังแดดให้
การเดินทางในช่วงบ่ายเกือบจะรายรื่นอยู่แล้วหากธามินไม่เห็นฝุ่นทรายกำลังฟุ้งเพราะมีม้าถูกควบมาทางนี้ จากการแต่งกายของพวกมันทำให้เขาไม่รอช้า
“หลบก่อนองค์หญิง”
อูฐถูกดึงให้เดินเร็วขึ้นเพื่อไปหลับหลังเนินททรายที่พอจะอำพรางตัวได้ ธามินบังร่างซาเมราไว้พลางมองไปยังกลุ่มคนที่กำลังควบม้าอย่างรีบร้อน
“นายคิดว่าคนพวกนั้นเป็นใคร ใช่ทหารของทางการหรือเปล่า”
“ไม่ใช่หรอกครับ น่าจะเป็นพวกกบฏต่างหาก จากทิศทางคงไปหมู่บ้านที่ผมกับองค์หญิงเพิ่งพักนั่นแหละ ที่ผมกังวลใจว่าอาจจะพบโจรทะเลทราย ตอนนี้คงเจากบฏแบบได้กระทบไหล่แทน”
เรื่องนี้ซาเมราพอจะรู้มาบ้างว่าหากทหารพบโจรทะเลทรายจะทำเพียงจับตัวมาให้ทางการสอบสวน แต่กบฏจะโน้มน้าว ถ้าโจรไม่มาเป็นพวกเดียวกันก็ถูกฆ่าเสียตรงนั้น
ธามินดูจากทิศทางแล้วคิดว่าพวกนั้นคงมาจากหมู่บ้าน O3 ตามแผนที่ทหาร ซึ่งหากจะเดินทางไปชายแดน เส้นทางนี้เร็วสุด แต่ก็เสี่ยงว่าจะพบพวกกบฏระหว่างทาง ในสถานการณ์ที่เร่งรีบเขาคงต้องเสี่ยง
“ผมจะไปหมู่บ้าน O3 อาจพบทหารทางการง่ายขึ้นเพราะใกล้ชายแดนแล้ว”
ซาเมราพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของธามเต็มที่ “โอเค ฉันตกลงตามนั้น คราวนี้เป็นไงเป็นกัน ดีกว่าไปทางอ้อมแล้วก็เจอพวกกบฏอยู่ดี”
ธามินจูงอูฐออกมาจากที่ซ่อน ซาเมราขยับมาเดินข้างๆ เขาแทนการขึ้นไปนั่งสบายๆ อยู่คนเดียว เชือกผูกคออูฐยื่นมาให้เธอถือไว้แล้วเพื่อที่เขาจะได้กางผ้าห่มออกบังแดดให้เธอบ้าง
“ถ้าได้กลับบ้านอย่างปลอดภัยแล้วนายยังถูกบังคับให้หมั้นอยู่ นายจะทำยังไงน่ะนายธาม”
ธามินนึกภาพแม่กับนาอินแล้วได้แต่ส่ายหน้าก่อนตอบคำถามนั้น
“ก็คงไม่ยอมน่ะครับ จุดเริ่มต้นของการหมั้นและการแต่งงานต้องมาจากความรัก ไม่ใช่เพราะความเหมาะสมหรือถูกใจใคร ทุกอย่างขึ้นอยู่กับผมและผู้หญิงคนนั้น”
“วิธีของนายฟังดูง่ายดีจัง ถ้าฉันถูกบังคับขึ้นมาจริงๆ นายคิดว่าพี่ชายจะยอมฟังฉันไหม”
“ผมคงเดาใจใครไม่ได้หรอกครับ” ถึงจะเดาได้ธามินคงไม่บอก ถ้าซาเมราหนีออกจากวังอีกครั้ง เขาคงมีส่วนในการรับผิดชอบโทษฐานแนะนำวิธีต่อต้านชีคชามีล
“เป็นคนธรรมดายังสบายเสียกว่า” หญิงสาวบ่นไม่จริงจังอะไรพลางหาวเริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมาอีกรอบ
ธามินเคยคิดแบบเดียวกับซาเมรา ในฐานะลูกชายของท่านดิฮ์ยาไม่ได้หมายความว่าทำอะไรก็ได้ตามที่ใจต้องการ ทุกอย่างมีแบบแผนและมีเป้าหมายที่ต้องทำให้ได้ แล้วที่สำคัญยังอนาคตของเขายังถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิดแล้วว่าต้องมาเป็นราชองรักษ์ของชีค
“ก็ไม่แน่เสมอไปหรอกครับ สำหรับคนธรรมดาการหาเงินมาเลี้ยงภรรยา ดูแลลูก และทำหน้าที่ต่างๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ทุกวัน องค์หญิงไม่สบายใจ แต่ยังสบายกาย”
ซาเมราพยักหน้าเริ่มเดินไม่ตรงทาง ธามินหัวเราะชอบใจเพิ่งรู้ว่าเธอเดินแล้วหลับไปด้วยก็ได้ อูฐนั่งลงให้ซาเมราขึ้นไปนั่งแล้วกอดหนอกของมันไว้ เขายิ้มกว้างช่างเป็นการนอนที่เรียบง่ายจะมีองค์หญิงที่ไหนทำแบบเธอบ้าง ราวกับมนตราบางอย่างได้ครอบงำสายตาของเขาจนไม่อาจถอนสายตาไปไหนได้ ถ้าองค์หญิงไม่มีคู่หมายที่ชีคเลือกไว้แล้ว เขาคงไม่ลังเลเลยสักนิดที่จะเข้ามาเป็นตัวเลือก

ทีมค้นหาของมาลิคทำงานรวมกับคนของคหบดีในหมู่บ้านโดยการส่งคนออกไปสืบหาองค์หญิงซาเมรากับธามินแบบเงียบๆ เนื่องจากมีข่าวลือออกมาแล้วว่าองค์หญิงซาเมรากลับวังอย่างปลอดภัยและไม่ได้ถูกลักพาตัวแต่อย่างใด แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ไม่พบตัวธามินแต่เขาทิ้งรหัสไว้ให้ตาม ดังนั้นการค้นหาจึงจบลงก่อนค่ำทหารทั้งหมดมารวมกันที่รถเพื่อฟังคำสั่งต่อไปจากมาลิค
“แยกคนออกเป็นสองกลุ่มแล้วเดินทางล่วงหน้าไปหมู่บ้าน O3 และ P1 ตามแผนที่ทหาร ผมคาดว่าเป้าหมายต้องใช้เวลาประมาณสองวันในการเดินเท้ากว่าจะไปถึงที่นั่น ส่งข่าวถึงทหารที่ชายแดนให้ไปดักรอที่ทางสายมรณะเผื่อว่าเป้าหมายจะเลือกใช้เส้นทางลัดซึ้งค่อนข้างอันตราย”
“ครับ ท่านราชองครักษ์”
ทหารเจ็ดคนแยกย้ายไปตามรถที่ตนเองประจำการ มาลิคกำลังจะก้าวขึ้นรถแต่นึกบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินมายังรถคันที่สองเพื่อตรวจความเรียบร้อย
“เสบียงที่สั่งให้ซื้อมาเพิ่มเดี๋ยวช่วยแบ่งมาที่รถคันที่สามด้วยนะจะได้ไม่ยุ่งยากตอนแยกกันเดินทาง” เขาสั่งพลางมองไปที่กระบะท้ายรถซึ่งมีผ้าใบสีทึมคลุมไว้
“ได้ครับท่านราชองครักษ์ รอสักครู่นะครับ”
มาลิคเดินกลับมาที่รถตัวเองกำลังจะเข้าไปนั่งถ้าเพียงแต่เขาจะไม่ได้เสียงบางอย่าง เขาเงี่ยหูฟังก่อนจะย่อตัวลงเอาหน้าแนบพื้นแล้วมองหาเสียงติ๊ดๆ แล้วพอตามเสียงไปจนพบต้นตอเขาถึงกับผงะ มีกล่องพลาสติกสีดำเท่าผ่ามือแปะติดกับถังน้ำมันของรถคันที่สองและตัวเลขสีแดงกำลังนับถอยหลัง มาลิคตะโกนสั่งสุดเสียง
“หนีเร็วเข้า...ระเบิด!”
ทหารทั้งที่อยู่บนรถและกำลังขนของพากันกระโจนออกมาให้ห่างจากรถเช่นเดียวกับมาลิค ห้าวินาทีสุดท้ายหมดลงพร้อมๆ กับกลไกของระเบิดเริ่มทำงานทันที
...ตูม?!?

แล้วจะมา up ต่อนะคะ หนังสือมีวางขายงานมหกรรมหนังสือระดับชาติแล้วนะคะ
อัมราน_บรรพตี



บรรพตี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ต.ค. 2558, 10:27:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ต.ค. 2558, 10:27:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 831





<< ตอนที่ 8 ครึ่งหลัง   ตอนที่ 9 ครึ่งหลัง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account