ริษยาซ่อนรัก
ความเจ็บเปลี่ยนภูเขาน้ำแข็งให้เป็นภูเขาไฟ เธอจึงถือคติว่าเจ็บแล้วต้องจำ และหากถูกกระทำซ้ำๆต้องเอาคืน!
ไฟใดจะร้อนเท่าไฟในอก
ความริษยาคือเปลวไฟที่จะเผาไหม้ทุกอย่างให้เป็นจุณ
แล้วอำนาจใดเล่าที่จะยับยั้งอานุภาพแห่งไฟร้ายได้
หากมิใช่...ความรัก
ไฟใดจะร้อนเท่าไฟในอก
ความริษยาคือเปลวไฟที่จะเผาไหม้ทุกอย่างให้เป็นจุณ
แล้วอำนาจใดเล่าที่จะยับยั้งอานุภาพแห่งไฟร้ายได้
หากมิใช่...ความรัก
Tags: น้ำฟ้า,ริษยาซ่อนรัก,นิยายรัก
ตอน: บทนำ
บทนำ
รถตู้คันใหญ่จอดติดไฟแดงอยู่บนถนนย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร บรรยากาศในรถค่อนข้างอึมครึม เนื่องจากทุกคนต่างก็ดูเคร่งเครียดและกังวลอยู่ลึกๆ โดยเฉพาะหญิงสาวผู้มีดวงตากลมโต จมูกโด่งเล็กได้รูปรับกับริมฝีปากเรียวบางสีชมพูระเรื่อ แต่ดวงหน้าขาวผ่องภายใต้กรอบผมซอยสั้นนั้นก็ดูผุดผาดนักยามที่อยู่ในชุดสีดำสนิทเช่นเดียวกับทุกคนบนรถที่กำลังเดินทางกลับจากงานเผาศพคุณประไพ จันทรานนท์ ซึ่งเป็นย่าของหญิงสาวนั่นเอง
“พี่ซัน นุอยากรู้เรื่องเอ่อ...เรื่องคุณพ่อ” ชัยพล น้องชายคนเดียวของเธอชะโงกหน้าเข้ามากระซิบกระซาบ ขณะที่สายตาลอบมองไปยังบิดา มารดาที่นั่งอยู่ด้านหน้าอย่างระวัง
“เอาไว้ถึงบ้านค่อยคุยกัน พี่ไม่อยากให้คนขับรถได้ยิน” ซันดาตอบเสียงเบา
หลังได้คำตอบแล้วชัยพลจึงขยับตัวนั่งมองออกไปนอกตัวรถเช่นเดิม ปล่อยให้พี่สาวจมอยู่กับความนึกคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
เสียงสวดอภิธรรมยังดังก้องหูขณะที่ซันดาเดินลงจากเมรุเผาศพพร้อมกับมารดาและน้องชาย ส่วนบิดาและจิดาภาอาสาวของเธอนั้นยังคงยืนประคองคุณย่าน้อยอยู่ด้านบน เพื่อดูการเผาจริงจนเสร็จสิ้นพิธีการ
ทั้งสามนั่งลงบนเก้าอี้แถวแรกที่เรียงรายอยู่ในศาลา และต่างก็เงยหน้าขึ้นไปมองภาพเหตุการณ์บนเมรุเผาศพ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ควันไฟสีขาวลอยเอื่อยออกมาจากปล่องไฟด้านหลังเมรุ เสียงพระสวดเงียบลงแล้ว เสียงคุยกันของญาติผู้ตายจึงดังขึ้นแทนที่
ด้วยบรรยากาศอันเศร้าสร้อยทำให้ซันดาต้องยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาที่เอ่อคลอใกล้จะหยาดหยด ถึงแม้เธอจะได้อยู่ใกล้ชิดคุณย่าเพียงช่วงบั้นปลายชีวิตของท่าน แต่สายสัมพันธ์ก็ทำให้เกิดความรู้สึกอาลัยอย่างสุดซึ้ง เธออยากจะเก็บภาพทุกภาพในวันนี้เอาไว้เพราะเป็นความทรงจำสุดท้ายที่เธอและท่านจะมีร่วมกัน
ในวัยเด็กซันดาจำได้ว่าคุณย่าเป็นผู้ดูแลเธอแทนจักรภพและรยา บิดามารดาของเธอซึ่งต้องไปทำงานในเวลากลางวัน เมื่อเธออายุได้ 6 ขวบบิดาจึงพาครอบครัวย้ายไปตั้งรกรากอยู่จังหวัดเชียงใหม่ จนเธอเข้ามาทำงานหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วจึงได้กลับมาอาศัยอยู่กับคุณย่าอีกครั้งหนึ่ง
“ผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับซันที่แต่งหน้าจัดๆยืนอยู่ข้างหลังคุณพ่อนั่นเป็นใครกัน ทำไมอยู่รอจนเผาจริงเสร็จ” มารดาของเธอถามขึ้น
ซันดามองตามด้วยใจที่บังคับไม่ให้สั่น แล้วหันไปตอบด้วยเสียงที่เบาปานกระซิบ “ซันก็เพิ่งรู้ว่าเขาเป็นญาติกับเราค่ะคุณแม่ ผู้หญิงคนนี้ชื่อฟ้ารุ่ง ซันรู้จักกับเขาตอนไปเรียนมหา’ลัยที่เชียงใหม่”
“ก่อนช่วงพิธีนุก็เห็นเขาคุยกับคุณพ่ออย่างสนิทสนมเชียว”ชัยพลฟ้อง
“ตั้งแต่พ่อกับแม่ย้ายไปอยู่เชียงใหม่ก็แทบไม่ได้ติดต่อกับญาติทางนี้เลย บางทีหนูฟ้ารุ่งอาจจะเป็นลูกของใครสักคนก็ได้ เดี๋ยวคุณพ่อคงพามาแนะนำเองแหละ” รยาสรุปก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนสนิทของสามีที่มานั่งอยู่ใกล้ๆ โดยไม่ทันสังเกตว่าซันดามีท่าทีแปลกไปเมื่อได้เห็นหญิงสาวผู้เป็นหัวข้อสนทนาเมื่อครู่
“คุณพ่อจะลงจากเมรุแล้ว นุไปช่วยประคองคุณย่าน้อยสิ ท่าทางท่านจะไม่ไหว” ซันดาบอกน้องชาย แล้วจึงยื่นมือไปรับกรอบรูปหน้าศพของคุณย่ามาถือไว้เสียเอง เมื่อน้องชายทำตามที่สั่งเธอก็มองตามพลางถอนหายใจ ไม่เป็นผลดีเลยที่เธอได้มาพบฟ้ารุ่งอีกครั้ง ทั้งๆที่เธอเกือบจะลืมเหตุการณ์เลวร้ายในอดีตแล้ว ‘ไม่ว่าจะเกิดอะไร เธอจะต้องเข้มแข็งนะซันดา’ หญิงสาวเตือนสติตนเองในใจ
ชัยพลเดินขึ้นไปบนบันไดเมรุก่อนจะหยุดอยู่กลางบันได เนื่องจากเห็นว่าฟ้ารุ่งเข้ามาประคองคุณย่าด้วยอีกแรงหนึ่ง ขณะที่จิดาภาเลี่ยงไปทักทายแขกในงาน เขาจึงรอให้ทั้งสามเดินผ่านไปก่อน จึงค่อยก้าวตาม
ซันดาจับจ้องร่างระหงในชุดเดรสสีดำสนิทอย่างจดจ่อ ฟ้ารุ่งดูเป็นสาวเต็มตัวและสวยขึ้นมากกว่าตอนเป็นนักศึกษา แต่สิ่งที่รับรู้ได้ตั้งแต่แวบแรกที่สบตากันคือ หญิงสาวผู้นั้นไม่มีความเป็นมิตรต่อเธอเลยแม้สักนิดเดียว
“คุณน้าเข้าไปนั่งในศาลาเถอะค่ะ ตรงนี้แดดร้อนเดี๋ยวจะไม่สบาย” มารดาของเธอนั่นเองที่เป็นคนพูดและเข้าไปประคองผู้ชราแทนสามี เมื่อทั้งสี่คนเดินเข้ามาใกล้
ซันดาก้าวตามคนทั้งหมดเข้าไปในศาลาอย่างเงียบๆ แวบหนึ่งเธอเห็นฟ้ารุ่งมองมาและยิ้มน้อยๆที่มุมปาก แค่เพียงนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกหนาวๆร้อนๆ ความกังวลใจเล่นปรี่เข้ามาในอกตามประสาวัวสันหลังหวะที่มีอะไรเล็กน้อยมากระทบก็ย่อมเจ็บขึ้นมาทันที
“ทุกคน...นี่ฟ้ารุ่ง” หลังนั่งลงบนเก้าอี้ข้างภรรยา จักรภพก็นิ่งไปครู่หนึ่งพร้อมกับจ้องหน้าภรรยาพลางถอนใจก่อนจะเอ่ยปากแนะนำต่อ “ เอ่อ ฟ้าเป็นลูกสาวของผมที่เกิดกับพลอยแสง”
“คุณพ่อ!” ด้วยความตกใจ ซันดาหลุดเสียงเรียกบิดาออกมาดังลั่น พลางเอื้อมมือไปรวบมือมารดาของตนไว้ มือเย็นเฉียบนั้นทำให้หญิงสาวเข้าใจความรู้สึกของมารดาดี แต่กลับไม่มีคำใดหลุดออกมาจากปากของรยาสักคำ
“ทุกคนเป็นพี่น้องกัน ต้องรักกันไว้นะลูก แม่รยาน้าขอฝากหลานไว้อีกสักคนนะ แม่พลอยแสงเขาเสียไปนานแล้ว ถือเสียว่าฟ้าเป็นลูกของเราอีกคนหนึ่ง” คุณย่าน้อยฝากฝัง ซึ่งอีกนัยหนึ่งน่าจะเป็นการผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดที่เป็นอยู่
“ค่ะ คุณน้า” น้ำเสียงตอบนั้นสั่นน้อยๆ ซันดาคิดว่ามารดาคงกำลังพยายามควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ
“สวัสดีค่ะคุณป้า” ฟ้ารุ่งเอ่ยทักทายรยาพร้อมกับยกมือไหว้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายยกมือขึ้นรับไหว้จึงละสายตามามองซันดาบ้าง ผู้ถูกมองรีบเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยไม่อยากเห็นอะไรที่รกสายตา
“ฟ้าเป็นพี่คนโต เกิดก่อนซันประมาณสิบวัน” บิดาบอกคล้ายจะเตือนซันดาไปในตัว เธอจึงหันกลับมาตอบเบาๆว่า “ค่ะ”
“สบายดีนะฟ้ารุ่ง” ซันดาเอ่ยทักแกนๆ ไม่ยอมยกมือขึ้นไหว้หรือแม้แต่จะเรียกพี่ ส่วนชัยพลนั้นข่มใจยกมือไหว้อย่างลวกๆ เขาไม่ได้อคติใดๆทั้งสิ้น แต่มันเร็วเกินไปกับสิ่งที่ได้รับรู้ ตั้งแต่เกิดมาเขาก็มีพี่สาวเพียงคนเดียวคือซันดา แล้วอยู่ๆดีจะให้ทำใจได้อย่างไร
“เจอกันอีกจนได้นะซัน แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปมาก จนแทบจะจำไม่ได้แน่ะ” ฟ้ารุ่งตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆ ไม่สิ รอยยิ้มมุมปากนั่นดูจะเยาะเสียมากกว่า
“แต่ฉันจำเธอได้ดี” ซันดาตอบเสียงหนักแล้วจึงหันไปทางมารดา“เราจะกลับกันหรือยังคะ”
“อ้าว จะกลับกันแล้วหรือคะ ฟ้าก็กำลังจะกลับอยู่เหมือนกัน ซันเดินไปส่งที่รถหน่อยสิ ในฐานะเพื่อนเก่าและพี่สาวคนใหม่” ประโยคท้ายฟ้ารุ่งพยายามเน้นหนัก
“อืม ซันไปส่งพี่เขาสิ เดี๋ยวพ่อแม่นั่งรอที่นี่แหละ” จักรภพส่งเสริม
ซันดาจึงจำเป็นต้องเดินออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก แต่เธอก็พยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ เพื่อไม่ให้บิดากังวล
“ตั้งแต่เกิดเรื่องเธอก็ตัดผมสั้น ทำตัวเป็นทอมแบบนี้เลยสินะ” ฟ้ารุ่งเอ่ยขึ้นลอยๆ สายตาของเธอมองไปยังที่จอดรถ แต่ซันดาก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายพูดกับตน “ไม่คิดเลยว่า เรื่องนั้นจะทำให้เธอต้องเปลี่ยนตัวเองขนาดนี้ คงเสียใจมากสินะ”
ซันดาหันขวับไปมองด้วยแววตาแค้นเคือง “ไม่ต้องเสแสร้งเป็นพี่สาวที่แสนดี ตอนนี้มีแค่ฉันกับเธอไม่ต้องตีสองหน้าก็ได้ เพราะยังไงฉันก็รู้ว่าเธอมันปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ”
ฟ้ารุ่งหัวเราะ “แหม พูดแรงจัง ถ้ารู้ว่าเธอเป็นน้องพ่อเดียวกันฉันคงไม่...เอ่อ ไปมีส่วนทำให้ชีวิตเธอย่ำแย่แบบนี้”
“หยุดพูดเถอะ เธอคงเดินไปที่รถเองได้นะ” ซันดาตัดบทก่อนจะหันหลังกลับ เนื่องจากขอบตาของเธอกำลังร้อนผ่าว เมื่อความทรงจำเก่าๆกลับมาทำร้ายเธออีกครั้ง เวลาผ่านไปนานมากแล้ว เธอไม่ต้องการรื้อฟื้นอดีตใดๆทั้งสิ้น ในเมื่อเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต
ฟ้ารุ่งหยุดเดิน มองตามอีกฝ่ายยิ้มๆ พลางตะโกนตามหลัง “เราคงได้พบกันอีกนะซันดา เธอเตรียมตัวเอาไว้ได้เลย”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่หันมาตอบ สาวสวยร่างระหงจึงก้าวลิ่วๆไปที่รถด้วยสีหน้าพึงพอใจ และเมื่อก้าวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับแล้ว ฟ้ารุ่งจึงเปรยกับสายลมว่า “ฉันมีเรื่องสนุกๆที่จะทำร่วมกับเธออีกหลายเรื่อง ซันดา”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รถตู้จอดสนิทบริเวณหน้าตึกใหญ่ ซันดาจึงรอให้บิดามารดาก้าวลงไปก่อน จากนั้นเธอก็หันไปบอกน้องชายเสียงเบาว่า “เดี๋ยวพี่จะตามไปคุยกับคุณพ่อให้รู้เรื่อง”
“ดีฮะ นุก็อยากรู้ความเป็นมาของพี่สาวคนใหม่เหมือนกัน”
ซันดาพยักหน้าแล้วจึงเดินนำเข้าไปก่อน
บ้านทั้งหลังเงียบเชียบ โดยปกติผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่จะมีเพียงคุณย่าและซันดาเท่านั้น ส่วนพวกคนใช้ซึ่งอยู่กันที่ห้องพักด้านหลังก็จะอยู่กันอย่างสงบ เนื่องจากคุณย่าไม่ชอบความวุ่นวาย
ซันดาและชัยพลเดินตามบิดามารดาเข้าไปในห้องนั่งเล่นแล้วจึงนั่งลงบนโซฟาที่ตั้งอยู่ตรงข้ามท่านทั้งสอง
“ซันอยากรู้เรื่องของฟ้ารุ่งค่ะคุณพ่อ” ซันดาเปิดประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม
บิดานิ่งไปครู่ใหญ่คล้ายกำลังเรียบเรียงคำพูดแต่ก็ยอมเปิดเผยเรื่องราวในที่สุด “ก็อย่างที่พ่อบอกนั่นแหละ ฟ้ารุ่งเป็นลูกที่เกิดจากน้าพลอยแสงกับพ่อ”
ซันดาปล่อยร่างพิงพนักโซฟาเต็มแรงก่อนจะเบ้ปาก “มีลูกกับเมียน้อย แต่ลูกเมียน้อยแก่กว่าลูกเมียหลวงเนี่ยนะคะ ไหนคุณพ่อบอกว่ารักคุณแม่ไง แล้วนี่มันอะไรกัน”
“ซัน ใจเย็นๆก่อนลูก อย่าเพิ่งซักคุณพ่อเลย” รยาช่วยปราม ถึงเธอจะเข้าใจลูกสาวดีแต่ก็รู้ว่ายามนี้ซันดาพูดจาด้วยอารมณ์น้อยใจ เธอจึงอยากตะล่อมลูกสาวด้วยตนเองก่อน เพราะรู้ถึงความรั้นของซันดาดีอยู่แล้ว
แต่ดูเหมือนจักรภพจะปลงๆจึงยกมือขึ้นโบก “ไม่เป็นไรคุณ ให้ลูกถามเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมเองก็ไม่ได้ปิดบังอะไร”
“ถ้างั้นคุณพ่อก็เล่ามาเลยสิฮะ ว่าทำไมมีพี่ฟ้ารุ่งก่อนพี่ซัน” ชัยพลย้ำคำถามเดิมอีกครั้ง
บิดาพยักหน้า “ได้สิ คือ หลังจากพ่อกับแม่แต่งงานกันได้ไม่นาน ธนาคารก็ส่งแม่ไปประจำอยู่ที่สาขาเชียงใหม่ น้าพลอยแสงก็เลยเข้ามามีบทบาทกับชีวิตพ่อเพราะเราทำงานอยู่กระทรวงเดียวกัน”
ซันดานิ่งฟังด้วยความรู้สึกเหมือนถูกตีด้วยของแข็ง หัวใจเธอปวดหนึบราวกับถูกเข็มนับพันทิ่มแทง แต่ก็คงไม่เท่าความทรมานใจของมารดากระมัง “แล้วคุณแม่มารู้ตอนไหนคะ”
“รู้ตอนที่ท้องนุ ตอนแรกๆแม่ถึงกับจะฟ้องหย่าคุณพ่อเลยนะ เพราะนอกจากผิดหวังแล้ว พลอยแสงก็เข้ามาระรานจนแม่ทนไม่ไหว” รยาเป็นฝ่ายเล่าบ้าง
“แล้วคุณแม่กับคุณพ่อกลับมาเข้าใจกันได้ยังไงฮะ” ชัยพลถามอย่างจดจ่อ
“น้าพลอยแสงเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แต่จริงๆก่อนหน้านั้นพ่อก็เลือกแม่ เลือกที่จะลาออกจากราชการไปอยู่กับแม่ที่เชียงใหม่ เพียงแต่น้าพลอยแสงเขารับไม่ได้ ซึ่งพ่อก็เข้าใจเขานะ เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาตลอด พ่อผิดเอง พ่อขอโทษ” น้ำเสียงของบิดาเคร่งเครียดเช่นเดียวกับสีหน้า
“แล้วฟ้ารุ่งเขาไม่เคยเรียกร้องให้พ่อรับผิดชอบเลยหรือคะ” ซันดาโพล่งถาม
บิดาระบายลมหายใจออกมาเบาๆ “พอฟ้ารุ่งอายุได้หกเดือน พลอยแสงก็พาไปกราบคุณย่า ท่านถึงได้ทราบความจริงและให้พาฟ้ารุ่งไปอยู่ในความดูแลของท่านอยู่ระยะหนึ่ง แต่พอพลอยแสงเสียชีวิต ยายของฟ้ารุ่งก็มารับไปเลี้ยง และไม่ยอมให้เราสองพ่อลูกได้เจอกัน จนฟ้ารุ่งเรียนจบถึงได้มาหาพ่อด้วยตัวเอง”
“แสดงว่าที่ผ่านมาคุณแม่ก็รู้เรื่องนี้มาตลอด” ชัยพลถามบ้าง
มารดาพยักหน้า “ใช่ แม่รู้ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ เหตุการณ์มันก็ล่วงเลยมาถึงขั้นนี้แล้ว ลูกเองก็เหมือนกัน ลูกต้องเข้าใจคุณพ่อนะซัน นุ”
ซันดาหันไปมองหน้าน้องชายนิ่ง ในใจของเธอเวลานี้กำลังสับสน ความเข้าใจในความผิดพลาดของบิดา ความผิดหวัง ความสงสารมารดาตีกันให้วุ่นไปหมด คงยากที่จะให้รับฟังโดยที่ไม่รู้สึกแปลกเปลี่ยนใดๆเลย “เราสองคนจะพยายามค่ะคุณแม่ ขอตัวก่อนนะคะ ซันอยากอาบน้ำเต็มทีละ”
“นุไปด้วยสิพี่ซัน” ชัยพลบอกพลางลุกขึ้นตามอย่างรวดเร็ว
หลังลูกทั้งสองลับจากสายตาแล้วจักรภพก็หันไปถามภรรยาด้วยสีหน้ากังวล “ผมหวังว่าลูกๆคงจะทำใจได้นะคุณ”
รยายิ้มจางๆและวางมือเรียวลงบนมือของสามีพลางบีบเบาๆก่อนตอบ “คงต้องให้เวลาลูกสักพัก แต่ยาเชื่อค่ะ ว่าลูกๆต้องเข้าใจคุณ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
“พี่ซัน เดี๋ยวฮะ นุมีอะไรข้องใจ”
ซันดาตรึงเท้านิ่งไว้ที่บันไดขั้นแรก น้องชายจึงรีบเดินเข้าไปหาแล้วยิงคำถามทันที “ที่พี่ซันบอกว่าเคยรู้จักพี่ฟ้ารุ่ง แล้วเขานิสัยเป็นยังไงบ้าง”
ซันดายกแขนขึ้นมากอดอก จ้องหน้าน้องชายด้วยสายตาจริงจัง “เป็นคนเลว”
“โห พี่ซัน แรงจัง”
ซันดาไม่ตอบ พูดจบหญิงสาวก็หันหลังเดินขึ้นบันไดไปโดยไม่สนใจคำทักท้วงใดๆของน้องชาย ปล่อยให้ชัยพลมึนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ตามลำพัง
เมื่อก้าวเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวแล้ว ซันดาก็รีบปิดประตู ขึ้นไปนั่งพิงพนักหัวเตียงด้วยสีหน้าครุ่นคิด การปรากฏตัวของฟ้ารุ่งในวันนี้มีหลายสิ่งที่น่าสังเกต
แม่ของฟ้ารุ่งตายไปนานแล้ว แล้วแม่นั่นรู้ตั้งแต่ตอนไหนว่ามีพ่อคนเดียวกันกับเธอ ก่อนไปเรียนที่เชียงใหม่ หรือหลังจากนั้น ถ้าหากว่ารู้ก่อนหน้า การที่ฟ้ารุ่งเข้ามาตีสนิทกับเธอ และทำให้ชีวิตเธอดิ่งลงเหวนั่นคงเป็นความตั้งใจ ความโกรธแค้น และความริษยา การที่เธอมีทั้งพ่อและแม่ครบครันคงทำให้อีกฝ่ายต้องการทำลายเธอเพื่อความสะใจ ดังนั้นถ้าซันดายังอ่อนแอ คิดจะยอมแพ้ หรือหนีอดีต ก็จะทำให้ฟ้ารุ่งเป็นต่อ และสามารถอยู่เหนือเธอได้ตลอดไป ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีเจตนาอะไร เธอจะต้องเข้มแข็ง และไม่ยอมให้ใครเข้ามาทำลายชีวิตซ้ำสองอีกเป็นอันขาด
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังลั่น ซันดาผุดลุกขึ้น ก้าวเร็วๆไปเปิดประตูออกในทันที และพบว่าผู้ที่มายืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงข้ามก็คือน้องชายตัวดีของเธอนั่นเอง
“มีอะไรอีกล่ะ พี่จะรีบอาบน้ำ” ซันดาแกล้งทำหน้ายู่ เสียงดุ
“ก็...นุอยากรู้นี่นาว่าเขาเลวยังไง อยู่ดีๆคุณพ่อก็มาบอกว่าใครไม่รู้เป็นพี่สาวเรา นุก็ควรจะได้รู้ไม่ใช่เหรอพี่ซัน ว่าจะเชื่อใจเขาได้แค่ไหน”
คำตอบของน้องชายทำเอาพี่สาวถึงกับต้องทอดถอนใจ
บางเรื่องราวมันก็เป็นได้แค่ความลับ ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะขยายความให้ทุกคนฟังได้
“ผู้หญิงคนนั้นสามารถทำเรื่องเลวร้าย หรือจะทำลายใครก็ได้ ถ้าหากทำไปแล้วตัวเองได้สิ่งที่ต้องการ ใครจะเป็นจะตายยังไงก็ไม่สนใจ”
“ยกตัวอย่างเช่น...”
ซันดาเลิกคิ้ว “ไม่ยก เรื่องบางเรื่อง ไม่ว่าจะเกิดกับตัวพี่เองหรือคนสนิท มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเอาไปโพนทะนาต่อ เมื่อพี่คอนเฟิร์มว่าเลว ก็ให้รู้ไว้ก็แล้วกันว่าเลวจริง”
“แต่จะยังไงเขาก็เป็นพี่สาวเรานะพี่ซัน” น้องชายแย้งอย่างไม่จริงจังนัก
แต่ก็ทำให้พี่สาวเริ่มรำคาญขึ้นมาทันควัน “แล้วเขาเห็นเราเป็นพี่น้องหรือเปล่าล่ะ เชิญแกดีใจที่ได้พี่สาวคนใหม่ไปคนเดียวเถอะ สำหรับฉัน...ไม่นับญาติ”
บอกความรู้สึกจบ ซันดาก็ถอยหลัง ปิดประตูเพื่อยุติการสนทนาในทันที
“มองโลกในแง่ดีต่อไปเถอะเจ้านุ สักวันแกจะรู้พิษสงของความไว้ใจคน”
ซันดาพยายามสลัดฟ้ารุ่งออกจากความคิด แต่ขณะที่เธอกำลังเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อเตรียมอาบน้ำเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซันดาส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิด พลางสาวเท้าเร็วๆไปเปิดประตูและโวยลั่น “บอกว่าจะอาบ...อ้าว คุณแม่”
“แม่เอง แม่เข้าไปได้ไหมซัน”
“ค่ะ” รับคำเบาๆแล้วหญิงสาวก็เดินนำเข้าไปขยับเก้าอี้หน้าโต๊ะไม้เล็กๆมาให้มารดานั่ง ส่วนตนเองนั้นนั่งลงหมิ่นเหม่ที่ปลายเตียงใกล้ๆกัน
“คุณแม่จะมาพูดเรื่องคุณพ่อหรือคะ” ซันดาถามเข้าเป้าโดยไม่รอ
มารดาจึงพยักหน้าแล้วเอื้อมมือไปดึงมือเรียวของลูกสาวมากุมไว้ “แม่รู้ว่าซันทำใจได้ยาก เพราะตัวแม่เองกว่าจะทำใจได้ก็หลายปี ยิ่งตอนรู้เรื่องใหม่ๆใจมันจะขาดเสียให้ได้ แต่พอนานไปก็ค่อยๆเข้าใจว่าคนเราที่ยังมีกิเลส ยามที่เกิดอารมณ์ชั่ววูบก็อาจจะทำผิดพลาดกันได้ทุกคน ชีวิตมันไม่ใช่นิยายนี่ลูกที่เราจะเขียนให้พระเอกงดงาม มั่นคง และซื่อสัตย์ยังไงก็ได้ ชีวิตจริงความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ง่าย ง่ายจนเราคิดไม่ถึง แม่ถึงให้อภัยคุณพ่อ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในครอบครัว ไม่ใช่แค่ความรักระหว่างหนุ่มสาว แต่คือความเป็นครอบครัวและลูกทั้งสองคน”
ซันดาบีบมือมารดาแน่นเข้าราวกับต้องการถ่ายทอดความรักและความปลอบประโลมไปให้ “ซันขอเวลาค่ะ ยังไงคุณพ่อก็เป็นพ่อ ซันแค่กำลังตกใจค่ะคุณแม่ ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีพ่อคนเดียวกับผู้หญิงร้ายกาจอย่างฟ้ารุ่ง ตอนนี้ซันกำลังสงสัยว่าฟ้ารุ่งต้องการอะไร ถึงเข้ามาแสดงตัวกับพวกเรา คงไม่ใช่เจตนาที่ดีแน่”
มารดาย่นคิ้ว “อย่าเพิ่งคิดไปในทางร้ายเลย ดูๆไปก่อน เขาอาจจะแค่ต้องการทวงสิทธิ์ความเป็นลูก และใกล้ชิดคุณพ่อบ้าง เพราะแม่เขาก็ไม่อยู่แล้ว”
ซันดาเม้มริมฝีปาก ครุ่นคิด ชั่งใจอยู่นานจึงเล่าออกไปตามจริงว่า “ที่ซันคิดแบบนั้นเพราะซันเคยถูกฟ้ารุ่งหลอก เขาเข้ามาตีสนิท ทำเหมือนเป็นคนดี แต่สุดท้ายก็แทงข้างหลังซันทุกเรื่อง”
รยาเบิกตากว้าง “จริงหรือนี่ แล้วซันทำยังไงล่ะลูก”
ซันดาระบายลมหายใจออกมาเบาๆจากนั้นจึงฝืนยิ้มให้มารดาก่อนเล่า “ตอนนั้นซันอ่อนแอเกินไปก็เลยหนีปัญหา ส่วนฟ้ารุ่งก็คงมีความสุขที่ได้เห็นความทุกข์ของซัน ตอนนี้ทุกอย่างกระจ่างแล้วค่ะ เขาเข้ามาหาเราเพื่อหวังผลบางอย่างจริงๆ”
“โถ ลูก” รยาเจ็บหนึบในอก ดึงร่างบางของลูกสาวเข้ามากอดเอาไว้หลวมๆ แม้ซันดาจะไม่ได้เล่าให้ฟังอย่างละเอียด แต่นั่นก็ย่อมแสดงให้เธอรู้ดีว่า ลูกสาวของเธออึดอัดใจที่จะต้องพูด “แม่ไม่นึกเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ฟ้ารุ่งอาจจะแค้นเพราะยายของเขาฝังหัวมาตลอดว่า พลอยแสงตายเพราะฝีมือแม่”
“ยังไงคะ” ซันดาถอนตัวออกจากอ้อมกอดมารดาแล้วกดดันเอาคำตอบด้วยแววตาจดจ่อ “คุณแม่ช่วยเล่าให้ซันฟังตั้งแต่ต้นทีค่ะ ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง”
รยาพยักหน้า แล้วหลังจากนั้นเรื่องราวในวันเก่าก็ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“ก่อนหน้าที่แม่จะสอบเข้าทำงานที่ธนาควร แม่ได้งานทำที่กระทรวงคุณพ่อ น้าพลอยแสงเขาก็ทำงานอยู่ที่นั่น เขาเป็นน้องรักของแม่ เขามาจากครอบครัวที่เป็นเจ้าของร้านทอง พ่อแม่เข้มงวดมาก จริงๆแม่พอจะรู้ว่าน้าพลอยแสงปลื้มคุณพ่อ ซึ่งส่วนหนึ่งคงจะเป็นเพราะคุณปู่ของเราเป็นอธิบดี คนในกระทรวงถึงได้เกรงใจ พลอยทำให้คุณพ่อเป็นที่สนใจของสาวๆ จนพ่อกับแม่ได้แต่งงานกัน และแม่ไปอยู่เชียงใหม่ น้าพลอยแสงเขาก็ทำหน้าที่กันสาวๆออกจากคุณพ่อ แต่ก็เข้ามาใกล้ชิดคุณพ่อจน...เอ่อ...”
“จนมีฟ้ารุ่งใช่ไหมคะ ซันว่าเขาตั้งใจจะจับคุณพ่อตั้งแต่แรก พวกตีสองหน้าในสังคมเรามีเยอะค่ะ”
“แม่ก็ไม่แน่ใจ แต่เขาทำตัวไม่มีพิรุธเลย เป็นน้องที่คอยปกป้องพี่สาวยังไงก็ยังงั้น”
“แล้วทำไมช่วงแรกๆคุณแม่ไม่ระแคะระคายเรื่องคุณพ่อกับเขาล่ะคะ”
“ช่วงนั้นแม่ไปทำงานใหม่ๆ งานยังไม่ค่อยเข้าที่ก็เลยไม่ได้กลับกรุงเทพฯหลายเดือน คุณพ่อจะเป็นคนไปหาเอง แม่ก็เลยไม่รู้ความเป็นไปของคนที่นี่ ส่วนที่คุณพ่อบอกว่าคุณย่ารับฟ้ารุ่งไปเลี้ยงแม่ก็ไม่รู้ เพราะพ่อกับแม่แยกมาอยู่ข้างนอก มารู้ความจริงเอาก็ตอนที่แม่ท้องนุ พลอยแสงเขาก็เริ่มเข้ามาแสดงตัว แม่เองก็เริ่มผิดสังเกตเพราะหลังๆเขาชอบพูดจายุแยงให้แม่ทะเลาะกับคุณพ่อ พอไม่สำเร็จเขาก็ขึ้นไปหาแม่ที่เชียงใหม่ ขอร้องให้ยอมรับเขาออกหน้าออกตา คุณพ่อพยายามเคลียร์แต่ก็ไม่สำเร็จถึงได้ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง และจ่ายค่าเลี้ยงดูฟ้ารุ่งทุกเดือน จากนั้นก็ลาออกจากกระทรวงตามไปอยู่เชียงใหม่ เพื่อทำกิจการรีสอร์ต และฟาร์มกล้วยไม้กับแม่”
“แล้วเขาตายยังไงคะ ทำไมยายของฟ้ารุ่งต้องสงสัยคุณแม่ด้วย”
“เขาตกตึกตาย ก่อนตายน่ะ หลวงลุงของเราเป็นคนไปรับเขาออกมา ทางนั้นก็เลยคิดเอาเองว่าแม่จ้างวานฆ่า”
“แสดงว่าที่หลวงลุงบวชไม่สึกก็เพราะเรื่องนี้หรือคะ”
“ใช่ หลวงลุงบวชเพราะต้องการอุทิศส่วนกุศลให้พลอยแสง แต่ทางยายของฟ้ารุ่งก็ส่งฟ้องศาล จนคดีสิ้นสุด ตัดสินให้เราบริสุทธิ์และยกฟ้อง”
“ฝ่ายนั้นก็เลยโกรธแค้นเรา”
“คงจะเป็นอย่างนั้น แต่แม่ไม่ได้ทำ และเชื่อว่าหลวงลุงก็ไม่ได้ทำ เพราะท่านรักพลอยแสงมาก รักถึงแม้จะรู้ว่าเป็นผู้หญิงของน้องเขยตัวเอง”
“ซันเชื่อหลวงลุงกับคุณแม่ค่ะ ต่อจากนี้เราคงต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะคนอย่างฟ้ารุ่ง ไม่ธรรมดา” ซันดาสรุปเสียงหนัก
รยาลุกขึ้นจากเก้าอี้ วางมือลงบนศีรษะลูกสาวและลูบผมซอยสั้นนั้นเบาๆ “ซันก็อย่าระวังจนระแวงนะลูก ถ้าพ่อแม่กับน้องกลับเชียงใหม่แล้วซันต้องอยู่ที่นี่กับอาแอน แม่ไม่อยากให้หนูเครียด”
คนถูกห่วงเงยหน้าขึ้นมองมารดาพลางยิ้มจางๆ “ซันสัญญาว่าจะระวังตัวให้ดี แต่ไม่เครียดค่ะ”
ผู้เป็นแม่พยักหน้าก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
ซันดาจึงลุกขึ้น คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยสีหน้าเจือกังวล
[ จบบทนำ ]
คุยกับนักอ่าน
ต้องขออภัยที่นำริษยาซ่อนรักไปรีไรท์เสียนานเลยค่ะ
เป็นเพราะพล็อตเรื่องเก่ายังไม่ค่อยโดนใจจึงนำเรื่องนี้ไปดองไว้เพื่อให้ตกผลึกความคิด ตอนนี้ลงตัวแล้วค่ะ สำหรับการอัพนิยายในเว็บ จะพยายามลงให้ได้สัปดาห์ละ ๒ ตอน เพื่อไม่ให้ขาดตอน ยกเว้นบางช่วงที่งานประจำยุ่งจริงๆ อาจจะช้าไปบ้างก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ ผู้เขียนทำงานประจำไปด้วยค่ะ
สามารถทักทายกันได้ที่ แฟนเพจ บ้านน้ำฟ้า หรือเฟซบุ๊ก น้ำฟ้า แม่หญิงล้านนา ได้นะคะ ^^
รถตู้คันใหญ่จอดติดไฟแดงอยู่บนถนนย่านธุรกิจของกรุงเทพมหานคร บรรยากาศในรถค่อนข้างอึมครึม เนื่องจากทุกคนต่างก็ดูเคร่งเครียดและกังวลอยู่ลึกๆ โดยเฉพาะหญิงสาวผู้มีดวงตากลมโต จมูกโด่งเล็กได้รูปรับกับริมฝีปากเรียวบางสีชมพูระเรื่อ แต่ดวงหน้าขาวผ่องภายใต้กรอบผมซอยสั้นนั้นก็ดูผุดผาดนักยามที่อยู่ในชุดสีดำสนิทเช่นเดียวกับทุกคนบนรถที่กำลังเดินทางกลับจากงานเผาศพคุณประไพ จันทรานนท์ ซึ่งเป็นย่าของหญิงสาวนั่นเอง
“พี่ซัน นุอยากรู้เรื่องเอ่อ...เรื่องคุณพ่อ” ชัยพล น้องชายคนเดียวของเธอชะโงกหน้าเข้ามากระซิบกระซาบ ขณะที่สายตาลอบมองไปยังบิดา มารดาที่นั่งอยู่ด้านหน้าอย่างระวัง
“เอาไว้ถึงบ้านค่อยคุยกัน พี่ไม่อยากให้คนขับรถได้ยิน” ซันดาตอบเสียงเบา
หลังได้คำตอบแล้วชัยพลจึงขยับตัวนั่งมองออกไปนอกตัวรถเช่นเดิม ปล่อยให้พี่สาวจมอยู่กับความนึกคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อชั่วโมงที่แล้ว
เสียงสวดอภิธรรมยังดังก้องหูขณะที่ซันดาเดินลงจากเมรุเผาศพพร้อมกับมารดาและน้องชาย ส่วนบิดาและจิดาภาอาสาวของเธอนั้นยังคงยืนประคองคุณย่าน้อยอยู่ด้านบน เพื่อดูการเผาจริงจนเสร็จสิ้นพิธีการ
ทั้งสามนั่งลงบนเก้าอี้แถวแรกที่เรียงรายอยู่ในศาลา และต่างก็เงยหน้าขึ้นไปมองภาพเหตุการณ์บนเมรุเผาศพ ทุกอย่างดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ควันไฟสีขาวลอยเอื่อยออกมาจากปล่องไฟด้านหลังเมรุ เสียงพระสวดเงียบลงแล้ว เสียงคุยกันของญาติผู้ตายจึงดังขึ้นแทนที่
ด้วยบรรยากาศอันเศร้าสร้อยทำให้ซันดาต้องยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับน้ำตาที่เอ่อคลอใกล้จะหยาดหยด ถึงแม้เธอจะได้อยู่ใกล้ชิดคุณย่าเพียงช่วงบั้นปลายชีวิตของท่าน แต่สายสัมพันธ์ก็ทำให้เกิดความรู้สึกอาลัยอย่างสุดซึ้ง เธออยากจะเก็บภาพทุกภาพในวันนี้เอาไว้เพราะเป็นความทรงจำสุดท้ายที่เธอและท่านจะมีร่วมกัน
ในวัยเด็กซันดาจำได้ว่าคุณย่าเป็นผู้ดูแลเธอแทนจักรภพและรยา บิดามารดาของเธอซึ่งต้องไปทำงานในเวลากลางวัน เมื่อเธออายุได้ 6 ขวบบิดาจึงพาครอบครัวย้ายไปตั้งรกรากอยู่จังหวัดเชียงใหม่ จนเธอเข้ามาทำงานหลังจากเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วจึงได้กลับมาอาศัยอยู่กับคุณย่าอีกครั้งหนึ่ง
“ผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับซันที่แต่งหน้าจัดๆยืนอยู่ข้างหลังคุณพ่อนั่นเป็นใครกัน ทำไมอยู่รอจนเผาจริงเสร็จ” มารดาของเธอถามขึ้น
ซันดามองตามด้วยใจที่บังคับไม่ให้สั่น แล้วหันไปตอบด้วยเสียงที่เบาปานกระซิบ “ซันก็เพิ่งรู้ว่าเขาเป็นญาติกับเราค่ะคุณแม่ ผู้หญิงคนนี้ชื่อฟ้ารุ่ง ซันรู้จักกับเขาตอนไปเรียนมหา’ลัยที่เชียงใหม่”
“ก่อนช่วงพิธีนุก็เห็นเขาคุยกับคุณพ่ออย่างสนิทสนมเชียว”ชัยพลฟ้อง
“ตั้งแต่พ่อกับแม่ย้ายไปอยู่เชียงใหม่ก็แทบไม่ได้ติดต่อกับญาติทางนี้เลย บางทีหนูฟ้ารุ่งอาจจะเป็นลูกของใครสักคนก็ได้ เดี๋ยวคุณพ่อคงพามาแนะนำเองแหละ” รยาสรุปก่อนจะหันไปคุยกับเพื่อนสนิทของสามีที่มานั่งอยู่ใกล้ๆ โดยไม่ทันสังเกตว่าซันดามีท่าทีแปลกไปเมื่อได้เห็นหญิงสาวผู้เป็นหัวข้อสนทนาเมื่อครู่
“คุณพ่อจะลงจากเมรุแล้ว นุไปช่วยประคองคุณย่าน้อยสิ ท่าทางท่านจะไม่ไหว” ซันดาบอกน้องชาย แล้วจึงยื่นมือไปรับกรอบรูปหน้าศพของคุณย่ามาถือไว้เสียเอง เมื่อน้องชายทำตามที่สั่งเธอก็มองตามพลางถอนหายใจ ไม่เป็นผลดีเลยที่เธอได้มาพบฟ้ารุ่งอีกครั้ง ทั้งๆที่เธอเกือบจะลืมเหตุการณ์เลวร้ายในอดีตแล้ว ‘ไม่ว่าจะเกิดอะไร เธอจะต้องเข้มแข็งนะซันดา’ หญิงสาวเตือนสติตนเองในใจ
ชัยพลเดินขึ้นไปบนบันไดเมรุก่อนจะหยุดอยู่กลางบันได เนื่องจากเห็นว่าฟ้ารุ่งเข้ามาประคองคุณย่าด้วยอีกแรงหนึ่ง ขณะที่จิดาภาเลี่ยงไปทักทายแขกในงาน เขาจึงรอให้ทั้งสามเดินผ่านไปก่อน จึงค่อยก้าวตาม
ซันดาจับจ้องร่างระหงในชุดเดรสสีดำสนิทอย่างจดจ่อ ฟ้ารุ่งดูเป็นสาวเต็มตัวและสวยขึ้นมากกว่าตอนเป็นนักศึกษา แต่สิ่งที่รับรู้ได้ตั้งแต่แวบแรกที่สบตากันคือ หญิงสาวผู้นั้นไม่มีความเป็นมิตรต่อเธอเลยแม้สักนิดเดียว
“คุณน้าเข้าไปนั่งในศาลาเถอะค่ะ ตรงนี้แดดร้อนเดี๋ยวจะไม่สบาย” มารดาของเธอนั่นเองที่เป็นคนพูดและเข้าไปประคองผู้ชราแทนสามี เมื่อทั้งสี่คนเดินเข้ามาใกล้
ซันดาก้าวตามคนทั้งหมดเข้าไปในศาลาอย่างเงียบๆ แวบหนึ่งเธอเห็นฟ้ารุ่งมองมาและยิ้มน้อยๆที่มุมปาก แค่เพียงนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกหนาวๆร้อนๆ ความกังวลใจเล่นปรี่เข้ามาในอกตามประสาวัวสันหลังหวะที่มีอะไรเล็กน้อยมากระทบก็ย่อมเจ็บขึ้นมาทันที
“ทุกคน...นี่ฟ้ารุ่ง” หลังนั่งลงบนเก้าอี้ข้างภรรยา จักรภพก็นิ่งไปครู่หนึ่งพร้อมกับจ้องหน้าภรรยาพลางถอนใจก่อนจะเอ่ยปากแนะนำต่อ “ เอ่อ ฟ้าเป็นลูกสาวของผมที่เกิดกับพลอยแสง”
“คุณพ่อ!” ด้วยความตกใจ ซันดาหลุดเสียงเรียกบิดาออกมาดังลั่น พลางเอื้อมมือไปรวบมือมารดาของตนไว้ มือเย็นเฉียบนั้นทำให้หญิงสาวเข้าใจความรู้สึกของมารดาดี แต่กลับไม่มีคำใดหลุดออกมาจากปากของรยาสักคำ
“ทุกคนเป็นพี่น้องกัน ต้องรักกันไว้นะลูก แม่รยาน้าขอฝากหลานไว้อีกสักคนนะ แม่พลอยแสงเขาเสียไปนานแล้ว ถือเสียว่าฟ้าเป็นลูกของเราอีกคนหนึ่ง” คุณย่าน้อยฝากฝัง ซึ่งอีกนัยหนึ่งน่าจะเป็นการผ่อนคลายสถานการณ์ตึงเครียดที่เป็นอยู่
“ค่ะ คุณน้า” น้ำเสียงตอบนั้นสั่นน้อยๆ ซันดาคิดว่ามารดาคงกำลังพยายามควบคุมอารมณ์ให้เป็นปกติ
“สวัสดีค่ะคุณป้า” ฟ้ารุ่งเอ่ยทักทายรยาพร้อมกับยกมือไหว้ เมื่อเห็นอีกฝ่ายยกมือขึ้นรับไหว้จึงละสายตามามองซันดาบ้าง ผู้ถูกมองรีบเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยไม่อยากเห็นอะไรที่รกสายตา
“ฟ้าเป็นพี่คนโต เกิดก่อนซันประมาณสิบวัน” บิดาบอกคล้ายจะเตือนซันดาไปในตัว เธอจึงหันกลับมาตอบเบาๆว่า “ค่ะ”
“สบายดีนะฟ้ารุ่ง” ซันดาเอ่ยทักแกนๆ ไม่ยอมยกมือขึ้นไหว้หรือแม้แต่จะเรียกพี่ ส่วนชัยพลนั้นข่มใจยกมือไหว้อย่างลวกๆ เขาไม่ได้อคติใดๆทั้งสิ้น แต่มันเร็วเกินไปกับสิ่งที่ได้รับรู้ ตั้งแต่เกิดมาเขาก็มีพี่สาวเพียงคนเดียวคือซันดา แล้วอยู่ๆดีจะให้ทำใจได้อย่างไร
“เจอกันอีกจนได้นะซัน แต่ตอนนี้เธอเปลี่ยนไปมาก จนแทบจะจำไม่ได้แน่ะ” ฟ้ารุ่งตอบด้วยสีหน้ายิ้มๆ ไม่สิ รอยยิ้มมุมปากนั่นดูจะเยาะเสียมากกว่า
“แต่ฉันจำเธอได้ดี” ซันดาตอบเสียงหนักแล้วจึงหันไปทางมารดา“เราจะกลับกันหรือยังคะ”
“อ้าว จะกลับกันแล้วหรือคะ ฟ้าก็กำลังจะกลับอยู่เหมือนกัน ซันเดินไปส่งที่รถหน่อยสิ ในฐานะเพื่อนเก่าและพี่สาวคนใหม่” ประโยคท้ายฟ้ารุ่งพยายามเน้นหนัก
“อืม ซันไปส่งพี่เขาสิ เดี๋ยวพ่อแม่นั่งรอที่นี่แหละ” จักรภพส่งเสริม
ซันดาจึงจำเป็นต้องเดินออกมาอย่างไม่เต็มใจนัก แต่เธอก็พยายามทำทุกอย่างให้เป็นปกติ เพื่อไม่ให้บิดากังวล
“ตั้งแต่เกิดเรื่องเธอก็ตัดผมสั้น ทำตัวเป็นทอมแบบนี้เลยสินะ” ฟ้ารุ่งเอ่ยขึ้นลอยๆ สายตาของเธอมองไปยังที่จอดรถ แต่ซันดาก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายพูดกับตน “ไม่คิดเลยว่า เรื่องนั้นจะทำให้เธอต้องเปลี่ยนตัวเองขนาดนี้ คงเสียใจมากสินะ”
ซันดาหันขวับไปมองด้วยแววตาแค้นเคือง “ไม่ต้องเสแสร้งเป็นพี่สาวที่แสนดี ตอนนี้มีแค่ฉันกับเธอไม่ต้องตีสองหน้าก็ได้ เพราะยังไงฉันก็รู้ว่าเธอมันปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอ”
ฟ้ารุ่งหัวเราะ “แหม พูดแรงจัง ถ้ารู้ว่าเธอเป็นน้องพ่อเดียวกันฉันคงไม่...เอ่อ ไปมีส่วนทำให้ชีวิตเธอย่ำแย่แบบนี้”
“หยุดพูดเถอะ เธอคงเดินไปที่รถเองได้นะ” ซันดาตัดบทก่อนจะหันหลังกลับ เนื่องจากขอบตาของเธอกำลังร้อนผ่าว เมื่อความทรงจำเก่าๆกลับมาทำร้ายเธออีกครั้ง เวลาผ่านไปนานมากแล้ว เธอไม่ต้องการรื้อฟื้นอดีตใดๆทั้งสิ้น ในเมื่อเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นความทรงจำที่เลวร้ายที่สุดในชีวิต
ฟ้ารุ่งหยุดเดิน มองตามอีกฝ่ายยิ้มๆ พลางตะโกนตามหลัง “เราคงได้พบกันอีกนะซันดา เธอเตรียมตัวเอาไว้ได้เลย”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่หันมาตอบ สาวสวยร่างระหงจึงก้าวลิ่วๆไปที่รถด้วยสีหน้าพึงพอใจ และเมื่อก้าวเข้าไปนั่งประจำที่คนขับแล้ว ฟ้ารุ่งจึงเปรยกับสายลมว่า “ฉันมีเรื่องสนุกๆที่จะทำร่วมกับเธออีกหลายเรื่อง ซันดา”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
รถตู้จอดสนิทบริเวณหน้าตึกใหญ่ ซันดาจึงรอให้บิดามารดาก้าวลงไปก่อน จากนั้นเธอก็หันไปบอกน้องชายเสียงเบาว่า “เดี๋ยวพี่จะตามไปคุยกับคุณพ่อให้รู้เรื่อง”
“ดีฮะ นุก็อยากรู้ความเป็นมาของพี่สาวคนใหม่เหมือนกัน”
ซันดาพยักหน้าแล้วจึงเดินนำเข้าไปก่อน
บ้านทั้งหลังเงียบเชียบ โดยปกติผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่จะมีเพียงคุณย่าและซันดาเท่านั้น ส่วนพวกคนใช้ซึ่งอยู่กันที่ห้องพักด้านหลังก็จะอยู่กันอย่างสงบ เนื่องจากคุณย่าไม่ชอบความวุ่นวาย
ซันดาและชัยพลเดินตามบิดามารดาเข้าไปในห้องนั่งเล่นแล้วจึงนั่งลงบนโซฟาที่ตั้งอยู่ตรงข้ามท่านทั้งสอง
“ซันอยากรู้เรื่องของฟ้ารุ่งค่ะคุณพ่อ” ซันดาเปิดประเด็นอย่างไม่อ้อมค้อม
บิดานิ่งไปครู่ใหญ่คล้ายกำลังเรียบเรียงคำพูดแต่ก็ยอมเปิดเผยเรื่องราวในที่สุด “ก็อย่างที่พ่อบอกนั่นแหละ ฟ้ารุ่งเป็นลูกที่เกิดจากน้าพลอยแสงกับพ่อ”
ซันดาปล่อยร่างพิงพนักโซฟาเต็มแรงก่อนจะเบ้ปาก “มีลูกกับเมียน้อย แต่ลูกเมียน้อยแก่กว่าลูกเมียหลวงเนี่ยนะคะ ไหนคุณพ่อบอกว่ารักคุณแม่ไง แล้วนี่มันอะไรกัน”
“ซัน ใจเย็นๆก่อนลูก อย่าเพิ่งซักคุณพ่อเลย” รยาช่วยปราม ถึงเธอจะเข้าใจลูกสาวดีแต่ก็รู้ว่ายามนี้ซันดาพูดจาด้วยอารมณ์น้อยใจ เธอจึงอยากตะล่อมลูกสาวด้วยตนเองก่อน เพราะรู้ถึงความรั้นของซันดาดีอยู่แล้ว
แต่ดูเหมือนจักรภพจะปลงๆจึงยกมือขึ้นโบก “ไม่เป็นไรคุณ ให้ลูกถามเถอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ผมเองก็ไม่ได้ปิดบังอะไร”
“ถ้างั้นคุณพ่อก็เล่ามาเลยสิฮะ ว่าทำไมมีพี่ฟ้ารุ่งก่อนพี่ซัน” ชัยพลย้ำคำถามเดิมอีกครั้ง
บิดาพยักหน้า “ได้สิ คือ หลังจากพ่อกับแม่แต่งงานกันได้ไม่นาน ธนาคารก็ส่งแม่ไปประจำอยู่ที่สาขาเชียงใหม่ น้าพลอยแสงก็เลยเข้ามามีบทบาทกับชีวิตพ่อเพราะเราทำงานอยู่กระทรวงเดียวกัน”
ซันดานิ่งฟังด้วยความรู้สึกเหมือนถูกตีด้วยของแข็ง หัวใจเธอปวดหนึบราวกับถูกเข็มนับพันทิ่มแทง แต่ก็คงไม่เท่าความทรมานใจของมารดากระมัง “แล้วคุณแม่มารู้ตอนไหนคะ”
“รู้ตอนที่ท้องนุ ตอนแรกๆแม่ถึงกับจะฟ้องหย่าคุณพ่อเลยนะ เพราะนอกจากผิดหวังแล้ว พลอยแสงก็เข้ามาระรานจนแม่ทนไม่ไหว” รยาเป็นฝ่ายเล่าบ้าง
“แล้วคุณแม่กับคุณพ่อกลับมาเข้าใจกันได้ยังไงฮะ” ชัยพลถามอย่างจดจ่อ
“น้าพลอยแสงเขาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต แต่จริงๆก่อนหน้านั้นพ่อก็เลือกแม่ เลือกที่จะลาออกจากราชการไปอยู่กับแม่ที่เชียงใหม่ เพียงแต่น้าพลอยแสงเขารับไม่ได้ ซึ่งพ่อก็เข้าใจเขานะ เขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบมาตลอด พ่อผิดเอง พ่อขอโทษ” น้ำเสียงของบิดาเคร่งเครียดเช่นเดียวกับสีหน้า
“แล้วฟ้ารุ่งเขาไม่เคยเรียกร้องให้พ่อรับผิดชอบเลยหรือคะ” ซันดาโพล่งถาม
บิดาระบายลมหายใจออกมาเบาๆ “พอฟ้ารุ่งอายุได้หกเดือน พลอยแสงก็พาไปกราบคุณย่า ท่านถึงได้ทราบความจริงและให้พาฟ้ารุ่งไปอยู่ในความดูแลของท่านอยู่ระยะหนึ่ง แต่พอพลอยแสงเสียชีวิต ยายของฟ้ารุ่งก็มารับไปเลี้ยง และไม่ยอมให้เราสองพ่อลูกได้เจอกัน จนฟ้ารุ่งเรียนจบถึงได้มาหาพ่อด้วยตัวเอง”
“แสดงว่าที่ผ่านมาคุณแม่ก็รู้เรื่องนี้มาตลอด” ชัยพลถามบ้าง
มารดาพยักหน้า “ใช่ แม่รู้ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ เหตุการณ์มันก็ล่วงเลยมาถึงขั้นนี้แล้ว ลูกเองก็เหมือนกัน ลูกต้องเข้าใจคุณพ่อนะซัน นุ”
ซันดาหันไปมองหน้าน้องชายนิ่ง ในใจของเธอเวลานี้กำลังสับสน ความเข้าใจในความผิดพลาดของบิดา ความผิดหวัง ความสงสารมารดาตีกันให้วุ่นไปหมด คงยากที่จะให้รับฟังโดยที่ไม่รู้สึกแปลกเปลี่ยนใดๆเลย “เราสองคนจะพยายามค่ะคุณแม่ ขอตัวก่อนนะคะ ซันอยากอาบน้ำเต็มทีละ”
“นุไปด้วยสิพี่ซัน” ชัยพลบอกพลางลุกขึ้นตามอย่างรวดเร็ว
หลังลูกทั้งสองลับจากสายตาแล้วจักรภพก็หันไปถามภรรยาด้วยสีหน้ากังวล “ผมหวังว่าลูกๆคงจะทำใจได้นะคุณ”
รยายิ้มจางๆและวางมือเรียวลงบนมือของสามีพลางบีบเบาๆก่อนตอบ “คงต้องให้เวลาลูกสักพัก แต่ยาเชื่อค่ะ ว่าลูกๆต้องเข้าใจคุณ”
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
“พี่ซัน เดี๋ยวฮะ นุมีอะไรข้องใจ”
ซันดาตรึงเท้านิ่งไว้ที่บันไดขั้นแรก น้องชายจึงรีบเดินเข้าไปหาแล้วยิงคำถามทันที “ที่พี่ซันบอกว่าเคยรู้จักพี่ฟ้ารุ่ง แล้วเขานิสัยเป็นยังไงบ้าง”
ซันดายกแขนขึ้นมากอดอก จ้องหน้าน้องชายด้วยสายตาจริงจัง “เป็นคนเลว”
“โห พี่ซัน แรงจัง”
ซันดาไม่ตอบ พูดจบหญิงสาวก็หันหลังเดินขึ้นบันไดไปโดยไม่สนใจคำทักท้วงใดๆของน้องชาย ปล่อยให้ชัยพลมึนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ตามลำพัง
เมื่อก้าวเข้าไปในห้องนอนส่วนตัวแล้ว ซันดาก็รีบปิดประตู ขึ้นไปนั่งพิงพนักหัวเตียงด้วยสีหน้าครุ่นคิด การปรากฏตัวของฟ้ารุ่งในวันนี้มีหลายสิ่งที่น่าสังเกต
แม่ของฟ้ารุ่งตายไปนานแล้ว แล้วแม่นั่นรู้ตั้งแต่ตอนไหนว่ามีพ่อคนเดียวกันกับเธอ ก่อนไปเรียนที่เชียงใหม่ หรือหลังจากนั้น ถ้าหากว่ารู้ก่อนหน้า การที่ฟ้ารุ่งเข้ามาตีสนิทกับเธอ และทำให้ชีวิตเธอดิ่งลงเหวนั่นคงเป็นความตั้งใจ ความโกรธแค้น และความริษยา การที่เธอมีทั้งพ่อและแม่ครบครันคงทำให้อีกฝ่ายต้องการทำลายเธอเพื่อความสะใจ ดังนั้นถ้าซันดายังอ่อนแอ คิดจะยอมแพ้ หรือหนีอดีต ก็จะทำให้ฟ้ารุ่งเป็นต่อ และสามารถอยู่เหนือเธอได้ตลอดไป ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะมีเจตนาอะไร เธอจะต้องเข้มแข็ง และไม่ยอมให้ใครเข้ามาทำลายชีวิตซ้ำสองอีกเป็นอันขาด
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังลั่น ซันดาผุดลุกขึ้น ก้าวเร็วๆไปเปิดประตูออกในทันที และพบว่าผู้ที่มายืนยิ้มแฉ่งอยู่ตรงข้ามก็คือน้องชายตัวดีของเธอนั่นเอง
“มีอะไรอีกล่ะ พี่จะรีบอาบน้ำ” ซันดาแกล้งทำหน้ายู่ เสียงดุ
“ก็...นุอยากรู้นี่นาว่าเขาเลวยังไง อยู่ดีๆคุณพ่อก็มาบอกว่าใครไม่รู้เป็นพี่สาวเรา นุก็ควรจะได้รู้ไม่ใช่เหรอพี่ซัน ว่าจะเชื่อใจเขาได้แค่ไหน”
คำตอบของน้องชายทำเอาพี่สาวถึงกับต้องทอดถอนใจ
บางเรื่องราวมันก็เป็นได้แค่ความลับ ไม่ใช่ทุกเรื่องที่จะขยายความให้ทุกคนฟังได้
“ผู้หญิงคนนั้นสามารถทำเรื่องเลวร้าย หรือจะทำลายใครก็ได้ ถ้าหากทำไปแล้วตัวเองได้สิ่งที่ต้องการ ใครจะเป็นจะตายยังไงก็ไม่สนใจ”
“ยกตัวอย่างเช่น...”
ซันดาเลิกคิ้ว “ไม่ยก เรื่องบางเรื่อง ไม่ว่าจะเกิดกับตัวพี่เองหรือคนสนิท มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเอาไปโพนทะนาต่อ เมื่อพี่คอนเฟิร์มว่าเลว ก็ให้รู้ไว้ก็แล้วกันว่าเลวจริง”
“แต่จะยังไงเขาก็เป็นพี่สาวเรานะพี่ซัน” น้องชายแย้งอย่างไม่จริงจังนัก
แต่ก็ทำให้พี่สาวเริ่มรำคาญขึ้นมาทันควัน “แล้วเขาเห็นเราเป็นพี่น้องหรือเปล่าล่ะ เชิญแกดีใจที่ได้พี่สาวคนใหม่ไปคนเดียวเถอะ สำหรับฉัน...ไม่นับญาติ”
บอกความรู้สึกจบ ซันดาก็ถอยหลัง ปิดประตูเพื่อยุติการสนทนาในทันที
“มองโลกในแง่ดีต่อไปเถอะเจ้านุ สักวันแกจะรู้พิษสงของความไว้ใจคน”
ซันดาพยายามสลัดฟ้ารุ่งออกจากความคิด แต่ขณะที่เธอกำลังเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเพื่อเตรียมอาบน้ำเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ซันดาส่ายหน้าด้วยความหงุดหงิด พลางสาวเท้าเร็วๆไปเปิดประตูและโวยลั่น “บอกว่าจะอาบ...อ้าว คุณแม่”
“แม่เอง แม่เข้าไปได้ไหมซัน”
“ค่ะ” รับคำเบาๆแล้วหญิงสาวก็เดินนำเข้าไปขยับเก้าอี้หน้าโต๊ะไม้เล็กๆมาให้มารดานั่ง ส่วนตนเองนั้นนั่งลงหมิ่นเหม่ที่ปลายเตียงใกล้ๆกัน
“คุณแม่จะมาพูดเรื่องคุณพ่อหรือคะ” ซันดาถามเข้าเป้าโดยไม่รอ
มารดาจึงพยักหน้าแล้วเอื้อมมือไปดึงมือเรียวของลูกสาวมากุมไว้ “แม่รู้ว่าซันทำใจได้ยาก เพราะตัวแม่เองกว่าจะทำใจได้ก็หลายปี ยิ่งตอนรู้เรื่องใหม่ๆใจมันจะขาดเสียให้ได้ แต่พอนานไปก็ค่อยๆเข้าใจว่าคนเราที่ยังมีกิเลส ยามที่เกิดอารมณ์ชั่ววูบก็อาจจะทำผิดพลาดกันได้ทุกคน ชีวิตมันไม่ใช่นิยายนี่ลูกที่เราจะเขียนให้พระเอกงดงาม มั่นคง และซื่อสัตย์ยังไงก็ได้ ชีวิตจริงความผิดพลาดเกิดขึ้นได้ง่าย ง่ายจนเราคิดไม่ถึง แม่ถึงให้อภัยคุณพ่อ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในครอบครัว ไม่ใช่แค่ความรักระหว่างหนุ่มสาว แต่คือความเป็นครอบครัวและลูกทั้งสองคน”
ซันดาบีบมือมารดาแน่นเข้าราวกับต้องการถ่ายทอดความรักและความปลอบประโลมไปให้ “ซันขอเวลาค่ะ ยังไงคุณพ่อก็เป็นพ่อ ซันแค่กำลังตกใจค่ะคุณแม่ ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีพ่อคนเดียวกับผู้หญิงร้ายกาจอย่างฟ้ารุ่ง ตอนนี้ซันกำลังสงสัยว่าฟ้ารุ่งต้องการอะไร ถึงเข้ามาแสดงตัวกับพวกเรา คงไม่ใช่เจตนาที่ดีแน่”
มารดาย่นคิ้ว “อย่าเพิ่งคิดไปในทางร้ายเลย ดูๆไปก่อน เขาอาจจะแค่ต้องการทวงสิทธิ์ความเป็นลูก และใกล้ชิดคุณพ่อบ้าง เพราะแม่เขาก็ไม่อยู่แล้ว”
ซันดาเม้มริมฝีปาก ครุ่นคิด ชั่งใจอยู่นานจึงเล่าออกไปตามจริงว่า “ที่ซันคิดแบบนั้นเพราะซันเคยถูกฟ้ารุ่งหลอก เขาเข้ามาตีสนิท ทำเหมือนเป็นคนดี แต่สุดท้ายก็แทงข้างหลังซันทุกเรื่อง”
รยาเบิกตากว้าง “จริงหรือนี่ แล้วซันทำยังไงล่ะลูก”
ซันดาระบายลมหายใจออกมาเบาๆจากนั้นจึงฝืนยิ้มให้มารดาก่อนเล่า “ตอนนั้นซันอ่อนแอเกินไปก็เลยหนีปัญหา ส่วนฟ้ารุ่งก็คงมีความสุขที่ได้เห็นความทุกข์ของซัน ตอนนี้ทุกอย่างกระจ่างแล้วค่ะ เขาเข้ามาหาเราเพื่อหวังผลบางอย่างจริงๆ”
“โถ ลูก” รยาเจ็บหนึบในอก ดึงร่างบางของลูกสาวเข้ามากอดเอาไว้หลวมๆ แม้ซันดาจะไม่ได้เล่าให้ฟังอย่างละเอียด แต่นั่นก็ย่อมแสดงให้เธอรู้ดีว่า ลูกสาวของเธออึดอัดใจที่จะต้องพูด “แม่ไม่นึกเลยว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ฟ้ารุ่งอาจจะแค้นเพราะยายของเขาฝังหัวมาตลอดว่า พลอยแสงตายเพราะฝีมือแม่”
“ยังไงคะ” ซันดาถอนตัวออกจากอ้อมกอดมารดาแล้วกดดันเอาคำตอบด้วยแววตาจดจ่อ “คุณแม่ช่วยเล่าให้ซันฟังตั้งแต่ต้นทีค่ะ ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง”
รยาพยักหน้า แล้วหลังจากนั้นเรื่องราวในวันเก่าก็ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“ก่อนหน้าที่แม่จะสอบเข้าทำงานที่ธนาควร แม่ได้งานทำที่กระทรวงคุณพ่อ น้าพลอยแสงเขาก็ทำงานอยู่ที่นั่น เขาเป็นน้องรักของแม่ เขามาจากครอบครัวที่เป็นเจ้าของร้านทอง พ่อแม่เข้มงวดมาก จริงๆแม่พอจะรู้ว่าน้าพลอยแสงปลื้มคุณพ่อ ซึ่งส่วนหนึ่งคงจะเป็นเพราะคุณปู่ของเราเป็นอธิบดี คนในกระทรวงถึงได้เกรงใจ พลอยทำให้คุณพ่อเป็นที่สนใจของสาวๆ จนพ่อกับแม่ได้แต่งงานกัน และแม่ไปอยู่เชียงใหม่ น้าพลอยแสงเขาก็ทำหน้าที่กันสาวๆออกจากคุณพ่อ แต่ก็เข้ามาใกล้ชิดคุณพ่อจน...เอ่อ...”
“จนมีฟ้ารุ่งใช่ไหมคะ ซันว่าเขาตั้งใจจะจับคุณพ่อตั้งแต่แรก พวกตีสองหน้าในสังคมเรามีเยอะค่ะ”
“แม่ก็ไม่แน่ใจ แต่เขาทำตัวไม่มีพิรุธเลย เป็นน้องที่คอยปกป้องพี่สาวยังไงก็ยังงั้น”
“แล้วทำไมช่วงแรกๆคุณแม่ไม่ระแคะระคายเรื่องคุณพ่อกับเขาล่ะคะ”
“ช่วงนั้นแม่ไปทำงานใหม่ๆ งานยังไม่ค่อยเข้าที่ก็เลยไม่ได้กลับกรุงเทพฯหลายเดือน คุณพ่อจะเป็นคนไปหาเอง แม่ก็เลยไม่รู้ความเป็นไปของคนที่นี่ ส่วนที่คุณพ่อบอกว่าคุณย่ารับฟ้ารุ่งไปเลี้ยงแม่ก็ไม่รู้ เพราะพ่อกับแม่แยกมาอยู่ข้างนอก มารู้ความจริงเอาก็ตอนที่แม่ท้องนุ พลอยแสงเขาก็เริ่มเข้ามาแสดงตัว แม่เองก็เริ่มผิดสังเกตเพราะหลังๆเขาชอบพูดจายุแยงให้แม่ทะเลาะกับคุณพ่อ พอไม่สำเร็จเขาก็ขึ้นไปหาแม่ที่เชียงใหม่ ขอร้องให้ยอมรับเขาออกหน้าออกตา คุณพ่อพยายามเคลียร์แต่ก็ไม่สำเร็จถึงได้ให้เงินเขาก้อนหนึ่ง และจ่ายค่าเลี้ยงดูฟ้ารุ่งทุกเดือน จากนั้นก็ลาออกจากกระทรวงตามไปอยู่เชียงใหม่ เพื่อทำกิจการรีสอร์ต และฟาร์มกล้วยไม้กับแม่”
“แล้วเขาตายยังไงคะ ทำไมยายของฟ้ารุ่งต้องสงสัยคุณแม่ด้วย”
“เขาตกตึกตาย ก่อนตายน่ะ หลวงลุงของเราเป็นคนไปรับเขาออกมา ทางนั้นก็เลยคิดเอาเองว่าแม่จ้างวานฆ่า”
“แสดงว่าที่หลวงลุงบวชไม่สึกก็เพราะเรื่องนี้หรือคะ”
“ใช่ หลวงลุงบวชเพราะต้องการอุทิศส่วนกุศลให้พลอยแสง แต่ทางยายของฟ้ารุ่งก็ส่งฟ้องศาล จนคดีสิ้นสุด ตัดสินให้เราบริสุทธิ์และยกฟ้อง”
“ฝ่ายนั้นก็เลยโกรธแค้นเรา”
“คงจะเป็นอย่างนั้น แต่แม่ไม่ได้ทำ และเชื่อว่าหลวงลุงก็ไม่ได้ทำ เพราะท่านรักพลอยแสงมาก รักถึงแม้จะรู้ว่าเป็นผู้หญิงของน้องเขยตัวเอง”
“ซันเชื่อหลวงลุงกับคุณแม่ค่ะ ต่อจากนี้เราคงต้องระวังตัวมากขึ้น เพราะคนอย่างฟ้ารุ่ง ไม่ธรรมดา” ซันดาสรุปเสียงหนัก
รยาลุกขึ้นจากเก้าอี้ วางมือลงบนศีรษะลูกสาวและลูบผมซอยสั้นนั้นเบาๆ “ซันก็อย่าระวังจนระแวงนะลูก ถ้าพ่อแม่กับน้องกลับเชียงใหม่แล้วซันต้องอยู่ที่นี่กับอาแอน แม่ไม่อยากให้หนูเครียด”
คนถูกห่วงเงยหน้าขึ้นมองมารดาพลางยิ้มจางๆ “ซันสัญญาว่าจะระวังตัวให้ดี แต่ไม่เครียดค่ะ”
ผู้เป็นแม่พยักหน้าก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
ซันดาจึงลุกขึ้น คว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำไปด้วยสีหน้าเจือกังวล
[ จบบทนำ ]
คุยกับนักอ่าน
ต้องขออภัยที่นำริษยาซ่อนรักไปรีไรท์เสียนานเลยค่ะ
เป็นเพราะพล็อตเรื่องเก่ายังไม่ค่อยโดนใจจึงนำเรื่องนี้ไปดองไว้เพื่อให้ตกผลึกความคิด ตอนนี้ลงตัวแล้วค่ะ สำหรับการอัพนิยายในเว็บ จะพยายามลงให้ได้สัปดาห์ละ ๒ ตอน เพื่อไม่ให้ขาดตอน ยกเว้นบางช่วงที่งานประจำยุ่งจริงๆ อาจจะช้าไปบ้างก็ขออภัยไว้ล่วงหน้าด้วยนะคะ ผู้เขียนทำงานประจำไปด้วยค่ะ
สามารถทักทายกันได้ที่ แฟนเพจ บ้านน้ำฟ้า หรือเฟซบุ๊ก น้ำฟ้า แม่หญิงล้านนา ได้นะคะ ^^
ณฤดี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ย. 2558, 06:03:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 พ.ย. 2558, 05:21:07 น.
จำนวนการเข้าชม : 1137
บทที่ ๑ ทางเดินที่เปลี่ยนสาย >> |