ความลับ (ที่) ซ่อนเร้น .. หรือจะเป็น ความรัก!(?)
คำถาม .. ที่มีคำตอบ
แต่คำตอบ .. กลับยังคงมากมายด้วยคำถาม

เพราะนิยามในคำหนึ่งคำนั้น
แฝงเร้นซุกซ่อนไว้ซึ่งความลึกลับ
ความซับซ้อนชวนสับสน รอยยิ้มปนเปื้อนคราบน้ำตา
เล่ห์เสน่หาหวานล้ำ และพร้อมจะนำความเจ็บปวดมาให้ .. ได้ทุกเวลา

.. หากว่ามันคือ ความรักที่มากล้น จนกลายเป็น .. ความลับ ! ..
Tags: ความรัก ความลับ

ตอน: บทที่ ๓๑ .. ความเข้าใจ เชื่อใจ และไว้ใจ



เภตราเบิกตาบ่ายหน้าขึ้นมองคนพูดอย่างตกใจ เพราะน้ำเสียงเข้มขรึมของเมฆพัดที่กระซิบข้างหูเมื่อครู่ บ่งบอกให้เธอเข้าใจได้ทันทีว่า เขาเอาจริง!

แต่หญิงสาวไม่ทันได้ถามหรือชี้แจงเรื่องราว พักตราก็ปรี่เข้ามาถึงจุดที่พวกเธอยืนอยู่ แล้วผลักอกชายหนุ่มพร้อมกรีดเสียงแหลม เอ่ยถ้อยคำจากปากรุนแรง แสดงความไม่พอใจอย่างที่สุด กับการกระทำอันแสนอุกอาจ ประหนึ่งกำลังถูกลบหลู่หมิ่นประมาทซึ่งหน้า

แม้เรี่ยวแรงของพักตราจะไม่มาก แต่เนื่องจากเมฆพัดไม่คิดว่า จะถูกผลักจริงๆแรงนั้นก็ทำเอาเขาเสียหลัก จนมือที่โอบเภตราไว้หลวมๆหลุดจากบ่าของเธอ เป็นจังหวะเดียวกับที่ 'แม่ยาย' ของเขา รั้งตัวคนในวงแขนไปทันที

"อย่ามาสามหาวกับฉัน กับลูกสาวฉันนะ ... เธอเป็นใคร ฉันไม่รับรู้ทั้งนั้น แต่ที่รู้ๆตอนนี้คือ ถ้าเธอยังไม่รีบออกไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ฉันจะแจ้งความข้อหาบุกรุก"

"แม่คะ"

"เงียบนะยัยเภา ..."

ผู้เป็นมารดาหันมาปรามบุตรีเสียงขุ่น เมื่อได้ยินเสียงเรียกแผ่วเบาท้วงอย่างขอความเห็นใจ แต่คนเป็นแม่กลับตัดบทเฉียบขาด แล้วปรายสายตาไปยังคนที่ยิ่งเห็นหน้านานเข้า ก็ยิ่งทวีความชังขึ้นทุกนาที

"ฉันไม่สนว่าเธอกับลูกสาวฉัน ... ก่อนหน้านี้จะเป็นยังไง แต่ขอให้รู้ไว้ ตอนนี้ เธอไม่มีสิทธิ์มาแอบอ้าง ... อ้อ จะบอกให้เอาบุญ คนที่จะมาเป็นลูกเขยของฉันได้น่ะ ฉันเตรียมของฉันไว้เรียบร้อยแล้ว ... "

"ถ้าคุณแม่หมายถึงไอ้หน้าสวย หุ่นสำอางนั่น ... ฝันไปเถอะครับ ว่าผมจะปล่อยเมีย ... ปล่อยเภา ... ให้มัน"

"ต๊าย ... เธอกล้าดียังไงห๊า ... ฉันไม่ใช่แม่เธอ แล้วคนที่พูดถึงนั่น เขาก็กำลังจะมาเป็นสามีลูกสาวของฉัน ... อย่ามาทำตัวอันธพาลแถวนี้นะ"

เภตราอ้าปากค้างกับคำต่อว่าต่อขานของมารดาและ ... คนที่กล้าต่อปากต่อคำ ทั้งยังอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของโดยพฤตินัย อย่างไม่ได้เห็นแก่หน้าใคร หรือลดราวาศอกให้ใครเลย

ความตกใจกับคำพูดของพักตราและตะลึงกับความบ้าบิ่นของเมฆพัด ทำให้เธอลืมไปว่า ทุกพยางค์ในแต่ละประโยค ล้วนเปิดเผยสิ่งซ่อนเร้นเรื่องน่าละอาย ...

ไม่ว่าใครจะเป็นคนพูด ... นั่นคือความจริง นั่นคือ การตราหน้าเภตราว่า เธอชิงสุกก่อนห่าม ทำตัวราวผู้หญิงไร้ค่า ไม่หลงเหลือราคาและศักดิ์ศรีใดๆ

ไม่มี!

ทว่า การที่เภตราจะมีคุณค่าหรือไม่ มันคงไม่มีผลกระทบมากเท่ากับ สงครามปะทะอารมณ์ระหว่างพักตรากับเมฆพัด ... สงครามประคารมตรงหน้านี่ต่างหาก ที่เธอต้องหาทางยุติมันโดยเร็วที่สุด ก่อนที่จะสายเกินไปจนมองหน้ากันไม่ติด

หญิงสาวยังคิดในแง่ดีว่า ถ้าเรื่องราวทุกอย่างลงตัว มันจะคลี่คลายไปในทางที่ดี ... ดีสำหรับทุกฝ่าย ทุกคน และชีวิตของเธอเอง

"แม่คะ ... พี่พัด ... อย่าทะเลาะกันเลยค่ะ ... นะคะ พี่พัด เภาขอร้อง พี่พัดกลับไปก่อน แล้วเภาจะอธิบายทุกอย่างให้เข้าใจ ... นะคะ"

ความลำบากใจของเภตราทวีขึ้นทุกขณะ หญิงสาวได้แต่หวังว่า คนที่เธอรักจะเข้าใจเธอสักนิด ... เพราะถึงอย่างไร พักตราก็คือแม่ของเธอ ย่อมรักเธอและพยายามเลือกสรรสิ่งที่ดี หรือแม้แต่คนที่คิดว่าดีที่สุดให้เธออยู่แล้ว

แต่เพราะเภตราบุ่มบ่ามตัดสินใจกับเรื่องของตัวเอง ด้วยอารมณ์ชั่วูบ ... ด้วยความรักที่ไม่เคยลบเลือนจากใจ และมากล้น ... จนเกินกว่าจะยับยั้งได้ มันจึงส่งให้เธอเดินมาถึงจุดนี้

"ยังต้องอธิบายอะไรอีกยัยเภา ... แม่พูดขนาดนี้ ถ้าไม่โง่ ก็น่าจะเข้าใจได้ไม่ยาก"

"โธ่ ... แม่คะ"

ลูกสาวอ่อนข้อและประนีประนอมอย่างถึงที่สุด แค่นี้เธอก็รู้แล้วว่า มารดาโกรธจัดแค่ไหน ... โกรธที่ลูกสาวคนเดียวที่ท่านมี ไม่รู้จักรักดีเอาเสียเลย

"งั้นก็อธิบายมาเลยเภา ... ตรงนี้ และ ...เดี๋ยวนี้"

เมฆพัดยื่นคำขาดทำตัวเป็น 'คนไม่ฉลาด' ขึ้นมาดื้อๆ อย่างน้อย ถ้าเภตราจะบอกอะไร ก็ควรบอกต่อหน้าผู้ใหญ่ซึ่งเป็นแม่ของเธอนั่นล่ะ เพราะเขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่า คนที่เขารัก ... จะกล้ายอมรับความจริงได้หรือยัง

"พี่พัด ... ทำไมไม่เข้าใจเภาบ้าง ..."

เภตราพูดได้ไม่ครบดังที่ตั้งใจ เสียงแตรรถนอกรั้วก็ดังขึ้นอีกครั้ง จนพักตราต้องกระตุ้นเตือนบุตรสาวให้เลิกสนใจ 'คนอื่น' ในสายตาที่คนเป็นแม่อย่างเธอเห็น

"ยัยเภา ... ไปเปิดประตู อย่าให้คู่หมั้นรอนานสิ ... ส่วนคนอื่นก็ ... ช่างมันเถอะ ... ไปสิ"

หญิงสาวมองรอยยิ้มบนใบหน้าของมารดา แต่ดวงตาของท่านที่เธอเห็น กลับบอกได้ถึงความรู้สึกผิดหวัง หากแต่ยังสามารถเก็บอาการไว้ได้อย่างมิดชิด

"แม่ไม่อยากเสียเวลากับเรื่องไร้สาระของเภาอีกแล้วนะลูก ... คนที่รออยู่นั่นต่างหาก ที่แม่คิดว่า คู่ควรกับลูกสาวของแม่ ... ที่สุด"

เภตราไม่รู้ตัวเองเลยว่า ทำสีหน้าเช่นไรออกมา แต่มันคงจะสร้างแรงสะเทือนได้มากพอ ที่จะทำให้เมฆพัดจำต้องเอ่ยสิ่งที่เขาไม่ปรารถนาเลยสักนิด

"ถ้าคุณ ... น้าไม่พร้อมจะรับฟังผม ... ไม่เป็นไรครับ วันนี้ผมคงเสียมารยาทกับคุณน้าไปมาก ... แต่สำหรับเภา ผมไม่จบแค่นี้แน่ ..."

เมฆพัดยอมโอนอ่อนลงมาบ้าง แต่ก็ดูจะไม่เป็นที่พอใจของพักตราสักเท่าไร แม้แต่หน้าของเขา 'แม่ยาย' ก็ยังแค่ปรายตาแล้วเมินมองไปทางอื่นแทน

"ไปเปิดประตูสิเภา ... พี่อยากทำความรู้จัก คู่หมั้นของเมียพี่สักหน่อย"

คราวนี้พักตราหันขวับจ้องหน้าคนกร้าวกระด้างอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ หากแต่ไม่พูดอะไร เพราะ ... พูดไม่ออก นอกจากโทสะที่เดือดพล่านในอก แล้วมาปรากฏเป็นเส้นเลือดเต้นตุบๆข้างขมับ

เภตราละล้าละลังชั่งใจคิด ห่วงทั้งความรู้สึกของแม่ ... โมโหกับคำตอกย้ำกระทบกระแทกเธอตลอดเวลาของเมฆพัด ก่อนจะตัดสินใจทำในสิ่งที่ต้องทำ ด้วยการเดินไปเปิดประตูรั้วให้คนที่รอข้างนอกเข้ามา

เอาเลย ... อะไรจะเกิดก็ช่างมันแล้ว

เธอเหนื่อยใจเหลือเกิน ... เธอเหนื่อยหัวใจจริงๆ






ประตูรั้วเคลื่อนเปิดเผยให้เห็นร่างสมส่วนของเจ้าของบ้าน แต่มัตติก์กลับแปลกใจตรงที่ว่า ทำไมเธอจึงต้องมาเปิดประตูเอง ทั้งที่รั้วของบ้านหลังนี้ใช้ระบบไฟฟ้า

กระทั่งชายหนุ่มหุ่นสำอางที่มีคนพาดพิงไว้ ขับรถยนต์เข้ามาได้เต็มคัน จึงได้เห็นว่านอกจากหญิงสาวแล้ว บริเวณหน้าบ้านยังไม่สตรีวัยเดียวกับกัทลิน มารดาของเขา และชายหนุ่มมาดเซอร์ยืนประจันหน้ากันอยู่

มัตติก์ขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่แน่ใจว่า เกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ แต่ที่สัมผัสได้แม้จะยังไม่ได้ลงจากรถคือ บรรยากาศตึงเครียดที่กำลังระอุ พร้อมระเบิดได้ในนาทีใดนาทีหนึ่งนับจากนี้

ชายหนุ่มมองไปยังลานจอดรถแล้วคะเนเอาว่า รถยนต์สีครามหม่นคันนั้น คงจะเป็นของผู้มาเยือนเช่นเดียวกับเขา

เขาจึงเลือกที่จะจอดรถเทียบด้านข้าง เพราะไม่แน่ว่า เขาอาจกำลังจะกลับก็ได้

ทันทีที่มัตติก์ดับเครื่องยนต์ เภตราก็รี่เข้ามาหาเคาะกระจกรถจนเขากลัวว่า เธอจะเจ็บมือแทน ซึ่งพอลดกระจกคำถามเสียงเบากึ่งพ้อก็แทรกมาให้ได้ยิน

"คุณดิน ... ทำไมจะมาไม่บอกกันก่อน"

"อ้าว ... ทำไมล่ะ หรือว่าวันนี้ เป็นผมที่ผิดคิว"

มัตติก์ถามกลับเสียงเบาระดับเดียวกัน แม้จะพูดจาติดตลก ให้คนฟังผ่อนคลายแต่สีหน้าของเภตราก็ยังดูเคร่งเครียด

"อย่าบอกนะว่า ... ผู้ชายคนนั้น ... ของคุณ"

คำพูดของมัตติก์ทำให้เภตราพยักหน้ายอมรับ จนชายหนุ่มต้องเหลือบมองผ่านกระจกข้างไปทาง 'ผู้ชายคนนั้น' อีกครั้ง

"ส่วนนั่น ก็คุณน้าพักตรา ... แม่คุณสินะ"

คราวนี้เขาได้ยินหญิงสาวเจ้าของบ้านถอนหายใจยาว ราวกับระบายความอัดอั้นภายใน ซึ่งเขาก็เข้าใจได้ไม่ยากว่า มีอะไรเกิดขึ้นแล้วบ้าง ... เมื่อไม่กี่นาทีที่เขายังอยู่นอกรั้วบ้านนี้

"รึเราจะล้มเลิกแผน ... แฟนคุณก็มาเจอคุณแม่แล้ว คุยกันดีๆน่าจะเข้าใจ ... ว่าแต่ ถ้าเขายังไม่เลิกจ้องผมแบบนั้น ... ผมไม่รับรองความปลอดภัยนะ บอกก่อน"

เภตราสีหน้าดีขึ้นมานิดหนึ่ง เพราะมัตติก์สามารถเข้าใจอะไรได้เร็ว แถมยังรู้จักพูดให้กำลังใจ แต่ประโยคท้ายๆของเขานี่สิ ที่ทำเอาเธอต้องมองหน้าคนพูด เพื่อค้นหาว่า เขาหมายถึงอะไร ก่อนจะพบเงาสะท้อน 'ผู้ชายคนนั้น' ในกระจกข้าง

"พูดจริงพูดเล่น ... เภาไม่คิดว่า คุณจะทำอะไรพี่พัดได้หรอก ... คุณก็รู้ ... ทำไม"

มัตติก์ใช้สายตาชนิดหนึ่งมองเภตรา แล้วเขาก็เปิดประตูรถก้าวลงมา ทำในสิ่งที่เธอไม่ทันระวังตัว แต่คนกระทำรู้ดีว่า ใครบางคนอาจตาย ... ไม่ก็ถึงขั้นพิการได้

ถ้าไม่ใช่ผู้ชายคนนั้น ... ก็เขานี่ล่ะ






เมฆพัดกัดฟันกรอดที่เห็นเภตราเดินจ้ำอ้าวแทบเป็นวิ่งไปเปิดประตูรั้ว แล้วยังตามไปรับหน้า 'ว่าที่คู่หมั้น' ถึงประตูรถ เขาจ้องเขม็งอย่างจะสื่อไปให้ถึงคนที่อยู่บนรถยนต์คันนั้นว่า ผู้หญิงคนนั้นเป็นของเขา

แต่แล้วนักวิจัยหนุ่มแทบช็อก กำหมัดแน่นจนเล็บที่ตัดสั้นยังจิกเข้าเนื้อได้ เมื่อร่างสูงหุ่นสำอางนั่นก้าวออกมาจากรถ

มันกล้าดียังไง ถึงมากอดเมียของเขา ... ต่อหน้าเขาแบบนี้!

โทสะแล่นแล่นพล่าน ลมเพชรหึงโหมกระพือ มือไม้กำแน่นเตรียมตัวเตรียมใจแล้วว่า วันนี้ นอกจากข้อหาบุกรุกจากแม่ยาย ก็คงจะมีทำร้ายร่างกายมาประดับประวัติอีกกระทง

ความคิดโลดลิ่วไปข้างหน้า หากขายังไม่ทันได้ยกเท้าก้าวเดิน พักตราก็มายืนจังก้าขวางหน้าเขาไว้พอดี

"เห็นชัดเจนหรือยัง ... แล้วจะไปได้หรือยัง"

ความเกรี้ยวกราดโกรธกรุ่นจนเมฆพัดรู้สึกได้ว่า ทั้งร่างของตนเองนั้นสั่นสะท้านแค่ไหน มันข่มกลั้นจนเกินจะระงับไว้ได้แล้ว

ทำไม ... เภตราถึงต้องหยามน้ำใจของเขาขนาดนี้

สารพัดอารมณ์ประเดประดัง ... และมันกำลังถูกความเสียใจกลบกลืน

คนที่เขารัก ... กลายเป็นอื่นไปแล้ว

สายตาของเมฆพัดยังจับจ้องสองร่างที่กอดกันอยู่ตรงนั้น จนเป็นภาพจำที่ไม่อาจสลัดมันทิ้ง หูทั้งสองอื้อไม่รับรู้สรรพสำเนียงใด ตาทั้งสองก็ลายสลับหม่นมัว ไม่ได้สนใจสตรีสูงวัยที่ตั้งท่ารังเกียจเดียดฉันท์เขาอีกต่อไป

"สวัสดีครับ ... คุณน้าคงจะเป็น คุณน้าพักตรา เพื่อนสนิทของคุณแม่ผม"

"จ้ะ ... ได้พบกันจริงๆเสียทีนะตาดิน ... แม่ได้ยินเสียงก็รู้แล้วว่า ตัวจริงต้องหล่อ ดูดีกว่าในรูปที่คุณกล้วยเคยส่งให้ดูอีก"

เมฆพัดมองทุกการเคลื่อนไหวราวกับภาพช้าเนิบนาบเนิ่นนาน เสียงที่ได้ยินเหมือนประสาทไม่อยากจะรับรู้ แต่เข้าใจได้ฉับไวว่า ความหมายของการสนทนาคืออะไร

แล้วเหตุใดความรู้สึกนึกคิด ที่ตั้งใจจะโผนทะยานจัดการใครต่อใครให้จมธรณี ไม่อาจเอาชนะอาการชาหนึบ ซึ่งมันกำลังบีบและคั้นหัวใจของเขาเอาไว้ จนไม่อาจขยับตัวไปทางไหนได้เลย




อาการปวดอกแสบทรวงรุมร้อนภายใน มีผลให้ร่างกายของเขาเป็นอัมพาตไปแล้วหรืออย่างไร ขาทั้งสองจึงติดตรึงยึดอยู่กับพื้นยืนนิ่งแข็งอย่างนั้น กระทั่ง ... ว่าที่คู่หมั้นของเธอ เดินมาจวนจะถึงตัวในไม่กี่ก้าว

"แล้ว ... สุภาพบุรุษคนนี้ ?"

"อย่าไปสนใจเลยลูก ... เดี๋ยวเขาก็จะไปจากที่นี่แล้ว ... ใช่ไหมยัยเภา"

มัตติก์เสมองเภตราอมยิ้มน้อยๆ อยู่ที่คนเห็นจะตีความกับรอยยิ้มและการสื่อสารระหว่างกันนั้นอย่างไร

เมฆพัดเสียดแปลบก่อนจะรู้สึกโหวงเหวงในอกไปหมด ไม่รู้ตัวเลยว่า วงสนทนาขยับขยายมาอยู่ใกล้ๆตอนไหน

"ไม่ได้สิครับคุณน้า ... คุณเภาเคยบอกผมว่า เราจะไม่มีความลับต่อกัน ... และ ผมก็คิดตรงกันฮะคุณน้า ... คนเราจะมีอนาคตร่วมกัน มันต้องตรงไปตรงมา ... แฟร์ๆดี"

นักวิจัยหนุ่มเริ่มดึงสติกลับมาได้เกือบสมบูรณ์ หลังจากยืนทื่อเป็นหุ่นปั้น ยิ่งได้ยินคำบางคำที่ว่าที่คู่หมั้นของเภตรา ตอบแม่ของเธอ ก็ยิ่งทำให้เขาต้องมองคนพูด พร้อมพิจารณารูปลักษณ์และนัยยะอย่างจริงจัง

"ทำไมเรียกน้องเสียห่างเหินอย่างนั้นล่ะลูก ... คุณ เคิณ อะไรกัน เรียกเภาเฉยๆก็ได้ น้องอายุน้อยกว่าดินอยู่นา"

"แม่คะ ..."

เภตราเรียกมารดาเสียงแผ่ว พร้อมกับชำเลืองไปทางเมฆพัดที่เอาแต่จ้องเธอกับมัตติก์ ... คงจะจ้องมาตั้งแต่ว่าที่คู่หมั้นกอดเธอกลางแจ้งคาตานั่นแล้ว

เมฆพัดพยายามสะกดกลั้นทุกอารมณ์ความรู้สึก เขาอยากรู้นักว่า ผู้ชายหุ่นสำอางสะอ้านตามีดีกว่าเขาที่ตรงไหน ...

และดีมากพอเสียจนทำให้คนที่เขาคิดว่า มีเขาเป็นรักแรก และรักเดียว ยอมเปลี่ยนใจ และทิ้งเขาไปง่ายๆ ... อย่างนั้นเลยหรือ

แต่อะไรบางอย่างในรูปลักษณ์ของคนที่ยืนเคียงข้างเภตรา กลับทำให้เมฆพัดรู้สึกคุ้นเคย ... คลับคล้ายคลับคลาได้อย่างไม่น่าเชื่อ

หนุ่มนักวิจัยไม้พะยูงเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า จะหาคำตอบในสิ่งที่สงสัย ... ตงิดในใจได้จากที่ไหน

ความฉงนสนเท่ห์ในตัวชายหนุ่มเจ้าสำอาง ที่เมฆพัดประเมินจากรูปกายภายนอกบอกเขาได้อีกว่า น่าจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับเภตรา อย่างมากก็ไม่เกิน ๓๐ ปี

และเพราะเจ้าตัวกำลังประมวลความคิดอยู่นี่เอง จึงทำให้ไม่ทันสังเกตว่า ขณะนี้เหลือเพียงชายหนุ่มสองสไตล์ แต่วัยไม่ห่างกันเท่าใดนัก ยืนจ้องมองกันไม่ลดละ

กระทั่ง ชายหนุ่มรูปร่างสะโอดสะองคนเดิม ซึ่งเมฆพัดได้ยินแว่วๆว่า แม่ยายของเขาออกปากรับรองยกขึ้นแท่นลูกเขย เอ่ยดังต้องการจะแสดงตัวและสถานะโดยไม่รอให้ใครถาม

"สวัสดีครับ ... คุณคงเป็น ... คนที่คุณเภาคบอยู่ ..."

คำทักทายราวหยั่งเชิงของอีกฝ่าย สร้างความกระอักกระอ่วนในความรู้สึกของหนุ่มนักวิจัย ชนิดที่ถ้าทำได้เขาอยากจะทำอะไรสักอย่าง แล้วค่อยพาตัวเภตราหายไปจากที่นี่ ... หลังจากนี้

"ใช่ ... แต่คุณเข้าใจผิดอยู่อย่างนะ เราไม่ใช่แค่คบกัน ... เรา ... เป็นมากกว่านั้น"

"อ้อ ... ผมทราบ แล้วก็เข้าใจความรู้สึก ... ของคุณเภาด้วย"

ยิ่งฟังเมฆพัดก็ยิ่งขัดเคือง แล้วก็ยิ่งเคร่งขรึมลง นึกย้อนถึงตนเองพลางเปรียบเทียบ 'ความเข้าใจ' ที่คนพูดมีต่อเภตรา หากเป็นเขา จะทำได้อย่างที่อีกฝ่ายกำลังบอกไหม

นาทีนี้จุดสนใจในสายตาของเขา จึงพุ่งมายังผู้มาใหม่แต่มีสถานะชัดเจน ทำให้ต้องพยายามเค้นหาว่า ความคิดและความรู้สึกของ 'ว่าที่คู่หมั้น' คนนี้ เป็นอย่างไรกันแน่

ชายหนุ่มผู้ใช้ชีวิตเป็นนักสำรวจและวิจัย ครุ่นคิดสลับกับทบทวนหลายสิ่งในเวลาเดียวกัน ความเงียบก็ค่อยคืบคลานเข้ามาโอบล้อมบรรยากาศตึงเครียดเอาไว้ เมื่อยังไม่มีคำใดเอ่ยออกมาหลังจากมัตติก์พูดจบประโยค

"ไหนๆเราก็ได้พบกันแล้ว ... ใครจะเก่า ใครจะใหม่ มาก่อนหรือมาทีหลัง ผมไม่เห็นว่ามันจะสำคัญ ... แต่ผมยินดีที่ได้พบคุณนะ อย่างน้อย ก็เป็นข้อยืนยันแล้วว่า ผู้หญิงที่แม่ผมเลือก เธอมีอะไรดีๆ ที่จะไม่ปิดบังหรือมีความลับกับผม ... ก็ถือว่า ผมโชคดีที่ได้พบเธอ"

ทุกคำในประโยคยืดยาว คล้ายจะตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างเมฆพัดกับเภตราที่ผ่านมา ... ว่าไม่มีความหมายเลยสักนิด ในสายตาของคนพูด

ถ้าใช้บรรทัดฐานตามที่คนอื่นมาพูดกรอกหูเป็นตัวชี้วัด ว่าใครโชคดี ใครโชคร้ายแล้วล่ะก็ ... ความผูกพันที่เกิดขึ้นและดำเนินมาจนครั้งล่าสุดนี้ มันจะหมายถึงอะไรได้

นอกจากจะบอกว่า ... เขาคงเป็นคนโชคร้ายสินะ

หัวคิ้วที่มุ่นเข้าหากันอย่างไม่พอใจ ทำให้มัตติก์รีบออกตัวอย่างอารมณ์ดี ... ดีจนเกินเหตุในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน สำหรับใครบางคน

"อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะครับ ... ผมแค่อยากจะบอกว่า ผมยินดีอย่างที่พูดจริงๆ ... ยินดีที่ได้พบคุณ ... คุณเมฆพัด"

เจ้าของชื่อขนลุกเกรียวอย่างประหลาด ตอนที่สบสายตาแล้วเห็นแววนัยน์ตาสื่อความหมาย แต่ที่แปลกใจไม่แพ้กันคือ อีกฝ่ายรู้จักเขาได้อย่างไร

เมฆพัดเหลียวหาเภตราที่คิดว่ายืนประกบแม่ของเธอทันที แต่แล้วพื้นที่ที่คิดว่ามีเธอกลับว่างเปล่า เนื่องจากสตรีผู้สูงวัยคงรอลุ้นให้ ‘ว่าที่ลูกเขยของเธอ’ จัดการไล่เขาให้พ้นทางเร็วๆไม่ไหว ทั้งลากทั้งจูงหญิงสาวไปจนเกือบถึงหน้าบันไดโน่น

แล้วปล่อยให้ลูกเขยตัวจริงกับว่าที่ ... เผชิญหน้ากันอยู่ตรงนี้

ไม่มีประโยชน์ที่ชายหนุ่มจะตะโกนหรือเรียกร้อง เขาจึงหันกลับมายังคนที่ทำให้เขารู้สึกกลัว ... กลัวว่า สิ่งที่เขาเริ่มปะติดปะต่อได้ลางๆ จะเป็นความจริง

"ไม่ต้องแปลกใจไปหรอกครับ ... จะว่าไป ผมกับคุณก็เหมือนจะเป็นคนกันเอง ... เพียงแต่ ไม่เคยได้พบปะกันจริงจัง ..."

รอยยิ้มผุดพรายบนดวงหน้าเรียบเนียนเกินบุรุษทั่วไป หากเมฆพัดกลับเห็นเค้าความคมคายของใครอีกคน ยาม'ว่าที่คู่หมั้น'ของเภตรายิ้มนัยน์ตาพราวเช่นนี้ ... ช่างคล้ายกับคนที่เขาเคารพนับถือไม่น้อย

"ถ้าคุณรู้จักอาจารย์ เหม กาญจนรักษ์ ผมว่า คุณก็น่าจะเคยได้ยินชื่อหรือรู้จัก ... นายมัตติก์ กาญจนรักษ์ ด้วยนะครับ"

"มัตติก์ ... กาญจนรักษ์ ..."

เมฆพัดทวนชื่อและนามสกุลที่เพิ่งหลุดจากปากของผู้ชายตรงหน้า แน่นอนว่า เขาต้องรู้จักชื่อนี้ ... ใครๆในทีมของเขาย่อมต้องรู้จักชื่อนี้

เพราะเป็นบุคคลสำคัญ ที่ช่วยต่อลมหายใจแก่ทีมวิจัยให้สามารถพัฒนางานค้นคว้า และอนุรักษ์พันธุ์ไม้พะยูง ที่กำลังลดจำนวนลงอย่างมาก ให้ยังคงอยู่ต่อไปจนชั่วลูกหลานก่อนจะหมดจากผืนป่าในประเทศไทย

"ผมถึงยินดีที่ได้พบ ... มือซ้ายของคุณพ่อ ยังไงก็ฝากดูแลท่านด้วยนะครับ ..."

คำแนะนำตัวของมัตติก์ รวมถึงคำฝากฝังจากบุตรชายไปยังบิดา ผู้เป็นอาจารย์ของเมฆพัดอย่างง่ายๆนั้น เหมือนกับการป่าวประกาศอย่างเป็นทางการ ... เป็นคำตอบที่คนฟังต้องจำนน

เพราะมันก็ทำเอาเมฆพัดถึงกับชะงัก ... นิ่งงันไป

ก่อนจะสำนึกตัวเองได้ว่า หนทางดิ้นรนเพื่อยื้อยุด แย่งชิงสิทธิ์ในตัวของเภตราคืนมานั้น ... กำลังตีบตันลงทุกที











*****************************************************







โปรดติดตามตอนต่อไป ...

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตาม .. และขอขอบคุณสำหรับไลค์กำลังใจฮะ



แรมรติ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 พ.ย. 2558, 13:01:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 พ.ย. 2558, 13:01:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1107





<< บทที่ ๓๐ .. หมดเวลา   บทที่ ๓๒ .. ต่างคน ต่างรู้ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account